ดีครับ เขี้ยวเสือกลวง ถือว่าเป็นทนสิทธิ์ มีดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ของประเภทนี้ก็อาทิเช่น เขี้ยวหมูป่าตัน , งากำจัด , งากำจาย , งากระเด็น ฯลฯ สุดยอดครับท่าน
จากที่พี่เค้าพูดเรื่อง ของทนสิทธิ์ เลยสนใจไปหาข้อมูลเพิ่ม พบว่า มีเยอะมากมายเหลือเกิน วันนี้ขอรวบรวมแบ่งปันเรื่องเกี่ยวกับ เหล็กไหลก่อน เผื่อมีเพื่อนๆ ที่สนใจเหมือนกัน ^^
ประเภทของเหล็กไหลคำเรียกของเหล็กไหลนั้นเรียกกันได้หลายอย่าง บ้างก็เรียกเหล็กหลายบ้าง สมิงเหล็ก(เหล็กที่มีสมิงหรือวิญญาณครอง)บ้าง ประเภทของเหล็กไหลหรือสิ่งที่ใกล้เคียงเหล็กไหลที่ผู้รู้ได้แยกประเภทไว้นั้นมีมากมายหลายประเภทดังนี้ (ขอโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับผมเพียงแต่รวบรวม เรียบเรียงให้อ่านพอประดับความรู้เท่านั้น ข้อมูลเหล่านี้ ยังขาดการชำระสะสาง ถึงที่มา ความน่าเชื่อถือและความถูกต้องอยู่มาก คำเรียกบางคำบางประเภทผู้รู้บางท่านก็กล่าวแย้งว่า เป็นคำเรียกที่แต่งขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นธรรมดาปกติวิสัยเรื่องทางโลก ที่ที่ใดมีผลประโยชน์ที่นั่นย่อมมีการแสวงหาผลประโยชน์ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ)
๑. เหล็กไหลโกฏิปี ภาพ : เหล็กไหลโกฏิปี สัณฐานดำออกน้ำเงินดั่งสีปีกแมงภู่ หรือดำออกเขียวดั่งสีปีกแมลงทับ
เหล็กไหลประเภทนี้มีสีสันวรรณะเขียวเหมือนสีของปีกแมลงทับ พบในที่ลึกล้ำอันสงบวิเวก เช่นในถ้ำหรือป่าลึกที่ผู้คนเข้าไม่ถึง เชื่อกันว่าเป็นฤๅษีที่ทิ้งสังขารเดิมของตนเองไว้ แล้วอาศัยอยู่ในสังขารใหม่คือสังขารในรูปเหล็กไหล เพื่อการบำเพ็ญตบะและการทรงฌานอันยาวนานนับหมื่นนับโกฏิปี สามารถยืดได้หดได้ ทรงชีพด้วยการเสพน้ำผึ้ง บางตำราท่านกล่าวว่า เหล็กไหลโกฏิปีนี้ สร้างจากฤๅษีกไลโกฎ ผู้สำเร็จฌานสมาบัติ เมื่อดูจากข้อมูลหลาย ๆที่เหล็กไหลประเภทนี้เป็นเหล็กไหลที่มีตำราโบราณรองรับจริง ๆ แต่ท่านก็จะเรียกเพียงว่า ?เหล็กไหล? เท่านั้นครับ
๒. เหล็กไหลเจ้าป่า (เหล็กไหลไพร บางตำรา) เหล็กไหลประเภทนี้มีวรรณะสีดำนิลเป็นมันเลื่อมเมื่อกระทบแสงสว่าง ผิวค่อนข้างหยาบ ไม่เนียนเหมือนเหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลเจ้าป่าชอบเล่นกับไฟ ยืดได้หดได้เหมือนเหล็กไหลโกฏิปี แต่แปลกตรงที่ถ้าทำหลุดจากมือ หล่นลงดินจะหายไปทันที เพราะถูกพวกยักษ์คนธรรพ์ที่ตามจ้องจะแย่งชิง ถือโอกาสหยิบฉวยไปนั่นเอง หรืออีกประการหนึ่งท่านอาจไม่ต้องการอยู่ด้วยนั่นเอง การได้มาส่วนใหญ่ท่านมักจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ให้พระธุดงค์ที่ท่านจาริกหาความสงบวิเวกในการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิกลางป่าเขา ได้ไว้ใช้ป้องกันภยันตรายต่าง ๆ อีกนัยหนึ่งคงด้วยภพภูมิต้องการจะสร้างบุญกุศลด้วยการคุ้มครองพระรัตนตรัยกระมัง
๓. เหล็กไหลย้อย เหล็กไหลประเภทนี้เป็นเหล็กไหลที่ตายซากแล้ว มีลักษณะไหลย้อยติดอยู่กับหิน ตามหลืบถ้ำที่ลึกลับอับชื้น ลักษณะวรรณะแข็งกรอบยาวเป็นคืบเป็นศอก บางชิ้นยาวเป็นวาก็มี สีเขียวปนดำด้านไม่มีแวว ไม่กินน้ำผึ้ง พวกผีป่าอสุรกายชอบถือโอกาสอาศัยอยู่ เมื่อถูกไฟจะไม่ยืด-ไม่หด ไม่กินน้ำผึ้ง แม่เหล็กดูดไม่ติด(มีธาตุเหล็กในตัวน้อย) มีฤทธิ์มีอานุภาพเล็กน้อย คือทำให้แคล้วคลาดยิงไม่ถูกฟันไม่ถูกเพราะมีมายาหลอนในตัวมันเอง เกจิอาจารย์บางท่านเรียกเหล็กไหลประเภทนี้ว่า ?พญาเหล็ก?
เป็นเหล็กไหลประเภทที่เกจิอาจารย์บางท่านที่มีกฤตยาคมสูงสำเร็จฌานสมาบัติ พลังจิตแก่กล้า มักจะไปแสวงหานำมาปลุกเสก ให้เกิดอานุภาพเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ถ้าปลุกเสกดี ๆ อาจจะเป็นมหาอุด ห้ามปืน ห้ามระเบิดได้
เกจิอาจารย์ทางประเทศเมียนม่า ชอบเอาเหล็กไหลย้อย หรือพญาเหล็กนี้ไปสร้างพระพุทธรูป โดยหลอมตัวด้วยไฟอาคมให้ละลายจนกลายเป็นสีดำมันวาวคล้ายนิลบ่อเก่า เมื่อสร้างเป็นพระพุทธรูปแล้ว องค์พระจะมีสีดำมันวาวเหมือนนิลที่สวยงามมาก มีอานุภาพทางโชคลาภ แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี สามารถทำลายอาถรรพณ์ทุกชนิด มีมายาภาพในตัวเอง ทำให้หายตัวได้ชั่วครั้งชั่วคราว
๔.เหล็กไหลเพลิง เหล็กไหลประเภทนี้มีรูปพรรณสัณฐานและสีสันวรรณะคล้ายอิฐมอญ เป็นประกายสดใส ถ้าหมุนเล่นกับความสว่างในห้อง จะเกิดภาพหลอนดูคล้ายกับงูเลื้อยบิดเบี้ยวไปมา สามารถสร้างภาพมายาหลอกหลอนได้นานาชนิด ชอบกินน้ำผึ้ง เอาไฟลนยืดได้เหมือนตังเม บางอาจารย์เรียกว่า ?เหล็กประสานกาย? เพราะจะสร้างมายาหลอกให้เจ้าของที่ถูกอาวุธมีคมฟันแทงนั้นเกิดบาดแผล แล้วไม่นานร่างกายที่ขาดจะกลับประสานกันเหมือนเดิม
อีกตำราหนึ่งกล่าวว่า เป็นเหล็กไหลที่พอหาได้ไม่ยาก พบอยู่ในถ้ำต่าง ๆ หลายแห่ง ฝังตัวเองอยู่ตามเพดานและผนังถ้ำที่มีลักษณะเหมือนผงฝุ่นละเอียด ออกสีแดงหรือน้ำตาล องค์ขนาดเมล็ดถั่วเขียวหรือใหญ่กว่า หากลองอธิษฐานจิตจับดูจะรู้สึกว่าร้อนเหมือนไฟ เชื่อว่าสามารถแสดงภาพมายาหลอกหลอน ทำให้ศัตรูตกใจกลัวได้
สำหรับนักแสวงหาต้องพึงระวังไว้ หากเป็นเหล็กไหลเพลิงแท้ต้องกินน้ำผึ้งและยืดด้วยไฟได้ หากยืดไม่ได้มักจะเป็นหินลูกรัง หรือหินแห่ ด้วยเพราะลักษณะรูปพรรณใกล้เคียงกันมาก อีกประการจะมองดูคล้ายเหล็กตาน้ำ หากเป็นเหล็กตาน้ำมักจะออกสีน้ำตาลปนเขียว และจะพบได้ตามแหล่งที่มีน้ำหรือที่ชื้นครับ
๕.เหล็กไหลน้ำ หรือเหล็กไหลตาน้ำ
คำโบราณท่านเรียกว่า ?เหล็กตาน้ำ? เหล็กไหลประเภทนี้มีวรรณะสีเขียวปนดำ เป็นมันด้าน ๆ ไม่แวววาวเท่าไรนัก ลักษณะย้อยเป็นรูปหยดน้ำชอบเกาะอยู่ตามตาน้ำในซอกหินลึกลับ การค้นหานอกจากต้องมีวิชาอาคมแล้วยังต้องสังเกตตรงตาน้ำที่ไหลผ่านบริเวณหินผาที่มีตะไคร่น้ำสีเขียวเกาะอยู่มากๆ ให้ค่อยๆ เอามือแหวกหาดูก็จะพบเหล็กไหลน้ำที่มักหมกตัวซ่อนอยู่ในตะไคร่น้ำ ถ้าเห็นยังก้อนเล็กอยู่ให้ใช้อาคมผูกล้อมเอาไว้ บอกเจ้าถ้ำเจ้าป่าให้ช่วยรักษาไว้ด้วย แล้วอีก 3-7 วันค่อยกลับมาจะพบว่า งอกขึ้นได้เหมือนเห็ดโคนที่ยังตูม ถ้าเอาไฟลนจะยืดออกไม่มาก แต่ไม่หดกลับอีกเลย กินน้ำผึ้งไม่มาก แต่ชอบกินน้ำมะพร้าวอ่อน ถ้าเอาลงไปแช่ จะเปล่งรังสีให้เห็นได้ในเงามืดเป็นคล้ายสีแดงเรื่อๆยามรุ่งอรุณ เหล็กไหลน้ำมีอานุภาพทางคงกะพันชาตรี กำบังตาลองหน และเป็นมหาอำนาจ ทำให้คนขามคนเกรง เมื่อหลายปีมานี้มีการขุดค้นพบตามกรุร้างปรางค์ขอม หลายแห่งในภาคอีสาน
๖.เหล็กไหลชีปะขาว เหล็กไหลประเภทนี้มีสีขาวหรือสีขาวออกเหลือง เกจิอาจารย์บางท่านเรียกว่า ?พญางูเผือก? ?ไข่มุกถ้ำ? หรือ ?ไข่มุกกวนอิม? หรือ ?ไข่นกการเวก? พระลามะทิเบตมักมีไว้ประจำตัว เพราะมีมากในถ้ำเขตภูเขาในประเทศทิเบต ส่วนในประเทศเราจะพบเห็นตามถ้ำทางภาคเหนือ และลึกเข้าไปในแคว้นเชียงตุงของพม่า และทางประเทศลาวตอนเหนือ เพราะเหล็กไหลชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคล้วคลาดล่องหนหายตัวได้ชั่วคราว ถูกไฟไม่ยืด แต่ถ้าใช้คาถาอาคมจะยืดได้ มีมายาในตัว ขยายใหญ่ได้เล็กลงได้ ถ้าจะนำไปสร้างพระเครื่องจะต้องใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุ หรือให้อธิษฐานทำน้ำมนต์ก็ใช้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องบดเขา เพราะถ้าหากพลังจิตไม่แก่กล้าพอก็จะทำไม่ได้ หรืออาจเป็นเวรภัยได้
เหล็กไหลชีปะขาวใช้แทนเพชรได้ในกรณีต้องการตัดกระจก สามารถตัดกระจกให้ขาดได้ เพราะมีความแข็งพอๆ กับเพชร เหล็กไหลชีปะขาวทุบไม่แตก ตัดไม่ขาด เหล็กไหลชีปะขาวสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า ผู้ครอบครองจะหมดสิ้นอายุขัย หรือมีเคราะห์ร้ายถึงตายเมื่อใด เมื่อนั้นเหล็กไหลชีปะขาวก็จะถือโอกาสล่องหนอันตรธานหายไป
การบวงสรวงเหล็กไหล หรือวัตถุต่าง ๆในตระกูลเหล็กไหล ตำราการบวงสรวงและการตัดเหล็กไหลนั้นมีหลากหลายตำราด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นที่หวงแหนและอนุญาตให้เรียนกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้มีการตัดแบ่งเหล็กไหลค่อนข้างแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเหล็กไหลจำพวกเหล็กทรหด หรือจำพวกโคตรเหล็กไหลเสียมากกว่าซึ่งมักเป็นหินแร่ที่มีกายสิทธิ์ หรือมีอิทธิคุณ คือมีดีในตัว อีกนัยหนึ่งคือแร่ที่สามารถอธิษฐานประจุพลังงานได้โดยง่าย เพราะอาศัยรูปลักษณ์ หรือที่มาที่ก่อให้เกิดศรัทธานั่นเอง แต่แร่นี้ไม่มีวิญญาณครอง(ซึ่งคำว่าไม่มีวิญญาณครองนี้อาจจะมีจิตครองก็ได้ คือจิตที่หวงแหนเฝ้าดูหรือคอยรักษาเอาไว้ หรือมีพลังงานที่ภพภูมิได้คงเอาไว้ ทั้งตั้งใจก็ตามหรือไม่ตั้งใจก็ตาม)
สำหรับเหล็กไหลที่มีวิญญาณครองนั้นคงไม่ใช่เป็นการง่ายนักที่จะบวงสรวงตัดแบ่งมาง่าย ๆ เพราะเหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยู่ในหุบเขาและเถื่อนถ้ำที่ไม่ง่ายนักที่คนทั่วไปจะเข้าถึง ส่วนใหญ่ท่านมักจะเป็นฤๅษี-ดาบสที่เบื่อสังขาร จึงทรงสังขารในรูปลักษณ์เหล็กไหล โดยอาศัยเสพอาหารคือน้ำผึ้งเพื่อเลี้ยงตัวเลี้ยงธาตุขันธ์ แต่เหล็กไหลบางประเภทที่มีวิญญาณครองนั้นบางทีก็จัดเป็นภพภูมิพิเศษบางอย่าง ก็อย่าไปรู้เรื่องราวของเขามากเลยครับ และก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ ให้ท่านบำเพ็ญเพียรตบะเดชะของท่านไป อย่าไปแสวงหา อย่าไปรบกวนสร้างความเดือดร้อนให้ท่านเลย(เว้นแต่ท่านจะมาหาเอง ด้วยบุพกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล) แสวงหากันเพียงตระกูลเหล็กทรหดหรือโคตรเหล็กไหลก็พอครับ อธิษฐานจิตดีๆก็มีพุทธคุณอิทธิคุณรอบด้านแล้ว
ก่อนที่จะกล่าวถึงวิธีบวงสรวงเหล็กไหลนั้นก็จะกล่าวถึงประเภทของเหล็กไหลไว้พอสังเขป เพื่อสงวนตำราโบราณเอาไว้มิให้บิดเบือนไปมากกว่านี้ ที่เขาเรียกเหล็กไหลสุริยันบ้าง เหล็กไหลจันทราบ้าง เหล็กไหลน้ำหนึ่งน้ำสองน้ำรองบ้าง พึงทราบด้วยว่าเป็นคำที่แต่งมาใหม่ เพื่อเรียกขานแบ่งประเภทกันเองในยุคหลัง บางคำก็แต่งมาใช้ในภาพยนตร์เท่านั้น มิได้มีกล่าวไว้ในคำศัพท์โบราณแม้แต่ประการใด