ผู้เขียน หัวข้อ: ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน....  (อ่าน 1474 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ NONGEAR44

  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 669
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - en2005f@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน....
« เมื่อ: 05 ต.ค. 2553, 08:14:03 »
                                                          ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน....

เจาะใจดีลเลอร์ขายรถขั้นเทพ จบ ป.๕ ดัน "โตโยต้าดีเยี่ยม" ใหญ่สุดในเอเชีย!

ท่ามกลางวิกฤตของแบรนด์โตโยต้าทั่วโลกที่ต้องเรียกคืนรถยนต์หลายรุ่นนับล้านคันมาแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ที่ประเทศไทย โตโยต้า ยังครองยอดขายอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะ โตโยต้าดีเยี่ยม อุบลราชธานี ของเสี่ย สมชาย เหล่าสายเชื้อ เจ้าของโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชีย เบื้องหลังความสำเร็จ หนุ่มเมืองจันท์ แห่ง ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ (คอลัมภ์นิสต์) จะเล่าให้ฟัง

"หนุ่มเมืองจันท์" เล่าว่า ผมเพิ่งกลับจากงาน "MICT สร้างคน สร้างชาติ" ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผมคุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" เจ้าของ "โตโยต้าดีเยี่ยม" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้ารายใหญ่ของอุบลราชธานี

บอกตรงๆ ว่าไม่รู้จัก ตอนอ่านข้อมูลของ "สมชาย" ที่ทีมงานส่งมาให้ก็เริ่มสนใจมากขึ้น แต่พอได้เจอตัวจริง ยิ่งคุยยิ่งตะลึง...ไปอยู่ที่ไหนมา เป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมคุยกับ "หมวย" ศิริญา เทพเจริญ ของ "ณุศาศิริ"

"โตโยต้าดีเยี่ยม" เป็นโชว์รูมของโตโยต้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ ๒๒ไร่เศษ ใช้เงินลงทุนกว่า ๘๐๐ล้านบาท และกำลังขยายไปอีก ๖๐ ไร่

แต่ความยิ่งใหญ่ของ "โชว์รูม" นั้นไม่เท่ากับชีวิตของ "สมชาย" ผมชอบประโยคหนึ่งที่เขาบอกกับคณะกรรมการของ "โตโยต้า" ในช่วงการสัมภาษณ์ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินว่าจะอนุมัติให้ "สมชาย" เป็น "ดีลเลอร์" ขายรถโตโยต้าหรือไม่

"ผมไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น ผมมีเพียงแค่ใจที่เหนือคน"

"ขนาดหัวใจ" ของ "สมชาย" คนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ

"สมชาย" จบแค่ ป.๕

ตอนเรียนนั้น เขามีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าเด็กนักเรียนคนอื่นตรงที่เรียนชั้นละ ๒ ปี จนถึง ป.๕ ครูประจำชั้นทนไม่ได้ ต้องแอบเอาข้อสอบมาให้ที่บ้านกลัวว่าเขาจะสอบตก "สมชาย" ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ไปทำงานตามร้านขายของชำ ขายหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน เขาเป็นคนสู้งาน ทำงานที่ไหนเถ้าแก่ก็รัก

วันหนึ่ง เขาไปทำงานที่บริษัทเสริมสุข ส่ง "เป๊ปซี่" ตามร้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลฯ ทำงานไม่กี่เดือน เขาก็ได้เป็น "พนักงานขายดีเด่น" ที่ทำยอดขายสูงสุดในประเทศไทย ๑,๒๐๐ กว่าลังต่อวัน จำนวนลังที่ขายได้ต่อวันมากกว่าปริมาณที่รถจะบรรทุกได้ครับ เขาขาย ๒ รอบ เคล็ดลับการขายของ "สมชาย" ก็คือ ออกรถเช้ากว่าคนอื่น เขาออกรถตั้งแต่ตีห้า ๑๑ โมงเขาก็ขายหมด

กลับมาบรรทุก "เป๊ปซี่" ใหม่อีกเที่ยวหนึ่ง แล้วตระเวนไปตามร้านอื่นๆ ต่อ "ผมไม่ได้ขายแค่ร้านริมถนน แต่ในซอย หรือตามบ้าน ผมก็ส่ง"

๓ ปีผ่านไป เขาก็ยังรักษาสถิตินักขายดีเด่นเอาไว้ได้ ซึ่งตามหลักเขาควรจะได้รับการโปรโมตในตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ "สมชาย" ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าตำแหน่งผู้จัดการนั้นต้องมีอายุ ๓๖ ปีขึ้นไป "สมชาย" ตัดสินใจลาออก และเดินตามความฝันในวัยเด็กของเขา เขาชอบ "รถยนต์" "สมชาย" เดินไปสมัครงานที่ "โตโยต้าอุบลราชธานี" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้าเก่าแก่ในเมืองอุบลฯ คำถามแรกที่เจอก็คือ "จบอะไรมา" พอบอกว่า ป.๕ เถ้าแก่ก็ปฏิเสธ "ตอนนี้เขารับแต่ ปริญญาตรี หรือ ปวส." "สมชาย" รู้ว่าคุณสมบัติสู้ไม่ได้ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่ เป็นข้อเสนอแบบ "ก๊อดฟาเธอร์" " นี่คือ ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้" "ก๊อดฟาเธอร์" นั้นใช้บารมีหรือความเหี้ยมโหดทำให้คนฟังต้องสยบยอม แต่ข้อเสนอของ "สมชาย" เป็นข้อเสนอที่คนฟังไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร

ข้อเสนอของเขามี ๓ข้อครับ
๑.ทำงานอะไรก็ได้
๒.เงินเดือนเท่าไรก็ได้
และ ๓.ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด


"คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนเสนอเงื่อนไขแบบนี้" คุณสมชายถามผมบนเวที ...ทำงานอะไรก็ได้ เงินเดือนเท่าไรก็ได้ และทำงานไม่มีวันหยุด "แบบนี้ต้องมาปล้นแน่ๆ เลย" ผมตอบ ...มุข ครับ มุข

"เถ้าแก่" คนไหนเจอคนมาสมัครงานแล้วเสนอเงื่อนไขแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันต้องขยัน และตั้งใจจริงอย่างแน่นอน นั่นคือ เหตุผลที่ "เถ้าแก่" ตัดสินใจรับ "สมชาย" เข้าทำงาน

เริ่มต้นงานแรกด้วยการปัดกวาดรถและทำทุกอย่างที่ "เถ้าแก่" ใช้ จนวันหนึ่ง "เถ้าแก่" สั่งให้เขาไปส่งรถให้ลูกค้าที่ยโสธร ให้เงินไป ๓๐บาท ๒ ชั่วโมงหลังจากนั้นเขากลับมาพร้อมกับตังค์ทอน ๑๓ บาท ขับรถไปส่ง และนั่งรถโดยสารกลับมา ไม่อู้ และซื่อสัตย์ เมื่อโชว์รูมที่ยโสธรมีปัญหา "เถ้าแก่" จึงส่ง "สมชาย" ไปดูแล ๓ เดือนแรกเขาขายไม่ได้เลยสักคันเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ "สมชาย" ค้นพบก็คือ คนที่มีรถเก่า ส่วนใหญ่อยากซื้อรถคันใหม่ แต่จะซื้อได้ก็ต้องขายรถเก่าให้ได้ก่อน "สมชาย" จึงใช้กลยุทธ์หาพ่อค้ารถมือสองมารับซื้อรถพอขายรถเก่าได้ เขาก็จะมาซื้อรถใหม่กับ "สมชาย" ยอดขายรถโตโยต้าที่ยโสธรพุ่งขึ้นเรื่อยๆ สิ้นปี "เถ้าแก่" จัดงานปีใหม่ และบอกกับพนักงานทุกคนว่าสาขาอุบลฯ นั้นอยู่รอดได้เพราะสาขายโสธร "หนู" ช่วย "ราชสีห์" "สมชาย" ทำงานที่ "โตโยต้าอุบลฯ" ๑๕ ปี

เมื่อ "เถ้าแก่" เสียชีวิต เขาก็ตัดสินใจลาออก เลิกเป็น "ลูกจ้าง" และเริ่มต้นชีวิต "เถ้าแก่" ตั้งแต่วันนั้น เชื่อไหมครับว่าวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม" เขาส่งจดหมายไปถึงผู้มีพระคุณ ๕คน

ขอเชิญมาร่วมงาน พร้อมกับ "ของขวัญ" ที่แทน "คำขอบคุณ"
เชิญเลือกรถโตโยต้า ๑ คัน รุ่นไหนก็ได้ เลือกได้เลย

"น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่ของ "สมชาย" กลับได้รับ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่งกว่า งดงามอย่างไร ฉบับหน้าจะเล่าให้ฟังครับ

สัมภาษณ์พิเศษ
กอง บ.ก.เส้นทางเศรษฐี

สมชาย เหล่าสายเชื้อ จบแค่ ป.๕ กุมอาณาจักรพันล้าน ดีลเลอร์ "โตโยต้า" ใหญ่สุดในเอเชีย

"ผมไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ"

สมชาย เหล่าสายเชื้อ เป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้าดีเยี่ยม จังหวัดอุบลราชธานี นักธุรกิจภูธร ที่มีความรู้แค่ชั้น ป.๕ รับงานทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่เด็กล้างรถ คนขับรถน้ำอัดลม จนขยับขึ้นมาเป็นเซลส์แมน และมีความฉลาดเฉลียวชนิดหาตัวจับยากมาตั้งแต่เด็ก แม้ฐานะยากจนแต่ดิ้นรนสู้ชีวิตจนกลายเป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้าใหญ่ที่สุดในเอเชีย คือตัวอย่างของความน่าสนใจ ที่อยากเชิญชวนห้ติดตาม...นับจากนี้

เซลส์ดีเด่น
เดินหน้าล่าฝัน

"ผมเป็นคนเรียนเก่งมาก คือเรียนชั้นละ ๒ ปี" คุณสมชาย เปิดประเด็นด้วยการยิงมุขเรียกเสียงหัวเราะ ก่อนเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาแบบเปิดเผยว่า ตัวเขาความจำไม่ค่อยดี ลักษณะเหมือนคนความจำสั้น เรียนได้ไม่เกิน ๑๐นาที เริ่มรู้สึกเบลอคล้ายมีอาการผิดปกติทางสมอง เวลาสอบไล่ทีไร มักได้ลำดับบ๊วยอยู่เสมอ หรืออาจได้รองบ๊วยบ้าง ถ้าเทอมนั้นมีคนขาดสอบ แต่ด้วยความที่ไม่เป็นเด็กเกเร คุณครูจึงเมตตานำข้อสอบมาให้ทำถึงที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่จบ ป.๕
เมื่อค้นพบว่าการเอาดีทางเรียนหนังสือคงลำบาก จึงตัดสินใจยุติการเรียนในระบบแล้วออกมาหางานทำ...ทำงานสุจริตทุกอย่างที่ได้เงิน

"ขาย มาแล้วแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ หัวอาหารสัตว์ ยาปราบศัตรูพืช ปุ๋ย ปลาร้า ยาเส้น หนังสือพิมพ์ กระทั่งน้ำอัดลม" คุณสมชาย เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนให้ข้อมูลน่าสนใจว่า ช่วงที่เขาทำงานอยู่กับ "เป๊ปซี่" ส่งสินค้าให้ตามร้านค้าในตัวจังหวัดอุบลราชธานีนั้น เคยได้รับรางวัลเป็นพนักงานขายดีเด่น ทำยอดขายได้มากที่สุดถึง ๑,๒๒๒ ลัง ต่อวัน

คู่สนทนาแทบตกเก้าอี้ เมื่อได้ยินสถิติของยอดขายดังกล่าว จึงถามไถ่ถึงเทคนิคส่วนตัว คุณสมชาย จึงบรรยายให้เห็นภาพที่ดูเหมือนง่ายว่า "อาศัย ตื่นเช้าและกลับดึก การออกจากบ้านแต่เช้าทำให้มีโอกาสไปไกลกว่า และสามารถเพิ่มรอบการทำงานได้มากกว่าคนอื่น และต้องไม่มองว่าร้านนี้ซื้อเท่าไหร่ ผมขายให้หมด ๑๐ ลังก็ขาย ครึ่งลังก็ขาย เวลาผ่านไปร้านไหน ต้องเข้าไปสวัสดีครับ เป๊ปซี่มาเยี่ยมครับ ทำอย่างนี้ทุกร้านต้องขายได้ทุกร้าน คนอื่นเขาอาจไปเยี่ยม ๕๐-๖๐ ราย ต่อวัน แต่ผมต้องเยี่ยมให้ได้ ๓๐๐-๔๐๐ ราย ต่อวัน"

คุณสมชายเป็นพนักงานขายดีเด่น ติดต่อกันนาน ๓ ปี จึงตัดสินใจลาออก เพื่อ "ล่าฝัน" ครั้งยังเยาว์

"เป็นความฝันตั้งแต่เป็นเด็กว่าอยากเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ เคยไปเกาะกระจกโชว์รูม แล้วคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะได้เป็น จนเข้ากรุงเทพฯ เห็นแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าเต็มไปหมด เลยวิเคราะห์เองว่ารถแท็กซี่ต้องวิ่งวันละ ๒๔ ชั่วโมง รถจึงต้องทนทาน ถ้าได้เป็นตัวแทนของโตโยต้า คงทำงานไม่ยาก เพราะผลิตภัณฑ์เขาดี" เจ้าของเรื่องราว เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มธุรกิจในฝัน และก่อนก้าวขึ้นเป็นตัวแทนจำหน่าย คุณสมชายเคยทำงานเป็นเซลส์ขายรถยนต์โตโยต้าประจำดีลเลอร์แห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีมาก่อน แต่กว่าจะได้เข้ามาจับงานขาย ด้วยความที่จบเพียงชั้น ป.๕เขาจึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำหน้าที่ปัดกวาดและทำงานทุกอย่างตามแต่เถ้าแก่บัญชาเสียก่อน ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ราว ๑๕ ปี เขาจึงมีโอกาสผงาดขึ้นเป็น "เถ้าแก่" เองบ้าง

"พอ ถึงวันที่ทำได้อย่างฝัน เลยใส่ทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ โชว์รูมของผม มีร้านอาหาร ห้องรับรอง ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ คาราโอเกะ เรียกว่าครบวงจร แต่เดิมมีพื้นที่ ๒๒ไร่เศษ ลงทุนไป ๘๐๐ล้านบาท และตอนนี้กำลังขยายไปอีก ๖๐ ไร่" คุณสมชาย เล่าน้ำเสียงไม่โอ้อวด แต่ท้าทายต่อว่า

"ถ้าใครเจอโชว์รูมหรือศูนย์บริการที่ไหนดีกว่าของผม ผมให้แสนนึงเลย"

ดีเยี่ยม ไม่เป็นรอง
ที่หนึ่ง...เท่านั้น

ความมั่นใจว่าอาณาจักรของเขา "ดีเยี่ยม" ไม่เป็นรองใครนั้น คุณสมชายมีข้อมูลมายืนยัน โดยแจงให้ฟังดังตัวอย่าง "ลูกค้า ที่มาซื้อรถที่ดีเยี่ยม จะรู้สึกเหมือนไปซื้อรถที่ห้างสยาม พารากอน เพราะผมสร้างโชว์รูม ที่หรูหรา สง่างาม แค่เดินผ่านห้องน้ำ ฝาชักโครกยกขึ้นอัตโนมัติ น้ำไหลใส่มือไม่ต้องบิด ทุกอย่างอัตโนมัติหมด"

"โตโยต้าดีเยี่ยมไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ"

คุณสมชาย เล่าจบประโยคนี้ มีปฏิกิริยาตื่นเต้นจากคนฟังในวันนั้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนสำทับถึงความดีเยี่ยมในแบบของเขาต่อว่า

"ลูกค้าที่มาซื้อรถ ต้องรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของโชว์รูมมูลค่านับพันล้านบาทที่เปิด ๓๖๕วัน จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ มีคาราโอเกะ ร้านเสริมสวย ไว้คอยให้บริการฟรีหมด เขาต้องรู้สึกว่าเสียเงินซื้อรถแล้วคุ้มค่า แล้วเวลาลูกค้าเข้ามาหาโชว์รูม ไม่ต้องเดินนะครับ มีรถกอล์ฟพาเที่ยวชมแต่ละจุด เรียกว่าลูกค้าทุกคนเป็นวีไอพีเหมือนกันหมด"

สนทนามาถึงตรงนี้มีคำถามทำไมต้องใช้คำว่า "ดีเยี่ยม" เจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านบาท จึงอธิบายด้วยเสียงดังฟังชัดว่า เป็นความตั้งใจจริงของเขาที่ต้องการอยู่ใน "อันดับหนึ่ง" เท่านั้น ทั้งๆ ที่สมัยเรียนหนังสือเขาครองอันดับบ๊วยมาตลอด

"ตอนเปิดบริษัท มีการมอบนโยบาย ผมบอกกับลูกน้องว่า ต้องการที่หนึ่งอย่างเดียว ที่สองก็ไม่เอา ปรากฏว่าทุกคนในบริษัทออกอาการมึนงง และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะในประเทศไทยมีตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าถึง ๒๐๐กว่าแห่ง"

"แต่ผมก็ฝ่าฟันจากอันดับ ๘๐กว่ามาเป็น ๕๐กว่า เดี๋ยวนี้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งแล้ว หมายความว่าความพึงพอใจจากลูกค้าของผมมาเป็นอันดับหนึ่งครับ" คุณสมชาย เล่าก่อนยิ้มปลื้ม ถามไถ่ถึงหลักในการบริหารคน คุณสมชายบอกเขามักพูดคุยให้คนที่เข้ามาสมัครเข้าทำงานเข้าใจว่า ชีวิตของทุกคนมีคุณค่าเหมือนกัน เมื่อเข้ามาแล้วทุกคนจะเป็นทั้งลูก ทั้งน้อง ซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี แต่ทุกคนต้องตั้งใจทำงานด้วย

"ผมบอกลูกน้องเสมอว่าคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น อะไรที่คุณกลัวอย่าไปกลัว ให้เดินเข้าหามันเลย"

"มีช่างคนหนึ่งมาปรึกษาผม บอกทำงานอยู่ ๓ปี อยากเป็นเซลส์แต่ทำไม่ได้ ผมบอกยังไม่ลอง แล้วรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้ ปรากฏเดือนแรกเขาขายได้ ๒๒ คัน เดือนที่สองได้อีก เดือนที่สามก็ได้อีก เทคนิคที่ผมบอกเขาไปคือคุณต้องฉกฉวยโอกาส มาถึงแต่เช้า เที่ยงไม่กิน เย็นเพื่อนเลิกงานแล้ว ก็ยังไม่กลับรอจนค่ำมืด สุดท้ายช่างคนนั้นกลายเป็นท็อปเซลส์ไปเลย" คุณสมชายเล่าให้ฟัง

ฉกฉวยทุกโอกาส
เชื่อมั่น ทำได้
บุคลิกโดดเด่นของนักธุรกิจพันล้านท่านนี้ที่มีการกล่าวขานกันมากในหมู่ผู้ใกล้ชิด นั่นคือการใส่ใจในรายละเอียด โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ "คนรอบตัว" ในทุกระดับ

ยกตัวอย่างเมื่อครั้งการก่อสร้างโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชียใกล้เสร็จ เขาถือโอกาสเชิญช่างอิฐ-หิน-ปูน-ทราย รวมถึงผู้รับเหมาทุกคนมารับเลี้ยงโต๊ะจีน เพื่อแทนคำขอบคุณที่ทุกคนมาช่วยสร้างให้ฝันของเขาเป็นจริง

"ผมบอกกับช่างทุกคนว่า หากไม่มีพวกท่านโชว์รูมของผมคงไม่มีทางสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะออกใบประกาศให้พวกเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก หากวันไหนมีโอกาสผ่านไปมา สามารถเข้ามาเยี่ยมเยียนใช้บริการได้ทุกเวลา"

"ปรากฏช่างคนหนึ่งซาบซึ้งใจ อยากอุดหนุนผม จึงขอจองรถ 1 คัน กระทั่งจบงานเลี้ยง ผมขายรถให้กับผู้รับเหมาได้ทั้งหมด 55 คัน"

คุณสมชาย เล่าเหมือนไม่ตื่นเต้น แต่ทำเอาคู่สนทนาตกใจแทบจะพลัดตกจากเก้าอี้เป็นครั้งที่สอง ความละเอียดอ่อนของคุณสมชาย ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะช่วงเวลาที่เขากำลังมีความสุขกับอาณาจักรตรงหน้า แต่เขาก็ไม่เคยละเลย ระลึกถึง "ผู้มีพระคุณ" ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เขาก้าวมาถึงฝั่งฝันดังเช่นทุกวันนี้

"ตอนจะเปิดโชว์รูมผมส่งจดหมายไปยังผู้มีพระคุณหลายๆ ท่าน ขอให้สละเวลามาเลือกรถไปใช้ตามชอบ โดยผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แต่ทุกท่านไม่ขอรับ ให้เหตุผลกลับมาว่า ให้ผมเก็บเอาไว้ทำทุน"

"ช่วงปีใหม่ผมจึงนำเงินสด ๒ล้านบาท ไปมอบให้กับพวกท่านอีก คราวนี้ทุกท่านรับไว้ แต่พอถึงเทศกาลตรุษจีน พวกท่านก็นำเงินก้อนนั้นกลับมามอบให้ผมเป็นแต๊ะเอีย" คุณสมชายเล่าย้อน ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งต้องฝ่าฟันมรสุม "ต้มยำกุ้ง" เมื่อครั้งปี ๒๕๔๐ คุณสมชาย ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า ช่วงเวลานั้นสถาบันการเงิน ๖๕แห่งต้องปิดตัวลง นักธุรกิจแทบทุกวงการ ล้วนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา แต่หากมัวพร่ำบ่นว่าแย่ คงหมดกำลังใจไปนานแล้ว

"ผมไม่เคยท้อ เพราะท้อแล้วไม่มีประโยชน์ ท้อแล้วมันทำให้หมดกำลังใจ เราต้องรีบอาบน้ำ แล้วเติมกำลังใจให้ตัวเองใหม่ เพราะคนเราขาดกำลังใจไม่ได้ ปัญหาคือความสำเร็จปลอมตัวมาทดสอบเรา เหมือนข้อสอบ" คุณสมชาย บอกจริงจัง ก่อนเผยกลยุทธ์เมื่อครั้งนั้น

"ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี หลายคนคิดว่าไม่มีโอกาสเพราะตลาดเต็ม แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น กลับกันคือ ต้องเร่งขยายงาน เพราะคู่แข่งก็คือคู่แข่งอยู่ดี จึงต้องแตกต่างทำงานให้มากกว่าคนอื่น เมื่อมีคนตกงานมาสมัครงานกันมาก เลยสามารถคัดคนได้" คุณสมชาย เล่า ก่อนฝากมุมมองไว้ด้วยว่า คนที่ประสบความสำเร็จมักฉกฉวยโอกาสจากโชคร้าย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าจะฉกฉวยในทุกโอกาส

แม้จะจบการศึกษาในระบบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ หากแต่ว่ามาวันนี้ กลับได้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตไม่น้อยหน้าใคร คงมีใครหลายคนตั้งคำถามถึงเคล็ดลับในการทำงาน ซึ่งคุณสมชายมักแนะนำให้คนเหล่านั้นจุด "ไม้ขีดไฟ" ก้านแรกให้กับชีวิตของตัวเองเสียก่อน และต้องมีความเชื่อมั่นว่าหากคนอื่นทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างเราทำไม่ได้ จากนั้นจึงลงมือปฏิบัติทันที

"ผมมักบอกทุกคนว่าไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาดูถูก แต่เราอย่าดูถูกตัวเอง ต้องบอกกับตัวเองว่าเราเป็นคนมีศักยภาพ พ่อแม่ยังรอความหวังจากเรา ญาติพี่น้องยังรอความหวังจากเรา"

"ถ้าเราไม่จุดไม้ขีดไฟชีวิตตอนนี้ หรือไม่ปรับปรุงตัวให้มีความแตกต่างจากคนอื่น ปีหนึ่งๆ มีคนจบปริญญาตรี ๖๐๐,๐๐๐ คน ที่พร้อมจะมาเป็นคู่แข่ง ฉะนั้น คุณต้องถีบตัวเอง ไม่มีใครเขาสร้างบริษัทมูลค่าร้อยล้านพันล้านบาท เพื่อรอให้คุณทำงานให้เรื่อยๆ เฉื่อยๆ หรอก"

"คนที่รู้จักใช้เวลา คือคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะเวลามันผ่านแล้วผ่านเลย ย้อนกลับมาไม่ได้ กลับมาเถิดวันวานมีแต่เสียงเพลง ชีวิตจริงมันไม่มีหรอกครับ" คุณสมชาย ฝากแง่คิดทิ้งท้ายอย่างนั้น

   ขอบคุณที่มา : นิตยสารเส้นทางเศรษฐี วันที่ ๑๕ มี.ค. ๕๓

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน....
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05 ต.ค. 2553, 11:39:12 »
 :016:สมกับคำที่ว่าลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน :[/size]015: :053: :053: :053: :015:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ต.ค. 2553, 11:40:21 โดย berm »
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ vithya

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 195
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน....
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 05 ต.ค. 2553, 10:00:50 »
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน ถูกต้องครับ เวลาที่พวกผมฝึกมีเพลงเพลงนึงทำให้ฮึดได้ ตัวอย่างให้ดูสักท่อน           ชีวิต นี้คือความจริง จึงต้องสำคัญ เกิดเป็นคน ต้องฝ่าต้องฟัน ไปจนได้ดี อย่ารอ ให้เงินปลิวมา รอโชคชะตา เทวาประทาน วิงวอน ร้อนรนงุ่นงาน ดูเสื่อมศักดิ์ศรี มีมือ แล้วยังมีตีน ไม่ด้วนครบดี อย่ารอรี ฮึดสู้ทันที เป็นไงเป็นกัน