ผู้เขียน หัวข้อ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม  (อ่าน 1680 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ N!c

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 582
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« เมื่อ: 22 ต.ค. 2551, 09:00:28 »
รักยมเป็นรูปเด็กแกะด้วยไม้คู่หนึ่ง มีลักษณะเป็นเด็กผมจุกยืนกำหมัดทั้งสองข้าง คล้ายกำลังทำท่าชกมวย ตัวที่ชื่อรักนั้น เกจิอาจารย์แกะด้วยไม้รักซ้อน บางตำราก็ใช้ต้น บางตำราก็ใช้รากที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก และต้องเป็นรากที่เรียกว่าตายพราย คือตายเองด้วย ส่วนตัวที่ชื่อยม ก็แกะจากไม้มะยม ใช้ต้นและราก ลักษณะเดียวกันกับรากหรือต้นรักซ้อนนั้นแต่มีสีขาว ส่วนตัวที่ทำจากรากรักซ้อนมีสีดำ เมื่ออาจารย์ได้บรรจง
แกะรูปเด็กหัวจุกทั้งสองเสร็จแล้ว ก็จะกระทำพิธีปลุกเสกโดยเอารูปแกะกุมารทั้งสองวางลงในขันสำริด ที่มีน้ำมันหอมหรือน้ำมันจันทร์ใส่เตรียมไว้ก่อนแล้ว อาจารย์จะต้องทำให้เกิดนิมิตในขณะปลุกเสก คือปลุกจนกระทั่งรูปแกะกุมารทั้งสองนั้นลุกขึ้นเต้นและเล่นกันดุจมีชีวิตวิญญาณ แล้วจึงเป็นอันใช้ได้ ผู้ที่จะให้เจ้ารักเจ้ายมช่วยเหลือในภารกิจของตน ก็นำรักยมพร้อมทั้งน้ำมันหอมนั้นประจุลงในขวดแก้วเล็กๆ ซึ่งมีขนาดพอดีกับตัวของรักยมที่จะลงไปอยู่ด้วยกันได้ทั้งคู่ นำติดตัวในเมื่อจะออกจากบ้านไปทำภารกิจนั้นๆ ครั้นเมื่อกลับเข้าสู่เคหะสถานบ้านเรื่อนตน ก็นำรักยมเข้าไว้ในที่อันสมควร จัดแจงข้าวปลาอาหารขนม ให้รักยมทั้งสองบริโภค ดุจดังเราเลี้ยงเด็กๆ ไว้ในบ้าน การพูดจากับรักยมนั้นก็ต้องพูดเอง และตัวผู้ใช้ตอบเอง ที่เรียกว่า "พูดเองเออเอง"แล้วแต่ปรารถนาสิ่งใดๆ ก็ให้กล่าววาจากับเขาขอให้รักยมช่วยในกิจนั้นๆ ผู้ใช้จะต้องคอยดูน้ำมันหอมที่ใส่ในขวดรักยมอยู่เสมอ และระวังอย่าให้แห้งได้ เมื่อจวนจะแห้งหรือ น้ำมันจันทร์เหลือน้อย จำเป็นต้องเติมมิให้พร่องลงได้ ท่านว่ารักยมจะขึ้น และให้ผลแก่ตัวเจ้าของดีนัก ทั้งน้ำมันจันทร์ในขวดนั้นเล่าก็ใช้ทาคิ้วทาผมเป็นเครื่องสำอางค์ ที่จะยังเสน่ห์ให้แก่ผู้ใช้เป็นเอนกประการ และที่แตกต่างบางที ใช้น้ำมันว่านไก่แดงการไปตัดไม้มาทำรักยม ในขณะที่จะไปเอารากรักและรากมะยมมากระทำพิธีแกะนั้น ท่านให้เดินทางออกจากบ้านไปแต่เช้าตรู่ ห้ามพูดกับผู้ใดในขณะนั้น เมื่อถึงต้นรักและมะยมที่หมายตาเอาไว้ก่อนแล้วก็ลงมือพลี (ขุดและตัดเอารากมา) โดยพูดว่า
เจ้ารัก (ยม) เอ๋ย จงไปอยู่กับพ่อ จงช่วยพ่อให้สำเร็จสมปรารถนาเถิด
"นะมะพะทะอาคัจฉายะ อาคัจฉามิ มานี่มะมามา" เมื่อพลีไม้รักหรือไม้ยมมาได้แล้ว ท่านให้วิ่งกลับบ้าน โดยมิให้เหลียวหลังไปดูต้นไม้นั้นเป็นอันขาด ครั้นเมื่อถึงบ้านแล้วจึงเอารากรักซ้อนและรากยมนั้นปิดทองคำแผ่นให้งดงาม แล้วเอาคั่นกลางใจบ้าน พลีมาด้วนคาถา นะ มะ พะ ทะ หยิบมือหนึ่ง ห่อด้วยกระดาษว่าว ตั้งไว้หน้ารากรักและยมพร้อมด้วย สำรับกับข้าวเล็กๆ เป็นการบวงบนแด่วิญญาณของรักยม กระทำดังนั้นแล้ว พอได้เวลาสมควร (กะว่าจุดธูปหมดดอก) จึงนำไม้นั้นไปมอบให้อาจารย์สร้างรักยมต่อไป กาลครั้งหนึ่งในราวป่าหิมพานต์อันเป็นที่บำเพ็ญพรตของเหล่าพระฤาษีทั้งหลายผู้มีอายุนับด้วยกัปป์ อยู่มาวันหนึ่งพหลปีติฤาษีออกจากอาศรมไปเที่ยวเก็บผลไม้เพื่อขบฉัน ผ่านสระน้ำแห่งหนึ่งอันมีปทุมชาติ ชูช่ออยู่ดารดาษ พหลปีติฤาษีตั้งใจจะตักน้ำใส่เต้าที่ทำด้วยผลน้ำเต้าแห่งป่าหิมพานต์เอาไปไว้บริโภคที่อาศรม ก็เหลือบไปเห็นกุมารน้อยคู่หนึ่งอยู่ในรัตตะอุบล (บัวสายมีสีอันแดง) จึงได้เก็บกุมารน้อยนั้นนำมาเลี้ยงไว้ ยังอาศรมของตน
ครั้นกาลต่อมาเมื่อกุมารน้อยนั้นเติบใหญ่พหลปีติฤาษีจึงให้ชื่อกุมารน้อยนั้นว่า รัตตะกุมารคนหนึ่ง และยมกะกุมารหนึ่ง พร้อมกันนั้น พหลปีติฤาษีก็ได้ถ่ายทอดวิทยาคมทั้งปวงให้แก่กุมารทั้งสองนั้น เป็นอันดีสมชาติชายชาตรีทุกประการ
สำหรับรัตตะกุมารนั้นกล่าวว่าเป็นมานพน้อยมีรูปโฉมงดงาม ส่วนยมกะกุมารนั้นเล่าแม้จะด้อยในทางรูปสมบัติ แต่ก็มีความเชี่ยวชาญชำนาญในทางกระบวนยุทธ แลเวทย์อาคมทั้งปวง เป็นที่ชดเชยกันกับรูปสมบัติแห่งตนนั้น ไม่ยิ่งหย่อน อยู่มาเวลาหนึ่งกุมารทั้งสองซึ่งบัดนี้เป็นหนุ่มใหญ่ฉกรรจ์เข้าไปบังคับพระพหลปีติฤาษีผู้มีอุปการะดุจบิดาบังเกิดเกล้า ขอลาเข้าไปยังในบ้านในเมืองเพื่อหาโอกาสทำราชการหาความดีความชอบใส่ตนต่อไป พหลปีติฤาษีมีความอาลัยยิ่งนัก แต่ด้วยความเป็นผู้นำบำเพ็ญพรตสละโลกียวิสัยจึงตัดความอาลัยรักเสียนั้นได้ แล้วสั่งกำชับแก่กุมารทั้งสอง ผู้บุตรบุญธรรมนั้นว่ามาตร์แม้นได้เข้ารับราชการงานเมืองเป็นทหารแห่งพระราชา ณ แคว้นใดแล้ว อย่าไปถือว่า ตนเป็นผู้มีวิชาเก่งกล้าทำลายชีวิตมุนษย์และสัตว์โดยไม่จำเป็นเป็นอันขาด จงตั้งใจอยู่ในความไม่ประมาท อย่าทำอันตรายแก่ผู้ด้อยกว่าตนรัตตะกุมารและยมกะกุมารนพน้อยก็รับคำพหลปีติฤาษี แล้วออกจากอาศรม ของพระผู้มีคุณนั้นไปด้วยใจรันทดยิ่งนัก
เมื่อมานพน้อยทั้งสองออกจากพหลปีติฤาษีอาศรมไปไม่นานเท่าใดนัก เขาก็ได้เข้าไปเป็นทหารอาสาอยู่กับพระราชา ผู้ครองแคว้นแห่งหนึ่ง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตประกอบกับความเป็นผู้มีฝีมือแห่งฤาษีบุตรทั้งสอง รัตตะกุมารได้ตำแหน่ง ทหารเอกแห่งแคว้น ส่วนยมกะกุมารได้ตำแหน่งที่ปรึกษาราชการงานแผ่นดินแห่งแคว้นในเวลาต่อมา ด้วยรัตตะกุมารนพเป็นผู้ที่มีรูปโฉมสง่างามสมชายชาตรีดังกล่าวแล้ว จึงเป็นที่เสน่ห์หาและหลงใหลแก่ราชธิดา ของพระราชาแคว้นนั้นแต่ความรักของรัตตะกุมารมานพและเจ้าหญิงมีอุปสรรคความทราบถึงราชบิดาเข้า ก็ไม่ทรงพอพระทัย เพราะเจ้าหญิงได้ถูกหมายหมั้นปั้นมือจากกษัตริย์ผู้บิดาว่าจะให้อภิเษกสมรสกับ เจ้าชายผู้ครองแคว้นอีกแคว้นหนึ่ง ซึ่งเป็นราชตระกูลกษัตริย์เท่าเทียมกันเจ้าหญิงจึงต้องถูกพรากตัวออกไป
จากราชวังที่พระองค์เคยประทับอยู่ด้วยความเกษมสำราญมาแต่ทรงพระเยาว์ รัตตะกุมารทราบเรื่องเข้ามีความแค้นเคืองพระราชาแห่งแคว้นเจ้าเหนือหัวของตนเป็นอย่างมากและวางแผนการณ์ ที่จะฆ่าเสีย ความทราบถึงยมกะกุมารมานพเข้า ผู้ปรึกษาราชการแคว้นจึงยับยั้งแผนการณ์ร้ายนั้นได้แล้วกล่าวเตือน ให้รัตตะกุมารมานพถึงคำสั่งของพหลปีติฤาษีรัตตะกุมารมานพทหารเอกจึงเดินทางเข้าไปพบพหลปีติฤาษี เล่าเรื่อง และความตั้งใจของตนที่จะฆ่ากษัตริย์ให้ฤาษีฟัง พหลปีติฤาษีกล่าวห้ามและให้โอวาทว่า การทำลายเบียดเบียน ชีวิตมุนษย์นั้นเป็นบาปมหันต์เวรจักไม่สิ้นสุด ชาตินี้เราฆ่าเขา ต่อชาติหน้าเวรนั้นจักสนองตอบ เขาต้องฆ่าเรา เป็นการตอบแทนบ้าง เป็นอย่างนั้นไม่มีที่สิ้นสุดแต่ความรักทำให้รัตตะกุมารตามืดตามัวเสียแล้ว ด้วยความคั้งแค้น และพิษแห่งความคั่งแค้นและพิษแห่งความเสน่หา รัตตะกุมารผู้มีฝีมือลืมถ้อยคำของพหลปีติฤาษีเสียสิ้น เขาเดินทางกลับเข้านคร ลอบเข้าไปในที่บรรทมของกษัตริย์ ใช้ดาบคู่มือทำร้ายพระราชาถึงสิ้นพระชนม์ เมื่อล้างแค้นแก่ผู้ที่พรากดวงใจเขาให้หลุดลอยไป แล้วรัตตะกุมารมานพก็กลับไปรับสารภาพผิดกับพหลปีติฤาษี พหลฤาษีเสียใจเป็นอย่างมากที่ศิษย์ของตนละเมิด โอวาทคำสั่งสอน รัตตะกุมารมานพผู้โสภาจึงสละเพศฆารวาสวิสัย ขอบวชประพฤตพรหมจรรย์บำเพ็ญพรตอยู่จนกว่า จะสิ้นชีวิตของตน รัตตะฤาษีเป็นผู้บำเพ็ญพรตมีศีลวัตรอันเคร่ง ครั้นเมื่อกาลจะสิ้นอายุขัย พหลปีติฤาษีเห็นใจได้ถามว่า รัตตะฤาษีปรารถนาพรอันใด ท่านทหารเอกแห่งแคว้นผู้พราดรักจึงตอบไปว่า แม้นไปเกิดในชาติปางใดก็ดี ขอให้มีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนทั้งปวง ขออย่าให้มีศัตรูด้วยประการใดๆ เลย พหลปีติฤาษีว่าท่านเป็นผู้ฆ่าผู้เบียดเบียนอยู่จักยัง ไม่ไปเกิดในมุนษย์โลกได้ทันทีหรอก แต่ด้วยบารมีที่สร้างไว้แต่ปัจจุบันชาติในมัชฌิมวัยคือขณะนี้มีอยู่บ้าง กรรมจะมีปัจจัยให้เป็นวัตถุสิ่งหนึ่งที่มีชีวิตแต่หามีจิตใจไม่ วัตถุสิ่งนั้นจะมีคุณดั่งคำขอนั้นเถิด กล่าวพรจบ รัตตะฤาษีก็ถึงกาลกริยาและ ณ ที่ตรงอศุภแห่งรัตตะฤาษีนั้นต่อมาก็ได้บังเกิดพืชชนิดหนึ่งขึ้น มีดอกอันซ้อน มีสรรพคุณเป็นที่รักที่ชอบแก่คนทั้งปวงดั่งพรแห่งพหลปีติฤาษี คนทั้งหลายเรียกพืชนั้นว่า ต้นรักซ้อน ส่วนยมกะกุมารมานพ ครั้นภายหลังเมื่อย่างเข้าสู่วัยชราก็สละเพศฆราวาสวิสัย ออกบวชและจำศีลภาวนาอยู่ ณ ตรงอาศรมแห่งรัตตะกุมารผู้สหายกำเนิดนั้น จวบจนสิ้นอายุขัย ณ ตรงที่ยมกะกุมารฤาษีอดีตแห่งที่ปรึกษา ของพระราชากระทำกาลกิริยาดับขั้นธ์ลงไปก็บังเกิดเป็นพันธุ์แห่งผลไม่ชนิดหนึ่งชูช่อส่งผลอยู่เคียงคู่ต้นรักซ้อนนั้น คนทั้งลายเรียกกันว่าต้นยมกะ แล้วเพี้ยนกันมาจนเป็นมะยมในทุกวันนี้ ด้วยเรื่องราวแห่งความเป็นมาของรักซ้อนและมะยมมีมาด้วยมุขปาฐกดังกล่าวนี้ พระเกจิอาจารย์เจ้าท่าน จึงนำส่วนแห่งต้นไม้ทั้งสองมาแกะเป็นรูปกุมาร หมายเอาถือรัตตะกุมารและยมกะกุมารผู้กำเนิดแต่รัตตะอุบล เมื่อใช้ศิลปะการแกเป็นภาพกุมารทั้งสองนั้นแล้ว ก็ให้นามสั้นๆ ว่า "รักยม" อันคุณภาพของรักยมนั้น ท่านว่า อยู่กับผู้ใดเมื่อบำรุงเลี้ยงเขาทั้งสองจนดีแล้ว กุมารนั้นก็จะให้คุณเป็นการตอบแทนแก่เจ้าของอย่างสมใจ หรือตามแต่ท่านจะปรารถนาเป็นเอนกประการ
credit  http://www.bbznet.com/scripts/view.php?user=aramee&board=5&id=1&c=1&order=lastpost

ออฟไลน์ poommv41

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 79
  • เพศ: ชาย
  • จะยอมตายหมายให้เกียติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
    • MSN Messenger - poommv41@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23 ต.ค. 2551, 12:35:06 »
ขอบคุณ

ออฟไลน์ อชิตะ

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 3218
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - aston_25@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 23 ต.ค. 2551, 01:24:17 »
เรื่องราวน่าสนใจมากครับ  รักยมน่ารัก น่าเลี้ยง

ออฟไลน์ น้องลิงน้อย

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1127
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 23 ต.ค. 2551, 02:50:28 »
อยากเลี้ยงเหมือนกัน แต่ก็กลัวๆ กล้า นะ วันก่อนไปบางพระ ว่าจะเช่ามาเลี้ยง ก็กลัวว่าจะเลี้ยงเค้าไม่ดี ก็เลยคิดว่าอย่าพาเค้ามาดีกว่า ไว้ให้พร้อมกว่านี้ 
ก็ศึกษาหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะ อย่างว่าล่ะ ให้พร้อมก่อน :054:

ออฟไลน์ MR.saddd

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 89
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 23 ต.ค. 2551, 06:48:03 »
ขอบคุณครับ

 :054: :054: :054:

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 23 ต.ค. 2551, 10:53:19 »
สุดยอดรักยมในตำนาน ก้ต้องยกให้ ของหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอกครับ
หายากสุดๆ  :095:
เราเป็นศิษย์คิดมีครูดูก่อนเถิด อย่าละเมิดคำครูที่พร่ำสอน
ปุถุชนคนธรรมดาพึงสังวรณ์ ครูท่านสอนมอบสิ่งดีแก่เราๆ

ออฟไลน์ ...ปราณจิต...

  • ที่ปรึกษา
  • *****
  • กระทู้: 326
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 24 ต.ค. 2551, 11:30:52 »
ขอบคุณที่นำบทความมาให้ศึกษาครับ
-๐ความเชื่อที่ดี มักก่อเกิดสิ่งที่ดีตามมา
       ปาฏิหารเกิดได้ถ้าใจยึดมั่น๐-

-๐พระดีไม่บูชาก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนดิน
   สักแล้วไม่รักษาถึงเวลาใครเล่าจะช่วย
      หมั่นทำกรรมดีคุณพระคุ้มครอง๐-

                 -๐ปราณจิต๐-

ออฟไลน์ Mx_GuS

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 100
  • เพศ: ชาย
  • จังหวัดนครศรีธรรมราชครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: มูลเหตุที่มา รัก-ยม
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 28 ต.ค. 2551, 06:09:24 »
เลี้ยงอยู่พอดีเรย
อิอิ
ขอบคุณาำหรับข้อมูลดีๆครับ


ความศรัทธา คือ เบื้องต้นของปาฎิหาริย์



+++ เสือนอนอย่าคิดว่า...เสือหลับ+++

+++ เสือไม่ขยับอย่าคิดว่า...เสือตาย +++

+++ เสือไม่มีลาย...ใช่กัดใครไม่เป็น +++