ผู้เขียน หัวข้อ: แบ่งกันชม  (อ่าน 2972 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ punpon

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 106
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
แบ่งกันชม
« เมื่อ: 17 มิ.ย. 2552, 01:57:17 »

ออฟไลน์ ณ.อยุธยา

  • "รักแม่มากครับ"
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1374
  • เพศ: ชาย
  • "ชาติหน้า-ไม่ขอ-มาเกิด"
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: แบ่งกันชม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 17 มิ.ย. 2552, 07:18:45 »
เขาเรียกว่าอะไรเลอครับผม เพิ่งเคยเห็นนะครับ :049:

ออฟไลน์ nok2009

  • ที่ปรึกษา
  • *****
  • กระทู้: 1672
  • เพศ: ชาย
  • แท้เทียมอาจคล้ายกันจงเชื่อมั่นในตนเอง
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: แบ่งกันชม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 17 มิ.ย. 2552, 07:35:26 »
ไม่ทราบเหมือนกันว่าพระอะไรครับ ฤาษีหรือเปล่าครับ หรือพระบัวเข็ม หรือพระไอยคุป รอผู้รู้ดีกว่าครับ

ออฟไลน์ Pig_Never_Die

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 264
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: แบ่งกันชม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 17 มิ.ย. 2552, 10:42:40 »
เรียกว่าพระกริ่งตั๋กแตนครับ รายละเอียดตามนี้ครับ

พระกริ่งตั๊กแตน แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าพระกริ่ง แต่ไม่ใช่พระเช่นเดียวกับพระกริ่งอื่นๆ ซึ่งเดิมทีนั้นจะเรียกว่า กริ่งตักแตน แต่ภายหลังเดิมชื่อเป็น พระกริ่งตักแตน

  นายวันชัย สุพรรณ เจ้าของรายการ "วัดดี พระเครื่องดัง พระเกจิขลัง" ออกอากาศทางสถานีวิทยุ จส.๑ และผู้ดำเนินรายการ "คุยเฟื่องเรื่องพระ" ทางเคเบิลทีวีเอ็นวี ๑ อธิบายให้ฟังว่า พระกริ่งตั๊กแตน (พระกริ่งเขมร) จัดเป็นพระกริ่งนอกอีกชนิดหนึ่ง ที่ปรากฏนิยมเช่าหากันอย่างกว้างขวาง และมีค่านิยมสูง  มีกำเนิดมาจากประเทศเขมร สร้างขึ้นตามตำรับไสยศาสตร์ อันสืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์ ที่กล่าวถึงพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่อยู่หลายต่อหลายพระองค์ด้วยกัน เช่น พระอิศวร ผู้เป็นเจ้าโลก หรือที่เรียกว่า พระศิวะ พระวิษณุ และพระนารายณ์ ผู้เป็นใหญ่

 พระกริ่งตั๊กแตน ซึ่งสร้างในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ผู้เปลี่ยนแปลงจากเทวสถานมาเป็นพุทธสถาน มีประวัติประสบการณ์อภินิหารมากมาย จากปากปู่ย่าตายาย มาสู่ถึงคนในยุคปัจจุบัน ก็เลยเป็นที่เสาะแสวงหาของนักนิยมสะสมพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ซึ่งทุกท่านมีความเชื่อกันว่า
เมื่อ ได้กริ่งเขมร ไม่ว่าจะเป็นยุคต้น ยุคกลาง หรือยุคปลาย นำมาบูชาพกพาติดตัว ความเป็นสิริมงคลก็จะเกิด เรื่องของสิ่งที่เป็นอัปมงคล ก็จะไม่มีเกิดขึ้นแน่นอน

 กำเนิดของพระกริ่งตั๊กแตน จากศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นนารายณ์อวตารปางหนึ่ง พระกริ่งตั๊กแตนแบบต่างๆ ที่อยู่ในความนิยม การเรียกชื่อพระกริ่งตั๊กแตนตามสัณฐานบัว การวิวัฒนาการของอักขระตามยุคตามสมัย

 โดยปกติแล้ว พระนารายณ์ท่านจะบรรทมสินธุ์เหนือปฤษฎางค์พญานาค ในเกษียรสมุทรเป็นประจำ  เมื่อเกิดเหตุการณ์ในเทวโลกก็ดี เหนือในมนุษย์โลกก็ดี เมื่อพระอิศวรผู้เป็นเจ้าจอมโลกไม่สามารถจะปราบปรามได้สำเร็จ ก็จะไปอัญเชิญพระนารายณ์ขึ้นมาจากเกษียรสมุทรอวตารจุติขึ้นมาปราบปรามยุค เข็ญกันเสียที เป็นเช่นนี้ตลอดมา

 ดังมีรายละเอียดปรากฏอยู่ในเรื่อง พระนารายณ์สิบปาง และจากสมณาวตาร ซึ่งเป็นการอวตารของพระนารายณ์ปางหนึ่ง ที่ขึ้นมาจากเกษียรสมุทร เพื่อปราบยุคเข็ญในเทวโลก อันเป็นที่มาของ พระกริ่งหน้าตั๊กแตน ซึ่งมีเค้าเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

 อันว่า พระอิศวร ผู้เป็นจอมโลกซึ่งทรงมีฤทธิ์เดชเป็นอันมาก เฝ้าปกปักรักษาทั้งสามโลกว่ากันอย่างนั้นเถอะ แต่ทว่าท่านใจดีเป็นอย่างยิ่ง มักจะเผลอตัวให้พรเหล่าอสูรผู้ประพฤติดีประพฤติชอบอยู่เสมอๆ จนกระทั่งเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ใน สมณาวตาร นั้นได้กล่าวถึงอสูรตนหนึ่งผู้เป็นเจ้าพระนครโสพัศชื่อ ตรีบุรำ เจ้าอสูรตนนี้แสร้งกระทำความดีความชอบโดยซ่อนเจตนาร้ายไว้ภายในตามนิสัยอสูร ร้าย ใจพาลประพฤติปฏิบัติอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งพระอิศวรตายใจเผลอให้พรตามที่อสูรตรีบุรำขอมาว่า อย่าให้ผู้ใดฆ่าตายด้วยศาสตราวุธใดๆ ทั้งสิ้น

 นายวันชัยอธิบาย ต่อว่า เมื่ออสูรตรีบุรำได้รับพรจากพระอิศวรแล้วคิดกำเริบเสิบสานยิ่งใหญ่ โดยไปขอพรจากศิวลึงค์ในแม่น้ำสรภู ตรีบุรำเอาทูนศีรษะไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดกำเริบฤทธิ์ เที่ยวรุกรานย่ำยีฤๅษีเทวัญทุกชั้นฟ้าให้ได้รับความเดือนร้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครสามารถที่จะปราบปรามอสูรตรีบุรำได้เลย เพราะว่าฆ่าอย่างไรตรีบุรำก็ไม่ตาย แม้แต่พระอิศวรผู้ประทานพรให้ก็ยังมีอันต้องชิดซ้ายหลีกทางให้อสูรตรีบุรำ แล้วน้ำหน้าไหนจะสู้ได้

 เฉพาะนางฟ้าสาวสวรรค์กำนัลในไม่ทราบว่าต้องตกเป็นเมียของอสูรตรีบุ รำสักเท่าไรเรียกกันว่า พวกเทวัญตลอด ๑๖ ชั้นฟ้าต้องเดือดร้อนเพราะอสูรตรีบุรำก็แล้วกันเมื่อไรไม่มีใครที่จะปราบ อสูรตรีบุรำได้ คงเหลือแต่พระเอกขี่ม้าขาวอยู่เพียงองค์เดียวคือ พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุ์อยู่ในเกษียรสมุทรต้องอวตารขึ้มาปราบปราม อสูรตรีบุรำ ในสมณาวตาร นั้นกล่าวว่า แม้แต่พระนารายณ์ก็ยังสู้ฤทธิ์อสูรตรีบุรำไม่ได้ ต้องใช้เล่ห์กระเท่เนรมิตเป็นพระไปขอบิณฑบาต ศิวลึงค์จากอสูรตรีบุรำ เมื่ออสูรตรีบุรำหลงกลมอบศิวลึงค์ให้พระนารายณ์ไปแล้ว จึงเอากล่องแก้วส่องถูกอสูรตรีบุรำถึงแก่ความตายในทันที เรื่องสมณาวตารซึงเป็นเรื่องราวของพระนารายณ์ปางหนึ่งก็เอวังลงเพียงเท่านี้

 "จากเค้าเรื่องใน สมณาวตารนี้เอง เชื่อกันว่าพระนารายณ์ปางนี้ท่านมีฤทธิ์มีเดชมาก จึงนำเอามาสร้างเป็นรูปเคารพ มีชื่อเรียกว่า พระกริ่งเขมร หรือพระกริ่งหน้าตั๊กแตนนั่นเอง ฉะนั้น กำเนิดของพระกริ่งเขมรหรือพระกริ่งหน้าตั๊กแตน จึงมิใช่รูปจำลองของพระไภษัชยคุรุ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งอวตารลงมาเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้หายจาก ความเจ็บไข้ได้ป่วย ตามนัยพุทธศาสนาลัทธิมหายานไปประเทศจีนและทิเบต แต่ทว่าสร้างเป็นรูปจำลองขององค์พระนารายณ์ในสมณาวตาร กำเนิดของพระกริ่งในประเทศจีนไทย และ ทิเบต จึงมีความแตกต่างกับพระกริ่งของเขมรที่เรียกกันว่า พระกริ่งตั๊กแตน ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น" นายวันชัย กล่าว

จาก คมชัดลึกครับ  :002: