กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: pepsi ที่ 12 ต.ค. 2553, 06:03:42

หัวข้อ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: pepsi ที่ 12 ต.ค. 2553, 06:03:42
กติกาเหมือนเดิมนะครับ..ผมจะไล่เวลาในการตอบของแต่ละท่านนะครับ..
ต้องถูกทุกข้อนะครับ


รางวัลที่1...พระผงโรยตะไบหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ..พิมพ์ใหญ่พร้อมกล่อง(หายากครับ)
รางวัลที่2...พระผงหลวงพ่อเปิ่นพิมพ์เล็กขี่เสือฝังพลอยพร้อมกล่องสวยๆครับ
รางวัลที่3...เหรียญพระพุทธ25ศัตวรรษ สวยๆพร้อมกล่อง ปี 2500
รางวัลที่4-5...เหรียญปั้มหลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส ปี 2536 พร้อมกล่อง
คําถาม ถามว่า...
1.ภาพที่เห็นนี้ ชื่อวัดอะไรครับ?   และอยู่ในจังหวัดไหน?
(http://img801.imageshack.us/img801/7580/small000062.jpg)

2.ภาพประตูนี้...ประตูทางเข้าวัดอะไรครับ?  จังหวัดอะไรครับ?

(http://img218.imageshack.us/img218/8917/1653102.jpg)

3.รูปปั้นโบราณนี้ อยู่ที่วัดอะไรครับ? และมีประวัติอย่างไรครับ?
(http://img508.imageshack.us/img508/3981/small000066.jpg)

4.พระพุทธรูปพระประธานองค์นี้ ประดิษฐ์ฐานอยู่ที่วัดอะไรครับ..(บอกชื่อแค่วัดก็ได้ครับ)
(http://img202.imageshack.us/img202/3052/small000065.jpg)

5.พระเกจิอาจารย์องค์นี้ชื่อของท่านคือ? .. ท่านอยู่วัดอะไรครับ?  จังหวัด?
(http://img139.imageshack.us/img139/8304/t9eht12474652421.jpg)
ขอให้เพื่อนๆทุกท่านโชคดีครับ.
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: KITTITUCH ที่ 12 ต.ค. 2553, 06:40:26
โอ้มึนครับ ขอเชียร์ดีกว่า งานนี้หลีกทางให้เซียนครับ :010:
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: pepsi ที่ 12 ต.ค. 2553, 07:24:08
ยากไปหรือเปล่าครับ....
ถ้ายาก...อ้าวววผมบอกให้
ข้อ1-4 อยู่ทางเหนือครับ
ส่วนข้อ5 อยู่ใต้ครับ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: umpawan ที่ 12 ต.ค. 2553, 08:18:21
ภาพที่ 5 อยู่ เมืองนครอะไรเอ่ย   :080: 
ขอบคุณพี่เป็ปซี่ด้วยครับ สำหรับกิจกรรมดีๆ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: Chotipat ที่ 12 ต.ค. 2553, 08:31:54
 :005: :005: :005:กองเชียร์มาแล้วครับ...ไม่ยากเกินไป...  :058:
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: นามมงคล ที่ 12 ต.ค. 2553, 08:32:52
ตอบข้อ 5 น่าจะเป็น หลวงปู่เขียว อินทมุนี องค์อรหันต์แห่งวัดทรงบล นครศรีธรรมราช

ส่วนข้อ 1 - 4 ยังไม่ทราบครับ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: hangman69 ที่ 12 ต.ค. 2553, 09:31:41
1.” วัดไหล่หิน ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
2..” วัดไหล่หิน ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
3.วัดไหล่หิน หรือ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม
ประวัติ ปั้นของมหาเกสรปัญโญ ขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง

ประวัติของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิดใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจำ
ขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.photoontour.com/Articles_HTML/WatLaiHin/WatLaiHin2.htm (http://www.photoontour.com/Articles_HTML/WatLaiHin/WatLaiHin2.htm)
4.” วัดไหล่หิน ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
5.หลวงพ่อเขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน ต.บางตะพงษ์ อ.ปากพนัง จ. นครศรีธรรมราช
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ~>uาJวัuทoJ<~ ที่ 12 ต.ค. 2553, 10:11:42
1.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
2.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง ตอบตามด้านบนจ้า ไม่รู้จริงๆ แห่ะๆ
3.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง รูปปั้นพระมหาเกสรปัญโญ
ลุง เป็ง ชี้ให้ผมดูรูปปั้นภายในวิหาร บอกว่านี่เป็นรูปปั้นของมหาเกสรปัญโญ ขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง
ประวัติ ของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิด ใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจ

สามเณรน้อยได้ถูกพระอาจารย์ทดสอบความสามารถด้วยการให้เรียงใบลานจากโรงธรรม โดยที่ได้แกะเชือกที่ผูกใบลาน ออกหมด ทุกใบ ทุกกัณฑ์ และให้สามเณรเกสรจัดเรียงใหม่ ซึ่งก็ได้จัดเรียงอย่างถูกต้องครบทุกกัณฑ์ภายในเวลาไม่นานนัก
สร้างความแปลกใจให้กับผู้พบเห็น จนมีผู้เกรงขามในตัวสามเณรน้อยผู้นี้
จ.ศ. 1012 (พ.ศ. 2193 ) ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยมีนามว่า “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” และได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสใน เวลาต่อมา
พระ มหาเกสร เป็นพระนักปฏิบัติที่มีความรู้แตกฉานในการเขียนธรรม (จาร) ลงบนใบลานเป็นอักขระพื้นเมืองเหนือได้วันละมากๆ จนมูลเหล็กจาร(ขุยใบลาน) เต็มกะลามะพร้าว ซึ่งหาผู้เสมอเหมือนไม่ได้
ตาม ประวัติของท่านที่ปรากฏในเรื่องปฏิหาริย์ ก็มีเล่าว่า ท่านออกไปบิณฑบาตยังแดนไกลถึงหมู่บ้านไทยใหญ่แคว้นเชียงตุง ประเทศพม่าอยู่ทุกเช้า จนมีผู้ เลื่อมใสศรัทธา อยู่มาวันหนึ่งเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงได้นมัสการถามว่า
” ท่านจำพรรษาอยู่วัดใด ”
ซึ่งท่านก็ตอบในเชิงปริศนาว่า
“ เจริญพร อาตมาอยู่วัดขบไม่แตก ”
เจ้า ฟ้าเมืองเชียงตุงได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหารอำมาตย์ค้นหาวัดจนทั่วเมืองเชียง ตุง แต่ก็ไม่พบวัดดังกล่าว และด้วยแรงศรัทธา ของเจ้าฟ้าฯที่มีต่อท่านมหาเกสร จึงสั่งให้ทหารนำมะพร้าวมาปอกเปลือกและขูดให้เกลี้ยง แล้วผ่ามะพร้าวออกเป็นสองซีกโดยนำไปใส่บาตรซีกหนึ่ง ส่วนอีกซีกหนึ่งได้เก็บรักษาไว้ พร้อมกับบอกท่านมหาฯว่า
“ ขออาราธนาพระคุณเจ้าฉันท์เนื้อมะพร้าวแล้วกรุณาเก็บกะลามะพร้าวไว้ด้วย ข้าพเจ้าจะไปรับเอากะลาในภายหลัง ”
จาก นั้นจึงได้ให้บริวารออกติดตามหาวัดของพระมหาเถระเจ้า และกะลามะพร้าว ซึ่งต่อมาอีก 4 เดือน เสนาอำมาตย์พวกหนึ่งได้เดินทางมาเขลางค์นคร และได้สืบเสาะ จนพบว่าท่านอยู่ที่วัดไหล่หิน พร้อมกับได้นมัสการถามถึงกะลามะพร้าว มหาเกสรปัญโญเจริญพรตอบว่า ยังมีอยู่ พร้อมกับหยิบเอากะลามะพร้าวออกมาจากใต้เตียงนอน ยื่นให้เสนาอำมาตย์ เมื่อนำกะลาที่อำมาตย์นำมาจากเมืองเชียงตุง ประกบคู่กับกะลามะพร้าวที่มหาเกสรยื่นให้ปรากฏว่าเข้ากันได้พอดี จึงกราบลาและ แจ้งให้กับเจ้าฟ้าฯเมืองเชียงตุงได้ทราบ จึงได้พาข้าทาสบริวารเดินทางมาที่วัดไหล่หินโดยผ่านมาทางจังหวัดเชียงราย
ลุง เป็งได้เล่าประวัติของท่านมหาเกสรพร้อมกับชี้ให้ดูปูนปั้นรูปกะลามะพร้าว ด้านหน้าวิหารที่แสดงถึงเรื่องราวของอดีต เจ้าอาวาสวัดไหล่หิน ซึ่งเป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดเป็นอย่างมาก และวิหารที่เห็นเก่าแก่นี้ก็ด้วยแรงศรัทธา จากเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงเป็นประธานสร้างถวายเมือปี จ.ศ. 1045 (พ.ศ.2226) โดยฝีมือช่างจากเชียงตุงประเทศพม่า
4.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
5.หลวงปู่เขียว อินทมุนี องค์อรหันต์แห่งวัดทรงบล นครศรีธรรมราช ตอบตามท่านนามมงคลจ้ะ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดรัก..บางแค ที่ 12 ต.ค. 2553, 10:51:09
1.” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
2..” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
3.วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม
ประวัติ รูปปั้นของมหาเกสรปัญโญ หรือ ครูบามหาป่าขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง
ประวัติของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิดใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจำ
4.” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
5.หลวงพ่อเขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดรัก..บางแค ที่ 12 ต.ค. 2553, 11:36:38
1.” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
2 วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่  (http://[img]http://img838.imageshack.us/img838/7274/20090615213236axc.jpg)พระอารามหลวง เป็นวัดที่ตั้งอยู่เนินเขาเตี้ย สูงประมาณ 28 เมตร องค์พระธาตุช่อแฮ เป็นเจดีย์พุกามรูปแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสน บุด้วยทองดอกบวบสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร ลักษณะองค์พระธาตุตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม 1 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยม 3 ชั้นรองรับ ถัดไปเป็นฐานบัวคว่ำและชุดท้องไม้แปดเหลี่ยม ซ้อนลดชั้นกันขึ้นไป 7 ชั้น จากนั้นเป็นบัวระฆัง 1 ชั้น และหน้ากระดานหนึ่งชั้น จนถึงองค์ระฆังแปดเหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังค์ย่อมุมไม้สิบสองและปล้องไฉน ส่วนยอดฉัตรประดับตกแต่งด้วยเครื่องบนแบบล้านนา หุ้มด้วยทองจังโก้ตลอดทั้งองค์ มีรั้วเหล็กรอบองค์พระธาตุ 4 ทิศ มีประตูเข้าออก 4 ประตู แต่ละประตูได้สร้างซุ้มแบบปราสาทล้านนาไว้อย่างสวยงาม
3.วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม
ประวัติ รูปปั้นของมหาเกสรปัญโญ หรือ ครูบามหาป่าขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง
ประวัติของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิดใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจำ
4.” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
5.หลวงพ่อเขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช
ขอแก้ตัวข้อส่อบ ข้อ 2 หน่อยครับ พร้อมส่งการบ้านแล้วคร้าบ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ~>uาJวัuทoJ<~ ที่ 12 ต.ค. 2553, 11:57:09
1.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
2.วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่  ตามท่านยอดรักค่ะ ^^
3.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง รูปปั้นพระมหาเกสรปัญโญ
ลุง เป็ง ชี้ให้ผมดูรูปปั้นภายในวิหาร บอกว่านี่เป็นรูปปั้นของมหาเกสรปัญโญ ขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง
ประวัติ ของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิด ใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจ

สามเณรน้อยได้ถูกพระ อาจารย์ทดสอบความสามารถด้วยการให้เรียงใบลานจากโรงธรรม โดยที่ได้แกะเชือกที่ผูกใบลาน ออกหมด ทุกใบ ทุกกัณฑ์ และให้สามเณรเกสรจัดเรียงใหม่ ซึ่งก็ได้จัดเรียงอย่างถูกต้องครบทุกกัณฑ์ภายในเวลาไม่นานนัก
สร้างความแปลกใจให้กับผู้พบเห็น จนมีผู้เกรงขามในตัวสามเณรน้อยผู้นี้
จ.ศ. 1012 (พ.ศ. 2193 ) ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยมีนามว่า “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” และได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสใน เวลาต่อมา
พระ มหาเกสร เป็นพระนักปฏิบัติที่มีความรู้แตกฉานในการเขียนธรรม (จาร) ลงบนใบลานเป็นอักขระพื้นเมืองเหนือได้วันละมากๆ จนมูลเหล็กจาร(ขุยใบลาน) เต็มกะลามะพร้าว ซึ่งหาผู้เสมอเหมือนไม่ได้
ตาม ประวัติของท่านที่ปรากฏในเรื่องปฏิหาริย์ ก็มีเล่าว่า ท่านออกไปบิณฑบาตยังแดนไกลถึงหมู่บ้านไทยใหญ่แคว้นเชียงตุง ประเทศพม่าอยู่ทุกเช้า จนมีผู้ เลื่อมใสศรัทธา อยู่มาวันหนึ่งเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงได้นมัสการถามว่า
” ท่านจำพรรษาอยู่วัดใด ”
ซึ่งท่านก็ตอบในเชิงปริศนาว่า
“ เจริญพร อาตมาอยู่วัดขบไม่แตก ”
เจ้า ฟ้าเมืองเชียงตุงได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหารอำมาตย์ค้นหาวัดจนทั่วเมืองเชียง ตุง แต่ก็ไม่พบวัดดังกล่าว และด้วยแรงศรัทธา ของเจ้าฟ้าฯที่มีต่อท่านมหาเกสร จึงสั่งให้ทหารนำมะพร้าวมาปอกเปลือกและขูดให้เกลี้ยง แล้วผ่ามะพร้าวออกเป็นสองซีกโดยนำไปใส่บาตรซีกหนึ่ง ส่วนอีกซีกหนึ่งได้เก็บรักษาไว้ พร้อมกับบอกท่านมหาฯว่า
“ ขออาราธนาพระคุณเจ้าฉันท์เนื้อมะพร้าวแล้วกรุณาเก็บกะลามะพร้าวไว้ด้วย ข้าพเจ้าจะไปรับเอากะลาในภายหลัง ”
จาก นั้นจึงได้ให้บริวารออกติดตามหาวัดของพระมหาเถระเจ้า และกะลามะพร้าว ซึ่งต่อมาอีก 4 เดือน เสนาอำมาตย์พวกหนึ่งได้เดินทางมาเขลางค์นคร และได้สืบเสาะ จนพบว่าท่านอยู่ที่วัดไหล่หิน พร้อมกับได้นมัสการถามถึงกะลามะพร้าว มหาเกสรปัญโญเจริญพรตอบว่า ยังมีอยู่ พร้อมกับหยิบเอากะลามะพร้าวออกมาจากใต้เตียงนอน ยื่นให้เสนาอำมาตย์ เมื่อนำกะลาที่อำมาตย์นำมาจากเมืองเชียงตุง ประกบคู่กับกะลามะพร้าวที่มหาเกสรยื่นให้ปรากฏว่าเข้ากันได้พอดี จึงกราบลาและ แจ้งให้กับเจ้าฟ้าฯเมืองเชียงตุงได้ทราบ จึงได้พาข้าทาสบริวารเดินทางมาที่วัดไหล่หินโดยผ่านมาทางจังหวัดเชียงราย
ลุง เป็งได้เล่าประวัติของท่านมหาเกสรพร้อมกับชี้ให้ดูปูนปั้นรูปกะลามะพร้าว ด้านหน้าวิหารที่แสดงถึงเรื่องราวของอดีต เจ้าอาวาสวัดไหล่หิน ซึ่งเป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดเป็นอย่างมาก และวิหารที่เห็นเก่าแก่นี้ก็ด้วยแรงศรัทธา จากเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงเป็นประธานสร้างถวายเมือปี จ.ศ. 1045 (พ.ศ.2226) โดยฝีมือช่างจากเชียงตุงประเทศพม่า
4.วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
5.หลวงปู่เขียว อินทมุนี องค์อรหันต์แห่งวัดทรงบล นครศรีธรรมราช ตอบตามท่านนามมงคลจ้ะ



ปล.มาแก้ตัวค่ะ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: hangman69 ที่ 13 ต.ค. 2553, 12:15:51
1.” วัดไหล่หิน ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
2..วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
3.วัดไหล่หิน หรือ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม
ประวัติ ปั้นของมหาเกสรปัญโญ ขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง

ประวัติของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิดใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจำ
ขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.photoontour.com/Articles_HTML/WatLaiHin/WatLaiHin2.htm
4.” วัดไหล่หิน ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง
5.หลวงพ่อเขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน ต.บางตะพงษ์ อ.ปากพนัง จ. นครศรีธรรมราช

หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: beer3515 ที่ 13 ต.ค. 2553, 02:04:59
1.” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง

2 วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ พระ อารามหลวง เป็นวัดที่ตั้งอยู่เนินเขาเตี้ย สูงประมาณ 28 เมตร องค์พระธาตุช่อแฮ เป็นเจดีย์พุกามรูปแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสน บุด้วยทองดอกบวบสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร ลักษณะองค์พระธาตุตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม 1 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยม 3 ชั้นรองรับ ถัดไปเป็นฐานบัวคว่ำและชุดท้องไม้แปดเหลี่ยม ซ้อนลดชั้นกันขึ้นไป 7 ชั้น จากนั้นเป็นบัวระฆัง 1 ชั้น และหน้ากระดานหนึ่งชั้น จนถึงองค์ระฆังแปดเหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังค์ย่อมุมไม้สิบสองและปล้องไฉน ส่วนยอดฉัตรประดับตกแต่งด้วยเครื่องบนแบบล้านนา หุ้มด้วยทองจังโก้ตลอดทั้งองค์ มีรั้วเหล็กรอบองค์พระธาตุ 4 ทิศ มีประตูเข้าออก 4 ประตู แต่ละประตูได้สร้างซุ้มแบบปราสาทล้านนาไว้อย่างสวยงาม

3.วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม

ประวัติ รูปปั้นของมหาเกสรปัญโญ หรือ ครูบามหาป่าขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง

ประวัติ ของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิด ใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจำ สามเณรน้อยได้ถูกพระอาจารย์ทดสอบความสามารถด้วยการให้เรียงใบลานจากโรงธรรม โดยที่ได้แกะเชือกที่ผูกใบลาน ออกหมด ทุกใบ ทุกกัณฑ์ และให้สามเณรเกสรจัดเรียงใหม่ ซึ่งก็ได้จัดเรียงอย่างถูกต้องครบทุกกัณฑ์ภายในเวลาไม่นานนัก
สร้างความแปลกใจให้กับผู้พบเห็น จนมีผู้เกรงขามในตัวสามเณรน้อยผู้นี้
จ.ศ. 1012 (พ.ศ. 2193 ) ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยมีนามว่า “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” และได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสใน เวลาต่อมา
พระ มหาเกสร เป็นพระนักปฏิบัติที่มีความรู้แตกฉานในการเขียนธรรม (จาร) ลงบนใบลานเป็นอักขระพื้นเมืองเหนือได้วันละมากๆ จนมูลเหล็กจาร(ขุยใบลาน) เต็มกะลามะพร้าว ซึ่งหาผู้เสมอเหมือนไม่ได้
ตาม ประวัติของท่านที่ปรากฏในเรื่องปฏิหาริย์ ก็มีเล่าว่า ท่านออกไปบิณฑบาตยังแดนไกลถึงหมู่บ้านไทยใหญ่แคว้นเชียงตุง ประเทศพม่าอยู่ทุกเช้า จนมีผู้ เลื่อมใสศรัทธา อยู่มาวันหนึ่งเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงได้นมัสการถามว่า
” ท่านจำพรรษาอยู่วัดใด ”
ซึ่งท่านก็ตอบในเชิงปริศนาว่า
“ เจริญพร อาตมาอยู่วัดขบไม่แตก ”
เจ้า ฟ้าเมืองเชียงตุงได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหารอำมาตย์ค้นหาวัดจนทั่วเมืองเชียง ตุง แต่ก็ไม่พบวัดดังกล่าว และด้วยแรงศรัทธา ของเจ้าฟ้าฯที่มีต่อท่านมหาเกสร จึงสั่งให้ทหารนำมะพร้าวมาปอกเปลือกและขูดให้เกลี้ยง แล้วผ่ามะพร้าวออกเป็นสองซีกโดยนำไปใส่บาตรซีกหนึ่ง ส่วนอีกซีกหนึ่งได้เก็บรักษาไว้ พร้อมกับบอกท่านมหาฯว่า
“ ขออาราธนาพระคุณเจ้าฉันท์เนื้อมะพร้าวแล้วกรุณาเก็บกะลามะพร้าวไว้ด้วย ข้าพเจ้าจะไปรับเอากะลาในภายหลัง ”
จาก นั้นจึงได้ให้บริวารออกติดตามหาวัดของพระมหาเถระเจ้า และกะลามะพร้าว ซึ่งต่อมาอีก 4 เดือน เสนาอำมาตย์พวกหนึ่งได้เดินทางมาเขลางค์นคร และได้สืบเสาะ จนพบว่าท่านอยู่ที่วัดไหล่หิน พร้อมกับได้นมัสการถามถึงกะลามะพร้าว มหาเกสรปัญโญเจริญพรตอบว่า ยังมีอยู่ พร้อมกับหยิบเอากะลามะพร้าวออกมาจากใต้เตียงนอน ยื่นให้เสนาอำมาตย์ เมื่อนำกะลาที่อำมาตย์นำมาจากเมืองเชียงตุง ประกบคู่กับกะลามะพร้าวที่มหาเกสรยื่นให้ปรากฏว่าเข้ากันได้พอดี จึงกราบลาและ แจ้งให้กับเจ้าฟ้าฯเมืองเชียงตุงได้ทราบ จึงได้พาข้าทาสบริวารเดินทางมาที่วัดไหล่หินโดยผ่านมาทางจังหวัดเชียงราย
ลุงเป็ง ได้เล่าประวัติของท่านมหาเกสรพร้อมกับชี้ให้ดูปูนปั้นรูปกะลามะพร้าว ด้านหน้าวิหารที่แสดงถึงเรื่องราวของอดีต เจ้าอาวาสวัดไหล่หิน ซึ่งเป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดเป็นอย่างมาก และวิหารที่เห็นเก่าแก่นี้ก็ด้วยแรงศรัทธา จากเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงเป็นประธานสร้างถวายเมือปี จ.ศ. 1045 (พ.ศ.2226) โดยฝีมือช่างจากเชียงตุงประเทศพม่า

4.” วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง

5.หลวงพ่อเขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ~กระจกเงา~ ที่ 13 ต.ค. 2553, 02:17:52
1. วัดไหล่หินหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง
2. ทางเขาวัด พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่
3. พระมหาป่าเกสระปัญโญ ที่วัดไหล่หินหลวง ซึ่งปั้นด้วยตัวท่านเอง
มีประวัติดังนี้
   ตำนานพระมหาป่าเกสระปัญโญ หรือ ครูบามหาป่าเกสระปัญโญ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเก่ง ความฉลาดของพระมหาป่าเสระปัญโญในการอ่านคัมภีร์ใบลานที่มีอยู่มากมายภายในวัดว่า พระมหาป่าเจ้าครั้นเมื่อเป็นสามเณรไม่ค่อยจะสนใจการเรียนการสอนของพระอาจารย์ที่มีการสอนผ่านคัมภีร์ใบลาน ในช่วงเวลาที่สามเณรหรือพระรูปอื่นกำลังเรียนหนังสืออยู่นั้น สามเณรเกสระปัญโญก็ไม่ได้ใส่ใจ ตั้งใจในการเรียนในขณะนั้น มัวแต่วิ่งเล่น และเป็นสามเณรที่ไม่ค่อยจะอาบน้ำ สระผม จนทำให้ศรีษะของสามเณรเกสระปัญโญมีแต่กลากเกลื้อนเต็มไปหมด ครั้นถึงวันที่สามเณรและพระรูป   อื่น ๆ จะมาทำการสอบธรรมตามที่พระอาจารย์ได้สอนไปแล้วนั้น สามเณรเกสระปัญโญก็สามารถสอบธรรมตามที่พระอาจารย์ได้สอนไปอย่างประหลาดใจยิ่งนัก มาถึงตรงนี้พระอาจารย์ พระองค์อื่น ๆ ก็แปลกประหลาดใจในความสามารถของสามเณรเกสระปัญโญยิ่งนัก พอมาถึงวันพระพระอาจารย์ที่สอนก็นำสามเณรเกสระปัญโญขึ้นนั่งบนธรรมาสน์แสดงธรรมให้กับคณะศรัทธาที่มานั่งฟังโดยไม่ให้ดูธรรมคัมภีร์ใบลานที่เล่าเรียนมา ปรากฏว่าสามเณรเกสระปัญโญสามารถแสดงธรรมได้อย่างถูกต้องไม่มีผิด แม้แต่ประโยคเดียว ยิ่งสร้างความแปลกประหลาดใจจากพระอาจารย์ พระและสามเณรที่เรียนด้วยกันขึ้นไปอีก หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็นำคัมภีร์ใบลานเรื่องต่าง ๆ มาแกะเชือกออกออก และนำคัมภีร์ใบลานนั้นมาปะปนกันไปและนำมารวมกองไว้แล้วให้สามเณรเกสระปัญโญรวบรวมและเรียงตามผูกของเรื่องต่าง ๆ ให้ได้ เวลาผ่านไปได้ไม่นานสามเณรเกสระปัญโญก็สามารถเรียงตามหน้า เรียงตามผูกของเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จากเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้คณะศรัทธาเกิดความเลื่อมใสและศรัทธาต่อสามเณรเกสระปัญโญมากยิ่งขึ้น
ครั้นเมื่อเติบใหญ่และบวชเรียนเป็นพระภิกษุสงฆ์ก็นั่งเขียนคัมภีร์ใบลานเอาไว้เป็นจำนวนมาก เล่ากันว่าเศษขี้เหล็กจากการจารคัมภีร์ใบลานมีมากเกือบเต็มกะลามะพร้าวเต่า จากที่ครูบามหาป่าได้จารคัมภีร์ใบลานไว้เป็นจำนวนมากนั้น ทำให้ที่วัดแห่งนี้มีพระภิกษุและสามเณรในละแวกใกล้เคียงมาบวชเรียนกันเป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาเรียนรู้จากตำราคัมภีร์ใบลานของครูบามหาป่าที่ได้จารไว้ ทำให้บรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยความสนุกสนานของพระและเณรตลอดจนถึงเด็กวัดที่มีอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน นั่นทำให้ข้าวของเครื่องใช้ภายในวัดมีจำนวนมากเหมือนกัน
จากคำบอกเล่าของคนไหล่หินที่ได้เรียบเรียงไว้ในหนังสือประวัติวัดไหล่หินที่ทางวัดได้จัดพิมพ์ได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า “ท่านพระมหาเกสระปัญโญเป็นพระนักปฏิบัติ นักศึกษาศาสนธรรมคำสั่งสอนอันยืนยง ท่านมีความรู้แตกฉานสามารถแต่งและเขียนธรรม(จาร)ได้วันละมาก ๆ เล่ากันว่าจารวันหนึ่ง ๆ ได้มูลเหล็กจารเต็มกะลามะพร้าว(มะพร้าวเต่า) ซึ่งหาใครเสมอเหมือนมิได้เลย นอกจากนี้ท่านได้ประพฤติปฏิบัติสมณธรรมอย่างจริงจัง โดยปฏิบัติอยู่ที่ถ้ำดอยฮางฮุ้งจนจิตเป็นสมาธิได้ฌานสมาบัติมีอภินิหารเป็นอัจฉริยะ...”
อ้างอิงจากงานวิจัยการจัดการองค์ความรู้ในพิพิธภัณฑ์วัดไหล่หินหลวง โดยนายทรงศักดิ์ แก้วมูล ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์วัดไหล่หินหลวง สนับสนุนการวิจัยโดย สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ(สพร.) 2549

4. ประประธาน วัดไหล่หินหลวง
5. พ่อท่านเขียว วัดหรงบล ต.บางตะพงษ์ อ.ปากพนัง  จ.นครศรีธรรมราช
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้นคนเมืองโอ่ง ที่ 13 ต.ค. 2553, 02:23:34
1.   วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง  ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง


2.   วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ พระ อารามหลวง เป็นวัดที่ตั้งอยู่เนินเขาเตี้ย สูงประมาณ 28 เมตร องค์พระธาตุช่อแฮ เป็นเจดีย์พุกามรูปแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสน บุด้วยทองดอกบวบสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร ลักษณะองค์พระธาตุตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม 1 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยม 3 ชั้นรองรับ ถัดไปเป็นฐานบัวคว่ำและชุดท้องไม้แปดเหลี่ยม ซ้อนลดชั้นกันขึ้นไป 7 ชั้น จากนั้นเป็นบัวระฆัง 1 ชั้น และหน้ากระดานหนึ่งชั้น จนถึงองค์ระฆังแปดเหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังค์ย่อมุมไม้สิบสองและปล้องไฉน ส่วนยอดฉัตรประดับตกแต่งด้วยเครื่องบนแบบล้านนา หุ้มด้วยทองจังโก้ตลอดทั้งองค์ มีรั้วเหล็กรอบองค์พระธาตุ 4 ทิศ มีประตูเข้าออก 4 ประตู แต่ละประตูได้สร้างซุ้มแบบปราสาทล้านนาไว้อย่างสวยงาม


3.   วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม

ประวัติ รูปปั้นของมหาเกสรปัญโญ หรือ ครูบามหาป่าขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งปั้นโดยตัวท่านเอง ในสมัยที่เป็นเจ้าอาวาส โดยมีเจ้าฟ้าจากเมืองเชียงตุงเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดถวายให้ และมหาเกสรนี้เป็นผู้เขียนใบลานเกี่ยวกับวัดนี้ไว้มาก ชาวบ้านที่นี่นับถือท่านมาก ทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัดก็จะเข้ามากราบไหว้รูปปั้นพระมหาเกสรนี้ทุกครั้ง

ประวัติ ของ “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” เดิมเป็นสามเณรน้อยบวชจากเมืองหริภูญชัย จังหวัดลำพูน เดินทางมาจำพรรษาที่วัดไหล่หินเมื่อราว จ.ศ. 1000 เศษ (ประมาณปี พ.ศ. 2181 ) เป็นสามเณรที่รักสันโดษ ไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก และมักถูกสามเณร รุ่นโตกว่ารังแกอยู่เป็นประจำ แต่มีความจำเป็นเลิศ สามารถแสดงธรรมเรื่องพระเวส--สันดรชาดกได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยไม่ต้องเปิด ใบลานอ่าน สร้างความแปลกใจให้กับพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นสามเณรที่เกียจคร้าน และทำให้พระอาจารย์ไม่ค่อยจะพอใจอยู่เป็นประจำ สามเณรน้อยได้ถูกพระอาจารย์ทดสอบความสามารถด้วยการให้เรียงใบลานจากโรงธรรม โดยที่ได้แกะเชือกที่ผูกใบลาน ออกหมด ทุกใบ ทุกกัณฑ์ และให้สามเณรเกสรจัดเรียงใหม่ ซึ่งก็ได้จัดเรียงอย่างถูกต้องครบทุกกัณฑ์ภายในเวลาไม่นานนัก
สร้างความแปลกใจให้กับผู้พบเห็น จนมีผู้เกรงขามในตัวสามเณรน้อยผู้นี้
จ.ศ. 1012 (พ.ศ. 2193 ) ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยมีนามว่า “ มหาเกสรปัญโญภิกขุ ” และได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสใน เวลาต่อมา
พระ มหาเกสร เป็นพระนักปฏิบัติที่มีความรู้แตกฉานในการเขียนธรรม (จาร) ลงบนใบลานเป็นอักขระพื้นเมืองเหนือได้วันละมากๆ จนมูลเหล็กจาร(ขุยใบลาน) เต็มกะลามะพร้าว ซึ่งหาผู้เสมอเหมือนไม่ได้
ตาม ประวัติของท่านที่ปรากฏในเรื่องปฏิหาริย์ ก็มีเล่าว่า ท่านออกไปบิณฑบาตยังแดนไกลถึงหมู่บ้านไทยใหญ่แคว้นเชียงตุง ประเทศพม่าอยู่ทุกเช้า จนมีผู้ เลื่อมใสศรัทธา อยู่มาวันหนึ่งเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงได้นมัสการถามว่า
” ท่านจำพรรษาอยู่วัดใด ”
ซึ่งท่านก็ตอบในเชิงปริศนาว่า
“ เจริญพร อาตมาอยู่วัดขบไม่แตก ”
เจ้า ฟ้าเมืองเชียงตุงได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหารอำมาตย์ค้นหาวัดจนทั่วเมืองเชียง ตุง แต่ก็ไม่พบวัดดังกล่าว และด้วยแรงศรัทธา ของเจ้าฟ้าฯที่มีต่อท่านมหาเกสร จึงสั่งให้ทหารนำมะพร้าวมาปอกเปลือกและขูดให้เกลี้ยง แล้วผ่ามะพร้าวออกเป็นสองซีกโดยนำไปใส่บาตรซีกหนึ่ง ส่วนอีกซีกหนึ่งได้เก็บรักษาไว้ พร้อมกับบอกท่านมหาฯว่า
“ ขออาราธนาพระคุณเจ้าฉันท์เนื้อมะพร้าวแล้วกรุณาเก็บกะลามะพร้าวไว้ด้วย ข้าพเจ้าจะไปรับเอากะลาในภายหลัง ”
จาก นั้นจึงได้ให้บริวารออกติดตามหาวัดของพระมหาเถระเจ้า และกะลามะพร้าว ซึ่งต่อมาอีก 4 เดือน เสนาอำมาตย์พวกหนึ่งได้เดินทางมาเขลางค์นคร และได้สืบเสาะ จนพบว่าท่านอยู่ที่วัดไหล่หิน พร้อมกับได้นมัสการถามถึงกะลามะพร้าว มหาเกสรปัญโญเจริญพรตอบว่า ยังมีอยู่ พร้อมกับหยิบเอากะลามะพร้าวออกมาจากใต้เตียงนอน ยื่นให้เสนาอำมาตย์ เมื่อนำกะลาที่อำมาตย์นำมาจากเมืองเชียงตุง ประกบคู่กับกะลามะพร้าวที่มหาเกสรยื่นให้ปรากฏว่าเข้ากันได้พอดี จึงกราบลาและ แจ้งให้กับเจ้าฟ้าฯเมืองเชียงตุงได้ทราบ จึงได้พาข้าทาสบริวารเดินทางมาที่วัดไหล่หินโดยผ่านมาทางจังหวัดเชียงราย
ลุงเป็ง ได้เล่าประวัติของท่านมหาเกสรพร้อมกับชี้ให้ดูปูนปั้นรูปกะลามะพร้าว ด้านหน้าวิหารที่แสดงถึงเรื่องราวของอดีต เจ้าอาวาสวัดไหล่หิน ซึ่งเป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดเป็นอย่างมาก และวิหารที่เห็นเก่าแก่นี้ก็ด้วยแรงศรัทธา จากเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงเป็นประธานสร้างถวายเมือปี จ.ศ. 1045 (พ.ศ.2226) โดยฝีมือช่างจากเชียงตุงประเทศพม่า



4.   วัดไหล่หินหลวง จังหวัด ลำปาง ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่า “ วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ” หรือวัดไหล่หิน หลวงแก้วช้างยืน บางครั้งชาวบ้านรุ่นก่อนๆก็จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้ว  จ.ลำปาง


5.   หลวงพ่อเขียว อินทมุนี หรือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช

ขอร่วมตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: pepsi ที่ 13 ต.ค. 2553, 06:21:05
ข้อ2..ภาพหายจ้าๆ...
เอาภาพมาให้ใหม่...ท่านใดตอบประตูเข้าวัดหรือประตูทางเข้าวัดพระธาตุช่อแฮ..ถูกต้องครับ


(http://img826.imageshack.us/img826/8917/1653102.th.jpg) (http://img826.imageshack.us/img826/8917/1653102.jpg)
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: pepsi ที่ 13 ต.ค. 2553, 06:46:29
กระทู้ปิดนะครับ..ได้ท่านที่ตอบถูกทั้ง 5 ท่านแล้วครับ

ท่านที่ได้รางวัลที่1....คือท่าน นายยอดรัก...บางแค เวลาในการตอบ  23.52.33 วันที่ 11/10/53
(http://img52.imageshack.us/img52/5017/6338376088478102171.jpg)

ท่านที่ได้รางวัลที่2....คือน้อง...นางวันทอง เวลาในการตอบ 23.59.23 วันที่ 11/10/53
(http://img151.imageshack.us/img151/9274/200909172314381.jpg)

ท่านที่ได้รางวัลที่3...คือคุณ.hangman69...เวลาในการตอบ ..00.15.51  วันที่ 12/10/53
(http://img232.imageshack.us/img232/435/201001071735273.gif)

ท่านที่ได้รางวัลที่4...คือคุณ...beer3515..เวลาในการตอบ..02.11.50 วันที่ 12/10/53
 (http://img832.imageshack.us/img832/8304/t9eht12474652421.jpg)

ท่านที่ได้รางวัลที่5..คือคุณ~กระจกเงา...เวลาในการตอบ..02.17.52 วันที่ 12/10/53
(http://img715.imageshack.us/img715/8304/t9eht12474652421.jpg)


ท่านที่ 6 ตอบช้าไปนิดนึงนะครับ..ไม่ต้องเสียใจนะครับ สนุกๆ
เพื่อนๆที่ชนะ กรุณาส่ง ชื่อ ที่อยู่ มาให้ผมด้วยครับ.
และขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาเชียร์ และ เข้ามาดู มากๆครับ

หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดรัก..บางแค ที่ 13 ต.ค. 2553, 06:56:38
เหอๆได้กะเค้าซ้ะที ขอบคุณสำหรับของรางวัลครับ พี่แป๊ป เล่นซ้ะดึกเลยอ่ะผม  :010:
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 13 ต.ค. 2553, 07:04:04
      :059: อนุโมทนาสาธุ กับกิจกรรมสนุกๆที่มีเนื้อหาสาระ สอดแทรกธรรมะ ของคุณโยม pepsi
บอร์ดเคลื่อนไหว คึกคักดี แต่ในเวปบอร์ดนี้ มีแต่สิงห์มือไว ตอบได้รวดเร็วทันใจ จบเกมส์เร็วไปหน่อย
คงจะต้องคอยติดตามกันต่อไปให้ดี เพราะจะมีออกมาเสมอ ให้สมาชิกได้ฝึกฝนค้นหาคำตอบกัน....
....ขออนุโมทนาด้วย..สาธุ..สาธุ..
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: pepsi ที่ 13 ต.ค. 2553, 07:09:29
      :059: อนุโมทนาสาธุ กับกิจกรรมสนุกๆที่มีเนื้อหาสาระ สอดแทรกธรรมะ ของคุณโยม pepsi
บอร์ดเคลื่อนไหว คึกคักดี แต่ในเวปบอร์ดนี้ มีแต่สิงห์มือไว ตอบได้รวดเร็วทันใจ จบเกมส์เร็วไปหน่อย
คงจะต้องคอยติดตามกันต่อไปให้ดี เพราะจะมีออกมาเสมอ ให้สมาชิกได้ฝึกฝนค้นหาคำตอบกัน....
....ขออนุโมทนาด้วย..สาธุ..สาธุ..

กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ ครับ ที่เข้ามาให้กําลังใจและเข้ามาเยี่ยม ครับ..
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ~>uาJวัuทoJ<~ ที่ 13 ต.ค. 2553, 09:47:15
ขอบคุณค่ะคุณลุงใจดี ^^ ที่อยู่หนูต้องส่งอีกรอบปะคะ ^^
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: รันตี ที่ 13 ต.ค. 2553, 09:54:01
เห็นตอบกันแต่ละคนแล้วรู้สึกตัวเองเขียดมากๆ รู้จักวัดไหล่หินอย่างเดียวที่เหลือมืดบอดใบ้ ฮึ่มๆ  :066:
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: touch_navara ที่ 13 ต.ค. 2553, 10:29:17
ยินดีกับผู้ที่ตอบถูกด้วยนะครับ

ไม่ว่างเข้ามาชมบอร์ดเลย พอเข้ามาได้ผู้โชคดีไปซะแล้ว

รอโอกาสหน้าแล้วกันนะเรา

ขอบคุณครับสำหรับกิจกรรมดีๆ ครับ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: ~กระจกเงา~ ที่ 13 ต.ค. 2553, 02:54:34
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: kaineverdie ที่ 13 ต.ค. 2553, 03:10:01
เราคนทางภาคใต้เน้อ  :075:
หัวข้อ: ตอบ: คําถามมาแล้วครับ...5 รางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๋ววัดตะกล่ำ ที่ 13 ต.ค. 2553, 06:57:28
เก่งๆกันทั้งนั้นครับ อิอิอิ  :003:  :003:  :003: