ผู้เขียน หัวข้อ: มาดูนรกแต่ละขุมมีอายุเท่าไหร่ ตารางเปรียบเทียบ ประเภทนรกขุมใหญ่ เรียงลาดับจากเบา  (อ่าน 11860 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ★แดนพระนิพพาน★

  • ◕‿◕★พุทธะสถานบวรพระรัตนะตรัย ชัยยะสถาน ทิพย์พิมาน พระโพธิญาณ อวตารสถิตย์★◕‿◕
  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 26
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด


ขุมที่                ชื่อ                             อายุนรก                       เปรียบเทียบจานวนวัน                                                            หมายเหตุ


1                  สัญชีพนรก                    500 ปี                     1 วันนรก = 9 ล้านปีมนุษย์ 4,500 ล้านปีมนุษย์
2                  กาฬปุตตะนรก                1,000 ปี                  1 วันนรก = 36 ล้านปีมนุษย์  36,000 ล้านปีมนุษย์
3                  สังฆาฏตนรก                  2,000 ปี                  1 วันนรก = 145 ล้านปีมนุษย์ 290,000 ล้านปีมนุษย์
4                  โรรุวนรก                       4,000 ปี                  1 วันนรก = 234 ล้านปีมนุษย์  936,000 ล้านปีมนุษย์
5                  มหาโรรุวนรก                  8,000 ปี                  1 วันนรก = 9,216 ล้านปีมนุษย์ 73,728,000 ล้านปีมนุษย์
6                  ตาปะมหานรก                 16,000 ปี                1 วันนรก = 184,212 ล้านปีมนุษย์ 2,947,392,000 ล้านปีมนุษย์
7                  มหาตาปะนรก                 1/2 กัป                   ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่
8                  อเวจีมหานรก                  1 กัป                      ไม่มีการแจ้งไว้นับไม่ได้
พิเศษ             โลกันตนรก                    ไม่มีอายุ                   เป็นการทาบาปที่พิเศษที่สุด ไม่มีระบุในตารา เสร็จจากนี้ต้องไปต่อที่ขุมอเวจีมหานรกต่อไป

ความหมายของ 1 ปีนรก
1 ปีมี 12 เดือน เดือนละ 30 วัน ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับปีมนุษย์

ความหมายของ 1 กัป
สมมติให้มีกล่องที่ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็มเวลาผ่านไป 100 ปี หยิบออก 1 เมล็ด จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ นับเป็น 1 กัป
นรกขุมใหญ่ ต้องโทษเพราะไม่เคารพ และผิดในกรรมบถ 10
** โยชน์หนึ่ง 8000 วา หรือ 16000 เมตร คือ 16 กม.

เมื่อเราเสียชีวิต หากพลาดพลั้งต้องตกนรก กรรมของเราจะถูกพิจารณา คือ 1. 2. กรรมหนักที่สุดของเรามีอยู่เท่าไร เทียบได้กับขุมใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ 3. เมื่อเสร็จสิ้นจากขุมใหญ่แต่ละขุม ต้องไปลงนรกบริวารอีก 4 ขุมก่อน 4. แล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้งว่ามีกรรมเหลือเท่าไร จากนั้นจึงมาเปรียบเทียบใหม่ ว่ากรรมที่หนักที่สุดนั้นมีอยู่เท่าไรเทียบได้กับขุมใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ ต่อไป ....... วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดกรรม

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 สัญชีพนรก

- ลักษณะพื้นเป็นเหล็กหนา เผาไฟจนแดงโชน ขอบด้านข้าง 4 ขอบก็เช่นกัน มองออกไปไม่แลเห็นขอบบ่อ
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่ว่างเว้นจากไฟไม่ได้เลย
- ระหว่างไฟจะมีสรรพาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ฯลฯ สารพัดจะมี ถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด
- สัตว์นรกที่อยู่ในนั้นจะวิ่งพล่าน เพราะเท้าเหยียบไฟ ร่างกายก็จะถูกเผาไฟติดไฟตลอดเวลา เวลาวิ่งไปก็จะไปกระทบกับหอก ดาบ ฆ้อน หรืออาวุธต่างๆ มาฟัน แทง สับ ร้องครวญครางดิ้นเร่าๆ แต่พอร่างกายขาดแล้ว ก็จะมาต่อติดกันใหม่โดยทันที มาทรมานต่อไป ไม่มีวันตาย
- สรุปว่ามีไฟเผากายตลอดเวลา มีสรรพาวุธประหัตประหารตลอดเวลา

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 2 กาฬปุตตะนรก

- มีกาแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน
- นายนิริยบาลจะจับเอาสัตว์นรกนอนลงไป นาเส้นบรรทัดมาตีเป็นเส้นที่ตัว จากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง ไม้บรรทัดนั้นทาจากสายเหล็กที่เผาไฟจนแดงโชน
- เมื่อตีเส้นเป็นแนวแล้ว ก็จะนาเลื่อยบ้าง ขวานบ้าง มีดอีโต้บ้าง มาสับลงตามรอยที่ตีไว้แล้วนั้น

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 3 สังฆาฏนรก

- มีกาแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน
- มีภูเขาเหล็ก 2 ลูก กลิ้งไปกลิ้งมาคอยบดทับสัตว์เหล่านั้น ภูเขาเองก็เป็นเหล็กที่ถูกเผาจนแดงโชนเช่นกัน
- เมื่อถูกบดจนละเอียดแล้วก็จะฟื้นขึ้นมาใหม่ ไม่ตาย รับการทรมานต่อไป
- คนที่วิ่งหนีก็จะถูกนายนิริยบาลตีบ้าง แทงบ้าง ฟันบ้าง ตลอดเวลา

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 4 โรรุวนรก

- มีกาแพงเหล็ก 4 ด้าน ไฟลุกโชน จนหาเปลวไม่ได้ ยิ่งลึกมาก ก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
- ตรงกลางขุมจะมีดอกบัวเหล็ก กลีบเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน กระแสแห่งไฟพุ่งออกจากกลีบตลอดเวลา
- ไม่มีนายนิริยบาล
- สัตว์นรกจะถูกกรรมทาให้ต้องเอาหัวมุดลงไปในดอกบัว มือและขาก็จะจุ่มลงไปเช่นกัน
- กลีบบัวจะงับเข้ามาหนีบขาไว้ถึงข้อเท้า หนีบมือไว้ถึงข้อมือ ส่วนหัวจะหนีบไปถึงคาง เพื่อให้ไฟนั้นเผาอยู่ตลอดเวลา

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก

- มีดอกบัวขนาดใหญ่ ไฟร้อนจัด กลีบบัวมีความคมเป็นกรด วางตั้งอยู่ทั่วไป
- ระหว่างช่องที่ว่างอยู่จะมีแหลนหลาว ปักเอาไว้ โดยเอาปลายแหลมชี้ขึ้น เผาไฟจนแดงโชน
- แต่ดอกบัวนี้จะไม่งับแน่นนัก สัตว์นรกที่อยู่ในดอกบัวทั้งหลายจะร้อน และดิ้นไปโดนกลีบบัว เมื่อกระทบกลีบบัวก็จะขาดตกลงมา ถูกแหลนหลาวข้างล่างแทงรับไว้ แต่เนื่องจากแหลนหลาวนั้นเป็นไฟลุกแดง จึงทาให้เนื้อตัวของสัตว์นรกนั้นลุกร้อนเป็นไฟ ตกลงมาที่พื้น
- เมื่อตกถึงพื้น ก็จะมีหมาที่คอยกัดกินจนเหลือแต่กระดูก จนหมดเกลี้ยง แล้วก็จะก่อตัวขึ้นมาเป็นกายใหม่
- จากนั้นนายนิริยบาลก็จะบังคับไล่แทงให้ไปอยู่บนดอกบัวต่อไปอีก

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 6 ตาปะมหานรก

- แสงเพลิงสว่างไสวมาก เป็นแสงไฟละเอียด มีความร้อนจัด
- สัตว์ร้องระงมเซ็งแซ่ไปหมด มีกาแพงล้อมรอบ 4 ด้าน และพื้นเป็นเหล็กร้อน แดงฉาน
- มีแหลนหลาวไฟลุกแดงโชน พุ่งมาเสียบเอาสัตว์นรกแล้วเอาขึ้นตั้งไว้
- พอไฟไหม้เนื้อหนังหล่นลงมา สัตว์นรกก็จะหล่นลงมาด้วย ก็จะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้าง เที่ยวไล่กัดกิน แทะจนหมดเหลือแต่กระดูกแล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่
- สัตว์นรกตัวใดไม่ยอมไป ก็จะถูกนายนิริยบาลเอาแหลนไปเสียบแล้วมาขึ้นตั้งไว้อย่างเดิม

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 7 มหาตาปะนรก

- มีกาแพงทุกด้าน มีไฟที่ความร้อนสูง คล้ายแสงสว่าง พุ่งเข้ามาจากรอบทิศ มารวมกันตรงกลาง
- มีภูเขาที่ตั้งอยู่ตรงกลางขุมนรก ก็จะมีไฟพุ่งเข้าพุ่งออกเป็นเหล็กที่เผาแดง
- นายนิริยบาลจะบังคับให้สัตว์นรกป่ายปีนขึ้นไปบนยอดเขา วิ่งขึ้นไป พอไปใกล้ถึงยอดก็จะทนไม่ไหว ร่วงหล่นลงมา ก็จะถูกแหลนหลาวที่ปักเอาไว้โดยรอบแทงเข้า
- เมื่อหล่นจากแหลนหลาวนั้นร่างก็จะเต็ม แล้วถูกไฟเผาตามเดิม นายนิริยบาลก็จะมาไล่ให้ขึ้นไปยอดเขาต่อไป

นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก

- พิเศษกว่าทุกขุม คือ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
- กระดูกแดงฉาน เนื่องจากถูกไฟเผาจนสุก ถูกให้ยืนกางแขนกางขา
- มีกาแพงปิดเฉพาะตัว 6 ทิศ
- มีหอกแทงทะลุตรึงไว้ทั้งหมด จากบนลงล่าง ซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง หลายสิบเล่ม จนไม่สามารถจะขยับได้เลยแม้แต่น้อย
- จานวนสัตว์นรกที่อยู่ในขุมนี้ มีมากกว่าทั้ง 7 ขุม ที่กล่าวมาแล้วรวมกันทั้งหมดเสียอีก

นรกขุมใหญ่ พิเศษสุด "โลกันตนรก"
- ไม่มีอายุ
- หลังจากใช้กรรมจนหมดแล้ว จะต้องไปต่อที่อเวจีมหานรกต่อไปทันที่ ลักษณะเป็นภูเขาที่ใหญ่โตประมาณมิได้ ภายในภูเขานั้น เป็นถ้าขนาดใหญ่มาก มีความเย็นจัดจนบอกไม่ถูก เป็นการทรมานสัตว์นรกด้วยความเย็น
- ภายในถ้ามีน้าเป็นน้ากรด แรงจัด และเย็นเฉียบ มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแสงสว่าง
- สัตว์นรกทั้งหลายจะไต่ตามผนังข้างๆ ถ้า หินที่ผนังจะคมเป็นกรด สัตว์ทั้งหลายจะมองไม่เห็นกัน ต่างก็คิดว่าอยู่คนเดียว พอไต่มาพบกันก็จะนึกว่าเป็นอาหาร ก็กัดกินกันจนตกลงไปในน้ำ น้ำกรดก็จะกัดกร่อนทาลายเนื้อหนังจนหมดสิ้น เหลือแต่กระดูก ก็จะประกอบขึ้นมาเป็นร่าง ไต่ขึ้นมาตามผนังถ้าใหม่อีกครั้ง ต่อไปเรื่อยๆ จนหมดกรรม

ด้วยอานิสงส์การให้ธรรมทานในครั้งนี้ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด...

ขอขอบคุณ เคดริตจากเว็บ
พุทธะสถานบวรพระรัตนะตรัย ชัยยะสถาน ทิพย์พิมาน พระโพธิญาณ อวตารสถิตย์...สมบัติใดในโลกก็ไม่เท่าธรรมะ...ด้วยอานิสงส์ในการเผยแผ่ธรรมทานในครั้งนี้ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด