แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - tum72

หน้า: [1]
1
ไหว้ครูปีนี้2561นี้ ทางกลุ่มนี้จัดทำเสื้อเหมือนทุกปีรึป่าวครับ ติดตามมาตั้งแต่เสื้อรุ่น1 ถ้าต้องยกเลิกไปเสียดายมากครับ

2
อยากทราบว่ารูปหล่อองค์ลอยนี้จัดสร้างปีไหน รุ่นอะไร และแท้รึเปล่าครับ ...ขอบคุณครับ...

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

3
มีโอกาสได้ไปนมัสการหลวงพ่อเพี้ยน ที่จ.ลพบุรี

ขออนุญาตเก็บภาพมาฝากพี่ๆน้องๆชาวบอร์ดวัดบางพระครับ






4
ชีวิตคู่ขนาน...น่าคิดดีนะครับ

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆว่าระหว่างคน2คนนี้ ใครจะมีความสุขมากกว่ากันครับ

ป.ล. ที่มาจากFWmailครับ ขออภัย ภาพใหญ่ไปเยอะเลยครับ เล็กๆแล้วมันมองไม่ชัดอ่ะครับ

5
มาหาคำตอบกันดีกว่าครับ คิดดีๆนะครับ ตอบผิดไม่รู้นะครับพี่น้อง
หลายท่านอาจจะเคยผ่านเคยเล่นมาแล้ว ลองมาเล่นกันใหม่ครับ ขำๆครับ ...อิอิ
คำถามข้อที่1 คณิตศาสตร์แสนซน
หมายเหตุ: กรุณาใช้สติคิดนะครับ อย่าทดหรือกดเครื่องคิดเลขล่ะ  อ่ะๆ ให้นับนิ้วช่วยก็ได้นะครับ^^’
ตั้งด้วย 1000 บวก 40 เข้าไป จากนั้นบวกด้วย 1000 อีกที
แล้วก็บวกด้วย 30 แล้วบวกด้วย 1000 แล้วบวก 20
จากนั้นบวก 1000 อีกที แล้วก็บวก 10 คำตอบคือ?

คำถามข้อที่2
คุณเข้าร่วมในการแข่งขัน คุณแซงคนที่สอง
ตำแหน่งของคุณตอนนี้คือ?

คำถามข้อที่ 3
ถ้าคุณแซงคนสุดท้ายล่ะ คุณจะอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่?

มาถึงคำถามข้อสุดท้ายแล้วครับ ข้อที่4

พ่อของ Mary มีลูกสาว 5 คน: 1. Nana, 2. Nene,
3.Nini, 4. Nono.
คนสุดท้องชื่อว่าอะไร

ตอบก่อนนะครับ อย่าเพิ่งดูเฉลยครับ
 :010:
 :010:
 :003:
 :004:
 :010:
 :062:
 :065:
 :066:
 :002:
เฉลยครับๆๆ
ข้อ1.ได้ 5000 หรือ? คำตอบที่ถูกคือ 4100
ไม่เชื่อเหรอ ลองกดเครื่องคิดเลขดูสิ ได้4100จริงๆครับ กดเครื่องดูก็ได้ครับ....
ดูท่าวันนี้ไม่ใช่วันของคุณแหงๆ

ข้อ2.คำตอบ ถ้าคุณตอบว่าคุณอยู่อันดับแรก คุณผิดอย่างแรง!
ถ้าคุณแซงคนที่สอง คุณก็อยู่ในอันดับของเขา
คุณก็อยู่ที่สองสิ!
 
ข้อ3.คำตอบ ถ้าคุณตอบว่าอยู่อันดับรองโหล่ คุณก็ผิดละ
อีกทีนึง บอกหน่อยก็ได้ครับ คุณจะแซงคนสุดท้ายได้ยังไง?
 
ข้อ4.คุณคำตอบ Nunu?
เพราะว่าไม่ถูกครับ มันผิดแน่ๆคนสุดท้ายชื่อ Mary สิ ลองกลับไปอ่านคำถามอีกครั้งซิครับ…

ตอบถูกกันกี่ข้อเอ่ย :005:

ป.ล.หวังเพียงให้คลายเครียดนะครับ ขอบคุณFW.เมลล์ผมเองครับ...อิอิ

6
วันนี้นั่งอ่านกระทู้ในเว๊ปไปเพลินๆ รู้สึกไม่สบายใจ วันนี้หลายๆท่านคงรู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นยังไงบ้างครับ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้ที่ผมตั้งหรอกครับ

เพียงแต่อยากทราบ นิยามของคำๆนี้ ของพี่น้องแต่ละคนครับ

ไม่มีใครใหญ่กว่า"โลง"

ความคิดผมกับคำๆนี้ก็ประมาณนี้อ่ะครับ
....ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะใหญ่มาจากไหน จะเก่ง จะกล้า จะดี จะเลว ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าโลงศพ ที่ทุกท่านๆจะต้องได้เข้าไปนอนกันทุกคนครับ
แต่มีสิ่งๆหนึ่งนั้น ไม่ได้ลงไปอยู่ในโลงกับท่านด้วยครับ คือความดีไงครับท่าน
ความดี ที่ท่านๆได้ทำไว้นั้น ไม่ว่าจะมากจะน้อย จะทำให้กับใครก็ตาม ความดีนั้นก็จะคงอยู่ในใจของคนที่รับรู้ถึงความดีที่ท่านทำแล้วนั้น
ความดีของท่าน จะถูกกล่าวขานสืบต่อไป


ตายไปให้คนเขาคิดถึง อย่าตายไปแล้วให้คนเขาสาปแช่งส่ง ครับ..

ขอเชิญพี่ๆน้องๆและพ้องเพื่อน ร่วมให้คำนิยามกับคำๆนี้ครับ...ขอบคุณครับ

7
ชอบอะ idea เข้าท่า 555ค่อยอ่านๆนะครับ มันจะดูกุ๊กกิ๊กๆ น่ารักๆ กระหนุงกระหนิง ...

1. Save เลขหมายโทรศัพท์ ของแฟน ในมือถือเครื่องของคุณโดย SaveName ว่า'คิดถึงเหมือนกัน'แทนชื่อแฟนของคุณ

2. Save เลขหมายโทรศัพท์ ของคุณ ในมือถือของแฟนโดย SaveName ว่า'คิดถึงนะ' แทนชื่อของคุณ

3. เมื่อถึงเวลาที่จะต้องโทรหากัน คุณก็โทรหาแฟนสัก 1 - 2 ตู๊ดแล้ววางสาย ที่เครื่องของแฟนก็จะ Show Miss Call
เมื่อListดูก็จะพบข้อความว่า 'คิดถึงนะ'

4. เช่นเดียวกัน เมื่อแฟนต้องการจะตอบว่า คิดถึงเหมือนกันก็ให้โทรหาคุณ แล้ววางสาย Show Miss Call
เมื่อ List ดู คุณก็จะพบข้อความว่า 'คิดถึงเหมือนกัน '

เท่านี้คุณสามารถก็ประหยัดค่าโทรไปได้อย่างน้อยก็วันละ 6 บาท เก็บเงินไว้พาแฟนไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนดีกว่า


นั่นมันสำหรับแฟนกัน ถ้าแต่งงานแล้วต้องตามนี้เลย
1. Save เลขหมายโทรศัพท์ ของเมีย ในมือถือเครื่องของคุณโดย SaveName ว่า 'เองอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับบ้าน' แทนชื่อเมีย

2. Save เลขหมายโทรศัพท์ ของคุณ ในมือถือของเมียโดย SaveName ว่า'ติดประชุม(โว้ย)' แทนชื่อของคุณ

3. เมื่อถึงเวลาเมียตามกลับบ้าน จะต้องโทรหาคุณ คุณไม่ได้รับเพราะ....ก็จะ Show Miss Call เมื่อListดูก็จะพบข้อความว่า 'เองอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับบ้าน'
4. เช่นเดียวกัน คุณก็โทรหาเมียคุณ ๑ ตู๊ด แล้ววางสาย เมียคุณก็จะเห็น Miss Call เมื่อList ดู คุณก็จะพบข้อความว่า 'ติดประชุม(โว้ย)'

เท่านี้คุณสามารถก็ประหยัดค่าโทรไปได้อย่างน้อยก็วันละ 6 บาท แต่อาจต้องนอนนอกบ้าน
ป.ล. โทรศัพท์เดียวนี้เกือบทุกรุ่น สามารถSAVEชื่อได้หลายๆตัวอักษร ยาวๆยังได้เลยครับ..ขอบคุณครับ

หรือพี่น้องท่านใด เห็นสมควรจะใช้คำอื่นๆแทน ก็สามารถแนะนำกันได้นะครับ

ป.ล. ที่มา จากหนังสือเล่มหนึ่ง ผมเลยเอามาลองให้ใช้ดูครับ..อิอิ

8
How smart are you?
ลองนับข้อความด้านล่างต่อไปนี้ว่ามีอักษร F อยู่กี่ตัว
นับหนเดียวนะ ตั้งใจให้ดี... แล้วตอบกระทู้ด้วยนะว่าใครได้กี่ตัว
แล้วผมจะมาเฉลย ว่าใคร Smart  


ปล. อย่าโกหกกันนนะ นับครั้งเดียวนะ









FINISHED FILES ARE THE RESULT OF YEARS
OF SCIENTIFIC STUDY COMBINED WITH THE
EXPERIENCE OF YEARS.









เฉลยเลยดีกว่า


หากคุณนับได้ 6 ตัว คุณ Smart มาก
หากคุณนับได้ 5 ตัว ถือว่าสมองของคุณปราดเปรื่อง
หากคุณนับได้ 4 ตัว ถือว่าค่อนข้างดี
แต่หากนับได้ 3 ตัว อย่าเสียใจ เพราะถือว่าสมองอยู่ในขั้นธรรมดา
แต่หากนับได้ 1 หรือ 2 ตัว นอกจากต้องเช็คสมองแล้ว ยังต้องเช็คสายตาด้วยนะ

เหตุผลที่คุณนับไม่ได้ 6 เพราะ สมองของคุณไม่สามารถรับคำว่า OF หลาย ๆ ตัวในเวลาเดียวกันได้

ผมนับได้5ครับ พอลองไปนับอีกรอบ มี6จริงๆครับ
ที่มา:FWmailอีกแล้ว.....

9

ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร (ขำๆ)(ควรมิควร ผิดำลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)


1. นิมนต์พระ
หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา
การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่
ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี
รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน
การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว
ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์" (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ
โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย
ถ้า อายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ 
อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง" ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face 
โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์
หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ

2. จบ
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ
การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน 
การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป
เคย มีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?" 

3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า 
จริงๆ แล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูง กว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือน กัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร 
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

4. ใส่บาตร
อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า
บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร
พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป
พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ
ก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ
นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า
เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี
ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป
เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"
กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า
แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง"
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม
โยม ผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)
ขั้นตอนต่อไปคือ

5. รับพร
หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร
เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคย มีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม
ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้
ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ 
ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะครับ พี่น้อง

ที่มา FW:mailมาครับ  ขอบคุณครับ

10
มีโอกาสไปงานบวชเพื่อนที่จ.ลพบุรี ถือโอกาสไปกราบสังขารหลวงพ่อบุญมีมาครับ





11
เบี้ยแก้มีอิทธิฤทธิ์ทางด้านการป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ยาเสน่ห์ กันเขี้ยวงา หรือ แม้กระทั่งกันผี เบี้ยแก้ที่ดังๆ เป็นที่รู้จักกันมีอยู่ 2 สำนัก คือ เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง และ เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ว่ากันว่าอาคมของหลวงปู่ทั้งสองนี้ เข้มขลังนัก ขนาดที่ว่าเสกเบี้ยให้คลานเหมือนหอยได้เลยทีเดียว

วิธีการสร้างเบี้ยแก้คือการนำปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปอยู่ในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ปรอทหนีออกมาได้ อย่างของอาคมประเภท ลูกอม หรือลูกสะกด ต่างๆ ที่ต้องนำปรอทมาหลอมกับทองแดง เงิน ทองคำนั้นเรียกว่าปรอทที่ตายแล้ว ส่วนปรอทที่นำมาทำเบี้ยแก้เรียกว่าปรอทเป็น โดยเมื่อเขย่าตัวเบี้ยแก้แล้วจะได้ยินเสียงดัง "ขลุกๆ" อยู่ในตัวเบี้ย

ถ้าทำเบี้ยในช่วงฤดูร้อน ปรอทจะมีการขยายตัวมาก ทำให้เวลาเขย่าในสภาวะอากาศร้อนก็จะไม่ค่อยได้ยินเสียง "ขลุก" แต่ถ้าในเบี้ยตัวเดียวกั มาเขย่าในช่วงอากาศหนาวปรอทจะหดตัวลงทำให้มีพื้นที่ในตัวเบี้ยเหลือทำให้เขย่าแล้ว ได้ยินเสียง "ขลุก" ได้ชัดเจน

เมื่อกรอกปรอทเสร็จแล้วจะปิดช่องด้วยชันนะโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว
และหุ้มด้วยผ้าแดงหรือแผ่นตะกั่วแผ่นทองแดงแล้วจึงนำมาถักเชือกหรือหุ้มทำห่วงไว้ให้
ผูกเอวหรือห้อยคอ ขั้นตอนสุดท้ายคือการปลุกเสกกำกับอีกครั้งหนึ่ง

เสียงของเบี้ยแก้แต่ละตัวไม่เหมือนกันบางตัวก็ดังมาก บางตัวก็ดังน้อย บางตัวบรรจุปรอทน้อยเกินไปการกระฉอกของปรอทจะดังคล่องแคล่วดีแต่ก็ขาดความหนักแน่น บางตัวบรรจุปรอทมากไปก็อาจจะทำให้เสียงน้อยหรือไม่ได้ยินเลยก็มี

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนะครับ คราวหน้าคราวหลังถ้าได้ไปเช่าหาเบี้ยแก้ก็อย่าลืม "เขย่า" ใกล้ๆ หู ฟังเสียงปรอทมันกระฉอกชอบเสียงแบบไหนก็เลือกตัวนั้นเลย เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับสำหรับเบี้ยแก้ที่มีชื่อเสียงของสำนักอื่นๆ

1. เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ่างทอง
2. เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ อ่างทอง
3. เบี้ยแก้หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง อ่างทอง
4. เบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ อ่างทอง

สังเกตุดูว่าเบี้ยแก้ที่มีชื่อเสียงนั้นมาจากจ.อ่างทองซะมาก เพราะเป็นวิชาที่สืบสานต่อกันมาครับ เหมือนเบี้ยแก้วัดกลางบางแก้ว นครปฐมก็สืบสานกันมา 4 รุ่นแล้วเช่นกัน ปัจจุบันอาจารย์เจือเป็นรุ่นที่ 4 ครับ

เค้าว่ากันว่าเบี้ยแก้เป็นวัตถุมงคลชั้นสูงที่เป็นเครื่องเตือนใจให้กลัวภัย
ที่เรามองไม่เห็นหากนำติดตัวไว้ย่อมปกป้องภัยอันตรายได้ทั้งปวงเป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุตม์ กันผีร้ายได้ทุกประการ
วิธีการฟังเสียงปรอทในท้องเบี๊ย...บางท่านเขย่าเหมือนเขย่าขวดยา ซึ่งไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด ก็เก๊จะใช้น้ำมันใส่ตะกั่วกลม หรือวัสดุอย่างอื่นที่มีน้ำหนักแทน.. ฉนั้น เวลาจะฟังเสียงปรอทเดิน ควรจะหงายท้องเบี๊ยขึ้น เขย่าในลักษณะของการคลอนเบา ซ้าย-ขวา เพื่อฟังเสียงหรือสัมผัสถึงเวลาปรอทโยนตัว จะประมาณสองครั้ง... ท่านที่เคยเขย่าเต๋าน่าจะรู้ดี

ของเก๊เลียนแบบมีมานานแล้ว ยุคแรกๆที่เก๊ดีออกมา ก็โดนกันระนาวเหมือนกัน ว่ากันว่ามีเก๊อยู่ฝีมือนึง ทำดีขนาดเซียนสะดุดขาตัวเอง... ซึ่งเซียนที่โดนยังไม่รู้ก็อวดอ้างว่าเบี๊ยตัวเองสวยงั้นสวยงี๊...พอมาถึงในวง คนเป็นมี คนรู้จริงมี...ก็เลยเกิดการท้าทายกันว่า "ถ้าเบี๊ยตัวนี้ดีจริง ต้องผ่าดู"..."ถ้าดี..กูยอมจ่าย หมื่นนึง" (ราคาเบี๊ยยุคนั้น หมื่นนึงนี่ต้องโคตรแชมป์) ... "แต่ถ้าไม่ดี กูขอจิ้มพระองค์เดียว กูเลือกเอง" ว่าแล้วการพิสูจน์ก็เริ่มขึ้น เรียกคนกลางเป็นคนมาผ่า... ผ่าเชือกถักออกชั้นแรก..มองเห็นตะกั่วที่ตีหุ้ม เจ้าของเริ่มหน้าเสีย ครั้นพอเมื่อแกะตะกั่วหุ้มท้องเบี๊ยออก ตามสูตร น่าจะมีกระดาษหรือผ้าลงยันต์ปิดไว้อีกชั้นนึง...แล้วก็มีจริงๆ มีกระดาษพับไว้..ครานี้ เจ้าของแทบอยากจะยิงกบาลตัวเองเมื่อเห็นสีกระดาษ...หน้าเริ่มมืด..วิงเวียน.. แล้วกระดาษก็ถูกคลี่ออก ด้านใน

มีรอยจารด้วยดินสอไว้ว่า "ไอ้โง่!!"

เบี้ยแก้ทางสายอ่างทอง เช่นของหลวงพ่อภักต์ หลวงพ่อโปร่ง เวลาเขย่าเพื่อฟังเสียงปรอทจะดังไม่เหมือนกับสายวัดกลางครับ คือเสียงจะดัง แซดๆ ไม่ดัง ขลุกๆ เนื่องจากเบี้ยสายอ่างทองจะนิยมใส่ตะกั่วตัดเป็นชิ้นเล็กๆใส่ไว้ในเบี้ยแก้ด้วยครับ

เบี้ยแก้สายวัดกลาง เวลาบรรจุปรอทจะบรรจุตัวละหนึ่งบาทตามตำราครับเพราะฉะนั้นน้ำหนักเบี้ยวัดกลางจะค่อน
ข้างใกล้เคียงกัน(น.น.เบี้ย ปรอท ตะกั่ว เชือก ห่วง น.น.รวมๆน่าจะไม่หนีกันมาก) ส่วนพวกตัวเล็กตัวน้อย ตัวใหญ่ยักษ์ ไม่ทราบว่าสมัย

หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม จะมีหรือเปล่าไม่ทราบครับแล้วอีกเรื่องหนึ่งเรื่องการหุ้มตะกั่วที่ เห็นในปัจจุบันที่เห็นทำเป็นแม่พิมพ์ไม้ปั๊มตะกั่วบนล่างแล้วเอามาหุ้มเบี้ยก่อนถัก น่าจะเป็นยุคปลายๆหลวงปู่เพิ่ม หลวงพ่อใบ หลวงพ่อเจือนะครับ ถ้าเป็นยุคเก่าจะใช้วิธีค่อยตีไล่ตะกั่วให้หุ้มเบี้ยครับจะไม่ค่อยเรียบร้อย
และจะเห็นรอยยับรอยจีบนะครับ จริงการที่จะดูเก๊แท้จะต้องดูหลายๆองค์ประกอบรวมกันนะครับ ทั้งเรื่องการถัก ขนาดเชือกถัก ความเก่าของรัก ความเก่าของตะกั่ว รอยจาร

เบี้ยวัดกลางนั้นเดิมใช้ตะกั่วนมบางหน่อยมาตัดปลายสองด้านแล้วทบเข้ามากันจากนั้นค่อยๆตีไล่ให้หดตัวหุ้มตัวเบี้ยพร้อ มกันนั้นก็จะค่อยๆเอากระดาษทรายขัดไปด้วย เบี้ยรุ่นนี้จะเป็นของเก่าในยุคหลวงปู่บุญและหลวงปุ่เพิ่มยุคต้นๆที่หลวงปู่เจือท่านตีถวายให้ วิธีการตีแบบนี้ยากและใช้เวลามาก ดังนั้นเมื่อมีความต้องการเบี้ยแก้สูงมากขึ้น จึงต้องใช้บล็อกเหล็กมาใช้ช่วยให้การตีเบี้ยง่ายและเร็วขึ้น แต่บล็อกเหล็ก ก็ยังสร้างปัญหาอยู่ เพราะตะกั่วขาดถ้าคนขยายตะกั่วใจร้อน ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้บล็อกไม้แทน กลับมาที่รุ่นของผู้สืบสายของวัดกลางนั้นจริงๆแล้ว ตั้งแต่พระปลัดทอง อาจารย์ของหลวงปู่บุญ ก็ได้ยินว่ามีสร้างขึ้นแล้ว แต่ไม่ปแพร่หลายและตัดสินไม่ได้ รวมทั้งเมื่อหลวงปู่เพิ่มมรณภาพลงแล้วนั้น นอกจากอาจารย์ใบที่สืบทอดต่อมาแล้ว ก็ยังมีหลวงตามูล และหลวงตาเซ็ง ที่สร้างขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งหลวงตามูลและหลวงตาเซ็งนี่ต่างก็เป็นพระที่ทันหลวงปุ่บุญทั้งหมดครับ พอหลวงตาเซ็งมรณภาพลงเมื่อปี ๒๕๓๐ หลวงปู่เจือจึงได้รับภาระการสร้างเบี้ยแก้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนเบี้ยแก้สายอ่างทอง นั้น ต้นสายจริงๆไม่มีใครทราบ แต่ถ้านับความเก่ากันแล้ว หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ กับหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน และหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ นี่ใกล้เคียงกันมาก ส่วนหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง เป็นศิษย์ของหลวงพ่อนุ่มครับ สายหลวงพ่อคำ ก็มีหลวงพ่ออ่อน วัดเขียนสืบทอดต่อ นอกจากหลวงพ่อโปร่งแล้ว ก็ยังมีหลวงปุ่บุญ วัดหลวง ก็มาเรียนไปจากหลวงพ่อนุ่มด้วยเช่นกัน

เครดิต www.rompohsai.com

12
ไปกราบ หลวงปู่มั่น วัดป่าสุธาวาส จ.สกลนคร มีโอกาสได้ไปสกลนครครั้งนี้ เลยขอไปกราบนมัสการท่านครับ



13
 ความจริง 25 ข้อ ที่รู้แล้วอึ้ง !!!

1. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคนเราคือ ลิ้น ก็ เอาไว้ฟาดฟันตอนประกบ ปากกันไง

2.ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และ มากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่อพวกเธออยู่สระว่ายน้ำ

3.ชื่อโหลที่สุดหาใช่ ?จอห์น? หรือ ?ฃาร่าห์? ไม่ แต่เป็น ?โมฮัมเหม็ด? ต่างหาก

4.คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้

5.แมลงสาบหัวขาด สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได่ถึง 9 วัน ก่อนที่มันจะอดอาหาร จนตาย

6.เวลาปลาหมึกยักษ์ หิวจัดเอามาก ๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และ รู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตา ใหญ่ที่สุดในโลก

7.แมงมุมแม่หม้ายดำฃึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุม ตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วยร้ายกาจมากกกกก!

7.เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรฃ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว

9.ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน

10.การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามัน ไม่สวมกางเกง ฮ่า ฮ่า

11.โดยถัวเฉลี่ย มนุษย์จะกินแมงมุมเข้าไป 8 ตัวตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง ก็เวลา ที่มันคลานเข้าไป ในปากตอนเราหลับปุ๋ยไง อึ๊ยยย! และรู้มั๊ยว่า คนส่วนใหญ่ นะกลัวแมงมุม มากกว่ากลัวตายฃักอีก

12.ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านฃวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป

13.ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ขายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง

14.คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถ พับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูฃิ

15.ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็น ต้องบอกเลย ว่า ไม่มีทางสำเร็จผล

16.คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิพสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน

17.ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์ เชียวนะ

18.เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ จามทั้งๆ ดวงตายังเปิด

19.เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้น ไม่เคยหยุด การเจริญเติบโตเลย!

20.วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี่ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้า เป็นคนกลัวหนูจะตายไป

21.เอาหัวโขกกับกำแพงซักหนึ่งชั่วโมง ช่วยเผาผลาญหลังงานได้ถึง150 แคลอรี่ย์

22. อัลมอลล์เป็นพืชตระกูลหนึ่งของพีช

23. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น .มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดู เป็นรูปใบ หน้ายิ้ม

24.ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน

25. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้พยายามจะเลียข้อศอก
 
เครดิต Narak.com

14
เป็นของที่บ้านครับ เห็นมาตั้งแต่เด็กๆเลยอ่ะครับ
1.ผ้ายันต์หลวงปู่ศุข


2.ผ้ายันต์หลวงพ่อคงทอง (เต๋)


3.หิ้งพระที่บ้านครับ

15
ขอความรู้ท่านพี่ๆน้องๆชาวบางพระและอื่นๆ ช่วยให้คำตอบ
จะได้เป็นการตอกย้ำความรู้เก่าว่าชัดเจนถูกต้องมากขึ้น

อยากทราบว่า ยันต์หรือรูปอะไรบ้าง ที่สามารถสักได้ต่ำกว่าเอวลงมาได้บ้างครับ
แล้วยันต์อะไรบ้างที่ค้องสักไว้สูงกว่าเอวบ้าง สักต่ำกว่าเอวไม่ได้อ่ะครับ
หรือการวางนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละอาจารย์แต่ละสำนักครับ

ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นและทุกๆความรู้ครับ

16
ด้วยความเคารพครับ ฝากรูปให้ชมครับ สักมาหลายปีแล้วครับ ที่ต้นขาทั้ง2ข้างครับ





หน้า: [1]