แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ~เสน่ห์กวาง~

หน้า: [1]
1


อรุณเบิกฟ้า  นกกาโบยบิน  :017:



เจ้าอาวาสวัดนก ให้อาหารปลาตอนเช้า..




ครอบครูกุฏิหลวงลุงญา ลูกศิษย์ต่อคิวยาวววววมาถึงหน้ากุฏิใหญ่





2












บุคคลนี้..น่าจะเป็น...salawit_sangsanit  รึเปล่าคะ ถ่ายตอนไม่เห็นหน้าพอดี :075:



3
เปิดลงไปช้าๆ..อย่าใจร้อน นะจ้ะ
































































มนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เล็กๆ
เพราะฉะนั้นจงอย่ากังวลเกินไปกับทุกสิ่ง
หวงแหนเวลาในทุกๆ ขณะ และ ทำในสิ่งที่ใจปรารถนา …….
เปิดโลกทัศน์ เปิดใจ อย่ากังวลเกินไปกับสิ่งที่มารบกวนจิตใจ
หวงแหนในสิ่งอันเป็นที่รัก ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและสงบสุข
จงมีความสุขเสมอ เพื่อต้อนรับสิ่งที่กำลังจะมาในวันใหม่
เพลิดเพลินไปกับแสงอรุณ และมองด้านสว่างของทุกๆ สิ่งเสมอ...




เครดิตเว็บสนุกดอทคอม..

4
ได้ไปวัดบางพระมาเมื่อวาน หลวงลุงญาเมตตาให้เสือมาค่ะ  :001:





พร้อมด้วยเสือ และโปสเตอร์หลวงปู่ ค่ะ






                                     ขอขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาค่ะ :054:

5
ประเพณี...การสรงน้ำพระ เกิดบุญตรงไหน..






อานิสงส์ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ)
ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษก(สรงน้ำพระ)จะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง

เรื่องเล่าอานิสงส์ในสมัยพุทธกาล


ใน กาลครั้งนั้นองค์สมเด็จพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร พร้อมภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พระเจ้าปัสเสนทิโกศล พร้อมด้วยมหาอำมาตย์ทั้งหลาย ได้นำ เครื่องสักการะทั้งหลาย เข้าไปสู่พระเชตะวันมหาวิหาร ถวายอภิวาท แด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถามว่า ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันบุคคลใดกระทำสักการะบูชาสรงเถราภิเษก (สรงน้ำพระ)แก่สงฆ์ ด้วยใจเลื่อมใสศรัทธา จะได้ผลอานิสงส์เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า

องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูกรมหาราช บุคคลใด มีความเชื่อในคุณพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการในเมื่อปรารถนาอันใด ก็จะสม ความมุ่งมาตรปรารถนา ทุกประการ การทำเถราภิเษก(สรงน้ำพระ)
นี้ได้ทำกันสืบ ๆ มาในครั้งพุทธเจ้าก่อน ๆ


แล้ว พระองค์ทรงแสดงสืบต่อไปว่า ในกาลครั้งนั้นเป็นสมัยครั้งศาสนาของพุทธเจ้าเมธังกร ยังมี พระยาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าวิชัยยะ ได้เสวยสมบัติ ในเมืองสารนครประกอบไปด้วยทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ มีเถระองค์หนึ่งชื่อว่าอุสสา เป็นอันเตวาสิกแห่งพุทธเจ้าเมธังกร พระยาวิชัยยะ ได้ทอดพระเนตรเห็น พระมหาเถระเข้ามาในเมือง พระยาวิชัยยะก็มีใจศรัทธาเลื่อมใส ในอิริยาบถ ของพระมหาเถระเจ้าเสร็จไปต้อนรับนิมนต์ให้ไปสู่ปราสาทของพระองค์ แล้วก็จัด แจง สรงเถราภิเษกด้วยน้ำหอม เสร็จแล้วถวายภัตตาหาร ตั้งความปรารถนาว่า ปวงชนทั้งหลายที่อยู่ใน ขอบเขตขัณฑเสมา ขอจงตั้งอยู่ใน โอวาทคำสอน ของพระองค์ ทุกเมื่อ และขอให้ข้าพระองค์ได้พ้นจากทุกข์ภัยเวร ข้าศึกศัตรูทั้งหลายด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ในอนาคตกาลโน้นเทอญ พระมหาเถระเจ้า ก็ได้อนุโมทนา แห่งพระยาวิชัยยะ แล้วถวายพระพรทิพย์ ๑๐ ประการ ลากลับไปสู่ สำนักแห่งพระมหาเถระเจ้า พระยาวิชัยยะได้รับพร แห่งพระมหาเถระ แล้วมีจิตยินดีรื่นเริงบันเทิงใจ ต่อบุญกุศลของพระองค์ที่ทรงกระทำไว้ ครั้นจุติจากโลกแล้วก็ไปอุบัติ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตพิภพ มีวิมานทองสูง ๒๒ โยชน์ มีนางเทพอัปสรแสนหนึ่งเป็นบริวาร ครั้นสิ้นชีพเทวบุตรแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเจ้าพระสิริตะ เสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้นไป ได้มาเกิดเป็น องค์พระตถาคต เดี๋ยวนี้แล





ขอบคุณบทความจาก พลังจิตดอทคอม



**สงกรานนี้พี่ๆในเว็บบอร์ดไปสรงน้ำพระที่ไหนกันบ้างคะ บอกกล่าวกันบ้างนะจ๊ะ :002:



6





คุณเห็นไหม  แมวไม่มี    แปรงสีฟัน
ปากของมัน   ก็ไม่เหม็น   เช่นปากหมา
กินของดิบ    ของเน่า      เท่ากันมา
ปากวิฬาร์     มิได้เหม็น   เช่นปากสุนัข

ปากคนเรา   เอาเป็นว่า    ถ้าไม่แปรง
ไม่กินหมาก  ปากแดง    ให้หนักๆ
ปากจะเหม็น  แรงมาก    เช่นปากยักษ์
ล้วนประจักษ์  ข้อนั้นรู้    อยู่แก่ใจ

ถ้าไฉน      ขอให้บ่ม    "อมพระธรรม"
ตลอดวัน    ยังค่ำ         จะดีไหม
ปากจะหอม  หวนมาก    จากภายใน
ถ้าหาไม่    มาด่าฉัน    กันให้พอฯ






ขอบคุณเครดตจากหนังสือพระธรรมในคำกลอนฉบับกระเป๋าชุดปริศนาธรรมเซ็น
พุทธทาส  อินทปัญโญ



7


ช่วงหนึ่งที่ยากที่สุดในชีวิต คือการเป็นวัยรุ่น ทั้งร่างกายเปลี่ยนแปลง อารมณ์หงุดหงิด พ่อแม่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้ไหม ช่วงนี้ยากสำหรับพ่อแม่เช่นกัน

จากเด็กเป็นวัยรุ่น ร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงมากมายจนตัวเองแทบรับไม่ไหว เรา อยากให้ผู้คนรอบข้างเห็นชอบในสิ่งที่เราทำ ต้องการมีความหมายในสายตาของเพื่อน  ต้องการให้ครอบครัวเข้าใจและยอมรับ

ปัญหาอยู่ที่ว่า วัยรุ่นไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แต่ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่เสียทีเดียว  ดังนั้น ความคิดเห็นของวัยรุ่นจึงออกจะแปลกและยากจะเข้าใจสำหรับคนวัยอื่น และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งที่มักจะตามมา พ่อแม่บางคนรับไม่ได้ ซ้ำยังทำราวกับว่าเราเป็นเด็ก ไม่ยอมรับ และเมินเฉย ปฏิกิริยาแบบนี้วัยรุ่นที่ไหน ก็ต่อต้านอย่างแน่นอน

รู้ไหมว่า สำหรับพ่อแม่ นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยากยิ่งเช่นกัน เพราะจากที่เคยเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง ต้องทำใจ   “ปลดลูก”   ให้ห่างจากตัวทีละน้อย พ่อแม่หลายคนน้อยใจที่ลูกไม่เห็นความสำคัญอีกต่อไป และไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ง่าย ๆ

แน่นอนว่า เรายังรักและต้องการพ่อแม่มาก เพียงแต่ต้องการให้พ่อแม่ถอยออกห่างสักก้าวสองก้าว อย่าวางกรอบที่เข้มงวดกับเรานัก เปิดโอกาสให้พวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์   

วัยรุ่นจึงควรทำความเข้าใจกับความรู้สึกห่วงใยของพ่อแม่ด้วย มีปัญหาก็ควรเข้าหาและปรึกษาพ่อแม่ และรู้จักดูแลเอาใจใส่พ่อแม่บ้าง เพื่อความสุขที่ยืนยาวของครอบครัว



เครดิตเว็บสนุกดอทคอมจ้ะ :016:

8
   ในเมืองพาราณสี มีตระกูลหนึ่งรับหน้าที่สอนศิลปะเกี่ยวกับการฝึกช้างและการใช้ช้างให้ทำงานต่างๆ ตามที่ปรารถนา

ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นลูกของตระกูลนั้น ศึกษาศิลปะเกี่ยวกับเรื่อการฝึกช้างจนจบและเชี่ยวชาญ จึงได้รับมอบหมายจากตระกูลให้ทำหน้าที่สอนศิลปะนั้นแก่ศิษย์รุ่นต่อๆ มา

อาจารย์เป็นคนมีเมตตาต่อบรรดาศิษย์มาก ตั้งใจสอนศิลปะวิทยาเป็นอย่างดีโดยไม่ปิดบังและไม่เลือกว่าศิษย์นั้นมีฐานะเป็นเช่นไร ดังนั้น จึงมีศิษย์มาสมัครเรียนศิลปะวิทยาจากทั่วสารทิศ ต่อมาได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาขอศึกษาอยู่ด้วย

          "เธอมาจากที่ไหน" อาจารย์ถาม
          "ข้าพเจ้าเป็นชาวเมืองพาราณสีนี้เอง" ชายหนุ่มตอบ
          "เธอจะเรียนไปทำไม"
          "ข้าพเจ้ามาเรียนก็เพื่อเอาไว้ไปใช้ทำมาหากิน"

เมื่อทราบความประสงค์ของศิษย์อย่างนั้นแล้ว อาจารย์ก็ได้รับไว้ด้วยความเมตตา
และสอนศิลปวิทยาให้จนหมดสิ้น

วันหนึ่ง หลังจากจบการศึกษาแล้ว ชายหนุ่มได้เข้าไปหาอาจารย์ อาจารย์ได้กล่าวความยินดี
และชวนสนทนาถึงเรื่องต่าง ๆ รวมทั่งเรื่องราวในราชสำนักด้วย

          "ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าอยากรับราชการ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่ง
          "งานราชการคืองานรับใช้พระราชสำนักเป็นงานหนักนะ" อาจารย์บอก
          "ข้าพเจ้าไม่กลัวงานหนัก กลัวแต่ว่าจะไม่ได้งานทำเท่านั้น"
          "ถ้าเธอต้องการจริง ๆ ฉันจะช่วยฝากให้"

อาจารย์ทำตามที่พูดไว้ หลังจากเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต พระราชาแห่งแคว้นนกาสีแล้ว
วันหนึ่งจึงได้กราบทูลว่า

          "ขอเดชะ ข้าพระองค์มีลูกศิษย์ฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง ขอฝากเขาไว้รับไช้ในราชสำนักด้วย"
          "ได้ซีท่านอาจารย์" พระเจ้าพรหมทัตตรัสรับรอง
    "ใครก็ตาม ถ้ามาจากอาจารย์ ฉันรับหมดเพราะเชื่อฝีมือ"
          "เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าข้า" อาจารย์ก้มลงกราบพลางขอให้พระเจ้าพรหมทัตตั้งเงินเดือนให้เขาด้วย
          "ท่านอาจารย์ ฉันมีธรรมเนียมอยู่ว่าศิษย์กับอาจารย์จะได้เงินเดือนไม่เท่ากัน ศิษย์จะต้องได้น้อยกว่า อาจารย์จะต้องได้มากกว่า"

พระเจ้าพรหมทัตตรัสชี้แจง


           "ข้าพระองค์คิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีปัญหา"
          "ถ้าอย่างนั้น ทุกวันนี้ฉันให้อาจารย์เดือนละ ๑๐๐ กหาปณะ ศิษย์ของอาจารย์ก็ได้ครึ่งหนึ่งคือ ๕๐ กหาปณะ"
          "เป็นพระมหากรุณาพระเจ้าข้า"

อาจารย์ดีใจมากที่สามารถฝากศิษย์เข้ารับราชการได้สำเร็จตามความต้องการของศิษย์ ดังนั้นครั้นกลับถึงบ้านแล้วจึงรีบแจ้งให้ชายหนุ่มทราบทันที

          "อาจารย์ดีใจด้วย พระราชารับเธอเข้ารับราชการแล้ว"
          "แล้วเรื่องเงินเดือนพระราชาทรงให้เท่าไร ท่านอาจารย์" ชายหนุ่มถามอย่างกระตือรือร้น
          "เห็นรับสั่งจะพระราชทานให้ครึ่งหนึ่งของฉัน" อาจารย์ ตอบตามความเป็นจริง
          "ฉันได้ ๑๐๐ กหาปณะ"
          "ถ้าอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็ได้เพียง ๕๐ กหาปณะใช่ไหมอาจารย์"
          "ใช่" อาจารย์พยักหน้ารับ
          "ท่านอาจารย์..." ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
   "ข้าพเจ้ากับท่านมีความรู้เท่ากัน ก็ควรจะได้เงินเดือนเท่ากัน"
          "ถ้าเธอต้องการอย่างนั้นฉันจะไปกราบทูลพระราชาดูก่อนว่าจะทรงเห็นด้วยหรือไม่"
อาจารย์ยินดีรับข้อเสนอ

ต่อมา อาจารย์ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตและกราบทูลข้อเสนอของชายหนุ่มให้พระราชาทราบ

          "ได้..ท่านอาจารย์" พระเจ้าพรหมทัตรับข้อเสนอของชายหนุ่ม และทรงมีเงื่อนไขว่า "ลูกศิษย์ของท่านจักได้เงินเดือนเท่ากับท่าน ถ้าเขามีความสามารถเท่ากับท่าน"
          "พระองค์จะให้เขาแสดงศิลปะแข่งกับข้าพระองค์หรือพระเจ้าข้า" อาจารย์ทูลถาม
          "ใช่แล้ว" พระเจ้าพรหมทัตพยักพระพักตร์รับ

อาจารย์ได้นำความนั้นมาแจ้งให้แก่ชายหนุ่มได้ทราบและได้รับคำตอบอย่างหนักแน่นว่า

          "ได้..ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้ายินดีจะแสดงความสามารถแข่งกับท่าน"
          "ตกลง" อาจารย์รับคำ

วันรุ่งขึ้น อาจารย์ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งกราบทูลเรื่องที่ชายหนุ่ม
ตกลงแสดงศิลปะแข่งกับตนให้ทรงทราบ

          "เอาละ อาจารย์ พรุ่งนี้เชิญท่านกับศิษย์มาแสดงแข่งกันได้เลยที่ลานดินหน้าพระราชวัง"
พระเจ้าพรหมทัตทรงนัดหมาย
          "เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าข้า" อาจารย์ก้มลงกราบแทบพระบาท
และเป็นพระมหากรุณาธิคุณมากยิ่งขึ้นหากพระองค์จะป่าวประกาศเชิญชวนชาวเมืองมาร่วมเป็นสักขีพยาน

พรหมทัตตรัสรับคำอย่างหนักแน่น

ความจริงแล้ว อาจารย์รู้สึกสะเทือนใจที่ต้องมาแสดงฝีมือแข่งกับศิษย์เพราะคิดไม่ถึงว่า
ศิษย์จะกล้าท้าทายตนเช่นนี้

          "เราควรจะสอนให้เขาได้สำนึกบ้าง" อาจารย์บอกกับตนเองขณะเดินทางกลับบ้าน

คืนวันนั้น ขณะที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว อาจารย์ก็แอบไปที่โรงช้างเรียนรู้คำสั่งและปฏิบัติการที่ตรงกันข้าม นั่นคือ เมื่อออกคำสั่งว่า "ไป" ให้ช้างเรียนรู้ว่า "ต้องถอยหลัง" เมื่อออกคำสั่งว่า "ไป" ให้ช้างเรียนรู้ว่า "ต้องถอยหลัง " เมื่อออกคำสั่งว่า "หยุดยืน" ให้ช้างเรียนรู้ว่า "ต้องนอน" และเมื่อออกคำสั่งว่า "ถือ" ให้ช้างเรียนรู้ว่า "ต้องปล่อย"

รุ่งเช้า ที่บริเวณหน้าพระราชวัง ชาวเมืองพาราณสีมาเฝ้าชมการแข่งขันประลองความสามารถ
ระหว่างศิษย์กับอาจารย์อยู่เนืองแน่น พระเจ้าพรหมทัตประทับนั่งบนพระที่นั่งอย่างสง่างาม
แล้วทันใดนั้นเอง อาจารย์กับศิษย์ก็ปรากฏตัวพร้อมด้วยช้างที่จะใช้ประลองความสามารถ

ครั้นได้เวลา อาจารย์กับศิษย์ก็ผลัดกันแสดงความสามารถในการบังคับช้าง ผลปรากฏว่าอาจารย์มีความสามารถบังคับได้อย่างไร ศิษย์ก็มีความสามารถอย่างนั้น ผู้คนที่มาเฝ้าชมต่างพากันเงียบกริบเพราะคิดว่าอาจารย์คงสู้ศิษย์ไม่ได้ อาจารย์เองก็ชื่นชมศิษย์ของตนเองอยู่ในที

ช่วงสุดท้ายมาถึงแล้ว อาจารย์ยืนสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเสนอวิธีการประลองความสามารถครั้งสุดท้าย คือ ให้ศิษย์สั่งบังคับช้างของตนเอง

          ได้..ท่านอาจารย์ ช้างของท่านก็เหมือนช้างของข้าพเจ้า"

ชายหนุ่มรับข้อเสนอของอาจารย์ทันทีแล้วตรงรี่เข้าหาช้างของอาจารย์พร้อมทั้งออกคำสั่งให้ช้างทำ
แต่ผลปรากฎว่าช้างกลับทำกริยาอาการตรงกันข้ามหมดสิ้น

ถึงตอนนี้ ชายหนุ่มเริ่มหน้าถอดสีเพราะรู้สึกอับอายที่ไม่สามารถสั่งช้างของอาจารย์ให้ทำตามตนสั่งได้
ผู้คนที่เฝ้าชมซึ่งเอาใจช่วยอาจารย์อยู่ตลอดเวลา ต่างได้โอกาสลุกฮือขึ้นสาปแช่งชายหนุ่มกันเสียงอึงมี่

          "ไป...ไปให้พ้น ไอ้ลูกศิษย์เนรคุณ ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเองบ้างเลย"

ว่าแล้ว ต่างคนต่างปาก้อนดินใส่ชายหนุ่มจนได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสและขาดใจตายในเวลาต่อมา




นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ศิษย์ที่คิดล้างครูนั้นย่อมมีแต่ความวิบัติ เหมือนชายหนุ่มกับอาจารย์ผู้มากด้วยเมตตา ผลสุดท้ายชายหนุ่มก็ได้รับผลร้ายที่เกิดจากการกระทำของตนเอง




               ------------------------------------------------------------------------------------------

               เครดิต::www.leksound.net

9
ในสังคม..ขลาดเขลา..เบาปัญญานั้น
มักจะมีชีวิต..อยู่กับ..ความหวาดกลัว

กลัวว่าคนอื่น..จะไม่ยอมรับ..ความคิดของตนเอง
กลัวว่าคนอื่น..จะคิดแตกต่าง..จากตนเอง
กลัวว่า..ความคิดที่ต่างจากตน..จะได้รับการยอมรับ

นำไปสู่..ความคิดด้านมืด..มุ่งทำลาย..คนที่คิดแตกต่าง
หวาดกลัวว่า..จะมีคนที่ฉลาดกว่าตน..และได้รับการยอมรับ




---------------------------------------------------------------------------------------

10
สำหรับคนที่ท้อใจ หรือ ไม่รู้อนาคตของตนคืออะไร
คนที่มืดทุกทิศ มีภาพเหล่านี้ให้ท่านได้ รับชมกันค่ะ



      
   
      

      

      

      

      

      

      

      

      

      



คนล้มเหลว คือ "คนที่ล้มเลิก ต่างหาก"






  เครดิตจากเว็บสนุกดอทคอมค่ะ :001:         
                                                   

11
มีโอกาสได้ไปทำบุญที่บ้านแม่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
หลวงตาท่านเจอหลานๆเลยเมตตาให้มาค่ะ








ขออภัยนะคะรูปอาจไม่ค่อยชัด..มือใหม่เพิ่งถ่าย

12
ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก
ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง
แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน
จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม
ที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง
มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียว
ของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปีที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
'ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า
ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน'

คนตักน้ำตอบว่า 'เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่า
มีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง
เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่
ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า
และทุกวันที่เราเดินกลับ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น
เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว...
เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้'




คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น
อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ
และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น
และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

มองโลกหลาย ๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น




ขอบคุณข้อมูลจากทำดีดอทเน็ต(จั่นเจา)  :001:


13
เกิดมาเป็นสัตว์เลือดอุ่น ...... บ้านอยู่ทางโน้น จีนแผ่นดินใหญ่

เติบโตเพราะกินไผ่ตง ...... เขาจับมาส่ง ไม่ได้ผลักไส

มาอยู่เชียงใหม่กับผัว ........อยู่กัน 2 ตัว มีลูกไม่ทันใช้

ก็มันไม่มีอารมณ์ .......... เสพสมบ่มิสม จับนมจับไข่

ให้กร๊วบกันโชว์คนอื่น .....เห็นว่าเราหื่น กันนักใช่ไหม

บอกแล้วไม่มีอารมณ์ ........ผู้คนชื่นชม สมเป็น นิสัย

เห็นทีต้องผสมเทียม.......ถ่ายผ่านเพนเที่ยม โพสต์โชว์เว๊บไซด์

ได้ลูกออกมา 1 ตัว.....ทั้งที่ไม่มีผัว หนูกลัวเป็นไข้

ความสาวยังบริสุทธิ์ ....... จะเอาหน้ามุดไปไว้ที่ไหน

1 อาทิตย์ ลูกโตหูดำ ....... มันไม่มีหะหรำ และไม่มีไข่

เป็นตัวเมีย ไม่มีชื่อ .......หน้าตาซื่อ น่ารักกว่าไก่

อยากมีบ้าน 60 ล้าน (บาท) ..... คนไทยประทานให้หนูได้ไหม

สื่อช่วยประโคมกันหน่อย.....ออกข่าวบ่อยๆ เด็กๆ ดูได้

แต่หนูสงสารพี่ช้าง ......ที่เขาอ้างว้าง ไม่ค่อยมีใคร

หนูเกิดมาจากเมืองจีน ......อยากกลับคืนถิ่น ส่งหนูได้ไหม

พี่ช้างมากมายหลายเชือก......ต้องนอนเข้าเฝือก รอคนเยี่ยมไข้

บ้านหนู ไม่ต้องสร้างหรอก .... หนูมันหมีนอก ไม่ใช่หมีไทย

หนูมีบ้านจริงของหนู ...... พวกคุณมองดู ว่าจริงใช่ไหม

ใครๆก็รักบ้านเกิด.....ส่งหนูกลับเถิด นะจ๊ะคนไทย

อยากให้นำเงินทั้งหมด.....เงินแห้งเงินสดให้พังกำไล

พี่เขาต้องการกว่าหนู ...... อยากให้คิดดู ถ้าคิดกันได้

พี่เขาช่วยคนไทยมานาน ...... ปกป้องเรือนบ้าน ให้อยู่อาศัย

ยามรบพี่เขาไม่หวั่น .......ยามสงบ พี่เขานั้น ช่วยแบกต้นไม้

เขาอยู่กับคุณตลอด......มาแต่อ้อนแต่ออก จริงไหมคนไทย

สำนึกรักบ้านเกิดบ้าง..... อย่าให้อายช้างอายหมีที่ไหน

หวังว่าคงจะยินดี.....หลินฮุ่ยวอนพี่ช่วยเหลือช้างไทย

วอนน้องลุงป้าอาน้า ขอเหอะพี่ขา แพนด้าพ่องจายยยยยยยย








                                                                อ้างอิงจากเว็บกระปุกดอทคอมค่ะ

14
สวัสดีพี่ๆและเพื่อนชาวเว็บบอร์ดวัดบางพระทุกคนค่ะ

ช่วงหลังๆมานี้จะสังเกตเห็นได้ว่า ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามข่าวทีวีโทรทัศน์
จะมีข่าวที่เกี่ยวกับความรุนแรงและความขัดแย้งในสังคมบ้านเรามากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว ในโรงเรียน ในสังคม จนถึงความขัดแย้งในประเทศ
จึงทำให้อยู่กันอย่างไม่สงบสุข ผู้คนไม่มีมิตรไมตรีต่อกัน..ฯลฯ

กวางจึงอยากสอบถามจากพี่ๆเพื่อนๆค่ะว่า..
พวกเราพอจะมีวิธีไหนที่ทำให้ความรุนแรงและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม ลดน้อยลง
ที่จะทำให้คนในสังคมเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน รักกันมากขึ้น..








ข้อมูลที่ได้จากพี่ๆเพื่อนในเว็บบอร์ดจะรวบรวมอยู่ในโครงการของโรงเรียนในเชิงสัมภาษ สอบถามบุคคลทั่วไปค่ะ :001: :054:

15
วันนี้กลับมาจากรร. ก็เปิดอ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตค่ะ

แต่ก็ต้องสลดใจ เมื่อเจอกับข่าวนี้ :067:

 > >3 โจ๋นอนขวางรางให้รถไฟทับ! คาดลองของรอยสัก << :074:

เพราะเท่าที่อ่านในเว็บบอร์ดของเราที่ผ่านมา ก็มีคนคิดที่จะลองของเยอะค่ะ

แต่อาจจะไม่รุนแรงมากมายขนาดนี้  ...

ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ แล้วกันนะคะ  :065:








เกิดเหตุรถไฟแล่นทับ 3 วัยรุ่นที่บ้างฉาง จ.ระยอง พขร.เผยเห็นทั้ง 3 ใช้ต้นกระถินปูพาดรองแล้วนอนเรียงกัน เบรกไม่ทันเลยทับเละ ตร.พบรอยสักยันต์เต็มตัว และห้อยจตุคามฯ สันนิษฐานลองของ

เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (3 มิ.ย.) พ.ต.ท.สมพงษ์ แสงเพ็ญอ่อน พนักงานสอบสวน สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้รับแจ้งจากนายเรวัต ปานศรี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/91 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. พนักงานขับรถไฟว่า ได้ขับรถไฟทับร่างชาย 3 คนที่นอนขวางอยู่บนรางเสียชีวิตทั้ง 3 คน เหตุเกิดที่ซอยข้างรถไฟ ม.3 บ้านสระแก้ว ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จึงรุดไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบศพ 3 ศพเรียงห่างกันศพละ 4 เมตร เศษชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจาย โดยที่ส่วนใบหน้าถูกรถไฟทับจนเละ ขาดออกจากลำตัว อายุประมาณ 15-17 ปี พบรอยสักยันต์ตามลำตัวทั้ง 3 ราย และยังพบเครื่องรางจตุคามรามเทพ แตกหักครึ่งหล่นอยู่ข้างศพรายหนึ่งด้วย

จากการสอบสวนนายเรวัต ได้ขับรถไฟ จำนวน 40 โบกี้จากแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อมารับสินค้าที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นวัยรุ่นทั้ง 3 คน ใช้ต้นกระถินปูพาดบนรางรถไฟแล้วนอนเรียงกันทั้ง 3 คน ไม่สามารถเบรกรถได้ทัน จึงทับทั้ง 3 คนเสียชีวิต ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้ง 3 รายเป็นวัยรุ่นลองของ รอยสักยันต์ และ จตุคามรามเทพ หรืออาจจะเป็นการฆาตกรรมอำพราง ซึ่งจะได้สอบสวนต่อไป



                                           ขอบคุณภาพและข่าวจากเว็บสนุกดอทคอมค่ะ

16
    ทุกๆท่านที่เข้ามาเห็นบทความแล้วอย่าเพิ่งท้อใจที่จะอ่านค่ะ เพราะกวางพิมพ์ให้สมาชิกในเว็บบอร์ดได้อ่านด้วยความตั้งใจเลย พอดีมีลูกค้ามาบริจาคหนังสือที่ร้านค่ะ แต่เป็นหนังสือคู่สร้างคู่สม ว่างงานค่ะลูกค้าไม่มี เลยเอามาเปิดอ่านดู อ่านไปๆ ก็มีเรื่องราวสามีภรรยาทั่วไป
แต่ไปเจอบทความหนึ่ง อ่านแล้วโดนค่ะ  ซึ่งข้อมูลในนั้นก็ฟอเวิร์ดเมลส่งต่อๆกันมาจนไม่รู้เจ้าของ
แต่ยังไงก็ขอบคุณผู้ลงข้อมูลหนังสือ คู่สร้างคู่สมฉบับปี 2547 และเจ้าของข้อมูลด้วยค่ะ :053:
    








            มองโลกในแง่ดี



แด่ทุกท่านที่กำลังทำงานหนักเพื่ออะไรบางอย่างในชีวิต

และข้อปฏิบัติสำหรับผู้ต้องการเพิ่มEQ ของตัวเอง


-หัดคิด...แต่ด้านบวก แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้
-หัดฝัน..แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่
-หัดพูด...แต่ด้านบวก แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากที่รักเรา
-หัดยิ้ม...แล้วจะรู้ว่าเราคือคนน่ารัก
-หัดฟาดฟัน...กับอุปสรรคแล้วจะรู้ว่าเราคือคนเข้มแข็ง
-ลองทน..แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร
-ลองออกกำลังกายทุกวัน..แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง
-ลองคิดเอาชนะ...แล้วจะรู้ว่าเราเอาชนะตัวเองได้ไม่ยาก
-ลองคิดให้ใหญ่..แล้วเราจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ


...นักพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่งได้เริ่มหยุดการสัมมนาของเขาโดยการหยิบแบงค์พัน ขึ้นมา

ในห้องที่มีผู้เข้าร่วมสัมมนา 200 ท่าน แล้วเขาก็พูดว่า
       
          "ใครอยากได้แบงค์พันนี้บ้าง"

มือได้ถูกยกขึ้นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า..
          "ฉันจะให้เงินแบงค์พันนี้แก่หนึ่งในพวกท่านแต่ตอนแรกฉันจะทำอย่างนี้"

เขาเริ่มที่จะขยำเงินนั้นแล้วเขาก็ถามอีกว่า..
          ".ใครยังต้องการมันอีก"

ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก
           "ดี" เขาตอบ

           "แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ"

และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้นและเริ่มเหยียบย่ำมันด้วยรองเท้า(ไม่น่าเลย :067: )
มันทั้งยู่ยี่และสกปรก


           "ตอนนี้ยังมีใครต้องการมันอีก"

ก็ยังมีคนยกมืออีก
   

       "เพื่อนๆ คุณได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่าค่ามากที่สุดบทหนึ่งว่า..
ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเงิน คุณก็ยังต้องการมันอยู่ เพราะว่ามันมันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวของมันลงเลย มันก็ยังมีค่าเป็นเงิน 1,000 บาทอยู่นั่นเอง"
       
   เหมือนกับหลายๆครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ถูกเหยียบย่ำและถูกทำให้สกปรก
สิ่งเหล่านั้นอาจจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณค่าของตัวเองลดน้อยลง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คุณก็ไม่เคยสูญเสียคุณค่าของตัวคุณ คุณยังเป็นคนพิเศษและมีคุณค่าในตัวเองตลอดไป...




  อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันนี้  (โอ๊วววมันโดน :070:)

17




นักเรียนคือ . . .
ผู้มีอาชีพรับจ้างเรียนหนังสือ จากผู้ปกครอง

นักเรียนคือ . . . บุคคลที่มีประสาทหูไวต่อเสียงออดหมดชั่วโมง

นักเรียนคือ . .. . นักร้องวงคอรัสเพลงชาติไทย
                     เปิดคอนเสิร์ตทุกแปดโมงเช้า


นักเรียนคือ . .. . นักบริโภคมืออาชีพ
                     ถนัดในการบริโภคขนมใต้โต๊ะเรียน

นักเรียนคือ . . . นักเศรษฐศาสตร์ ผู้มองการณ์ไกล
                    คำนวณขอค่าอุปกรณ์การเรียน เกินไว้ก่อน


นักเรียนคือ . . . นักทอล์คโชว์ฝีปากเด่นทอล์คได้
                    แม้ขณะอาจารย์สอนหน้าห้อง


นักเรียนคือ . . . นักโบราณคดี สำรวจลายมือของเพื่อน
                    ตอนลอกการบ้าน

นักเรียนคือ . . . ดีไซน์เนอร์ไอเดียเลิศ
                    มีความสามารถในการดัดแปลงชุดนักเรียนสไตล์ใหม่


นักเรียนคือ . . . ผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องทำเวรทุกสัปดาห์
                   และเรียกมันว่า "มีเวร มีกรรม"

นักเรียนคือ . . . ผู้แบกภาระหนักอึ้ง แต่ในกระเป๋านักเรียน
                   กว่าครึ่งเป็นหนังสืออ่านเล่น


นักเรียนคือ . . . ผู้มีสายตาประดุจเหยี่ยวมองเห็นฝ่ายปกครองในระยะ 100 เมตร

นักเรียนคือ . . . เรียนสนุก ลุกนั่งสบาย ลูกโง่เป็นควาย พ่อแม่วายวอด

นักเรียนคือ . . . ผู้ที่มักจะวิ่งเร็วกว่าอาจารย์อย่างเทียบไม่ติด




ที่มา : ฟอร์เวิร์ดเมล

18
แม่หนูอยู่หนายยย..... :070:




เย้ๆแม่มาแล้ว :002:





อ๊า!!!อย่ายุ่งกับลูกช๊าน.. :093: :043:




แห่ะๆไม่รู้น้องหมามันซึ้งในความรักที่แม่มีต่อลูกเลยหนี หรือว่าเพราะเจ็บ






                                                                   เคตดิต:เว็บสนุกดอทคอม

19
สวัดดีพี่น้องชางเว็บบอร์ดทุกคนค่ะ

เมื่อ3วันที่ผ่านมา กวางได้ไปบวชเนกขัมมะ ที่วัดสังฆทาน

เลยได้นำภาพมาให้ทุกๆคนได้ชมกันด้วย  :001:


เริ่มต้นจาก..ประวัติวัดสังฆทาน



วัดสังฆทาน ได้ลงทะเบียนไว้กับ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๐/๑ บ้านบางไผ่น้อย หมู่ที่ ๓ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม แวดล้อมไปด้วยสวนของราษฎร มีปูชนียวัตถุ คือ พระประธานนามว่า "หลวงพ่อโต"

                             

ความเป็นมาเนื่องจากวัดสังฆทานเป็นวัดร้างนับเป็นร้อยๆปีขึ้นไปการจดบันทึกไม่มีมีเพียงการเล่าต่อถึงความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นดังนั้น จึงได้มีการวิเคราะห์จากหลักฐานพุทธลักษณะ จากองค์หลวงพ่อโตกระเบื้องเชิงชายหน้าอุดของหลังคาอุโบสถหลังเก่า และอิฐที่สร้างองค์พระกับฐานอุโบสถกระเบื้องเชิงชาย หรือกระเบื้องหน้าอุดเป็นหลักฐานอันสำคัญชิ้นหนึ่งที่ค้นพบและ เก็บรักษาไว้ในวัดสังฆทานหลักฐานชิ้นนี้ใช้เป็นกระเบื้องประดับตกแต่งเชิงชายบนหลังคาอุโบสถสืบทอดจนถึงปัจจุบัน

จะพบเห็นทั่วไปตามวัดหลวงใช้ประกอบกับกระเบื้องกาบกล้วยเพื่ออุดรูไม่ให้นกหนูเข้าไปทำรังลักษณะกระเบื้องเชิงชายหน้าอุดของวัดสังฆทานมีลวดลายดอกบัวที่คลี่คลายปรับเปลี่ยนมาเป็นลายกนกท้ายที่สุดเป็นลายประเภทใบไม้๓แฉกซึ่งเป็นเค้าโครงดั้งเดิมของดอกบัวทำด้วยดินเผาสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่๒๑๒๒

วัดสังฆทานจะมีประเพณีทำบุญสงกรานต์ และสรงน้ำพระในเดือนเมษายน (วันที่ ๑๓-๒๐เมษายน)ทุกปี พร้อมทั้งเปลี่ยนผ้าห่ม องค์พระหลวงพ่อโตผ้าห่มที่ถูกเปลี่ยน จะนำมาฉีกแบ่งกันไปผูกข้อมือผูกคอชาวบ้านถือว่าศักดิ์สิทธิ์การบน หลวงพ่อโต มักโดยจะบนด้วยการจุดปะทัดเป็นเครื่องแก้บน "สังฆทาน" จึงกลายเป็นชื่อของวัดมาแต่เดิม...



เข้ามาในวัดแล้ว  :002: โบสถ์สวยทีเดียวค่ะ


มาถึงวัดเมื่อสมัครเป็นเนกขัมมะเรียบร้อยแล้ว ก็ไปที่พักเปลี่ยนชุดทันที!!



                       

          แห่ะๆ อัพเป็นรูปเล็กๆหน่อย เดี๋ยวหน้าจะบานไปมากกว่านี้  :075:

รูปนี้เป็นรูปในโบสถ์ปัจจุบัน



ก่อนจะฉันเพลก็ต้องสวดมนต์กันก่อน


อีกมุมหนึ่ง ขณะที่เรากำลังสวดมนต์นั้น ญาติโยมก็กำลังใส่บาตรและจัดเตรียมอาหารให้พระ แม่ชี
และนักบวชเนกขัมมะ


เมื่อสวดมนต์เสร็จหมดทุกบทแล้ว ในโรงครัวก็พร้อมแล้วเช่นกัน







20
แห่ะๆ

ไปอ่านเจอจากเน็ตมาค่ะ

ไม่ใช่อ้างอิงจากความคิดส่วนตัวแน่ :092:

เพราะนู๋เกี้ยวหนุ่ม...... :004:


เกี้ยวผู้หญิงเปรี้ยวๆต้องเกี้ยวคล่อง
เกี้ยวผู้หญิงจองหองต้องขยัน
เกี้ยวผู้หญิงลวดลายต้องไล่ทัน
เกี้ยวผู้หญิงสามัญต้องอ้อนวอน
เกี้ยวผู้หญิงสมัยใหม่ต้องใจกล้า
เกี้ยวผู้หญิงมารยาอย่าใจร้อน
เกี้ยวผู้หญิงไก่แก่ต้องแง่งอน
เกี้ยวผู้หญิงใจอ่อนต้องอ่อนตาม
เกี้ยวผู้หญิงช่างพูดอย่าพูดมาก
เกียวผู้หญิงหุบปากต้องหมั่นถาม
เกี้ยวผู้หญิงนิ่มนวลอย่าลวนลาม
เกียวผู้หญิงรูปงามต้องวางโต
เกี้ยวผู้หญิงคนชั่วต้องสอนสั่ง
เกี้ยวผู้หญิงรวยตังค์ต้องทำโก้
เกี้ยวผู้หญิงนักศึกษาอย่าคุยโว
เกี้ยวผู้หญิงยะโสอย่าขัดใจ
เกี้ยวผู้หญิงรูปชั่วต้องยอยก
เกี้ยวผู้หญิงของตกต้องเก็บให้
เกี้ยวผู้หญิงใจร้อนต้องมือไว
เกี้ยวผู้หญิงบ้านไกลต้องหมั่นเยือน
เกี้ยวผู้หญิงเดินทางต้องเงินหนัก
เกี้ยวผู้หญิงอกหักต้องเป็นเพื่อน
เกี้ยวผู้หญิงรุ่นน้องต้องหมั่นเตือน
เกี้ยวผู้หญิงที่เป็นเพื่อนต้องใจเย็น
เกี้ยวผู้หญิงชนิดใดก็ไม่ว่า
อย่าไปเกี้ยวเมียเค้าให้ผัวเห็น
ประเดี๋ยวเลือดหัวจะกระเซ็น
ตัวกระเด็นตกบ้านเท่านั้นเอย.......




ปัจจุบัน 2009 คงยังจะใช้ได้อยู่เป็นแน่แท้ค่ะ  :015:




อ้างอิงจากเว็บสนุกดอทคอม ค่ะ

21
คะแนนบุญ

ขายสินค้าคุณภาพดีราคาต่ำ 1 ครั้ง 0.3บุญ

เก็บกวาดขยะถนน คูคลอง 1 ครั้ง 0.4บุญ

บริจาคเงินช่วยงานศพ 10 บาท 0.7บุญ

การบำเหน็จ ลงโทษยุติธรรม 1 ครั้ง 0.7บุญ

 เก็บทรัพย์ได้คืนเจ้าของ 10 บาท 1 บุญ

บริจาคเงินแก่คนยากไร้ 10 บาท 0.7บุญ

ครูสอนคุณธรรม ทำความดี 1 ครั้ง 1 บุญ

 ถูกหยามไม่โกรธ 1 ครั้ง 1 บุญ

 บริการให้ความสะดวก 1 ครั้ง 1 บุญ

เก็บหล่นธัญญาหาร 10 เม็ด 1 บุญ

 ปล่อยนกปล่อยปลา 1 ชีวิต 1 บุญ

 ให้สัจจะทำตามสัญญา 1 ครั้ง 1 บุญ

 พิมพ์แจกหนังสือธรรม 1 เล่ม 3 บุญ

 ยกย่องครูอาจารย์ 1 ครั้ง 1 บุญ

 ผู้น้อยรับใช้ผู้ใหญ่ 3 บุญ

เสียภาษีครบถ้วน 1 ครั้ง 3 บุญ

 บริจาคยารักษาโรค 1 ครั้ง 3 บุญ

 รับใช้พ่อแม่ 1 ครั้ง 4 บุญ

ไม่รับสินบน ทำตามหน้าที่ 1 ครั้ง 8 บุญ

 ขุดลอกระบายคูคลอง 1 ครั้ง 9 บุญ

 ระงับคดี 1 ครั้ง 10 บุญ

แสดงละครแนวสร้างสรรค์คุณธรรม 1 ครั้ง 10 บุญ

 อดกลั้นตัณหาราคะ 1 ครั้ง 10 บุญ

 กินเจ 100 บุญ

 พี่น้องรักใคร่ไม่แก่งแย่ง 100 บุญ

ไม่ยอมคบชู้เมื่อมีโอกาส 1 ครั้ง 100 บุญ

มีสามีภรรยาคนเดียวตลอดชีพ 1,000 บุญ

 ทำลายซ่องโสเภณี 1 แห่ง 1,000 บุญ

ซื่อสัตย์สุจริต 5,000 บุญ

สละชีวิตเพื่อชาติ 5,000 บุญ

 บริจาคที่ดินเพื่อประโยชน์ต่อสังคม 1 ฟุต 9,800 บุญ

บำเบ็ญธรรมะจริงจัง 10,000 บุญ

หญิงครองม่ายไม่ด่างพร้อยตลอดชีพ 10,000 บุญ

ดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ กตัญญูตลอดชีวิต 100,000 บุญ

คะแนนปาป

ทิ้งขยะลงบนถนนคูคลอง 1 ครั้ง 0.4บาป

ล่ายิงสัตว์ 0.5บาป

ไม่เหลียวแลพ่อแม่ 1 วัน 0.5บาป

ค้างหนี้ไม่ชำระ 10 บาท 0.6บาป

 รับทรัพย์อันมีชอบ,ฉ้อโกง 10 บาท 1 บาป

 พูดเท็จ,ผิดนัด 1 ครั้ง 1 บาป

ปากร้ายด่าคน นินทาคน 1 บาป

ทิ้งข้าว 10 เม็ด 1 บาป

ลบหลู่ครูอาจารย์ 1 ครั้ง 1 บาป

 เที่ยวขีดเขียนที่สาธารณะ 1 ครั้ง 1 บาป

ฆ่ากุ้งปลาเป็นอาหาร 10 ชีวิต 1 บาป

 เก็บทรัพย์ได้ไม่คืนเจ้าของ 10 บาท 1 บาป

โกรธเคืองพ่อแม่ 1 ครั้ง 1 บาป

สามีทะเลาะกับภรรยา 1 ครั้ง 2 บาป

 โกรธไม่หาย 3 บาป

 ภรรยาบ่นว่าสามี 1 ครั้ง 3 บาป

ลงโทษไม่ยุติธรรม 1 ครั้ง 3 บาป

ส่งเสริมคนชั่ว 1 ครั้ง 4 บาป

พูดล้อเลียนผู้มีปมด้อย 1 คำ 5 บาป

 ปลอมปนสินค้า ขายยาปลอมยาเสื่อม 1 ครั้ง 5 บาป

 เล่นพนัน 1 ครั้ง 5 บาป

 ไม่ยอมเสียภาษี 1 ครั้ง 8 บาป

ขัดคำสั่งพ่อแม่ 1 ครั้ง 10 บาป

 คบชู้ 1 ครั้ง 100 บาป

ยุให้เกิดเรื่องราว 1 เรื่อง 100 บาป

 แสดงละครพาเสื่อมศีลธรรม,ลามก 1 ครั้ง 100 บาป

 เที่ยวซ่อง 1 ครั้ง 100 บาป

พี่น้องโกรธเคืองกัน 100 บาป

 ปิดกั้นทางสัญจรน้ำหรือบก 400 บาป

ตั้งซ่องโสเภณี 1 แห่ง 1,000 บาป

ก่อความวุ่นวายแก่บ้านเมือง 1 ครั้ง 1,000 บาป

 ทำแท้ง 1 ครั้ง 1,000 บาป

 แย่งสามี-ภรรยาผู้อื่น 1 ครั้ง 1,000 บาป

ฆ่าตัวตาย 1,000 บาป

สร้างหนังสือลามก 1 เรื่อง 3,000 บาป

 สร้างความด่างพร้อย

 แก่หญิงม่าย 1 คน10,000 บาป

ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้าน 10,000 บาป

 ภรรยาข่มเหงไม่นับถือสามี 15,000 บาป

ข่มขื่นหญิง 1 ครั้ง 15,000 บาป

หลงเมียน้อย ข่มเหงเมียหลวง 15,000 บาป

ใช้เวทมนต์ คาถาทำร้ายคน 20,000 บาป

 รับสินบนรังแกคน 20,000 บาป

 เนรคุณผู้มีพระคุณ 20,000 บาป

ฆ่าชิงทรัพย์ 1 ครั้ง 25,000 บาป

 ตัดไม่ทำลายป่า ตกเดรัจฉานภูมิ 30,000 บาป

ขายชาติ ตกอเวจีตลอดกาล 50,000 บาป

ผู้ใดสะสมสร้างบุญ-บาป เมื่อหักล้างกัน ถ้ามีบาปมากกว่าบุญได้เกิดเป็นเดรัจฉานตามกรรมแห่งตน ถ้ามีบุญมากกว่าบาป แต่ไม่ถึง 3,000 บุญ จักได้เกิดเป็นมนุษย์อีก ถ้ามีบุญมากกว่าบาป ตั้งแต่ 3,000 บุญขึ้นไปจักได้เป็นเทพชั้นล่าง จำนวนบุญมากกว่า 10,000 บุญขึ้นไป จักได้เป็นเทพชั้นกลาง จำนวนบุญมากกว่า 15,000 บุญขึ้นไป จักได้เป็นเทพชั้นสูง จำนวนบุญมากกว่า 100,000 บุญขึ้นไปจักได้เป็นพุทธะ,เทพเจ้า ณ สุขาวดีแดนสุขสันต์





                 ขอบคุณข้อมูลจากคุณ  fufufu555 เว็บสนุกดอทคอมค่ะ
 

22
แห่ะๆ เมื่อกี้ได้ไปอ่านกระทู้เกี่ยวก้บเรื่องของหลวงปู่ดู่วัดสะแก ค่ะ

เลยนึกคิดขึ้นมาได้ว่า

 เมื่อปีที่แล้ว(ได้มั้ง)กวางได้ไปทำบุญที่วัดแถวบ้านน่ะค่ะ :054:

แล้วไปเจอคุณลุงคนนึงซึ่งกวางเองไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จัก :058:

ท่านนึกยังไงไม่ทราบชวนกวางคุยเรื่องพระเครื่องค่ะ :049:

กวางก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพระเครื่องเท่าที่ควร :065:

แต่ก็เป็นความชอบในการดูและเก็บสะสมค่ะ :001:

คุยไปคุยมาคุณลุงท่านก็ให้แหวนพระมา(ฟรีซะด้วยค่ะ แต่ก็ สาธุ :054:)

คุณลุงบอกว่าเป็นแหวนหลวงปู่ดู่ รุ่น 2  (จริงรึเปล่าไม่รู้ค่ะ)

ตามมารยาทเลยรับมา ซึ่ง มันเป็นแหวนวงใหญ่ :074:

แต่!!กวางใส่ได้พอดีเป๊ะ!!!(เพราะนิ้วใหญ่ด้วย :095:)

เป็นเพราะอะไรไม่ทราบค่ะ

ทั้งๆที่"หลวงปู่ดู่ วัดสะแก" กวางยังไม่เคยรู้จัก

แม้กระทั่งรูปของท่านก็ยังไม่เคยเห็น

แต่กวางก็ใส่ติดนิ้วตลอด หลังจากที่คุณลุงคนนั้นให้มา

จนถึงทุกวันนี้

เลยถ่ายรูป ให้พี่ๆช่วยดูให้ทีค่ะ

ว่า เป็นแหวนหลวงปู่ดู่ วัดสะแก รุ่น2 จริงรึเปล่า











   

   

   


แต่ถึงผลจะออกมาว่า จริง หรือปลอม กวางก็ยังคงใส่ติดนิ้วเหมือนเดิมอยู่ดีแหล่ะค่ะ

เพราะมันชินซะแล้ววว :009:




                                                                 


    ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ก็ขออภัยและ :054:ขอบคุณพี่ๆล่วงหน้า ณ โอกาสนี้ค่ะ

23
บังเอิญไปอ่านเจอมาจาก bloggang ของคุณ cookiecompany&month อ่านแล้วมีประโยชน์มาก ไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่ๆโดนกันบ้างหรือป่าว หรือยังไง คิดว่าลองอ่านแล้วเก็บไว้ป้องกันก็ดีนะ เผื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะได้ไม่โดนหลอก คนเราเดียวนี้ก็หากินกันแปลก เรามาดูกลโกงกันดีกว่าค่ะ อันตรายจริง ๆ เดี๋ยวนี้ มีกลโกงใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวันเลยนะคะ




รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้แก๊งค์หลอกลวงผ่านโทรศัพท์ได้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ จากเดิมที่อ้างว่าเป็นผู้โชคดีถูกรางวัล หรือได้รับคืนภาษีเงินได้ ล่าสุดได้เปลี่ยนมาอ้างว่า มีหมายศาล ถูกฟ้องคดีอาญา เพื่อหลอกให้เหยื่อตกใจให้ข้อมูลเลขบัตรประชาชนหรือโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มให้

หนึ่งในผู้ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการนี้ กล่าวว่า มิจฉาชีพโทรเข้าโทรศัพท์มือถือของตน โดยไม่แสดงเลขหมาย เมื่อรับสายได้มี ระบบอัตโนมัติ แจ้งว่า "ขณะนี้ท่านมีหมายศาล ถูกฟ้องในคดีอาญา หากต้องการทราบรายละเอียด กด 1"

ทำให้ตกใจมาก จึงรีบกด 1 เพื่อขอทราบรายละเอียดทันที

หลังจากนั้นจะมีผู้รับสายแจ้งว่า "ศาลอาญา สวัสดีคะ ติดต่อเรื่องอะไรค่ะ" ผู้เสียหายจึงได้แจ้งว่าขอทราบรายละเอียดที่ตนถูกหมายศาล ปลายสายจึงได้แจ้งว่า ขอเลขบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบข้อมูล ด้วยความตกใจจึงรีบหาบัตรประชาชนเพื่อเตรียมบอกเลขบัตร 13 หลัก แต่บังเอิญแบตมือถือของตนหมดเสียก่อน

"ด้วยความตกใจกลัวมาก เลยรีบโทรกลับไปศาลอาญา กรุงเทพฯ ปรากฏว่า ประชาสัมพันธ์ของศาลแจ้งให้ทราบว่า ตนเองถูกหลอกแล้ว ศาลอาญาไม่เคยโทรศัพท์ไปหาประชาชนในกรณีแบบนี้

ตอนนี้มิจฉาชีพเริ่มใช้กลอุบายนี้หลอกลวงประชาชนเพื่อขอเลขบัตรประชาชนและ หลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มมากขึ้น หลังจากคนเริ่มรู้ทันกลลวงเรื่องเป็นผู้โชคดีถูกรางวัล หรือได้รับภาษีคืน"

ดังนั้นหากผู้ใดได้รับโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าว ประชาสัมพันธ์ศาลอาญาแจ้งว่า อย่าให้ข้อมูลเลขบัตรประชาชน หรือไปที่ตู้เอทีเอ็มตามที่แก๊งค์มิจฉาชีพแจ้งมาเด็ดขาด

หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อไปที่ศาลอาญา โทรศัพท์ 02-541-2284 ถึง 90
                                                                             
                                                                                  อ้างอิงจาก: bloggang

24


ที่หัวตะกรุดพิมพ์ไว้ว่า "๙พยัคฆ์ ๒บารมี วัดบางพระ นครปฐม"


ด้านหลังของซองค่ะ



ด้านหน้าซอง








ตะกรุดนี้ได้เช่ามาจากวัดบางพระเมื่อวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นค่ะ

เช่าจากหน้ากุฏิ ล.พ ญา (ตรงที่ครอบเศียรน่ะค่ะ)

ตอนจะตัดสินใจจะเช่า พี่ที่อยู่ที่แผงเค้าก็ถามว่า

ต้องการแบบด้านไหน

กวางเลยบอกไปว่าขอแบบขึ้นเรื่องการงาน  :017:

พี่เค้าก็ยื่นตะกรุดนี้ให้ค่ะ

บอกพุทธคุณเสร็จสรรพ :015:

เกิดความสนใจแล้วก็รีบด้วย

เลยตัดสินใจเช่ามา  :054:    แต่ไม่ได้สอบถามรายละเอียดอะไรมาก

ต่อมาก อ๊ะ ชักมีคนถามเยอะค่ะ ว่าเป็นตะกรุดอะไร ? :062:   

 เอาแล้วสิ ชักตอบไม่ถูก  :010:

จะตอบตามที่หลังซองตะกรุดเขียนไว้ ก็กลัวจะผิดพลาด  :086:

ถามว่าของพระอ.ท่านไหนล่ะ  --*    "...."(ในใจคิดว่าของล.พ ญา ค่ะ แต่ไม่แน่ใจ)

ยังไงก็..ท่านไหนที่ทราบก็บอกทีนะคะ   ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ   :002:





   ขออภัยนะคะที่ภาพอาจจะไม่ค่อยชัด เพราะถ่ายตอนกลางคืนและใช้กล้องโทรศัพท์ค่ะ  :075:

25
                     

ฮือฮากรุเมืองกาญจน์แตก พบพระเครื่องตำราโบราณ (ไทยรัฐ)

         วันนี้ (7 เมษายน) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดบ้านทอง (วัดท่าล้อ ) เลขที่ 99 บ้านท่าล้อ หมู่ 1 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังจากทราบข่าวกรุแตกมีการพบพระเครื่องและตำรายาโบราณจำนวนมาก โดยพบว่า มีชาวบ้านและเซียนพระที่ทราบข่าวแห่กันมาดูจำนวนมาก

         โดยที่ศาลาวัดผู้สื่อข่าวได้พบกับ พระยุทธนา ชุติปัญญา อายุ 38 ปี พระลูกวัดกำลังตรวจสอบพระและตำรายาโบราณ ที่นำมาไว้ในพานก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การค้นพบพระดังกล่าว เนื่องจากเมื่อเย็นวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางพระลูกวัดและกรรมการวัด ได้นำพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ทำจากปูนผสมทราย อายุกว่า 100 ปี ที่นำมาจากโบสถ์หลังเก่าเมื่อหลายปีที่แล้ว มาไว้บนฐานภายในศาลาวัด ปรากฏว่า ขณะกำลังยกพระอยู่ ปูนที่ใต้ฐานพระเกิดหลุดออกมาทำให้มีพระเนื้อดินกว่า 100 องค์ และตำรายาโบราณ ตกลงมา จึงตรวจสอบใต้ฐานพระพบว่ามีการหล่อปูนเป็นช่องๆ 3 ช่อง เพื่อเก็บพระและตำรายาโบราณ โดยอายุของพระเนื้อดินและตำรายาโบราณที่พบจากคาดว่าน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางวัดไม่ได้เปิดให้บูชาพระที่พบ เนื่องจากต้องการรอเก็บเอาไว้ให้พระชั้นผู้ใหญ่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบก่อน และจะปรึกษากับกรรมการวัดอีกครั้ง

         ผู้สื่อข่าวสอบถามบรรดาเซียนพระที่เดินทางมาดูทราบว่า พระที่พบเป็นพระเนื้อดินปางสมาธินั่งซุ้มประตูเส้นคู่ กว่า 100 องค์ และตำรายาโบราณที่พบน่าจะทำจากกระดาษสา ส่วนอายุความเก่าคงต้องรอการพิสูจน์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

         สำหรับวัดบ้านทอง หรือวัดท่าล้อ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ 50 ไร่ 74 ตารางวา ก่อตั้งเมื่อปี 2400 ชื่อเดิมคือวัดสุวรรณาราม ปัจจุบันเรียกว่าวัดบ้านทองหรือวัดท่าล้อ มีพระครูสุตกาญจนสิทธิ์ เป็นเจ้าอาวาส ปัจจุบันป่วยด้วยโรคชรานอนพักรักษาตัวอยู่บนกุฎิ จึงมอบหมายให้ พระยุทธนา ชุติปัญญา พระลูกวัดดูแลแทน



                                                                       

                                                    <อ้างอิงมาจากเว็บ:กระปุกดอทคอม ค่ะ>

26
ได้ไปเจอภาพอดีตวัดแห่งหนึ่งในประเทศจีนค่ะในอินเตอร์เน็ต
ชื่อว่า"วัดXianแก้เสี้ยน" เห็นแปลกดี เลยก็อปภาพนำมาแบ่งให้เพื่อนๆได้ดูกัน





แต่มาวัดนี้ไม่มีปัญหารถติดแน่นอนค่ะ  :004: แค่คนเดินกระดื๊บๆๆๆ ยังตามกันไม่ทันหากอยากจะมาถึงจุดสุดยอด!!ก็ต้องมาด้วยขาของท่านเอง :052:





เอ..ตะปูของจีนมันจะแน่นหนามั้ยน๊อออออออ :004:




นี่คืดสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งภูเขา. Mt.Huashan
สถานที่นี้ในอดีตเคยเป็นวัดมาก่อนแต่ปัจจุบันได้กลายเป็นที่พักนักท่อง เที่ยวไปแล้ว อาจเพราะมีคนมาเที่ยวเยอะหรือไม่ก็ปัญหาการออกบิณฑบาตร




ด้วย ความสูง 2,090 (6,857 ft) เหนือระดับน้ำทะเล (ยกเว้นใครจะถือขวดใส่น้ำทะเลขึ้นไปนะ ตึ๊งโป๊ะ!! :074:) ที่แห่งนี้ได้รับสมยานามว่า หน้าของพระอาทิตย์เพราะบนยอดเขาแห่งนี้เป็นสุดยอดทำเลในการชมพระอาทิตย์ขึ้น



                                                                    [อ้างอิงมาจากเว็บ สนุก ดอท คอมค่ะ^^]

27
สวัสดีพี่ๆชาวเว็บวัดบางพระทุกท่านค่ะ

คือกวางอยากรู้ว่า ลายสักยันต์ที่ขึ้นกับเรื่องการงานความสำเร็จไรงี้อ่ะค่ะ

แต่ไม่เกี่ยวกับมหาเสน่นะคะ

มียันต์อะไรบ้าง (ที่นอกจากยันต์5แถว)   เพราะถ้ากดเข้ากูเกิลแล้วมันก็ขึ้นไม่ค่อยตรงตามความต้องการน่ะค่ะ

เลยต้องมารบกวนพี่ๆอีกที

ยังไงก็ช่วยลงรูปให้ดูด้วยนะคะ
    :054:





                                                     [ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับข้อมูลจากพี่ๆนะคะ]

28
คุณรู้หรือไม่...ดูดวงแบบแปลก ๆ ในโหราศาสตร์ออนไลน์

ความเชื่อด้านโหราศาสตร์ โชคชะตา อิทธิฤทธิ์ อภินิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเรื่องเร้นลับต่าง ๆ ฝังอยู่ในความรู้สึกของคนไทยอย่างแยกไม่ออก เริ่มตั้งแต่เกิด บางคนต้องหาฤกษ์คลอดเพื่อไม่ให้ลูกดวงชงกับพ่อแม่ การตั้งชื่อต้องเป็นมงคล มีความหมายที่ดี ไม่มีอักษรกาลกิณีที่ชื่อ แม้พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ?อย่าเชื่อในสิ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์? แต่เรากลับบอกว่า ?ไม่เชื่ออย่าลบหลู่?
 

ความเชื่อในชีวิตออนไลน์
 
แม้เราจะเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เทคโนโลยีเปรียบเสมือนแขน ขา ที่ 3 แต่ความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์ยังคงอยู่และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเช่นกัน มีเว็บไซต์ดูดวงผุดขึ้นใหม่ ๆ ทุกวัน หากเราลองเสริชคำว่า ?ดวง? ใน Google มีผลการค้นหามากกว่า 8 ล้านเว็บ!!!!

 


 
สิ่งที่ต้องมีในเว็บ ดวง
 
เมื่อเราคลิกเว็บ ดูดวงสักเว็บเราจะเสี่ยงว่าจะเจอ ดวง แบบไหน เพราะเดี๋ยวนี้มีบางเว็บต้องการติดอันดับของ Google ด้วยการใส่คำค้นหาหลากหลายที่ไม่ได้เกี่ยวกับเว็บไซต์ของตนเองเลย แต่ในเว็บดูดวงของแท้ ส่วนใหญ่จะดูดวงจาก กราฟชีวิต ไพ่ยิปซี ไพ่ป๊อก ฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง ลายมือ ดูความรัก คู่สมพงศ์ ดวงตามวันเกิด ตามเดือนเกิด ตามปีเกิด ทั้งแบบ พ.ศ. ค.ศ. ปีนักษัตร และสารพัดรูปแบบ
 
บางเว็บการดูดวงมีแปลกกว่าที่กล่าวไว้ข้างต้น เช่น เว็บ hxxp://rahu.moohin.com/dog.shtml ที่เปรียบเทียบผู้ชายที่เกิดแต่ละวันว่าตรงกับสุนัขสายพันธุ์ไหน และควรเลี้ยงยังไง หรือ เว็บ hxxp://www.thaiebayuser.com/zodiac/index.php หากคุณทำการค้าบน อีเบย์ เว็บประมูลออนไลน์ จำเป็นต้องคลิกอ่าน เพราะที่นี่เค้าจะดูดวงว่าภายในสัปดาห์นี้ ควรลงขายสินค้าอะไร แล้วอาทิตย์นี้จะขายได้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีเว็บ hxxp://www.deathclock.com/ ที่จะช่วยทำนายให้คุณรู้ว่าคุณจะตายเมื่อไหร่ แต่ ถ้าหากอยากรู้ว่า ชาติที่แล้วคุณเกิดเป็นอะไรมาก่อน อยู่ที่ไหน เพศชายหรือหญิง ต้องมาที่เว็บ hxxp://www.thebigview.com/pastlife/ สามารถบอกคุณได้ เพียงแต่คุณจะจำได้หรือเปล่า
 
สิ่งที่แน่นอน คือ สิ่งที่ไม่แน่นอน

หลายคนต้องการหาสิ่งยึดเหนี่ยว หาที่พึ่งทางใจ สิ่งที่ทำแล้วสบายใจไม่ว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ก็ต้องได้ไว้ในครอบครอง แต่บางครั้งต้องเดินทางสายกลาง เชื่อแต่พอดี ผู้เขียนลองศึกษาเว็บเรื่องดูดวง พบเห็นแต่การทำนายในช่วงของอดีต และปัจจุบัน ยังไม่เห็นมีเว็บไหนเขียนทำนายเลยว่า ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไร เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน หากมัวแต่รอฟ้ากำหนดโดยไม่ลงมือทำ ความสำเร็จในชีวิตมีค่าเท่ากับศูนย์
 







[อ่านเจอในอินเตอร์เน็ตค่ะ เลยเอามาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ถ้าเก่าไปหรือใครเคยอ่านแล้วก็ขออภัยด้วยนะคะ]

29
ชาวพุทธฯ ตะลึงเกิด 4 อัศจรรย์ครั้งเดียวในโลก วันมาฆบูชา (อ.ส.ม.ท.)



          วันมาฆบูชา หมายถึง การบูชา ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) นับเป็นวันพิเศษ ที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา เพราะในวันนี้นอกจากเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ ซึ่งประกอบด้วยความพิเศษ 4 ประการที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต นั่นคือ เป็นวันที่พระสงฆ์  จำนวน 1,250 รูป  มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระสงฆ์เหล่านั้น ล้วนเป็นเอหิภิกขุ คือ ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า และล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6 จึงเป็นการเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์เป็นครั้งแรก และเป็นเพียงครั้งเดียวในสมัยพุทธกาล

เมื่อพระองค์ยังทรงพระชนมชีพอยู่และทรงประทับอยู่ ณ วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ก่อนเข้าพรรษาที่ 2 (หลังจากตรัสรู้ 9 เดือน) ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะ ที่จะแสดงโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นการประกาศหลักการ  อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติ ในการเผยแพร่พุทธศาสนา ให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม  ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคือ ให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ผ่องใส  ซึ่งหลักธรรมคำสอนดังกล่าว จะเรียกว่าเป็นธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา หรือ หัวใจของของพุทธศาสนาก็ได้ ดังนั้น โอวาทปาติโมกข์ จึงชี้ชัดถึงความเป็นสมณะ และบรรพชิตในพระพุทธศาสนาที่ แตกต่างจากศาสนาอื่น  อันเป็นรากฐานที่ทำให้พระพุทธศาสนา มั่นคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน


สำหรับในประเทศไทยนั้น พิธีบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา เริ่มมีเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  พระองค์ทรงปรารภ ถึงความสำคัญของวันมาฆบูชาว่า มีเหตุการณ์สำคัญ 4 ประการ ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต เกิดขึ้นในวันมาฆบูชา จึงเห็นสมควรที่พุทธศาสนิกชนจะได้ทำการบูชา เพื่อระลึกถึงความสำคัญของวันดังกล่าว โดยโปรดให้มีการประกอบพระราชกุศลในเวลาเช้า ด้วยการนิมนต์พระสงฆ์เจริญ   พระพุทธมนต์ และฉันภัตตาหารในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลาค่ำพระองค์จะเสด็จออกฟังพระสงฆ์ทำวัตรเย็น สวดโอวาทปาติโมกข์ และทรงจุดเทียนเรียงรายตามราวรอบ พระอุโบสถ  จำนวน 1,250 เล่ม  พระภิกษุเทศนาโอวาทปาติโมกข์  พระสงฆ์จำนวน 3 รูป สวดมนต์รับเทศนา เป็นเสร็จพิธี

 ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงนำพิธีบูชา เนื่องในวันมาฆบูชาไปประกอบในสถานที่อื่นๆ นอกพระบรมมหาราชวัง ในคราวเสด็จประพาสต้น เช่นบางปะอิน, พระพุทธบาท, พระพุทธฉาย, พระปฐมเจดีย์, พระแท่นดงรัง เป็นต้น ประชาชนได้นำเอาพิธีบูชา เนื่องในวันมาฆบูชา ไปปฎิบัติกันอย่างกว้างขวาง และสืบมาจนถึงปัจจุบัน



     แนวทางที่พึงปฏิบัติสำหรับ พุทธศาสนิกชนเนื่องในวันมาฆบูชา         
          1.  ให้ทาน ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณร ในช่วงเช้า หรือเพล  บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ยากไร้ และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์

          2.  รักษาศีล  สำรวมระวังกายและวาจา  ด้วยการรักษาศีล 5 หรือศีล 8 พร้อมทั้งบำเพ็ญเบญจธรรมสนับสนุน

          3.  เจริญภาวนา บำเพ็ญภาวนา ด้วยการไหว้พระสวดมนต์ และปฏิบัติธรรมและวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐาน 4  ได้แก่

                กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ให้พิจารณากายนี้สักแต่ว่ากาย มิใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา

                เวทนานุสติปัฏฐาน ให้พิจารณาเวทนา คือ สุข ทุกข์ และไม่สุข ไม่ทุกข์ เป็นอารมณ์ ว่า เวทนานี้สักว่า เวทนา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา

                จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ให้พิจารณาใจที่เศร้าหมอง หรือผ่องแผ้ว เป็นอารมณ์ว่าใจนี้ก็สักว่าใจ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา

                ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ให้พิจารณาธรรมที่เป็นกุศล และอกุศล ที่บังเกิดกับใจเป็นอารมณ์ว่า ธรรมนี้ก็สักว่า ธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา

          เนื่องในโอกาสที่วันมาฆบูชา  อันเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติกระทรวงวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ประพฤติปฏิบัติธรรม โดยการนำครอบครัวไปบำเพ็ญกุศล การทำบุญใส่บาตรในตอนเช้า ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม และฟังพระธรรมเทศนา ในตอนเย็นพาครอบครัวไปเวียนเทียนที่วัด เพราะวันสำคัญทางศาสนา ถือเป็นอีกวันหนึ่ง ที่ทุกคนในครอบครัว ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ดำเนินกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน เพื่อสร้างความสุขและความอบอุ่นในครอบครัว รวมทั้งนำหลักธรรม มาเป็นแนวทางปฏิบัติ เมื่อทุกคนมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับความสำคัญของวันมาฆบูชาแล้ว ก็สามารถดำเนินชีวิตตามหลักธรรม เกิดความศรัทธาและรู้จักปฏิบัติตนตามหน้าที่ ของพุทธศาสนิกชนที่ดีได้อย่างถูกต้อง และมีความสุขตลอดไป



          ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือวันมาฆบูชา ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ





(ข้อมูลที่นำมาให้อ่านนั้นเห็นว่ามีสาระความรู้น่าอ่านแต่ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ)^^

30
พอดีว่าแมวอื่นอ่ะค่ะ(ไม่ใช่แมวที่บ้าน)มันมาคลอดลูกในบ้านค่ะ

แล้วมันออกมาในลักษณะเหมือนยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่

เหมือนตายในท้องอ่ะค่ะไม่ได้คลอดออกมาแล้วตาย

เลยอยากรู้ว่าเราควรจะฝังเค้าไป

หรือเก็บไว้คะ

หรือถ้าเก็บไว้แล้วดี ดีอย่างไรคะ





<รูปอ้างอิงจากในอินเตอร์เน็ตค่ะ แต่ลักษณะของแมวที่มาคลอดในบ้านหนูนั้นเป็นคล้ายๆอย่างนี้เลยค่ะ> ..(ถ้ารูปไม่ขึ้นก็ขอโทษด้วยนะคะ)

หน้า: [1]