:054:เมื่อสายลม พัดผ่าน ม่านหมอกเมฆ
แว่ววิเวก เสียงลม ประสมสาน
อาทิตย์ลับ ขอบฟ้า มาเนิ่นนาน
เข้าสู่กาล ราตรี ที่มืดมน
:059:ชีวิตดั่ง เรือน้อย ลอยโต้คลื่น
ผ่านวันคืน ตื่นหลับ ให้สับสน
เหมือนอยู่ใน โลกกว้าง และวังวน
หลากผู้คน ผ่านมา แล้วจากไป
:060:เป็นแค่เพียง คนรู้จัก มาพักผ่อน
แล้วก็จร จากลา เมื่อฟ้าใส
สายสัมพันธ์ เส้นนั้น ไม่ยาวไกล
เมื่อเขาได้ ก็จากลา ไม่อาวรณ์
:069:คำโบราณ ท่านกล่าว ให้เราคิด
เมื่อมั่งมี หมู่มิตร หน้าสลอน
ยามจนยาก เพื่อนจาก ดั่งคำกลอน
ให้สะท้อน น้อยใจ ในบางครา
:054:ที่เราคิด ว่ามิตร เพราะชิดใกล้
แต่ใช่คน รู้ใจ ที่โหยหา
คำว่ามิตร นั้นต้องผ่าน กาลเวลา
พิสูจน์ว่า เป็นมิตรแท้ จนแน่ใจ
:016:ระยะทาง พิสูจน์ กำลังม้า
กาลเวลา พิสูจน์ ยุคสมัย
เมื่อยามทุกข์ ใครให้ กำลังใจ
ช่วยแก้ไข คือมิตรแท้ ที่แน่นอน
:053:มารวมใจ สายใย สายสัมพันธ์
ช่วยเหลือกัน ยามที่ เพื่อนทุกข์ร้อน
ตามกำลัง ช่วยเหลือ เอื้ออาทร
ขออ้อนวอน สักครั้ง ด้วยหวังดี
:054:มาร่วมมือ รวมใจ ให้ประจักษ์
มาแสดง ความรัก และศักดิ์ศรี
มาแสดง น้ำใจ และไมตรี
มอบสิ่งดี แก่เพื่อน เตือนความจำ
:053:มิตรภาพ ของพวกเรา เมื่อเก่าก่อน
ผ่านหนาวร้อน อดอยาก และอิ่มหนำ
เคยร่วมสร้าง ความดี วีรกรรม
บุญที่ทำ กันมา พาผูกพัน
:059:คือสายใย สายสัมพันธ์ ที่มั่นคง
อยู่ดำรงค์ แน่แท้ ไม่แปรผัน
มอบความรัก กำลังใจ ให้แก่กัน
เพราะเชื่อมั่น ศรัทธา และหวังดี.....
มอบบทกวีนี้แด่เพ่อนคนหนึ่ง ที่กำลังป่วยหนัก กำลังพักรักษาตัว
เชื่อมั่น-ศรัทธาในผองเพื่อนทั้งหลาย
รวี สัจจะ
วจีพเนจร-คนรอนแรม
๒๘ มิถุนา เลี้ยงน้ำชา ระดมทุน:059:
๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๔.๒๓ น. ณ ชายป่าห้วยขาแข้ง อุทัยธานี