คำพังเพยโบราณที่กล่าวขานไว้ว่า อยุธยาไม่สิ้นคนดีย่อมมีความเป็นจริงโดยแน่แท้ เช่นเดียวกันกับที่ วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม
ในอดีตนั้นมีพระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่หลายรูป เป็นที่เคารพนับถือและกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจของผู้คนทั้งใกล้และไกล โดยเฉพาะ พระราชธรรมาภรณ์ หรือ หลวงพ่อเงิน ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ได้สร้างประโยชน์และคุณความดีไว้มากมาย จึงทำให้ชาวบ้านในตำบลดอนยายหอมพร้อมใจกันเรียกขานท่านว่า เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม
และหลังจากท่านละสังขารแล้วก็ยังมี พระครูเกษมธรรมานันท์ หรือ หลวงพ่อแช่ม เป็นผู้สืบสานคุณความดีต่อไปไม่สิ้นสุด ชาวบ้านตำบลดอนยายหอมและใกล้ไกลจึงยกย่องท่านเป็น เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม รูปที่ สอง จวบจนท่านละสังขารเมื่อปี พ.ศ.2536 วัดดอนยายหอมก็ยังมีพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสืบสานให้วัดดอนยายหอมแห่งนี้เป็นอมตะแห่ง พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สืบไปอย่างไม่สิ้นสุด
พระสงฆ์รูปนี้ก็คือ พระครูสมุห์อวยพร ฐิติญาโณ หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า พระครูอวยพร หรือ หลวงพ่ออวยพร ซึ่งปัจจุบันท่านได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูสังฆรักษ์อวยพร พร้อมทั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ที่ผู้คนทั้งในนครปฐมและต่างจังหวัดใกล้ไกลให้ความเคารพนับถือ วัตรปฏิบัติดี ที่แทบจะไม่แตกต่างจากหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่ม ผู้เป็น พระอาจารย์ ของท่านเลชื่อเสียงของหลวงพ่ออวยพรจึงขจรขจายแผ่ไปไกลมีลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศ และลูกศิษย์คนไทยในต่างประเทศที่ได้นิมนต์ท่านไปโปรดญาติโยมในต่างแดนหลายต่อหลายครั้ง และรวมทั้งชาวต่างชาติอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และบรูไน ที่แม้จะเป็นคนต่างชาติต่างภาษาแต่ก็เดินทางมาให้ท่านสงเคราะห์ช่วยเหลือปัดเป่าความทุกข์กายทุกข์ใจ รวมทั้งการอาบน้ำมนต์ พร้อมขอวัตถุมงคลไปคุ้มครองป้องกันตัว แม้กระทั่งการนำรถยนต์ไปให้ท่านเจิมเสริมความเป็นสิริมงคลถึงวัดก็มีแทบจะทุกวันเลยทีเดียว
หลวงพ่ออวยพร จึงเป็นศิษย์ผู้สืบสายพุทธาคมของหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่ม ที่เป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มากด้วยบารมีอีกรูปหนึ่งของเมืองนครปฐมในปัจจุบัน
พระครูสังฆรักษ์อวยพร ฐิติญาโณ หรือหลวงพ่ออวยพร เกิดเมื่อวันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ.2485 ซึ่งตรงกับช่วงสงครามอินโดจีน ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาวดอนยายหอม โยมบิดาชื่อ นายพวง โยมมารดาชื่อ นางอินทร์ อินทนชิดจุ้ย มีพี่น้อง 5 คน โดยท่านเป็นบุตรคนที่ 3 ซึ่งหากจะลำดับญาติความผูกพันทางสายเลือกแล้ว หลวงพ่ออวยพรมีศักดิ์เป็น หลานของหลวงพ่อเงิน และเป็นหลาน หลานของหลวงพ่อแช่ม ดังนี้
หลวงพ่อแช่ม เป็นหลานแท้ๆ ของ หลวงพ่อเงิน เนื่องจากคุณปู่ของหลวงพ่อแช่มที่ชื่อ ปู่จุ้ย เป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตของปู่พรหม ผู้เป็นบิดาของหลวงพ่อเงิน ส่วนบิดาของหลวงพ่อแช่ม ที่ชื่อ คุณพ่อเนียม อินทนชิดจุ้ย เป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตของ คุณพ่อพวง อินทนชิดจุ้ย ซึ่งเป็นบิดาของ หลวงพ่ออวยพร นั่นเองจากการที่หลวงพ่ออวยพรมีหลวงลุง (หลวงพ่อเงิน) และหลวงอา (หลวงพ่อแช่ม) เป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องนับถือจากผู้คนทั่วไป อีกทั้งยังมีคุณพ่อพวงเป็นที่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม บ่อยครั้งที่ท่านให้บุตรชาย ด.ช.อวยพร อ่านหนังสือชัยมงคลให้ท่านฟัง จึงทำให้ ด.ช.อวยพรซึมซับสิ่งที่บิดาปฏิบัติไปด้วย เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วก็ช่วยทางบ้านทำไร่ทำนาตามอาชีพของพ่อและแม่
ต่อมาเมื่ออายุได้ 14 ปี จึงมาเป็นศิษย์วัดรับใช้ใกล้ชิด หลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่ม เทพเจ้าแห่งวัดดอนยายหอม หลวงพ่อแช่มจึงสอนให้อ่านและเขียนอักขระขอม ท่องบทสวดมนต์เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน ตลอดทั้งคาถาอาคม ทำให้หลวงพ่ออวยพรมีพื้นฐานเรื่องไสยเวทวิทยาควบคู่ไปกับความสนใจในพระธรรมคำสอน ในขณะที่อายุ 15 ปี ก็มักจะเอาผ้านุ่งของมารดาที่มีสีเหลืองมานุ่งห่มเป็นพระ พร้อมกับทุกคนว่า หากอายุครบบวชแล้วก็จะออกบวชโดยจะไม่สึกเหมือนกับหลวงลุง (หลวงพ่อเงิน) และหลวงอา (หลวงพ่อแช่ม) จริงๆ
นับว่าหลวงพ่ออวยพรเป็นผู้ที่พูดจริงทำจริงโดยแท้ เพราะว่าต่อมาเมื่ออายุได้ 21 ปี ในปี พ.ศ.2506 นายอวยพร อินทนชิดจุ้ย ก็ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดดอนยายหอม โดยมี พระราชธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อเงิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูปลัดแช่ม (สมณศักดิ์ในตอนนั้น) หรือหลวงพ่อแช่ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสังฆรักษ์แก้ว วัดดอนยายหอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฐิติญาโณ
สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้รับการนิมนต์ให้ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ อยู่เสมอ บางครั้งท่านอาพาธ หรือติดกิจนิมนต์ก็จะให้หลวงพ่อแช่มไปแทน หรือบางครั้งก็มอบหมายให้หลวงพ่ออวยพรไปแทนตามโอกาสอันควรครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2512 หลวงพ่อเงินได้รับนิมนต์ให้ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดยางสุทธาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ครั้นถึงกำหนดเวลา หลวงพ่อเงินท่านไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานพุทธาภิเษกได้ ท่านจึงมอบหมายให้พระครูสมุห์อวยพรไปนั่งปรกแทน เมื่อหลวงพ่ออวยพรมาพบหลวงพ่อเงินที่กุฏิ หลวงพ่อเงินจึงพูดขึ้นว่า
คุณพรไปนั่งปรกแทนฉันที ฉันไปไม่ไหว ไม่ค่อยสบาย ไปแทนฉันที่วัดยางสุทธาราม อยู่ในกรุงเทพฯ
หลวงพ่อยังได้สอนอีกว่า เวลานั่งปรกปลุกเสก ต้องทำใจให้เป็นสมาธิ อย่าทำใจเลื่อนลอย ต้องเอาใจอยู่ในวัตถุมงคลนั้น ต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ เอาคาถาที่ฉันให้คุณไว้นั่นแหละ ก่อนปลุกเสกต้องดูก่อนว่าวัตถุมงคลนั้นเป็นอะไร ถ้าเป็นพระพุทธรูปต้องปลุกเสกอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นกุมารทอง นางกวัก หรือของต่างๆ ที่ไม่ใช่พระ ต้องปลุกเสกตามชื่อของวัตถุมงคลประเภทนั้นๆ หลวงพ่ออวยพรได้จดจำคำสอนของหลวงพ่อเงินไว้อย่างแม่นยำ และได้ประพฤติปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอนของหลวงพ่อเงินอย่างเคร่งครัดนับเป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลครั้งแรก (พ.ศ.2512) ของหลวงพ่ออวยพร ซึ่งก็ได้รับคำชมเชยจากเจ้าอาวาสวัดยางสุทธารามเป็นอย่างมาก
พิธีกรประจำพิธีพุทธาภิเษกได้ประกาศว่า ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์หนุ่มที่มีอนาคตไกล (ขณะนั้นหลวงพ่ออวยพร อายุ 27 ปี) ถ้าไม่แน่จริงหลวงพ่อเงินคงจะไม่ให้มานั่งปรกปลุกเสกแทนท่าน เพราะในงานพิธีพุทธาภิเษกครั้งนั้นมีพระเกจิอาจารย์อาวุโสมานั่งปรกแผ่เมตตาจิตเจริญสมาธิภาวนาหลายรูปด้วยกัน ซึ่งล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสร่วมสมัยรุ่นเดียวกันกับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม แทบทั้งนั้น
เมื่อ หลวงพ่อเงินละสังขาร เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2520 รวมสิริอายุ 86 ปี พระครูเกษมธรรมานันท์ (หลวงพ่อแช่ม ฐานนุสโก) ได้เป็นเจ้าอาวาสลำดับต่อมาด้วยวัยกว่า 70 ปี ซึ่งก็ชราภาพมากแล้ว หลวงพ่อแช่มได้รับนิมนต์นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกมากขึ้น จนบางครั้งไม่สามารถไปนั่งปลุกเสกได้ เนื่องจากวัดบางแห่งอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ ประกอบกับท่านก็ชราภาพมากแล้ว ท่านจึงมอบหมายให้หลวงพ่ออวยพรไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลแทนท่าน ในฐานะทายาทพุทธาคมของสำนักวัดดอนยายหอม
ความเป็นศิษย์รู้คุณครูบาอาจารย์ หลวงพ่ออวยพรจึงคอยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อเงิน สนองงานที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เช่นปฏิบัติหน้าที่เป็นครูสอนปริยัติธรรม อบรมสั่งสอนดูแลพระสงฆ์-สามเณร งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา และงานก่อสร้าง หลวงพ่ออวยพรได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาวัดดอนยายหอม จนกระทั่งมีความเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหลวงพ่อเงินละสังขารไป หลวงพ่อแช่มรับตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปต่อมา
หลวงพ่อแช่มได้สืบทอดเจตนารมณ์ของหลวงพ่อเงินไว้ทุกประการ โดยมีหลวงพ่ออวยพรปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้ช่วยเหลือหลวงพ่อแช่มบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาเสนาสนะสงฆ์ภายในวัดดอนยายหอมอยู่ตลอดเวลา เช่น กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ โรงครัว กำแพงวัด ศาลาอเนกประสงค์ ห้องน้ำ ถนน ศาลาเมรุ และซุ้มประตู ฯลฯ
ต่อมาหลวงพ่อแช่มได้รับอุปถัมภ์สร้างตึกคนไข้พิเศษของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม (พ.ศ.2535) เป็นตึก 4 ชั้น ขณะนั้นหลวงพ่อแช่มอายุ 85 ปี การสร้างตึกคนไข้พิเศษต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างจำนวน 25 ล้านบาท จึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มขึ้นมา เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม สร้างเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อแช่มครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดสังฆาฏิ ด้านหลังเป็นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ ตามแบบฉบับของหลวงพ่อแช่ม สร้างเป็นเนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง จำนวน 5,000 เหรียญ
ในครั้งแรกคณะกรรมการสร้างวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่นดังกล่าว จะจัดพิธีพุทธาภิเษกนิมนต์พระเกจิอาจารย์ในจังหวัดนครปฐมมาร่วมนั่งปรกปลุกเสก จึงได้เข้าไปปรึกษาหลวงพ่อแช่ม เมื่อหลวงพ่อแช่มได้ฟังท่านก็นั่งนิ่ง แล้วต่อมาก็ยิ้มๆ ด้วยความเมตตาแล้วก็ปรารภว่า
ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าฉันทำได้ วัดเราสร้างเองเราก็ต้องปลุกเสกเอง
ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแช่มและพระครูหลวงพ่ออวยพรจึงได้ร่วมกันปลุกเสกเหรียญรุ่นพิเศษสร้างตึกคนไข้โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม พิธีปลุกเสกจัดขึ้นเวลากลางคืน ที่ตึกกรรมฐานบูรพาจารย์ของวัดดอนยายหอม โดยหลวงพ่อแช่มเป็นผู้จุดเทียนชัย หลังจากนั้นท่านก็นั่งบริกรรมภาวนา โดยมีหลวงพ่ออวยพรร่วมนั่งปรกปลุกเสกด้วย
เมื่อนั่งปรกไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่ามีเสียงระเบิดขึ้นที่หลังคาหอกรรมฐาน คณะกรรมการวัดจึงปีนหลังคาขึ้นไปดู พบว่ากระเบื้องหลังคาแตกเป็นรูใหญ่ ทุกคนเชื่อว่าเกิดจากพลังจิตตานุภาพของหลวงพ่อแช่มและหลวงพ่ออวยพรที่นั่งปรกแผ่กระแสจิตออกมาอย่างเต็มที่จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้พากันเรียกเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่นนี้ว่า
รุ่นหลังคาระเบิดประชาชนที่ทราบข่าวพากันมาเช่าบูชาเหรียญรุ่นหลังคาระเบิดอย่างเนืองแน่น ทั้งนี้เพราะเชื่อมั่นว่าเหรียญรุ่นนี้มีพลังพุทธคุณสูงเป็นพิเศษ ทำให้ได้เงินสมทบทุนสร้างตึกคนไข้พิเศษสำเร็จสิ้นภายในปีเดียว รวมเงินประมาณ 25 ล้านบาทเศษ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมได้ตั้งชื่อตึกดังกล่าวนี้ว่า อาคารพระครูเกษมธรรมานันท์ (หลวงพ่อแช่ม) และได้หล่อรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ไว้ที่หน้าตึกหลังนี้ เพื่อให้คนได้สักการบูชา และรำลึกถึงคุณความดีที่ท่านได้อุปถัมภ์จนสามารถสร้างอาคารหลังนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
หลวงพ่ออวยพรเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เคารพครูบาอาจารย์อย่างสูงสุด ทุกครั้งที่จะอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล หรือประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เจิมป้ายร้านอาคาร เจิมรถ ท่านจะต้องระลึกถึงหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่ม และอาราธนาขอบารมีของท่านมาช่วยเพิ่มความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ความเคารพนับถือและความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ของหลวงพ่ออวยพรปรากฏชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อแช่มมรณภาพละสังขารไป เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2536 รวมสิริอายุได้ 88 ปี
ซึ่งก่อนหน้าที่หลวงพ่อแช่มจะละสังขาร ท่านได้รับอุปถัมภ์สร้างหอประชุมอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งใช้งบการก่อสร้างประมาณ 30 ล้านบาทเศษ เมื่อวางศิลาฤกษ์ไปแล้ว หลวงพ่อแช่มได้ละสังขารไป จึงทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก หลวงพ่ออวยพรซึ่งเป็นทายาทธรรมและเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงพ่อแช่ม จึงได้รับเป็นผู้อุปถัมภ์และดำเนินการหาทุนทรัพย์มาก่อสร้างหอประชุมต่อ
กล่าวถึงวันที่หลวงพ่อแช่มละสังขารไป เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2536 ซึ่งในวันที่หลวงพ่อแช่มมรณภาพนั้น หลวงพ่ออวยพรได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่จังหวัดเชียงราย เมื่อทราบข่าวท่านจึงรีบเดินทางกลับมาวัดดอนยายหอม เพื่อมาเคารพศพหลวงพ่อแช่มผู้เป็นครูบาอาจารย์และเป็นหลวงอาของท่านด้วย
หลวงพ่ออวยพร ยึดถือหลัก 3 ประการ กับพระภิกษุสงฆ์ตามที่หลวงพ่อเงินท่านได้สั่งสอนลูกศิษย์ไว้ให้ปฏิบัติตาม ได้แก่
1. ภิกษุต้องสำรวมอินทรีย์ มิให้ความยินดีครอบงำจิตใจจนเกินไป เช่น เมื่อมองเห็นรูป สมมุติว่าเหลือบไปเห็นสีกาสาวสวยเข้าคนหนึ่ง หรือไปได้ยินเสียงอันไพเราะจากการขับร้อง หรือเมื่อได้สูดกลิ่นอันเป็นที่สัพโผฏฐัพพะแห่งความปรารถนา
2. ภิกษุต้องนมัสการกรรมฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ คือ อสุภะ และกายคตาสิ หรือสิ่งอันยังจิตให้สลด คือมรณสติ
3. ภิกษุต้องเจริญวิปัสสนา คือพิจารณาสังขาร แยกออกเป็นขันธ์ สันนิษฐานเห็นว่าเป็นสภาพไม่แน่นอน ไม่เที่ยงแท้ เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา กิเลสกามคือเจตสิกที่ทำให้เศร้าหมอง ชักไม่เกิดความรัก ความใคร่ และความอยากคือตัณหา ความทะยานออก ราคะความกำหนัด และอคติความขึ้งเคียด เป็นต้น จัดว่าเป็นมาร ทั้งนี้เพราะเป็นโทษล้างผลาญทำลายคุณงามความดีของมนุษย์เรา ทำให้มนุษย์เสียคน เรียกว่าชั่ว สิ่งที่เป็นปัจจัยคือวัตถุแห่งกาม มีรูป รส กลิ่น เสียง เป็นสื่อให้น่าชอบ เช่น รูปสวย รสอร่อย กลิ่นหอม และเสียงไพเราะ
เหรียญรุ่นแรก
ตะกรุด
วัวธนู
ล็อคเก็ตหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม (ด้านหลังมีเกศา)
ขอขอบคุณที่มาจากเวป ลานโพธิ์ไทย และ google สำหรับรูปภาพด้วยด้วยนะครับ หากลงซ้ำ ก็ขออภัยด้วย ( ส่วนตัวผมเองก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับท่านหลายครั้งครับ ซึ่งไม่ขอเล่าเดี๋ยวจะหาว่าเชียร์ )