แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Kitisin

หน้า: [1]
1
รู้จักอะไรเหล่านี้บ้าง (คลายเครียด ) 38;


- เคยไปเมโทร บิ๊กเบล ไดมารูราชดำริ
-เคยเล่นถ้วยหมุนบนเซนทรัลชิดลม
-เคยเล่นสวนสนุกบนมาบุญครอง
-แมคโดนัลเปิดที่แรกที่โซโก้
-ฟู้ดคอร์ทมีที่แรกที่มาบุญครอง
-ยังเรียกสถานที่ต่อไปนี้ว่า เวิลด์เทรด รีเจนท์ ฮิลตันโดยที่ไม่ยอมจำว่ามันเปลี่ยนเป็น เซ็นทรัลเวิลด์ โฟร์ซีซั่น ราฟเฟิล ส่วนฮิลตันไปเปิดใหม่ตรงแม่น้ำแล้ว
-เคยกินฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ ทาโก้ ป๊อบอาย เวนดี้ โฮเบอร์เกอร์ เชคกี้ส์พิซซ่า
-แฮปปี้แลนด์ แดนเนรมิต ถ้าไม่เคยไปเสียชาติเกิดเป็นที่สุด
-ดูหนังแบบที่มันมีราคาตามผังที่นั่ง
-เคยเล่นไอซ์บนเวิลด์เทรด (เห็นมั้ย ยังเรียกว่าเวิล์ดเทรด)
-ค่าทางด่วนราคา 10 บาทแล้วเปลี่ยนเป็น 15 แล้วเป็น 30 จนถึง 45 ในตอนนี้
-ดอนเมืองมีแค่ 1 เทอร์มินัล สุวรรณภูมิคืออะไรที่ไม่เคยได้ยิน
-พ่อแม่เติมน้ำมันทีละ 200
-เคยใช้ floppy disk แผ่นเท่าจาน
-คอมไม่มีเมาส์
-เคยใส่แบรนด์ต่อไปนี้ NEXT, Dr.Martin, Banana Republic เคยใส่กางเกงยีนส์สีต่างๆ ผู้หญิงเคยผูกโบว์ใหญ่เท่าผ้าสไบ ผู้ชายเคยห้อยกระดิ่งที่รองเท้า ไม่รู้ทำไปทำไม
-เคยมีเพจ ถ้าจะให้ดีต้องรุ่น advisor
-แต่ก่อนมือถือไม่มี 01 เบอร์บ้านไม่มี 02
-แต่ก่อนไม่มีชื่อถนนหรือชื่อย่าน แบบนี้ รัชวิภา รัชโยธิน เลียบทางด่วน
-เคยติด IBC แล้วเปลี่ยนเป็น UTV แล้วมันก็มารวมกันเป็น UBC
-เคยดู เฮนเบะ บุนบู เมียมนิทานชีวิต แคสเปอร์ผีน้อย บาบ้าปาร์ป้า
-เคยเรียนดรุณศึกษา หนูมาลีหนูมาลัย หรือมานะมานี
-สอบเอ็นระบบเก่า วัดใจทีเดียวไม่มีลุ้น
-ชอบของแถมที่มากับรองเท้าบาจา เช่นโจรสลัดที่อยู่ในถัง
-คอนเสิร์ตไมเคิลแจ๊กสัน คอนเสิร์ต gun n roses คอนเสิร์ตบอนโจวี่
-เคยมีเกมกดและพัฒนาเป็นนินเทนโด
-แม่ชอบอ่านนิตยสาร ลลนา สตรีสาร สกุลไทย สตรีสารจะมีภาคพิเศษสำหรับเด็กด้วย ซึ่งมีการ์ตูนน่ารักๆ หลายเรื่อง เช่น ต๋อมจอมยุ่ง เจ้าขนฟู คนพิลึก ( ถ้าเกิดอ่านเองล่ะ)
-เกิดทันหนังสือเด็กแนวสมัยก่อน เช่น ปลื้ม ไปยาลใหญ่
-ชอบกินไอติมโฟร์โมสต์
-เกิดทันโฆษณายุคหวานใส เช่น ขอเสื้อคืนด้วยค่ะ, อุ๊ยส้มหล่น , จะให้เธอน่ารักน้อยกว่านี้หรือให้ผมกล้ามากกว่านี้ดีนะ, รักเจรักช็อคโกบาร์
-เกิดทันยุคหนังวัยรุ่น สะแด่วแห้ว กลิ้งไว้ก่อน มีดารานำจำพวก มอสเต๋าโมทย์
-ถ้าแก่มากจะทัน พาเลซ โรม ถ้าแก่ไม่มากนักจะทันไวเบรชั่น ชาร์กกี้ ทอรัส ดิสคัฟเวอรี่
-สามารถบอกชื่อศิลปินค่ายคีตา ได้มากกว่า 3 คน
     เฉลย : อ้อมสุนิสา นีโน่ ฝันดีฝันเด่น เอ็มสุรศักดิ์ แจ็กจิล เคดีรอม ยูโฟ ต่อนันทวัฒน์ พงพัฒน์ ยุ้ย ทีสะเกิ๊ต โก้นฤเบศร์
นอกจากสามหนุ่มสามมุมแล้วยังทัน ตะกายดาว คนค้นคน นางฟ้าสีรุ้ง
-จะมีการฺ์ตูนโผล่มาเวลา ช่องทีวีมีปัญหา เช่น นกหัวขวาน
-ดอลล่าร์ละ 25 บาท ปอนด์ละ 35 โอ้แม่เจ้า เคยมีสมัยนั้นจริงๆ เหรอ
-เกิดทัน การดูเลเซอร์ มีร้านให้เช่าดูที่สยามด้วย
-เกิดทันยุคที่นักร้องแกรมมี่ต้องมีเพลงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่ในอัลบั้ม
-สยามเซ็นเตอร์และชิดลม ไฟไหม้ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ช่วงนั้นไม่มีห้างจะเดิน
-คนข่าวสมัยนั้นที่ดัง คือสมเกียรติ์ อรุณโรจน์ วิทวัส
-ยุทธการขยับเหงือกเทปแรกๆ มีเสนาปัญญา เสนากิ๊ก และก็มีเสนาโค้ก อรุณ ติ๊กกลิ่นสี แหม่มสุริวิภา ส่วนโน้ตอุดม หอย วิทย์มาทีหลัง
-ถ้าท่านใดสามารถตอบได้ว่าวันนี้พี่เบิร์ดร้องเพลงกี่เพลง/ติ๊นาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดกี่ชุด จะได้รับนาฬิกาคาเรร่าสำหรับสุภาพบุรุษ 1 เรือนและสุภาพสตรี 1 เรือน สำหรับเงินค่าเข้าประตูในวันนี้จะนำไปซื้อตู้ยาพร้อมเครื่องเวชภัณฑ์ให้โรงเรียนวัดไผ่อีเห็น
-ชอบพูดว่าตัวเองยังไม่แก่ แต่ที่แท้เวลาได้ยินเพลงสมัยก่อนจำพวกเจ นูโว ยูเอชที จะยิ้มแป้น แถมยังชอบไปดูคอนเสิร์ตย้อนยุคทั้งหลายและชอบไปที่เที่ยวที่เปิดเพลงเก่า
-สมัยนั้นโบจ๊อยก็ว่าโป๊มากแล้ว เจอเกิร์ลลี่เบอรี่เข้าไปโบจ๊อยกลายเป็นมิดชิดไปเลย
-ยังไม่มี airport tax
-เกลียดยาแดง แสบชิบหาย
-ฮิตเสื้อนักศึกษาตัวใหญ่ หรือพอดีๆ ไม่ใช่รัดติ้วเป็นแหนมมัดเหมือนสมัยนี้
-ซูกัส ทรีบอล์ ห่อเป็นแบบท็อฟฟี่ คอร์นพัฟเป็นถาดดึงออกมา ป๊อกกี้แกะกล่องจากด้านบนไม่ใช่ตรงกลางแบบนี้ และยังมี มั้นมัน ทวิสตี้ จิ๊กกะดี้ ริงโก้ กาก้า
*-*เคยดูเขาทราย เขาค้อ สามารถ ซึ่งเวลาต่อยแข่ง ถนนโล่งไปหมดไม่มีคนออกจากบ้าน

 
ถ้าเกิน30ข้อถือว่าแก่แล้ว
เป็นทุกข้อ ถือว่าแก่เกินแกง
------------------------
 16;

2
    " ความเชื่อ " มีอยู่ในตัวคนเราทุกคน บ้างก็เชื่อว่าผีมีจริง วิญญาณมีจริง เชื่อเรื่องดวง
เรื่องเคล็ด และก็เชื่อเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ตัวบุคคลว่าผูกพันหรือคุ้นเคยกับสิ่งไหนมามากกว่า
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาฝากคนที่เชื่อเรื่อง " เคล็ดเสริมดวง " ใครอยาก
โชคดีพลาดไม่ได้เด็ดขาด... (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)  


                               เตียงนอน
อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับผนังห้องน้ำ เพราะจะทำให้เสื่อมโชคอับโชค
อย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงเล็งตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้ายและอับโชค


                             สุนัข แมวจรจัด
แบ่งอาหารและน้
ำให้แก่สุนัข หรือแมวจรจัดที่หิวโหยบ้าง ในวันฝนตกก็อนุญาตให้สัตว์จรจัด
เข้ามาหลบฝนในชายคาบ้าน การทำบุญทำทานกับสัตว์นั้นให้อานิสงส์ผลบุญแก่ตัวเราได้อย่างมหาศาล


                                ห้องครัว
ดูแลปัดกวาดเช็ดถูและจัดข้าวของเครื่องใช้ในครัวให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ครัว
สกปรก เพราะครัวเป็นขุมพลังของบ้าน บ้านที่ปล่อยให้ครัวสกปรกจะอับโชค เงินทองหามาได้ก็ต้องจ่าย
ออกไป เจริญรุ่งเรืองช้านัก


                              ผ้าเช็ดหน้า
อย่าให้ของขวัญคนรัก หรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี ถือเป็นของ
ขวัญอับโชค มอบให้กันแล้วจะมีเรื่องต้องพลัดพรากจากกัน หรือมีเรื่องต้องเมินหมางห่างเหินกันไป


                                กระจก  
ขัดถูกระจกในบ้านให้สะอาดใสอยู่เสมอ ถ้าปล่อยให้กระจกขุ่นมัวเป็นประจำ ดวงชะตาของ
คนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรไม่ขึ้น


                               วันบริสุทธิ์
วันที่ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก คือวันโกน วันพระ วันเกิด และวันเข้าพรรษา
ตามธรรมเนียมโบราณนิยมปฏิบัติกันเช่นนี้ เพื่อให้เทวดาคุ้มครองรักษาตลอดไป


                              เหรียญนำโชค
เมื่อเจอเงินตกอยู่ตามทางเดิน แม้จะเป็นเพียงเหรียญบาทก็ให้เก็บเอาไว้ ให้ถือเสมือน
เป็นเหรียญนำโชค การเดินผ่านเลยไป เพราะเห็นว่าเป็นเพียงเหรียญบาท เหรียญสลึงนั้น ถือเป็นการ
ดูถูกเงินทอง ไม่เห็นคุณค่าของเงิน คนเฒ่าคนแก่เชื่อกันว่ามันจะทำให้คุณอับโชคทั้งวัน หรือในช่วง 3 -
7 วันนั้น


                              แหวนเสริมดวง
เลือกสวมแหวนที่ถูกโฉลกกับเดือนเกิด หรือวันเกิดเพื่อเสริมโชคดีให้ชีวิต
ถ้าอยากเสริมดวงการเงิน  - ควรสวมแหวนทอง แหวนเงิน แหวนหยกและแหวนหัว
พลอยสีที่ถูโฉลก
ถ้าอยากเสริมดวงความรัก - ให้สวมแหวนรูปหัวใจ รูปดาว เลือกแหวนเพชรหรือ
เทอร์ควอยส์ก็ได้
วนแหวนลูกปัดและหินสีต่างๆ - จะช่วยเสริมดวงเสน่ห์
การสวมแหวน
สวมแหวนนิ้วกลางขวา - เสริมดวงการเงินและบารมี  
สวมแหวนนิ้วนาง นิ้วก้อย - เสริมเสน่ห์ และเสริมดวงความรัก


                              ทำบุญโลงศพ
ไปที่มูลนิธิใกล้บ้าน ทำบุญบริจาคเงิน ร่วมกันซื้อโลงศพให้ศพอนาถาที่ไร้ญาติ การทำบุญโลง
ศพจะช่วยเสริมดวงชะตาให้กล้าแข็ง เหมาะสำหรับช่วงดวงอ่อน และมีทุกข์มีเคราะห์


                            พระพรหมศักดิ์สิทธิ์
หาโอกาสไปกราบไหว้พระพรหมสักครั้ง ถ้าอยู่ที่กรุงเทพ ก็ไปไหว้ที่หัวมุมสี่แยกราชประสงค์
โรงแรมเอราวัณก็ได้ หรือที่ศาลพระพรหมแห่งใดก็ได้ทั้งนั้น พระพรหมเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวขวัญกัน
มากว่า บนบานอธิษฐานขออะไรมักได้ดังปรารถนา ด้วยว่าท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จนั่นเอง


                               หิ้งพระ
หิ้งพระ หรือหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเทพต่างๆ หรือ ร. 5, ในหลวงของ
เรา เมื่อตั้งหิ้งบูชาแล้วจะต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หมั่นเปลี่ยนดอกไม้ พวงมาลัย
ถวายน้ำสะอาด ถ้าปล่อยให้หิ้งสกปรก มีแต่ฝุ่นจับเต็มไปหมด บ้านนั้นจะมีแต่ความเสื่อมถอย โชคลาภหด
หาย ยากที่จะเจริญรุ่งเรือง


                             ไข่ และ ส้ม
ในบ้านเรือนควรมีไข่ และมีส้มไว้ในตะกร้าเสมออย่าให้ขาด เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุข
เข้าบ้าน ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขตลอดไป ไข่และส้มเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี

            
                          เรื่องจริงไม่เชื่ออย่าลบหลู่  14;

3
ข่าวสาร จากวงการตำรวจ ที่ควรอ่าน
                                               
      เวลาเจอด่าน ( เถื่อน ) !! 
คือ มีแค่รถฉลาม 1 คัน จอดตามทางแยก หรือจุดยูเทริน มีตำรวจทางหลวง 2-3 คน
โดย 1คน ยืนกลางถนนคอยโบกรถหรือฉายไฟให้รถเราแอบซ้าย ตำรวจที่เหลือเป็นคน
ตรวจค้น ถ้าเจออย่างนี้อย่าตกใจหรือชะลอความเร็วหรือหักพวงมาลัยไปตามที่มันโบก
ให้ตีไฟสูงไล่แล้ววิ่งต่อไป มันไม่มีตาม  เพราะมันทำผิดกฎหมายการตั้งด่านจุดสกัด
จากนั้นโทรไปที่ 1193  แจ้งว่ามีกลุ่มคนคล้ายตำรวจทางหลวงมีพฤติกรรมดังกล่าว
ให้ตรวจสอบด้วยว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือเปล่าที่ไปกีดขวางการจราจร หรือเป็นโจรที่
ปลอมตัวไปดักปล้น
       
     ทีนี้มาดูว่าด่านที่ถูกต้องเป็นเช่นไร.... ด่านที่ถูกต้อง      
คือ ต้องมีเครื่องหมายบอกล่วงหน้าเป็นระยะว่า ข้างหน้ามีด่านและมีสิ่งกีดขวาง
เช่น กรวยสีส้ม กรวยสีส้มตั้งเป็นระยะ เพื่อบีบบังคับทิศทางการจราจรให้เหลือช่อง
เดียวนำไปยังจุดตรวจค้น ในจุดตรวจต้องมี นายตำรวจสัญญาบัตรประจำอย่างน้อย 1 คน
ลึกไปกว่านั้น คือ ทางต้นสังกัด(ในพื้นที่นั้นๆ) จะ ต้องมีหนังสือสั่งการให้ตำรวจกลุ่ม
นี้ปฎิบัติหน้าที่ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ตรวจ ตำรวจสัญญาบัตรที่ควบคุมชุดตรวจ จะต้องแจ้งทาง
วิทยุสื่อสาร ไปยังศูนย์ควบคุมข่ายนั้นๆ ว่าจะเริ่มปฏิบัติการตั้งจุดตรวจสกัด และ
ตรวจสกัดสิ่งใด   ตำแหน่งไหน  วันเวลาเท่าไรถึงเท่าไร  ใครเป็นผู้ควบคุม   
ด้วยกำลังพลทั้งหมดเท่าไร หลังจากเลิกปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจท่านนี้จะต้องสรุปผล
การจับกุม-ตรวจค้นว่า... พบสิ่งใดบ้างทางวิทยุสื่อสาร ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมข่าย
จากนั้นจะต้องบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เสนอต้นสังกัด...เป็นอันจบ.
     
      ศึกษาไว้เป็นความรู้ครับ อย่าให้ใครมาหากินกับเรา

ผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ มีหน้าที่ปัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน 14;[/color]

4
อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความดีๆ เสี้ยวหนึ่งจาก ท่าน ว.วชิรเมธี 

 
ที่ เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก คือ มีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมากเป็น คนดำเนินรายการคนค้นคน
ดร .อภิวัฒน์ วัฒนางกูร มา เรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
ล้าง เสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดูว่า สะอาดจริงมั้ย กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย ต้องให้ดีที่สุด เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง
แกมีทุกอย่าง ลูก เมียไปขอพบ บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต วันหนึ่งแกพักผ่อน
หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยา พาเข้าโรงบาล ตรวจ พบมะเร็ง พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆเค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้ แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน
บันทึก ชีวิตแกก่อน จะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก


ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อ ผมเคยบอกว่า
เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

ปริญญา ใบที่หนึ่ง
"ปริญญา วิชาชีพ"
เราจะต้องทำมาหากินเป็น กิน อิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ
ล้วง ไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยาก จะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
แค่ นี้คือปริญญาวิชาชีพ

 
แต่"ปริญญาวิชาชีวิต"
ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตกเพราะอะไร
เพราะทำงานจนป่วยตาย


ก่อน ที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง
บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย เพราะ ทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย


นี่ คือปริญญาวิชาชีวิต ธรรมะ เราจะต้องมีถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดีดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพ
ของตัวเองในแต่ละวันนะ แต่ละวันควรจะมีให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์
มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่าพยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิตหนึ่ง ปริญญาวิชาชีพ เราทำมาหากินจนประสบ
ความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่ แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือ วิชาธรรมะ
สำหรับ จะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ไม่ ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป ทำอะไรให้พอดี
พอดีอยู่ดีมีสุขอยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดีเพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา


เคย มีคนไปทูลถามพระพุทธเ้จ้า ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่่าที่สุด
บาง คนก็ตอบเงิน
บาง คนก็ตอบเพชร
บาง คนก็ตอบทอง
บาง คนก็ตอบอำนาจ
บาง คนก็ตอบราชบัลลังก์
พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ

 15;

5
ชีวิตเหมือนกับใบไม้
พระธรรมเทศนา ของ หลวงพ่อปัญญา


หลวงพ่อปัญญาได้แนะนำวิธีเตรียมตัวเตรียมใจไว้ ก่อนจะถึงคราวที่ต้องสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักไป
ไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า ...ดับสังขาร-ประเพณี ปริศนาธรรม พิธีกรรม และวิธีทำให้ถูกต้องครบถ้วนในงานศพ...
โดยมีตอนที่ท่านได้บรรยายธรรมไว้ว่า...ชีวิตเหมือนกับใบไม้... ที่วัดแห่งนี้ ถ้าหากมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศล
จะมีการสวดพระอภิธรรมเพียงจบเดียว จากนั้นเป็นการบรรยายธรรมะให้ญาติโยมที่มาในงานฟัง
เพื่อให้ผู้มาในงานได้สิ่งที่เป็นกุศลกลับไปบ้านบ้าง ตามสมควรแก่ฐานะ
โดยหลวงพ่อมักจะบรรยายว่า วันนี้เราทั้งหลายมาประชุมกันที่นี่
ก็เพื่อไว้อาลัยแก่บุคคลผู้หนึ่งซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว ร่างกายของคนเรานั้น เมื่อแก่ชราเต็มที่แล้วก็เหมือนกับ
ใบไม้ เราเดินมาในวัดในช่วงนี้จะเห็นว่า บนถนนมีใบไม้แห้งเต็มไปหมด
นั่นเป็นเครื่องแสดงให้เราเห็นว่า ชีวิตของคนเรามันก็เหมือนกับใบไม้
เริ่มต้นด้วยแตกใบอ่อน แล้วก็เป็นใบเพสลาด แล้วเป็นใบแก่ เป็นใบเหลือง
แล้วผลที่สุดก็หลุดจากขั้ว กระจุยกระจายไปตามพื้นดิน เป็นปุ๋ยของต้นไม้ต่อไป

ชีวิตของเราก็เป็นอย่างนั้น ตั้งต้นด้วยถือปฏิสนธิในครรภ์ของมารดา แล้วก็ค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ
สิบเดือนก็ออกมาจากครรภ์ลืมตาดูโลก พอลืมตาขึ้นก็ร้องไห้ การร้องไห้นั่นแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า
โลกนี้มันไม่สบาย โลกนี้มันมีความทุกข์ มีความเดือดร้อน เพราะฉะนั้น เด็กแรกเกิดทุกคนจึงร้องไห้
การร้องไห้นั้นเป็นเครื่องประกาศให้เราทั้งหลายรู้ว่า ชีวิตมันเป็นทุกข์ แล้วก็เป็นทุกข์จริงๆ สุขนั้นมันมีน้อย
เป็นเด็กแล้วก็เจริญเติบโตขึ้นโดยลำดับ ระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
แล้วผลที่สุดก็แก่ชรา แตกดับไปตามสังขารร่างกาย

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก... 11 ตุลาคม 2550 08:34 น.

...ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจมัน
แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแต่ไหน
ทำความดีเสียในขณะนี้ ตายแล้วก็จะไปดีเอง..


หลวงพ่อปัญญามรณภาพ-เป็นข่าวลือหนึ่งที่ลือกันมากสุด ในช่วงกลางปี ๒๕๔๗ ส่วนเหตุที่เกิดข่าวลือนั้น
เพราะมีพระรูปหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ หลวงพ่อปัญญารองเจ้าอาวาสวัดบ้านตาดเศกสันติ
กัลยาณวิสุทธิ์ จ.อุดรธานี มรณภาพ แต่คนเข้าใจว่าเป็น หลวงพ่อปัญญาวัดชลประทานฯ
ในช่วงที่เกิดข่าวลือนั้น บรรดาลูกศิษย์โทรศัพท์ไปสอบถามที่วัด
เป็นจำนวนมาก ชนิดที่เรียกว่า ...สายแทบไหม้ และในที่สุดข่าวลือก็กลายเป็นข่าวจริง
...เมื่อเช้าตรู่ของวันวาน หลวงพ่อปัญญามรณภาพ...

ช่วงที่เกิด ข่าวลือว่าหลวงพ่อปัญญามรณภาพนั้น ท่านได้ออกมาพูดเป็นคติเตือนใจว่า
...ข่าวลือเรื่องตายไม่ใช่เรื่องอัปมงคล พระพุทธศาสนาไม่ได้ยึดถือว่า เรื่องใดเป็นมงคลหรืออัปมงคล
พุทธศาสนาถือว่า การทำดีเป็นมงคล ส่วนการทำชั่วเป็นอัปมงคล ใครจะลือว่า อย่างไรฉันไม่ถือ
เมื่อถึงเวลาตายก็เป็นเรื่องธรรมดา ฉันไม่เคยคิดกลัวตายเลยสักครั้งเดียว
เพราะความตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์โลก...


และเรื่องความตายนี้เองก็เป็นคำถามยอดฮิต
ที่มักมีผู้ถามท่านหลายครั้งหลายครา ถามกันทุกครั้งที่มีการบรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ ว่า...ตายแล้วไปไหน...
ขณะเดียวกันท่านก็ตอบสวนออกมา แบบไม่ต้องคิดว่า ...ตายแล้วไปป่าช้า..
ตามมาด้วยคติธรรมที่ว่า ...ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจ แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแค่ไหน
ทำความดีเสียในขณะนี้ ตายแล้วก็จะไปดีเอง เมื่อเรารู้ว่า เราจะตาย เราควรทำอะไรที่จะไม่ให้เสียชาติที่ได้เกิดมา
เราก็ควรจะตั้งคำถามตัวเองว่า ฉันเกิดมาทำไม ฉันมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพราะว่าชีวิตนี้แข่งอยู่กับความตาย...


หลวงพ่อปัญญานันทะ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์
เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2454 (ตรงกับรัชกาลที่ 6)
และ นับถึงปัจจุบันท่านมีอายุ 96 ปี ถึงแม้ว่าสังขารท่านจะร่วงโรย มีโรคภัยไข้เจ็บเหมือนปุถุชนคนสูงอายุทั่วไป
 แต่ท่านกลับมีแนวคิดที่แตกต่าง

บางคน สังขารร่วงโรย แล้วก็จะเริ่มน้อยใจในชีวิต
ว่าตัวเองไร้ประโยชน์ แต่กับหลวงพ่อแล้วไม่ใช่ คำพูดเมื่อคืนของหลวงพ่อ ทำให้คนขี้เกียจอย่างเรา
จุกขึ้นมา น้ำตารื้นๆเต็มตา เพราะในวัยที่กำลังทำงานอย่างเรา กลับสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี
ได้น้อยกว่าท่านมาก ท่านว่า
ยิ่งแก่ ยิ่งต้องทำงาน
ยิ่งป่วย ยิ่งต้องทำงาน
เพราะเหลือเวลาอีกไม่มาก ต้องทำงานให้ได้มากที่สุด
ต้องทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
 
-หน้านอกบอกความงาม
 หน้าในบอกความดี
 หน้าที่บอกความสามารถ
 หน้านอก...แต่งให้พอดี
 หน้าในและหน้าที่...แต่งให้มากๆ

 15;

6
เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้

1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม 'ภูมิพล' ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า 'H.H Bhummibol Mahidol'หมายเลขประจำตัว 449
7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'
8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'
12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า 'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน'
17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซ้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น' สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์
21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ 'แสงเทียน' จนึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้'
26. รู้ไหม..? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์' และ 'ติโต' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น'กีฬาซีเกมส์') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพาะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา' เมื่อปี 2536
33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง
35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่าน่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
37. หลังอภิเษกสมรส ทรง'ฮันนีมูน'ที่หัวหิน
38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่มอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง
45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่มโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
53. ทรงนึกถึงแต่ประชชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย
56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯล ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า 'นายหลวง' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ'
68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก'
70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
72. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

      ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ        [/glow] [/color]
 





7
รบกวนดูพระสมเด็จให้หน่อยครับว่าเป็นพระวัดไหนรุ่นอะไรครับ มีคนให้พ่อมาครับแต่ไม่ทราบว่าพระวัดไหน รุ่นอะไรครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ 15;


8
  ได้หนุมาน 8 กร ยาวประนาณ 1 นิ้วครับ ไม่ทราบว่าถ้าเอาไปเลี่ยมแล้วแขวนกับเส้นตะกรุดได้ไหมครับ ขอบคุณครับ 05;

หน้า: [1]