แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - pepsi

หน้า: [1]
1
น่าจะพระสมเด็จยุคหลังครับ
ของสมเด็จวัดระฆังท่านไม่มีพิมพ์ หลังปั้มครับ

2
ยังไม่ถึงยุคหลวงพ่อเงินครับ
ถ้ายุคหลัง ของหลวงพ่อเปลื่อง อาจทันครับ

3
ยังไม่ถึงยุคสมเด็จ วัดระฆังครับ

5
ครับ สมเด็จ100ปีวัดระฆัง ออกปี15
องค์นี้ยังไม่ผ่านครับ รอยตัดข้าง ต้องเห็นชัดเจนครับ
ยังไงลองดูความเห็นท่านอื่นดูครับ

6
ยินดีด้วยครับ

7


สวัสดีปีใหม่ วิไลเลิศ
จิตประเสริฐ มุ่งดีและก้าวหน้า.......
การสิ่งใด สมหวังดั่งกรุณา......
สมดั่งว่า ปีใหม่นี้ดีแล้วเอย.......

ขอให้ เพื่อนๆ มีความสุข สมหวังทุกประการนะครับ

8
ลองดูโรงแรมแถวๆปากทางเข้าวัดบางพระ จากสี่แยกไฟแดง เลี้ยวเข้าเส้นทางจะไปวัดบางพระ ซ้ายมือจะมีโรงแรมครับ
จำชื่อไม่ได้ครับ ลองติดต่อดู ห้องว่างคงมีครับ

9
พระกริ่งเงิน องค์แรก กริ่งฉลองสมณะศักด์หลวงพ่อเปิ่น ปี 38
องค์ที่2 พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ เนื้อเงิน รุ่นมหาโชค หลวงพ่อเปิ่น ปี 35










10
อ่อนสวย ไม่ว่ากันนะครับ...



11
เพิ่งได้มาครับ...หน้าเสือหลวงพ่อเปิ่นปี 23




12





เปิดเวปประมูลพระเครื่อง-เครื่องราง ดู...ไปเจอมีดหมอหลวงพ่อเปิ่นท่าน
มีดหมอปากกา สภาพสมบูรณ์ ปี 36  ที่มีหายไปก็ตัวเหน็บปากกา รีบปิดประมูลอย่างแรงเลย ครับผม.



13
พี่เบิ้มหรือเปล่า ตัวสูงๆ ใส่แว่น ผมขาว แผงหน้ากุฏิพระอาจารย์ญา

ใช่ครับ สูงๆใส่แว่น ผมขาว  ชื่อพี่เบิ้มเหรอครับ
หวัดดีครับ  พี่เบิ้ม  ขอโทษที่ไม่ได้ถามชื่อนะครับ และขอบคุณ คุณbangphralism ด้วยครับ

14



เพิ่งได้มาครับ จากท่านพี่ใจดี ที่เปิดแผงข้างกุฏิ หลวงพ่อที่สัก ครับ
จำชื่อพี่ไม่ได้ ลืมถาม ต้องกราบขอโทษด้วยนะครับ  อาทิตย์หน้าไปใหม่ต้องถามให้ได้
จำได้ว่า พี่ท่านคุยสนุก  สูง หล่อๆ ใส่แว่น  เป็นกันเองและให้ความรู้มากมาย

15
สวยมาก เข้มขลังดีครับ

16



จากประสบการณ์ เหรียญย้อนยุคหลวงพ่อเปิ่น ปี 37ลงยา
ผมเดินทางทั่วประเทศ เหนือ-ใต้-อีสาน
เหตุเกิดที่ช่วงชุมพรไปสุราษฎธานี ความเร็วรถ 160กม/ชั่วโมง กลางดึกตอนตี2กว่าๆ
ที่ใช้ความเร็วเพราะถนนโล่ง ปลอดโปร่งดี ความเร็วขนาดนี้เจออะไรก็ไม่เหลือครับ...
ช่วงชุมพร เข้าสุราษฎฯ อยู่เกิดปวดท้องกระทันหันโดยไม่มีสาเหตุ  พบปั้มเปิดไฟทางซ้ายมือ
จึงลดความเร็วลงเพื่อจะเข้าปั้มน้ำมัน  ผมพิมพ์ไปด้วย ขนลุกไปด้วย เพราะก่อนถึงปั้ม
ความเร็วลดลง เหลือ 50-60 กม/ชม ช่วงกลางถนน ผมตกใจเพราะรถพ่วง 18 ล้อ
รอกลับรถ ขวางถนน  เพื่อนลองนึกภาพ  รถเข้าที่กลับรถ หัวรถพ้นไปแล้ว แต่กลางรถ ยังขวางถนน
เพราะช่วงไฟของ ไฟท้ายมัน หักโค้งแล้ว  จะไม่เห็นไฟท้ายเลย...มันดำมืดไปหมด

ผมเบรคตัวโกงในความเร็ว 50-60 กม/ชม  เอาอยู่ครับ
ถ้าไม่เกิดปฎิหารองค์หลวงพ่อเปิ่น ที่ทำให้ผมปวดท้องและเพื่อแวะเข้าปั้มข้างทาง
ปานนี้รถผมคงเหลือแต่ซาก.....
กราบนมัสการองค์หลวงพ่อเปิ่นครับ.....
เลยตอนนี้เห็นไม่ได้ ผมตามเก็บหมดครับ...


17
ล๊อคเก็ตองค์หลวงพ่อเปิ่น...ได้มาเข้าคู่ หน้าตรงและหันข้าง  หลังเงินครับผม.







18
ไม่ดีครับ...
ปีต่ำกว่า 2500  (ถ้าเห็นเป็นลักษณะรอยตัดด้วยเครื่อง ปั้ม  เก๊ทันทีครับ)
จะใช้ตัดปลอก แล้วแต่งด้วยเลื่อย แล้วตะไบให้สวยงามครับ..
.......เหรียญแบบปั๊มข้างเลื่อย......ก็เหมือนกับการปั๊มพระในปัจจุบันแต่จะปั๊มในแผ่นโลหะที่มีขนาดใหญ่กว่าเหรียญ เมื่อปั๊มเสร็จ ก็จะมาเลื่อยฉลุให้เหรียญได้ตามรูปทรงนั้นๆ ( พอดีกรอบ )  เหรียญลักษณะนี้ จะสร้างในยุค  ปีพ.ศ. ๒๔๔๐-๒๔๘๕   เหรียญแบบข้างเลื่อยนี้เราจะเห็นรอยเลื่อยอยู่บริเวณขอบเหรียญ ซึ่งเราก็ต้องศึกษาการเลื่อยของเหรียญด้วยประกอบการพิจารณา  หากเราทราบว่าเหรียญรุ่นไหนเป็นแบบข้างเลื่อยแล้ว  เมื่อเจอเหรียญรุ่นนั้นเป็นแบบอื่น ก็ไม่จำเป็นต้องไปไล่ติหนิอีกให้เสียเวลา เพราะเป็นพระปลอมแน่นอน

......เหรียญแบบปั๊มข้างกระบอก...(ตีปลอก ) เป็นเทคนิคสมัยก่อน ตัดโลหะให้เป็นรูปทรงตามเหรียญใกล้เเหรียญเป็นบล๊อคแล้วปั๊ม ขอบจึงเรียบ บางเหรียญก็จะมีขอบคม ๆ ปลิ้นมาด้านหลัง เหรียญชนิดนี้จะสร้างในยุค พ.ศ. ๒๔๔๐-๒๔๘๕ เช่นเหรียญมงคลบพิตรปี ๒๔๖๐ เหรียญยอดนิยมอย่างเหรียญขอเบ็ดหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติฯ ก็มีตำหนิธรรมชาติจากการปั๊มตีปลอก

19
เหรียญนั่งเสือ หลวงพ่อหริ่ง วัดบ้านช้าง จ.อยุธยา หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปลุกเสก ปี 2521
สวยครับ  หาดูยาก

20




เขี้ยวเสือ หลวงพ่อเปิ่น ยุดแรกๆครับ..



21
ใช้จนขนาดนี้แล้ว...ไม่แท้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วครับผม...
ลุยจน จมูกสึก เยอะเลยครับ

22
ท่านไปทำที่ใดมาครับ

ทำเองครับ...
อุปกรณ์ มีสีทอง สีน้ำมันนะครับ
แผ่นทองคำเปลว
ภูกัน

ขั้นตอนการทำ
จะลงทองตรงไหน ให้ลงสีน้ำมันสีทองตรงนั้นนะครับ
ผมลงที่จีวรท่าน และลายผ้าทิพย์  แล้วตากลมให้แห้งหมาดๆ แบบนิ้วแตะดู
สีไม่ติดนิ้วเป็นใช้ได้ครับ...
ขั้นตอนที่2  นำทองเปลวค่อยไล่ติดตรงที่ทาสีเอาไว้นะครับ....ไม่ต้องกลัวว่าจะเลอะ เพราะเดี๋ยวเราก็จะล้างและปัดออกครับ
เมื่อติดได้ทั่วองค์พระแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการไล่ทองให้ตึง....
โดยหาน้ำ 1แก้ว  เอาภูกันชุบน้ำแล้ว ค่อยๆไล้ที่ทองเปลวที่เราแปะไว้  ตรงไหนย่น ค่อยๆไล้ด้วยน้ำนะครับ...
จะตึงเองครับผม...
เมื่อได้ทองที่องค์พระตึงตามต้องการแล้ว....ค่อยๆเอาภูกัน ไล้ ส่วนเกินของทองเปลว ที่ติดเลอะ ออกหมด 
เป็นอันเสร็จ ขั้นตอนการลง ทองคำเปลว องค์พระครับผม...

23
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อเปิ่น ท่านปลุกเศกด้วยสมาธิ และจิตที่มั่นคงดั่งขุนเขา วัตถุมงคลของท่าน
จึงเต็มไปด้วยพุทธคุณ ยิ่งเป็นเสือขององค์หลวงพ่อท่าน ไม่น่าจะห้อยต่ำครับ....ยังไงลองดูความเห็นท่านพี่ๆท่านอื่นดูบ้างครับ
เป็นผม ผมต้องขึ้นคออย่างเดียวครับ.


24

ก่อนทำครับ.....องค์หลวงพ่อเปิ่น.






หลังลงทองเปลวแล้วครับ.....


25






ทำเองก็ได้นะครับ...
อุปกรณ์
1.ภูกันขนาดกลาง ตัดปลาย ไว้ปัดทอง
2.สีทอง กระป๋องเล็ก สีน้ำมัน
3.สีเขียวกากเพชร สีวิทยาศาสตร์ กันน้ำ
4.ทองคำเปลว 50 แผ่น.
มาเริ่มกันเลยครับ.....ลงสีทองที่องค์พระหลวงพ่อเปิ่น เฉพาะจีวรท่านนะครับ ลำตัวองค์ท่านไม่ต้องลงสีนะครับ. แล้วนำไปตากลมให้แห้งพอหมาดๆแบบว่าแตะแล้วสีไม่ติดนิ้ว. ค่อยๆเอาทองคำเปลวปิดที่ส่วนที่ทาสี
ปิดไปให้ทั่วนะครับ...ไม่ต้องกล้วว่าจะเลอะ เดี๋ยวเราค่อยล้างออกครับ.
เมื่อปิดทองคำเปลวทั่วองค์พระแล้ว...ขั้นตอนต่อไปคือการรีดทองคำเปลว
ให้เรียบตึง...โดยใช้ภูกัน ชุบน้ำ แล้วค่อยๆไล้ให้ทั่วตรงที่ปิดทองนะครับ..
เมื่อปัดและไล้องค์พระได้เรียบตึง สวยงามแล้ว...ส่วนเกินที่เลอะทองเปลว ค่อยๆเอาภูกันไล้ออกครับ.

ขั้นต่อมาเราก็มาทำที่ผ้าทิพย์ของท่าน....ค่อยเอาภูกันขนาดเล็กนะครับ...
ค่อยๆลงสี ให้ทั่ว พอแห้งแล้ว สีจะออกมาสวยงามมากครับ ออกกากเพชร
ต้องใจเย็นๆนะครับ...อย่ารีบ หรือใจร้อน พระท่านจะออกมาไม่สวยนะครับ.

26
หลวงพ่อเปิ่น ยืน และนั่งอีก 2องค์ครับผม








27
สวยมากครับ...

28
องค์แรก สมเด็จหลวงพ่อรวย ปี12 ครับ
องค์อื่นๆส่วนมากจะไม่ดีครับ
ยกเว้นองค์ที่11 ครับ...พระสมเด็จที่ว่าคือ พระสมเด็จที่สร้างโดยท่านพระครูพุทธมนต์วราจารย์ (อาจารย์สุพจน์ โชติปาโล) คณะ3  วัดสุทัศน์ครับ
 ยังไงลองดูความเห็นท่านอื่น ดูบ้างนะครับ...

29
เหรียญสวยมากครับ.

30
องค์นี้แท้ครับ  สวยมากเลย ส่วนมากจะเห็นหักเสียเป็นส่วนมากครับ
กรุวัดสามปลื้ม จะมี 2เนื้อครับ คือเนื้อแก่น้ำมัน และเนื้อแก่เปลือกหอยและปูนขาว เนื้อนี้จะหักง่าย และเปราะครับ
จุดสำคัญที่สุดคือ ทุกองค์จะลงรักปิดทองเก่า  ออกจากกรุมาเลยทีเดียวครับ
ราคาสวยๆหลักแสนครับ....
องค์ที่เอามาถามเป็นพิมพ์ กลีบบัวเล็กนะครับ

31
จากรูป ที่ถามเก๊หรือแท้...ดูยากครับ ยิ่งอยู่ในกล่อง  เลยเอารูปมาให้เที่ยบตำหนิ
และรอยจารย์ของหลวงพ่อ รอยปลิ้นของการปั้ม.....



32
ล็อกเก็ตหลวงพ่อเปิ่น ส่งให้เรียบร้อยแล้วนะครับเช้านี้
ได้รับแล้ว แจ้งให้ทราบด้วยนะครับผม

33
เพื่อ    ?????????????

ไม่มีผลประโยชน์อันใดทั้งสิ้นครับ...
ที่จัดแข่งก็ เพื่อ ความสามัคคี ไม่เงียบเหงา และร่วมสนุกด้วยกันครับ

34
มีท่านที่ตอบถูกนะครับ.....
ผมเกิด วันที่ 12/12/2496
คือ วันที่12  เดือน ธันวาคม พ.ศ.2496

ท่านที่ทายถูก   forest007  ยินดีด้วยครับ..
ขอชื่อ ที่อยู่ มาในกล่องข้อความผมด้วยนะครับ....จะรีบจัดส่งให้ครับ
 และกราบขอบคุณ เพื่อนๆที่ได้เข้ามาร่วมสนุกด้วยนะครับ....
 การแข่งขัน  จบ แล้วครับผม.
ขอบคุณครับ



35


สวยบาดใจครับ...เลี่ยมกันน้ำอย่างดี
ล็อกเก็ตหลวงพ่อเปิ่น ปี2536 ท่านใดทายถูก การแข่งขันจบลงทันทีนะครับ...
(รางวัลเป็นของท่านนั้นทันทีครับ)  1ท่าน ทายได้เพียงครั้งเดียวนะครับ.


ท่านใดทายมากกว่า 1ครั้งขึ้นไป ผมถือว่าผิดกติกา ไม่มีสิทธิ์ ชนะในการตอบนะครับ.

คําถาม...ถามว่า
ผมอายุย่างเข้า 61 ปี....
ผมเกิด...วันที่ ? และ เดือน ?


***กรณี ถ้าผมทำผิดกฎ  ลบได้เลยนะครับ.***
(คงไม่เข้าข่าย การพนันหรือปั่นกระทู้นะครับ)





36



เส้นทางลงใต้ก่อนถึง ปัตตานีนะครับ...แวะเก็บรูป เพื่อนๆไม่แน่จริงอย่าแวะลงเที่ยวหรือถ่ายรูปนะครับ...
บอกตรงๆว่า น่ากลัว ขนาดกลางวันแท้ๆ...หาคนเล่นน้ำ หรือเดินเล่นไม่มีเลยครับ  ที่นี่เรียกว่า หาดสร้อยสวรรค์...



 ถึงแล้วครับ...ปากทางเข้าวัดช้างให้  ปัตตานีครับ...เส้นทางก่อนเข้าปัตตานีเลี้ยวขวาไปยะลา ไปอีก 30 กิโล ก็ถึงวัดครับ




ทางเข้าวิหารหลวงปู่ทวด  ซ้ายและขวาจะมี พระหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ทิมครับ...

กราบนมัสการหลวงปู่ทวดครับ..

วิหารบรรจุอัฐิ หลวงพ่อทิม ครับผม

ต่อมาก็เดินทางต่อที่วัดทรายขาว  เกจิชื่อดัง  อาจารย์นอง วัดทรายขาว

บอกตรงๆเส้นทางเปลี่ยว น่ากลัวมากครับ  แทบได้ว่ามีรถผมคันเดียวที่วิ่งบนถนนสายนี้...
เก็บรูปมาน้อยนะครับ  เพราะไม่มีคนหรือ พระ ออกมาเดินเลย...




ภาพล่าง เป็นที่บรรจุอัฐิ อาจารย์นอง วัดทรายขาว ครับ...

แค่นี้ก่อนนะครับ  โมทนาสาธุ  เอาบุญมาฝากเพื่อนๆทุกท่านนะครับ..

37
พระนางพญาเนื้อดินดิบอาจารย์ฝั้น สกลนคร หลังอุอะมะ ปี19 ...
รุ่นนี้ท่านทำออกมา มีเนื้อว่านด้วยครับ....

38
จากชุมพรขาออกไปประมาณ 30กม
จะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากๆบนยอดเขา มีชื่อว่า หลวงพ่อใหญ่ (วัดเขาใหญ่) สวยมากและสูงสุดๆ รถขึ้นไปได้ครับ แต่น่ากลัวนะครับ ทางก็แคบ แต่สวยครับแวะขึ้นไปทำาบุญ และเอาบุญมาฝากเพื่อนๆครับผม




เส้นทางด้านล่างเชิงขานะครับ...เผื่อเพื่อนๆไม่กล้านำรถขึ้นยอดเขา


ภาพต่อจากนี้ จากบนยอดเขานะครับ....





องค์พระท่านอยู่บนยอดเขา สูงมากครับ...
วิวนี้ถ่ายจะเห็นลิบๆ ทะเลชุมพร ครับ....



เที่ยวหน้าจะพาไปกราบนมัสการ วัดช้างให้ และวัดทรายขาว จ.ปัตตานีครับ


39
พระเครื่องที่สะสม ยามเย็นครับ




เตารีดหลวงปู่ทวด พิมพ์ใหญ่หลังเสาอากาศ และพิมพ์ ว.จุดครับ


เหรียญเลื่อสมณะศักดิ์หลวงปู่ทวด ปี 2508 พิมพ์นี้บล๊อคหลังเริ่มแตกแล้วครับ...เซียนวิ่งตื้อ ขอเช่าเพราะไม่เคยเห็นครับ




40
รวมหลายองค์ นิดหน่อยนะครับ
เหรียญหลวงพ่อเปิ่น พอสวยครับ...




41


วันนี้ขอยกมาทั้งห้องพระเลยนะครับ....

 :054: :054: :054: :054:

42



วันนี้ขอโชว์ เหรียญนั่งพานใหญ่ หลวงพ่อเปิ่น นะครับ
เก็บก่อนที่จะหาไม่ได้นะครับ...วันนี้ขอโชว์ เนื้อเงิน4 เนื้อ นวะ4
กลัวหาไม่ได้ครับ...ต้องเก็บ. 



43
พระกริ่งอู่ทองวัดชิโนรส ปี 2512

 พิธีปลุกเสกหมู่รวมพระคณาจารย์หลายรูป โดยเฉพาะหลวงปู่โต๊ะ

หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม หลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้วและอีกหลายรูปฯลฯ....

กะไหล่ทอง ฝังพลอยแดง

องค์ที่2
รูปหล่อเจ้าคุณนร วัดเทพศิรินทร์

44
ครับ ผิดเนื้อ ผิดพิมพ์ครับ สมเด็จจะทําให้ใกล้เคียง สมเด็จบางขุนพรหม องค์ที่ถาม คราบกรุ ไม่ใช่
เนื้อไม่ใช่ครับ องค์นี้ถ้าแท้ หลัก ล้านครับผม

45
พระเนื้อผงยาสายนครปฐม ถ้าตีเข้าหลวงปู่บุญ ไม่ใช่ครับ
พิมพ์นี้เป็นพิมพ์ สมาธิข้างเม็ด  น่าจะทันยุคหลวงปู่เพิ่มครับผม

46
พระเนื้อดิน ศิลปะเมืองลําพูน พระลือโขงปางสมาธิ หน้ายักษ์ ยังไม่เก่าครับ
พระย้อนยุคทําขึ้นใหม่  พระเนื้อดินนี้อายุร่วม 1000 ปี ความเก่า ต้องมีให้เห็นครับ

47
เหรียญงามเอกอาจารย์ฝั้น รุ่นที่นิยมจะเป็นรุ่น9 เล่นหลักหมื่นครับ
แต่เหรียญที่นํามาถามเป็น เหรียญท่านพระอาจารย์ฝั้น รุ่นที่ 43 รุ่นนี้ใช้แบบแม่พิมพ์จากรุ่น 9 ยอดนิยมด้านหน้าและหลัง ถือเป็นเหรียญหลังบาตรซีรีย์ที่ 4 สุดท้าย ที่ใช้แบบแม่พิมพ์แรกคือ รุ่น 9

แต่ใช้บล็อคหน้าเรื่อยมาจนทำให้คำว่างามเอกแตก เหรียญรุ่นนี้จะตอกโค๊ต กว.และไม่ตอก  ในวงกลมอยู่ด้านล่าง ผู้สร้างก็คือ น.อ.เกษม งามเอกและคุณวิโรจน์ ที่สร้างเหรียญรุ่น 9ท่านพระอาจารย์ฝั้นท่านบอกให้สร้างเพื่อแจกแก่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมแรงในงานซ่อมทางขึ้นวัดถ้ำขาม เมื่อปี พ.ศ. 2516
ไม่แพงครับ

49


สรรเสริญ  หรือ pepsi กทมครับผม  เจอทักได้ครับ

50


รุ่นอาเสี่ยปี 35 ใช่หรือเปล่าครับ..เนื้อผงนั่งเสือ

ลองเข้าไปศึกษาการลงรูปของพี่เวปมาสเตอร์ดูครับ...
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=2148





51
:053:เยี่ยมเลยครับยิ่งได้เซียนใหญ่อย่างท่าน pepsi การันตีท่านพี่ที่ตั้งคำถามให้ร่วมสนุกในเวปและแจกพระสุดยอดจริงๆ :054:ผมขอหลวงพ่อเปิ่นปี28สร้างโบสถ์องค์นึงนะครับ :002: :005:

ฮ่าๆๆๆแจกหมดแทบไม่เหลือแล้วครับ...
เหลือแต่ เม็ดแตงหลวงปู่ทวด รุ่น เสาร์5 ปี55 เอาหรือเปล่าครับ.... 02; 02;



52
ครับ จริงอย่างที่ท่านว่า นับวันจะหายาก
พิมพ์นี้ยังไม่ค่อยได้เห็นเลยครับผม...

53
สวยมากครับ...
เดิมๆเลยครับผม

54
ครับ...เหรียญหลวงพ่อโสธร ปี 2495 หรือเรียกว่า
เหรียญหลวงพ่อโสธรรุ่น ตุ้มหูยายซิ้ม ครับ...
ผมดูดีครับ...

55
พระสวย งามครับ...
เหรียญนี้ หายากนักแลครับผม
ขอบคุณครับ ได้ชมเหรียญสวยๆ

56
สวยงามมากทั้ง 3 เหรียญเลยครับ
เดิมๆเลยครับ.....

57
เยอะจริงๆครับ...
กลมเล็กหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น...
พุทธคุณสุดยอดทุกเม็ดครับ...

58
พระสวยงามมากครับ....

59
รุ่นบารมีบูชาครู 45 ก้นอุดมวลสารมงคล ฝังตะกรุด
พร้อมหมายเลขกำกับใต้ฐาน
ปลุกเสกพิธีไหว้ครู ปี 45 ลพ.เปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม
ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่ทันหลวงพ่อปลุกเสกเองกับมือ

ลูกอมเสือรุ่นนี้นานๆจะเจอสักครั้ง เนื่องจากชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง นิยมเรียกหาบูชาเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและใช้เสริมสิริมงคลกันมาก บ้านเราเริ่มจะหาได้น้อยเต็มทีแล้วครับผม...

60
ถามเรื่องราคา ไม่รู้ว่าผิดกฎหรือเปล่านะครับ...
แต่ตอบให้ครับ...บารมีหลวงพ่อท่าน ใครๆก็อยากได้ท่านไว้บูชาติดตัว...
ทองแดงธรรมดาก็หลักพันแล้วครับ...นี่เนื้อเงินด้วย บอกตรงๆว่าจะหายากนะครับ
หลักหมื่นแน่นอนครับ....แต่ว่าจะกี่หมื่น อันนี้ไม่ทราบครับผม...
 02; 02;

62
พระสวยมากครับ... 08;

63
ครับ...สวยครับ ไม่น่าเก๊นะครับ
แต่ไม่ทราบปีที่ออกครับผม...แฮ่ๆๆ

64
ครับผม..สงสัยผมลงผิดห้อง
พออ่านว่า สายตะวันออก เลยนึกว่าอีสานครับ
ขอบตุณมากครับ วันหน้าจะระวังกว่านี้ครับ

65
ทําเองก็ได้ครับ คงไม่ถึง200-300บาทครับ

ทองคําเปลว กะว่า 100-200 แผ่น ตามขนาดองค์พระ(ราคาไม่แพงครับ)
อุปกรณ์ แปรง ภูกันขนอ่อน 2 อัน
สีกระป๋องเล็ก สีเหลืองทอง 1 กระป๋อง
เริ่มแรก...เอาสีค่อยทาองค์พระ ทั่วทั้งองค์ อย่าทาให้หนานะครับ
ผึ่งแดงทิ้งไว้ หรือผึ่งลมก็ได้ครับ กะว่าพอ หมาดๆจับดูสีไม่ติดมือ
ขั้นต่อมา..
นําองค์พระ มาค่อยๆเอาแผ่นทองปิด แล้วกระดาษที่ห่อทองมาค่อยไล้ตามองค์พระให้ติดกับเนื้อพระ(อย่าถูนะครับ)
เสร็จแล้วค่อยๆเอาภูกันไล้ เพื่อให้เศษทองเข้าไปอยู่ในซอกได้ อีกทั้งไล่เศษทองที่เป็นขุยออกด้วย..
ทําแบบนี้ไปเรื่อยๆทั่วองค์พระ...ก็ใช้ได้แล้วครับ

ถ้าไปจ้างทําก็ ถ้าพระบูชาก็ไม่หนี 1000-1500 ครับ
ถ้าองค์เล็กๆ ก็ 300-500 บาทครับ

ถ้าตรงไหนที่ไม่ต้องการปิดทอง..ให้ใช้เทปกาวกระดาษ ปิดทับไว้ก่อน(เพื่อเมื่อเราทาสีแล้ว สีจะไม่ไปโดนครับ)
อีกอย่าง อย่าลืมทินเนอร์ซื้อเก็บไว้หน่อยก็ดีครับ..เผื่อสีเลอะในส่วนที่เราไม่ต้องการ
ใช้ภูกันชุบทินเนอร์แล้วค่อยๆไล้สี ออกได้ครับ.
ถ้าต้องการให้ทอง ออกสีเหลืองแบบโบราณ..เพราะเมื่อทําขึ้นมาแล้วจะออกสีทองสด
ให้ใช้ ด่างทับทิม แช่น้ำให้เข้มข้นหน่อย..แล้วเอามาทาองค์พระ ทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมง เมื่อด่างทับทิมแห้งแล้ว
ค่อยเอาภูกันไล้ด่างทับทิมที่ติดองค์พระ..แล้วจะได้พระที่เราปิดทอง..ที่ออกสีทองดอกบวบครับ..
จะออกสีทองโบราณ..


66
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ
ขอบพระคุณในบทความสอนธรรมะ ครับ

67
ถ้าจะเอาไว้ติดตัวตลอด แต่กลัวพระแตกราน..
ค่อยๆใช้ค๊อทเติลบัท ชุบน้ำมันมะกอก ค่อยๆแต้มครับ..อย่าไปชุบ หรือแช่นะครับ
แค่ค่อยทาไล้ผิว..แล้วก็หาตลับใส่ อย่าเลี่ยมพลาสติก เดี๋ยวพระจะแห้งกรอบ เพราะถ้าเลี่ยมแบบนั้น ด้านในจะเป็น สูญญากาศ
พระจะกร่อนง่ายครับ

68
 ในยุคนั้น “เกาะลังกา” ถือเป็น “พระเอก” สำคัญในการรักษาพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ เพราะในชมพูทวีปเองนั้น พระพุทธศาสนากำลังถูกทำลาย พระธรรมคำสอนกำลังสูญหายไป
.
          กลางกรุงอนุราชปุระ เป็นที่ตั้งของ “มหาวิหาร” ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาพระพุทธศาสนาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 5 -16 พระภิกษุชื่อดังจากจีนหลายรูป ก็ได้เดินทางมาศึกษาและคัดลอก “พระไตรปิฎก” จากเมืองอนุราชปุระแห่งนี้
.
         หลายคนคงไม่รู้ว่า ที่อนุราชปุระ เป็นที่มีการจัดระเบียบ รวบรวมและจารึก “พระไตรปิฎก” จากที่เป็นเพียง “มุขปาฐะ” (ท่องจำ พระภิกษุจะแบ่งกันจำในแต่ละตอน) มาเป็น “ลายลักษณ์อักษร” เป็น “ครั้งแรก” ของโลกครับ !!!
.
คัมภีร์ “มหาวงศ์” ของลังกา กล่าวถึงการสังคายนาพระไตรปิฎก ว่าเกิดขึ้นในสมัย “พระเจ้าวัฏฏคามณี” ในราวพุทธศตวรรษที่ 5 – 6  ทรงใช้พระภิกษุสงฆ์ถึง 500 รูป ชำระและบันทึกเรื่องราว คำสอนในพระพุทธศาสนาเป็นภาษา “บาลี” ลงในใบลาน
.
มีคำกล่าวว่า “ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาหลายประเทศเป็นหนี้บุญคุณประเทศลังกาอยู่มาก เพราะ”พระไตรปิฎก” ที่เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรกได้ถูกจารึกและเก็บรักษาไว้ในลังกา แล้วจึงเผยแพร่ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น พม่า ไทย ลาว รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท......
          .....แม้แต่ในอินเดีย ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของพระพุทธศาสนาเองนั้น ภิกษุในนิกายเถรวาท ยังต้องใช้คัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับบาลีของลังกา รวมทั้งอรรถกถาและอาจริยวาทต่าง ๆ ...”

ข้อมูล
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=483865

69
กระทู้ปิดครับ ผู้ตอบถูก คุณ t@o เมล์ชื่อ ที่อยู่มานะครับ

71


แฮ่ๆๆๆ...สําหรับพี่ chotipat ของง่ายอยู่แล้ว..เซียนเวปตัวจริง..
จุ๊ๆๆๆ....อย่าเอ็ดไป.. เดี๋ยวไม่สนุกครับบบ...

72


คําถามมาแล้วครับ...
ถามว่า...

มีการจัดระเบียบ รวบรวมและจารึก “พระไตรปิฎก” จากที่เป็นเพียง (ท่องจำ พระภิกษุจะแบ่งกันจำในแต่ละตอน) มาเป็น “ลายลักษณ์อักษร” เป็น “ครั้งแรก” ของโลกครับ !!!

อยากถามว่า...มีการจัดตั้งที่กรุง..?..และเป็นที่ตั้งของ ..?
.


ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ...
ลืมไปครับ..พระปิดตาเป็นเนื้อ นวะ ..นะครับ

73
เช่นเดิมครับ..สงวนสิทธิ์ให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยได้รางวัลนะครับ
รางวัลเป็นพระปิดตาเงินล้านหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระครับ..สวยมากๆพร้อมกล่อง
พิมพ์นี้บอกตรงๆว่า จะหาดูยาก เพราะดูในเวปแล้ว ไม่ค่อยได้เห็นครับ


ตามรูป...


วันนี้เอามาร่วมสนุกเชื่อมความสามัคคีแก่พี่ๆน้องๆครับ.

คําถามรอนิดนึงนะครับ...หาทีไรไม่เคยเกิน 1 วันเลย...พี่ๆน้องๆในเวปนี้เก่งๆทุกท่านเลย..

กติกาเหมือนเดิมครับ..ท่านแรกที่ตอบถูกนะครับ..

74
ท่านพี่..โองการยันนะรังสี ผมอยากได้รุ่น 19 แบบว่า สวยๆห้อยเดี่ยวได้ครับ
ผมพอจะมีบุญได้ของท่านหรือเปล่าครับ ขอให้แท้อย่างเดียว เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง.ครับ
แฮ่ๆ..ถือโอกาส...ซะเลย..

75
ใช้ภาวนาขณะเดินทางเหรอครับ  หรือใช้ในด้านไหน? :062:

ใช้ในการเดินทาง อย่างเข้าป่า เขา กันพวก ภูติ ผี ผีป่า งูพิษ เขี้ยว ขอ ได้หมดครับ

76


คาถานี้ มีที่มาที่ไป น่าสนใจ ซึ่งอยู่ด้านหลังพระพุทธรูปโบราณ
ของหลวงพ่อหร่ำ... พระคาถาพระปัญเจกโพธิ์ อยู่ที่ด้านหลังของรูปปั้นพระปัญเจที่หลวงพ่อหร่ำสร้างขึ้น พระคาถานี้ หลวงพ่อหร่ำ ได้มาจากพระปัญเจกโพธิ์โดยทางนิมิต ที่บนยอดเขา ของวัดเขาดิน ท่านจึงนำมาใช้...พระคาถานี้ดีทาง เบิกป่า เบิกเขา เเคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ


ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.watkositaram.com

77
เหรียญยังสวยอยู่เลยครับ

78
วัดอินทรารามเป็นวัดอารามหลวงชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ถ.เทอดไทย ต.บางยี่เรือ เขตธนบุรี เป็นวัดเก่าสมัย อยุธยา เดิมเรียกวัดบางยี่เรือนอก แต่ชาวบ้านนิยมเรียกวัดใต้ วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างเมื่อใดและใครเป็นผู้ สร้าง แต่เมื่อมาถึงสมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงปฏิสังขรณ์สถาปนาเป็นพระอาราม หลวงชั้นนอกพิเศษตลอดทั้งรัชสมัยของพระองค์ ปรากฏตามราชพงศาวดารว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรง บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระพิทักษ์เทพามาตย์ พระราชชนนีที่วัดนี้ เมื่อพ.ศ 1318 (คัดลอกจากต้นฉบับ) ทรงโปรดให้บูรณะพระอุโบสถ พระพุทธรุป ตลอดจนพระวิหาญการเปรียญหมด ทั้งวัด
วัดอินทรารามแห่งนี้เป็นวัดประวัติศาสตร์ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ได้เสด็จมาทรงธรรม ทรงพระกรรมฐาน เพื่อเพิ่มพูนพระราชกุศล ทรงอุทิศถวายแด่พระราชมารดา อีกทั้งยังมีโบราณวัตถุที่เกี่ยว เนื่องด้วยพระองค์ท่านหลายอย่าง ได้แก่ พระแท่นที่บรรทมไสยาสน์ เป็นพระราชอาสน์สำหรับประทับ แรมทรงศีล และทรงพระกรรมฐาน นักโบราณคดีและประชาชนต่างมาร่วมชมและถวายความเคารพที่พระ แท่นนี้เป็นประจำทุกวันไม่ขาดสาย ดังนั้น ทางวัดอินทรารามจึงสร้างพระรูปหล่อทรงม้าและประทับนั่ง ขึ้นเพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะบูชา พร้อมกันนี้ได้ทำพิธีมังคลาพิเษกเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา

ได้ข้อมูลมาเท่านี้ครับ

79
ขุนแผนไข่ผ่าซีก แต่ไม่ทราบอาจารย์ครับผม ต้องขอโทษด้วยครับ

80
wooow  เลี่ยมแล้ว สายครับ

81
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ
อีแก่ช้างเหยียบนี่สุดยอดครับท่าน ทนทาน ยิ่งเอาไปติดแก๊ส ประหยัดขึ้นเยอะ..
ขนาดผมไปแต่ละเที่ยว อย่างลงใต้ ไป-กลับ ก็ร่วมๆหมื่น...ของผมไม่ได้ติดแก๊ส
ถ้าเดินทาง ผมจะใช้ toyota วีโก้ ขับ 4 ก็ปลอดภัยยามผมตกครับ..

มีอยู่ครั้ง ผมไปทางลัด จากขอนแก่น ไปอุตรดิตถ์ ผมใช้เส้นทางเก่า หล่มเก่า..
น่ากลัวมากๆ ขึ้นเขาลิบๆ..ใช้ได้แค่ 2 เกียร์ คือ 1 และ 2 ผมต้องให้แม่บ้านขับ..แล้วผมคอยเดินตามรถ
เพื่อเอาหมอน คอยรองล้อรถ..ไม่งั้นตกเขาแน่ๆ..ขนาดขับ 4 .

ท่านพระอาจารย์ รักษาสุขภาพด้วยครับ..เดินทางบ่อยๆ และอากาศเปลี่ยนแปรบ่อยด้วยครับ

82
ได้รับพระจากพี่เป๊ปซี่เรียบร้อยแล้วเช่นกันครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ :001:
ถ่ายรูปมาให้ น้องๆชมบ้างครับ..
ว่าถ่ายรูปออกมา สวยป่ะ ครับ..



83


Happy Birthday

น้อง gottkung...ขอให้มีความสุขมากๆคิดอะไร ขอให้ได้สมความตั้งใจ ครับ


84
กระทู้ปิดนะครับ..ได้ผู้ชนะ 2 ท่านแล้ว

ผู้ชนะท่านแรก.....ตั้นคนเมืองโอ่ง.(รางวัลเหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อเปิ่น หลังขี่มังกร)
ผู้ชนะท่านที่สอง... jommiez..(รางวัลเหรียญหล่อปั้มเนื้อ นวะ หลวงพ่อทวด วัดประสาทบุญญาวาส)

..คําตอบ


 ทบทวนพิจารณาธรรม ที่เคยได้ยินได้ฟังมา จากหลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ แต่ละท่าน แต่ละสำนัก ที่เคยไปศึกษามา
จิตมาหยุดพิจารณาที่คำของหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย ที่ท่านได้กล่าวสอนไว้ เป็นข้อความที่จำได้ประทับใจ
ท่านกล่าวไว้ว่า...อย่ากินของร้อน (ราคะ โทสะ โมหะ)
                  ...อย่านอนบนไฟ (โลภ โกรธ หลง)
                  ...ให้ไปอย่างแร้ง (ไม่ยึดติด ไม่สะสม)
                  ...แสวงหาบริสุทธิ์ (ของที่ชอบธรรม)
กิเลสตัณหาทั้งหลาย ล้วนเป็นของร้อน เป็นไฟเผาไหม้อยู่ภายในจิตในใจของเราเสมอมา ใจเรารุ่มร้อนกระวนกระวายเพราะกิเลสตัณหา
ความอยากมีอยากได้ ความพอใจและไม่พอใจในสิ่งที่มี การยึดถือในตนเองจนมากเกินไป ความรัก ความใคร่ ความลุ่มหลง เสน่หา
ล้วนแล้วแต่พาให้ใจเรารุ่มร้อน เหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในใจเรา
     พยายามเตือนตน เตือนจิต ปรับความคิด ยกเอาการประพฤติปฏิบัติของหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านทั้งหลายมาเป็นแบบอย่าง
ปรับให้เข้ากับตัวเราเพื่อความเหมาะสมในการประพฤติปฏิบัติธรรม แบบอย่างที่ดีมีอยู่มากมายที่จะให้เราได้ศึกษาและเรียนรู้ดูเป็นตัวอย่าง
การประพฤติปฏิบัติตนของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพระภิกษุตามแนวทางปฏิปทาของครูบาอาจารย์ก็คือ...มีน้อยใช้น้อย มีมากเอาไว้สงเคราะห์
ผู้ที่ไม่มี อยู่ไปตามมีตามได้ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ไม่ร้องขอใคร ยินดีกับความเพียรเพื่อหวังความพ้นทุกข์....
 ...เคารพศรัทธาในคำครู ที่สอนให้รู้ถึงความพอดีและความเพียงพอ...
                             นำมาขยายความต่อเพื่อเป็นธรรมทาน
                                       ด้วยความปรารถนาดี
                                     รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม

กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ ที่นําบทความ สอนธรรมะ ดีๆ นํามาสอนและให้ความรู้กับลูกศิษย์ครับ

ท่านผู้ชนะ 2 ท่าน กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่ ให้ชัดเจนมาให้ผมนะครับ..
ส่วนท่านที่มาตอบข้าไป หรือ ตอบผิด ก็ อย่าเสียใจ หรือน้อยใจนะครับ..สนุกๆเชื่อมความสามัคคี เพื่อนๆสมาชิก
และผมจะเอาคําถาม มาสนุกร่วมกันอีกครับ.

85
เงียบๆเหงาๆ..วันศุกร์เรามาร่วมสนุกกันดีกว่าครับ..
รางวัล วันนี้มี 2 รางวัล สําหรับท่านที่ตอบถูกท่านแรก...และท่านที่สองที่ตอบถูก
(งวดนี้สงวนสิทธิ์ ให้แก่ท่านที่ยังไม่เคยได้รางวัลนะครับ)



ดูรูปครับ...เหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลังขี่มังกรเนื้อ นวะโลหะสวยๆครับ


รางวัลที่2..เหรียญหลวงปู่ทวด วัดประสาทยุญญาวาส ปี 2536

คําถาม รอนิดนึงนะครับ...


คําถามมาแล้วครับ....



กิเลสตัณหาทั้งหลาย ล้วนเป็นของร้อน เป็นไฟเผาไหม้อยู่ภายในจิตในใจของเราเสมอมา ใจเรารุ่มร้อนกระวนกระวายเพราะกิเลสตัณหาความอยากมีอยากได้ ความพอใจและไม่พอใจในสิ่งที่มี การยึดถือในตนเองจนมากเกินไป ความรัก ความใคร่ ความลุ่มหลง เสน่หาล้วนแล้วแต่พาให้ใจเรารุ่มร้อน เหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในใจเรา

คําถาม ถามว่า...บทคําสอนนี้เป็นบทคําสอนของท่านพระอาจารย์ท่านใด....วัด ? และ จังหวัด?(ยกตัวอย่าง link มาประกอบด้วยครับ)

ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ..



86
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ

87
ขอบคุณครับ เที่ยวหน้าลงใต้ ต้องแวะไปบ้างแล้วครับ
ชอบ หลายองค์ครับ

88
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ
ที่มุกดาหารตอนนี้คงจะหนาวแล้วมั้งครับหรือไม่ก็อากาศก็คงเริ่มเย็นๆแล้ว
ผมเคยไปช่วง ธันวาคม อากาศหนาวอีกทั้งหมอกก็เยอะครับ..แต่สวยครับ

89
หลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง
หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม
หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน
หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้
หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
หลวงพ่อเีอียด วัดไผ่ล้อม
หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก(วัดหลวงพ่อจง)
หลวงพ่อยวง วัดหน้าต่างใน
หลวงพ่อรวย วัดตะโก
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค (ละสังขารแล้ว)
หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย (ละสังขารแล้ว)
หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจ้า (ละสังขารแล้ว)
หลวงปู่ทิม วัดพระขาว (ละสังขารแล้ว)
หลวงพ่อเสาว์ วัดดอนหญ้านาง (ละสังขารเมื่อปีที่แล้ว)
หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง (ละสังขารแล้ว)

 
วัดอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลกันมากครับ
เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ
บารมีหลวงปู่คุ้มครองครับ
   
โอ้้ ...เพียบเลยครับ
ผมเพิ่มให้ครับ..อีก 2 แห่งครับ
หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ


90


ต้องตามเข้าไปอ่าน การปฎิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน จากหัวข้อ
สนทนาภาษาผู้ประพฤติ
ธรรมะภาคปฏิบัติ ถาม ตอบ แก้ปัญหา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฏิบัติธรร

ข้อความและบทความธรรมะดีๆจากท่านพระอาจารย์เมสันต์ (วรี สัจจะ)ครับผม...

91
ก็เพื่อความสามัคคีและสนุกร่วมกัน ดังนั้นผมขอสรุป
ผลรางวัลทั้งหมดตั้งครั้งแรกจนถึงปัจจุบันนะครับ..และยังไงก็ตามท่านที่ยังไม่ได้รับรางวัล
ในครั้งใด แต่ผมคิดว่าคงได้รับทุกท่านแล้ว..ท้วงติงขึ้นมานะครับ..ผมจะได้ไปติดตามให้
เพราะบางทีมีตกค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ เพราะเหตุผล ไม่มีคนรับ ของจึงยังอยู่ที่ไปรษณีของเขตนั้นๆ.

การแข่งครั้งแรก...
13 กย 53..
รางวัล..


ผู้ชนะการแข่ง....คุณเสน่ห์เอ็ม

การแข่งครั้งที่2
รางวัลเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ

ผู้ชนะการแข่ง....คุณ sweetgram link

การแข่งครั้งที่3...
รางวัล..พระชุดหลวงปู่เหรียญ

ผู้ชนะการแข่ง....นายธรรมะ

การแข่งขันชุดที่4
รางวัล..พระเหรียญชุดหลวงปู่เหรียญ

ผู้ชนะการแข่ง...คุณthe club

การแข่งขันชุดที่5
รางวัล..รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น

ผู้ชนะการแข่ง...chotipat

การแข่งขันชุดที่6
รางวัล..หลวงพ่อโสธร

ผู้ชนะการแข่งขัน..คุณ chotipat

เสริมรายการทายครั้งที่6/2
รางวัลรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น

ผู้ชนะการแข่งขัน..คุณ gottkung


การแข่งขันชุดที่7
รางวัลเหรียญหลวงพ่อโสธร

ผู้ชนะรางวัล...คุณ เสน่ห์เอ็ม

การแข่งขันชุดที่8
รางวัล..รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น

ผู้ชนะรางวัล..คุณเสน่ห์เอ็ม

การแข่งขันชุดที่9
รางวัล...หน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น 3 รางวัล

ผู้ชนะทั้ง 3 ท่าน
คุณ นายธรรมะ
คุณ chotipat
คุณ ซาดุยฮุย

การแข่งขันชุดที่ 10
รางวัล..เหรียญเอกลักษณ์นั่งเสือ

ผู้ชนะ...คุณ chotipat


การแข่งขันชุดที่11
รางวัล..กริ่งหลวงพ่อโสธร

ผู้ชนะรางวัล..คุณ บางแก้วฟ้า

การแข่งขันชุดที่12
รางวัล..มี 2 รางวัล
ที่1..เหรียญหล่อนั่งเสือ

ผู้ชนะ คุณ โบ เด็กป่า

ที่2..เหรียญล้อแม๊คหลวงพ่อเปิ่น
 
ผู้ชนะ..น้องธรรมะ

การแข่งขันชุดที่ 13
รางวัลรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น

ผู้ชนะ...คุณ คนนนท์

การแข่งขันชุดที่ 14
รางวัลมี 5 รางวัล
ที่1...พระผมโรยตะไบหลวงพ่อเปิ่น

ผู้ชนะ คุณ ยอดรัก บางแค

ผู้ขนะที่2..พระผงหลวงพ่อเปิ่นฝังพลอย

ผู้ชนะที่2 คุณ นางวันทอง

ผู้ชนะที่3..เหรียญ 25 พุทธศัตวรรษ 2500

ผู้ชนะที่3..คุณ hangman69

ผู้ชนะที่4และที่5 เหรียญปั้มหลวงปู่ทวด วัดประสาท

มี2ท่าน คือ คุณ....beer3515
และคุณ..กระจกเงา

การแข่งขันชุดที่15..รางวัลพิเศษ
รางวัลเหรียญหลวงพ่อเปิ่น 2527

ผู้ชนะรางวัลพิเศษ..ท่านพี่ เสน่ห์ack 01
รางวัลการแข่งขันชุดที่ 14 และ15 ผมจะรีบจัดส่งให้นะครับ

และต้องขอขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่เข้ามาร่วมสนุกนะครับ แม้อาจจะไม่ได้รางวัลบ้าง ก็ถือว่าเข้ามาร่วมสนุกกันครับ.





93
ฮ่าๆๆๆผมว่ายากแล้วนะครับ...
ปรากฎว่ามีท่านแรก..ที่ตอบถูก คือพี่..เสน่ห์ack01 ครับ..
ท่านพี่ ขอ ชื่อ ที่อยู่ให้ผมด้วยนะครับ..จะรีบจัดส่งให้ครับ



ปิดกระทู้แล้วจ้าๆๆด้วยความรวดเร็ว..

95
กราบสวัสดีครับท่านพี่..
ผมน้องใหม่ ยังถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ

96
วันนี้มีแค่ 1 รางวัลกับ 1 คําถามครับ.
เพื่อนๆทุกท่านเข้ามาแข่งได้ครับ..ขอบอกว่าข้อนี้ ยากๆๆๆ
รางวัลนี้ แก่ท่านแรก ที่ตอบถูก เพียงท่านเดียวนะครับ...


รางวัลครับ..(รูปแทนนะครับ เหรียญจริงสวยกว่ามากครับ แบบกริ๊บๆ แท้ ล้านเปอร์เซนต์ครับ)




คําถาม..พระเจดีย์องค์ที่เห็น อยู่วัดอะไรและ จังหวัดไหนครับ.



ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ...



97
กราบท่านพระอาจารย์ ขอให้หายไวๆ นะครับ

98
ผมห้อยองค์นี้ครับ..


องค์ประธาน..พระกริ่งเจ้าคุณศรีฯวัดสุทัศน์ บาเก็ง2 ครับ


องค์ซ้าย..หลวงปู่ทวดเลื่อนสมณะศักดิ์2508


องค์ขวา..เหรียญขี่คอกรรมการ หลวงปู่ทวด 2509 ครับ


แขวนแบบพิเศษติดคอเส้นสั้น..หน้าเสือหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ 2535 ครับ


99


ลำปาง: "วัดไหล่หินหลวง" อำเภอเกาะคา อารามเก่าแก่สำคัญของเมืองลำปาง    วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพตาราม วัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดลำปางที่มีอายุหลายร้อยปี จากหลักฐานทางด้านโบราณ จารึกและตำนานต่างๆ ได้กล่าวถึงวัดไหล่หินในอดีตว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญทางศาสนา มีหลักฐานว่าในปี พ.ศ.2181 วัดไหล่หินสมัยนั้นยังเป็นอารามเล็กๆ มีพระภิกษุสามเณรมาอาศัยบวชเรียนเป็นจำนวนมาก



   ในตำนานการสร้างวัดได้กล่าวอ้างถึง "พระมหาป่า" หลายรูปซึ่งเป็นเจ้าอาวาสที่ถือธุดงควัตรเป็นหลักปฏิบัติในการสืบทอดพระศาสนา แต่มีพระมหาป่ารูปหนึ่งที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาคือ "พระมหาป่าเกสร ปัญโญ" (ครูบาศีลธรรมเจ้า) จากคำบอกเล่าที่ได้เรียบเรียงไว้ในหนังสือประวัติวัดไหล่หินหลวงที่ทางวัดได้จัดพิมพ์ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "ท่านพระมหาเกสรปัญโญเป็นพระนักปฏิบัติ นักศึกษาศาสนธรรมคำสั่งสอนอันยืงยง ท่านมีความรู้แตกฉานสามารถเขียนและแต่งธรรมได้วันละมากๆ เล่ากันว่าจารวันหนึ่งได้มูลเหล็กจารเต็มกะลามะพร้าว ซึ่งหาใครเสมอเหมือนมิได้เลย นอกจากนี้ท่านได้ประพฤติปฏิบัติสมณธรรมอย่างจริงจัง โดยปฏิบัติอยู่ที่ถ้ำฮางฮุ้งจนจิตเป็นสมาธิได้ญาณสมาบัติอภินิหารเป็นอัจฉริยะ.." ด้วยจริยวัตรของท่านจึงทำให้มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธา ไม่เพียงแต่คนในท้องถิ่นแต่ได้เลื่องลือไปถึงถิ่นอื่นๆ จนถึงเมืองเชียงตุง




ซึ่งตามประวัติกล่าวว่าเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงได้มาสร้างวิหารที่วัดไหล่หินหลวง ต่อมาภายหลังเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต ได้มาสร้างโบสถ์รวมทั้งผู้คนจากในชุมชนและที่อื่นๆ ได้เข้ามาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไหล่หินให้มีสภาพสมบูรณ์ ความสำคัญของวัดไหล่หินนอกเหนือจากเป็นวัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดลำปางแล้วนั้น ยังเป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณที่ผู้คนทั้งในและนอกชุมชนเข้ามาศึกษาและคัดลอกกัน ปัจจุบันคัมภีร์ส่วนหนึ่งที่ชำรุดเสียหายไป แต่ยังมีบางส่วนที่คงสภาพดีและได้เก็บรักษาไว้ในโรงธรรมของวัด คัมภีร์โบราณของวัดเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่แสดงให้เห็นความสำคัญของวัดไหล่หินในฐานะที่เป็นแหล่งศึกษาพระธรรมในสมัยโบราณ พบว่ามีเอกสารโบราณที่มีอายุเก่ากว่า 700 ปีเศษ จารเป็นภาษาบาลี ตัวอักษรล้านนา ซึ่งจารไว้เมื่อปี จ.ศ.601 (พ.ศ.1782 ชื่อคัมภีร์ "สกาวกณณี" มีทั้งสิ้น 7 ผูก จำนวน 364 หน้า) ในวัดไหล่หินยังมีโบราณสำคัญต่างๆ มากมาย อาทิ วิหารโถง โบสถ์ เจดีย์ ซุ้มประตูโขงและโรงธรรม ซึ่งนับเป็นโบราณสถานสำคัญทั้งในด้านความเก่าแก่และมีคุณค่าทางด้านศิลปะที่แสดงออกถึงความสามารถในเชิงช่าง การสร้างสรรค์ความงามในด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมและการประดับตกแต่งตามคติความเชื่อและการใช้ประโยชน์ของชุมชน วิหารโถง เป็นวิหารแบบล้านนาขนาดเล็ก ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 9 เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน การประดับตกแต่งวิหารมีการประดับทั้งภายในและภายนอกเป็นภาพและลวดลายต่างๆ เช่น ภาพเขียนสี เป็นภาพเขียนด้วยสีฝุ่นบนแผ่นไม้ที่บริเวณส่วนบนของโครงสร้างหลังคาเป็นภาพพระพุทธรูปประทับยืน ภาพลายคำ เป็นภาพที่ทำด้วยเทคนิคการพิมพ์เป็นลวดลายลงบนพื้นสีทอง ลายประดับบนวิหารนี้ทำเป็นลายพันธุ์พฤกษา ลายเครือเถา ลายช่อดอกไม้ ลายดอกบัวและกลีบบัว นอกจากนั้นก็มีภาพบุคคลเช่น ภาพพระพุทธเจ้า ภาพเทวดา นางฟ้า และภาพสัตว์หลากหลายชนิด ตาม



ประวัติการสร้างวิหารหลังนี้มีบันทึกไว้บนแผ่นไม้ที่ท้องขื่อในวิหารกล่าวว่า ในปี จ.ศ.1045 (พ.ศ.2226) พระมหาป่าเกสร ปัญโญ เป็นประธานพร้อมด้วยเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงและศิษยานุศิษย์ได้สร้างวิหารนี้ขึ้นในปีกดไก๊ เดือน 5 เป็งไทยเต่าสง้า จากรูปทรงสันนิษฐานว่าคงมีการปฏิสังขรณ์ให้คงอยู่ในสภาพเดิมมาหลายยุคหลายสมัย เนื่องจากชาวบ้านสมัยนั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับข้อห้ามในการรื้อถอนอาคารสิ่งก่อสร้างทางศาสนา หากผู้ใดละเมิดจะพบกับความหายนะ จึงทำให้วิหารหลังนี้ได้รับการอนุรักษ์ตลอดมา ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานวิหารหลังนี้ไว้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2523 ซุ้มประตูโขง เป็นซุ้มประตูบริเวณด้านหน้าวิหาร ลักษณะเป็นซุ้มทรงปราสาทสกุลช่างลำปาง ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นที่ตัวอาคารเป็นลายบัวคอเสื้อ ลายประจำยามและลายบัวเชิงล่าง ชั้นหลังคาตกแต่งปูนปั้นด้วยลายพญานาค รูปหงส์ ตัวเหงาและลายพันธุ์พฤกษา ด้านข้างประตูทั้งสองมีรูปกินนรีแบบนูนต่ำประดับอยู่ ส่วนหน้าบันทำเป็นลายปูนปั้นแบบนูนต่ำตกแต่งด้วยภาพเขียนสี ลักษณะเด่นของซุ้มประตูโขงวัดไหล่หินที่แปลกกว่าวัดอื่นก็คือ การประดับชั้นหลังคาด้วยรูปสัตว์ที่ทำด้วยดินเผาเคลือบ โบสถ์ ตั้งอยู่ในเขตพุทธาวาส เป็นโบสถ์ขนาดเล็กแบบเปิดโล่งกว้าง 3 เมตรยาว 5 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก

    พระอุตตะมะอาราธิบดีและเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย เป็นประธานในการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2459 รูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบยุคหลังสร้างเป็นอาคารโถงมีผนังกั้นด้านหลัง มีราวลูกกรงไม้กั้นเตี้ย ๆ ล้อมรอบ พื้นยกสูงเล็กน้อย หน้าบันเป็นลายแกะสลักกระจกสีส่วนของค้ำยันเป็น "นาคตัน" หลังคามุมด้วยกระเบื้องเคลือบ ชายคาประดับด้วยไม้ฉลุลายซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมกันทั่วไปในเมืองลำปางขณะนั้น โรงธรรม เป็นอาคารที่อยู่ในเขตสังฆาวาสใกล้ประตูทางเข้าทิศเหนือ พระอุตตะมะอารามะธิบดี พร้อมด้วยหนานมณีวรรณ หนานวงศ์ พญาศรีวิเลิศและพญาแสนต้าร่วมกันสร้างในปี จ.ศ.1281 (พ.ศ.2462) แต่เดิมใช้เป็นกุฏิ ปัจจุบันใช้เป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์โบราณ โรงธรรมหลังนี้สร้างขึ้นตามแบบแผนกุฏิเก่าของวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งมีจารึกบนแผ่นไม้ว่าสร้างในปี พ.ศ.2027 นับว่าเป็นอาคารที่สร้างตามแบบกุฏิโบราณของล้านนา วัดไหล่หินหลวง นับว่าเป็นโบราณสถานที่ยังคงใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ในปัจจุบัน และเป็นวัดสำคัญที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง

   ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความสวยงามของศิลปกรรมล้านนาและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก หากมีโอกาสผ่านไปยังอำเภอเกาะคา ลองแวะมาชมความสวยงามของวัดแห่งนี้ดู

เอกสารประกอบ วัดเสลารัตนปัพพตาราม (วัดไหล่หินหลวง)
เรียบเรียงโดยสามเณรดวงจันทร์ ครุขยัน จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ข้อมูลจาก
http://chumchontai.com/webboardAnswer.php?w_id=00052


100
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ยามเช้าครับ
ไม่ลืมขอบพระคุณ บทความธรรมะดีด้วยครับ

101
      :059: อนุโมทนาสาธุ กับกิจกรรมสนุกๆที่มีเนื้อหาสาระ สอดแทรกธรรมะ ของคุณโยม pepsi
บอร์ดเคลื่อนไหว คึกคักดี แต่ในเวปบอร์ดนี้ มีแต่สิงห์มือไว ตอบได้รวดเร็วทันใจ จบเกมส์เร็วไปหน่อย
คงจะต้องคอยติดตามกันต่อไปให้ดี เพราะจะมีออกมาเสมอ ให้สมาชิกได้ฝึกฝนค้นหาคำตอบกัน....
....ขออนุโมทนาด้วย..สาธุ..สาธุ..

กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ ครับ ที่เข้ามาให้กําลังใจและเข้ามาเยี่ยม ครับ..

102
กระทู้ปิดนะครับ..ได้ท่านที่ตอบถูกทั้ง 5 ท่านแล้วครับ

ท่านที่ได้รางวัลที่1....คือท่าน นายยอดรัก...บางแค เวลาในการตอบ  23.52.33 วันที่ 11/10/53


ท่านที่ได้รางวัลที่2....คือน้อง...นางวันทอง เวลาในการตอบ 23.59.23 วันที่ 11/10/53


ท่านที่ได้รางวัลที่3...คือคุณ.hangman69...เวลาในการตอบ ..00.15.51  วันที่ 12/10/53


ท่านที่ได้รางวัลที่4...คือคุณ...beer3515..เวลาในการตอบ..02.11.50 วันที่ 12/10/53
 

ท่านที่ได้รางวัลที่5..คือคุณ~กระจกเงา...เวลาในการตอบ..02.17.52 วันที่ 12/10/53



ท่านที่ 6 ตอบช้าไปนิดนึงนะครับ..ไม่ต้องเสียใจนะครับ สนุกๆ
เพื่อนๆที่ชนะ กรุณาส่ง ชื่อ ที่อยู่ มาให้ผมด้วยครับ.
และขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาเชียร์ และ เข้ามาดู มากๆครับ


103
ข้อ2..ภาพหายจ้าๆ...
เอาภาพมาให้ใหม่...ท่านใดตอบประตูเข้าวัดหรือประตูทางเข้าวัดพระธาตุช่อแฮ..ถูกต้องครับ



104
ยากไปหรือเปล่าครับ....
ถ้ายาก...อ้าวววผมบอกให้
ข้อ1-4 อยู่ทางเหนือครับ
ส่วนข้อ5 อยู่ใต้ครับ

105
ผมเอาข้อมูลของคุณ เสน่ห์เอ็มมาอ้างอิงครับ..
เข้าไปอ่านได้ความรู้เยอะเลยครับคุณ เอ็ม

106
หลวงพ่อแช่มได้รับอุปถัมภ์สร้างตึกคนไข้พิเศษของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม (พ.ศ.2535) เป็นตึก 4 ชั้น ขณะนั้นหลวงพ่อแช่มอายุ 85 ปี การสร้างตึกคนไข้พิเศษต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างจำนวน 25 ล้านบาท จึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มขึ้นมา เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม สร้างเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อแช่มครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดสังฆาฏิ ด้านหลังเป็นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ ตามแบบฉบับของหลวงพ่อแช่ม สร้างเป็นเนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง จำนวน 5,000 เหรียญ


ในครั้งแรกคณะกรรมการสร้างวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่นดังกล่าว จะจัดพิธีพุทธาภิเษกนิมนต์พระเกจิอาจารย์ในจังหวัดนครปฐมมาร่วมนั่งปรกปลุกเสก จึงได้เข้าไปปรึกษาหลวงพ่อแช่ม เมื่อหลวงพ่อแช่มได้ฟังท่านก็นั่งนิ่ง แล้วต่อมาก็ยิ้มๆ ด้วยความเมตตาแล้วก็ปรารภว่า

“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าฉันทำได้ วัดเราสร้างเองเราก็ต้องปลุกเสกเอง”

ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแช่มและพระครูหลวงพ่ออวยพรจึงได้ร่วมกันปลุกเสกเหรียญรุ่นพิเศษสร้างตึกคนไข้โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม พิธีปลุกเสกจัดขึ้นเวลากลางคืน ที่ตึกกรรมฐานบูรพาจารย์ของวัดดอนยายหอม โดยหลวงพ่อแช่มเป็นผู้จุดเทียนชัย หลังจากนั้นท่านก็นั่งบริกรรมภาวนา โดยมีหลวงพ่ออวยพรร่วมนั่งปรกปลุกเสกด้วย

เมื่อนั่งปรกไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่ามีเสียงระเบิดขึ้นที่หลังคาหอกรรมฐาน คณะกรรมการวัดจึงปีนหลังคาขึ้นไปดู พบว่ากระเบื้องหลังคาแตกเป็นรูใหญ่ ทุกคนเชื่อว่าเกิดจากพลังจิตตานุภาพของหลวงพ่อแช่มและหลวงพ่ออวยพรที่นั่งปรกแผ่กระแสจิตออกมาอย่างเต็มที่จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้พากันเรียกเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่นนี้ว่า

“รุ่นหลังคาระเบิด”

107
กติกาเหมือนเดิมนะครับ..ผมจะไล่เวลาในการตอบของแต่ละท่านนะครับ..
ต้องถูกทุกข้อนะครับ


รางวัลที่1...พระผงโรยตะไบหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ..พิมพ์ใหญ่พร้อมกล่อง(หายากครับ)
รางวัลที่2...พระผงหลวงพ่อเปิ่นพิมพ์เล็กขี่เสือฝังพลอยพร้อมกล่องสวยๆครับ
รางวัลที่3...เหรียญพระพุทธ25ศัตวรรษ สวยๆพร้อมกล่อง ปี 2500
รางวัลที่4-5...เหรียญปั้มหลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส ปี 2536 พร้อมกล่อง
คําถาม ถามว่า...
1.ภาพที่เห็นนี้ ชื่อวัดอะไรครับ?   และอยู่ในจังหวัดไหน?


2.ภาพประตูนี้...ประตูทางเข้าวัดอะไรครับ?  จังหวัดอะไรครับ?



3.รูปปั้นโบราณนี้ อยู่ที่วัดอะไรครับ? และมีประวัติอย่างไรครับ?


4.พระพุทธรูปพระประธานองค์นี้ ประดิษฐ์ฐานอยู่ที่วัดอะไรครับ..(บอกชื่อแค่วัดก็ได้ครับ)


5.พระเกจิอาจารย์องค์นี้ชื่อของท่านคือ? .. ท่านอยู่วัดอะไรครับ?  จังหวัด?

ขอให้เพื่อนๆทุกท่านโชคดีครับ.

108
กราบท่านพระอาจารย์ครับ ที่ช่วยชี้แนะทางสว่างในการปฎิบัติครับ

109
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ
อ่านแล้วได้ความรู้ ยิ่งนําไปปฎิบัติ ดีมากครับท่านอาจารย์

110
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ที่ช่วยชี้แนะ
ผมปฎิบัติแบบเพ่งกสิณด้วยจิต รู้สึกว่าไปได้ดีกว่าการภาวนามากครับ
ผมปฎิบัติเพื่อให้ใจสงบ เพราะบอกตามตรงว่า ผมใจร้อนมากๆยิ่งเวลาขับรถ
และผมต้องใช้รถทุกวัน ในกทม. ท่านอาจารย์ก็ทราบนะครับว่า แต่ละคนขับรถ
บางครั้งบทจะปาดก็ปาด บทจะแซงก็แซง..ก็ได้จากการปฎิบัติเพื่อให้ใจสงบขึ้น คุมอารมณ์ได้
ตอนนี้คิด ใครอยากไปก่อนก็ไป...ใครอยากแซงก็แซงไป..ยังไงให้เรากลับถึงบ้านปลอดภัยครับ.

111
งวดที่แล้วต้องขอโทษนะครับ..ที่ผมตั้งกระทู้แข่งขัน แต่ เกินเลยโดยไม่ตั้งใจครับ
เอาท่านพระอาจารย์มาเกียวกับการแข่ง...ผมต้องกราบขอโทษจริงๆครับ จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมสัญญาครับ.
พอตั้งกระทู้เสร็จก็แพ๊คกระเป๋าเดินทางเลยครับ...ไม่ทันได้ลบกระทู้ครับ



และการแข่งขันนี้ผมขอสงวนสิทธิ์ให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยได้รางวัลนะครับ
งวดนี้มีมาให้ 5 รางวัลครับคือที่ 1-5 ตามรูปครับ..รับรองได้งวดนี้ที่ 1 รางวัลสุดยอดครับ


ลืมไปครับ..งวดนี้ ห้ามท่านพี่ๆ..บอกใบ้นะครับ เดี๋ยวไม่สนุก เข้ามาเชียร์ได้ แต่ห้ามแนะ..

รูปรางวัลที่1..
หลวงพ่อเปิ่นเนื้อผงขี่เสือพิมพ์ใหญ่โรยตะไบหลังยันต์แม่ทัพ หายากนะครับ ตามรูปพร้อมกล่อง



รางวัลที่2...หลวงพ่อเปิ่นเนื้อผงหน้าโบราณฝังพลอยเม็ดใหญ่ พร้อมกล่อง



รางวัลที่3...เหรียญ 25 พุทธศัตวรรษ ปี 2500 สวยๆพร้อมกล่องครับ


รางวัลที่4 และที่ 5 ..เหรียญปั้มหลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส ปี 2536พร้อมกล่อง



คําถามจะมาถามตอน 18.00 น นะครับ.


ขอแทรกนิดนึงครับ..ท่านใดได้รับของรางวัลแล้ว ช่วยเมล์บอกด้วย เห็นเงียบไปกันหมด

และรูปพระรางวัลภาพแทนนะครับ..ของจริงสวยครับ การันตีแท้ ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ


112
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ
ได้เข้ามาอ่านแล้วจิตใจสงบดี และได้ความรู้ด้วยครับ
กราบขอบพระคุณครับ

113
หลังจากที่กลับจากต่างจังหวัด ก็ไม่ค่อยได้เข้าบอร์ดเท่าไหร่ อาจจะเพราะเหนื่อยและว้าวุ่นใจ
แต่ก็ยังคงปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเหมือนเดิม..ที่มาว้าวุ่นและก็มีเหตุการณ์แปลกๆเข้ามาคือ ช่วงที่ผมเดินทางไปแต่ละที่
เมื่อเข้าพักโรงแรมไหน ผมจะกราบไหว้ และสวดมนต์ พร้อมทั้งอุทิศส่วนกุศลทุกครั้งก่อนจะนั่งกรรมฐาน..แต่มามีที่จังหวัดขอนแก่น
ผมสวดมนต์และทําทุกอย่างเรียบร้อยและไม่ลืม กราบท่านท้าวมหาพรหมของทางโรงแรมให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง..
แต่ผมก็เผลอนั่งแล้วหลับ..แต่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้น แขนด้านซ้ายผมโดนกระชากแบบรุนแรง..จนต้องตกใจตื่นจากการนั่ง
ในใจคิดตอนนั้นว่า ผมทําผิดแล้ว และก็ไม่กล้านั่งอีกเลย.

จนกลับเข้ากรุงเทพฯใจก็ว้าวุ่นตลอดเวลา เวลานั่งจิตก็ไม่สงบ จนเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา
ประมาณทุ่มกว่าๆ ผมก็นั่งปฏิบัติเหมือนเดิม ภาวนาจนรู้ว่าจิตเริ่มเข้าอุปจารสมาธิ แต่ก็ยังรู้ว่าลมหายใจเข้าลงถึงท้อง
ลมหายใจออก ผ่านจมูก...แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ลมหายใจเข้านิ่งปรกติดี...แต่พอลมหายใจออก วิ่งมาถึงกระบังลม
ก็เกิดอาการกระชาก แบบกระแทกที่กระบังลม จมผมหายใจแทบไม่ออก..และตั้งแต่นั้นมา ผมนั่งไม่ได้เลย
กินน้ำลงไปก็ไปติดที่กระบังลม กินข้าวเข้าไปก็ลําบาก แบบว่ามันติดอยู่ที่กระบังลม..ต้องหายใจลึกๆยาวๆถึงจะลง.

ตอนนี้ก็เกิดปัญหาคือการนั่งสมาธิทําไม่ได้เลย..พอดึงลมหายใจเข้าก็ไปติดกระบังลม
หายใจออกก็ไปติดเช่นกัน...ตอนนี้ก็เลยวิตกไปกันใหญ่ ว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นฝีในท้องหรือเปล่า  ลําใส้อักเสบหรือเปล่า
ก็คิดไปต่างๆนาๆ..ตอนนี้พูดง่ายๆว่านั่งไม่ได้เลย ใจมันว้าวุ่นไปหมด..

แต่อยู่ๆจิตก็ไปจับอยู่กับภาพนี้ครับ


เป็นที่อัศจรรย์ จิตเริ่มนิ่ง อาการปวดไม่มี ตอนนั้นการภาวนาลมหายใจ ผมไม่มี
มีแต่จิตไปจับที่ภาพ แล้วจู่ๆก็เกิด อาการทางสติและความนึกคิดว่า....แยกแยะ....
จึงทําให้ยิ่งเพ่ง ไปที่ภาพของท่านอาจารย์เมสันต์ แบบว่ายึดเป็นการเพ่งกสิณด้วยจิต..เห็นยันต์ของท่านวิ่งรอบ
ออกไปหลายทิศทาง อีกทั้งเป็นเส้นวิ่งเป็นรัศมี ซึ่งแต่ละตัว อุณาโลม แยกออกไปหลายทิศทาง เปรียบเสมือนว่า
ให้เราคิด กองกรรมฐาน มีหลายกอง ซึ่งกองที่ผมใช้อาจจะไปไม่ได้ อาจจะต้องใช้การเพ่งกสิณด้วยจิต
ผมจึงยึด ยันต์ของท่านพระอาจารย์เมสันต์ เอามาเป็นการเพ่งกสิณแทน..ปรากฎว่าอาการเจ็บและติดตรงกระบังลมไม่มี
เกิดขึ้นอีกเลย

ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ที่ช่วยชี้ทางสว่างให้ครับ
กราบนมัสการท่าน นี่เป็นเรื่องจริงและเพิ่งจะเกิด และอาการผมก็หายเป็นปรกติครับ.







114
เมื่อวานมีน้องเอามาปล่อยให้ ผมหาในเวปไม่มีรูปเลยครับ
ก็เลยก๊อปมาจากพี่ในเวปนี้ เป็นเหรียญหลวงพ่อเปิ่น ปี พ.ศ. 2527 เสมาครึ่งองค์ครับ
ตําหนิ ลักษณะ รมดํา แบบในรูปเลยครับ อยากทราบประวัติ..ท่านพี่ๆพอทราบไหมครับ





กราบขอบคุณล่วงหน้าครับ

115
เข้ากราบท่านพระอาจารย์ ครับ ขอให้สุขภาพแข็งแรงครับ

116
ขอบคุณพี่ อเมซิ่ง พี่ 777 พี่อภิรัตน์ ได้ความรู้เพิ่มครับ

117
ขอบคุณครับ..คือว่า
พระครูภาวนาจิตสุนทร ประธานสงฆ์วัดอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้ริเริ่มโครงการหล่อพระประธาน ปางพระนาคปรก ด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตัก ๘๐ นิ้ว สูง ๖.๘ เมตร น้ำหนัก ๒,๕๐๐ กก. ภายใต้ชื่อโครงการ พระพุทธมงคลมุจลินท์ แผ่นดินสุขสันต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นมา โดยมีเป้าหมายที่ต้องการจะหล่อพระประธานไปประดิษฐานให้ครบทั้ง ๗๖ จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในจังหวัดนั้นๆ เป็นการสร้างรากฐานอันมั่นคงให้กับพุทธศาสนา ให้เป็นดินแดนแห่งพุทธภูมิที่เจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาค


 โครงการจัดสร้างพระพุทธมงคลมุจลินท์ แผ่นดินสุขสันต์ ที่ พระครูภาวนาจิตสุนทร ได้มีดำริจัดสร้างขึ้นนี้ ได้มีการหล่อสร้างไปแล้ว ๓ องค์ คือ พระพุทธติสสะมงคลมุจลินท์ พระพุทธโคตมะมงคลมุจลินท์ พระพุทธรังสีมุนีมงคลมุจลินท์

  
การส่งมอบถวายพระประธานไปแล้ว ๑ องค์ คือ พระพุทธติสสะมงคลมุจลินท์ ประดิษฐาน ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กทม....และเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๒ ได้มีการหล่อองค์พระประธานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งองค์คือ พระพุทธปทุมุตรมุจลินท์ แผ่นดินสุขสันต์ โดยทาง จ.อุบลราชธานี ร่วมเป็นเจ้าภาพ ในการหล่อพระครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่

และในวันศุกร์ที่ ๒๕ ถึงวันเสาร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๒ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. เป็นต้นไป จะมีการจัดพิธีถวาย พระพุทธวชิรญาณจิราธิวัฒน์มงคลมุจลินท์ แผ่นดินสุขสันต์ เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ มหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน จ.ขอนแก่น เพื่อเป็นอนุสติบูชาแด่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ผู้ให้กำเนิด มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา



118
ถ้าจําไม่ผิด ประมาณปี 2541 ครับ เหรียญสวยมากครับ
ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะครับ

119
ประกาศผล..พร้อมเฉลยครับ
ข้อ1.



พระเจดีย์หนองหล่ม หรือ พระธาตุหนองหล่ม แห่ง วัดร้างไม่ทราบนาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่

พระเจดีย์หนองหล่ม หรือ พระธาตุหนองหล่ม แห่ง วัดร้างไม่ทราบนาม
ต.ช้างม่อย หรือ ต.ศรีภูมิ (ไม่แน่ใจ) อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พระเจดีย์หนองหล่ม แห่ง วัดร้างไม่ทราบนาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่

บริเวณมุมเหลี่ยมพระเจดีย์หนองหล่ม ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แม่ค้าใช้เป็นที่ขายอาหาร และ จากการสอบถามนามของพระเจดีย์จึงทราบว่า ชื่อ พระเจดีย์หนองหล่ม

จากการสอบถามถึงความเป็นมาของพระเจดีย์ ได้ความว่า ได้ยินมาว่าในสมัยก่อนบริเวณนี้เป็นบริเวณของวัดกว้างไกลไปจนถึงวัดพันตาเกิ๋น (วัดพันตาเกิน) หรือ วัดชัยภูมิ์ ต่อมาแผ่นดินได้กลายเป็นหล่มเป็นหนองน้ำ ต่อมาก็มีประชาชนอพยพเข้ามาอยู่อาศัยจนกลายเป็นชุมชนดังทุกวันนี้

ข้อ2..
มีอุโบสถที่สวยงามทรงไทยแบบอยุธยา การสร้างบูรณะได้อนุรักษ์รูปแบบไว้หมดทุกประการ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับและปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต ช่อฟ้าใบระกาหน้าบัน ซุ้มเสมา เป็นงานฝีมือปูนปั้นแบบอยุธยา ประดับกระจก งดงามมาก ชั้นใต้ดินปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์รักษาของเก่า ของวัด โดยเฉพาะพระพุทธรูป ตู้ลายรดน้ำ และของที่ขุดได้ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ เปิดให้ชมเฉพาะเวลามีงานประจำปีแล้ว ภายในยังมีภาพจิตกรรมที่งดงามแสดงถึงความเป็นมาในการก่อสร้างวัดอินทรวิหาร และวิถีชีวิตของชาวบ้านบริเวณรายรอบวัด

นอกจากนั้นจะพบต้นพระศรีมหาโพธิที่นำมาจากประเทศอินเดียอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งก็อยู่ข้าง ๆ บ่อน้ำมนต์นั้นเอง


เลยจากบ่อน้ำมนต์ก็จะได้พบกับ ศาลาที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม และพระรูปจำลองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระปิยะมหาราช นอกนั้นก็เป็นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และศิลปในยุคต่าง ๆ อยู่ในทั่วบริเวณ


ส่วนข้อ 3...

พระพุทธมงคลมุจลินท์ แผ่นดินสุขสันต์  ขนาดหน้าตัก ๘๐ นิ้ว สูง ๖.๘ เมตร น้ำหนัก ๒,๕๐๐ กก.วัดอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
ท่านที่ชนะการแข่งตอบคําถาม..
คือคุณ...คนนนท์ ใช้เวลาในการตอบ 15.58.29 ครับ


ส่วนคุณ..touch_navara...ตอบช้าไปนิดเดียวครับ.
ไม่ต้องเสียใจนะครับ ถือว่ามาสนุกๆร่วมกัน..
กระทู้นี้ปิดนะครับ..เพราะได้ชื่อผู้ชนะแล้วครับ.


คุณ คนนนท์  กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่ ให้ชัดเจนมาให้ผมนะครับ จะรีบจัดส่งรางวัลไปให้ครับ.






120
มาช่วยใบ้ข้อ2. อยู่บางขุนพรหม วัดอะไรหาเอาเองนะครับ.... :095:



5555จุ๊ จุ๊..อย่าเอ็ดไป...
เดี๋ยวไม่สนุก..

121
เข้ามาอ่าน และกราบนมัสการหลวงพ่อครับ

122
ครับ...ใบ้ให้ครับ
ลองพิมพ์ใน google พระพุทธรูปปางนาคปรก สิครับ

123
รางวัลหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ รุ่นสร้างโรงพยาบาล ปี 2535
เพียง 1 รางวัลสําหรับท่านที่ตอบถูกทั้ง 3 ข้อนะครับ



คําถาม ถามว่า...

ภาพที่1....ถามว่า พระธาตุองค์นี้ ชื่ออะไรครับ....และอยู่จังหวัดอะไรครับ



ภาพที่2...ถามว่า พระนาคปรกองค์นี้ ประดิษฐ์ฐานอยู่วัดชื่ออะไร...และจังหวัดอะไรครับ



ภาพที่3...ถามว่า พระนาคปรกองค์นี้ ชื่อ อะไรครับ...และมีขนาดเท่าไหร่ และจังหวัดอะไรครับ

คําถามนี้ สงวนสิทธิ์สําหรับให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยได้รับรางวัลนะครับ



124
รางวัลรูปหล่อ หายากแล้ว หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ รุ่นสร้างโรงพยาบาล ปี 2535
ตามรูปครับ..
กล่อง ครบ สวยมากๆ


กติกา..สําหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยได้รับรางวัล จากเกมส์ที่เคยจัดไปแล้วนะครับ
สงวนสิทธิ์ให้เพื่อนๆที่ไม่เคยได้รางวัลครับ

คําถามรอนิดนะครับ..ไม่เกิน 19.30 น ครับ...




126
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม บล็อกเลข 2
ย้อนหลังกลับไป 20-25 ปี
บล็อกนี้ไม่เล่นกัน แถมตีเก๊ว่า ผิวไฟไม่มี
บล๊อกรุ่นแรกออกปี 2492-2493...ต่อมาออกรุ่น2 เมื่อปี 2495
แต่แยกรุ่นโดยการปั้มเลข 2 ที่หลังเหรียญ
และต่อมาก็ออกอีก แล้วปั้มปี 2500(เหรียญรุ่นนี้ออกตามปี)

สายตรงก็เดินเก็บหมด เพราะเหรียญรุ่นนี้เป็นบล็อกเลข 2
ที่ออกประมาณปี 2495-2497 ก่อนรุ่น 2500 ซะอีก

บล็อกนี้อาจจะมีการออก 2 ครั้ง คือ 2495-2497 และ 2500
ก็เป็นได้ โดยด้านหน้าเหรียญมีการเล่นแยกแยะกันออกไป

ขอบอกว่า เหรียญนี้
น่าจะเป็นเหรียญที่นิยมมากที่สุดของบล็อกเลข 2 ครับ

จุดสังเกตคือ เนื้อเกินที่มีเหมือนรุ่นแรก
และตรงใบหูของหลวงพ่อเงินด้านซ้าย (ด้านขวาของเหรียญ)
จะมีเส้นขอแมว บางเฉียบวิ่งตรงเป็นเสาอากาศตรงขึ้นไปที่ขอบด้านบน
ทำปลอมไม่ได้แน่ๆ




127
กลับจากอีสานงวดนี้..จะเข้าไปกราบนมัสการท่านครับ
ขอให้ท่านหายไวไวครับ

128
เนื่องด้วยพี่.. chotipat แสดงความีน้ำใจ ยกรางวัลให้กับผู้ชนะท่านที่3
คือคุณ โบ เด็กป่า...
รางวัลจึงเปลี่ยนแปลงนะครับ..
ท่านแรก..น้องธรรมะ ได้รางวัลที่2 เหรียญล้อแม๊กหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี 2535



ท่านที่ 2 คุณ โบ เด็กป่า ที่ได้รางวัล ที่ 1(จากคุณ chotipat) เหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี 2535


และขอขอบคุณในความมีน้ำใจนะครับ..
การแข่งขันเที่ยวหน้า...กติกา ผมจะจัดแข่งให้รางวัลแก่ท่านที่ยังไม่เคยได้ หรือชนะรางวัลนะครับ
ท่านที่เคยได้แล้ว..จะไม่มีสิทธิ์ในการแข่งนะครับ..
จึงเรียนมาเพื่อทราบ ครับผม


129
ประกาศผลและขอปิดกระทู้นะครับ..
งวดนี้มีพลิกล๊อคครับ..
ท่านที่1 คุณ ธรรมะ ตอบ และแก้ไขด้วยเวลา 19.12.31
ท่านที่ 2 คุณ chotipat ตอบ และแก้ไขด้วยเวลา 19.16.22
ท่านที่3 คุณ  โบ เด็กป่า ตอบ และแก้ไขด้วยเวลา 19.21.32


แทนที่คุณ ธรรมะ จะได้รางวัลที่ 1 แต่ตอบไม่ครบ ในข้อ4 ซึ่งคุณธรรมะตอบแค่โรงแรมหน่ำแซ
คุณ chotipat ตอบครบ ซึ่งในกระทู้ที่หาก็มีคําว่า โรงแรมหน่ำแซ(โรงแรมศรีทักษิณอยู่ด้วย..)
ดังนั้นที่ 1 คือคุณ chotipat และะที่ 2 คือคุณ ธรรมะ นะครับ


ส่วนท่านที่ 3 อย่าเสียใจนะครับ..ช้ากันแค่เสี้ยววินาทีเองครับ..
และไม่ลืมขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่มาร่วมสนุกนะครับ..


เมล์ชื่อ ที่อยู่ มาให้ผมด้วยนะครับ...กลับจากอีสานจะรีบจัดส่งรางวัลไปให้ครับ.
และคุณ chotipat รางวัลงวดที่แล้ว เหรียญนั่งเสือหลวงพ่อเปิ่น ได้รับหรือยังครับ..ผมส่งไปให้แล้วครับ

130
เวลาเชือดเฉือนกันน่าดูครับ...แค่คุณ arada ชี้นิดเดียว..ฮ่าๆๆ


131
เหอๆๆ...สงสัยงวดนี้ยาก
รางวัลยังอยู่ครบครับ...อ้าวววบางข้อ ข้อมูลกว้างไปหน่อยครับ
เอาให้แคบๆได้ใจความ และ เออ...แบบว่าคาดไม่ถึง ว่าจะเป็นไปได้...

 :074: :074: :074:

132
พี่ๆๆ ใบ้ขอ ที่ 1 หน่อยได้ไหม ไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร

ถ้าผมใบ้ให้..รับรองว่าตอบถูกกันหมดแน่ๆเลย
เดี๋ยวหมดสนุกครับ..สําหรับน้อง ธรรมะ พี่คิดว่า คงไม่ยากเกินไปนะ.ครับ

133
เพื่อไม่ให้เสียเวลานะครับ..
รางวัล เพื่อนๆคงรู้แล้วนะครับ อีกทั้ง กติกา 2 ท่านแรกเท่านั้นที่ตอบถูก
คือท่านที่ 1 และท่านที่ 2...ที่ทําเวลาดีในการตอบ..

หมายเหตุ..ถ้าตอบหลายกระทู้..ยังไงต้องตอบทุกข้อนะครับ
แล้วผมจะดูเวลาในการตอบ...



คําถาม

ภาพที่ 1...
ภาพนี้พอดีเดินผ่านกระจก เหอๆๆๆๆ ก็เห็นแบบนี้ เหมือนมนุษย์ต่างดาว อยากถามว่า มันคืออะไรครับ





ภาพที่2...
ถามว่า..ภาพนี้คือสถานที่ใด  และใน จังหวัดอะไรครับ..



ภาพที่3...
ถามว่า ..เหมือนข้อ 2 คือ สถานที่ใด และอยู่ในจังหวัดอะไรครับ...



ภาพที่4...
ถามว่า..รูปนี้ เป็นที่ตั้งของโรงแรมอะไร และอยู่ในจังหวัดอะไรครับ...และปี พ.ศ. ไหนครับ



คงไม่ยากเกินไปนะครับ..
ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านโชคดีครับ.


ภาพทั้งหมด อยู่ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่ต่างประเทศ หรือประเทศจีน

134
ออกเยอะวัดมากครับ...
ถ้าถามว่าของวัดช้างให้ปี 2497 หรือเปล่า..ตอบ ไม่ใช่ครับ

วัดที่ออกมาเยอะมากๆ ก็มีวัดห้วยมงคล  วัดทรายขาว(แต่จะออกยุคหลังๆ) ถ้ายุคอาจารย์นองท่าน ตอนนี้ก็หายากแล้วครับ
ถ้าเป็นพระหลวงปู่ทวดท่าน ไม่ว่าวัดไหนก็ศักดิ์สิทธิ์ครับ.พุทธคุณท่านแรงจริงๆ

135
เพื่อนๆวันนี้ผมมีคําถามร่วมสนุกกันอีกแล้วครับ
ยังไงผมเดินทางวันจันทร์...การตัดสินรางวัลผู้ชนะ คงไม่เกินอาทิตย์หน้านะครับ.
งวดนี้มีมาให้ 2 รางวัลครับ
คือ ที่1....เป็นเหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ พิมพ์หลวงพ่อเปิ่นขี่เสือ ปี 2535 รุ่นสร้างโรงพยาบาล
เนื้อ นวะ สวยมากๆพร้อมกล่องครับ


รางวัลที่ 2...เหรียญล้อแม๊กหลวงพ่อเปิ่น(ใบหน้าหลวงพ่อ) หลังเหรียญหลวงพ่อเปิ่นขี่เสือ
เนื้อ นวะ พร้อมกล่อง รุ่นสร้างโรงพยาบาล ปี 2535 สวยมากๆเช่นกันครับ.

ทั้ง 2 เหรียญ ปั้มโบราณ ตอกโค๊ตด้วยนะครับ.
การันตีแท้ ล้านเปอร์เซนต์ครับ


ดูรูปรางวัลครับ..
เหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อเปิ่น ปี 2535 เลขที่ตอก เบอร์ 6742 นะครับ(รูปที่นํามาลงผมใช้รูปแทนครับ)



เหรียญล้อแม๊กหลวงพ่อเปิ่น ปี 2535


กติกาเหมือนเดิมครับ...2 ท่านแรกที่ตอบถูกนะครับ
คําถาม ผมจะมาถามตอน 18.00 น นะครับ



136
ถ้าลืมตา..กลัวจะเห็น จะ จะ
ผมขอหลับตาภาวนาครับ.
ไหนๆถ้าจะเห็นเหมือนกัน.(ภูต  ผี ปีศาจ )

137


กะไหล่เงินใช้ปรอททำ ทำให้ร้อนแล้วจึงปิดแผ่นทองหรือเงิน วิธีทำกะไหล่จะทำให้แผ่นทองแผ่นเงินติดแน่นทนนาน ทำให้ภาชนะหรือของใช้นั้นงดงามมีราคา เช่น พระกะไหล่ทอง กะไหล่เงิน โต๊ะกะไหล่ทอง คำว่า กะไหล่ เป็นคำที่มาจากภาษา เปอร์เซีย ว่า Kaiayi ปัจจุบันช่างทำเครื่องใช้ที่เป็นเงินเป็นทองมักใช้วิธีชุบแทนกะไหล่ เพราะทำได้เร็วกว่า ถูกกว่า แต่การชุบนั้นทอง-เงิน จะเคลือบผิวบางมากผิวทองจึงไม่ติดทนเท่ากะไหล่

เนื้ออัลปาก้า มีส่วนผสม ของทองเหลือง เป็นหลัก และส่วนผสมรอง เป็น นิเกิล และเงิน เหตุผล ถ้าเป้นทองเหลือง อย่างเดียว เนื้อจะนิ่ม ชำรุดง่าย จึงเพิ่ม ส่วนผสมอื่น ให้แข้ง ขึ้น เช่น นิเกิล ,ส่วนเงิน น่าจะทำให้เกิดสีขาวใสเงา

เนื้อเงิน...
1. นำเงินมาหลอมในเบ้า ซึ่งทำด้วยดินเผามีลักษณะกลม แล้วนำไปเผาในเตาเผาที่ เรียกว่า " เตาเฝ่า "มีลักษณะแบบสูบลมเข้า
2. ให้เติมดินประสิวและข้าวสารตอกในขณะที่เครื่องเงินค่อย ๆละลาย เพื่อให้เนื้อเงินมีลักษณะเนียนเรียบและอ่อน
3. ให้เติมผงถ่านลงไปในเงินที่กำลังละลาย เพื่อไม่ให้เนื้อเงินติดกับเบ้า แล้วนำเงินนั้นเทลงในเบิ้งที่ใส่น้ำมันก๊าดลงไปในเนื้อเบิ้งแล้ว ประมาณ 3-4 ของเบิ้ง จะทำให้เกิดการลุกไหม้ เพื่อให้เนื้อเงินจับตัวกันแน่น ไม่มีฟองอากาศ ลักษณะของเบิ้งนั้นทำจากดินเหนียว มีลักษณะเป็นหลุมไม่ลึก
4. ใช้อุปกรณ์เกลี่ยหน้าเงินให้เรียบ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วขุดนำผงถ่านออกมา
5. คว่ำเบิ้งลง เพื่อให้แผ่นเงินหลุดออกมา
6. นำแผ่นเงินที่หลอมเสร็จแล้วไปชุบกำมะถันผสมน้ำ ในอัตราส่วน 2ขวด:6 ถัง น้ำจะเปลี่ยนสีเป็น สีฟ้าอมเขียว เพื่อให้กรดเข้าไปแทนที่ฟองอากาศที่อยู่ในเนื้อเงิน จากนั้นนำไปแช่ในน้ำมะขามเปียก เพื่อล้างคราบสกปรกและกรดออก โดยใช้แปรงทองเหลืองขัดจะทำให้เนื้อเงินประกายสวยมากขึ้น
7. นำแผ่นไปขึ้นรูปตามลักษณะที่ต้องการ โดยการทุบหรือตี ขณะนั้นเนื้อเงินก็จะเย็นตัว ทำให้ยากแก่การขึ้นรูป จึงต้องนำไปเผาไฟให้ร้อนอีกรอบ เพื่อให้เนื้อเงินอ่อนตัวลง แล้วนำไปขึ้นรูปต่อ
8. นำเงินไปขัดด้วยแปรงทองเหลือง ในน้ำมะขามเปียกผสมผงหินขัด เนื้อเงินจะได้เป็นเงามากขึ้น

ให้สังเกตุ..ถ้าเนื้อเงิน รอยบิ่น หัก ลอก...จะออกเป็นเงินยวง
อัลปาก้า...จะออกสีเงินอมเหลือง ถ้าทิ้งไว้นานๆจะเหลือง
ชุบนิเกิล หรือบล๊อคชุบ..จะเนียนเรียบ
กะไหล่ทอง-กะไหล่เงิน...จะดูใกล้เคียงกับเนื้อเงิน..จะต่างกันตรงที่บล๊อคชุบ จะชุบได้บาง ชุบหนาไม่ได้เพราะจะหาความสวยของพิมพ์ทรงไม่ได้..
กะไหล่เงิน-ทองจะไปเคลือบหมด..ดังนั้น พวกกะไหล่ จะร่อน หลุดได้ง่าย..ให้สังเกตุรอย แตก บิ่น..เราก็จะเห็นเนื้อในครับ.

ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ.

138
กราบนมัสการ...ขอให้ท่านหายไวๆครับ.

139
เยี่ยมครับ มาครบชุดเลย สวยอีกต่างหาก
ผมมี แต่ไม่ครบขุดแบบนี้...ยินดีด้วยครับ.

140



เย็นวันนั้นเป็นวันที่เหนื่อยมากสําหรับการเดินทาง..ผมออกจากอุตรดิตถ์เวลา 9 โมงเช้า
เข้าแพร่แวะเยี่ยมลูกค้าเสร็จ ก็ตีจากแพร่ขึ้นเขาออกไปทางร้องกวางดิ่วขึ้นพะเยาก็ร่วมๆบ่าย..จากพะเยาออกไปเส้นทางลัดเข้าเชียงใหม่...ขึ้นเขาตลอด กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็ปาเข้าไปร่วม 4 ทุ่ม..อีกทั้งต้องมาหาโรงแรมอีก เพราะโรงแรมใหม่ที่นอนประจําก็เต็ม มันก็เลยไปตามดวงแบบว่าหาที่ไหนได้ก็นอน...เหอๆๆๆ.โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่เชิง..ไปได้โรงแรมชั้น 2..ก็แบบพอนอนได้..

พอเช็คอินเรียบร้อย..พนักงานพาไปที่ห้องพัก..แค่เปิดประตูเข้าไป ตกใจแล้วครับ..
พื้นเป็นพื้นไม้ เอี้ยด อ๊อดๆๆ..ดังเมื่อเราเดิน..เตียงนอนก็ดันมีกรูป..(แบบเป็นเสา 4 เสา เป็นแบบไม้โบราณ ด้านบนเป็นเหมือนหลังคา
ดูแล้ว ได้อารมณ์สยองดีครับ..ส่วนข้างเตียงนอนก็เป็นตู้ ไม่รู้สมัยไหน เก่าๆ อีกทั้งมีการแกะสลัก รูปนางรํา รูปช้าง และอีกหลายๆรูป..ส่วนไฟในห้องก็เป็นแบบโบราณ คือ มีหลอดไฟ แค่ ดวงเดียว สีออกเหลืองนวลๆอ่อนๆ..เดินไปไหนก็ เห็นเป็นเงา ว๊อบๆแวมๆ เดินตามตลอด..น่ากลัวดีครับ..

หลังจากจัดแจงกระเป๋าเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว...ก็อาบน้ำ ใส่ชุดนอน..กะว่าจะนอนให้สบายเพราะเหนื่อยมากๆ
แค่เอนหัวลงนอน...พอเคลิ้มๆ..อ้าวใครที่ไหนมาเขย่าเตียง...แรกๆก็นึกว่าแผ่นดินไหว..ก็ลุกมานั่งข้างเตียง..เพราะกลัวว่าไอ้เจ้ากรูปเตียงมันจะถล่มมาทับ...เหอๆๆๆ  นั่งสักพักก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น..ก็ลงไปนอนอีก..ทีนี้ทั้งเขย่าและหัวโผล่ออกมาจากยอดกรูป..เป็นหัวเด็กผมจุกครับ..พอเพ่งมองแบบว่าจะ..จะ..ก็ไม่มี..เอ๊ะมันยังไงกัน..มองขึ้นไปบนกรูปก็ว่างเปล่า...ไอ้เราก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย..เอาไงดี..
พอคิดได้...ผมจัดแจง...เปิดกระป๋องน้ำอัดลม...อีกทั้งจุดบุหรี่อีก 1 มวน...ไปวางข้างๆเตียง..แล้วออกมานั่งอยู่ห่างๆ ในใจก็คิด ผมเปิดน้ำอัดลมให้  และบุหรี่อีก 1 มวน ขอให้มารับของที่จัดถวายด้วย..เท่านั้นแหล่ะ เพื่อนเอ๋ย..บุหรี่วางเฉยๆ แต่แดงว๊าบ ว๊าบ ตลอดเวลา เหมือนกับว่ามีคนกําลังสูบอย่างไม่เคยสูบมาก่อน..จนหมดมวน.

ส่วนกระป๋องน้ำอัดลม ผมใส่หลอดไปด้วย แบบว่า มันเคลื่อนไหวได้ เดี๋ยวหมุนไปทางโน้นที ทางนี้ที..ในใจตอนนั้นก็คิดต่อไปว่า ถ้ากินเสร็จแล้ว ผมขอพักผ่อน เพราะต้องเดินทางต่อ.อย่ามารบกวนหรือแกล้งกันเลย. เท่านั้นทุกอย่างก็เป็นปรกติครับ.ผมก็ลงนอนได้โดยไม่มีสิ่งรบกวนใดๆเลย. นี่คือเรื่องจริงที่ผมได้พบมา..

ทุกวันนี้ยังจําโรงแรมนั้นได้ และไม่ขอเข้าไปนอนอีกเลย..ไม่มีจริงๆก็ขับรถออกไปนอน ลําปางดีกว่าครับ..เหอๆๆๆ



141
เย้ๆๆๆ.....มีผู้ที่ถูกจนได้ครับ...
ข้อ 10.หน้าบึ้งบูด  พูดด้วยไม่ใยดี หรือเปรียบเที่ยบว่าอะไร....

 


คําตอบคือ...หน้าบอกบุญไม่รับ ครับผม.



ท่านที่ตอบถูก...please ได้โปรดกรุณาส่ง ชื่อ ที่อยู่ให้ชัดเจนมาในเมล์ด้วยนะครับ...
จะรีบจัดส่งรางวัลไปให้ครับ...ไม่รู้จะทันหรือเปล่า เพราะต้องเดินทางวันจันทร์...
ถ้าไม่ทันยังไง ก็ รอนิดนะครับ...

142


จาก สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้นในปัจจุบัน ทำให้บัณฑิตจบใหม่ หรือคนตกงาน กว่าจะได้งานทำก็ยากแสนยาก เพราะนอกจากจะต้องใช้ประสบการณ์ และความสามารถของตัวเองแล้ว บริษัทต่างๆ จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่มีเจ้าของเป็นผู้มีเชื้อสายจีน ยังใช้หลักเกณฑ์ของ “โหงวเฮ้ง” มาประกอบการตัดสินใจรับเข้าทำงานอีกด้วย !!

1. รูปหน้าสามเหลี่ยม มีบุคลิกเป็นนักสร้างสรรค์ มีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว แต่ไม่ค่อยอดทนในการทำงาน

“คน รูปหน้าสามเหลี่ยม ลักษณะเป็นนักจินตนาการ คิดเก่ง แต่ทำไม่เก่ง และขาดความอดทน จะเป็นคนที่เบื่อง่ายไม่ชอบทำอะไรที่ซ้ำซากจำเจ พวกนี้จะอยู่ไม่นาน ไม่ชอบอะไรที่ไม่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง คนพวกนี้เหมาะจะอยู่แผนก ครีเอทีฟ มีเดีย ดารา นักแสดง หรือประชาสัมพันธ์ที่ได้เข้าสังสรรค์กับผู้คน”


2. รูปหน้าสี่เหลี่ยม เป็นคนขยันอดทนในการทำงาน แต่จะทำหน้าที่ตามคำสั่ง ซื่อสัตย์ มั่งคง เป็นผู้ตามที่ดี เหมาะกับงานที่ใช้กำลังมากกว่าความคิด

“ประเภท นี้ความอดทนสูงแต่ไม่คิด จะทำตามรูปแบบ หรือนายสั่ง จะสั่งให้ทำอะไรก็ทำ พวกนี้จะเป็นนักแก้ปัญหาไม่ได้ นายสั่งอย่างนี้ เขาก็จะทำอย่างนี้ เมื่อเจอกับปัญหาก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร ก็จะนำปัญหานั้นกลับมาถาม พวกนี้เหมาะกับงานประจำ ทำตามคำสั่งต่างๆที่ให้ไป ซึ่งเขาจะไม่คิดอะไรมาก”


3. รูปหน้ากลม เป็นคนเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง คนรูปหน้าประเภทนี้ เจ้าของกิจการจะไม่ค่อยไว้ใจ เพราะกลัวว่า จะถูกแทงข้างหลัง

“อีกกลุ่ม คือพวกรูปหน้ากลม จะเป็นนักคิด นักทำ พวกนี้จะฉลาด ทั้งคิด ทั้งทำ แต่จะอยู่กับใครได้ไม่นาน มีความคิดเป็นผู้นำ คือ คิดว่าจะทำก็ทำได้ จะคิดเองทำเอง และจะออกไปทำเอง พวกนี้เจ้าของกิจการมอบงานที่สำคัญๆ ให้ทำไม่ได้ เพื่อกลัวโดนโกง ต้องให้ทำประเภทที่ออกติดต่องาน เขาจะทำได้เก่งมาก เหมาะกับงานเซลล์ เพราะจะเรียนรู้เร็ว และทำยอดขายดี เนื่องจากเป็นคนที่วางแผนเก่ง”


4. หน้ารูปไข่ ถือว่าเป็นรูปหน้าที่มีความสมดุลที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นคนมีความสติปัญญาดีแล้ว ยังสามารถทำงานได้ดีด้วย อีกทั้งมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัวเอง

“หน้ารูปไข่ จะเป็นนักบริหารที่ดี เป็นนักคิดนักทำ มีความละเอียด รอบคอบ สุขุม มีความฉลาดไม่โฉ่งฉ่าง จะเห็นได้ว่าคนหน้ารูปไข่จะเป็นนักบริหารเยอะ อาชีพที่เหมาะ ก็เช่น นายธนาคารต่างๆ”


5. หน้าผสม จะเป็นรูปหน้าที่มีส่วนผสมของหน้าหลายๆ แบบ อาทิ หน้าสามเหลี่ยมผสมสี่เหลี่ยม หน้ากลมผสมสี่เหลี่ยม เป็นต้น ผู้ที่มีรูปหน้าแบบลักษณะนี้ จะมีบุคลิกหลายๆ อย่างในตัว เป็นคนเก่ง สามารถทำงานได้หลากหลาย

“หน้าผสมจะเป็นแบบสามเหลี่ยมก็ไม่ใช่ สี่เหลี่ยมก็ไม่ใช่ มีคางบ้าง มีกรามบ้าง จะออกรูปไข่ก็ไม่ใช่ เป็นแบบมีอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวเอง บุคคลประเภทนี้ จะมีความอดทนสูง และคิดเก่ง ทำเร็ว มีความสามารถ ทำงานได้หลายๆ ด้าน”

จากจะดูโหงวเฮ้งแล้ว บริษัทจำนวนไม่น้อยพิจารณาคัดเลือกเข้าทำงานจาก ลายมือของผู้สมัคร ที่กรอกในใบสมัคร เพราะลักษณะตัวอักษรจะบ่งบอกถึงนิสัยได้เป็นอย่างดี ถ้าเขียนลายมือหวัดก็คาดได้ว่าต้องเป็นคนทำอะไรเร็ว ใจร้อน คนประเภทนี้ ควรให้ทำงานที่ต้องใช้ความคล่องตัวในการทำงาน ไม่ชอบที่ต้องนั่งอยู่กับที่


“การ เขียนหนังสือเวลาสมัครงาน คนที่เขียนเร็วหรือเขียนหวัด ประเภทนี้จะเป็นพวกใจร้อน ใจเร็ว พวกนี้จะไปทำงานบัญชีไม่ได้เลย แผนกเอกสารก็ลำบาก เจ้าของบริษัทเห็นเข้า ก็ไม่เอาแล้ว เพราะแผนกเอกสารต้องใช้พวกลายมือบรรจง สุขุม ใจเย็น”

ดังนั้น ผู้กำลังหางาน ตอนกรอกใบสมัคร ก็อย่าลืมใส่ใจว่า ตัวเองกำลังสมัครงานตำแหน่งอะไรอยู่ด้วยล่ะ ……

สำหรับ บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือกลุ่ม ซี.พี. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า นำหลักโหงวเฮ้งมาใช้ร่วมในการพิจารณาคัดเลือกผู้เข้าทำงาน  บริษัท ซี.พี. จะมีโหรดูดวงหนึ่งคน เซียนดูสถานที่หนึ่งคน และซินแซดูโหงวเฮ้งอีกหนึ่ง ร่วมกันดูดวงด้านต่างๆ ให้บริษัท

การ ดูโหงวเฮ้ง ขั้นแรกจะพิจารณาจากภายนอก ทั้งรูปร่าง หน้าตา ให้เหมาะตามหลักโหงวเฮ้งที่ได้กล่าวมาแล้ว ถ้ายิ่งเป็นระดับผู้จัดการ หรือฝ่ายบริหารก็ต้องมีการลักษณะที่พิเศษขึ้นไปอีก เช่น ต้องเป็นคนมี “ก้นอิ่ม” “ก้นงอนๆ” เพราะถือว่าจะทำให้นั่งในตำแหน่งบริหารได้อย่างมั่นคง ไม่หยุดจากเก้าอี้

หลังจากผ่านขั้นแรกแล้ว โหรก็จะดูดวงว่า เหมาะกับบริษัทหรือไม่ ดวงของแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน บางคนถึงดวงจะดีแต่บางทีก็ไม่เหมาะกับบริษัทฯ แต่หากดวงสมพงศ์ซึ่งกันและกัน ก็จะเกื้อหนุนทำให้กิจการเจริญก้าวหน้า แต่หากดวงแย้งกัน อาจจะทำให้ธุรกิจของบริษัทย้ำแย่ลงไปก็ได้



แต่ อย่างไรก็ตาม ฝากข้อคิดไว้สำหรับนักศึกษาจบใหม่ ซึ่งกำลังหางานทำอยู่ในขณะนี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดว่าจะได้งานทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าตัวเป็นอันดับหนึ่ง และความเหมาะสมกับตัวเอง โดยไม่ต้องคำนึงว่าต้องตรงกับสายที่เรียนมา ขอให้เลือกงานที่ชอบ ซึ่งจะทำให้ทำงานได้ดี

“สำหรับ นักศึกษาจบใหม่ๆ ที่จะเข้าไปสมัครงาน อย่างแรกต้องดูว่าตัวเองชอบหรือเปล่า อย่าไปเอาตามวุฒิ ซึ่งอาจจะไม่ถูกตามที่เราชอบ เวลาทำงานก็จะไม่ผ่าน เพราะตัวเองไม่ชอบ มันไม่เหมาะ ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่าตัวเราชอบอะไรก่อน



ขอ้มูลจาก
http://www.puansanid.com

143


ถูกเกือบจะหมดนะครับ....
แต่ก็มีอยู่ 1 ข้อ ที่ ที่ยังตอบกันไม่ตรงครับ..
ก็แปลว่ายังไม่มีผู้ชนะ นะครับ.

144



วัดป่าภูก้อน
บ้านนาคำ ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี
วัดป่าภูก้อน บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี

เกิดจากความดำริของพุทธบริษัทผู้ตระหนักถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ และความสำคัญของป่าไม้ธรรมชาติที่เหลือน้อยลงทุกวัน โดยมุ่งดำเนินตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการรักษาความสมบูรณ์ของป่าไม้ต้นน้ำลำธาร ตลอดจนสัตว์ป่า และพรรณไม้นานาพันธุ์ เพื่อให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยคู่กับแผ่นดินไทย พร้อมทั้งเพื่อจรรโลงส่งเสริมพระบวรพุทธศาสนา ให้เจริญมั่งคงคู่แผ่นดินไทยตราบชั่วกาลนาน

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ คุณโอฬาร และคุณปิยวรรณ วีรวรรณ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาแสวงหาความสงบยังจังหวัดสกลนครและจังหวัดอุดรธานี เกิดความเลื่อมใสในวัตรปฏิปทาของพระป่า ต่อมาเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก แห่งวัดป่านาคำน้อย ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี และท่านพระอาจารย์หนูสิน ฉันทสีโล พร้อมทั้งคณะศรัทธาญาติโยมและชาวบ้านนาคำใหญ่ ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้น โดยนิมนต์พระอาจารย์ชาลี ถิรธมฺโม จากวัดถ้ำจันทร์ ตำบลชมพูพร อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย ให้มาอยู่เป็นประธาน และเป็นขวัญกำลังใจในการนำพาสร้างวัดแห่งนี้



ภูก้อน เป็นชื่อของภูเขาลูกหนึ่ง ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านนาคำ หมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี เป็นภูเขาลูกใหญ่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๘๒๗ เมตร สภาพโดยรอบเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ อากาศชื้น มีหมอกปกคลุม เป็นต้นน้ำลำธารซึ่งมีน้ำไหลตลอดทั้งปี


วัดป่าภูก้อน เป็นวัดสังกัดธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง-ป่าน้ำโสม บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน ๓ จังหวัด คือ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย เป็นวัดที่ถูกต้องตามระเบียบกรมการศาสนาตั้งแต่เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ และเพื่อรักษาบริเวณวัดไว้ให้มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ จึงขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่โดยรอบวัด ซึ่งต่อมาได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑ ให้จัดตั้งพุทธอุทยานขนาดเนื้อที่ ๑,๐๐๐ ไร่ ได้รับขนานนามว่า“พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมี ท่านพระครูจิตตภาวนาญาณ (พระอาจารย์ชาลี ถิรธมฺโม) เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าภูก้อน และเจ้าคณะอำเภอนายูง (ธรรมยุต) ทั้งนี้ วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และได้รับเกียรติจากท่านจุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธีฝังลูกนิมิตและผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ ๑๓-๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓

พุทธอุทยานแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ธุดงควัตรของพระนวกะจากโรงเรียนนายร้อยทั้ง ๔ เหล่าทัพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ประกอบพิธีบรรพชาในภาคฤดูร้อน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร แล้วประทานอนุญาตให้อบรมกัมมัฏฐาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นเวลา ๕ ปีติดต่อกันมา

ด้วยความสง่างามและศักดิ์สิทธิ์ของอาณาเขตพุทธอุทยานและป่าสงวนแห่งชาติ จึงมีผู้ได้พบเห็นหลักฐานของความอัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งนี้อยู่เสมอ คณะศรัทธาญาติโยมจึงร่วมกันดำริสร้างองค์พระมหาเจดีย์ มีนามว่า “พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” ณ ยอด “ภูเจ้าเมือง” วัดป่าภูก้อน เป็น ๑ ใน “โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒” และอัญเชิญตราสัญลักษณ์และพระรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานภายในองค์พระเจดีย์ด้วย

ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กราบทูลเชิญเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศพระประธาน “พระร่วงรุ่งโรจน์ศรีบูรพา” หน้าองค์พระมหาเจดีย์ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๔ และยังได้รับมอบประกาศนียบัตรจากกรมป่าไม้ เป็นวัดอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ดีเด่นระดับจังหวัด ประเภทดูแลรักษาป่าดั้งเดิม ประจำปี ๒๕๔๔

เนื่องในมหามงคลสมัย ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ที่จะมาถึง ด้วยความสำนึกระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน คณะพุทธบริษัทจึงพร้อมใจกันจัดสร้าง พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขาว ปางปรินิพพาน ยาว ๒๐ เมตร โดยแบ่งหินอ่อนเป็นก้อนๆ เรียงซ้อนกัน ๔๒ ก้อน เพื่อเป็นเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์ในแผ่นดินแห่งรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ โดยเฉพาะ โดยได้เรียนเชิญอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นที่ปรึกษาด้านศิลปะและออกแบบฐานพระพุทธรูป พระโลกุตตระและรัศมีรอบองค์พระโดยไม่คิดค่าจ้าง

นอกจากนี้ ยังได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์นริศ รัตนวิมล ช่างสลักหินอ่อนผู้เป็นสุดยอดของแผ่นดิน ดังผลงานฝีมือแกะสลักรูปเหมือนบูรพาจารย์ที่ประดิษฐานอยู่ในองค์พระมหาเจดีย์ วัดป่าภูก้อน เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักองค์พระพุทธรูป นับเป็นการร่วมกันสร้างนฤมิตศิลป์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาไว้บนยอดเขาอาสนะพุทธะ ซึ่งเป็นลานหินภูเขาแข็งแกร่ง ยาวประมาณ ๑๑๐ เมตร ในการนี้ อาจารย์วิวัฒน์ วอทอง สถาปนิก และอาจารย์กฤษฎา นนทนาคร วิศวกรโครงสร้าง ได้ร่วมกันออกแบบวิหารพระครอบองค์พระพุทธรูปไว้อีกชั้นหนึ่ง ขนาดกว้าง ๓๙ เมตร ยาว ๔๙ เมตร เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แห่งรัตนโกสินทร์ โดยใช้เวลาในการแกะสลักและสร้างพระวิหารให้แล้วเสร็จภายในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ งบประมาณการสร้างรวมทั้งสิ้น ๑๒๐ ล้านบาท
ทั้งนี้ ทางวัดและคณะศรัทธายังได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญพระปรมาภิไธยย่อ เพื่อประดิษฐานบนผ้าทิพย์และขอพระราชทานนามพระพุทธรูป เพื่อเป็นมหาสิริมหามงคลในการนี้ด้วย



ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.esanclick.com/newses.php?No=20330


145
เดี๋ยวกลับจากอีสาน..
คงต้องลง ใต้อีก...จะแวะไปเยี่ยมน้อง ธรรมะ ที่ ทุ่งสง จ้าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
นครศรีฯ ไปทุ่งสง แค่ 30 กว่าโล..อีกอย่างผมต้องแวะทุ่งสงอยู่แล้ว..

146
ฮ่าๆๆๆ...ยังเล่นได้อยู่ เพราะยังไม่มีวี่แวว ผู้ชนะครับ

147
สวยมากครับ
เข้มขลังมากๆ

148
กราบนมัสการครับ.
เข้ามาอ่านแล้วสบายใจครับ

149
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ
ทางมุกดาหารฝนตกหรือเปล่าครับหลวงพ่อ.

150
เข้ามากราบหลวงพ่อครับ...
และเข้ามาอ่านคําสอนดีๆครับ

151
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ
เข้าอ่านบทคําสอนครับ

152
ฮ่าๆๆๆม้าตีนต้น ..แต่ตอนปลายชักแปลกๆครับ คุณ คนนนท์
สังสัยจะหมดแรงหรือเปล่าครับ...
 :010: :010:

153


มาแล้วครับ...
คําถาม งวดนี้นอกประเด็นนิดนะครับ..แบบว่าสนุกๆครับ

1.อะไรเอ่ย....สองมือกําเต้า เอวเด้า ปากก็ดูด
2.อะไรเอ่ย....หมาอะไร อยู่บนต้นไม้
3.อะไรเอ่ย....เบอร์อะไรที่ใหญ่กว่าทุกๆเบอร์
4.อะไรเอ่ย....จังหวัดอะไร ที่ช้างไม่อยากไป.
5.อะไรเอ่ย....จังหวัดอะไร ที่มีแต่พระเด็กๆ
6.อะไรเอ่ย....ปาอะไร ที่ใช้ในการไหว้ครู
7.อะไรเอ่ย....ตาของ ซิล ชื่อ อะไร...
8.อะไรเอ่ย....ปลาอะไร มีนมตั้ง 6 เต้า
9.อะไรเอ่ย....หนังหุ้มกระดูก  กระดูกหุ้มเนื้อ  เนื้อหุ้มน้ำ
10.อะไรเอ่ย...หน้าบึ้งบูด  พูดด้วยไม่ใยดี หรือเปรียบเที่ยบว่าอะไร....
11.อะไรเอ่ย...ทําไมส้มตําจึงหมด.
อ้าวว...แค่ 11 ข้อพอครับ..
ช่วยกันตอบ ช่วยกันหาครับ...
ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ......

154
งวดนี้ไม่ง่าย ไม่ยากครับ.
อีก 1 สนุก...รางวัลก็คงเป็นพระเครื่องเหมือนเดิมครับ...
งวดนี้พระหลวงพ่อโสธร ปี พ.ศ.2533 ญสส ออกโดยวัดบวรฯครับสวยกริ๊บๆพร้อมกล่องเดิม
เนื้อ นวะโลหะกลับดําครับ.
ตามรูป...จ้าๆๆ



คําถามรอนิดนึงนะครับ...คงไม่เกิน 19.00 น.ครับ.

เพียง 1 รางวัลสําหรับท่านแรกที่ตอบถูกหมดนะครับ..


155
ยังไม่เก่านะครับ..
สมเด็จก็เช่นกันครับ อาจจะเป็นของเกจิอาจารย์ทําขึ้นครับ แต่ถ้าถามว่าจากวัดไหน..ต้องขออภัยด้วยครับว่า
ไม่ทราบจริงๆ.


ยังไงลองดูท่านอื่นนะครับ...เผื่อจะให้ความรู้ได้.

156
ครับ..มีน้องในเวปอยากให้ผมเอารูปยันต์หอมเชียง มาเป็นวิทยาทาน
แก่น้องๆ หรือสมาชิกใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็น หรือ อยากจะเห็นยันต์หอมเชียงครับ..



รูปนี้จากน้องในเวป..ฝากเอามาให้ลงครับ.


จากข้อมูลยันหอมเชียงนะครับ.

หอมเชียงหรือพระเจ้า 108 พระองค์  พุทธคุณ 108 ครอบจัรกวาลครับ
ที่วัดบางพระมีหลวงพี่ต้อย(หลานหลวงพ่อเปิ่น)ที่สักได้ หลวงพี่ญาก็ได้ยินแว่วๆมาว่าท่านสักได้เหมือนกัน
ยันต์หอมเชียงไม่ใช่จะได้มาง่ายๆบางคนขออยู่ตั้งสองสามปีกว่าจะได้  หอมเชียง (ยันต์ 108)  ที่จริงตีตาราง 12X8=96 บรรจุพระพุทธรูป ลงอักขระในแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน ใช้เวลาสักนานมาก, พี่อ้วน...(พี่ชายพี่ปี๊ด บ้านอยู่ตรงข้ามวัด)ไปขอดูได้ เล่าให้ผมฟังว่าใช้เวลา 4 วัน 4 คืน ไข้ขึ้นแล้วขึ้นอีก นอนไม่ได้เลย หลังระบมมาก.ยันต์ใหญ่มาก. เต็มหลังเลยครับ?น่าอัศจรรย์จริงๆ เป็นฝีเข็มลพ.ต้อย ถือว่าเป็น"หอมเชียง"ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย(ในโลก)ด้วยครับ เป็น WORLD RECCORD
       
น้องๆต้องใจเย็นๆครับ เล่ากันว่า ตายไปแล้วบริเวณที่ยันต์นี้สักอยู่มีดหมอผ่าตัดก็ยังไม่เข้า ลพ.ญาบอกว่าที่เรียกยันต์ 108 เพราะ ครบเครื่อง 108 พันประการถือว่าสุดยอด?สุดยอด?แห่งยันต์ของลพ.เปิ่นครับ....ลองเข้าไปศึกษาหาข้อมูลที่เว็บบางพระบ้างก็ได้นะครับ กระทู้ของผู้การเสือครับให้ความรู้ต่างๆเยอะครับ
ผิดพลาดประการใด ต้องขอ อภัยมาใน ณ. ที่นี้ด้วยนะครับ.

157
อ้าววว กระทู้ปิดครับ..
มีท่านผู้ตอบถูก..งวดหน้าต้องหาแบบยากๆหน่อยดีกว่า...



คุณ chotipat กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่มาให้ผมนะครับ..
จะรีบส่งรางวัลไปให้ครับ.

158
1.หอมเชียงหรือพระเจ้า 108 พระองค์  พุทธคุณ 108 ครอบจัรกวาล
ที่วัดบางพระ ชื่อท่านใดที่ได้ชื่อว่า world reccord...ชื่อผู้มีรอยสักยันต์นะครับ คือ.....
=พี่อ้วน...(พี่ชายพี่ปี๊ด บ้านอยู่ตรงข้ามวัด)

2.และผู้ที่ได้ชื่อใน world reccord พระอาจารย์ท่านใดเป็นผู้สักครับ......
=ฝีเข็ม ลพ.ต้อย

3.การสัก ใช้เวลากี่วัน...และกี่คืน....
= ใช้เวลา 4 วัน 4 คืน
4.ยันต์หอมเชียงที่พี่ที่ได้ world reccord มีขนาดเท่าไหร่ครับ..
ตีตาราง 12X8=96  ใหญ่มาก. เต็มหลัง

5.สุดท้าย..รูปนี้ นาคทางขึ้นของวัดมีชื่อ วัดอะไรครับ...และจังหวัด....
  =วัดป่าภูก้อน บ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี

ข้อ5  ผมว่ายากแล้วนะครับ..
คุณ Chotipat link หายังไงครับ..
บอกหน่อยครับ..ว่าพิมพ์เข้าไปใน google ว่าอย่างไร ถึงหาเจอครับ...


160
มาแล้วครับ...
โช๊ะ...ช๊ะ...แช๊ง...ถามว่า..

1.หอมเชียงหรือพระเจ้า 108 พระองค์  พุทธคุณ 108 ครอบจัรกวาล
ที่วัดบางพระ ชื่อท่านใดที่ได้ชื่อว่า world reccord...ชื่อผู้มีรอยสักยันต์นะครับ คือ.....
2.และผู้ที่ได้ชื่อใน world reccord พระอาจารย์ท่านใดเป็นผู้สักครับ......
3.การสัก ใช้เวลากี่วัน...และกี่คืน....
4.ยันต์หอมเชียงที่พี่ที่ได้ world reccord มีขนาดเท่าไหร่ครับ..
5.สุดท้าย..รูปนี้ นาคทางขึ้นของวัดมีชื่อ วัดอะไรครับ...และจังหวัด....



161


รางวัลเหรียญเอกลักษณ์นั่งเสือ หลวงพ่อเปิ่น ปี 2537 ครับ
ตามรูป....(สวยมากพร้อมกล่องอยู่ครบครับ)







คําถามรอนิดนึงนะครับ..คงไม่เกิน 19.00 น ครับ

162
พิมพ์นี้หรือเปล่าวครับ

หลวง พ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม เป็นเกจิแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรีหลวงพ่อเปิ่นท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์มา ตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กท่านได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรีซึ่งหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ก็เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดัน

หลวงพ่อเปิ่นท่านได้วิชา อาคมจากหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอกมามากมาย (ขณะนั้นหลวงพ่อเปิ่นยังไม่ได้บวชเป็นพระ) และท่านได้วิชาการสักยันต์จากหลวงพ่อหิ่มอย่างเต็มสูตรวิชา นอกจากนั้นท่านยังได้ขอตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี โดยได้ร่ำเรียนวิชามามากมายจากท่านโอภาสี

พระเครื่องของท่าน มีผู้นำไปใช้แล้วพบเจอกับประสบการณ์มากมาย ท่านโด่งดังมากในเรื่องของการ "สักยันต์" ชายชาตินักรบทั้งหลายในยุคนั้นได้เดินทางมาให้ท่านสักยันต์ลงบนเนื้อตัวของ ชายเหล่านั้น เรื่องการสักยันต์ต้องยกให้ท่านแม้ว่า คนที่สักยันต์จากท่านได้ตายไปแล้ว มีดผ่าตัดยังหั่นไม่เข้า ซึ่งก็เคยเป็นเรื่องราวที่เล่าขานต่อกันมาไม่รู้จักจบสิ้นรุ่นนี้จัดสร้างปี 36
ภาพและข้อมูลจาก
http://www.xxxxx.com/scripts/shop.php?user=anonta_07&do=view&id=365353
 


ถ้าใช่ สร้างเมื่อปี 2536 ครับ
พระหลวงพ่อท่าน ดีทุกด้านครับ

163
พิมพ์นี้หรือเปล่าวครับ

ถ้าใช่ สร้างเมื่อปี 2536 ครับ
พระหลวงพ่อท่าน ดีทุกด้านครับ

164
เหอๆๆ...ไม่เอา ม๊าจะเอาตังส์
ดูมาตั้งแต่ต้น...ให้สาระดีๆ..
พอตอนท้ายก็อดหัวเราะไม่ได้..
ขอบคุณมากครับ...

165
กฎแห่งกรรม / ตอบ: บวชหนีกรรม
« เมื่อ: 28 ก.ย. 2553, 06:06:32 »
เวรกรรม กรรมเวร...
สาธุ...
แม้จะอยู่ในผ้าเหลือง ทําเขาไว้ ก็มิอาจจะป้องกันตัวเองได้.
บุญส่วนบุญ   บาปก็ส่วนบาป หักล้างกันไม่ได้.
ขอบคุณครับ ที่นําเรื่องนี้มาให้อ่าน ...
อ่านแล้วสงสารผู้หญิงคนที่ท้องจริงๆ เท่ากับว่า ตาย 2 ชีวิต(รวมเด็กที่อยู่ในท้อง)

166
เข้าชื่อรับวัตถุมงคลอาจารย์ท่านหลวงพ่อเปิ่นครับ..
ขอบพระคุณท่าน โองการยันนะรังสี ครับ.

167
ท่านที่ชนะรางวัลนะครับ...

นายธรรมะ(เหรียญหน้าเสือลงยาหลวงพ่อเปิ่น)

Chotipat(เหรียญหน้าเสือลงยา หลวงพ่อเปิ่น)

ซาดุยฮุย(เหรียญหน้าเสือลงยาหลวงพ่อเปิ่น)

hangman69(เหรียญเสมาหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ นะครับ)

กรุณาเมล์ ชื่อ ทีอยู่ให้ชัดเจนมาที่ผมนะครับ..
น้องธรรมะ ไม่ต้อง เพราะผมมีอยู่แล้วครับ...พี่จะส่งรางวัลไปให้พร้อมตะกรุดจ้าๆๆๆ

168
สงสัยงวดนี้ต้องปิดกระทู้เร็วนะครับ..
เพราะตอบถูกทั้ง 4 ท่านเลย

แต่รางวัลมีแค่ 3 รางวัล...ดังนั้น รางวัลท่านที่4
ไหนๆเข้ามาตอบและถูกด้วย...
ผมจัดเป็นเหรียญ หลวงพ่อเปิ่นให้นะครับ...ถือว่าเป็นรางวัล ท่านที่มีน้ำใจ มาร่วมสนุกครับ.


กระทู้ปิดแล้วนะครับ..
ได้ผู้ชนะทั้ง 4 ท่านครับ



169
ขอบคุณครับ
เมื่องวดที่แล้วผมยังแวะไปกราบท่านอยู่เลย
และยังเช่ารูปเหมือนบูชาหลวงพ่อดํามาด้วยครับ  9 นิ้ว.
ชาวใต้นับถือท่านมากๆ

170
ณ อุโบสถของวัดเล็กๆ ในอำเภอเชียงคำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ พุทธลักษณะแม้ไม่งดงามนัก ด้วยอาจเป็นฝีมือช่างพื้นบ้านอันสร้างมาเก่าแก่โบราณจนสืบค้นประวัติมิได้ ทว่าความประหลาดคือ เป็นพระพุทธรูปที่มิยอมขึ้นประดิษฐานบนฐานชุกชี มิว่าชาวบ้านทุกยุคทุกสมัยจะใช้หนทางใดก็ตาม เหตุอัศจรรย์นี้เอง ผู้คนจึงเรียกกันว่า 'พระนั่งดิน'



วัดพระนั่งดิน อยู่ที่บ้านพระนั่งดิน หมู่ที่ 7 ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เป็นวัดที่มีความสำคัญ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงคำและพื้นที่ใกล้เคียง และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอเชียงคำมาช้านาน ภายในอุโบสถมีการตกแต่งประดับประดาด้วยตุง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ศิลปะของชาวเหนือ และเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธาน ซึ่งมีความแปลกแตกต่างจากพระพุทธรูปโดยทั่วไป ด้วยไม่มีฐานชุกชีรองรับ พระพุทธรูปจึงนั่งอยู่บนพื้น ชาวบ้านเคยสร้างฐานชุกชีและอัญเชิญองค์พระพุทธรูปขึ้นประดิษฐาน แต่ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น จนถึงปัจจุบันนี้ จึง เรียกขานนามสืบต่อกันมาว่า พระนั่งดิน หรือพระเจ้านั่งดิน


ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าขานสืบกันมาว่า ชาวบ้านเคยสร้างฐานชุกชีและได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประดิษฐาน แต่เกิดเหตุอัศจรรย์ ฟ้าผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครั้ง ชาวบ้านจึงได้อาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิม

มีตำนานกล่าวถึงประวัติพระเจ้านั่งดินไว้ว่า พระยาครองเมืองพุทธรสะได้ค้นพบประวัติ(ตำนาน) เมื่อนมจตุจุลศักราช 1,213 ปีระกา เดือน 6 วันจันทร์ พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกโปรดเมตตาสรรพสัตว์ จนเสด็จถึงเตเวียงพุทธรสะ(อำเภอเชียงคำในปัจจุบัน) พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่บนดอยสิงกุตตระ(พระธาตุดอยคำในปัจจุบัน) ทรงแผ่เมตตาประสาทพรตรัสให้พระยาคำแดงเจ้าเมืองพุทธรสะในขณะนั้น สร้างรูปเหมือนของพระองค์ไว้ที่เมืองพุทธรสะนี้ ครั้งเมื่อทรงตรัสจบก็ปรากฎมีพระอินทร์ 1 องค์ พระยานาค 1 ตน ฤษี 2 องค์ และพระอรหันต์ 4 รูป ช่วยกันเนรมิตรูปเหมือนจากดินศักดิ์สิทธิ์ ณ เมืองลังกา ใช้เวลา 1 เดือน กับ 7 วัน จึงแล้วเสร็จ เมื่อพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์ทั่วถึงแล้ว ได้เสด็จสู่เมืองพุทธรสะอีกครั้ง ทรงเห็นรูปเหมือนนั้นมีขนาดเล็กกว่าองค์ตถาคต จึงตรัสให้เอาดินมาเสริม แล้วพระพุทธเจ้าได้แผ่รัศมีออกครอบจักรวาลรูปเหมือนนั้นให้เลื่อนลงจากฐาน ชุกชี มากราบไหว้พระองค์ พระพุทธเจ้าตรัสกับรูปเหมือนว่า "ขอให้ท่านจงอยู่รักษาศาสนาของกูตถาคตให้ครบ 5,000 พระพรรษา" รูปเหมือนน้อมรับ และประดิษฐานอยู่ ณ พื้นดินที่นั้นสืบมา

การเดินทางไปวัดพระนั่งดิน
วัดพระเจ้านั่งดิน อยู่ในตำบลเวียง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1021(ดอกคำใต้-เชียงคำ) วัดอยู่ห่างจากตัวอำเภอราว 4 กิโลเมตร


ไม่ลืมขอบคุณเจ้าของข้อมูลจาก..
http://www.holidaythai.com


171
รางวัลจะเหมือนกันนะครับ..
คือเหรียญหน้าเสือ หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ..ลงยา สวยมากๆ(พร้อมกล่อง)
กติกา..3 ท่านแรกที่ตอบถูกนะครับ..
ดูรูปก่อนก็ได้ครับ ของรางวัล


คําถามวันนี้ครับ..ตามรูปที่แนบมาด้วย.


ถามว่า....
พระนางสิริมหามายากำลังบรรทมหลับสนิทในพระแท่นที่บรรทมแล้ว ทรงพระสุบินว่า...อะไรครับ


2.
ถามว่า.....
เจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ 7 ปี ประทับนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นหว้า เนื่องจากพระราชบิดาทรงจัดให้มีพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เจ้าชายได้รับความวิเวกก็เกิดสมาธิขั้นแรกที่เรียกว่า.......


3.
ถามว่า.....
พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกริยาจนบางครั้ง พระองค์งดเสวยอาหารจนพระกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
และเพราะเหตุใด.....อธิบายให้ละเอียด นะครับ
(พระมหาบุรุษจึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกริยา ซึ่งเป็นความเพียรทางกาย แล้วเริ่มกลับเสวยอาหารเพื่อบำเพ็ญเพียรทางใจ)


4.
ถามว่า.....
เมื่อพระมหาบุรุษทรงชนะมารแล้วนั้น   พระอาทิตย์กำลังจะอัสดง  ราตรีเริ่มย่างเข้ามา  พระมหาบุรุษยังคงประทับนั่งไม่หวั่นไหวที่โพธิบัลลังก์  ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์  ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัยด้วยวิธีที่เรียกว่าเข้าฌาน  แล้วทรงบรรลุญาณ พระมหาบุรุษได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ทรงมีพระนามใหม่ว่า......


5.
ถามว่า.....
ระหว่างที่พระพุทธเจ้ายังไม่ตัดสินใจพระทัยว่าจะทรงแสดงธรรมโปรดใครเพื่อประกาศพระศาสนา นับตั้งแต่ตรัสรู้เป็นต้นมานี้ ได้เสด็จแปรสถานที่ประทับแห่งละ......กี่วัน


วันนี้คําถามเพียง 5 ข้อนะครับ..บอกตรงๆว่าไม่ยาก แต่แค่อาศัยความเร็วในการท่องเวปครับ
บอกใบ้นิดนึง....พุทธประวัติพระพุทธเจ้า...ครับผม



ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆทุกท่านโชคดีนะครับ
และเรื่อง แพ้ ชนะ ถือว่า มาสนุกร่วมกันครับ...อย่าน้อยใจ หรือคิดมากนะครับ..รักสมานสามัคคีกันครับ
สนุกๆและยุติธรรม..





172
ได้ของดีมาฝากพี่น้องอีกแล้วนะนี่ ...  :016:

พี่เสน่ห์โจรสลัด..วันนี้ผมไปด้อมๆมองๆ...ไม่เห็นพี่เลยครับ.
ว่าจะเข้าไปทักทายเสียหน่อย เพราะเคยเห็นหน้าแล้ว รับรองทักถูกคนแน่ๆ

173
อ้าวววน้องธรรมะใจร้อน..อยากดูตะกรุด..
พี่โพสให้เดูครับ..



174
วันนี้ไปกราบท่านพระอาจารย์(หลวงพ่อเปิ่น)
ลูกศิษย์เยอะพอสมควรครัีบ กว่าจะหาที่จอดรถได้ เกือบ 30 นาที..
เมื่อนมัสการกราบท่านแล้ว..ไม่ลืมแวะเช่าวัตถุมงคล..ก็ได้มาหลายชิ้นครับ
ได้มีดหมอ งวดนี้เล่มใหญ่หน่อยครับ เกือบ 10 นิ้ว..ปลอกไม้ด้ามไม้ ปลายด้ามแกะเป็นรูปเสือ..
ตัวปลอกมีด..ลงยันต์ตลอด ใบมีดทําด้วยเหล็กอย่างดี..ลงยันต์ บอกตรงๆว่าสวยมากครับ.

ต่อมาก็ เหรียญหน้าเสือลงยา..งวดนี้บูชามา 5 เหรียญ (เอามาฝากเพื่อนๆ เพื่อความสมานสามัคคี 3 เหรียญครับ)
และไม่ลืมของน้อง ธรรมะ ที่อยากได้ตะกรุดหลวงพ่อเปิ่น...ก็เลยบูชาเผื่อน้องเค้า 1 ดอก..

น้องธรรมะ เมล์ ชื่อ ที่อยู่มาให้ผมด้วยนะครับ..จะจัดส่งตะกรุดหลวงพ่อเปิ่น ไปให้ครับ


พอได้มา...ท่านอาจารย์ หลวงพ่อ อภิญญา ท่านเมตตา ปลุกเศกเป่าคาถาอาคมให้อีก 1 รอบครับ...


ดูรูปเหรียญหน้าเสือกันก่อนนะครับ..
งวดนี้มีมาให้ 3 รางวัลเลยครับ..
คือที่ 1  ที่2  และที่3...



รางวัลที่2..



รางวัลที่3


คําถามรอนิดนึงนะครับ...คงไม่เกิน 17.00 นวันนี้ครับ

175


การเข้าถึงภาวะสมาธิไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายคนเข้าใจและกลัวการปฏิบัติสมาธิ บางคนถึงขนาดได้ยินคำว่าสมาธิก็เบือนหน้าหนีไม่อยากฟัง เพราะคิดว่าตนไม่มีทางทำได้ก็มี อันที่จริงขอเพียงผู้ปฏิบัติสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในการเข้าถึงภาวะสมาธิให้ได้สักครั้งสองครั้งเท่านั้น แล้วท่านจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะปฏิบัติแล้วได้สมาธิ

กรรมฐานกองที่จัดว่าง่ายและเป็นกรรมฐานกองที่ติดมากับตัวเราอยู่ตลอดก็คือ การจับลมหายใจเข้า-ออก ลมหายใจเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงว่าเรายังมีชีวิตอยู่ และเป็นสิ่งที่มีปรากฏอยู่ในร่างกายเราอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปหาหรือสร้างขึ้นมาใหม่ เพราะตามปกติคนเราก็ต้องหายใจกันอยู่แล้ว ดังนั้น การที่ผู้ปฏิบัติจะทดลองทำสมาธิด้วยการใช้จิตมาจับกับลมหายใจเข้า-ออก จึงถือเป็นการให้เครื่องรู้แก่จิตอย่างง่ายที่สุด

นอกจากวิธีการเอาจิตไปจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออกตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ผู้ปฏิบัติอาจทดลองใช้การภาวนาเรื่อยๆ อย่างเช่น คำว่า "นะ", "มะ", "พะ" หรือ "ธะ" ซึ่งเป็นคำภาวนาเพื่อกระตุ้นธาตุทั้งสี่ที่ประกอบขึ้นมาเป็นธาตุขันธ์ของเรา  ซึ่งผมใช้ภาวนา หรืออาจจะ ยุบหนอ พองหนอ  ก็ได้ครับ. 

อย่างเช่นเมื่อเราหายใจเข้า จิตจดจ่ออยู่ที่ นะ   
เมื่อหายใจออก จิตก็ตามลมหายใจออก  มะ

และเมื่อเราหายใจเข้า  จิตจดจ่ออยู่ที่  พะ
เมื่อหายใจออก จิตตามลมหายใจออก   ธะ


นะ คือธาตุน้ำ
มะ คือธาตุดิน
พะ คือธาตุไฟ
ธะ คือธาตุลม

เมื่อจิตกับอุบายเริ่มรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ความคิดทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปจากจิต จากนั้นจิตจะดำเนินเข้าสู่ความนิ่ง ว่าง อันเป็นภาวะสมาธิในที่สุด

ข้อดีของการภาวนากำกับลมหายใจเข้า-ออก คือจะช่วยให้จิตของผู้ปฏิบัติยังไม่เคยได้สมาธิมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งกรรมฐานในลักษณะนี้จะเป็นการตกแต่งจิตให้สงบตัวลงทีละเล็กทีละน้อยจนได้สมาธิในที่สุด และเมื่อมาถึงตรงนี้ ผู้ปฏิบัติก็จะเริ่มเข้าใจในอารมณ์ที่ว่าสมาธิคืออะไร

ไม่ลืมกราบขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ.
ยังไงก็ขอให้เป็นประโยชน์นิดหน่อย ไม่มากก็น้อยครับ.

176
น้องธรรมะ...อยากได้อะไรครับ
เห็นบอกอยากได้ตะกรุดไม่ใช่เหรอครับ...
เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไป...จะไปบูชาให้ดอกนึงนะครับ

177



พรุ่งนี้ ผมและครอบครัว จะไปกราบไหว้หลวงพ่อเปิ่น
และอยากจะไปกราบท่านอาจารย์  อีกทั้งท่านพี่หลายๆท่าน
แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร..เพราะส่วนมากไปวัดบางพระ ก็จะเข้าไปกราบหลวงพ่อเปิ่นท่าน..
ส่วนเรื่องการสักยันต์..ลงคาถาอาคม ไม่เคยครับ  ..

ถ้าไปพรุ่งนี้..ผมพอจะพบปะท่านพี่ๆในเวปนี้บ้างหรือเปล่าครับ...
จะได้เข้าไปทักทายครับ..


178
คงไม่มีท่านใดเข้ามาตอบแล้วนะครับ..
อย่างงั้นผมเฉลยนะครับ..

1.โลกียธรรม เมื่อปฏิบัติได้แล้ว ต้องทำให้เกิดความชำนาญยิ่งๆ ขึ้น ถ้าทอดทิ้งจะทำให้เสื่อมไป ความสงบที่ได้รับขณะดำรงอยู่ในสมาธิในขั้นฌานจิตนั้น จะระงับดับกิเลสด้วยอำนาจของการข่มไว้ด้วยองค์ฌาน เรียกว่า..."วิกขัมภนปหาน"

2.โลกุตรธรรม เพราะเมื่อเจริญจนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลแล้ว ปัญญาย่อมไม่เสื่อม กิเลสที่ถูกทำลายไปแล้วจะไม่เกิดขึ้นอีก เรียกว่า ...
"สมุจเฉทปหาน"

3.ความสงบให้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น คือ ขณิกสมาธิ จนถึงอัปปนาสมาธิ และสามารถทำความรู้พิเศษ คือ...... อภิญญาจิต

4.สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเมื่อได้ทรงผนวชแล้ว ก็ได้ทรงไปศึกษากับ "อาฬารดาบสกาลามโคตร" เป็นคนแรก ทรงบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน พระองค์เห็นว่าเป็นเพียงธรรมเครื่องอยู่อาศัยแห่งความสงบ จึงได้ไปทรงศึกษาต่อจาก "อุทุกดาบสรามยุส" ก็สามารถบรรลุฌานในขึ้นสูงสุดคือ ........เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน

5.บทสวดธรรม ที่จัดว่าเป็นบทสวดสูงสุด คือบทสวดใด......บทสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ครับ

 พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์คือพระธรรมในอภิธรรมปิฎกมีอยู่ทั้งสิ้น ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ อภิธรรม คือธรรมะขั้นสูง
หัวใจของอภิธรรมจะกล่าวถึงเรื่องของ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน สิ้นเนื้อความในพระไตรปิฎกนับ10000หน้า
พระอภิธรรม 7 คัมภีร์ เป็นธรรม ที่พระพุทธเจ้าแสดงโปรดพุทธมารดา( ธรรมแทนค่าน้ำนม)เมื่อจบพระอภิธรรมเทศนา
เทวดาและพรหม ๘๐๐,๐๐๐ โกฎิ ได้บรรลุธรรมและสันตุสิตเทพบุตร (พุทธมารดา) ได้สำเร็จ เป็นพระโสดาบันบุคคล
พระ อภิรรม 7 คำภีร์ นี้เองที่ค้างคาว 500 เกาะผนังถ้ำและงูเหลือมแก่
ฟังใน สมัยพระกัสปะสัมพุทธเจ้า ตายแล้วเกิดบนสวรรค์62กัปลงมาเกิดเป็นลูกชาวประมงทั้ง 500
บวชเป็นศิษย์ พระสารีบุตรได้ฟังพระอภิธรรมอีกครั้งก็ลุอรหันต์ทั้ง 500 +อีก1 อเจลก(งูเหลือมแก่)
พระ อภิธรรมปิฎกมีความสำคัญเปรียบเสมือนรากแก้ว พระวินัยปิฏกประหนึ่งลำต้น พระสุตตันตปิฎกเหมือน กิ่งก้านสาขา บรรดาปิฎกทั้ง ๓ นี้
พระอภิธรรมจึงมีความสำคัญที่สุด เป็นความรู้ระดับสูง ที่ท่านเรียกว่า ปรมัตถธรรม
ดังนั้น..ผู้ที่ตอบถูก

~@เสน่ห์เอ็ม@...ตอบเมื่อเวลา..

1.วิกขัมภนปหาน

2.สมุจเฉทปหาน

3.อภิญญาจิตให้เกิดขึ้นได้

4."เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน"

5.บทสวดพระอภิธรรม ๗ คำภีร์   เป็นบทสวดธรรมขั้นสูงสุดครับ  ธรรมะขั้นสูง ที่กล่าวถึง จิต เจตสิก รูป และนิพพาน


« ตอบ #19 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา ๒๐:๕๑:๒๘ »
ขอบคุณครับ...กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่มาให้ผมนะครับ..
ผมจะรีบจัดส่งของรางวัลไปให้ครับ.



179
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ..
จริงอย่างที่ท่านกล่าวว่า..
เราจะหลีกหนีปัญหาต่างๆ
นั้นไม่ได้เลย เพราะเราต้องอยู่ในสังคม ต้องอาศัยศรัทธาของพุทธบริษัทในการเลี้ยงชีพ ต้องพบปะกับ
ผู้คน และเมื่อรู้และเข้าใจในจุดนี้ จึงต้องเปลี่ยนแนวคิดและการปฏิบัติใหม่ มาทำความรู้ความเข้าใจกับ
กายและจิต กับความคิดของสังคม

บางครั้งมันก็ว้าวุ่น เมื่อเราปฎิบัติ..มันคอยจะวนเวียนวกเข้ามาในยามที่เราปฎิบัติครับ..
ไม่เหมือนกับตอนที่บวชเลยครับท่านอาจารย์  . เหมือนกับว่ามีอะไร ต่ออะไร ที่ต้องให้เรารับผิดชอบ.

180
พรุ่งนี้ ตัดสินนะครับ...
คงไม่เกิน 17.00น ครับ...

181




เมื่อวานว่างๆเลยไปรื้อกรุพระ..ก็พอดีไปพบ มีดหมอหลวงพ่อเปิ่นครับ.
อยากสอบถามครับ..ว่ามีดหมอของหลวงพ่อท่าน ทําออกมากี่รุ่นครับ.
และผมไปหาข้อมูล..บอกว่ามีดหมอของท่านเป็นปี 2544..
ช่วงนั้น ผมก็ไปกราบท่านบ่อยๆมาก...แต่ห้ามเยี่ยม ท่านอยู่ในห้องกระจก..
แล้ว..มีดหมอ เล่มตามรูป..ด้ามเป็นไม้งิ้วดํา ใบมีดมีปั้ม หลวงพ่อเปิ่น
ปลายด้ามแกะเป็นรูปเสือครับ...จะทันหลวงพ่อท่านหรือเปล่าครับ..
รบกวนสอบถามนะครับ....

รูปที่นํามาลงเป็นรูปแทนนะครับ...
เพราะของจริง ประมาณ 5 นิ้วครับ..ไม่ใช่แบบเหน็บกระเป๋าครับ..แต่ทรงเดียวกันเลย


182
1.จิตสำหรับใช้กับโลกียธรรมโดยเฉพาะ
ที่เรียกว่า “หสนจิต” หรือ “หสิตุปปาทจิต”
2.วิมุตติธรรม
3.อภิญญาจิต
4.เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
5.ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

สมมุตินะครับว่า ตอบครั้งเก่าถูกไปแล้วและมาตอบใหม่อีกโดยที่ยังไม่หมดเวลา แล้วจะถูกหรือเปล่าครับ
ครับ....
ถ้าครั้งเก่า แรกๆตอบถูกไปแล้ว...และตอบครบทั้ง 5 ข้อ..ผมยึดหลักเวลาในการตอบครับ
ว่าท่านใดตอบถูกทั้งหมด...ก่อน ถึงจะชนะครับ.

แม้จะมาตอบทีหลังใหม่อีก....ผมก็จะดูเวลาในกระทู้ที่ตอบ
ถึงแม้ท่านมาตอบเป็นคนสุดท้าย.....ถ้าถูกหมด และท่านต้นๆที่ตอบไปแล้วแต่ผิดบางข้อ
ท่านก็มีสิทธิ์ชนะนะครับ.



183
-v[86
O0...ขอบคุณท่าน..pepsi มากนะครับสำหรับกิจกรรมอันอบอุ่น..ขอให้เจริญๆนะขอรับ :114: :090:


O0...ขอบคุณท่าน..pepsi มากนะครับสำหรับกิจกรรมอันอบอุ่น..ขอให้เจริญๆนะขอรับ :114: :090:



ขอบคุณครับท่านพี่...
สนุกๆ...เชื่อมความสามัคคีพวกๆเพื่อนสมาชิกครับ.

184



ติ๊กๆ..ต๊อกๆ....ติ๊กๆ....ต๊อกๆ...
เวลายังเดินนะครับ...
ท่านที่ตอบหลายๆคําตอบ...ผมถือว่าผิดกติกานะครับ...
ถ้าจะตอบ...ขอให้ตอบแบบมั่นใจนะครับ..
และต้องตอบเต็มจํานวนทั้ง 5 ข้อนะครับ...

เดี๋ยวเพื่อนๆหลายท่านที่ตอบถูกทั้ง 5 ข้อ..แต่มาตอบทีหลังกว่า..จะไม่แฟร์..
ถ้าจะขอตอบใหม่....ทั้งหมดก็เริ่มได้เลยนะครับ...แบบม้วนเดียวเลย 5 ข้อ.

เล่นสนุกๆ...นะครับ..

ผมจะยึดหลัก ตอบถูกทั้ง 5 ข้อ เท่านั้นนะครับ...
เรียนมาให้เพื่อนๆทราบครับ...

ติ๊กๆๆๆ....ต๊อกๆๆๆๆๆ....เวลายังเดินนะครับ


185
ตามนี้ครับ...ลองดูครับ..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=8480



186
ติ๊ก...ต๊อก...ติ๊ก...ต๊อก...
เวลายังเดินอยู่นะครับ..

187
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ..
ผมจะปฎิบัติตามแนวคําสอนของหลวงพ่อครับ..

188
ฮ่าๆๆๆผมบอกแล้ว ว่างวดนี้ต้องยากส์...SS....SSSS

สงสัยงานนี้การแข่งขันคงสนุกครับ..คงอีกยาววววววว  ไกล ครับ

189




วันนี้วันพระ...ดังนั้นคําถาม ผมจะถามเกี่ยวกับ ธรรมะและการปฎิบัติครับ
รางวัลก็ตามที่ผมตั้งกระทู้ไปแล้วนะครับ..
ผมเอามาให้ดูอีกรอบก็ได้ครับ..
รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ รุ่นสร้างโรงพยาบาลวัดบางพระรุ่นแรก ปี 2535
ตามรูป..



คําถาม..ถามว่า

1.
โลกียธรรม เมื่อปฏิบัติได้แล้ว ต้องทำให้เกิดความชำนาญยิ่งๆ ขึ้น ถ้าทอดทิ้งจะทำให้เสื่อมไป ความสงบที่ได้รับขณะดำรงอยู่ในสมาธิในขั้นฌานจิตนั้น จะระงับดับกิเลสด้วยอำนาจของการข่มไว้ด้วยองค์ฌาน เรียกว่า...

2.โลกุตรธรรม เพราะเมื่อเจริญจนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลแล้ว ปัญญาย่อมไม่เสื่อม กิเลสที่ถูกทำลายไปแล้วจะไม่เกิดขึ้นอีก เรียกว่า ...

3.ความสงบให้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น คือ ขณิกสมาธิ จนถึงอัปปนาสมาธิ และสามารถทำความรู้พิเศษ คือ......

4.สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเมื่อได้ทรงผนวชแล้ว ก็ได้ทรงไปศึกษากับ "อาฬารดาบสกาลามโคตร" เป็นคนแรก ทรงบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน พระองค์เห็นว่าเป็นเพียงธรรมเครื่องอยู่อาศัยแห่งความสงบ จึงได้ไปทรงศึกษาต่อจาก "อุทุกดาบสรามยุส" ก็สามารถบรรลุฌานในขึ้นสูงสุดคือ .......

5.บทสวดธรรม ที่จัดว่าเป็นบทสวดสูงสุด คือบทสวดใด......

 

การตัดสิน...ผมจะตัดสินวันเสาร์ที่ 25/9/53 นะครับ..
ยังไงก็ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ..
เออ...การตัดสิน...กติกาเหมือนเดิม...แต่ถ้ามีการแก้ไขให้ถูกต้อง ผมใช้ดูเวลา ที่ตอบนะครับ....แม้ท่านจะตอบท่านแรก..แต่ผิดบางข้อ แล้วมาแก้ไข เวลาก็จะต่างไปนะครับ. ยังไงก็ ให้แน่ใจก่อนที่จะตอบนะครับ.





190
สนุกๆนะครับ.. ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเบื่อกันหรือยังครับ
และอีกอย่างเพื่อนๆคงสงสัย ทําไมผมเอาพระมาจากไหน เอามาจัดการแข่งขันอยู่เรื่อย..


อ้าววบอกให้ก็ได้ครับ...
ผมเอาพระมาจากไหน...ก็จากการเช่ามาไงครับ ตั้งแต่ สมัยผมยังเรียน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 แฮ่ๆๆๆ
ออกจากวัดสมัยนั้นหรือออกจากวัดแรกๆ...ก็ไม่แพง(อย่างเก่งก็องค์ละ 20 บาทบ้าง 100 บาทบ้าง)
ก็แบบว่าเก็บไว้เยอะ และก็หลายวัด ครับ



และจัดการแข่งขันอยู่เรื่อยเพื่ออะไร....เพื่อให้เพื่อนๆได้ร่วมสนุก ได้คุย ได้รักสมานสามัคคี
เพราะเมื่อผมเข้ามาอยู่ในเวปนี้แล้ว...ผมก็ถือว่าผมก็เป็นส่วนหนึ่ง หรือเป็นครอบครัวเดียวกันกับพี่ทุกๆท่าน.
ก็อยากทําคุณประโยชน์ให้ทางเวปบ้าง..ไม่มากก็น้อยครับ ได้เพื่อนเยอะ  ได้แลกเปลี่ยนความรู้  ได้ความรู้ใหม่ๆแปลกๆ
จากที่เพื่อน พี่ๆ ที่ได้นําเสนอ.



ตัดบทดีกว่าครับ...เดี๋ยวยิ่งเขียนก็ยิ่งยาวไปกันใหญ่...



งวดนี้รางวัล...รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี 2535  เพียง 1 รางวัลนะครับ..
รับรองได้ว่ารุ่นนี้เริ่มหายากแล้ว...เพราะคนที่มีเริ่มเก็บเข้ารังหมด...เพราะบารมีหลวงพ่อเปิ่น..วัตถุมงคลของท่านพูดง่ายๆว่าเกือบทุกชนิดขยับอย่างต่อเนื่อง...ไม่มีคําว่าตกครับ.


รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นปั้มรุ่นแรก รุ่นสร้างโรงพยาบาลวัดบางพระ ปี พ.ศ. 2535





สวยเดิมๆเลยนะครับ....กล่องอยู่ครบ ผิวไม่เคยโดนจับ หรือ เหงื่อ เลยจ้าๆๆๆ
กติกาเหมือนเดิมนะครับ...แต่งวดนี้ขอบอกว่าออกจะยากนิดนึง...
สําหรับท่านแรกที่ตอบถูกทุกข้อ..นะครับ..
(ถ้ามีการแก้ไข  ผมจะดูที่เวลานะครับ)
คําถามจะมาตอน 18.00 น นะครับ

แล้วพบกันครับ...




191
ฮ่าๆๆๆๆๆ OK ครับ รายละเอียดดีมาก...และถูกต้อง
งานนี้คุณ เสน่ห์SUPPERเอ็ม@@@@@ ชนะ เหอๆๆๆ
เป็นท่านแรกที่ตอบถูก และท่านเดียว จนท่านอื่นๆไม่กล้าตอบแล้ว..

เพราะไม่มีรางวัลที่2...
ขอบคุณครับ...กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่ให้ผมด้วยครับ.
กระทู้ปิดแล้วครับ...นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำเลย..
ผมนี้แย่จริงๆ....

 

192
โอ้ยยยย...อะไรกันเนี่ย...
ผมแวะไปกินน้ำ แป๊ปปเดียว...ตอบแล้ว...
ว๊ากๆๆๆๆ.....
ขอรายละเอียดด้วยครับ....มีแต่ชื่อวัด และรายละเอียดของยักษ์หล่ะครับ

193
แก้ง่วงครับ...ครึกครื้นหน่อยครับ...
งวดนี้ เหรียญหลวงพ่อโสธร ญสส ปี 2533 ปลุกเศกวัดบวรและวัดหลวงพ่อโสธรครับ..
โดยท่านพระสังฆ์ราชเจ้าครับผม...

ตามรูป...กริ๊บๆกล่องอยู่ครบ...ผิวเดิมๆ ไม่เคยสัมผัสโดนเนื้อเลยครับผม..




คําถาม...ครับ
ยักษ์ 2 ตนนี้ อยู่ที่วัดใดครับ..
ถ้ามีรายละเอียด...เอาลงมาด้วยจะยิ่งดีครับ.



ตามรูป....


การตัดสิน...ก็คงเหมือนเดิมครับ...ท่านแรกที่ตอบถูกครับ
ขอให้เพื่อนๆโชคดีนะครับ...


194


พิจิตร ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมีอีกหนึ่งโบราณสถานที่มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย


ซึ่งนั้นก็คือ วัดโพธิ์ประทับช้าง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2242ในสมัยสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี (ขุนหลวงสรศักดิ์หรือพระพุทธเจ้าเสือ)พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ณ สถานที่ประสูติของพระองค์





 วัดโพธิ์ประทับช้า เป็นวัดที่มีพระวิหารสูงใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น เป็นศิลปะแบบอยุธยา ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร เพื่ออนุรักษ์ ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมกันต่อไป

     นอกจากนั้นแล้วด้านวัดยังมี มีต้นตะเคียน ซึ่งกล่าวกันว่า มีอายุราว 260 ปี วัดโดยรอบ ได้ 7 เมตร 60 เซนติเมตร หรือ 7 คนโอบ



หลวงพ่อโต  หรือ  หลวงพ่อยิ้ม  เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ อีกองค์หนึ่ง ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมากในจังหวัดพิจิตร  โดยเฉพาะคนเก่าแก่ ในจังหวัดพิจิตร  เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น  สมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุได้  ๓๐๐  ปีเศษ

เป็นพระประธานประจำอุโบสถวัดโพธิ์ประทับช้าง  ซึ่งองค์ปัจจุบันนี้ เป็นการซ่อมแซม บูรณะ ขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับความเสียหาย

จากการถูกต้นไม้ แถบบริเวณ นั้นโค่นทับ จนเศียร และองค์พระ หักลง ได้รับความเสียหาย  ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ปั้นขึ้นมาใหม่

เมื่อหลายสิบปีมาแล้วครับ  แต่ก็ยังศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือ สืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ  ว่ากันว่า  ถ้าขอไม่ให้ถูกเกณฑ์ทหารละก้อ

รับรอง  หลวงพ่อโต  ได้ช่วยมาเยอะแยะ มากต่อมากแล้วครับ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเยอะครับ  ต้องมาสอบถามคนเก่าแก่ ที่โพธิ์ประทับช้างเอาเองนะครับ


ข้อมูลจาก...
http://travel.thaiza.com

195



วัดป่าดานศรีสำราญ
ต.ศรีสำราญ อ.พรเจริญ จ.หนองคาย


๏ ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย

หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม บวชเป็นผ้าขาว ฝึกปฏิบัติภาวนากับ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ขณะที่หลวงตามหาบัว พำนักจำพรรษา ณ บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร (เมื่อประมาณปี พ.ศ.2495)

หลวงตามหาบัวได้เป็นธุระเตรียมจัดบริขารในการบวชให้ โดยหลวงตากล่าวว่า

“...หลวงพ่อตันนะ องค์หนึ่งนะ อันนี้ก็เราบวชให้เลยนะ
เป็นตาปะขาว แกภาวนาดี แกเล่าภาวนาให้ฟัง เข้าท่านี่ว่ะ
เราเลยให้ไปบวชมุกดาหาร เราไม่ไปแหละ
แต่ให้โยมพาไป ให้พระพาไป บริขารเราเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว
ให้ไปบวชแล้วมาอยู่กับเรา หลวงพ่อตันนี้องค์หนึ่ง...”

ท่านเป็นพระบวชเมื่ออายุมาก แต่ท่านตั้งใจปฏิบัติจริงจัง เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการปฏิบัติ บวชแล้วก็ได้มาอบรมธรรมเป็นศิษย์หลวงตา ภายหลังจึงได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี จนกระทั่งหลวงตามั่นใจในคุณธรรมหลวงปู่คำตัน แล้วจึงมอบหมายให้หลวงปู่คำตันไปดูแล และฝึกอบรมพระกรรมฐาน ณ วัดป่าดานศรีสำราญ ต.ศรีสำราญ อ.พรเจริญ จ.หนองคาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม ได้มรณภาพลง เมื่อปี พ.ศ.2540

วัน เดือน ปี ไม่รู้แน่นอนครับ...

196
มาติดตามครับ..
ยังไม่เคยสักเหมือนกัน..
ยิ่งพี่บอกใช้เข็มใหญ่ เจ็บกว่าเข็มเล็ก..
 :075:

197
สวย เข้มขลังดีครับ
เหมือนหน้าเสือเลยครับ ท่านพี่

198
ขอบคุณมากครับพี่ pepsi ผมดูแล้วมันไม่เหมือนรูปของที่พี่ pepsi เคยโชว์ สีขององค์พระของผม เป็นสีเหลืองเงาๆ มีจุดตรงแขน
สีเหลืองเหมือนลอก เห็นสีขาวๆเงาๆในเนื้ออะครับ อิอิอิ ก็คงไม่แท้ เรียกว่ารุ่นเตารีดใช่ไหมครับ

ใช่ครับ...

199
มาติดตามด้วยความเป็นห่วงท่านอาจารย์ ครับ

200
ยังไม่เก่านะครับ..ดูแล้วจะเป็นพระเครื่องยุคใหม่ทําขึ้นครับ.
อาจจะออกที่วัดช่องแค...ถ้าจะให้ตีว่าทันหลวงพ่อก็คงไม่ได้ครับ..
เพราะรุ่นเตารีดนี้...หรือจะเป็นรุ่นรูปหล่อ...หรือจะเป็นสมเด็จเนื้อทองเหลือง..
ท่านจะใช้ระฆังเก่ามาทําครับ...
ตามความเป็นจริง...เมื่อเอาระฆังเก่า เป็น ร้อยปี..ทองเหลืองย่อมมีความเก่า ความแห้ง การแตกราน ในเนื้อ เมื่อเอามาปั้มกด...ทองเหลืองจะไม่เป็นสีเดียวกันครับ..ทองเหลืองจะออก แบบว่า ทองเหลืองไม่กลืนแบบเป็นเนื้อเดียวกัน...สีเดียวกัน..ทองเหลืองจะ ดําๆด่างๆ แตกลาย ตามภาษาชาวบ้านว่า...หมดยางครับ.ความเก่าต้องมี รูพรุนตามธรรมชาติจากการกัดเซาะของดินฟ้าอากาศต้องมี...รอยราน รอยร้าว รอยปริ รอยแยก..
ต้องสังเกตุดีๆครับ....แต่เดี๋ยวนี้ทันสมัยแล้วครับ...เก๊ปลอมความเก่าได้เหมือนมากๆ...แบบว่าโดนกันมาเป็นแถว...แบบเอาระฆังเก่าๆถึงยุคมาปั้มครับ...
ผมขอเอาจุดเดียวอยู่ของหลวงพ่อพรหมรุ่นนี้มาให้ดูนะครับ...
(แต่ก็อีกแหล่ะครับ....เดี๋ยวนี้ยุค คอมพิวเตอร์ อะไรที่ทําไม่ได้...และปลอมดีเสียด้วย)

จุดสังเกตุครับ...


201


หลังจากที่กวาดลานวัด ก็เก็บสิ่งของต่างๆที่ตกหล่น แตก ใบไม้ ก้านธูป ดอกไม้แห้ง ข้างสุสานรอบๆโบสถ์ 5 โมงเย็นก็ทําวัตร พอเสร็จจากทําวัตร ก็ไปปฏิบัติ กรรมฐานในวิหารเล็กจนถึง 8 ทุ่ม..พอสองทุ่ม สัปเหร่อ รู้ดีว่า จะต้องมาเปิดโกดังให้ผมเข้าไปนั่งปฏิบัติต่อ..ซึ่งในโกดังเก็บศพ จะมีศพที่เก็บ 100 วันมี 5 ศพ...และอีกศพ ซึ่งสัปเหร่อบอกว่าเก็บมานานกว่า 2 ปีแล้ว ไม่มีญาติไหนๆ มาจัดการเสียที....อีกทั้งยังต้องเป็นภาระแก่สัปเหร่อ เพราะโลงผุไปหมด..จะแตกมิแตกแล้วเพราะความเก่าของไม้...
ผมเมื่อเข้าไปแล้ว..เงียบสงบ วังเวง แฝงไปด้วยกลิ่นอับๆ...เพราะโกดังของทางวัดไม่มีหน้าต่าง มีทางเข้าทางออกทางเดียว..เป็นประตูเหล็กบานใหญ่. เมื่อผมจัดแจงปูเสื่อเพื่อจะนั่งปฏิบัติ เพราะพื้นโกดังเป็นพื้นปูนซีเมนต์ ฝุ่นเลอะไปหมด...อีกทั้งไม่สมควรด้วยที่จะนั่งโดยไม่มีอะไรรองนั่ง.

บอกตรงๆว่า สงบมากเมื่อได้ปฏิบัติ...แต่ผมไม่ลืมที่จะอุทิศส่วนกุศลให้คนที่นอนอยู่ในโลง...และก็เป็นที่น่าแปลก..เมื่อผมอุทิศส่วนกุศลบุญ  ในใจตอนนั้นตั้งจิต สงสารคนที่นอนอยู่ในโลงมากว่า 2 ปี...และส่งจิตไปยัง ญาติ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม...ขอให้สงสารคนตาย ที่ซึ่งนอนมากว่า 2 ปี..ให้มาทําพิธี จะฝัง หรือจะเผา ก็ได้...เค้าจะได้ไปแบบสบาย.และผมก็นั่ง จะมีบ้างครับ..แบบว่า โลงไม้ลั่น...เสียงแปลกๆ..บางครั้งก็เหมือนกับลมหายใจ ซึ่งสติตอนนั้นรับได้ทันที....แต่ผมตั้งจิตอธิฐานแล้วว่า ถ้าจะตายเพราะโดน ผี หลอก หรือ งูจะกัด ผมจะยอมตายในผ้าเหลืองนี้...การปฏิบัติไปได้ดีมากๆ ขนาดโกดังทึบ ไม่มีหน้าต่าง  แต่กลับมีลมอ่อนพัดอยู่ตลอดเวลา. ผมจะกําหนดการนั่งในโกดังเก็บศพ 2 ชั่วโมง...และจะออกมาเดินจงกลมด้านนอกข้างโกดังอีก 1 ชั่วโมง..เพื่อนๆเชื่อไหมครับว่า...มีหลวงพี่..ซึ่งชื่อหลวงพี่พงษ์..ท่านมีหน้าที่จัดการต่างๆภายในวัด เช่นจัดพระสวดศพ  จัดพระรับสังฆทาน และอีกหลายอย่าง....ท่านได้แอบถ่ายรูป จากชั้นสอง..โดยกล้องมือถือ...มาที่ผมขณะที่ผมเดินจงกลม..ผมมารู้เอาอีก 2 วันผ่านมา ท่านเอามาให้ดู....ท่านบอก เอ้ามาดูซะ..สิ่งที่เรามุ่งมั่นปฏิบัติ..พอผมเห็นรูป..ตอนนั้นบอกตรงๆว่า ขนลุกครับ...ภาพที่เห็นคือ ใต้เท้าที่ผมเดินจงกลม....เป็นวงสีขาวสว่างขนาดใหญ่ประมาณ 2 เมตร..และที่รอบๆตัวผมจะเป็นสีแดงอ่อนๆ..ล้อมรอบตัว..

ท่านบอกเป็นนิมิตที่ดีมาก...อย่าละทิ้งการปฏิบัติเมื่อเราสึกออกไป...นี่คือเรื่องจากการปฎิบัติที่ผมนํามาเล่าสู่กันฟัง...และหลังจากนั้นประมาณ 5 วันเห็นจะได้..ตอนนั้นผมช่วยหลวงลุงประกอบโต๊ะ ซึ่งชํารุด ก็เห็นญาติ โยม เดินมาเป็นกลุ่ม
พร้อมทั้งเจ้าอาวาส...เดินไปที่โกดังเก็บศพ......พร้อมทั้งรถขนโลงศพตามกันเข้าไป...จึงถามสัปเหร่อ..จึงรู้ว่า ญาติ มาทําพิธีเอาศพไปฝังที่ต่างจังหวัด....ผมก็คิดว่าคงเป็นศพที่เก็บ 100 วัน และครบกําหนด....แต่ที่ไหนได้..เพื่อนๆเชื่อไหมว่า...(โอ้ย ผมพิมพ์ ไป ขนลุกไป)ศพที่มาเอาไป คือ ศพที่อยู่ในโกดังมากว่า 2 ปี นั่นเอง....

ขอจบก่อนนะครับ...
และจะมานํามาเล่าให้ฟังอีกครับ.ประสบการณ์ตอนบวช

และไม่ลืมกราบขอบพระคุณท่านผู้อ่าน ขอให้อนิสงค์ใดๆ จงดลบันดาลให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ในหน้าที่การงาน และการเงิน และครอบครัว ทุกๆท่านเทอญ....



202
ขอบคุณครับพี่ pepsi สรุปเรียกว่ารุ่นแจกทาน แต่เก๊นั่นเอง อิอิอิ

แต่เดี๋ยวนะครับ..ผมชักสงสัย ว่าที่บอกมาว่าเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย..
ตายแล้วครับ..ตายแน่ๆ.....

ผมมาดูแล้ว องค์นี้ท่าทางจะแท้ครับ....
แต่เจ้าของมือบอนไปเลื่อย เอาแต่แค่เป็นซุ้มระฆัง...
ตายเลยครับ....จากหลักหลายๆหมื่น   เหลือไม่กี่ร้อย...
ผมเอาพิมพ์ด้านหลังมาให้เที่ยบดูครับ...แบบว่า เหมือนกัน ตําหนิต่างๆเหมือนกัน
แนวโน้มแท้ครับ....
ด้านหลังองค์ที่ถาม....


นี่ด้านหลังเหรียญแท้รุ่นแจกทาน..

203
สมบูรณ์ดีครับ..ไม่มี แตกร้าว..
ดูง่ายครับ. ทองยังอยู่ในสะภาพดี แบบนี้เรียกว่า ผิวหิ้ง

204
องค์นี้ที่ถามมานะครับ..ลองเที่ยบกันดูครับ..



เรียบร้อยครับ..ถ้าตีเข้าวัดช่องแคหลวงพ่อพรหม.ปี2513
ผิดพิมพ์ ความละเอียด เส้นสายองค์พระ การปั๊ม การตัด..ผิดหมดครับ
...พิมพ์ที่เอามาถามเป็น เหรียญหลวงพ่อพรหมรุ่นระฆัง ปี 2513
แต่..องค์กลับเป็นพิมพ์ รุ่นแจกทาน ตามรูปครับ..






เหรียญรุ่นระฆังปี2513


ส่วนเหรียญนี้เป็นรุ่นแจกทาน.....


การตัดหรือปั้มเหรียญ...ทําแบบขอไปที..ไม่ละเอียด ขอบก็ไม่มี หลังที่เป็นยันต์ ก็ตัดทับยันต์
พิมพ์องค์พระเป็นเหรียญแจกทาน...แต่ปั้มอยู่ในรุ่นระฆัง...
แปลกๆครับ.....แต่ถ้าออกวัดอื่น อันนี้ไม่รู้จริงๆครับ..
แต่เป็นรุ่นใหม่ที่ทางวัดช่องแคทําออกมาใหม่...คงไม่ทําแบบนี้แน่ๆครับ.

206
กราบนมัสการหลวงพ่อ..ยามเช้าครับ
รอติดตามบทความดีๆครับ

207
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ..
ยังไงรักษาสุขภาพด้วยครับ..
ขอขอบคุณในบทสอนดีๆครับท่าน

208
กระทู้นี้ปิดแล้วนะครับ
ได้ผู้ชนะคือคุณ    Chotipat..
และขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่ร่วมสนุก ด้วยความเคารพครับ

209
ขอปิดกระทู้นะครับ..
การแข่งขัน จบแล้วครับ..
ได้ผู้ชนะแล้ว..และเป็นท่านแรกท่านเดียวที่ตอบตรงกับโจทย์ผม ที่เก็บไว้เฉลย 2 ภาพ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านด้วยความเคารพครับครับ

210
ขอร่วมสนุกด้วยครับ
รูปสุดท้าย ภูเขาทอง วัดสระเกศ ในอดีตครับ

ถูกต้องครับ...ท่านพี่
ผมขอ ชื่อ ที่อยู่ครับ...ผมจะส่งเหรียญหลวงพ่อโสธร ญสส ปี 33 พิธีใหญ่ไปให้ครับ.

เมล์มาให้ผมนะครับ...

211
สงสัย..งวดนี้ต้องหยุดแข่งยาวหน่อย ฮ่าๆๆๆ
หาอะไรมาเพื่อนๆตอบได้หมด...
ต้องแอบไปหาคําถามยากๆหน่อยมาดีกว่า ...

เอ้า รูปนี้....แถม ท่านใดตอบได้ มีองค์เล็กให้อีก 1 องค์...



212
ฮ่าๆๆๆๆๆ....กร๊ากๆๆๆๆ
โอ้ย..แบบนี้ผมจะหาอะไรมาถามดีนะเนี่ย...

213
ตามรูปนะครับ...


อยากถามว่า ภาพตํารวจ 2 ภาพนี้  มีอะไรผิดปรกติครับ..
บอกเหตุผล...และอธิบายด้วยครับ ที่ผิดปรกติเพราะอะไรครับ






ท่านใดให้เหตุผลดี...และตรงเป๊ะกับอีก 2 ภาพหลังที่ผมยังไม่เฉลย
และเป็นท่านแรก...จะได้รางวัลครับ.

คําถามง่ายๆครับ...แค่เป็นคนช่างสังเกตุหน่อย...เหอๆๆๆๆ


ผมตัดสินวันพฤหัสนะครับ.....
ขอให้เพื่อนๆโชคดีครับ...

214



พระกริ่งหลวงพ่อโสธรขนาดฐานกว้างประมาณ 2.0 ซ.ม. สูงประมาณ 3.5 ซ.ม. เนื้อนวโลหะ จัดสร้างในปี 2533 พุทธาภิเษก 2 ครั้ง คือที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ 26 เมษายน 2533 และที่วัดโสธร เมื่อ 25 พฤษภาคม 2533 มีหมายเลข พระสภาพสวย กล่องเดิม

ตามรูปครับ..



เพื่อนๆเบื่อกันหรือยังครับ...
ไม่ใช่อยากเด่นหรืออยากดังนะครับ...แต่อยากมาร่วมสนุกกับเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ...
จะให้เลยก็กระไรอยู่...เดี๋ยวคนโน้นได้  คนนี้ไม่ได้  คนนั้นได้  คนโน้นนนนนนไม่ได้..
เหอๆๆๆผมผลิตไม่ทันครับ....ฮ่าๆๆ(พูดเล่นครับ แบบว่าเก็บทั้งเก่า ทั้งใหม่ไว้เยอะ ลูกๆเต้าๆก็ไม่เอา)

คําถามรอนิดนะครับ...ไม่เกิน 19.00น




215
ผมว่า...ผมตัดสินวันนี้เลยดีกว่าครับ..
เพราะเท่าที่ดูแล้ว...มี 2 ท่าน ที่ตอบได้ใกล้เคียงมากครับ..
ท่านแรก...


ซาดุยฮุย
ปัญจมะ
ลำดับสมาชิก: ๔๗๙๐




  
   
ตอบ: มาแล้วครับ...คําถาม.(ผมวน เวียน อยู่แถวๆนี้ครับ)
« ตอบ #7 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา ๒๓:๐๖:๓๗ »
อ้างถึง
ผมขอตอบแล้วกันนะครับ

1.วันเสาร์ที่19 มีนาคม 2554


2.บันทึกธรรม...๑๓ ก.ย.๕๒...พิจารณา มหาพิจารณา...    
   ตาม ลิงค์นี้ครับ  http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=12336.msg114266#msg114266

3.ท่านโองการยันนะรังสี

4.พระอาจารย์เมสันต์ เมตตาสักยันต์ให้ศิษย์ถ้วนหน้า ณ.กุฎิชายน้ำนครชัยศรี

5. อยู่ในกระทู้  วัดถ้ำขาม อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร    

เทสกเจดีย์ เทสรังสีอนุสรณ์ วัดถ้ำขาม
วัดถ้ำขาม อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร    เป็นวัดที่พระอาจารย์ฝั้น อาจาโรเป็นผู้สร้าง



และท่านที่ 2 คือ...

Chotipat
สัตตมะ
ลำดับสมาชิก: ๒๙๓๘

1. เสาร์ที่ 19 มีนาคม 2554
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=18711.0

2.บันทึกธรรม...๑๓ ก.ย.๕๒...พิจารณา มหาพิจารณา...
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=12336.msg114266#msg114266

3.จะทำอะไรให้คิดให้ครอบครอบ และวางแผนก่อนลงมือทำ ของท่านโองการยันนะรังสี

4 พระอาจารย์เมสันติ์ คมฺภีโร  กำลังเมตตาสักยันต์ให้ศิษย์ ณ.กุฎิชายน้ำนครชัยศรี
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=15605

5.พระรูปนี้ชื่อ.หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี  อยู่จังหวัดจังหวัดสกลนคร พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นผู้สร้างวัด
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=14712


    
ซึ่งทั้งสองท่าน ตอบเกือบเหมือนกันครับ..
โดยเฉพาะข้อที่...4 ท่านทั้งสองตอบว่า..
   
พระอาจารย์เมสันติ์ คมฺภีโร  กำลังเมตตาสักยันต์ให้ศิษย์ ณ.กุฎิชายน้ำนครชัยศรี

ตามความเป็นจริงแล้ว...ภาพนี้ ท่านบริกรรมคาถาเป่าให้หลังจากท่านสักยันต์เสร็จครับ.
ให้กลับไปดูที่รูปนะครับ...

ตามจริงแล้วต้อง...
4.ถาม...รูปนี้..ท่านใดครับ..และท่านทําอะไรอยู่ และที่ไหน ตอบให้ละเอียดครับ.

ตอบ พระอาจารย์เมสันต์ วัดทุ่งเว้า จ.มุกดาหาร
(หลวงโด่ง) กำลังสักและเป่าคาถาให้ลูกศิยษ์ ที่ณ.กุฎิชายน้ำนครชัยศรี

คําถามตอนท้ายผมกําชับว่า......ตอบให้ละเอียดครับ.

ผู้ที่ตอบท่านแรกและทุกข้อ...ข้อ 4 ตอบไม่ครบ จึงถือว่า ตอบไม่ครบนะครับ
ส่วนท่านที่สอง....ตอบทุกข้อ..ข้อ 4 ตอบไม่ครบ....แต่ ท่านที่ 2 ยกเอามาทั้ง link....ผมถือว่า สมบูรณ์ที่สุดครับ( จึงเป็นผู้ชนะ นะครับ)

จึงเรียนมาเพื่อทราบนะครับ
เล่นสนุกๆและยุติธรรมที่สุด..ตอบเหมือนกัน แต่ ต่างกันที่  การยกข้อมูลเอามาประกอบ....
สุดท้านนี้...ผมกราบขอโทษ ท่านพระอาจารย์เมสันต์ และท่านพี่ โองการยันนะรังสี ที่ผมเอาชื่อ และ รูป ท่านมาเป็นคําถาม โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า...

และขอขอบคุณ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ที่เข้ามาร่วมสนุกกัน
ขอบคุณครับ...

Chotipat
สัตตมะ
ลำดับสมาชิก: ๒๙๓๘ กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่ให้ชัดเจนมาให้ผมนะครับ..
ผมจะรีบจัดส่งรางวัลไปให้ครับ.

216
สําคัญ อย่าประหม่า ครับ..
เพราะเมื่ออยู่ในโบสถ์ ท่ามกลางพระสงฆ์ล้อมรอบ..
ส่วนมากจะประหม่า  ตื่นเต้น..สิ่งที่ซ้อมมาอาจลืมได้..
อย่ารีบ..ติดตรงไหน หายลึกๆ..ยาวๆ..แล้วค่อยสวด.
นอกจากไม่ได้จริงๆ..พระคู่สวดจะบอกให้เองครับ.

โมทนาสาธุด้วยครับ..ในการบวชครั้งนี้.

217
ข้อ 5 นี้...คําถามกํากวมไปหน่อยครับ...
5...ถาม..ว่าพระพุทธรูปนี้...ชื่อว่าอะไร  อยู่จังหวัดไหน ท่านใดเป็นผู้สร้าง

ผมขอแก้ไขเป็น...พระพุทธรูปนี้ ชื่อวัดว่าอะไร อยู่จังหวัดไหน ท่านใดเป็นผู้สร้าง..

ผมรีบพิมพ์..จึงตกคําว่า วัด  ไปครับ.


ต้องกราบขออภัยในความผิดพลาดนี้ของผมด้วย...
งวดต่อไปจะให้ละเอียดกว่านี้ครับ..


ดังนั้น...ข้อ 5 ผมให้ทุกท่านตอบถูกหมดนะครับ

218

   ขอบคุณครับกับกิจกรรมดีๆได้หมดทุกข้อ แต่ติดข้อสุดท้ายอยู่นิดเดียว ไปหาข้อมูลก่อนเพราะไม่มีในเวปครับ :095: :095:


                                                                                                           ขอบคุณครับ
มีอยู่ในเวปทั้ง 5 ข้อเลยครับ...
ค่อยๆหาครับ...แบบนี้ค่อยสนุกหน่อยนะครับ...
ท่านอื่นๆที่มาไม่ทัน จะได้มีลุ้นครับ..



219
เหรียญสวยมากครับ ผิวไฟยังจ๊าปปปอยู่เลย
ส่วนเสือไม้แกะ..เข้มขลังดีจริงๆ

220
มาแล้วครับ..คําถาม มีทั้งหมด 5 ข้อนะครับ.
จะว่ายาก..ก็ไม่ใช่ครับ
จะว่า ง่าย...ก็คงต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ.

รางวัล ผมเอามาให้ดูในกระทู้นี้เลยนะครับ...มีแค่ 1 รางวัลนะครับ(เดิมๆเลยนะครับ กล่องอยู่ครบ)
เป็นรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น สร้างปี พ.ศ.2535
ตามรูปครับ..



วันตัดสิน...เอาเป็นวันพุธที่ 22/9/53 นะครับ
คําถาม ถามว่า...


1.....งานไหว้ครูชาวศิษย์หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระครั้งต่อไปที่จะมีขึ้น...จะมีขึ้นเมื่อไหร่  วัน  วันที่...เดือน...ปี....


2...กายดับลับสูญหาย     คงเหลือไว้แต่ความดี
ด้วยบุญบารมี             เป็นสิ่งที่คนจดจํา
หลวงปู่ลาลับแล้ว        ปู่เขี้ยวแก้วบุญหนุนนํา
สิ่งที่หลวงปู่ทํา           มีค่าล้ำเกินบรรยาย

(เป็นคติธรรม ของท่านอาจารย์ รวี สัจจะ อยู่ในบันทึกธรรม อยู่ในหัวข้อ...อะไร?)


3.หมากรุกเดินยังต้องคิด...หมากชีวิตเดินไม่คิดได้ไง
(ถาม...ความหมายนี้...ของท่านใด?)



4.ถาม...รูปนี้..ท่านใดครับ..และท่านทําอะไรอยู่ และที่ไหน ตอบให้ละเอียดครับ.



5...ถาม..ว่าพระพุทธรูปนี้...ชื่อว่าอะไร  อยู่จังหวัดไหน ท่านใดเป็นผู้สร้าง


เป็นไงครับ...ยากหรือเปล่าครับ..ผมบอกใบ้ให้นิดนึง...ทั้ง 5 ข้อ มีอยู่ในเวปนี้ทั้งหมดครับ.

ยังไงขอให้ทุกๆท่านโชคดีนะครับ...





221
ทั้งสวยและเข้มขลังดีครับ.

222
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ..
หลวงพ่อไม่เหนื่อยแย่หรือครับ..นั่งรถจาก มุกดาหารมาศรีราชา ชลบุรี.
เกือบๆคนละซีกประเทศไทยเลยครับ.

223
ขอบคุณครับ สำหรับกิจกรรมดีๆ และวัตถุมงคลดีๆที่นำมาแบ่งปันพี่น้องศิษย์หลวงพ่อเดียวกัน เนื้อเงินซะด้วย น้ำลายไหล อิๆ
 :015:
ว๊ากๆๆๆๆๆไม่ใช่เนื้อเงินครับ..
เหอๆๆๆแค่เนื้อ ทองเหลือง กะไหล่ยังกริ๊บๆเลยจ้าๆๆๆๆ55555


224
คําถาม...ผมจะมาตั้งตอนประมาณ 19.00 น.
ตอนนี้ขอคิดคําถามก่อนนะครับ..เพราะดูแล้วเพื่อนๆเก่งๆกันเยอะ..
ตั้งคําถามเสร็จ...เหอๆๆๆเพื่อนๆตอบกันแล้ว..

งวดนี้คงต้องยากนิดนึงครับ..เผื่อเพื่อนๆที่เข้ามาทีหลัง จะได้ตามทันครับ..
มาดูรางวัลกันก่อนดีกว่าครับ...รับรองได้ว่าต้องถูกใจทุกๆท่านแน่ๆ..
วันนี้ผมได้ รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น...ปี 2535 รุ่นสร้างโรงพยาบาลบางพระมา 3 ชุด...
เลยเอามาเป็นรางวัลให้เพื่อนๆได้ร่วมสนุก 1 ชุดครับ.มาพร้อมกล่องยังอยู่ครบเลย...บอกตรงๆว่าสวยมาก.

มาดูรูปกันเลยดีกว่าครับ...










กติกาเหมือนเดิมครับ...ท่านแรกที่ตอบถูกเท่านั้นครับ.

หมายเหตุ...รูปหล่อรุ่นนี้ หายากแล้วนะครับ..อีกทั้งราคา กําลังเขยิบขึ้นเรื่อยๆ
ขนาดผมเอามา 3 ชุด ยังเกือบ 5 พันแล้ว.




225
กราบนมัสการยามเช้าครับ หลวงพ่อ..
เข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆ..ครับท่าน

226
ถูกต้องครับ...คําว่า ก็เหมือนพระองค์หนึ่ง ซึ่งอยู่ในใจเราตลอด
ขอบคุณครับ..

227
มีครับ...
ของพี่ ขุนแผนเมืองลําปาง ตามนี้ครับ..
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=14573

เป็นคาถาที่ครูบาอาจารย์ท่าน เมตตาให้มา อุปเท่ห์การใช้ ให้ภาวนาให้ขึ้นใจ เวลาท่องให้นึกถึงหน้าตาของบุคคลที่เราจะไปคุยด้วย กลั้นใจท่อง สามจบ เอาลิ้นดุนเพดารปากไว้ ท่องจบให้กลืนน้ำลายลงไป แล้วไปพูดกับเขา พูดขออะไรได้ตามนั้นครับ โบราณว่า ไม่รักอกแตกตาย
คาถามีดังนี้ นะนะนะ นะมะอันยัง สาระสาติ สาลิสาตัง ปิยังมะมะ

228


พอดีมีจดหมายเขียนมาเล่าให้ฟังถึงภาษาลาวซึ่งเป็นภาษาพี่ภาษาน้องกับภาษาไทย

ลองอ่านกันดูสิครับภาษาลาวในความรู้สึกของคนไทยนี่น่ารักจริงๆ

คุณแม่ไปเที่ยวเวียงจันทน์โดยมีไกด์สาวชาวลาวเป็นล่ามกิติมศักดิ์

เล่าให้ฟังว่าชาวลาวเรียกห้องคลอดว่า "ห้องประสูติ"

นางผดุงครรภ์นั้นชื่อโก้เก๋ว่า "นางประสูติ"

ห้องไอซียูเขาเรียก "ห้องมรสุม"

การเดินทางสนุกสนานเฮฮาตลอดรายการเพราะได้เห็นประเพณีวัฒนธรรมที่แตกต่าง

ซึ่งหลายๆ อย่างอาจเป็นเรื่องน่ารักของชาวเรา เช่น

ขณะที่เดินทางได้พักหนึ่ง คุณไกด์ก็ประกาศว่าจะแวะปั๊มหอยให้ลูกทัวร์ได้เข้าห้องน้ำคลายอิริยาบท

ชาวลาวเรียก ปั๊มเชลล์ ได้จั๊กจี๊ดีจัง

ครั้นรถตู้เติมน้ำมันเสร็จ วิ่งออกมาเจอ "ไฟอำนาจ" (ไฟแดง)

ต้องจอดรถครู่หนึ่งจนถึงคิวของ "ไฟอิสระ" (ไฟเขียว)

ระหว่างพาชมตลาดรถแล่นผ่านโรงภาพยนตร์กำลังฉายหนังเรื่อง "ฮักคักคัก ชักแง้กแง้ก" (รักจริงๆ ให้ดิ้นตาย)

คุณไกด์เธอบอกว่าหนังจากเมืองไทยเวลามาฉายที่ลาวต้องเปลี่ยนชื่อให้ตรงตามความเข้าใจ


ของชาวลาว เช่น "หนังเรื่องลูกกำพร้า" ถ้าใช้ชื่อนี้คนลาวจะไม่ดูเพราะลูกกำพร้าคือลูกที่ถือมีด(พร้า)

ฟังแล้วไม่สื่อ ดังนั้นหนังที่ทำเงินจะต้องเป็น

"โลกมดหน่วยให้โต๋ผู้เดียว" (โลกทั้งใบให้นายคนเดียว)

และหนูน้อยพเนจร ก็ต้องเปลี่ยนเป็น "บักห้มน้อยตุหรัดตุเหร่"


เมื่อชมตลาดก็ได้พบว่าการสั่งก๋วยเตี๋ยวที่เวียงจันทน์ต้องสั่งเป็นถ้วย อย่าสั่งเป็นชาม

เพราะคำว่า ชาม ในภาษาลาวหมายถึง กะละมัง ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามจึงเกินบริโภค

ผงชูรส คนลาวเรียก "แป้งนัว"

ผงซักฟอก เรียก "ฝุ่น"

ลูกทัวร์คนหนึ่งถ่ายรูปเพลินจนฟิล์มหมดไกด์จึงพาไปซื้อฟิล์มที่ "ร้านแหกตา" (ร้านถ่ายรูป)


เมื่อชมตลาดปลอดภาษี นมัสการเจ้าแม่หลักเมืองที่วัดศรีเมืองเสร็จสิ้น

ไกด์ที่น่ารักก็เอา "ผ้าอนามัย" มาให้เช็ดหน้า ไม่ต้องตกใจเป็นคำเรียกผ้าเย็นของพี่ไทย ใช้ศัพท์ได้น่าเอ็นดูจริงเชียว

แค่เฉพาะภาษาก็มีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะ ลองไปเที่ยวด้วยตนเองสิครับ

พี่น้องไทยลาวอุดหนุนกัน เงินทองไม่ไปไหน ลาวไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน

เรื่องตลกที่ค่อนข้างน่ารักของภาษาลาวอย่างนี้คงเคยได้ยินกันมานานแล้วใช่ไหมครับ

ฟังทีไรก็อดยิ้มอดขำไม่ได้ ผมมีอีกชุดใหญ่เลยครับชื่อหนังที่เป็นภาษาลาว


"ซูเปอร์แมน" เรื่องนี้หลายปีแล้วครับ ผมได้ยินครั้งนั้นผมลงไปกองกับพื้นเลย

"บักอึดถลาลม" ตั้งชื่อได้ถูกใจจริงๆ

อีกเรื่องที่เก่าเลยสิบปีมาแล้วเป็นหนังทีวีชือ "สองสิงห์ชิงบัลลังก์"

คนลาวเขาเรียก "สองสิงห์ชิงตั่งนั่ง" ภาษาลาวนั้นตั่งกับบัลลังก์คือคำเดียวกัน

แต่ในมุมมองของคนไทยฟังแล้วน่ารักสมถะเหลือเกิน เป็นถึงสิงห์แต่มาแย่งตั่งกันนั่ง

สองเรื่องล่าสุดนี่เลยครับ หนังทำเงินของฮอลลีวู้ด FACE OFF

หนังสลับหน้าของจอห์น ทราโวลต้า กับ นิโคลัส เคจ

คนลาวเรียกหนังเรื่องนี้อย่างถึงใจว่า "หน้าข้อยอยู่ปู้นหน้าเปิ้ลอยู่นี่"


และ SPEED หนังสร้างชื่อให้คีอานูรีฟ และแซนดร้า บูลล็อก ดังก้องฟ้า

ก็อยู่ในภาคภาษาลาวว่า "เบรค บ่ อยู่"

คนที่นั่งเครื่องบินไปประเทศลาวเขาเล่าให้ฟังว่าต้องคอยพยายามฝืนไม่หัวเราะกับภาษาลาวที่อยู่บนเครื่อง

เขาบอกว่ามันทั้งขำทั้งน่าเอ็นดูจริงๆ

ลาวเขาเรียกแอร์โฮสเตสว่า "นางบำเรอกำปั่นเหาะ" เอากับเขาสิตรงความหมายดีแท้


"กรุณาอย่าเพิ่งถอดเข็มขัดจนกว่าสัญญาณไฟเตือนจะดับ"

พนักงานต้อนรับบนเครื่องสายการบินไทยคงพูดเช่นนั้น แต่คำเตือนบนเครื่องบินลาวจะบอกว่า

"ไฟ บ่ มอด บ่ จักถอดเข็มขัด" ความหมายเดียวกันทุกอย่างแต่ฟังแล้วต้องเอามือปิดปาก

อ๊ะๆๆๆ...ผมเห็นนะครับ ว่าหัวเราะอยู่..

229
ต่อครับ....
ลมนั้นแรงมาจากไหนใครรู้บ้าง
มันไม่ต่างกับพายุโหมกระหน่ำ
ความร้อนสูงเพราะความกดดันต่ำ
เลยกระหน่ำเป็นแรงลมโถมใส่มา

บ้านเรือนอันน้อยนิดปลิวกระจาย
และมลายกลายเป็นเศษที่ปลิวว่อน
แต่ละคนต่างวิ่งหนีกันอลวน
นั่งตรอมตรมและเสียดายกับเหตุการณ์

ทั้งแรงลมโถมใส่หาหยุดไม่
ทําอย่างไรให้ชีวิตปลอดภัยหนา
ลมเช่นนี้มันเกิดขึ้นไม่ธรรมดา
เพราะมันพาลมร้อนมาด้วยกัน


ที่ผมเขียนตอนนี้ลมแรงจัด
ผมนั่งจัดโต๊ะทํางานที่เคลื่อนไหว
เพราะแรงลมนั้นมันแรงกลัวปลิวไป
และมัดไว้อยู่กับเสาของบ้านเลย


ถ้าฝนตกลงมาพอเย็นบ้าง
ช่วยชะล้างพื้นดินให้หายร้อน
และชาวนาชาวสวนคงโห่ร้อง
คงไม่ต้องขาดทุนป่นปี้เอย


อันฝนแห้งแล้งน้ำสาหัสจัด
ใครจะคัดพืชผลส่งไปขาย
ถ้าขาดฝนน้ำไม่มีต้นไม้ตาย
น่าเสียดายผลผลิตที่เสียไป


มือนั้นพิมพ์แล้วนั่งคิดก็สงสาร
อันข้าวสารที่เรากินจากเขาหนอ
กินทิ้งกินขว้างนั้นยังไม่พอ
ยังไม่ห่อกลับบ้านเสียดายจริง

วันนี้ผมขอวางบทกลอนเท่านี้ก่อน
ผมขอผ่อนอารมณ์ให้สดใส
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ผมต้องไป
หยิบแก้วใสเติมเหล้าสักนิดเอย.........จบครับ.

230
สวยงาม เงียบสงบดีครับ..
ผมยังแอบไปบ่อยๆ..เพราะอยู่ใกล้ครับ..
วัดบางม่วง...วัดคงคา แอบไปกินเตี๋ยวเรือ..เหอๆๆ
ผมอยู่แถวพุทธมณฑลสาย2 ครับ...

231


ใครอยากต่อกลอนเพี้ยนๆกับผมบ้าง
อยู่ว่างๆไม่มีไรทํามันหงอยเหงา
กินทั้งเบียร์กินทั้งเหล้าแล้วนั่งเมา
เพราะความเมาจึงได้เขียนขึ้นมาเลย


ใครอยากเขียนหรือจะบ่นหรืออยากด่า
ผมไม่ว่ากระทู้ผมเหมาเต็มที่
ทั้งเดือดร้อนทั้งเจ็บใจบอกมาที
ณ.ห้องนี้กระทู้ผมเท่านั้นพอ


กระทู้ผมขอต้อนรับและเก็บให้
ความในใจต่างๆอึดอัดหนา
ขอระบายและพูดมันให้ออกมา
แล้วขอลาเรื่องอดีตเท่านั้นพอ.

อันบทเขียนกว่าจะกลั่นออกมาได้
มันไม่ง่ายถ้าใจเข้าไม่ถึง
ถ้าไม่เมาผมเองยังนั่งมึน
เข้าไม่ถึงบทเขียนจริงๆเลย



อยากจะเขียนบทกลอนตอนไม่เมา
สมองเรามันไม่ไปถึงไหนหนา
มานั่งคิดแล้วก็คิดทุกเวลา
มันไม่พาสมองแล่นออกมาเลย


เพราะอะไรเราถึงเป็นขนาดนี้
กลัวพี่ๆว่าผมเมาแบบนี้หรอ
บอกตรงๆว่าผมเมาและไม่เรอ...(เอิ๊ก...)
และไม่เผลอในการพิมพ์เท่านั้นพอ

 

อันสุราผมก็รู้มันไม่ดี
อยากจะหนีห่างไกลและไม่สน
มันขึ้นอยู่กับคนดื่มของตัวตน
แต่บางคนนั้นสุภาพน่ารักเอย





คุยเรื่องเมาหรือเรื่องรักได้ทั้งนั้น
ผมไม่อั้นในคําพูดของผมครับ
ทั้งเรื่องรักและเรื่องเมามาเป็นตับ
ถ้าจะนับเรื่องอกหักได้ทันที


คุยเรื่องผีก็ได้นะครับท่าน
ผมก็หวั่นคุยมากๆนอนผวา
กลัวผีเปรตผีกระสือโผล่ออกมา
แล้วจะพาขนหัวลุกตกเตียงเอย


จิปาถะอะไรรับฟังหมด
อรัมพบทออกเป็นกลอนไม่ว่าหนา
เขียนๆได้เขียนๆไปต่างๆนาๆ
แต่อย่ามาชวนกินเหล้าทันทีเลย.




อ่านกันสนุกๆ...อย่าคิดมากนะครับ.. เพราะผมแต่งกลอนไปแบบ งูๆปลาๆ สัมผัสบ้าง ไม่สัมผัสบ้าง..
ต้องกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย
 

232




ตั้งอยู่ที่บ้านเสมา ตำบลหนองแปง ห่างจากตัวจังหวัด 19 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 214 (กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด) ระยะทาง 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอกมลาไสย เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2367 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยอีกประมาณ 400 เมตร เมืองฟ้าแดดสงยางหรือที่เรียกเพี้ยนเป็นฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจากแผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2ชั้น ความยาวของคันดินโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางคันดินทั้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฏโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จำหลักภาพเรื่องชาดก และพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมารามซึ่งอยู่ภายในเมือง บางแห่งอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซากศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปภายในเมืองและนอกเมือง เช่นพระธาตุยาคู และกลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยางเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2479

พระธาตุยาคู หรือพระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัยด้วยกันคือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ขนาดฐานกว้าง 10 เมตร ยาว 10 เมตร ซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ สร้างซ้อนกันเป็นลักษณะแบบจตุรมุขสูงจากฐานถึงยอด 8 เมตร รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่าในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดดแต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจะจัดให้มีงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน

จากหลักฐานที่ปรากฏ "วัดเหนือ" เป็นจุดศูนย์กลางชุมชนโบราณที่มีอายุกว่า 1,000 ปี มาแล้ว ภายในวัดมีใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่สันนิษฐานว่าทำขึ้นในสมัยทวารวดี สูงประมาณ 2 เมตร มีลวดลายบัวคว่ำบัวหงายที่ส่วนฐาน ปักไว้รอบสถูปทรงบัวเหลี่ยม สถูปนี้ชาวบ้านเรียกว่า "พระธาตุยาคู" ก่อด้วยอิฐเป็นสถานที่บรรจุพระสารีริกธาตุ เสาหินแปดเหลี่ยม ที่วัดเหนือ

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://9thailand.blogspot.com

233
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย  เป็นธรรมชาติ  สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องตกอยู่ในวงจรนี้อย่างไม่รู้จักจบสิ้นและเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต  เมื่อใดที่เราเกิดเป็นสิ่งมีชีวิต  ทันที่ที่เราเกิดเป็นสิ่งมีชีวิต  สิ่งที่เกิดตามมาหลังการเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  คือแก่  เจ็บ  และตายตามมาอย่างไม่อาจหลึกเลี่ยงได้  ฉะนั้นชีวิตเราขอให้จบลงที่ความตายแล้วไม่ต้องเกิดอีก  เพราะทุกครั้งที่เราเกิดเป็นสิ่งมีชีวิต  ความแก่  ความเจ็บ  และความตายจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง  ฉะนั้นวงจรของชาตชรามรณะ  จึงเริ่มต้นที่การเกิด


ด้วยเหตุนี้เอง  ประสิทธิภาพในการเข้าใจสัจธรรมของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน  คนที่เกิดมากชาติและสะสมบาปกรรมมากกว่าจะมีประสิทธิภาพในการเข้าใจธรรมะที่น้อยกว่า  เนื่องจากอนุสัยที่มีในจิตมากกว่าจะบดบังขีดความสามารถในการเข้าใจสัจธรรมโดยตรง  จึงต้องอาศัยความเพียรพยายามมากขึ้น  แต่ตามธรรมชาติคนที่มีบาปกรรมมากย่อมมีความอดทนน้อย  ความเพียรจึงน้อยตามลงไป  โอกาสในการจะสร้างบาปกรรมใหม่ ๆ  ก็จะกระทำได้ง่ายขึ้น  โอกาสที่จะสร้างบูญกรรมก็จะน้อย  ส่วนคนที่เกิดมาน้อยชาติกว่าจะได้เปรียบ  เพราะปริมาณอนุสัยที่สะสมในจิตน้อยกว่า  จึงมีบาปกรรมน้อยกว่าประสิทธิภาพในการเข้าใจธรรมะก็ย่อมจะดีกว่า  ด้วยเหตุนี้เองการเข้าใจสัจธรรมของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน  ทำให้ความเข้าใจในธรรมะที่ผู้เขียนได้เขียนของแต่ละคนที่ได้อ่านย่อมไม่เท่ากันอย่างมีนัยยะสำคัญ  จึงไม่อาจชี้วัดได้ว่าผู้อ่านคนหนึ่งเข้าใจ  ผู้นั้นเข้าใจจะต้องหมายความว่าผู้อื่นจะเข้าใจด้วย  เพราะการจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้  บาปบุญที่สั่งสมมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญ  ต่อมาคือความตระหนักในบาปกรรม  หมายความว่าหากเรารู้ตัวว่าเป็นคนมีบาปกรรมมาก  ยิ่งต้องเพิ่มความเพียรในการปฏิบัติให้มากขึ้นแล้วต้องมีความอดทนในการปฏิบัติ 

กรรม กิเลส วิบาก จึงเป็นเครื่องกั้นกางการตรัสรู้อย่างแท้จริง  โดยเฉพาะตัวกรรมหากไม่ทำให้บาปกรรมสิ้นสภาพแห่งการชดใช้  บาปกรรมนั้นจะกระตุ้นให้เกิดกิเลสในสมอง  แล้วก่อให้เกิดวิบากอันเป็นบาป  หรือที่ผู้เขียนเรีกว่าวิบากบาป  ซึ่งคำว่าวิบากบาปก็ล้อมาจากคำว่าวิบากกรรม  ซึ่งคำว่าวิบากกรรมเป็นสิ่งที่เราคุ้นชินอยู่แล้วนั้นเอง

234
รูปหลวงปู่..จะทําขึ้นมาเลียนแบบหรือเปล่าครับ..
แบบว่า ทําไมมีหลายรูปจังครับ 

235
รุ่นนี้หลวงพ่อเปิ่นท่านอธิษฐานจิตครับ..
มีพิมพ์หลวงพ่อโสธร  หลวงพ่อวัดไร่ขิง  และหลวงพ่อวัดบ้านแหลมครับ.

1 ชุดมี 3 องค์ เนื้อ เงิน  ทองคํา และทองแดงครับ..


236
ขอบคุณครับ...ไปด้วยครับ
ยังไงใกล้ๆนัดอีกครั้งนะครับ..ว่าจะไปรวมสมาชิกกันที่ไหนครับ..
จะได้ ทักทาย พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ได้ถูกครับ..

237
กราบนมัสการครับ
และเข้ามาอ่านบทความดีๆที่นําเสนอแบ่งปันครับผม.

238
พระบูชาครับ..เชียงแสนลังกาวงศ์สิงห์หนึ่งครับ




พระกริ่งบาเก็ง2 เจ้าคุณศรีฯ วัดสุทัศน์ครับ



เหรียญชินราชอินโดจีน สระ อะ..จุดครับ..



ปู่ทวด พิมพ์ A ปีกกว้าง





หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ครับ..องค์นี้อ่อนสวยไปหน่อยครับ



ตบท้ายด้วยสมเด็จอีก 1 องค์ครับ.



ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านครับ...

239
ดูเก่าและเข้มขลังดีครับ
แต่ไม่รู้ที่จริงๆครับ ต้องขออภัยด้วย

240


ประวัติ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต         
ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง ฯ จ.สกลนคร

ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
    

         ท่านกำเนิดในสกุลแก่นแก้ว บิดาชื่อคำด้วง มารดาชื่อ จันทร์ เพียแก่นท้าว เป็นปู่ นับถือพุทธศาสนา เกิดวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๓ ณ บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนหัวปี ท่านเป็นคนร่างเล็ก ผิวดำแดง แข็งแรงว่องไว สติปัญญาดี มาแต่กำเนิด ฉลาด เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย ได้เรียนอักษรสมัยในสำนักของอา คือ เรียนอักษรไทยน้อย อักษรไทย อักษรธรรม และอักษรขอม อ่านออกเขียนได้ นับว่าท่านเรียนได้รวดเร็ว เพราะมีความทรงจำดี และขยันหมั่นเพียร ชอบการเล่าเรียน ชีวิตสมณะ

การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
    

         เมื่อหลวงปู่มั่นอายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักบ้านคำบง ใครเป็นบรรพชาจารย์ไม่ปรากฏ ครั้นบวชแล้วได้ศึกษา หาความรู้ ทางพระศาสนามีสวดมนต์ และพระสูตรต่าง ๆ ในสำนักบรรพชาจารย์ จดจำได้รวดเร็ว อาจารย์เมตตาปราณีมาก เพราะเอาใจใส่ในการเรียนดี ประพฤติปฏิบัติเรียบร้อย เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ เมื่อท่านอายุได้ ๑๗ บิดาขอร้องให้ลาสิกขาเพื่อช่วย การงานทางบ้าน ท่านได้ลาสิกขาออกไปช่วยงานบิดามารดา เต็มความสามารถ ท่านเล่าว่า เมื่อลาสิกขาไปแล้ว ยังคิดที่จะบวชอีกอยู่เสมอไม่เคยลืมเลย คงเป็นเพราะอุปนิสัย ในทางบวช มาแต่ก่อนหนหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง เพราะติดใจในคำสั่งของยายว่า เจ้าต้องบวชให้ยาย เพราะยายก็ได้เลี้ยงเจ้ายาก คำสั่งของยายนี้ คอยสะกิดใจอยู่เสมอ

         ครั้นอายุหลวงปู่มั่นได้ ๒๒ ปี ท่านเล่าว่า มีความอยากบวชเป็นกำลัง จึงอำลาบิดามารดาบวช ท่านทั้งสองก็อนุมัติตามประสงค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้ศึกษาในสำนัก ท่านอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับอุปสมบทกรรม เป็นภิกษุภาวะในพระพุทธศาสนา ณ วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) อำเภอเมือง ฯ จังหวัดอุบลราชธานี พระอริยกวี (อ่อน) เป็นพระอุปัชฌายะ มี พระครูสีทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจารย์ และ พระครูประจักษ์อุบลคุณ (สุ่ย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระอุปัชฌายะ ขนานนาม มคธ ให้ว่า ภูริทตโต เสร็จ อุปสมบทกรรมแล้ว ได้กลับมาสำนักศึกษาวิปัสสนาธุระ กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ณ วัดเลียบ ต่อไป
    

         เมื่อแรกอุปสมบท หลวงปู่มั่น พำนักอยู่วัดเลียบ เมืองอุบล เป็นปกติ ออกไปอาศัยอยู่วัดบูรพาราม เมืองอุบลบ้างเป็นครั้งคราว ในระหว่างนั้น ได้ศึกษาข้อปฏิบัติเบื้องต้น อันเป็นส่วนแห่งพระวินัยคือ อาจาระ ความประพฤติมารยาท อาจริยวัตร และอุปัชฌายวัตร ปฏิบัติได้เรียบร้อยดี จนเป็นที่ไว้วางใจของพระอุปัชฌายาจารย์ และได้ศึกษาข้อปฏิบัติอบรมจิตใจ คือ เดินจงกลม นั่งสมาธิ สมาทาน ธุดงควัตร ต่าง ๆ
    

         ในสมัยต่อมา ได้แสวงหาวิเวก บำเพ็ญสมณธรรมในที่ต่าง ๆ ตามราวป่า ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง หุบเขา ซอกห้วย ธารเขา เงื้อมเขาท้องถ้ำ เรือนว่าง ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงบ้าง ฝั่งขวาแม่น้ำโขงบ้าง แล้วลงไปศึกษากับนักปราชญ์ในกรุงเทพฯ จำพรรษาอยู่ที่ วัดปทุมวนาราม หมั่นไปสดับธรรมเทศนา กับเจ้าพระคุณพระอุบาลี (สิริจันทเถระ จันทร์) ๓ พรรษา แล้วออกแสวงหาวิเวกในถิ่นภาคกลาง คือ ถ้ำสาริกา เขาใหญ่ นครนายก ถ้ำไผ่ขวาง เขาพระงาม แล ถ้ำสิงโต ลพบุรี จนได้รับความรู้แจ่มแจ้ง ในพระธรรมวินัย สิ้นความสงสัย ในสัตถุศาสนา จึงกลับมาภาคอิสาน ทำการอบรมสั่งสอน สมถวิปัสสนา แก่สหธรรมิก และอุบาสก อุบาสิกา ต่อไป มีผู้เลื่อมใสพอใจปฏิบัติมากขึ้น โดยลำดับ มีศิษยานุศิษย์แพร่หลาย กระจายทั่วภาคอิสาน
    

         ในกาลต่อมา ได้ลงไปพักจำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพ ฯ อีก ๑ พรรษา แล้วไปเชียงใหม่กับ เจ้าพระคุณอุบาลีฯ (สิริจันทรเถระ จันทร์) จำพรรษา วัดเจดีย์หลวง ๑ พรรษาแล้วออกไปพักตามที่วิเวก ต่าง ๆ ในเขตภาคเหนือหลายแห่ง เพื่อสงเคราะห์สาธุชนในที่นั้น ๆ นานถึง ๑๑ ปี จึงได้กลับมา จังหวัดอุบลราชธานี พักจำพรรษาอยู่ที่ วัดโนนนิเวศน์ เพื่ออนุเคราะห์สาธุชนในที่นั้น ๒ พรรษา แล้วมาอยู่ในเขตจังหวัดสกลนคร จำพรรษาที่ วัดป่าบ้านนามน ตำบลตองขอบ อำเภอเมืองสกลนคร (ปัจจุบัน คือ อำเภอ โคกศรีสุพรรณ) ๓ พรรษาจำพรรษาที่ วัดหนองผือ ตำบลนาใจ อำเภอเมืองพรรณานิคม ๕ พรรษา เพื่อสงเคราะห์สาธุชนในถิ่นนั้น มีผู้สนใจในธรรมปฏิบัติ ได้ติดตามศึกษาอบรมจิตใจมากมาย มีศิษยานิศิษย์มากหลาย ยังเกียรติคุณของท่าน ให้ฟุ้งเฟื่องเลื่องลือไป

ธุดงควัตร ที่ท่านถือปฏิบัติ เป็นอาจิณ ๔ ประการ
    

         ๑. ปังสุกุลิกังคธุดงค์ ถือนุ่งห่มผ้าบังสกุล จนกระทั่งวัยชรา จึงได้ใช้ คหบดีจีวรบ้าง เพื่ออนุเคราห์แก่ผู้ศรัทธานำมาถวาย
         ๒. บิณฑบาติกังคธุดงค์ คือภิกขาจารยวัตร เที่ยวบิณฑบาตมาฉันเป็นนิตย์ แม้อาพาธ ไปในละแวกบ้านไม่ได้ ก็บิณฑบาตในเขตวัด บนโรงฉัน จนกระทั้งอาพาธ ลุกไม่ได้ในปัจฉิมสมัยจึงงดบิณฑบาต
         ๓. เอกปัตติกังคธุดงค์ คือฉันในบาต ใช้ภาชนะใบเดียว เป็นนิตย์ จนกระทั่งถึงสมัยอาพาธในปัจฉิมสมัย จึงงด
        ๔. เอกาสนิกังคธุดงค์ ถือฉันหนเดียวเป็นนิตย์ ตลอดเวลาแม้อาพาธหนัก ในปัจฉิมสมัย ก็มิได้เลิกละ ส่วนธุดงควัตรนอกนี้ ได้ถือปฏิบัติเป็นครั้งคราว ที่นับว่าปฏิบัติได้มาก ก็คือ อรัญญิกกังคธุดงค์ คืออยู่เสนา สนะป่า ห่างบ้านประมาณ ๒๕ เส้น หลีกเร้นอยู่ในที่สงัด ตามสมณวิสัย

         เมื่อถึงวัยชรา จึงอยู่ในเสนาสนะป่าห่างจากบ้านพอสมควร ซึ่งพอเหมาะกับกำลัง ที่จะภิกขาจาร บิณฑบาต เป็นที่ ๆ ปราศจากเสียงอื้ออึง ประชาชนเคารพยำเกรง ไม่รบกวน นัยว่า ในสมัยที่ท่านยังแข็งแรง ได้ออกจาริกโดดเดี่ยวแสวงวิเวกไปในป่าดงพงลึก จนสุดวิสสัยที่ศิษยานุศิษย์จะติดตามไปถึงได้ก็มี เช่นคราวที่ไปอยู่ภาคเหนือ เป็นต้น ท่านไปวิเวกบนเขาสูง อันเป็นที่อยู่ของพวก มูเซอร์ยังชาวมูเซอร์ที่พูดไม่รู้เรื่องกัน ให้บังเกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้

ธรรมโอวาท คำที่เป็นคติ อันท่านอาจารย์กล่าวอยู่บ่อย ๆ ที่เป็นหลักวินิจฉัยความดีที่ทำด้วย กาย วาจา ใจ แก่ศิษยานุศิษย์ ดังนี้
    

         ๑. ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นนับว่าเป็นเลิศ
         ๒. ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตัวตนเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง
 

         เมื่อท่านอธิบาย ตจปัญจกกรรมฐาน จบลง มักจะกล่าวเตือนเป็นคำกลอนว่าแก้ให้ตกเน้อ แก้บ่ตก คาพกจ้าไว้ แก้บ่ได้ แขวนคอต่องแต่ง แก้บ่พ้น คาก้นย่างยาย คาย่างยาย เวียนตายเวียนเกิด เวียนเอากำเนิดในภพทั้งสาม ภพทั้งสามเป็นเฮือน เจ้าอยู่ ดังนี้

         เมื่อคราวท่านเทศนาสั่งสอนพระภิกษุ ผู้เป็นสานุศิษย์ ถือลัทธิฉันเจให้เข้าใจในทางถูก และเลิกลัทธินั้น ครั้นจบลงแล้วได้กล่าวเป็นคติขึ้นว่า เหลือแต่เว้าบ่เห็น บ่อนเบาหนัก เดินบ่ไปตามทาง สิถึกดงเสือฮ้ายดังนี้แล การบำเพ็ญสมาธิ เอาแต่เพียงเป็นบาทของวิปัสนา คือ การพิจารณาก็พอแล้ว ส่วนการจะอยู่ในวิหารธรรมนั้น ก็ให้กำหนดรู้ ถ้าใครกลัวตาย เพราะบทบาททางความเพียร ผู้นั้น จะกลับมาตายอีก หลายภพหลายชาติ ไม่อาจนับได้ ส่วนผู้ใดไม่กลัวตาย ผู้นั้นจะตัดภพชาติให้น้อยลง ถึงกับไม่มีภพชาติเหลืออยู่ และผู้นั้นแล จะเป็นผู้ไม่กลับหลังมาหาทุกข์อีก ธรรมะเรียนมาจากธรรมชาติ เห็นความเกิดแปรปรวนของสังขาร ประกอบด้วยไตรลักษณ์ ปัจฉิมโอวาทของ พระพุทธเจ้าโดยแท้ ๆ ถ้าเข้าใจในโอวาทปาฏิโมกข์ ท่านพระอาจารย์มั่นแสดงโดยยึดหลักธรรมชาติของศิลธรรม ทางด้านการปฏิบัติ เพื่อเตือนนักปฏิบัติทั้งหลายท่าน แสดงเอาแต่ใจความว่า....

การไม่ทำบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศล คือ ความฉลาดให้ถึงพร้อมหนึ่ง

         การชำระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง.... นี้แล คือ คำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้า การไม่ทำบาป... ถ้าทางการไม่ทำ แต่ทางวาจายังทำอยู่ ถ้าทางวาจาไม่ทำ แต่ทางใจก็ทำ สั่งสมบาปตลอดวัน จนถึงเวลาหลับ พอตื่นจากหลับ ก็เริ่มสั่งสมบาปต่อไปจนถึงขณะหลับอีก เป็นทำนองนี้ โดยมิได้สนใจว่า ตัวทำบาป หรือสั่งสมบาปเลย แม้กระนั้น ยังหวังใจอยู่ว่า ตนมีศิลธรรม และคอยแต่เอาความบริสุทธิ์ จากความมีศิลธรรม ที่ยังเหลือแต่ชื่อเท่านั้น ฉะนั้น จึงไม่เจอความบริสุทธิ์ กลับเจอแต่ความเศร้าหมอง ความวุ่นวายในใจตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะ ตนแสวงหาสิ่งนั้น ก็ต้องเจอสิ่งนั้น ถ้าไม่เจอสิ่งนั้น จะให้เจออะไรเล่า เพราะเป็นของที่มีอยู่ ในโลกสมมุติอย่างสมบูรณ์

ปัจฉิมบท
    

         ในวัยชรา นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นต้นมา ท่านหลวงปู่มั่นมาอยู่ที่จังหวัดสกลนคร เปลี่ยนอิริยาบทไปตามสถานที่วิเวก ผาสุกวิหารหลายแห่งคือ ณ เสนาสนะป่า บ้านนามน ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง ฯ (ปัจจุบัย เป็นอำเภอ โคกศรีสุพรรณ) บ้าง ที่ใกล้ ๆ แถวนั้นบ้าง ครั้น พ.ศ. ๒๔๘๗ จึงย้ายไปอยู่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จนถึงปีสุดท้ายของชีวิต
    

         ตลอดเวลา ๘ ปี ในวัยชรานี้ ท่านได้เอาธุระ อบรมสั่งสอน ศิษยานุศิษย์ทางสมถ วิปัสสนาเป็นอันมาก ได้มีการเทศนาอบรมจิตใจศิษยานุศิษย์เป็นประจำวัน ศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้บันทึกธรรมเทศนาของท่านไว้ และได้รวบรวมพิมพ์ขึ้นเผยแพร่ แล้วให้ชื่อว่า มุตโตทัย
    

        ครั้นมาถึงปี พ.ศ.๒๔๙๒ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุย่างขึ้น ๘๐ ปี ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้ ศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิด ได้เอาธุระรักษาพยาบาล ไปตามกำลังความสามารถ อาพาธก็สงบไปบ้างเป็นครั้งคราว แต่แล้วก็กำเริบขึ้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนจวนออกพรรษา อาพาธก็กำเริบมากขึ้น ข่าวนี้ได้กระจายไปโดยรวดเร็ว พอออกพรรษาศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ไกล ต่างก็ทยอยกันเข้ามาปรนนิบัติพยาบาล ได้เชิญหมอแผนปัจจุบันมาตรวจ และรักษา แล้วนำมาที่เสนาสนะป่าบ้านภู่ อำเภอพรรณานิคม เพื่อสะดวกแก่ผู้รักษา และ ศิษยานุศิษย์ ก็มาเยี่ยมพยาบาลอาการอาพาธ มีแต่ทรงกับทรุด โดยลำดับ
    

         ครั้นเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้นำท่านมาถึงวัดป่าสุทธาวาส ท่านก็ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา ๐๒.๒๓ น. ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ศกเดียวกัน ท่ามกลางศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย มีเจ้าพระคุณ พระธรรมเจดีย์เป็นต้น สิริชนมายุของท่านอาจารย์ได้ ๗๙ ปี ๙ เดือน ๒๑ วัน รวม ๕๖ พรรษา

การบำเพ็ญประโยชน์ ของท่านหลวงปู่มั่น ประมวลในหลัก ๒ ประการดังนี้
    

         ๑. ประโยชน์ชาติ ท่านหลวงปู่ ได้เอาธุระเทศนาอบรมสั่งสอนศิลธรรมอันดีงาม แก่ประชาชนพลเมือง ของทุกชาติ ในทุก ๆ ถิ่น ที่ท่านได้สัญจรไป คือ ภาคกลางบางส่วน ภาคเหนือเกือบทั่วทุกจังหวัด ภาคอิสานเกือบทั่วทุกจังหวัด ไม่กล่าวสอนให้เป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองของประเทศ ทำให้พลเมืองของชาติ ผู้ได้รับคำสั่งสอน เป็นคนมีศิลธรรมดี มีสัมมาอาชีพง่ายแก่การปกครอง ของ ผู้ปกครองชือว่า ได้บำเพ็ญประโยชน์แก่ชาติ ตามควรแก่สมณวิสัย
         ๒. ประโยชน์ศาสนา ท่านหลวงปู่ ได้บรรพชา และอุปสมบทเข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ ด้วยความเชื่อ และความเลื่อมใสจริง ๆ ครั้นบวชแล้ว ก็ได้ เอาธุระทางพระพุทธศาสนาด้วยความอุตสาหะพากเพียรจริง ๆ ไม่ทอดธุระในการบำเพ็ญ สมณธรรม
    

         หลวงปู่มั่น ท่านปฏิบัติธุดงควัตรเคร่งครัดถึง ๔ ประการดังกล่าวแล้ว ในเบื้องต้น ได้ดำรงรักษาสมณกิจไว้มิให้เสื่อมสูญได้นำหมู่คณะ ฟื้นฟูปฏิบัติพระธรรมวินัย ได้ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ และพระพุทธโอวาท หมั่นอนุศาสน์สั่งสอนศิษยานุศิษย์ ให้ฉลาดอาจหาญในการฝึกฝนอบรมจิตใจตามหลักการสมถวิปัสสนา อันเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาได้ตรัสสอนไว้ เป็นผู้มีนำใจเด็ดเดี่ยวอดทนไม่หวั่นไหวต่อ โลกธรรม แม้จะถูกกระทบกระทั่งด้วยโลกธรรมอย่างไร ก็มิได้แปรเปลี่ยนไปตาม ความมั่นอยู่ในธรรมวินัย ตามที่พระบรมศาสดาประกาศแล้วตลอดมาทำตัวให้เป็น ทิฏฐานุคติ แก่ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างดี ท่านได้จาริกไปตามสถานที่วิเวกต่าง ๆ คือ บางส่วนของภาคกลาง เกือบทั่วทุกจังหวัด ในภาคเหนือ เกือบทุกจังหวัด ของภาคอิสานและแถมบางส่วนของต่างประเทศอีกด้วย นอกจากเพื่อวิเวกในส่วนตนแล้ว ท่านมุ่งไปเพื่อสงเคราะห์ผู้มีอุปนิสัยในถิ่นนั้น ๆ ด้วย ผู้ได้รับสงเคราะห์ ด้วยธรรมจากท่านแล้ว ย่อมกล่าวไว้ด้วยความภูมิใจว่า ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็น



ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บอิทธิ-ปราฏิหาริย์

241


เริ่มเรื่องเลย นะครับ................
 
ไอ้ตัวกระผมนั้น ก็เดินทางไปทั่วสาระทิศ ส่วนมากเกี่ยวกับรื่องค้าขาย พูดง่ายๆว่า import หาสินค้าป้องตลาดในประเทศ... จะเป็นพวกเคมีอาหาร วัตถุดิบ........... .
 
วันนั้นมีน้องชายไปด้วย แต่ไอ้เจ้าน้องชายมันชอบ เสี่ยงโชค .........ช่วงนั้นขับรถเข้าชุมพร ไอ้เจ้าน้องชายมันก็ชวน ว่า..เฮ้ยยย วันนี้เราขับรถเข้าไปนอน ระนองกันดีกว่า....เผื่อได้เปิดตลาดใหม่ๆ.....ไอ้เราก็ไม่ได้คิดอะไร เรากลับคิดว่า เออ ก็ดี เหมือนกัน ตกลงวันนั้นเราจะเข้าไปนอนระนอง......แต่ระหว่างทาง ขึ้นเขาไปตามทาง คดเคี้ยว พอถึงช่วงทางแยกเปลี่ยวๆ ไอ้เรา ก็ไม่รู้ว่ามันมีเหตุอะไร ไอ้เจ้าน้องชายมันบอกว่า หยุดๆๆๆๆ....เราก็ตกใจ กระแทกเบร็ค ดังเอี้ยดๆๆๆ.....ปากก็ถามว่า มีอะไรหรอ... หรือว่ากูชนคน....มันบอกว่า เปล่า.... ผมก็ถามแล้วมึงให้เบร็ค ทําไม.......ไอ้เจ้าน้องชายตัวดี มันบอกว่า... .เฮ้ยยมึงช่วยไปเด็ด..
ยอดกล้วยให้กูที... ผมก็ถาม ผ่านมาตั้งหลายยอด ทําไมไม่บอก ทําไมต้องมาเด็ดยอดนี้.... มันบอกหน้าตาเฉย แฮ่ๆๆๆ ตรงนี้ มันขลัง
ดี............ ...แต่มันดันไม่ไปเด็ด มันให้ผมไปเด็ด
 
ไอ้เรามันก็เหนื่อย อยากนอน อยากถึง ระนองเต็มแก่ เลยทําตามมัน..เดินดุ่มๆๆๆ ไปตามป่า หญ้า รกทึบ พอถึง เราก็ตะโกนถามว่า.... ต้นนี้หรือเปล่า ?? เสียงเจ้าน้องชายมันตอบมา...เออๆๆๆๆ  เอาบนยอดมัน นะ.
เราก็เด็ดยอดของต้นกล้วย แต่ใจไม่ได้คิดอะไร แต่ที่ไหนได้....มีลมพัดกรรณโชคแล้วหมุนป็นวง ตรงที่ผมกําลังเด็ดยอดกล้วย....
พอเด็ดออกมา... แทนที่มันจะเป็นยางกล้วย มันกลับเป็นเหมือนสีเลือดสดๆๆ ไหลออกมา... ผมก็ตกใจ แต่ไหนๆ ก็เด็ดมาแล้ว ก็กลับ
มาที่รถ ผมก็ยื่นให้น้องชาย แต่ มันไม่รับ มันบอกว่าให้ผมเก็บไว้ก่อน.....
 
พอถึง ระนอง มันบอกว่าให้ไปที่ท่าเรือ เฟอร์รี่เลย แถวๆ โรงแรมอันดามัน มันบอกว่าเดี๋ยวคืนนี้ไปนอนเกาะสนกัน....ไอ้ผมก็ไม่รู้ว่าเกาะสน คือ อะไร....มันบอกว่าเอออ ไม่ต้องถาม.. ก็เลยไม่ถาม ไอ้เจ้าน้องชาย มันบริการเสร็จ ทั้งบัตรผ่านแดน ค่าเรือ ....พอข้ามไปถึงเกาะสอง....โอ้...มันเหมือนเกาะสวรรค์เลย
 
พอเข้าเช็คอิน ด้านล่างเป็นแหล่งกาสิโน... พอถึงห้องนึกว่าจะได้พักผ่อน ไอ้เจ้าน้องชายมันมาชวน ไปเสี่ยงโชค.... อ้าวๆๆ เอาก็เอา.. พอเดินจะเข้าแหล่งกาสิโน โอ้ มันมีสิงค์โต ขนาดความสูง 3 เมตร 2 ตัว ตั้งปากทางเข้า...ตาแดงง ปากทาสีแดง ตาก็แดง ต้อนรับอยู่ ไอ้เจ้าน้องชายมันรีบบอก...เฮ้ยยมึงรีบเอาใบกล้วยตานีแป๊ะ ไว้ที่หัวก่อนเดินเข้า.... ผมก็ทําตาม พอเดินเข้าไปแล้ว มันก็บอกให้ไว้ในกระเป๋าเสื้อ จะได้เฮงๆๆ แล้ว มันก็พาผมไปที่โต๊ะ ไพ่ 3 ใบ ที่เขาเรียกว่า บาคาร่า..... ผมก็ทําตาม เริ่มแรกก็แทงทีละ.. 1000 บาท ได้กินทุกครั้ง เลยได้ใจ แทง ทีละ หมื่น ก็ได้อีก.....งวดนั้นได้มาหน้าตัก... ประมาณ เกือบ 4 แสนบาท ผมก็บอกให้มันเลิกเหอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก มันก็ฮึดฮัด.... ผมเลยบอกมันไปว่า งั้นมึงก็เล่นเอง หละกัน กูจะไปนอน.... ตกลงมันลงเล่น แต่ ผมขึ้นไปนอน เพราะเหนื่อย และต้องขับรถด้วย....ก็เลยเดินออกมา
 
ห้องนอนผมอยู่ชั้น 5 เดินมาโดด เดี่ยว พอเข้าลิฟท์ โอ้...ในลิฟท์ทําไมมันหอมดอกไม้....มากๆๆเหมือนกลิ่น กระดังงา...............แต่ไม่ได้คิดอะไร พอถึงห้อง ก็อาบน้ำ เตรียมตัวนอน...พอหัวถึง หมอน ยังไม่ได้หลับดีเลย....เสียงเพลงดังขึ้นมาเอง แบบว่าเพลงเบาๆ อีกทั้งโทรทัศน์ก็เปิด เฮ้ยมันเป็นไปได้ไง...ก็เราไม่ได้เปิด ก็ตกใจนิดหน่อย....นึกว่าทางโรงแรมเขาเปิดให้...ก็ช่างมัน แต่ที่ไหนได้... พอเคลิ้มๆเล่นคลานมาจากปลายเตียงเลย เป็นมือมาก่อน..แล้วค่อยๆหัวโผล่ขึ้นมา...เป็นผู้หญิง ขาวๆๆซีดๆๆ ผมยาวๆๆ....เขยิบขึ้นมาเรื่อยๆๆๆ.....ไอ้ผมก็ตกใจร้องไม่ออก ได้แต่ตาเบิกกว้าง..ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมเคลิ้ม หรือ ว่ามันเป็นของจริง  จนผู้หญิงคนนนั้น ไต่ขึ้นมา พูดง่ายๆ ว่า หน้าต่อหน้าแทบชนกันเลย....จมูกแทบติดจมูกผม..... ส่วนผมได้แต่ตกใจ .... คําแรกที่ออกมาจากปากผู้หญิงคนนั้น....ทุกวันนี้ผมยังจําได้...อย่าเข้ามาอีก... บ่อนนี้มีอาถรรพ์.นี่เพราะคุณพาฉันมา...

ผมตกใจรีบโดดลงจากเตียง พอถึงประตู โกยอ้าวว....ไปหาเจ้าน้องชายตัวแสบ ด้วยชุดนอน...ฮ่าๆๆ คนมองเป็นแถว..รวมทั้งเจ้า น้องชายด้วย....ผมรีบไปดึงมันออกมา แล้วบอกว่า...เฮ้ยกูโดนผีนางตานี หลอก...............มันเลยหัวเราะ...เออ กูก็เคยโดนมา แล้ว....แต่กูไม่เชื่อ กูก็ยังมาเล่นอีก...แม่งมีแต่หมดตัว....กูก็เลยให้มึงลองมั่งไง....

ฮ่าๆๆๆแทบอยากจะกระทืบมันเลย....งานนั้นที่ปล่อยให้เจ้าน้องชายเล่น แม่งหมดจริงๆ...เงินที่ได้มา เกือบ 4 แสน บ่อนเอาคืนไปหมด เลย เสมอตัว.เรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นกับผม....เข็ดจริงๆ ไม่เอาแล้ว................ถือว่ามาพักผ่อน ทักทายผีนางตานี และประสบการณ์ ครับ.
 
พูดง่ายๆๆ โดนกินเรียบ.
 

242
ขอบพระคุณครับ..
ขอให้ท่านพระอาจารย์ หายไวๆครับ
เป็นกําลังใจให้อีกเสียงครับ

243
บทความ บทกวี / ตอบ: @@พระคุณ...พ่อ@@
« เมื่อ: 17 ก.ย. 2553, 09:50:47 »
คิดถึงคุณพ่อเช่นกันครับ..
แต่คงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้กอดท่าน..
ท่านเสียไปจะ 5 ปีแล้ว..
ได้อ่านแล้ว น้ำตาซึมครับ...
ยังไงก็ขอขอบคุณมากๆครับ..ในบทกลอนนี้.

244
ขอบคุณครับน้อง.....นายธรรมะ
ที่นํามาแบ่งปันได้อ่านในบทความดีๆ...


245
เอามาให้เพื่อนๆชมและช่วยชี้แนะด้วยครับ..
จะเป็นพระเครื่องหลวงปู่ทวดเสียมากกว่าครับ..
องค์แรก องค์นี้ได้จากร้านขายทองที่ จังหวัดปัตตานี เมื่อ 4 ปีที่แล้วครับ




องค์ที่2  ..จากจังหวัดอุบลฯครับ




องค์ที่3..จากศูนย์พระเครื่องพาต้าครับ..




องค์ที่4...ได้จากเซียนพระ เฮีย เซี๊ยะ ปัตตานี ครับ



องค์ที่5...ได้จาก ศูนย์พระ บางแคครับ



องค์ที่6 ได้จาก จังหวัดชัยนาทครับ


ขอบคุณเพื่อนๆ...ติได้ครับ...

246
ธรรมะ / ตอบ: โอวาทพระอริยสงฆ์
« เมื่อ: 17 ก.ย. 2553, 07:58:05 »
เป็นเด็กหนุ่มที่มุ่งหาธรรมะจริงๆครับ น่านับถือ.
ขอบคุณสําหรับบทความธรรมะดีๆที่นํามาแบ่งปันครับ

247
สาธุ ..ครับ..
เป็นธรรมะสอนที่ดีมาก ขอบคุณมากที่เอามาแบ่งปันคําสอนของท่าน

248


เริ่มเรื่องเลยนะครับ...
ที่ผมพูดว่าไม่ต้องรอถึงชาติหน้า...ยุคนี้มาเร็วมากๆ.เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากผมสึกออกมา ทางวัดกําลังหาทุนสร้างศาลาสวดศพ และสร้างเมนเผาใหม่...เพราะของเก่าตั้งเด่นอยู่หน้าวัด ซึ่งดูแล้วบังโบสถ์ และเจดีย์ที่ฝังพระศพของสนมพระเจ้าตากสิน..ผนซึ่งทําทางด้านเคมีอาหาร และ ขายพวก วัตถุดิบพวกผลิตภัณฑ์อาหาร เกี่ยวกับวงการขนมทุกชนิด...จึงออกหัวคิดให้ท่านเจ้าอาวาส ผลิตขนมไหว้พระจันทร์ขาย  ซึ่งไปได้ดีมาก..ยอดขายทะลุเป้า..แต่กําลังผลิตมีแค่น้อยนิด...เพราะผม และ แม่บ้าน ช่วยกันทํา และมีพระ เณร ช่วยกันแพ๊ค หีบห่อ..ตกวันละได้แค่ 200 กล่อง...และข้างๆวัด จะมีร้านข้าวแกงขายอยู่..ซึ่งร้านนี้เปิดมานาน เปิดตั้งแต่ ตี5 คนแถวๆนั้น ก็ออกมาทําบุญตักบาตรตอนเช้าๆ..พูดง่ายๆว่า รายได้ทั้งหมดก็มาจาก พระ เณร ที่มารับบาตร ..แต่เสียอยู่อย่างเดียว เจ้าของร้านปากจัดมาก..

และก็มีอยู่วัน ผมแวะไปซื้อข้าวแกง ผมก็ถามเจ้าของร้านว่า..
ผม.....ป้าๆๆ ป้าไม่เอาขนมไหว้พระจันทร์ของวัดมาวางขายบ้างเหรอครับ เผื่อชาวบ้านจะซื้อใส่บาตรพระบ้าง
ป้า.......โอ้ยยย ขนมไหว้พระจันทร์ของวัด กู...ไม่ แ..ก หรอก  กูแ...กของแชงกาลีล่า..(แล้วแกก็หัวเราะ)
ผม......ไม่ใช่ป้า...ผมให้มาวางขาย ป้าไม่กินก็ไม่เป็นไร..แต่ช่วยวัดหารายได้ ทําศาลา
ป้า.......(ตอนนี้แกไม่พูด) แต่โบกไม้  โบกมือ เป็นลักษณะว่า ไม่เอา..

แค่นี้ผมก็เข้าใจความหมายแล้ว.....คือ จบ ครับ.


ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้สนใจแก...และไม่ซื้อข้าวแกงของแกด้วย...เวลาผ่านไปแค่ 3 เดือนกว่าๆ..ผมชักสงสัยว่า เอ๊ะ วันนี้ทําไม ป้าแกไม่ออกมา
เพราะทุกๆวัน แกจะออกมาโวยวายเสียงดังตลอด...อีกทั้ง ด่าทอ ลูกน้อง..คนแถวนั้นรู้ดีว่าแกปากจัด..ผมก็เลยถามลูกน้องแกว่าป้าไปไหน..
คําตอบคือ...เมื่อตอนตี4 กว่าๆแกลุกขึ้นมาเตรียมของที่จะทําขาย...แก  ล้ม กระดูกสะโพกแกหัก...ต้องส่งโรงพยาบาล..และผลออกมาว่า...หมอสั่งห้ามแก เดินอย่างเด็ดขาด..
จากยอดขายของแกวันเป็นหมื่น....ตอนนี้เหลือไม่กี่พัน..ข้าวแกงเคยเตรียมขายวันละหลายสิบหม้อ...เหลือแค่ 3-4 หม้อ...แกพร่ำบ่นว่า...กูทําบาปอะไรวะเนี่ยๆๆ...แกพูดแบบนี้ตลอดเวลา  เดินก็ไม่ได้ เงินก็หายไปมาก จากยอดขายลดลง..

ทุกวันนี้ผมคิดอยู่ในใจตลอดว่า...เพราะทําบาปแท้ๆ ที่แกรวย ขายดี เพราะ พระ เณร ที่มารับบาตรจากแกทั้งนั้น..แค่ช่วยเอาขนมมาวางขาย..จะขายได้หรือไม่ได้..ก็ยังมีน้ำใจ ที่เรามีใจช่วยทางวัด.

นี่คือเรื่องจริง ที่ผมนําเอามาให้พี่ๆ น้องๆได้อ่านครับ...ว่าเดี๋ยวนี้ เวร กรรม ติดจรวดจริงๆเลย.

ไม่ลืมกราบขอบคุณ พี่ๆเพื่อนๆ น้องๆ ที่ได้เข้ามาอ่าน..ขอบุญ กุศล ดลบันดาลให้ท่านมีความสุข เจริญในหน้าที่การงานและการเงินตลอดๆไปครับ.


249
เข้ามาหาความรู้เช่นกันครับ..

250
ขออนุญาตินะครับ..ถ้าดูจากภาพคงตอบยากครับ..
ลองอ่าน..และดูเนื้อ มวลสารตามเลยนะครับ..

พระกรุนาดูนเราจะเห็นเม็ดมวลสารดำ ขาวขุ่น ส่วนผสมของพระกรุนาดูนจะมีแกลบ ข้าวเปลือก เป็นส่วนผสมหลัก และเป็นเนื้อดิน หินทราย ศิลาแลง อัดแน่ในเนื้อพระ พระกรุนาดูนจะผ่านการเผาผแก่ไฟ) เม็ดข้าวสารที่ อยู่ในเนื้อพระจะไห้ไฟกลายเป็น เม็ดข้าวสารดำที่ฝังติดแน่นในเนื้อพระ และคราบรารักดำ จะติดแน่น และมีคราบฝ้ากรุติด ตามซอกต่างๆในองค์พระ


พระกรุนาดูนเป็นพระเนื้อดินเผา หินทราย ในเนื้อพระจะเป็นเนื้อศิลาแลง เม็ดเล็กๆเรียงตัวกันหนาแน่นในเนื้อพระ พระกรุนาดูนที่ผ่านการเผาไฟจะแลดูแกร่ง ส่วนพระที่ไม่ถูกไฟหรือถูกไฟน้อยความแกร่งก็ลดน้อยลงไป กรุนดูน ที่ผ่านการเผามา เม็ดเล็กๆดำๆที่ในเนื้อพระ จะเม็ดข้าวสารดำที่ติดแน่นในเนื้อพระ ส่วนเป็นคราบดำๆเป็นรารัก และในเนื้อพระที่ เผาไฟจะพบเม็ดเงินเม็ดทอง ขนาดเล็กมากๆติดในเนื้อพระในบางองค์อาจเจอ หินสี ฝังตัวในเนื้อพระ


คนสมัยก่อนเผา วัสดุที่นำมาใช้เป็นแกลบ (ข้าวเปลือกที่ยังมีเม็ดข้าวสารตกค้าง) การเผาพระกรุนาดูนเผาในที่แจ้ง ลักษณะการเผา จะขุดบริเวณที่ทำพิธีเป็นหลุมลึกลงไปในพื้นดิน ลองพื้นด้วย ข้าวเปลือก แกลบ และไม้ยางนา ส่วนด้านบนวางไม้เรียงกันเป็นแถวยาว เมื่อ เผาไฟความร้อนจากด้านบนลงไป ด้านล่างที่เป็นแกลบ ลองพื้นไว้ ในเนื้อพระ จะเห็นเป็นเม็ดคล้ายข้าวสาร สีดำ ส่วนคราบฝ้าสีขาว เป็นคราบกรุที่ฝังแน่นในเนื้อพระ ขัดล้างไม่ออก เนื้อพระกรุนาดูนเป็นเนื้อ ดินทรายแกลบ และศิลาแลง เพื่อผ่านการเผาไฟ เนื้อพระส่วนถูกตวามร้อนมากจะแลดูแกร่ง ส่วนที่ถูกไฟน้อยก็จะดูไม้แกร่ง แล้วมักจะมีคราบเขม่าไฟ ติดตามองค์พระหรือ ตามซอกเนื้อ ด้านในจะต่างสี เพราะสาเหตุจากส่วนที่ถูกความร้อน เราจะเห็นความแตกต่างของ เนื้อพระ มีทั้งสีเข้มและจางส่วนนี้พระเก๊ทำโดยใช้สีทาย้อม (ส่วนพระที่เลียนแบบมักเป็นสีเดียวกันตลอดทั้งองค์)พระกรุบรมธาตุนาดูน เป็นพระที่เผากลางแจ้งอุณหภูมิความร้อนไม่คงที่ พระส่วนที่ ถูกความร้อนมากจะแลดูแกร่งส่วนพระส่วนที่ถูกความร้อนน้อย จะแลดูไม่แกร่ง (ส่วนพระที่ เลียนแบบ หรือเก๊ จะนำพระที่แตกหักนำไปบดละเอียดแล้วผสมดินบริเวณกรุ จากนั้นนำกดแม่พิมพ์ ขึ้นรูปใหม่ แล้วถึงนำไปเผาไฟ ที่ อุณหภูมิความร้อนคงที่แบบเตาเผาทั่วไป พระที่ได้มาจะแลดูแกร่งเหมือนหิน (หม้อดินใหม่ที่ผ่านการเผามา เป็นแบบไหน พระที่เลียนแบบก็ไม่ต่างกับหม้อดินใหม่)ส่วนพระกรุนาดูนตัวจริง  ตรงความแกร่งและธรรมชาติ ความเก่า คราบฝ้าขาว คราบราดำแลดูเป็นธรรมชาติมากกว่าพระที่ทำเลียนแบบตัวอย่างพระแผงตัดเก้าและและพระแผงอื่นๆ พระที่ได้มาจากกรุจริงๆ เค้าตัดก่อนที่จะเผาไฟ ไม่ใชพระที่แตกหักนำมาบดผสมดินบริเวณกรุ แล้วนำมาขึ้นรูปใหม่ *อัดด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ ทำแบบเป็นชั้นๆเพื่อให้ดูเนื้อพระด้านในหลังจากที่ตัดหรือ ผ่าออกมาเป็นแผงตัด *เหมือนหินเป็นชั้นๆแล้วจึงนำพระไปเผาไฟ (เตาเผา)เพื่อให้เนื้อพระดูแกร่ง แต่ธรรมชาติ ความเก่าไม่มีเลย

ข้อมูลจาก
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=banphra&id=1448&page=2&page_limit=50

251


พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก ที่โด่งดังของจังหวัดทางภาคใต้ และเป็นพระปิดตาที่หายากมากๆ ในปัจจุบัน คือพระปิดตาหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ซึ่งปัจจุบันนี้กลายเป็นอาณาเขตของประเทศมาเลเซียไปแล้ว เนื่องจากเราสูญเสียดินแดนให้แก่อังกฤษ ในปีพ.ศ.2452 แต่คนเชื้อชาติไทยก็ยังมีอาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้มาจนถึงปัจจุบันนี้ วันนี้เราจะมาคุยกันถึงหลวงพ่อครนและต้นกำเนิดพระปิดตาอันลือลั่นของท่านกันครับ

พระวิจารณญาณมุนี วัดอุตตมาราม (วัดบางแซะ) หลวงพ่อครนท่านเป็นชาวบ้านบางแซะโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีพ.ศ.2419 โยมบิดาชื่อโยมชุม โยมมารดาชื่อโยมแก้ว นามสกุล ราษฎร์เจริญ หลวงพ่อครนท่านอุปสมบทที่วัดบางแซะ ต่อมาท่านก็ได้กราบลาพระอุปัชฌาย์มาศึกษาเล่าเรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติที่จังหวัดสงขลา โดยหลวงพ่อครนท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวใจ ในช่วงนี้เองที่หลวงพ่อได้ศึกษาพระเวทวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์สำคัญๆ ในภาคใต้ เช่น หลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ หรือแม้แต่หลวงพ่ออินทร์ อำเภอตากใบ และสันนิษฐานว่าท่านได้ไปศึกษาที่เขาค้อด้วย

ประวัติของหลวงพ่อครนนั้นยังไม่ค่อยปะติดปะต่อกันมากนัก เนื่องจาก บางแซะได้กลายไปเป็นพื้นที่ของมาเลเซียในเวลาต่อมา แต่เท่าที่ทราบก็คือหลังจากท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางแซะแล้ว ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดบางแซะโดยความร่วมมือของชาวบ้านในแถบนั้น และท่านก็ได้เปิดการสอบบาลีนักธรรมและกรรมฐานแก่พระภิกษุ สามเณร โดยท่านเป็นผู้สอนเอง การสอนกรรมฐานในครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกในรัฐกลันตัน เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีพระอาจารย์รูปใดเคยสอนมาก่อน ต่อมาในปีพ.ศ.2476 หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์เพื่ออุปสมบทและบรรพชาให้แก่ชาวบ้านบางแซะ และตำบลใกล้เคียง ปีพ.ศ.2488 หลวงพ่อก็ได้เลื่อนจากพระครูชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาขึ้นเป็นพระราชาคณะสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระ โดยได้รับพระราชทานทินนามที่ "พระวิจารณญาณมุนี" และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ในรัฐกลันตัน นับเป็นพระราชคณะรูปแรกของรัฐกลันตัน

หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ต่อมาจนถึงปีพ.ศ.2505 หลวงพ่อครนก็มรณภาพลง สิริอายุได้ 88 ปี พรรษาที่ 67

หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.tumsrivichai.com

252
สวยครับ..ทํารูปแบบเหรียญเหมือนรุ่นแรกเลยนะครับ..
ขอบคุณที่นํามาให้ชมครับ..
ลูกศิษย์พระอาจารย์สมภพเหมือนกันครับ.

253
กราบนมัสการหลวงพ่อ เข้ามาศึกษาบทความธรรมะหลวงพ่อ..
และกราบนมัสการหลวงพ่อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ พักนี้ฝนตกบ่อยๆ


254
กำลังจะไปวันนี้ค่ะ ไปเป็นครั้งแรก จะไปๆ หลายครั้งแล้ว...ยังไม่มีโอกาสซักที

ขอถามนะคะว่าไปถึงประมาณก่อนเที่ยงเนี่ย จะได้สักยันต์ประมาณกี่โมงคะ คือวันนี้วันศุกร์ คนจะเยอะป่าวคะ
คือกลัวว่าจะกลับค่ำค่ะ กลัวหลงทางขากลับ

จะขับรถไปเอง ยังไม่ทราบเส้นทางเลย ช่วยอธิบายทางหน่อยนะคะ ถ้าจะไปจากถนนรัตนาธิเบต (แคราย ปากเกร็ด)

ขอบคุณค่ะ

จากแยกแคราย..มาเส้นรัตนาธิเบต ตรงอย่างเดียวครับ..จนมาถึงแยก ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายไปเส้นขาเข้า จนถึงแยกต่างระดับฉีมพลี..ขึ้นสะพาน ออกขวาไปเส้นนครปฐม...ก่อนถึงนครปฐม ตรงแยกนครชัยศรี...เลี้ยวขวาเข้านครชัยศรี..จนถึงสามแยกเข้านครชัยศรี..เลี้ยวซ้าย..ไปทางตลอดทาง...จะมีป้ายบอกทางไปวัดบางพระครับ.

255
ขออนุญาติออกความเห็นนะครับ..
ภาพที่นํามาให้ดู เป็นสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย กรุเก่า
ซึ่งสมเด็จบางขุนพรหมท่านขึ้นมาทั้งหมด 3 ครั้ง..
ครั้งแรก จากการขโมยตกจากกรุพระ... พิมพ์พระจะไม่ค่อยมีคราบกรุ
ต่อมาก็กรุกลาง...จะมีคราบกรุติดผิวเล็กน้อย
หลังสุดคือกรุใหม่...ซึ่งเปิดกรุอย่างเป็นทางการเมื่อ ปี 2500
คราบกรุจะติดแน่..
ตามรูป...


องค์นี้กรุเก่าครับ...
แทบไม่มีคราบกรุ


กรุกลาง...มีคราบกรุเล็กน้อย




ต่อมาก็กรุใหม่...เปิดปี 2500 แบบเป็นทางการ ซึ่งตอนนั้นบูชาองค์ละ 2500 บาท


ส่วนภาพที่นํามาเป็นกรุเก่าครับ..แบบแทบไม่มีคราบกรุ..

ผิดพลาดประการใด อภัยด้วยครับ...

256
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ..และเข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆที่หลวงพ่อเอามาให้
เรียนถามหลวงพ่อครับ...ผมแวะเข้าไปดู ..ข้อมูล ท่านอยู่มุกดาหารหรือครับ..

ผมไปมุกดาหารบ่อยๆ...เพราะมีลูกค้าที่นั่น ผมจะพักที่โรงแรมพลอยประจํา..
หลวงพ่ออยู่วัดไหน  เที่ยวหน้าผมจะแวะไปนมัสการกราบครับผม..
วัดทุ่งเว้า บ้านท่าไคร้-นาแล .นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร
ไปทาง อ.ดอนตาล เลยทางเข้าภูผาเทิบไปประมาณหนึ่ง ก.ม.
เจอป้อมตำรวจ เลี้ยวซ้ายก็จะเห็นป้ายวัดทุ่งเว้า ไปตามป้ายก็ถีงวัด

รับทราบครับหลวงพ่อ...เส้นนั้นผมไปประจํา เพราะผมเข้าทางอํานาจเจริญ ไปเส้นชานุมาน แล้วผ่านดอนตาลด้วยครับท่าน
เส้นทางสวย ไม่ค่อยมีรถวิ่งเท่าไหร่...อีกอย่างขับเรียบริมโขงด้วย...เที่ยวหน้านี้ผมลงอีสาน จะแวะไปกราบนมัสการท่านครับ

257
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ..และเข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆที่หลวงพ่อเอามาให้
เรียนถามหลวงพ่อครับ...ผมแวะเข้าไปดู ..ข้อมูล ท่านอยู่มุกดาหารหรือครับ..

ผมไปมุกดาหารบ่อยๆ...เพราะมีลูกค้าที่นั่น ผมจะพักที่โรงแรมพลอยประจํา..
หลวงพ่ออยู่วัดไหน  เที่ยวหน้าผมจะแวะไปนมัสการกราบครับผม..

258






พระธาตุดอยเล็ง ตั้งอยู่ ต.ช่อแฮ (เลยวัดพระธาตุช่อแฮ) อ.เมือง ระยะทางร่วม 15 กม. จากตัวเมืองแพร่ เป็นพระธาตุที่อยู่สูงที่สุด มองลงมาเห็นพระธาตุช่อแฮและตัวเมืองแพร่ไกลลิบ
         พระธาตุดอยเล็ง อยู่บนภูเขา(ดอย)ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระธาตุช่อแฮ ประมาณ ๒ กิโลเมตร มีงานนมัสการพระธาตุ เป็นประเพณีทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
          โดยมีธรรมเนียมว่าเมื่อมาสักการะพระธาต ุช่อแฮ แล้วในวันสุดท้าย(วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) พระธาตุดอยเล็ง เป็นปูชนียสถานที่สำคัญของจังหวัดแพร่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระธาตุช่อแฮ ประมาณ 2 กิโลเมตร
           ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ พระธาตุจอมแจ้งประมาณ 4 กิโลเมตร สร้างมาพ.ศ.ใด นั้น ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่มีมาคู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้ง ทั้ง 3 พระธาตุนี้ จะคู่กันมาหลายร้อยปี คำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในตำบลป่าแดง และตำบลป่าแดงและตำบลช่อแฮได้เล่าไว้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์มาดอยลูกหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ของดอยธชัคคะบรรพต เสด็จมาถึงจวนแจ้งณ ที่นั้นเรียกว่าดอยจวนแจ้ง (ใกล้ว่าง) ปัจจุบันเรียกว่า "พระธาตุจอมแจ้ง"
           หลังจากนั้นจึงได้เสด็จมาทาง ทิศเหนือถึงธชัคคะบรรพตได้มาประทับอยู่ที่นั่น ได้มีขุนลัวะอ้ายก้อมเป็นผู้อุปฐากทรงมอบพระเกศาธาต ุไว้ที่ธชัคคะบรรพตลูกนั้ปัจจุบันนี้เรียกว่า "พระธาตุช่อแฮ" แล้วได้เสด็จขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ทรงประทับอยู่ ณ ดอยลูกหนึ่ง ซึ่งสูงกว่าดอยทั้งหมดในเมืองโกศัย จึงได้ประทับแลดูภูมิประเทศของเมือง แพร่หรือเมืองโกศัย และทรงตรัสว่า "ที่นี่เป็นเมืองที่น่ารื่นรมย์เหมาะแก่การสร้างบ้านสร้างเมืองเพราะ ว่ามีแม่น้ำยมไหลผ่าน จึงให้ชื่อดอยลูกนี้ว่า "ดอยเล็ง" ป้จจุบันก็คือ "พระธาตุดอยเล็ง"...


ขอขอบคุณข้อมูลจาก....
http://www.pcat.ac.th/forum/index.php?topic=226.0

259
ดีมากๆเลย...ขอบคุณมากครับ
จะเอาปรับและใช้ในการ ปฏิบัติครับ.

260
อยากจะสักบ้างเหมือนกันครับ..
แต่ขอเก็บข้อมูลก่อน..

262
รายการถามรายชื่อท่านพระอาจารย์ที่เข้าร่วม 10 ท่านในการใช้พลังจิต...
ผู้ที่ตอบถูกท่านแรก...

[/b หลวงพ่อกลั่น เป็นหนึ่งในสิบคณาจารย์ผู้มีพลังจิตสูงในปีพ.ศ. 2452 ที่จังหวัดนครปฐมได้มีการชุมนุมพระอาจารย์จากสำนักต่างๆ ทั่วประเทศไทย มีการทดสอบวิทยาคม และพลังจิตจากพระอาจารย์ทั่วประเทศที่ได้รับนิมนต์มาร่วมในพิธีร้อยกว่าองค์ ซึ่งแต่ละจังหวัดได้จัดให้พระอาจารย์เดินทางไปร่วมในพิธี โดยมีการทดสอบพระอาจารย์ต่างๆ ครั้งละสิบองค์ มีสมเด็จพระสังฆราช (เข) วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ที่บริเวณ วัดพระปฐมเจดีย์ ในการทดสอบครั้งนั้นมีกติกาว่าให้เอาท่อนไม้มา 1 ท่อน วางบนม้า 2 ตัว แล้วเอากบไสไม้วางไว้บนท่อนไม้ แล้วประธานฝ่ายสงฆ์จึงบอกกติกาว่า อาจารย์องค์ใดสามารถทำกบไสไม้ให้วิ่งไสไม้ไปกลับได้โดยกบไม่หล่นทำการทดสอบกันถึงสามวันสามคืน พระอาจารย์ส่วนมากสามารถใช้จิตบังคับให้กบวิ่งไปได้ แต่กลับไม่ได้ ที่ทำให้กบไสไม้ไปกลับได้ มีด้วยกัน 10 รูป ในสิบรูปนั้นมีหลวงพ่อกลั่นเป็นหนึ่งในสิบนั้นด้วย

อยากถามว่า...ชื่อพระอาจารย์ 10 ท่าน มีท่านใดบ้าง ?

 นายธรรมมะ....ตอบ

1. หลวงพ่อกลั่น

2. หลวงปู่บุญ

3. หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า

4. หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง

5. หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

6. หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก

7.หลวงพ่อทอง วัดเขากบทวาศรี นครสวรรค์

8.หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

9.หลวงปู่ยิ้ม หนองบัว

10. หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ ชุมพร

ถือว่าเป็นท่านแรกที่ตอบถูกทั้งหมดครับ.(กรุณาส่ง ชื่อ ที่อยู่มาในเมล์ box นะครับ )
รางวัลคือชุดหลวงปู่เหรียญ ชุด 9 องค์นะครับ





รายการต่อมาเกี่ยวกับพระธาตุ...
คําถามมีทั้งหมด 9 พระธาตุที่ให้ตอบว่าเป็นพระธาตุอะไรบ้าง...และอยู่ที่จังหวัดไหน..

คําตอบคือ...
1. พระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน
2. พระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่
3. พระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
4. พระธาตุดอยสุเทพ จ.เีชียงใหม่
5. พระธาตุก่องข้าวน้อย จ.ยโสธร
6. พระธาตุดอยเล็ง ต.ป่าแดง อ.เมือง จ.แพร่
7. พระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
8. พระธาตุอินทร์แขวน เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ ประเทศพม่า
9. พระธาตุจอมแจ้ง จ.แพร่


ผู้ที่ตอบถูกท่านแรกคือ...
คุณ  The_Club ครับ...(กรุณาเมล์ ชื่อ ที่อยู่มาในเมล์ box ผมด้วยครับ)
รางวัลคือ...ชุดหลวงปู่เหรียญ ชุด 3 องค์ นะครับ




ท่านทั้งสองที่ชนะรางวัล...ผมจะรีบจัดส่งรางวัลไปให้ครับ..

263
   ถูกแล้วครับ...ผมจําผิดไปนิดเองครับ..
ข้อที่2...พระธาตุช่อแฮ...ซึ่งผมว่าเป็นพระธาตุแช่แห้ง..ผิดกันนิดเดียวที่ยอดเจดีย์ อิอิ

งั้นก็มีผู้ชนะแล้วสิครับ......

264
ฮ่าๆๆๆๆ....งุงิๆๆ..
การแข่งยังเดินอยู่นะครับ...

สงสัยงานนี้...รางวัลคงอยู่กับผมอย่างเดิมหรือเปล่า เอ่ยๆๆๆๆ

265
ผมบอกแล้วว่ายาก....ครับผม...
การแข่งขันยังอีกยาวไกลครับ...งุงิๆๆๆ...
แต่ก็บอกไม่ได้จ้าๆๆๆ....
ยังเหลืออีกหลายวันครับ...เพื่อนๆยังไม่ตาแฉะเลย..หาต่อครับป๋มๆๆๆๆ

266
woooww  สวยมากครับ
อยากได้บ้างจัง..

267
ผมบอกแล้วว่า...งวดนี้ยากครับ.
แต่ก็ไม่ยากเกินไปสําหรับเพื่อนๆนะครับ...
ใน google มีหมดครับ...ผมก็เอามาจากที่นั่น

ยังมีเวลาอีกหลายวัน...ค่อยๆหา ครับ

268
ตามหัวข้อ..ครับ
รางวัล ก็ตามที่ผมเคยเอาลงให้ดูครับ..หลวงปู่เหรียญ ปี 2539 ออกจากวังสวนจิตลดา
โดยคณะสงฆ์ 1 ชุดมี 3 เหรียญ คือกะไหล่เงิน  ทอง นาก ตามรูปครับ



คําถามสําหรับวันนี้...อยากทราบว่า พระธาตุทั้ง 9 แห่งที่ผมเอาลงให้ดู
มีชื่อพระธาตุอะไรบ้าง.....และอยู่ที่จังหวัดไหนครับ.
 กติกาเหมือนเดิมครับ....ท่านแรกที่ตอบถูก...
****ลืมไปครับ...การตอบอย่าข้ามไป ข้ามมานะครับ..ต้องเรียงลําดับกันไป.

ตัดสินวันเสาร์ ที่ 25/9/53 พร้อมกับคําถามงวดที่แล้วนะครับ...
มาดูภาพคําถามกันเลยครับ....




1.....


2....

3....


4.....

5....

6....

7......


8.....


9......
9......


งวดนี้จะยากนิดนึงนะครับ...
ขอให้เพื่อนๆทุกท่านโชคดีครับ....





269




คราวที่ผมบวช ก็มีหลวงพ่อ หลวงลุง ทั้งเณร ช่วยชี้แนะต่างๆนาๆหลายอย่าง..
เมื่อรวมแล้ว...คือเส้นทางบิณบาตร...มีอยู่เส้นทางหนึ่งที่หลายท่านบอกอย่าไปเด็ดขาด..
เพราะพระไม่ว่าวัดไหน..หลวงพ่อไหนโดนมากันทั้งนั้น...ปากต่อปากเล่ากันว่า...ดุจริงๆ
ไอ้ที่ดุ..คือสุนัขครับ..มีเป็นฝูง มีทั้งหมด 2 ฝูง...คือกลางซอยกับท้ายซอย..ฝูงละไม่ต่ำกว่า 15 ตัว.
ซึ่งซอยนั้ยเป็นซอยตัน..

ผมมาคิดว่า...จะเข้าไปบิณบาตรดู คิดอย่างเดียวคือจะไปโปรดสัตว์..
พอออกจากวัด ข้ามถนนเดินเข้าซอย..แม่ค้าหมูปิ้ง ร้องออกมา ท่านอย่าเข้าไปเลย หมามันดุ..
แต่ผมก็สํารวม ไม่มอง ไม่ถาม เดินภาวนาเข้าซอยไป..
พอเดินถึงกลางซอย...ที่ไหนได้ วิ่งกรูออกมาเป็นแถว...ทั้งเห่า  ทั้งแยกเขี้ยวยิงฟัน..
บางตัวแสดงอารมณ์เป็นหัวหน้าฝูง..โดยโดดกัดตัวโน้น ตัวนี้...แต่ผมก็เดินภาวนาไปตลอด..
และคิดว่า..ถ้าจะโดนกัด ก็คิดเสียว่า เมื่อชาติก่อนเคยทําเค้ามา...

ซ้ายย่างหนอ.....ขวาย่างหนอ...เดินสํารวมและเป็นสมาธิไปตลอดทางที่เดิน..
ตาก็มองไปข้างหน้าห่างแค่ 1 เมตร..คิดว่าถ้าเค้ากัด ก็ เป็นกรรมเก่า..
แต่เป็นที่แปลกครับ...พอฝูงหมาที่วิ่งเข้า ห่างแค่คืบ...มันก็หยุด..แบบว่าหยุดทั้งฝูง..
และมันก็เงียบ แล้วต่างก็แยกกันไปตามทางเดิม..


แบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....ใจผมก็สงบ จิตสํารวมไปตลอดทาง...
และก็เป็นเช่นเดิมตรงท้ายซอย...คือวิ่งมา แล้วก็หยุด ..แล้วก็หันกลับไปทางเดิม..
พอเดินเข้าไปสุดซอย...ประมาณ 2 กิโล..ตอนเดินเข้าไป มีแต่คนละแวกนั้นมองเป็นแถว..
คงคิดสงสัย ว่าทําไมผมไม่โดนกัด....พอเดินออกมา...พวกชาวบ้านละแวกนั้น ต่างกุลีกุจอ...
หาของออกมาใส่บาตรกัน...

พอชาวบ้านใส่บาตรเสร็จ ก็นั่งเพื่อจะรับพรกันเป็นแถว.....ไอ้ผมก็ไม่ให้พร..เพราะช่วงที่ผมเปิดบาตร
ผมก็ให้พรอยู่ในใจอยู่แล้ว...จนชาวบ้านถาม...หลวงพ่อ ไม่ให้พรเลยหรือ...

ผมจึงบอกไปว่า...การที่พระจะแสดงธรรมแก่คนที่ไม่เป็นไข้ โดยที่พระยืนระดับเดียวกับโยม โดยโยมนั่ง พระยืน..มันไม่สมควร
โยมทําบุญด้วยการตักบาตร...แทนที่โยมจะได้บุญ โยมจะได้บาปแทน.(เพราะทําให้พระผิดศิล)

ส่วนพระจะผิดศิล(เพราะกฎของสงฆ์กําหนดไว้).....พระผิดศิล แต่ ปลงอาบัติได้เมื่อเวลาทําวัตร.
พวกชาวบ้านจึงเข้าใจ....
ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ..
แล้วจะเอามาเล่าให้อีกครับ...จากประสบการณ์ตอนบวช.

และขอขอบคุณท่านผู้อ่าน...ขอให้อนิสงค์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้ท่านมีความสุข...เจริญในหน้าที่การงาน และการเงิน ทุกๆท่าน...เทอญ
ด้วยความขอบคุณ.



270
กราบนมัสการท่านอาจารย์ครับ..
ผมได้อ่านแล้ว..จะนําแนวทางของท่านอาจารย์ไปปฏิบัติครับ..

271
สวยมากครับ...
อยากได้บ้างจังครับ..
ไว้ผมตั้งกระทู้ถามพวกพี่ๆ...นะครับ

272
ขอขอบคุณครับที่นําเรื่องดีๆมาแบ่งปัน...
ไม่น่าเลยนะครับ..ที่เอาไปฆ่า..เลยต้องเกิดเหตุภัยภิบัติ

273





หลวงปู่เหรียญ ปี2539 ฉบับ 3 องค์ครับในกล่องเดียวกัน
ออกโดยคณะสงฆ์วังสวนจิตลดา...ซึ่งออกมา 2 แบบ คือแบบ 9 องค์ในกล่องเดียวกันกับ
3 องค์หรือ 3 เหรียญ ในกล่องเดียวกัน..กะไหล่เงิน  กะไหล่ทอง กะไหล่นาก
เอามาให้เพื่อนๆได้ชม..ไว้ผมหาคําถามยากๆได้ก่อน ฮ่าๆๆๆ แบบ 7 วัน 7 คืน หากันตาแฉะ ดี ป่าววครับ.
จะเอามาเป็นรางวัลผู้ชนะ..ครับ



***รอนิด นะครับ...แล้วผมจะเอามาร่วมสนุกด้วย****




274
ฮ่าๆๆๆๆ....ผมว่าคําถามยากแล้วนะครับ...
ที่ไหนได้...พี่ๆตอบมาเหมือนกันหมด...
สงสัยต้องหาแบบ....7 วัน 7 คืน..ยังหาไม่เจอมาถามดีกว่า....55555





275
เหอๆๆๆๆ....พูดไม่ออก บอกไม่ถูก..อย่างนี้ต้องดูอีกรอบครับ....

276
ครับ...ผมเอารูปเซ๊ฟเก็บไว้ใน ไพล์เก็บรูปก่อนครับ..
แล้วใช้เวปฝากรูป..ซึ่งมีมากมายให้ฝาก..
ผมใช้ www.temppic.com ครับ..อัฟได้ทีละหลายรูป..
เมื่อได้แล้ว ก็กด get link...ก็เข้าหน้า
http://www.temppic.com/showlink.

แล้วก๊อป แถวที่3 มาทั้งแถว...แล้วเอามาวางในเวปที่เราจะโพสรูปครับ

277
หลวงปู่เหรียญ ปี2539 ออกโดยคณะสงฆ์สวนจิตลดา...ตอนนี้หายากแล้วนะครับ.
วันนี้เอามาเป็นรางวัลการแข่งขันตอบปัญหาครับ...
ตามรูป...จํานวน 1 รางวัล สําหรับผู้ตอบถูกท่านแรกครับ..(กติกาเหมือนเดิม)





1 ชุดมีทั้งหมด 9 องค์ครับ...ตอนนี้ราคาท้องตลาดปาเข้าไปก็ร่วม 2 พันครับ...แต่ผมเอามาร่วมสนุกกับพี่ๆ น้องๆ
คําถามงวดนี้จะยากนะครับ...แต่ผมคิดว่าไม่ยากสําหรับเพื่อนๆครับ..
กติกา....ตัดสิน งวดนี้ผมให้ถึงวันเสาร์ที่...25/9/53




ตามนี้ครับ...

 หลวงพ่อกลั่น เป็นหนึ่งในสิบคณาจารย์ผู้มีพลังจิตสูงในปีพ.ศ. 2452 ที่จังหวัดนครปฐมได้มีการชุมนุมพระอาจารย์จากสำนักต่างๆ ทั่วประเทศไทย มีการทดสอบวิทยาคม และพลังจิตจากพระอาจารย์ทั่วประเทศที่ได้รับนิมนต์มาร่วมในพิธีร้อยกว่าองค์ ซึ่งแต่ละจังหวัดได้จัดให้พระอาจารย์เดินทางไปร่วมในพิธี โดยมีการทดสอบพระอาจารย์ต่างๆ ครั้งละสิบองค์ มีสมเด็จพระสังฆราช (เข) วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ที่บริเวณ วัดพระปฐมเจดีย์ ในการทดสอบครั้งนั้นมีกติกาว่าให้เอาท่อนไม้มา 1 ท่อน วางบนม้า 2 ตัว แล้วเอากบไสไม้วางไว้บนท่อนไม้ แล้วประธานฝ่ายสงฆ์จึงบอกกติกาว่า อาจารย์องค์ใดสามารถทำกบไสไม้ให้วิ่งไสไม้ไปกลับได้โดยกบไม่หล่นทำการทดสอบกันถึงสามวันสามคืน พระอาจารย์ส่วนมากสามารถใช้จิตบังคับให้กบวิ่งไปได้ แต่กลับไม่ได้ ที่ทำให้กบไสไม้ไปกลับได้ มีด้วยกัน 10 รูป ในสิบรูปนั้นมีหลวงพ่อกลั่นเป็นหนึ่งในสิบนั้นด้วย


อยากถามว่า...ชื่อพระอาจารย์ 10 ท่าน มีท่านใดบ้าง ?

*****ผมเอารูปมาประกอบ เป็นแนวทางการตอบปัญหาครับ*****








278
สวยมากครับ..
กล่องอยู่ครบ...

279
บทความ บทกวี / ตอบ: ค ว า ม ผู ก พ ัน
« เมื่อ: 15 ก.ย. 2553, 09:32:22 »
=v[ชอบตอนนี้ครับ  รักมาก ห่วงมาก   กลุ้มมาก โกรธมาก...
คนเราเกิดมาก็ต้องตายทุกคน...
ขอบคุณครับ..

280
อ่านแล้วคิดตาม...หายเหนื่อยเลยครับ
ขอบคุณสําหรับบทความดีๆครับ

281




เมื่อปีที่แล้ว..เดือนเมษายน  2552 ภาระต่างๆผมก็ไม่ค่อยมีแล้ว..ลูกๆก็โตกันหมด
ยามว่าง ผมก็ใช้เวลาในการปฏิบัติวิปัสสนา กรรมฐาน...จึงซึ้งในรสพระธรรม.
ผมได้ขอแม่บ้านบวช...ทางแม่บ้านก็เต็มใจ...และอีกอย่างก็อยากจะให้แม่ได้ถือผ้าเหลือง..
งานบวชได้นัดแล้ว เหลือเวลา 1 เดือนที่จะบวช.....ผมต้องซ้อมขานนาก ท่องบทสวด..
เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่า...มารมีจริงๆ...

เหลือเวลาอีกแค่ อาทิตย์เดียว..เย็นวันนั้น ผมทํากับข้าว เมื่อเสร็จ ก็จัดแจงเช็ดเตา ปิดแก๊ส..
สายถังแก๊สได้ไปเกี่ยวกับเตาหุงต้ม...ซึ่งมีขนาดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 30 กิโลกรัม....
หล่นจากโต๊ะ ทับที่เท้าตรงปลายนิ้วก้อย...ตอนนั้นในใจผมคิดว่า..นิ้วเท้าผมขาดแน่ๆ..
เพราะมันทั้งปวดและชา..ผมค่อยๆหันไปมองที่ปลายเท้า...เปล่าเลยครับ...ไม่มีเลือด
และแน่นอนว่า...นิ้วผมไม่ขาด.....แต่ใจก็ฉุกคิดว่า...ถ้าไม่ขาดมันก็ต้องหัก...ผมค่อยๆลองขยับปลายนิ้วดู
..ไม่หักครับ..แต่ปวดมากๆๆ....แล้วอย่างนี้ผมจะซ้อมขานนากได้ไง...ขนาดนั่งยองๆด้วยปลายเท้าก็ปวดมาก.

ในใจตอนนั้นคิดว่า...ปวดเป็นปวด...เจ็บเป็นเจ็บ...ไม่มีอะไรมาขัดขวางในการบวชของผมได้...
เท้าที่บวชขนาดเท่ากําปั้น...ผมกัดฟันซ้อมนั่ง...และลุกยืน..เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่า...เป็นที่น่าอัศจรรย์ อาการปวด บวม หายเป็นปริทิ้ง..

และฉายาที่ท่านเจ้าอาวาสวัดเจ้าอาม...ท่านตั้งให้ผม...บริสุทธิ์โท. ผมนี่แทบขนลุกเลยครับ
และเมื่อผมอยู่ในผ้าเหลือง...ผมฉันท์มื้อเดียว..พอ 8 โมงเช้าทําวัตรถึง 8.45 ...ผมจะไปนั่งกรรมฐานในวิหาร จนถึง 5 โมงเย็น
และทําวัตรเย็นต่อ..จนถึง 6 โมงเย็น...ต่อจากนั้นผมจะไปเดินจงกลมข้างสุสานจนถึง 1 ทุ่ม..แล้วจะไปนั่งกรรมฐานที่โกดังเก็บศพอีกจนถึง3 ทุ่ม...ซึ่งผมจะทําแบบนี้ทุกวัน.....จนท่านเจ้าอาวาสกลัวว่าผมจะโดน..งูพิษ เขี้ยว ขอ จะกัดเอา...ท่านให้กุญแจกุฎิเก่า ซึ่งท่าน
ไม่ได้เข้าไปอยู่...ให้ไปปฏิบัติในนั้น....พอเรื่องรู้ถึงพระข้างห้อง...พระหลวงลุงท่าน(พระข้างห้อง) ท่านก็ยิ้ม...แล้วก็พูดว่า..
กุฏิใน..ไม่ค่อยมีพระ เณรเข้าไป...ผมสงสัยก็ถามเหตุผล...ท่านก็ตอบว่า..จะไม่ให้กลัวได้ไง..ก็กลางห้องมีโลงศพผู้มีพระคุณ
กับวัด...หลวงพ่อท่านเลยเก็บไว้ในนั้นไม่เอาไปรวมในโกดังเก็บศพ...ในใจผมตอนนั้นคิดว่า..ในเมื่อเราอยู่ในผ้าเหลือง
ผีที่ไหนจะมาหลอกพระ...อีกทั้งศพในนั้นก็เป็นศพผู้มีพระคุณ...คือต้องเป็นคนมีบุญ...ตกดึกคืนนั้น ราวๆ 2 ทุ่ม..ผมเดินเข้าไป
เพื่อปฎิบัติธรรม....พอถึงหน้าประตูทางเข้า..ผมก็สวด ยะถา แผ่ส่วนบุญ...เพื่อนๆเชื่อหรือเปล่าว่า....ประตูเขย่า..โครมๆ...แบบว่ามีแรงผลักจากข้างในออกมา.




ในขณะนั้นขอบอกตรงๆว่า...ไม่มีความกลัวเลย..พอเปิดห้องเข้าไป...โลงศพตั้งตระหง่านเลยครับ กลางห้อง...ผมจัดแจงกราบพระพุทธรูป...และไม่วายขอพรผู้มีพระคุณกับวัด ซึ่งนอนสงบอยู่ในโลงให้คุ้มครอง..พอผมนั่งปฏิบัติ และออกจากวิปัสสนา...พอลืมตา ก็เกิดแสง...ซึ่งเป็นแสงจริงๆที่ไม่ใช่แสงในนิมิตพุ่งออกมาจากโลงศพ....ซึ่งผมก็ทราบได้ว่า คนที่นอนในโลง คงรับรู้ในการปฏิบัติของผม.


และมีเรื่องที่น่าประหลาด...มีพระบวชใหม่เข้ามาอีก 2 รูป...ท่านเจ้าอาวาสก็บอกให้ผม นําพระทั้ง 2 รูปเข้าไปปฏิบัติด้วย...
พอพาไป..พระทั้ง 2 รูป..นั่งกันไม่ติดเลยครับ...หรือว่าจะเกิดความกลัว..พอพระทั้ง 2 รูปนั่งได้แค่ 10 กว่านาที...ท่านทั้งสองก็ขอตัว..บอกว่านั่งไม่ไหวแล้ว...นั่งไปมีแต่กลิ่นสาบๆ...เหมือนศพเน่า...หายใจไม่ออก..แล้วพระทั้งสองก็ผลัดกันดมจีวร...และบอกว่ากลิ่นศพติดจีวร....แต่มาดมจีวรผม...ก็เป็นที่น่าประหลาดใจ..เพราะ จีวรของผม..มีกลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ...ตั้งแต่นั้นมาพระทั้ง 2 รูปก็ไม่มานั่งอีกเลย...ก็ดีครับ...ผมได้นั่งคนเดียว..สงบดีครับ.

ผมปฏิบัติแบบนี้ทุกวัน...จนผมสึก...ท่านเจ้าอาวาสท่านยังบอกเสียดายไม่อยากให้สึก....แต่ยังไงในใจผมคิดว่า...ถ้าผมจะตาย
ผมขอตายในผ้าเหลือง..ยังถามท่านเจ้าอาวาส...ถ้าผมมาบวชอีกตอนอายุ 70 ได้หรือเปล่าครับ...ท่านหัวเราะ..แล้วตอบว่า..บวชตอนแก่ มาเป็นภาระแก่วัดเปล่าๆ....

เออ...ลืมเล่าเรื่องบิณบาตรครับ...พระลูกวัดก็บอกเส้นทางสายนี้อย่าไป...เพราะไม่มีใครใส่บาตร ไอ้ผมก็ฝืนไปตรงที่ไม่มีใครๆใส่บาตร..เพราะผมคิดว่า ผมไปโปรดสัตว์...พวกสัพเพ สัตว์ตาที่เค้าไม่สามารถออกมาใส่บาตรได้ก็มีอยู่เยอะ...แต่พอกลับมาบาตรผมเต็มทุกวัน...พระหลายๆองค์ก็ถาม...ว่าใครใส่...ไอ้เราก็ตอบไม่ได้...เพราะเรารับบาตร มองแต่พื้นห่างออกไปแค่เมตรเท่านั้น..ไม่ได้มองว่าใครใส่...หรือตรงไหนมีใครใส่บาตรบ้าง....เดินภาวนาบิณบาตรอย่างเดียว....ซ้ายย่างหนอ....ขวาย่างหนอ...นอกจากจะมีโยม...นิมนต์ถึงจะหยุดรับบาตร.

ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ....และไม่ลืมขอบคุณท่านผู้อ่านด้วยครับ....
อนิสงใดที่ผมทําไว้ ตั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว...ผมขออุทิศให้ท่านผู้อ่าน จงมีความสุข ความเจริญ ทุกถ้วนหน้าครับ.

282
ขอบคุณที่นําบทสวนสั่งดีๆมาแบ่งปันครับ..
จริงๆแท้แน่นอนครับ...เมื่อเราตายไป ก็เอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากความดี ที่เราสะสมไว้.
โมทนาสาธุ ครับ...

283
ประกาศผลเร็วขึ้นครับ...
ท่านตอบถูก..ท่านแรกคือคุณ sweetgram link  เหอๆๆๆๆ ชื่อเรียกยากจังครับ...

เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม...เหรียญแรกแท้ ครับ.
เหรียญหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่....เหรียญที่สอง แท้ ครับ.

ข้อมูลคุณ sweetgram link แน่นปึกเลยครับ.



เหรียญหลวงพ่อเงิน ครับ........
1.ด้านหน้าเหรียญ แทบหาที่ติไม่ได้ ทั้งขี้กลาก ขี้เกลื้อน ทำได้เหมือนหมด แบบนี้ทางเทคนิคเรียกว่าบล็อกสปาร์ก” บางคนบอกว่า ““คอมพิวเตอร์” ก็ไอ้อย่างเดียวกันนั่นแหละจะเรียกอย่างไรก็อย่างเดียวกันนั่นแหละท่าน ดูได้อย่างเดียว ติ ได้อย่างเดียวคือหูเหรียญ ตรงรูเหรียญ ของแท้เขามีรู สองจังหวะ มองไปในรูจะมีขอบในอีกชั้นหนึ่ง ของปลอมเขาไม่มีเป็นรูกลวงตลอด เจาะพรวดเดียวทะลุ ไม่มีบ่าในให้สังเกต ข้างหน้าดูได้อย่างเดียวเท่านั้น (แหม! ไม่อยากบอกก็ต้องบอก)


ด้านหลังเหรียญ...องค์ทั่ 1 ของแท้ นะครับ...

2.ด้านหลังเหรียญ ดูได้ไม่กี่อย่าง เพราะเขาทำมาเหมือน แต่ทำได้ดีชนิดดีแตก คือเมื่อ สปาร์กมาแล้ว ตัวหนังสือเกิดตื้นไม่คม เขาจึงเอาไปเซาะร่อง หรือตามภาษาช่างเหรียญเขาเรียกว่า “ซ้ำ”เมื่อเป็นเช่นนั้นตัวอักษรอักขระทั้งหมดที่เป็นลายเส้นจึง คมนูนเรียว ผิดจากของแท้ซึ่งตัวเส้นหนังสือและอักขระเป็น เส้นแบนและหนา ดูได้แค่นี้จริงๆครับท่านผู้อ่าน แต่แค่นี้ก็เกินพอจับได้ง่าย หลังจากนี้ฝีมือต่อไปคงจะแก้ไขมาอีก ทฤษฎีนี้คงใช้ได้อีกระยะเดียว

3.ผิวรมดำ ต้องอาศัยทักษะประสบการณ์ดูฝีมือ “รมดำ” เขารมดำใหม่ ความแห้งลักษณะการรมทำได้ดี แต่ไม่เหมือนจุดนี้ต้องดูโดยเทียบกับของแท้ ถ้าไม่มีของแท้เทียบเคียงก็ดูลำบาก อาจเป็นข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งแต่มีข้อจำกัดที่ต้องหาของแท้มาเปรียบเทียบ

วัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมเกือบทุกรุ่นทุกแบบทุกพิมพ์ ของปลอมออกมามากระบาดไปทั่ว การเช่าหาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษบางทีเจอเข้ายัง “งง” สำคัญคืออย่าประมาท “ความประมาทคือความหายนะ”



ต่อมาก็เหรียญหลวงปู่ทิมนะครับ...
 จุดสังเกตุง่ายๆ มี 3 จุดนะครับ จุดแรกให้ดูที่โค๊ดตัว ท ของแท้จะไม่กลม จะออกรีๆ ตอกลึก เป็นบ่อหน้ากว้าง ก้นแคบ รอบๆ บ่อมีเสาเรียงรายเต็มไปหมด ส่วนของเก๊ โค๊ดจะกลม และตื้น ไม่มีเสารอบๆ จุดที่สอง ให้ดูที่ผิวไฟ ของแท้ผิวไฟจะแตกเป็นรัศมี ทุกเหรียญ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนของเก๊ผิวไฟ จะไม่แตกเป็นรัศมี จุดที่สาม ให้ดูพื้นเหรียญทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ของแท้จะมีเส้นขนแมวเต็มไปหมด ส่วนของเก๊มีบ้าง แต่ไม่มาก ใช้หลัก 3 จุดนี้นะครับ ในการพิจารณาเหรียญเจิรญพรบน


คุณ sweetgram link เมล์ ชื่อ ที่อยู่ มาให้ผมด้วยครับ...จะรีบจัดส่งรางวัลไปให้ครับ
และไม่ลืม ขอบพระคุณ เพื่อนๆที่เข้ามาร่วมสนุกนะครับ..

ไม่ชนะ หรือ ตอบไม่ทัน..ไม่เป็นไรนะครับ..สนุกๆกัน.




ขออภัยครับ
จุดสังเกตุ 01.เหรียญ 6 รอบหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม องค์ที่ 1 ที่ผมตอบว่าแท้ครับ (ห่วงครับ ของแท้ต้องเป็นสองขยัก ผิดกับองค์ที่สองชัดเจน)


จุดสังเกตุ 02.เหรียญเจริญพรบน หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ องค์ที่ 2 ที่ผมตอบว่าแท้ครับ (โค๊ตตามที่ท่าน phattharaphong บอกครับ ,เส้นเฉียงตรงสีเขียว)


ขอตอบจากใจจริงเลยครับ หากมีคนเอารูปให้ผมดูแล้วไม่บอกว่ามีองค์เก๊อยู่ด้วย ผมตาแตกแน่ๆๆ โดยเฉพาะเหรีญ 6 รอบหลวงพ่อเงิน ยอมจริงๆๆครับกับฝีมือการทำเลียนแบบ หากไม่พิจารณาดีดีแล้ว "ตาแตกแน่ๆๆ"


284
wooowww ขอบคุณมากครับ
ประวัติท่านแต่ละองค์...สุดยอดครับ.

285
สวยมากครับ..ผมก็เป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์สมภพเหมือนกันครับ.
ถ้ามีเวลาจะแวะไปหาท่านประจํา...

286
การนั่งสมาธินั้น ถ้าไม่มีการภาวนา พุท โธ ก็เหมือนกับการ ขับรถไม่มีล้อนั่นแหละครับ การจะเจริญสมาธินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ต้องอดทน ต้องทำจิตใจให้สะอาด ถือศีลห้า ละจากกิเลส และการนั่งสมาธินั้น ได้ทั้งฌาน ทั้งได้บุญกุศล ครับ ขอให้เจริญสมาธินะครับ อนุโมทนา ครับ                                                                     
                                                               ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผมมีความรู้เท่านี้ครับ
ขอบคุณครับท่านพี่...ที่ให้กําลังใจ.

287
เจริญพร...
             การปฏิบัตินั้นเดินมาถูกทางแล้ว เพราะตรงกับจริตของเรา แต่ต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่
การทำกรรมฐานโดยการภาวนา" พุทโํธ"ควบคูกับลมหายใจเข้าออกนั้น มันเป็นกรรมฐานที่ซ้อนกันอยู่
คำว่าพุทโธนั้นเป็นคำบริกรรมภาวนาเป็นพุทธานุสสติคือระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ส่วนลมหายใจนั้น
เป็นอานาปานุสสติ เป็นกรรมฐานสองกองที่ปฏิบัติคู่กัน  การบริกรรมภาวนานั้นเมื่อจิตสงบคำบริกรรมก็จะหายไป
(ที่สุดของพุทโธคือไม่มีพุทโธ) เหลือเพียงสภาวะรู้การเข้าออกของลมหายใจ และเมื่อจิตสงบเป็นสมาธิยิ่งขึ้น







จะเกิดการแยกกายแยกจิต จิตจดจ่ออยู่กับสภาวะรู้ ทิ้งลมทิ้งกาย รู้เพียงความนิ่ง สงบ สว่าง ในอารมณ์ของฌาน
ทั้งสี่นั้น สติยังมีอยู่ แต่จิตไม่ปรุ่งแต่ง ถ้าขาดสตินิ่งไป ไม่รู้ไม่เห็นอะไรนั้นภาษานักปฏิบัติเขาเรียกว่าเข้าภวังค์
(ทิ้งดิ่ง) เมื่อจิตสงบเห็นความสว่างและความว่างเปล่าแล้ว ทรงไว้ในอารมณ์นั้นให้นาน(เรียกว่าการเคี่ยวจิต)
ทรงไว้จนพอใจแล้วจึงถอนจิตออกจากอารมณ์สมาธินั้น
         การออกจากอารมณ์สมาธินั้น ต้องออกตามลำดับชั้นขั้นตอน คือค่อยๆถอนจิตกลับมาดูลมหายใจและ
คำบริกรรมภาวนา (เข้าทางไหนต้องออกทางนั้น) เพื่อเรียกสติและสัมปชัญญะให้กลับมาสมบูรณ์ เอาสติระลึกรู้
ไปทั่วกาย  และเมื่อมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว ให้พิจารนาทบทวนการปฏิบัติของเราที่ผ่านมา ว่าตั้งแต่เราเริ่มนั่ง
ภาวนามานั้นความรู้สึกอารมณ์ของเรานั้นเป็นอย่างไร สภาวะธรรมนั้นเดินไปอย่างไร ก่อนที่จิตของเราจะนิ่งสงบนั้น
อารมณ์สภาวะธรรมมันเป็นอย่างไร คือต้องทบทวนใคร่ครวญพิจารณาให้เห็นและจำได้ถึงทางเดินของจิตที่จะไปสู่่่
ความงบ ความสว่าง ความว่างเปล่า การทบทวนพิจารณานั้นเรียกว่าวิมังสาในอิทธิบาทสี่ เพื่อให้เกิดความชำนาญ
เป็นวสี คือจำทางเข้าออกของอารมณ์สมาธินั้นได้
       พยายามทรงอารมณ์นั้นไว้ให้มันเต็มที่เต็มกำลัง เข้าออกอารมณ์นั้นจนมีความชำนาญ จำทางเดินของจิต
ที่จะไปสู่อารมณ์นั้นให้ได้ การปฏิบัติธรรมนั้นอย่าไปใจร้อน ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนมันเต็มที่มีอินทรีย์ที่สมบูรณ์
แล้วจิตมันจะยกขึ้นไปสู่สภาวะธรรมที่สูงยิ่งขึ้นต่อไป เหมือนน้ำที่หยดลงในแก้ว ตราบใดที่น้ำมันยังไม่เต็มแก้ว
มันก็จะไม่ล้น ถึงเราอยากจะให้มันล้น มันก็ล้นไม่ได้ เพราะมันยังไม่เต็ม แต่ถ้ามันเต็มแล้ว มันก็จะล้นไปหาที่อยู่อื่น
ถึงเราไม่อยากจะให้มันไป มันก็ต้องไป ฉันใดฉันนั้น การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ถ้าพละกำลังไม่เต็มที่ บารมีไม่ถึงพร้อม
มันก็ไม่สามารถที่จะยกจิตไปสู่สภาวะธรรมที่สูงยิ่งขึ้นได้ หรือยกขึ้นได้แต่ก็ตั้งอยู่ไว้ทรงไว้ได้ไม่นาน เพราะพื้นฐานอินทรีย์นั้น
ไม่ไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะรองรับสภาวะธรรมนั้น
       หน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรมก็คือทำต่อไป เพิ่มกำลังของสติให้ยิ่งขึ้น ศรัทธาในการประพฤติปฏิบัตินั้นอย่าได้เสื่อมถอย
หน้าที่ของเราคือทำ ผลจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของวิบากกรรม อย่าไปหวังผลในการกระทำว่าจะต้องได้นั่นได้นี่
มีอิทธิฤทธิ์ มีปาฏิหารย์ ได้ฌาน ได้กสิน ได้อภิญญา ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้นมันเป็นผลพลอยได้และต้องมีของเก่าที่เคยทำไว้
มันจึงจะได้มันจึงจะเป็น การปฏิบัติธรรมคือการทำให้กุศลเพิ่มพูนงอกงามยิ่งขึ้น ละลดอกุศลทั้งหลายลง ทรงไว้ซึ่งกุศลให้เพิ่มพูน
                ขอความสุขความเจริญในธรรมจงบังเกิดแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
                           รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร





กราบ ขอบพระคุณท่าน ครับ...
ที่ชี้ทางให้  เพราะผมมาคิดว่าผมเดินผิดทาง..
เคยไปปรึกษาพระหลายๆท่าน ก็บอกไปคนละทาง...

มีท่านที่บอกว่าเป็นอาการ ทิ้งดิ่ง...คือมีแต่ความว่างเปล่า ผมเข้าใจแล้วครับท่าน..
กราบนมัสการมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ



กระทู้นี้ ผมไม่ได้ตั้งใจขุดนะครับ...พอดีผมหยุดเล่นไปนาน..เพิ่มมาเปิดพบเข้าครับ..
ต้องกราบขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วย.

288
ขอบคุณมากครับ...ในบทความและบทสอนดีๆ
ผมทุกวันนี้ก็ยังปฏิบัติ วิปัสสนา กรรมฐาน..ไปได้แค่ อัปปนาสมาธิ ยังไปไม่ถึงขั้นวิปัสสนาเลย. แย่จังครับ

289
ประวัติพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ



เกิด: สิงหาคม พ.ศ.2472 ณ.ตำบลหน้าถ้ำ อ.เมืองจ.ยะลา
โยมบิดา : ชื่อนายทอง เพ็ชรภักดี
โยมมารดา : ชื่อ นางกิ๊ม  นวลศรี

ชีวิตวัยเด็ก : หลังจากจบ ป.4 ต้องออกจากบ้านหางานทำเลี้ยงแม่และน้องๆ เพราะบิดาท่านได้ถึงแก่กรรม

อุปสมบท : ณ พัทธสีมา วัดบุพนิมิตร(วัดนางโอ) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี

พระอุปัชฌาย์ : พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ

ศึกษาธรรม : ศึกษาพระปริยัติธรรมและนักธรรม รวมทั้งในด้านการสวดมนต์พิธีต่างๆ โดยสามารถสวดพระปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ ในพรรษาที่5 นอกจากนี้ยังศึกษาสรรพวิชาจากฆราวาสที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ อีกหลายท่าน



พระอาจารย์เขียว หรือ พ่อท่านเขียว ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งหมด 7 คน ดังนี้

1. นาย เชือน  เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
2. นาย แก้ว   เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
3. พ่อท่านเขียว  กิตติคุโณ  (  นามเดิม เขียว  เพ็ชรภักดี )
4. นายชื่น  เพ็ชรภักดี    ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
5.นายแจ๊ก เพ็ชรภักดี    ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
6.นายสมใจ  เพ็ชรภักดี( ถึงแก่กรรมแล้ว )
7.นาง สาว เพ็ชรภักดี

ช่วงชีวิตในวัยเด็กของ ตาหลวงเขียว ท่านก็เหมือนเด็กชาวบ้านในต่างจังหวัดทั่วไป หลังจากเรียนจบ ป.4  บิดาได้ถึงแก่กรรม ท่านจึงต้องออกมาทำงานช่วยครอบครัว เพื่อเลี้ยงแม่และน้องๆ ซึ่งในเวลานั้นท่านก็สู้อดทนรับจ้างทำงานทุกอย่าง จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี จึงตัดสินใจบวช ตามประเพณีนิยม ณ.วัดนางโอ (ปัจจุบันคือวัดบุพนิมิตร) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ท่านบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ

โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการแดง ธมฺมโชโต  วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส

หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ “ตาเลี่ยม”ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน

นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5   พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ “พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ” ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ



โดยเฉพาะเมื่อคราวที่ท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้ สร้าง พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นปี2497 เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดช้างไห้นั้น พ่อท่านเขียว  เป็นผู้หนึ่งที่คลุกเนื้อผสมว่าน และ ร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์ ในระหว่างที่ท่านอาจารย์ทิม อัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่านในคราวปี2497   และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระจนเมื่ออาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก 1 วาระ คือปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี 2524 ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตราย แคล้วคลาดปลอดภัยแก่ผู้ที่นับถือ

นอกจากนี้ ยังได้รับนิมนต์ ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมาทั้งไกลและใกล้จนถึงปัจจุบัน นับว่าพ่อท่านเขียว เป็นพระเกจิสำคัญถือเป็นเพชรอีกรูปหนึ่ง แห่งเมืองใต้ เลยทีเดียวส่วนหลักฐานสำคัญ อีกรูปที่รับรอง หลวงพ่อเขียว ว่าปลุกเสกหลวงปู่ทวดเดี่ยวเพียงลำพังรูปเดียวได้ดีคือท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านกล่าวไว้กับศิษย์ใกล้ชิดที่ร่วมรับรู้หลายท่าน ถือเป็นหลักฐานรับรองที่สำคัญ อีกประการหนึ่งในราวปี2500 พ่อท่านเขียวได้ตรวจสอบธรณีสงฆ์รอบวัดนางโอ พบการรุกล้ำที่วัดของชาวบ้านละแวกวัด ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่พอใจ กระทบกระทั่งกันหลายวาระ  ในที่สุดหลวงพ่อเขียว จึงตัดสินใจ ออกจากวัดไปจำพรรษา ที่วัดภมรคติวัน และที่วัดนี้ก็มีปัญหาเดียวกันกับวัดนางโอ ท่านจึงย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดนาประดู่อีกครั้ง

และในระหว่างนี้ท่านอาจารย์ธีร์เจ้าอาวาสวัดห้วยเงาะ ในเวลานั้น  จึงได้มานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วยกันเสียที่วัดห้วยเงาะ เนื่องด้วยพรรษาท่านมากจะได้ดูแลและไม่ต้องพบกับภาระเหนื่อยหนักอีก พ่อท่านเขียวท่านเป็น พระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและรักสันโดษ ท่านชอบการอ่านหมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านกฏหมายบ้าน เมือง การเกษตรกรรม โหราศาสตร์ สมุนไพรกลางบ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้ พ่อท่านมีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์ และผู้ที่ไปขอให้ท่านเสกเป่าบรรเทาทุกข์ แก้ไขสิ่งที่ขัดข้องในชีวิต ท่านเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ไม่ว่ายากดีมีจนมาจากไหนไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ โดยไม่แบ่งแยกไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด และท่านไม่จับ หรือรับเงินที่มาถวายเลย

กุฏิหลวงปู่เขียว วัดห้วยเงาะ

ส่วนใหญ่คนที่ไปกราบท่าน จะได้รับวัตถุมงคล จากมือพ่อท่านเขียว ส่วนใหญ่จะเป็น ปลัดขิก ผ้ายันต์รับทรัพย์ ตะกรุดนิมิตรพิสมร และหลวงพ่อทวด รุ่นต่างๆตามแต่ท่านจะเมตตา แต่ถ้าใครขอเฉพาะเจาะจงถ้าท่านมีก็จะได้ครับ คือการแจกทั้งสิ้น พระเครื่องส่วนใหญ่ไม่มีการเช่าหาแต่อย่างใดๆ แต่ก็จะมีพระเครื่องและวัตถุมงคลของ หลวงปู่เขียว ที่ทางวัดสร้าง หรือลูกศิษย์สร้างขึ้นนั้นจะให้เช่าบูชาที่กุฏิเจ้าอาวาส แต่ไม่ใช่ที่กุฏิท่าน เพราะท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง และบางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า พ่อท่านเขียว ท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสนะครับ เพราะท่านไม่ยึดติด พ่อท่านเขียวไม่ยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส พอดีเคยคุยกับหลายท่าน มักเข้าใจว่า หลวงพ่อเขียวท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดห้วยเงาะ

ที่มากจาก : http://porkeaw.blogprathai.com/

290



ชื่อ    วัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง)
ที่ตั้ง เลขที่ 10 หมู่ 1 ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

ประวัติความเป็นมา

วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชนิดสามัญ พระยาวิเชียรภักดีศรีสงคราม (เกลี้ยง) เจ้าเมืองหนองจิก เป็นผู้สร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2388

โดยเมื่อพระยาวิเชียรภักดีศรีสงคราม (เกลี้ยง) ได้อพยพผู้คนมาตั้งเมืองหนองจิกใหม่ ณ บริเวณตำบลตุยง ที่ตั้งอำเภอหนองจิกในปัจจุบัน เมื่อ

สร้างที่ว่าการเมืองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านและพระอาจารย์พรหม ธมมสโร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านได้ตระเวณเลือกชัยภูมิเพื่อสร้างวัด เล่า

กันว่าท่านได้เดินทางไปพบเนินทรายขาวแห่งหนึ่งซึ่งมีต้นชะเมาใหญ่ปกคลุมเงียบสงัด ได้เห็นเสือตัวใหญ่นอนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เลย

ถือเป็นนิมิตรมงคล เลือกสถานที่แห่งนั้นเป็นที่สร้างวัด มีชื่อเรียกว่า "วัดตุยง" ตามนามหมู่บ้าน


เมื่อ พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเยี่ยมเยียนพสกนิกรหัวเมืองปักษ์ใต้ ได้เสด็จมาถึงเมืองหนองจิกเมื่อ

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ซ. 2433 วัดตุยงเป็นวัดที่ใช้ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในสมัยนั้น แต่พระอุโบสถและเสนาสนะ

ยังทรุดโทรมอยู่หลายหลัง พระองค์จึงมีพระราชศรัทธาบริจาคพระราชทรัพย์ เป็นเงินจำนวน 80 ชั่ง มอบให้พระยามุจลินทร์สราภิธานนัคโรปการ

สุนทรกิจมหิศราชภักดี (ทัด ณ สงขลา) เจ้าเมืองหนองจิกไปดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถ แล้วพระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดมุจลินทวาปี-

วิหาร" เพื่อให้สอดคล้องกับนามเมืองหนองจิก (มุจลินท หมายถึง ไม้จิก, วาปี หมายถึง หนองน้ำ) และได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์แก่

วัดมุจลินทรวาปีวิหารด้วย


พระยามุจลินทรฯ ได้มอบหมายให้หลวงจีนคณานุรักษ์ (จูล่าย) หัวหน้าชาวจีนเมืองตานีเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และให้นายอินแก้ว รัตนศรีสุข

เป็นนายช่าง เริ่มก่อสร้าง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันศุกร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 12 ปีเดียวกัน มีผู้

ร่วมพระราชกุศลสมทบรวมกับพระราชทรัพย์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานไว้ เป็นเงินค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 2405 เหรียญ กับ 4 อัฐ


ในปี พ.ศ. 2488 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จออกตรวจราชการมณฑลปักษ์ใต้ ทราบว่าพระอุโบสถวัดมุจลินทวาปีวิหารยังไม่มีพระประธาน ดังนั้นเมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงเทพฯ ก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน หน้าตักกว้าง 1 เมตร 4 นิ้ว ซึ่ง

เป็นองค์หนึ่งในจำนวนพระพุทธรูปโบราณ 1248 องค์ ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อัญเชิญมาจากสุโขทัยและหัวเมือง

ฝ่ายเหนือ ลงมาเก็บรักษาไว้ที่ระเบียงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มอบให้พระยาเพชราภิบาลนฤเบศรวาปีเขตมุจลินนฤบดินทร์สวามิภักดิ์ เจ้า

เมืองหนองจิกนำมาประดิษฐานเป็นพระประธานประจำอุโบสถวัดมุจลินทวาปีวิหาร


วัดมุจลินทวาปีวิหาร มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่น่าสนใจ ดังนี้

1.พระเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุของสมเด็จพระอรหันต์ ซึ่งพระภิกษุแดง ได้มาจากประเทศเมียนม่า

2.พระหล่อโลหะรูปเหมือนพระอาจารย์นวล เจ้าอาวาสองค์ที่ 3

3.พระหล่อโลหะรูปเหมือนพระครูพิบูลย์สมณวัตร เจ้าอาวาสองค์ที่ 4

4.พระหล่อโลหะและขี้ผึ้งรูปเหมือนพระราชพุทธรังษี เจ้าอาวาสองค์ที่ 5 และพระเครื่อง

5.พระบูชา เหรียญมงคล ของเกจิอาจารย์ทั้ง 3 องค์
วิหารยอดหรือมณฑปที่ประดิษฐานพระหล่อโลหะรูปเหมือน ของเจ้าอาวาสทั้ง 3 องค์ ซึ่งสร้างเป็นสถาปัตยกรรมไทยที่ย่อส่วนมาจากพระที่นั่งไอสวรรค์ทิพย-อาสน์ ในพระราชวังบางปะอิน

6.สถูปบรรจุพระอัฐิ ของพระยาวิเชียรภักดีศรีสงคราม (เกลี้ยง) เจ้าเมือง หนองจิก และเป็นผู้สร้างวัดมุจลินทวาปีวิหาร
วัดมุจลินทวาปีวิหาร ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดการศึกษาทั้งทางธรรมและทางโลกแห่งแรกของมณฑลปัตตานี ทางโลกหรือสายวิชาสามัญ ได้เปิดโรงเรียนสอนตามหลักสูตรชั้นประถมศึกษาสมัยนั้นขึ้น เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2444 ต่อมาปี พ.ศ. 2449 ทางราชการได้ย้ายโรงเรียนออกมาจากวัด มาดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ คือ โรงเรียนบ้านตุยง (เพชรานุกูล) ในปัจจุบัน สายธรรม เปิดโรงเรียนสอนธรรมศึกษาขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2473 ต่อมาปี พ.ศ. 2475 ก็ได้เปิดโรงเรียนปริยัติธรรมขึ้นอีก เพื่อสอนแผนกภาษาบาลี ต่อมาวัดได้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษาขึ้น เรียกว่า "โมลีธรรมพินิต" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระราชพุทธิรังษี (หลวงพ่อดำ) และได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมสามัญศึกษาขึ้นชื่อว่า "โรงเรียนมุจลินท์ปริยัติธรรม" สายสามัญศึกษา สังกัดกรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2518
ความสำคัญต่อชุมชน
วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นพระอารามหลวงที่สำคัญมากวัดหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวพุทธโดยทั่วไป ทางวัดได้จัดให้มีการปฏิบัติธรรมขึ้นทุกปี และมีพุทธ-บริษัทมาร่วมปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ประชาชนทั่วไปรู้จักวัดนี้ได้จากอภินิหารของหลวงพ่อดำ ซึ่งทางวัดได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องพระบูชา เหรียญมงคลของหลวงพ่อดำและพระเกจิอาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดมุจลินทวาปีวิหาร เพื่อให้พุทธบริษัทที่เลื่อมใสศรัทธาได้เก็บไว้เคารพบูชาโดยทั่วกัน
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
วัดมุจลินทวาปีวิหาร มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ แบบลังกา ก่อด้วยอิฐ ถือปูน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2429 อุโบสถรูปทรงไทย ก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคาทรงไทย 3 ชั้น กุฏิเจ้าอาวาส เป็นกุฏิชั้นเดียว ทรงไทย ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มณฑปหรือวิหารยอด เป็นศาลาจตุรมุข ซึ่งจำลองมาจากปราสาทพระราชวัง บางปะอิน พระพุทธปฏิมาประธาน เป็นพระประธานสมัยเชียงแสน (สิงห์ 1) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ อายุประมาณ 800 ปี เส้นทางเข้าสู่สถานที่สำคัญ
เดินทางจากจังหวัดปัตตานี เส้นทาง ถนนสายปัตตานี - โคกโพธิ์ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร








ปัจจุบันทางวัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง) ได้สร้างศาลาประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อดำเพื่อให้พุทธศาสนิกชน

ได้เคารพสักการะหลวงพ่อดำ มีนามเดิมว่า ดำ นามสกุล จันทรักษ์  เกิดวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๗

ที่ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา บิดามีนามว่า หลวงจรานุรักษ์เขตร (พลับ จันทรักษ์) มารดามีนามว่า

นางพ่วนเหนี่ยว จันทรักษ์ เด็กชายดำ จันทรักษ์ เริ่มการศึกษาที่บ้าน โดยเรียนกับบิดาจนอ่านออกเขียนได้

จนถึงอายุได้ ๑๙ ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดนาทับ ได้ศึกษาหนังสือขอม ทั้งขอมไทยและขอมบาลีจนเชี่ยวชาญ

ระหว่างที่เป็นสามเณรได้เกิดอาพาธจึงได้ลาสิกขาชั่วคราว เหตุผลเพราะยาโบราณต้องผสมสุรา เมื่อหายอาพาธ

แล้วจึงได้กลับมาอุปสมบทในขณะที่มีอายุ ๒๒ ปี ได้นามฉายาครั้งแรกว่า "นนฺทิยมาโน" ต่อมาได้เดินทางไปกรุงเทพฯ

 โดยได้ไปจำวัดที่วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์) วัดราชบพิธ

ได้ทรงเปลี่ยนนามฉายาให้ใหม่เป็น "นนฺทิโย" ซึ่งเป็นคำนาม แปลว่า "ผู้เป็นที่ตั้งแห่งความเพลิดเพลิน" แล้วทรงฝากให้

ศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกสามัญและแผนกบาลีที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยท่านได้เดินทางกลับปัตตานี

อีกครั้ง มาประจำอยู่ที่วัดมุจลินทวาปีวิหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี  จนถึงวาระมรณภาพ โดยมีตำแหน่ง

และสณศักดิ์ต่างๆ ดังนี้

วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ เป็นฐานานุกรมของพระครูพิบูลย์สมณวัตร (หลวงพ่อชุม) เจ้าอาวาส

วัดมุจลินทวาปีวิหารที่ "พระใบฎีกา"

วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ พระเทพญาณโมลี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง

"เจ้าคณะหมวดตุยง"

วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ พระเทพญาณโมลี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง

"ผู้ช่วยเจ้าคณะแขวงตุยง"

วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตรเป็นที่ "พระครูกนิตสมณวัตร"

วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งสาธารณูปการจังหวัดปัตตานี

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตรเป็นพระราชาคณะ (เจ้าคุณ) ชั้นสามัญที่

"พระมุจลินทโมลี"

วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตรเป็นพระราชาคณะ ชั้นราชที่

"พระราชพุทธิรังษี"

ท่านยังเป็น  พระกรรมวาจาจารณ์ (พระคู่สวดของ  อ. ทิม  วัดช้างให้)  อีกทั้งท่านยังเป็นประธานในพิธีปลุกเสก

วัตถุมงคลของวัดช้างให้มาโดยตลอดอีกด้วย

พระราชพุทธิรังษี หรือหลวงพ่อดำ ได้บริหารคณะสงฆ์และงานก่อสร้างสังฆเสนาสนะตลอดถึงงานทุกอย่าง

เสร็จเรียบร้อยประหนึ่งปาฏิหาริย์ ทั้งนี้เป็นเพราะปาฏิหาริย์ประพฤติดีประพฤติชอบ ท่านเดินจงกรมตั้งแต่

เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. เป็นประจำ อีกทั้งยังเข้าห้องนั่งสมาธิตลอดมาจนถึงวาระสุดท้าย ท่านมรณภาพ

เมื่อปี  พ.ศ. ๒๕๒๖ รวมอายุได้ ๙๐  ปี

ผลงานของท่านเกี่ยวหลวงพ่อทวดวัดช้างให้
๑. ท่านเป็นประธานพิธีปลุกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้   รุ่นแรก   ๒๔๙๗
๒. ท่านปลุกเสกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้  ปี  ๒๕๐๕  หลังจากมีพระปลอมออกมามาก
    
๓. ท่านปลุกเสกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้   รุ่น ๒   

เว็บวัดตุยง http://www.wattuyong.org

291
สวยงามมากครับ..ทั้งความคม ผิวเหรียญ อีกทั้งเส้นผมของหลวงพ่อท่าน..

292
[bgcolor=#0075FF][bgcolor=#0075FF]ขอบคุณครับ ทั้งรูปภาพที่เข้าถึงอารมณ์คําสอน และบทความดีๆครับ[/bgcolor][/bgcolor]

294
[bgcolor=#00EBFF]ขอบคุณสําหรับ บทความ คําสอนดีๆที่เอามาให้อ่านครับ.[/bgcolor]

295
ขอให้หลวงลุง...หายไวๆครับ

296
ถ้าเป็นผม..
ผมไม่ยอมล้างแน่ๆครับ  สภาพผิวหิ้ง..คลาสสิคดีครับ
ถ้าพวกสนิมขุม หรือสนิมเขียวเกาะกิน..ก็ควรล้าง

สนิมขุม หรือสนิมเขียว..ผมจะใช้ครีม นีเวีย ใส่ซองพระแล้วแช่ไว้ 1 คืน..ก็จะออกหมด เหรียญไม่เสียด้วยครับ

298
งวดนี้...ขอเป็นเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วนะครับ
ตามรูป...พร้อมคาถาแนบเบี้ยแก้ของท่านครับ.




คําถามกติกาเหมือนเดิมครับ..ท่านพี่
ท่านแรกเท่านั้นที่ตอบถูกครับ...



คําถาม ถามว่า...เหรียญ 2 เหรียญนี้..องค์ไหนแท้...องค์ไหนเก๊ ครับ.



เหรียญแรก...หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ..
1.




2



ข้อที่สองครับ...
เหรียญหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
1.




2



ขอให้ทุกท่านโชดดีครับ...
ประกาศผลวันที่ 15/9/53 เวลา 18.00 น..นะครับ.





300
สวยมากครับ..
เข้ากราบหลวงพ่อเปิ่น...

301
พระครูจันทคุณาภรณ์ (หลวงพ่อจำปา จนฺทูปโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่  

ขอตอบมั่วๆไปครับ ขอบคุณสำหรับกิจกรรมดีๆ  :001:
งวดนี้ประกาศเลยนะครับ...
ท่านพี่ที่ตอบท่านแรก...และก็ถูกด้วยครับ...
ท่านพี่...@เสน่ห์เอ็ม@ ได้รางวัลครับ...




ผมจะรีบส่งของรางวัลไปให้นะครับ....
ขอบคุณที่ร่วมสนุกกันครับ

302
[bgcolor=#0089FF]wooooww ท่านพี่ๆ เก่งๆทั้งนั้นเลยครับ..
สงสัยงานนี้ต้องประกาศผลเร็วขึ้นแน่นอน...
[/bgcolor]

303
สวัดดีครับพี่ๆทุกท่าน..
นานๆผมเข้ามาครั้ง...วันนี้เอาปัญหามาร่วมสนุกครับ..
รางวัลจะเป็น พระเครื่องชุด หลวงปู่เหรียญ ปี2539 รุ่นถวายพระพร จัดสร้างโดยคณะสงฆ์วังสวนจิตลดาครับ.

1 ชุด มี 9 องค์ครับ...ตามรูป..





คําถามคือ...
สมัยหลวงพ่อเปิ่นท่านยังอยู่ในวัยหนุ่ม..ตอนที่ท่านยังไม่บวช ท่านมีเพื่อนสนิทมากๆชื่อ อะไรครับ.



คําถามมีข้อเดียวครับ...ผู้ตอบถูกท่านแรก จะได้รางวัลครับ.
ตัดสินพรุ่งนี้..14/9/53 เวลา 18.00 น.
ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ.

304



วิธีล้างคราบรักหรือคราบต่างๆ วิธีขจัดสนิมเขียว วิธีการเก็บรักษาพระเครื่องพระบูชา

1. วิธีล้างคราบรักหรือคราบต่างๆ ที่ติดอยู่กับพระผง, พระกรุต้องทำอย่างไร

2. วิธีขจัดสนิมเขียวออกจากองค์พระบูชาและพระเหรียญ ต้องทำอย่างไร

3. วิธีการเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชาของคุณทำอย่างไรบ้าง

ตอบ..



1. วิธีล้างทำความสะอาดพระเครื่องนั้น ต้องดูที่ว่าเราต้องการทำความสะอาดอะไร และพระนั้นๆ มีเนื้อวัสดุเป็นอะไร เพราะการทำความสะอาดจะไม่เหมือนกันครับ การทำความสะอาดก็ต้อง

ประณีตพอสมควร ไม่เช่นนั้นจะทำให้พระเก่าๆ นั้นเสียหายได้ครับ เอาละผมจะพูดถึงการทำความสะอาดทั่วๆ ไปก่อน ถ้าพระเครื่องของคุณสกปรกอาจจะมาจากคราบเหงื่อไคลหรือผงฝุ่นละออง

ต่างๆ ก็ให้นำเตรียมน้ำอุ่นแล้วผสมกับสบู่เหลวใส่ถ้วยไว้ หาพู่กันระบายสี เอาชนิดดีๆ หน่อย จะเป็นของสง่ามะยุระก็ได้เอาประเภทขนแปรงอ่อนๆ ก็แล้วกัน จากนั้น ให้ตัดปลายพู่กันให้สั้นลงสัก

เกือบครึ่งหนึ่งเพื่อให้ขนแปรงมีสปริง จากนั้นก็นำพระที่จะล้างลงแช่ในน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ ค่อยๆ ใช้พู่กันปัดเบาๆ หลายๆ ครั้ง จะเห็นว่าคราบสกปรกจะค่อยหลุดออกเองครับ ทำอย่างนั้นจนกว่าจะพอ

ใจ แล้วก็นำน้ำสะอาดมาใส่ถ้วยแล้วนำพระมาล้างอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำพระไปผึ่งลมจนแห้งหรือผึ่งลมไว้สัก 24 ช.ม. ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ ข้อสำคัญอย่าล้างแบบรีบร้อนเพื่อต้องการเอาสิ่ง

สกปรกออกเร็วๆ ต้องค่อยๆ ล้างออกทีละนิดทีละนิดนะครับ

ส่วนวิธีล้างรักออกจากองค์พระนั้น เป็นกรรมวิธีที่ต้องใช้ความประณีตมาก ขั้นแรกให้ไปซื้อนำยา

ลอกสีจากร้านวัสดุก่อสร้างมาหนึ่งกระป๋อง เอากระป๋องเล็กก็พอไม่กี่บาทหรอก จากนั้นก็หาพู่กันขนแข็งจากร้านวัสดุก่อสร้างนั่นแหละมาหนึ่งอัน แต่ไม่ต้องตัดปลายอีก หาไม้ไผ่หรือไม้เสียบ

ลูกชิ้นก็ได้มาหนึ่งอัน จากนั้นก็หาภาชนะใส่น้ำไว้ 2 อัน อันแรกให้ใส่น้ำผสมสบู่เหลว อันที่สองให้ใส่น้ำสะอาดเตรียมไว้ จากนั้นก็นำน้ำยาลอกสีมาใส่ภาชนะที่เป็นกระเบื้องหรือแก้วก็ได้ ตักออกมา

เล็กน้อย จากนั้นก็เอาไม้ไผ่แตะน้ำยานำมาแต้มที่บริเวณรักที่ต้องการจะลอก ให้ทำทีละจุดเล็กๆ ก่อน ทิ้งไว้สักครู่ก็จะเห็นว่ารักจะเริ่มพองและเริ่มล่อนออกมา ก็ให้ใช้พู่กันปัดเอารักออก ทำไป

เรื่อยๆ จนหมด จากนั้นก็นำพระไปล้างที่น้ำผสมสบู่เหลว ปัดด้วยพู่กันขนอ่อน ล้างให้สะอาดแล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาดอีกที แล้วจึงนำไปผึ่ง เป็นอันเสร็จพิธีครับ อย่าลืมว่า การทำทั้งสองอย่างที่

บอกมานี้ต้องค่อยๆ ทำทีละน้อยทีละจุด อย่างประณีต ไม่เช่นนั้นจะทำให้องค์พระเสียหายได้ครับ อ้อน้ำยาลอกสีนี้ เวลาใช้ต้องระวังให้มากครับ อย่าให้กระเด็นโดนผิวหรือตาเป็นอันขาด เพราะมี

ส่วนผสมของโซดาไฟครับ ถ้าโดนผิวจะแสบจี๊ดเลยครับ ถ้ากระเด็นโดนก็ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดมากๆ และถ้าโดนตาละก็ไม่ต้องพูดแหละครับรีบล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วรีบหาหมอลูกเดียว





2. วิธีขจัดสนิมเขียวออกจากพระบูชา ก็ทำคล้ายๆ กับการล้างคราบสนิมเขียวจากเหรียญถ้าเป็นไม่มากนักก็ใช้ครีมทาผิว ยี่ห้อนีเวีย หรือซิตร้าไวท์ก็ได้ พอกไว้บริเวณที่เป็นสนิมเขียว ทิ้งไว้

ประมาณ 24 ช.ม. แล้วจึงล้างออก ถ้ายังออกไม่หมดก็พอกใหม่ทิ้งเวลาให้นานขึ้นๆ ทำไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ ออกจนหมดครับ ยังมีวิธีที่ล้างสนิมเขียวให้เร็วขึ้น แต่เสี่ยงกับการเสียผิวพระครับ ผู้ล้าง

ต้องมีความรู้ความชำนาญมากจึงจะทำได้ครับ





3. การเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชา ก็ไม่มีอะไรมากครับ พระเครื่องที่เราใส่ห้อยคอ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็เลี่ยมพลาสติกหุ้มแล้วไปจับกรอบทองหรืออะไรก็แล้วแต่อีก ที ไอเหงื่อจะไม่ไปโดน

องค์พระครับ แต่ถ้าใส่กรอบแบบตลับ ไอเหงื่อจะซึมเข้าได้ ก็คอยสังเกตดู ถ้ามีสิ่งสกปรกเข้าไป นานๆ ก็นำมาล้างตามที่บอกไปแล้วซักที ก็พอครับส่วนพระที่เก็บไว้ที่บ้านก็ให้หากล่องใส่พระที่

เป็นกล่องสแตนเลสที่ มีฟองน้ำสองด้าน (ด้านบนและด้านล่าง) สำหรับใส่พระเขามีขายทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์ใส่พระ นำพระเก็บไว้ให้ห่างกันพอสมควร ไม่ควรใส่จนแน่นเกินไปจะทำให้พระ

เสียหายได้ และควรใส่พระประเภทเนื้อแบบเดียวกันในกล่องเดียวกัน เช่นเนื้อผงก็ใส่กับเนื้อผง เนื้อดินก็ใส่กับเนื้อดิน เนื้อโลหะก็ใส่กับเนื้อโลหะ เหรียญก็ใส่กับเหรียญ และไม่ควรใส่พระใน

กล่องโดยซ้อนกันสองชั้นจะทำให้พระเสียหายได้ส่วนพระบูชาก็ไม่มีอะไรมากตั้ง ไว้บนหิ้งพระนั่นแหละครับ ถ้ากลัวว่าจะมีฝุ่นหรือความชื้นมาเกาะก็

หาครอบแก้วมาครอบไว้ แล้วนำซองกันชื้นมาใส่ไว้เพื่อกันความชื้นก็พอช่วยได้ครับ ซองกันชื้นถ้าหาที่ไหนไม่ได้ก็ไปซื้อที่ร้านถ่ายรูปหรือร้านขายกล้องถ่ายรูป เขามีขายครับ,


***************ระวังพระหลวงปู่ทวด 97 กับพระผงหลวงพ่อวัดปากน้ำ รุ่น 1-3 และพระผงยาหลวงปู่บุญ  อย่าใช้วิธี้ล้างแบบนี้นะครับ**************

เพราะพระเนื้อว่าน  พระเนื้อผงยา และพระหลวงพ่อวัดปากน้ำ เมื่อโดนน้ำจะละลายตัวครับ.

306
โมทนาสาธุด้วยครับ....
ผมเคยไปแต่นานมาแล้ว ตอนนั้นยังไม่สวยแบบนี้เลยครับ.
ตรงลานกว้างๆยังเป็นที่จอดรถและสนามหญ้า..


307



กราบขอบพระคุณครับ.
เอาบทความเรื่องดีๆ...มาให้อ่าน

308




เกริ่นนิดหน่อยนะครับ...คราวที่แล้วผมเขียนถึงเรื่องสอบถามการปฎิบัติวิปัสสะนากรรมฐาน
ครั้นผมปฎิบัติไปไม่ได้จึงเกิดความเบื่อหน่ายตัวเอง....จึงตัดสินใจขอแม่บ้าน(ภรรยา)บวช
ซึ่งผมอายุปาเข้าไป 55 ปี....เมื่อปีที่แล้วนี่เอง.

ตอนที่ผมตัดสินใจบวช เพื่อนๆเชื่อไหม ว่า มารมีจริงๆ....แบบว่าจะทําทุกวิถีทางเพื่อให้ผม
บวชไม่ได้.....เพราะทุกเย็นผมจะซ้อมขานนาค และท่องบทสวด
ตอนเช้าผมจะขายอาหารตามสั่ง....(มาช่วยเป็นเชฟให้ลูกชายยามว่าง)

ก่อนบวช 3 วัน...ตอนที่เก็บร้าน เตาขนาดใหญ่ซึ่งทั้งตัวเป็นสแตนเลสหล่นจากโต๊ะ โครมมาที่ปลายนิ้วก้อยเท้า
ผมไม่กล้ามอง...ในใจคิดว่า นิ้วคงต้องขาดแน่ๆ  ได้แค่เหลือบมอง ...แต่ไม่เห็นเลือด
ก็คิดว่าถ้าไม่ขาดก็คงต้องหัก.....ก็ลองขยับปลายนิ้วก้อยดู...บอกตรงๆว่าปวดมาก
ตอนนี้ใจพุ่งไปที่การบวช.....เออแล้วเราจะบวชได้ไหมเนี่ย...เพราะต้องนั่งทําพิธีในการบวช

ก็ลองนั่งดู....พี่ๆ เพื่อนๆ เอ๋ยยยย....ปวดน่าดูชม.
และเท่าที่ดู....นิ้วไม่หัก แต่เขียวช้ำ บวมโต....จึงตัดสินใจว่า เป็นไงเป็นกัน..
ของแค่นี้ไม่สามารถทําให้ผมเลิกล้มการบวชไปได้....จึงกัดฟันทน นั่งซ้อมขานนาค
และเป็นที่น่าแปลก....ความเจ็บ ปวด อีกทั้งอาการบวมโต...หายไป.

ดรั้นบวชอยู่ในผ้าเหลือง....ผมบวชอยู่วัดเจ้าอาม...ผมเดินเภาวนาออกบิณบาตร และเป็นครั้งแรก
ของผู้ที่มาใส่บาตร ว่าพระองค์นี้ทําไมเดินช้ามากๆ.....องคฺอื่นเดินตัวปลิว.
ในใจตอนนั้นคิดว่าผมออกไปโปรดสัตว์ด้วย....เพราะพวกสัตว์ตัวเล็กๆน้อยๆ...พวกเค้าไม่สามารถใส่บาตรให้เราได้.
อีกอย่างตอนบวช ผมกินเมื้อเดียว...พอ 8 โมงเช้าท๊าวัตร-8.45 หลังจากนั้นจะนั่งกรรมฐานในวิหารเล็กจนถึง 4 โมงเย็น..
ต่อด้วยทําวัตรเย็น 5 โมงเย็น.....ต่อจากนั้นจะเดินจงกลมถึง 2 ทุ่ม...
หลัง 2 ทุ่ม ผมจะเข้าไปนั่งกรรมฐานที่โกดังเก็บศพ ทําแบบนี้ตลอด.....จนท่านเจ้าอาวาส ให้กุญแจ กุฎิเก่าที่ท่านเคยอยู่
และเป็นห้องแอร์ ท่านบอกว่าให้ไปปฎิบัติในห้องนั้น....เพราะเป็นห้องที่ผู้มีพระคุณแก่วัด สร้างถวาย
พอเปิดประตูเข้าไป....ผมชงักนิดนึง....เพราะมีโลงศพตั้งอยู่กลางห้อง.มารู้ว่าผู่มีพระคุณนั้นเสีย และเก็บไว้ 100 วัน
เพื่อรอเผา....ในใจตอนนั้นคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆ....เราอยู่ในผ้าเหลือง ถ้าโดนหลอก ก็ขอให้ตายในผ้าเหลือง...

พี่ๆเพื่อนๆครับ....การปฎิบัติไปได้ดีมากๆ....สงบ ปลง ความตายเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน.
หลับตาเห็นการแตกดับ....ของคนที่นอนอยู่ในโลง.
เน่าเปื่อย  หนอนเต็มไปหมด แต่แทนที่จะมีกลิ่นเน่าเหม็น....กลับกลายเป็นกลิ่นน้ำอบไทยอ่อนๆ....

พอผมออกจากสมาธิ...เชื่อไหมครับทันทีที่ลืมตา....แสงดวงใหญ่...ขนาดเท่าลูกมะพร้าว
พุ่งออกมาจากโลงศพ มาที่หน้าของผม...แทนที่ผมจะตกใจ กลับกลายเป็นว่า เหมือนกับว่า มีความสุข
และเกิดปิติมากๆ....

อีกหลายวันต่อมา...ท่านเจ้าอาวาสก็ให้ผมเอาพระบวชใหม่อีก 2 รูป ไปฝึกด้วย.
ซึ่งก็เป็นปรกติธรรมดาที่ผมเข้าไปนั่งทุกวัน...แต่กับพระบวชใหม่ 2 รูป...มานั่งได้แค่วันเดียว
ก็บอกไม่เอาแล้ว...ผมจึงถามเหตุผลว่าทําไม่ไม่ทําต่อ...ลืมไปครับ....หลังจากนั่งแล้วออกจากการปฎิบัติ
พระทั้ง 2 องค์ ผลัดกันดมจีวรกันใหญ่....กลิ่นสาบเน่าติดอยู่ที่จีวรพระทั้งสององค์...แต่ของผมไม่มีเลย.

และอีกเหตุผลนึง พระทั้ง 2 องค์ บอกว่า นั่งไม่ได้...มีแค่คนดึงจีวร บางครั้งก็มีหน้าคนตาย(ที่นอนสงบอยู่ในโลง)
มาปรากฎเต็มหน้าเลย....ทําให้ทั้งสององค์นั่งไม่ได้. ผมก็เลยถามต่อว่า ทําไมจึงมาบวช...
คนนึงบอกบวชแก้บน.....อีกคนบอกว่า พ่อ แม่บังคับให้บวช เพราะจะแต่งงาน...

นี่คือเรื่องจริงตอนที่ผมบวชอยู่วัดเจ้าอาม....แม้จะบวชไม่ถึงพรรษา...แต่ผมบอกตรงๆว่าตักตวงได้เต็มเปี่ยมครับ.

ที่สึกเพราะหน้าที่การงาน อีกทั้งครอบครัวก็ยังมีให้สางต่อ...แต่ผมไม่วายถามท่านเจ้าอาวาสว่า
หลวงพ่อครับ....ถ้าผมอายุ 70 ปี ผมกลับมาบวชต่อได้ไหมครับ...
ท่านหัวเราะ....แล้วบอกว่า บวชให้เป็นภาระกับวัดเปล่าๆ....

309


คิดถึงหลวงปู่เช่นกันครับ

เพราะไปเป็นประจํา..ท่านอยู่ในใจตลอด

310
เป็นผมก็ไม่กล้าไปเส้นนั้นครับ...ยิ่งกลางคืนด้วย
เคยไปอยู่ครั้งนึ่ง นึกว่าเป็นทางลัด เข้าทางเพชรบุรี ไปเส้นปึกเตียน
ไม่ไหวครับ...เปลี่ยวจริงๆ...

311
ชอบคุณครับ....พร้อมโมทนาสาธุในการปฏิบัติ.
ผมนั่งมาหลายปี ก็ไม่เคยได้นิมิตแบบนี้เลย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมาคุ้มครอง.

ตอนที่ผมไปนั่งวิปัสสะนากรรมฐานในโกดังเก็บศพ (ตอนนั้นผมบวชเป็นพระอยู่)
ได้เห็นแต่แสงที่พุ่งออกมาจากโลงศพ (ซึ่งเป็นศพผู้มีพระคุณกับวัด)

แล้วผมจะเอามาเล่าในกระทู้ให้ฟังครับ....


312
ขอบคุณครับ ผมไปอุดรฯบ่อยมาก แต่ไม่เคยแวะเลย
เที่ยวหน้าต้องแวะไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ...
ขอบคุณอีกครั้ง ครับ

313
ใจก็คิดเหมือนพี่ครับ....เพราะเห็นมีบัวหลังด้วย แต่ผมไม่กล้าฟันธง เพราะพี่เค้าบอกว่าของหลวงปู่บุญ.


314



เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผม...

ตอนนั้นผมได้เดินทางไปทําธุระแถวทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พอเสร็จธุระผมก็ตีรถออกไปทาง จ.หวัดตรัง ทางไปตรัง มี สองเส้นทาง

คือสายบายพาสซึ่งจะไกลกว่าเส้นเก่า 30-40 กม.ก็เลยตัดสินใจไปทางเส้นเก่า .

ทางเส้นเก่านั้นไม่ค่อยมีรถวิ่งเท่าไหร่ เพราะหนีไปวิ่งทางใหม่หมด....ตอนนั้นก็ประมาณ บ่ายโมงกว่าๆ...ก็ขับไปก็สังเกตุ้ห็นว่ากลาง

ถนน มีตัวอะไรไม่รู้ส่ายหัวอยู่ไกลๆ พอขับเข้าไปใกล้ที่ไหนได้เป็นแมวซึ่งโดนรถชน แต่ยังไม่ตายและผงกหัวส่ายไปส่ายมาอยู่กลาง

ถนน ไอ้ผมก็เบรคไม่ทัน แต่ใช้บังคับรถให้ขับคร่อมแมวไป....กว่าจะเบรคได้ห่างไปเกื่อบ 200เมตร ก็เลี้ยวรถกลับแล้วมาจอดข้างทาง

และก็ลงไปอุ้มแมวตัวนั้นให้มาหลบอยู่ใต้ต้นไม้ แต่ผมดูแล้วว่าไม่รอดแน่เพราะตัวมันโดนทับจนท้องแบบ กระดูกหัก..ทําไงดีหว่า..

ผมคิดในใจ ไอ้จะขับเอาไปหาหมอ ก็ต้องตีรถกลับไปทุ่งสง มันก็ไกลเกือบ 50-60 กิโล...จะขับไปห้วยยอด ก็ ร่วมหลายสิบโล ...กําลัง

คิดและก็หาน้ำเอามาให้มันกิน พอมันกินได้สักพักมันก็ตาย. ไอ้ผมก็อดสงสารไม่ได้ก็ขุดหลุมฝังแถวๆนั้น..แล้วก็แผ่ส่วนบุญไปให้มัน..

และก็บอกว่า ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เจ้าอย่าเกิดมาเป็นแมวอีกเลย ขอให้เกิดเป็นคน..นะ.

หลังจากฝังเรียบร้อยก็ออกเดินทางต่อ เออลืมไปถนนที่ผมใช้อยู่เป็นเส้นทางเก่าที่เป็นเส้นทางแบบรถสวนกันไป-มา พอขับไปได้

สักพัก ก็สังเกตุเห็นอีกแล้ว....ห่างไปประมาณได้ กิโลกว่าๆตอนนี้เห็นเป็นผู้หญิงขี่มอเตอร์ไซด์ แต่จอดเฉยๆ และมาจอดตรงเส้นที่

ทางที่รถผมวิ่งตรงกลางถนน คือแทนที่จะไปจอดเลนตรงข้าม จอดไม่จอดเปล่า แต่มองทางรถผมที่วิ่งเข้าไปหา แบบว่าไม่กลัวโดนชน ตอนนนั้น

ผมขับอยู่ที่ความเร็ว 120-130กก. เลยทําให้ผมต้องลดความเร็วพร้อมกับเบรครถ แต่ยังไม่ทันถึงผู้หญิงคนนนั้น ......ปู้นๆๆๆๆๆ...

แค่เส้นยาแดงผ่าแปด.............ห่างประมาณแค่คืบ.........รถไฟครับ...ผ่านหน้ารถผมไป แบบว่าเฉียดฉิว........ปู้นๆๆๆๆ.........

มือ ไม้ ขาผมอ่อนไปหมด หัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม พอรถไฟพ้นออกไป ที่ไหนได้ผู้หญิงที่จอดมอเตอร์ไซด์อยู่ตรงข้ามผม ไม่รู้หายไปไหน

ถ้าไม่ได้ผู้หญิงคนนนั้น ผมก็คงไม่ลดความเร็วรถ และ เบรครถด้วย....ผมก็คงเป็นซากอยู่แถวทางรถไฟนั่นแน่ๆ..

พออารมณ์ตกใจผมหาย ผมก็ลงไปถามหาคนดูแลที่กั้น เมื่อเวลามีรถไฟมา. ก็หาไม่พบ ก็ไปถามคนแถวๆนั้นว่าทําไมไม่มีคนคอยมา

ดูแลที่กั้นเมื่อรถไฟมา....คนแถวนั้นก็บอกว่า สัญญานไฟเสีย และคนที่ประจําจุดนี้ ก็ไม่เคยมาเลย....และก็มีตายกันบ่อยๆตรงจุดนี้

คือโดนรถไฟชน เพราะที่กั้นสัญญานไฟเสีย.

โอ้ววว พ่อแก้วแม่แก้ว....ช่วยลูกช้างแท้ๆ..ที่ไม่ตายก็เพราะผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง.(และแมวที่ผมอุ้มก็เป็นแมวตัวเมียด้วย)

จะเป็นเพราะผีแมว....แปรงร่างเป็นผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ที่มาช่วยผมให้รอดจากการถูกรถไฟชน.

ก็ขอขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็น ผี หรือ แมว ที่มาช่วยชีวิตผม.........ขอบคุณจริงๆครับ และต้องเอามาลงให้เพื่อนๆได้อ่านกัน นี่คือ

ประสบการณ์ของจริงที่เกิดขึ้นกับผม.

315
หลวงปู่บุญท่านสร้างพระชัยวัฒน์ก็อยู่ในราวๆ พ.ศ.2444-45 ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี
ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช แพ ท่านคงน่าจะมีส่วนในการสร้างพระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญด้วย
พระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญนั้น ท่านสร้างมีด้วยกันหลายพิมพ์ เช่น
พิมพ์ชะลูด พิมพ์ต้อ พิมพ์ป้อมใหญ่ พิมพ์คอหอก และพิมพ์ป้อมเล็ก
เนื้อพระจะออกทางกระแสเนื้อทองเหลืองอมเขียวเล็กน้อย

(ของพี่ เป็นพิมพ์ ป้อมเล็กครับ)

..................................................................................

ส่วนพระชินราชหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อเงิน ท่านชอบพระพิมพ์พระพุทธชินราชอย่างมาก
การจัดสร้างจึงเห็นพิมพ์นี่อยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่ปี 2515-2517 ครับ

316





หน้าที่การงานของผม คือการขายส่งเคมีอาหาร ดังนั้นจึงต้องเดินทางทั่วประเทสไทย
ทั้งเหนือ ใต้ อีสาน...และที่ใครต่อใครบอกว่า ผี วิญญาณไม่มีในโลก ผมคนนึงที่ขอเถียง....
การไปของผม ก็คือค่ำไหนนอนนั่น....

คืนนั้นไปมืดที่จังหวัดขอนแก่น....การหาโรงแรมนอนไม่ใช่เรื่องยาก แต่วันนั้นยากจริงๆครับ
เพราะมีรายการสัมนา โรงแรมจึงเต็มเกือบทั้งนั้น...ผมตะลอนหาโรงแรมนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม
จนเกือบเที่ยงคืน ก็มาได้ห้องที่โรงแรม....(ผมไม่ขอบอกชื่อโรงแรมนะครับ)...
ด้วยความดีใจ ก็เลยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง...เดินผ่านในที่แคบๆ เลี้ยวไป เลี้ยวมา...
พอพนักงานถึงหน้าห้อง...เค้าก็รีบวางกระเป๋า...แล้วกุญแจห้องโดยไม่ช่วยเรายกกระเป๋า หรือเปิดห้องให้เลย...
ในใจก็คิด...เออ ช่างเค้า ดี ทิฟไม่ต้องให้.

พอเข้าห้อง สิ่งแรกที่สัมผัส กลิ่งเหม็นอับๆๆ....แบบซากหนูตาย
ผมก็รีบเปิดหน้าต่าง พร้อมทั้งเปิดแอร์ เพื่อไล่กลิ่นอับ....ก็พอได้ผลครับ
จัดแจงอาบน้ำ เครียรงานเรียบร้อยก็สวดมนต์ไหว้พระ ....แค่พอสวดมนต์ รู้สึกว่าขนลุก ยังไงพิกล
แต่ก็ไม่คิดอะไร...พอเริ่มล้มตัวลงนอน....เท่านั้นแหล่ะครับ...
ตรงปลายเตียงนอน จะมีโต๊ะเครื่องแป้ง  และกระจกบานใหญ่..
เห็นชัดเลยครับ...เป็นผู้หญิงผมยาว ยืนเด่นอยู่หน้ากระจก แปรงผม..
เหมือนแบบว่าเธออยู่คนเดียวในห้องโดยไม่มีผม..

เท่านั้น ผมลุกจากที่นอนแทบได้ว่ากระโดดเลย...พุ่งพรวดไปที่ประตูห้อง
ไปมันทั้งชุดนอนนั่นแหล่ะครับ....เดินกึ่งวิ่งไปที่เค้าเตอร์ ..

พี่.....ผมโดนผีหลอก
เค้าเตอร์......หน้าซีด อึม อำๆๆ....แบบไม่พูดอะไรเลย
ผม.......ไม่เอาแล้วห้องนั้น...เปลี่ยนห้องให้ผม
เค้าเตอร์.....ห้องเต็มหมดครับ
ผม.......อย่างนั้น ช่วยไปเก็บของ กับกระเป๋าผมออกมาที
เค้าเตอร์......รอไว้ตอนเช้าได้หรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้

ผม......อ้าวววว แบบนี้คุณก็รู้สิว่าห้องนั้น ผีดุ
คืนนั้นผมต้องนอนที่ห้องรับแขก.....และก็ดีอีกอย่าง ทางโรงแรมไม่คิดเงินผม....

เข็ดจริงๆครับ.....รู้แบบนี้ ขับรถไปอีก ชั่วโมง ไปนอนอุดรฯดีกว่า. ตอตนี้ยังไงหาโรงแรมใหม่ๆ แพงหน่อยก็ไม่เป็นไร
ดีกว่าโดน ผีหลอก.

จบแล้วครับ. แล้วจะเอาเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังอีก.

317
ขอบคุณครับพี่...คือว่าผมคิดว่าผมเดินผิดทางหรือเปล่า
คือเภาวนา พุทธ โธ  หรือต้องเปลี่ยนกองกรรมฐานครับ

บางท่านก็บอกลองเภาวนา สัมมา อรหัง  หรือไม่ก็ ยุบหนอ พองหนอ
ผมทําดูแล้ว จิตออก วอกแวกครับ แบบว่าจิตสั่น

ใจก็อยากจะเปลี่ยนมาเป็นเพ่งกสิณ  แต่ไม่กล้าพอครับ.(แบบว่า เพ่งดูศพ)

พี่พอแนะนํา ได้บ้างหรือเปล่าครับ.
ตอนนี้ตันไปหมดครับ.......เคยไปปรึกษาพระสายวิปัสสะนา  ท่านก็บอกให้ยกความว่างเปล่า เอามาเป็นจริตครับ.
ผมก็ลองเอามาทําดู ก็ไปไม่ได้เหมือนเดิม.....ใจก็อยากจะบวชให้หมดเรื่อง แต่ก็ติดหลายๆอย่าง.

ยังไงก็ขอขอบคุณนะครับ.....

318
ยันต์พุฒซ้อน หรือ ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ความหมาย ความเชื่อ เป็นยันต์ที่โด่งดังมากมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ถือเป็นมหายันต์สูงสุดกว่ายันต์ทั้งปวง อุปเทห์ใช้ได้ สารพัดประโยชน์
โดยเฉพาะยันต์พุฒซ้อนได้นำมาใช้ในการลงนะหน้าทอง เมตตามหานิยม
โชคลาภ ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา ต้องการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เป็นมหาเสน่ห์รุนแรง


319
การปฎิบัติ วิปัสสะนากรรมฐาน...
ผมใช้กองกรรมฐาน โดยการเภาวนา พุทธ โธ  พอจิตเริ่งสงบ จะพบกับความว่างเปล่าตลอดเลยครับ
คือแบบว่า นิ่งอยู่อย่างนั้นตลอด มีแต่ความสว่าง  โดยปราศจากลมหายใจ.

พอได้สติ ก็กลับมาเภาวนา พุทธ โธ ใหม่  ก็ดูแล้วเหมือนกับไปเริ่มต้นใหม่. แล้วก็เป็นแบบเดิมอีก.

จึงอยากกราบเรียนถามครับ...ว่าทําไมถึงเป็นแบบนี้.
และทําอย่างไร ให้ผ่านจุดนี้ไปได้.

บอกตรงๆว่าทุกวันนี้เป็นกังวลครับ.  เพราะผมปฎิบัติวันละ 2 เวลาทุกวัน.... คือ 5 ทุ่มถึง ตี 1
และ 6 โมงเช้า-7โมงเช้า.

กราบขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ.




320
ขอบคุณครับ...พระเกจิอาจารย์ดังๆทั้งนั้นเลย

321
แรกเริ่มเดิมที ที่ทางทีมงานได้จัดทำ กระดานสนทนาวัดบางพระ ขึ้นมาเพื่อมีวัตถุประสงค์

ที่จะให้กลุ่มลูก ศิษย์วัดบางพระ ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

 และเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านมาพอสมควร ๗ ปีแล้ว แต่ความตั้งใจนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง และสังคมเล็กๆ

ขอพวกเรา ศิษย์วัดบางพระ ได้เติบโตขึ้นเป็นลำดับ มีการเปลี่ยนรูปแบบของเว็บบอร์ดหลายครั้ง

เพื่อรองรับจำนวนสมาชิก แต่ว่าความเป็น ศิษย์วัดบางพระ ก็ยังเพิ่ม มากขึ้นอยู่ตลอดเวลา

นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เรายังคงเคารพและศรัธา วัดบางพระ และหลวงปู่เปิ่น อย่างไม่มีเสื่อมคลาย




ขอความร่วมมือสมาชิกตอบแบบสำรวจด้วยครับ


๑ ท่านรู้จักวัดบางพระได้อย่างไร....................................................จากชื่อเสียงของหลวงพ่อท่านครับ

๒ เคยเดินทางมาที่วัดบางพระหรือไม่ ประมาณกี่ครั้ง...............................................................เคยครับ บ่อยมากๆ ตั้งแต่ท่านยังอยู่

๓ ครั้งแรกที่ท่านมานั้นมีโอกาสได้พบหลวงปู่ เปิ่นตอนท่านยังดำรงค์ขันธ์ หรือเปล่า..............................ได้พบครับ ท่านยังลงกระหม่อมให้ครับ

๔ ท่านเคยสักยันต์ที่วัดบางพระหรือไม่ สักหมึก หรือน้ำมัน........................................................ไม่เคยครับ

๕ ท่านรู้จักเว็บบอร์ด วัดบางพระ ได้อย่างไร..........................................................................ได้จากเวป google ครับ


322
สวยมากครับ....ครบทั้ง 3 เนื้อเลย
ผมมีแค่เนื้อ ทองคํา   

323
องค์แรกดูจากพิมพ์ น่าจะเป็นเหรียญหล่อวัดเขาตะเครา ครับ เพชรบุรี
องค์ที่สอง....ก็ต้องเป็นสมเด็จหลวงพ่อบ้านแหลมครับ
องค์ที่สาม  ปิดตาเมฆพัตร ของหลงฃวงพ่อ อี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรีครับ
องค์ที่สี่...คงเป็นตระดรุดอาจารย์วัน อุตตโมครับ
ส่วนรูป น่าจะเป็นหลวงปู่ยิ้มนะครับ....ตามรูป




ส่วนองค์อื่นๆจะเป็นพระเครื่องหลวงปู่ท่าน  หลวงพ่อเปิ่นครับ....



324
ครับ....ห้อยอยู่ 2 องค์ครับ

1.เหรียญเลื่อนมสณะศักดิ์ปี2508 ทองคํา
2.เหรียญพุฒซ้อนกรรมการ 2509 เปียกทอง.ครับ





325

กราบรายงานตัวครับ พี่ๆทุกๆท่าน
ผม pepsi เพิ่งสมัครเข้ามาวันนี้เองครับ.....ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

หน้า: [1]