แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Naraphat

หน้า: [1]
1
http://fr-fr.facebook.com/people/Patrick-Ritual-Dewandeleer/1243846095
 พี่น้องเราครับลองเข้าไปดูหรือไปอ่านเถอะครับแล้วท่านคิดอย่างไง  คอมเม้นท์เถอะครับเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นไทย
............................ผมหดหู่และโกรธแค้นมาก.....................

2
เผอิญผมประจเอที่เวปยูทูปนะครับ  เลยนำมาลงให้พี่น้องศิษย์หลวงพ่อได้ชม  ขอขอบคุณwww.youtube.com :054:
1.
2.3.4.5.6.7.8.............แด่ หลวงพ่อ.................

3
คือผมว่าง ๆ  เลยเดินไปดูแผงพระครับว่ามีอะไรน่าสนมั้งเลย
ไปเจอเหรียญหลวงพ่อเปิ่นเข้าให้เลยจับมาเลยครับถามว่าแท้หรือไม่ฟันะงเลยไม่ต้องเกรงใจ  และอยากสอบถามครับว่าหน้าเสือหลวงพ่อ  ปี 23 มีเนื้อผงหรือเปล่าครับ
รบกวนผู้รู้ครับ




4
ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน
ดึกๆ ผมก็โทรคุยกับแฟนของผม
ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม
และผมก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน
'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง'
'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย'
'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'
'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ'

ประโยคต่างๆ ที่ผมได้คิดและคัดสรรเตรียมพร้อมมาต่างๆ ก่อนโทร
ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์
ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ
ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน

'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ
แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน' 'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง'
'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง' 'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ' โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ

แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ
โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย
ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว
ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง
จนกระทั่งวันนั้น 'ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย'
'เร็วๆสิ เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ'
'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ'

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'
'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย'
ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป
เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ

'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่'

หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน
และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง
แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น
ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น
และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ
หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'

สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม
 
วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม

ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต
ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา

โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่
ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ
คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหา ผม
'และคนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'

ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'
มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'
อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม

หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลาย ๆ ชั่วโมงก็ทิ้งผมไป

วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเ ราเอง
'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'
ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์
รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง
แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว
******************ขอขอบคุณสาระดี ๆ จาก www.teenee.com****************

5
ไม่ขอบรรยายนะครับ ใส่เลย :070: :070: :070:  ลงเข็มหนักสมชื่อครับ  :016: :015: จะไปอีกยังไม่เข็ด..55มันส์




















หลังเจ้ซิมเปิ้ลครับ เลือดนี้ไหลๆๆๆๆๆๆๆ  มาต่อกันที่หลังผมล่ะกัน











มาต่อกันที่หลังพี่ชายผมหมวดรินทร์








และสาววปริศนา




และถ่ายภาพรวมกันครับ





6
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ไปกราบท่านอาจารย์เณรมาเลยขอความเตตาจากท่านมาครับ
วันนั้นคนเยอะมาครับเลยได้รับความเมตตามา 1 ครับ(กะว่าวันนั้นจะไปล้อมครับ)

7
ภาพแห่งความประทับใจครับที่ลูกศิษย์ลูกหาได้เข้าร่วมงานไหว้ครูประจำปี 2553
ที่เคารพต่อหลวงพ่อเปิ่นและอาจารย์เณรครับ
แต่วันนั้นถึงทำผมอึ้ง ท่านอทาจารย์เณรบอก "โยมเป็นมัคธยกให้หน่อย"  ผมคิดในใจตายล่ะตู :070:
เมื่อคืนทำไมไม่บอกจะได้เตรียมตัว  มาบอกผมตอนจะเริ่มพิธี  คิดอีกทีเอาก็เอาเพื่ออาจารย์ :093: :093:

ก่อนวันงานครับ  16 เม.ย53












ภาพวันงานไหว้ครู 53






คุณลุงท่านนี้เป็นลูกศิษย์ยุคแรกที่สักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่นครับ  สักแต่สมัยหลวงพ่อเปิ่นอยู่โคกเขมาครับ
แล้วท่านมารับราชการครูที่เชียงใหม่เมือง  2515  (เกษียณอายุราชการเเล้วครับ)












































8



 น้องม.แม่ดจ้มาสักกันในวันที่ 1 มี.ค.53
เลยขออนุญาตเผยแผ่ยันต์ ที่คูแผ่นดินสยามมานาน

9
วันที่ 1 มีนาคม  53 นี้ผมไปนัมสการท่านพระอารย์เณรวัดศรีมุลเรืองมา
เพราะวัน  25 - 27 ก.พ. 53ท่านไปสักที่ปทุมและมาต่อที่งานไหว้ครูหลวงปู่
พอท่านกลับมาเลยสนองเข็มท่านซะเลย


งานนี้เจ็บ








ขอบพระคุณครับ  ด้วยาความเคารพ :054: :054:

11
 
โจ๋เมืองชล วัย 17 ปี เล่านาทีระทึกรอดตายราวปาฏิหาริย์หลังถูกญาติเลือดร้อนกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืน 9 ม.ม. 6 นัดรวด

กระสุนพุ่งเข้าใส่หน้าท้องและก้นกบแต่เจาะไม่เข้า ทิ้งไว้แค่รอยไหม้แผลถลอกจุดเล็กๆ เจ้าตัวเชื่อเป็นเพราะบารมีเหรียญหลวงพ่อหรั่ง วัดทุ่งละหาร ที่ห้อยบูชาติดตัวมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ก.พ. นายสมพงษ์ เกิดพงษ์ ส.ท.เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ นำนายปนชัย ภู่จ้อย อายุ 17 ปี หลานชายเข้าให้ปากคำกับพ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ ชมถนอม สว.สส. สภ.ห้วยใหญ่ หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. กระหน่ำยิงเข้าใส่ 6 นัด แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณหน้าห้องแถวหลังวัดทุ่งละหาร ม.8 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นายปนชัย ให้การว่า ขณะกำลังหันหลังปิดประตูเหล็กม้วนของห้องแถวที่ตนเองดูแลอยู่ ได้มีนายฉัตรพล หรือปิ๊ก ลำดวน อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นญาติกันมีอาการมึนเมา

ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาพร้อมใช้อาวุธปืน 9 ม.ม. ยิงใส่จำนวน 6 นัด ลูกกระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ลำตัว บริเวณหน้าท้องด้านซ้ายและก้นกบรวม 3 นัด แต่กระสุนเจาะไม่เข้าเป็นเพียงรอยถลอกไหม้จุดเล็กๆ เท่านั้น ส่วนกระสุนอีก 3 นัดที่เหลือทะลุประตูเหล็กม้วน ส่วนสาเหตุที่นายฉัตรพลใช้อาวุธปืนยิงใส่น่าจะเกิดจากการระบายอารมณ์เคียดแค้นไม่พอใจ เพราะตนเพิ่งขี่จักรยานยนต์ปาดหน้านายฉัตรพลเมื่อวานนี้

นอกจากนั้น นายปนชัยยังอ้างด้วยว่า สาเหตุที่กระสุนปืนไม่สามารถทำอันตรายร่างกายของตนได้เป็นเพราะบารมีเหรียญรูปไข่หลวงพ่อหรั่ง วัดทุ่งละหาร รุ่นงานผูกพัทธสีมาวัดทุ่งละหารเมื่อปี 2504 ที่พ่อเลี่ยมทองเอาไว้ให้ห้อยติดตัวมาตั้งแต่เด็กอย่างแน่นอน

ด้านพ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นญาตินายฉัตรพลติดต่อนำตัวเข้ามอบตัวกับสภ.ห้วยใหญ่แล้ว แต่ติดปัญหาตรงหลักทรัพย์สำหรับใช้ประกันตัวยังไม่พร้อม ซึ่งพร้อมเมื่อไรจะเข้ามอบตัวสู้คดีทันที
 
 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
 

12
"....เมื่อค่ำยามคืนอย่าไปเตียวเข้าป่า ปะพบเสือเยนมันจะลากไปกิ๋น.....".เป็นคำเตือนของผู้คนชาวล้านนาที่บอกกันต่อๆมาในวิถีชีวิต

ผู้คนสมัยก่อนต้องมีคาถาอาคมประจำตัวโดยเฉพาะชายชาตรีต้องเรียนคาถาคงกระพัน ข่ามคง หนังเหนียว  บางคนเล่นหนักกว่านี้ถือคุณไสย์ที่เอาแรงสัตว์ร้ายมาป้องกันตัว เช่นควายธนู   วัวธนู   เสือโคร่ง หมูเขี้ยวตั๋น  เอาเสียซะป๊ะอย่าง

อันว่าเรื่องผีเสือเยนก็มาจากผู้เล่นคาถาเสือโคร่งที่ร้อนแรงกล้านัยว่าข่ามคงกระพัน ฟันไม่เข้ายิงไม่ออก  หรือถึงลูกปืนออกไปก็ไม่ถูกตัว อยู่รอดปลอดภัยดี  ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่เล่นพระคาถาเสื่อโคร่งต้องรักษาตนเองเรียกกันว่า " ถือ"  คือถือคำสัตย์เช่นว่า  ไม่กินฟักหม่น(ฟักเขียวเพราะจะทำลายมนต์ขลัง   ไม่กินข้าวที่บ้านศพ(เพราะเกรงว่าศพจะทำลายมนต์ขลัง  อย่างนี้เป็นต้น  เมื่อถือพระคาถานี้แล้วส่วนมากก็เป็นของร้อนเพราะมีครูชั้นสูง    ดังนั้นผู้รับพระคาถานี้ต้องยกครูแล้วสักรูปเสือเผ่นกำลังกระโดดขย้ำเหยื่อไว้ที่ร่างกาย เมื่อมีรูปเสือเผ่นก็ห้ามลอดมุดรั้ว เข้าใต้ถุนบ้านใต้ถุนครัวไฟ เมื่อถึงเวลาไหว้ครูต้องกระทำให้ถูกต้องเมื่อเวลาผ่านไปพระคาถาแก่กล้าบางครั้งก็ร้องออกมาเป็นเสียงเสือโคร่ง   แก่กล้าไปอีกก็กลายเป็นตัวเสือเดินไปมา  ลักษณะนี้เองผู้คนทั่วไปเรียกกันว่า "เสือเยน"  บางถิ่นเรียกกันว่า เสือสมิง

คำว่า " เยน " ภาษาล้านนาหมายถึง อมนุษย์รากษสหรือสัตว์ที่เกิดจากคาถาอาคาต่างๆ  ในชีวิตประจำวันเรามักได้ยินคำว่า  "ฮ้ายเหมือนยักษ์เหมือนเยน" หมายถึงคนที่เกเรเหมือนยักษ์เหมือนรากษส ดังนั้นคำว่า" เสือเยน" คือเสือ-อมนุษย์ที่เกิดจากคาถาอาคมส่วนคำว่า "ผี"คือสิ่งที่ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์แต่เป็นวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับนั่นเอง สรุปแล้วผีเสือเยน คือผีที่เร้นลับที่เกิดจากเสือเยน  ซึ่งมีหลายระดับ  ผีเสือเยนทั่วไปมักเป็นคนที่เล่นของแล้วร้อนแรงกลายเป็นเสือเที่ยวไปกินคน สัตว์ชาวบ้าน  หากคาถาลดความร้อนแรงลงก็กลับกลายเป็นคนดังเดิมบางครั้งแปลงร่างเป็นเสือให้ผู้คนได้กลัว   หากมีข่าวเสือเยนที่ใด ผู้ที่มีคาถาปราบผี จะใช้ชายผ้าซิ่นมัดปากกระบอกสินาด(ปืน)   แล้วยิงเสือเยนก็จะตายกลายเป็นศพร่างคนผีเสือเยนประเภทนี้ ตายไปแล้วก็เป็นผีดุร้ายอยู่ดี

ส่วนผีเสือเยนระดับสูงมักเป็นผู้ที่มีพระคาถาอาคมแรงแต่มีเมตตาสูง ถือศีลบริสุทธิ์แม้บางครั้งร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นร่างเสือเยน เขายังมีความรู้สึกที่ดี เพราะบำเพ็ญบารมีตะบะแก่ล้า ไม่ทำร้ายใครๆ เมื่อกลับเป็นร่างคนก็บำเพ็ญตะบะต่อไป จนเฒ่าจนแก่ บางคนเข้าวัดถือศีลแล้วบวชเป็น" ตุ๊ปู่"  หมายถึงคนมีอายุมากราวๆ สี่หรือห้าสิบปีขึ้นไปแล้วเข้าบวชเป็นพระสงฆ์  คำว่าพระสงฆ์หรือภิกษุภาษาล้านนาเรียกกันว่า " ตุ๊เจ้า "

อย่างไรก็ตามแม้จะบวชเป็นพระหรือตุ๊ปู่ตุ๊เจ้าแต่พระคาถาเสือโคร่งก็ยังติดตัวไปจนมรณภาพสิ้นอายุขัยวิญญาณจะไปเกิดเป็นปู่เจ้าสมิงพรายเฝ้าป่าเฝ้าภูเขาใหญ่น้อย สร้างบารมีให้พระคาถาเข้มข้น ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

ปู่เจ้าสมิงพราย หมายถึง    ผี(พราย)ตุ๊ปู่หรือตุ๊เจ้าที่เป็นสมิง(เสือเยน)ด้วยว่าพระคาถาที่แก่กล้ามักเรียกลมฝน บันดาลให้เกิดอาถรรพ์ในป่าใหญ่ดงหนา ป่าคาดงกว้าง   เก่งไม่เก่งลองนึกถึงท่านปู่เจ้าสมิงพรายในเรื่องพระลอดูเถอะครับ   ขนาดไม้ยางลำต้นใหญ่เจ็ดอ้อมคนยังเสกเรียกเอาให้ยอดโน้มลงมาดิน แล้วปู่ท่านก็ผูกยันต์หนีบไว้กับปลายไม้เสร็จสรรพก็ดีดมือปล่อยปลายไม้ตั้งขึ้นดังเดิมพาเอายันต์หนีบเสน่ห์แขวนห้อยลอยลมบนแกว่งไปมาส่งคลื่นมนต์ไปยังพระลอให้หลงใหลพระเพื่อนพระแพง ดังตัวอย่างต่อไปนี้ " ......ปู่เอาไม้เลียงไม้ไล่   ไม้ไผ่แขวนลูกลม    เขียนตนกลมอยู่กลาง   เขียนสองนางข้างแลองค์          สองอนงค์กอดรูปท้าว    โน้มน้าวชักชวนมา    ยันต์มายารายรอบ       รายขอบทั้งสี่คู่   ปู่ชุบมนตร์เมิลไม้   ยางใหญ่ได้เจ็ดอ้อม     ปู่ปั่นมือตีค้อม   ยอดตั้งติดดิน..."  อ่านแล้วเห็นภาพชัดๆเลยว่า  พระคาถาปู่เจ้าสมิงพราย(ผีเสือเยนตุ๊ปู่ตุ๊เจ้า)แกว่นกล้าแต๊ๆชนาดไม้ยางสูงลิ่วลิบยังเสกให้ยอดโน้มลงมาให้ผูกยันต์เสน่ห์หรือเรียกกันว่ายันต์หนีบของล้านนา

อันว่ายันต์หนีบล้านนามีหลายประเภท มีทั้งแบบรูปหุ่นเรียกกันว่า " อิ่น" บางรูปแบบเป็นแผ่นทองเหลือง แผ่นเงินเขียนรูปคนที่จะใส่เสน่ห์ไว้แล้วพับหนีบ  บางรูปแบบใช้ไม้ไผ่ตัดแต่งเป็นรูปคน  บางครั้งปั้นดินเหนียวร่างคนแฝด  โอย...ซะป๊ะซะปื๊น...แล้วแต่พ่อหมอจะทำกัน แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนหรือคล้ายกันคือพระคาถาเสน่ห์มักลงท้ายด้วยคำว่า......โอม   สวาหุมติ้ด......

ส่วนพระคาถาที่ใช้ลมเป็นกระสายพัดโบกกระพือมนต์คาถาให้ผู้ถูกเสน่ห์ร้อนรนใจที่พบเช่นว่า  "คาถาป๋าไหลลม   โดยการผูกผมกับรูปปลาไปแขวนชายเฟยไม้ให้ลมพัด ส่งพลังให้คนที่ถูกกระทำใจสั่นหวั่นหวิวนึกอยากจะมาหาเจ้าของยันต์   พระคาถาขึ้นต้นว่า   ....อมน้ำไหลหลิดหลิด  ป๋าไหลแล่นแวนแวน....(ขอสวนไว้เน้อ)...........อมสวาหุมติด  "

13
ขึด ข้อห้าม หรือ ความเฃื่อที่เป็นข้อห้ามกระทำของชาวล้านนา

ผู้คนล้านนาหากได้ยินคำว่า "ขึด" พวกเขาจะหยุดกระทำทันที
คำ ว่าขึด (อ่านออกเสียงขึ้นนาสิกวรรณยุกต์โทว่า ขึ้ด)
เป็นคำที่ปรามผู้คนมิให้กระทำโดยเชื่อกันว่าหากระทำแล้วจะเกิดความเสียหาย ต่อตนเอง
หรือครอบครัวหรือญาติๆหรือต่อส่วนรวม ในที่นี้จะขอเล่า เรื่องขึดในวิถีชีวิตคนล้านนาพอสังเขป
เพื่อให้เข้าใจว่าวิถีชีวิตคนล้านนามีการสร้างสรรค์กฎ กติกา
ข้อห้ามโดยใช้ความเชื่อปรามผู้คนมิให้กระทำในสิ่งที่ผิดหรือเสี่ยงต่อ
อันตรายในชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น


คำว่า ขึด เป็นสิ่งที่ผู้คนล้านนาได้สังเกตุต่อๆกันมาว่า
การกระทำในสิ่งที่เป็นอาถรรพ์ เสนียด จัญไร
อัปมงคล การกระทำนั้นๆย่อมทำความเสียหายเริ่มตั้งแต่การกระทำที่ตนเองเช่น
แม่มานนั่งหัวขั้นไดมันขึด
หมายความว่า ผู้หญิงตั้งครรพ์หากนั่งหัวบันไดด้านบนซึ่งเป็นที่สูงถือว่าขึด
(เพราะอาจ เป็นอันตรายหากลุกขึ้นแล้วอาจพลัดตกบันไดได้ เป็นต้น)

การตั้งเมือง

๑. เมืองก็ดี วัดวาอารามก็ดี บ้านสวนก็ดี เฮือนก็ดี กันจักแป๋งเฮือนอยู่นั้น
อย่าหื้อซื่อสายน้ามมาต้อง
ตัดสายกองใหญ่-หน้อยมาต๋ำ ตั้ดสายตำพระเจ้า และสายตำแม่ยักขณีมาต๋ำ
อย่าหื้อตั้ดตี้จักตั้งแป๋งเฮือนอยู่นั้น ก็บ่ดีและ บ่วุฒิฉิบหายแล
หมายความว่า บ้านเมือง วัดวาอาราม บ้าน สวน หรือเรือนก็ดี ถ้าจะปลูกสร้างเรือนอยู่นั้น อย่าได้สร้างให้ตรงกับแม่น้ำ หรือสร้างตรงกับถนนใหญ่-เล็ก หรือสร้างตรงกับสายตาพระประธานที่วัด หรือตรงกับสายตายักษ์ ไม่เช่นนั้นจะไม่ดีขึด

๒. อันว่าเวียงตั้งดีแล้ว ปายลูนป๊อยย้ายออก บ่ดี บ้านก็สันเดียวกั๋น กันว่าเมืองบ่ห่าง ก็แป๊จาวเมือง
บ่อั้นจักคลาดลาดตี้อยู่แล ดูการาเจ้าตังหลายฝูงอันเป็นต้าวพญา
อันว่าภัยอันจักเกิดแก่บ้านเมืองนั้น กันว่าเมิน ๓ ปี่ จิ่งปรากฎแล
กันว่าแผ่นดิน ๗ - ๘ ปี๋จิ่ปรากฎแล
หมายความว่า เวียง หรือบ้านที่ตั้งไว้ดีแล้ว ต่อมาได้ย้ายออกไปตั้งในที่ใหม่ที่ไม่ดี ถ้าเมืองไม่ร้าง ภัยทั้งหลายก็จะเกิดกับชาวเมืองได้ บ้านก็เช่นเดียวกับ ภัยที่เกิดขึ้นกับเมืองนั้นจะปรากฎภายใน 3 ปี ถ้าเป็นบ้านนั้นจะเห็นผลใน ๓ เดือน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแผ่นดิน ๗ - ๘ ปีจึงจะเห็นผล

หลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง

บ่ ไปเลี้ยงพลีกั๋ม ปูจาแก้มเลี้ยงตังเตวดา อาฮักษ์เจนบ้านเมือง แลเสาหินอินต๊ะขิลและกุ๋มภัณฑ์ ๖
ต๋น และปู่แสะย่าแสะดอยเหนือดอยใต้ ก็บ่ได้เลี้ยงหั้นแล
หมายความว่า การไม่ประกอบพิธีกรรมบูชาสังเวยเทวดาอารักษ์ คู่บ้นคู่เมือง เสาอินทขิล
รูปกุมภัณฑ์ทั้ง ๖ ตน ผีปูู่แสะย่าแสะ ที่อยู่ดอยเหนือ คือ ดอยเชียงดาว และดอยใต้ คือ ดอยคำ เป็นขึด ทำให้บ้านเมืองเสื่อมลง

หลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธื์ประจำเมือง

พญาจ๊างเผือก ๒ ตั๋วหัวเวียงและพญาราชสีห์ ๒ ตั๋วหัวเวียง บ่หื้อไผไปสระสรงได้
หมายความว่า การไม่ไปสระสรงสักการะบูชารูปปั้นพญาช้างเผือก ๒ ตัว และพญาราชสีห์ ๒ ตัว
ที่ตั้งอยู่ทางประตูหัวเวียงไม่ดี เป็นขึด

เขตแดนเมืองและสนามประจำเมือง

บ่กวรย้ายมี ๒ ประก๋าร ๑. เขตแดนบ้าน ๒. เขตแดนเมือง
หมายความว่า สิ่งไม่ควรย้ายมี ๒ ประการ คือ ๑. ย้ายเขตแดนบ้าน ๒. ย้ายเขตแดนของเมือง

หลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธื์ประจำเมือง

สนามเดิมมีไว้กับเมืองนั้น ก็...ไปเตเสียหั้นแล
หมายความว่า อาคารว่าราชการที่มีคู่บ้านคู่เมืองมาแต่เดิม ต่อมาไว้ไปรื้อออกเสีย
การกระทำเช่นนี้ไม่ดีขึด

กำแพงเมืองคูเมือง

๑. เมืองใด ก็ดี บ้านสวนใดก็ดี ตั้งแป๋งก่อเวียงไว้ดีแล้ว ป๊อยควากเวียงหื้อกว้างเหลือกว่าเวียงเก่า
ป๊อยควากบ้านออกหื้อกว้างเหลือบ้านเก่า บ่อดีขึดนักแล เมืองใดก็ดี บ้านสวนใดก็ดี
หมายความว่า หากได้ก่อสร้างกำแพง และคูเวียงไว้ดีแล้ว
ต่อมจะขยับขยายบ้านและเมืองให้มีขนาดกว้างกว่าเดิม การกระทำเช่นนี้ ไม่ดี ขึดนักแล

๒. ขุดคือ เวียงด้านตะวันออก มาด้านใต้ แป๋งคือสูงล้ำไว้แล้ว เขาก็หื้อคนตังหลายตั้งลำปายบนแล้ว
เขาก็ตั้งเวียงใหม่อมเวียงเก่า หื้อเป๋นหุ่นราหูก้าบเวียงแก้วหั้นแล
หมายความว่า การขุดคูเมืองด้านทิศตะวันออกแล้วอ้อมมาทางทิศใต้ สร้างกำแพงดิน
และปักรั้วเวียงบนนั้นให้สูงล้ำกว่าเวียงเก่า
และสร้างเวียงใหม่ให้มีลักษณะเป็นเหมือนรูปราหูอมดวงจันทร์ การกระทำดังกล่าวไม่ดี เป็นขึด

ประตูเมืองประตูบ้าน - รั้วเวียง รั้วคุ้ม

๑. ประตู๋เวียงตั้งแป๋งดีแล้ว ป๊อยตึดประตู๋เวียงเก่าเสียย้ายออกไปแป๋งตี้ใหม่ ก็บ่ดีขึดนักแล บ่แป๊เจ้า
เมืองก็จักแป้เมืองจ้ะแล
หมายความว่า ประตูเมืองสร้างไว้ดีอยู่แล้ว ต่อมาได้ทำการปิดประตูเมืองเก่าเสีย
แล้วย้ายออกไปสร้างในที่ใหม่แทนกระทำเช่นนี้ไม่ดีขึดแล

๒. ประตู๋บ้านเฮือนตั้งแป๋งดีแล้วป๊อยตึดประตู๋เก่าเสีย ย้ายออกไปแป๋งตี้ใหม่ก็บ่ดีขึดนักแล
หมายความว่า ประตูบ้านประตูเรือน เดิมสร้างไว้ดีอยู่แล้ว ต่อมาปิดประตูเก่าเสีย
แล้วย้ายไปสร้างในที่ใหม่ ไม่ดี ขึดมากแล

๓. บ่ดีโยกย้ายของโบรานตี้มาแต่เก๊าแต่เดิม คือ ย้ายประตู๋เฮือนเก่าแต่โบราณ ย้ายฮั้วบ้านเก่า
หมายความว่า อย่าได้เคลื่อนย้ายของที่มีมาแต่โบราณ คือ ย้ายช่องประตูเรือนเก่า
และย้ายรั้วบ้านที่มีมาแต่เดิม

ขัว หรือสะพาน

๑. อย่าตึดปะตู๋เก๋าเสียแล้วแปง๋ตางใหม่ อย่าได้ปิดประตูเดิม หรือปิดทางเดิม
หมายความว่า แล้วสร้างประตูหรือทางเดินใหม่แทนของเก่าไม่ดี

๒. แป๋งขัวหื้อซื่อตั้ดปะตู๋ป้านประตู๋เมืองบ่ดีขึดนักแล จักเแป๊เจ้าเมือง บ่แป๊เจ้าเมืองก็แป๊เสนาอำมาตย์แลราชจ้ะสัณฐาน บ่อย่าจ้ะแล
หมายความว่า สร้างสะพานตรงประตูบ้านประตูเมืองไม่ดี ขึดมากแล ถ้ากระทำไปจะให้เจ้าเมือง
หรือเสนาอำมาตย์ หรือบ้านเมืองเกิดเภทภัย อันตรายขึ้นได้

เกี่ยวกับศาสนาสถาน พระพุทธรูป และศรัทธาวัด

๑. วัดห่างเสีย ๒ หลัง ๓ หลัง ป๊อยเอามาฮอมกัน สร้างเป๋นวัดเดียว
พระเจ้าก็เอามาฮอมกั๋นไว้วัดเดียว ก็บ่ดีบ่แม่นธรรมแต๊แล บ่รีตบ่ม้างเหตุว่าอาฮักษ์มันต่างกั๋น
แก่นกล้านักหน้อยก็ต่างกั๋น มันจ้าง มาเยียะ หื้อเป๋นอันตะราย และเหตุอาฮักษ์เตวดา
บ๋ได้กิ๋นน้ำหยาด จิ่งแต่งหื้อเป๋นวอดดายขึด
หมายความว่า วัดร้างมี ๒ วัด ๓ ถ้าเอาเครื่องไม้ต่าง ๆ มาสร้างเป็นวัดเดียวกับ
และเอาพระพุทธรูป ข้าวของแต่ละวัดมารวมไว้ในวัดเดียวกันไม่ดี
เพราะเหตุว่าอารักษ์ที่รักษาวัดแต่ละวัดไม่เหมือนกับ บางองค์ก็มีฤทธิ์มาก
บางองค์ก็เก่งกล้า ซึ่งจะทำให้วัดที่สร้างขึ้นนั้นวอดวายฉิบหายได้

๒. พระปุ้ทธรูปเจ้า คอแห่งต้านหล่อนไปก็ดี จักเอาต๋น ๑ มาต่อต๋น ๑ เอวและมือหล่อนไปก็ดี
จักเอาต๊น ๑ มาต่อต๋น ๑ บ่ดีขึดนักแล
หมายความว่า หากพระพุทธรูปคอหัก หรือสะเอวหัก หรือมือ หักหลุดไปก็ดี ห้ามนำเอาชิ้นส่วน ไปต่อให้กับอีกองค์เด็ดขาด ไม่ดี เป็นขึดใหญ่

เกี่ยวกับพื้นที่สถานะและจอมปวก

แหล่งน้ำ

๑. ถมสมุทร มี ๕ ประก๋าร คือ ๑. ถมบ่อน้ำ ๒. ถมสระหนอง ๓. ถมเมืองถมฝาย
๔. ถมตี้พระเจ้าพระสงฆ์ ๕. ถมตี้เทวดาหื้อเป๋นตี้อยู่ บ่ดี มักฉิบหายแล
หมายความว่า ถมสมุทรมี ๕ ประการ คือ ๑. ถมบ่อน้ำ ๒. ถมสระหนอง ๓. ถมเหมืองฝาย
๔. ถมที่วัด ๕. ถมที่อยู่เทวดา ไม่ดีขึด

๒. ถมบวก ถมหนอง แป๋งนาก็ขึด
หมายความว่า ถมหนองน้ำเดิมไปทำเป็นที่นา ไม่ดีขึด

พื้นที่ดอย ภูเขา ถ้ำ
๑. ลานประหนม คือ ม้างจุ๋มปลวก ม้างดอย แป๋งบ้านแป๋งเฮือนบ่ดีมักฉิบหาย

หมายความว่า ลานประหนม คือ ขุดรื้อจอมปลวก ภูเขา แล้วสร้างบ้านเรือนอาศัยบนพื้นที่นั้นไม่ดี


๒. ถมปากถ้ำคูหาบ่ดี หมายความว่า เอาหินดินไปถม หรือปิดปากถ้ำไม่ดี ขึด

๓. ขุดจุ๋มปลวกหื้อเปียงก็ขึด หมายความว่า ขุดรื้อจอมปลวกให้ราบเรียบไม่ดีขึด

๔. จุ๋มปลวก ตัดฟันกุ่นถมเสียแล้วตั้งบ้านเฮือนอยู่ก็ฉิบหาย
หมายความว่า ถ้าไปขุดรื้อถอน และตัดฟันจอมปลวก แล้วไปถมที่เพื่อสร้างบ้านเรือนอาศัยอยู่ไม่ดี
จะฉิบหายแล

๕. จุ๋มปลวก ตั๊ดปะตู๋บ้านประตู๋เฮือนก็ดี ตั้งแต่ซาววามาหาบ้านเฮือนก็บ่ดีขึดนักแล
หมายความว่า จอมปลวก ถ้าอยู่ตรงกับประตูบ้านประตูเรือน และหากตั้งอยู่ห่างจากตัวเรือนตั้งแต่่
๒๐ วาลงมาไม่ดีขึดนักเเล

พื้นที่นา ที่สวน ที่ไร่

๑. เอาบ้านแป๋งนา เอานาแป๋งบ้านบ่ดีขึดนักแล อยู่มักฉิบหายจ้ะแล
หมายความว่า ห้ามไม่ให้เอาที่บ้านทำเป็นที่นา หรือเอาที่นาทำเป็นที่บ้านไม่ดี
อยู่ก็จะฉิบหายล่มจมได้

๒. อย่าไปย้ายคันนา อย่ากาต๋าจั้ง
หมายความว่า ห้ามย้ายคันนาที่มีมาแต่เดิม และ ห้ามโกงตาชั่งเมื่อมีการชั่งสิ่งของ

๓. บ่ดีม้างแดนนา หมายความว่า ไม่ควรรื้อหรือทำลายคันนา

๔. ควากนาหื้อเป๋นไฮ่ก็ขึด หมายความว่า ขยายที่นาให้เป็นที่ไร่ก็ไม่ดีขึด

๕. ตี้นาเอาแป๋งตี้สวน แป๋งตี้บ้านตั้งเฮือน ก็บ่ดีขึดนักแล
หมายความว่า ห้ามไม่ให้เอาที่นา ทำเป็นสวน หรือสร้างบ้านเรือนในที่นา

ต้นไม่ที่ห้ามตัดฟันทำลาย

๑. คะโดงทุมมา คือ ต้นไม้ใหญ่เป๋นไม้มิ่งบ้าน ป๊อยว่าตัดป้ำเสียก็ขึด มักฉิบหาย ขึด
หมายความว่า กระโดงทุมมา คือ การไปตัดต้นไม้ใหญ่ที่เป็นไม้มิ่งเมือง
ถ้าไปตัดเสียจะฉิบหาย ขึดมาก

๒. ลานประหนม คือ ไม้ใหญ่อันเป๋นสรีแก่บ้านแก่วัดก็บ่กวรป้ำ บ่กวรฮานกิ่ง แลไม้สีมหาโพธิ์บ่กวรป้ำแลฮานเสียบ่ดีแต้แล
หมายความว่า ลานประหนม คือ ห้ามตัดฟันต้นไม้หรือลิดรานกิ่งต้นไม้ใหญ่เป็นศรีแก่บ้านแก่วัด
และไม่ควรลิดรานกิ่งต้นไม้ศรีมหาโพธิ์ ถ้ากระทำไปไม่ดีแล

ต้นไม้ที่ขึดห้ามนำมาปลูกบ้านเรือน

ไม้ขึด ไม่บ่ดีเอามาแป๋งเฮือนอยู่นั้น คือ ไม้เฮือนห้าง ไม้ห้างนาห่าง ไม้วัดห่าง ไม้ฟ้าผ่า
ไม้ต๋ายขาน ไม้ต๋ายฟ้าผ่า ไม้เป็นฮูกล๋วง ไม้แตกผู้เดียว ไม้เครือเขาเกี้ยว ไม้เกิดเหนือจุ๋มปลวก
ไม้หักไม้กู้ด ไม้ปล๋ายก็ด ไม้ง่ามหางปลำ ไม้ง่ามตำวันผ่า ไม้ใกล้ฝั่งน้ำ ไม้อิงอาฮักษ์
ไม้แดนเมือง ไม้เก๊าหน้อยปล๋ายใหญ่ ไม้ดงก๋ำ จักเอามาแป๋งเฮือนอยู่
ไม้ต้นใดเมื่อฟันมันจักโก้นนั้น เสียงมันดังเหมือนดั่งคนโห่ก็ดี เหมือนคนไห้ก็ดี
เหมือนคนใคร่หัวก็ดี ไม้บ่ป้ำบ่ฟันหากต๊าวคนเดียว ไม้แยงเงา ไม้งามเสมอกั๋น
ไม้เก๊าหน้อยปล๋ายหน้อยกล๋างใหญ่ ไม้เก๊าแป้ปไม้เหล้มเียว ไม้ไหลน้า ไม้ตี้บ่ควรเอาแป๋งเฮือนอยู่
แป๋งเฮือนบ่แป๊คนก็แป๊สัตว์ แป๋งวัดก็แป๊เจ้าวัด แป๋งขัวไต่ก็แป๊เจ้าเมือง ไม้บ่ดีกระตำไป
ก็ฉิบหายย้อนไม้ย้อนเฮือนแล บ่ใจ้อยู่ดีแล

หมายความว่า ไม้ที่ไม่สมควรนำมาปลูกเรือนได้แก่ ไม้ของเรือนร้าง
ไม้กระต๊อบห้างนาร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ไม้ของวัดร้าง ต้นไม้ที่เคยถูกฟ้าผ่า
ต้นไม้ที่ตายเองตามธรรมชาติ ต้นไม้ที่มีรูกลวงเป็นโพรงลึกเข้าไป ไม้ที่มีรอยร้าวแตกที่ลำต้น
ต้นไม้ที่มีเถาวัลย์ขึ้นพันเกี่ยว ต้นไม้ที่ขึ้นบนจอมปลวก ไม้ที่หักและล้มเอนลง
ต้นไม้ที่ปลายยอดดวน ต้นไม้ที่มีลำต้นเดียว ปลายแตกเป็น ๒ ต้น ๒ กิ่ง
จากลำโคนต้นไม้ขึ้นไปทางปลายยอดมีง่าไม้ แตกทางด้านทิศเหนือ ๑ กิ่ง และแตกทางทิศใต้อีก
๑ กิ่ง ต้นไม้ที่จึ้นอยู่ริมฝั่งน้ำ
ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณที่ชาวบ้านชาวเมืองนับถือว่าเป็นอาณาบริเวณที่มี ผีอารักษ์ปกปักรักษาอยู่
ต้นไม้ที่ขึ้นในบริเวณที่เป็นแนวแบ่งเขตแดนระหว่างเมือง ต้นไม้ที่มีโคนต้นเล็ก
แต่ส่วนปลายต้นมีขนาดใหญ่ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณป่าลึกป่าใหญ่ ต้นไม้ที่มีเสียเหมือนคนโห่
ต้นไม้ที่มีเสียเหมือนคนร้องไห้ ต้นไม้ที่มีเสียเหมือนคนคราง ต้นไม้ที่มีเสียเหมือนคนตดก็ดี
เป็นดั่งควันฟุ้งออกมาก็ดี เหมือนคนใคร่หัวก็ดี คือ ต้นไม้ที่ตอนฟัน
จะมีเสียงลักษณะดังกล่าวออกมา ต้นไม้เหล่านี้หน้าโคนทำลาย ต้นไม้ที่ล้มเอง
โดยไม่มีใครตัดฟัน ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ หรือใกล้สระหนอง
ต้นไม้ที่มีลำต้นตรงขึ้นไปแล้วแตกออกเป็น ๒ ลำมีขนาดใหญ่เล็กเท่ากัน ต้นไม้ที่มีโคนต้น
และปลายต้นเล็ก แต่มีกลางต้นใหญ๋ ต้นไม้ที่มีส่วนโคนต้นแบน และส่วนปลายเป็นรูโพรง
ต้นไม้ต้นเดียวกันแต่มีกิ่งไม้เกียวชนกัน ต้นไม้ที่ไหลบามาพร้อมกับกระแสน้ำ
เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วนน้ำนอง

สัตว์ที่ไม่ควรนำมาเลี้ยง

บ่ดีเลี้ยงมี ๕ จำป้วก คือ ๑. แมว ๕ ตั๋ว ๒. เป็ด ๕ ตั๋ว ๓. แป๊ะ ๕ ตั๋ว ๔. ม้า ๕ ตั๋ว ๕. จ๊าง ๕ ตั๋ว
หมายความว่า สัตว์ ๕ ประเภทไม่ควรเลี้ยงตามจำนวนต่อไปนี้ คือ
๑. เลี้ยงแมว ๕ ตัว ๒. เลี้ยงเป็ด ๕ ตัว ๓. เลี้ยงแพะ ๕ ตัว ๔. เลี้ยงม้า ๕ ตัว ๕. เลี้ยงช้าง ๕ ตัว

การปฎิบัติตนของเด็กและหนุ่มสาว

๑. ปุคคละญิงจายอันเกิดมาบย่ปอ ๗ ปี๋ ก็บ่กวรปูจาเลี้ยงเคราะห์ กับเถิง ๗ ปี๋จิ่งกวรแล
หมายความว่า หญิง หรือชายที่เกิดมาอายุุยังไม่ครบ ๗ ปี ไม่ควรให้บูชาส่งเคราะห์
ควรรอให้มีอายุครบถึง ๗ ปีก่อน จึงสามารถกระทำได้แล

๒. ปุคคละญิงจายอันหนุ่มหน้อยนั้น บ่กวรสร้างขัวเป็นตานเตื้อ หีดธรรม ๑ ตุงคำ ๑
เจติยะ ฉัตรคำ ๑ บ่กวรตานเตื้อ แป้อายุผู้หนุ่ม อายุบ่ยืนเสี้ยงเขตดาย
หมายความว่า บุคคลที่มีอายุไม่ถึง ๒๐ ปี ไม่ควรสร้างสะพาน สร้างหีบใส่คัมภีร์ สร้างตุงทองคำ สร้างเจดีย์ สร้างฉัตรทอง ถวายเป็นทานถ้าสร้างสิ่งเหล่านี้อายุของผู้สร้างจะไม่ยืนยาว

๓. ปี้ผู้ญิง น้องผู้ญิง ผู้นึ่งมีลูกจาย ผู้นึ่งมีลูกญิง ก็บ่กวรเอากั๋นแล บ่หนั้น บ่ยืนแล
หมายความว่า พี่สาว กับ น้องสาวทั้งสองคน หากฝ่ายหนึ่งมีลูกชาย ฝ่ายหนึ่งมีลูกผู้หญิง
ก็ไม่ควรแต่งงานกัน เพราะจะอยู่กันไม่ยืนยาว

๔. คนตังหลายฝูงเป๋นเจ้าติเจื๊อเครือเดียว เฮือนเดียวกั๋นนั้น บ่กวรกระตำปลูกแป๋งเป๋นเฮือนฮ่วมเดียวกั๋น มักปั้ดพรากจากกั๋นแล
หมายความว่า คนที่เป็นญาติในตระตูลเดียวกัน หรืออยู่ในเรือนเดียวกัน ไม่ควรแต่งงานกัน
หากแต่งมักจะเกิดการหย่าร้าง หรือตายจากกันได้ภายหลัง

๕. ผ้าบ่ขาดใคร่ได้ผืนลาย เมีย-ผัวบ่ต๋ายใคร่ได้ผัวใหม่ เมียใหม่ก็ฉิบหาย
หมายความว่า เสื้อผ้านุ่งห่มยังไม่ขาด อย่ากเปลี่ยนซื้อผื้นใหม เหมือนกับสามี-ภรรยา ยังไม่ตาย
อยากได้ภรรยาหรือสามีใหม่ ไม่ดี ฉิบหาย

๖. เมียหื้อหลับเดิ๊กลุกเจ๊าก่อนผัว หมายความว่า ภรรยาควรนอนที่หลัง และตื่นก่อนสามี

๗. อย่าปืดผ้าหื้อหมาเห่า อย่าเล่าจู๊เก่าหื้อเมียฟัง
หมายความว่า ไม่ให้เปิดเสื้อผ้าที่นุ่งห่มให้สุนัขเห่า
และอย่าเล่าเรื่องแฟนเก่าให้ภรรยาฟัง ไม่ดีขึดมากแล

เด็กหรือทารกตาย

ลูกอ่อนเกิดมาอายุยังบ่ถึง ๑๐ ปี๋ต๋ายไป บ่ดีเอาไว้ข้ามคืน ข้ามวันบ่ดีขึดนักแล จักแป๊ป๊อแม่ปี้น้อง และเข้าของสัมปัตติ สัตว์ ๔ ตี๋น ๒ ตี๋นจ๊ะแล
หมายความว่า เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง ๑๐ ปี ถ้าตายลง ห้้ามไม่ให้เอาศพตั้งไว้ข้ามคืนข้ามวัน มิฉะนั้นจะเกิดภัยพิบัติแก่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ข้าวของเงินทอง และสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า

หญิงมีครรภ์ตาย

ญิงผู้ต๋ายอันด้วยกั้พภะนั้น ก็บ่กวรส่งสะก๋ารฮ่วมป่าจ๊าต้านตังหลาย ก็กวรฝังตี้นึ่งแล
บ่กวรไว้แฮมคืนแล
หมายความว่า ผู้หญิงที่ตายท้องกลม หรือตายพราย ไม่ควรเอาศพไปฝังร่วมป่าช้ากับผู้อื่น
ให้นำไปฝังไว้อีกที่หนึ่งต่างหาก และห้ามเอาศพไว้ค้างคืนให้ทำพิธีวันนั้นเลย

พระภิกษุ สามเณร ศิษย์วัดตาย

ครูบาก็ดี ตุ๊เจ้าก็ดี พะก่อดี ขะโยมก็ดี หากต๋ายนั้น ต๋งและแวงหากหักก็ดี เสาหักก็ดี โฮงก็ดี เฮือนก็ดี ก็บ่กวรจักสืบไปแล
หมายความว่า ถ้ามีพระภิกษุ มรณภาพ หรือ ลูกศิษย์วัด หรือเด็กวัดตายลง
ถ้าในระหว่างนั้นไม้คาน แวง เสาเรือน หรือเสากุฎิหักก็ดี ให้ทำการรื้อถอนเสีย
ไม่ควรให้มีคนอาศัยอยู่ต่อไป ถ้าไม่กระทำดังนี้ไม่ดีแน่แล


อาการตาย และการจัดพิธีศพทั่วไป

๑. เป๋นเฮื้อน เป๋นตู้ด บ่กวรเผาแล
หมายความว่า บุคคลผู้ใดตายด้วยโรคเรื้อน หรือที่เรียกว่า ยี้ทูด
ห้ามนำศพไปเฝา ให้ฝังดิน

๒. ไม้โลงผีนั้นเอาไปตุมแล้ว ป๊อยว่าเก็บเอามาบ้านมาเมืองนั้น บ่ดีขึดแล
หมายความว่า ไม้โลงศพที่ใส่ศพไปเผาแล้ว อย่าเก็บเอาเข้ามาในบ้านในเมือง ไม่ดี เป็นขึด

กิริยามารยาทในลักษณะต่าง ๆ

๑. วัตถุบ่กวรดีบริโภค มี ๓ ประก๋าร คือ ๑. ของพระเจ้า ๒. ของพระธรรม ๓. ของพระสงฆ์ หมายความว่า วัตถุอันไม่สมควรบริโภคมี ๓ ประการ คือ
๑. ของที่มีคนถวายบูชาแด่พระพุทธรูป ๒. ของที่มีคนถวายบูชาแด่พระธรรม
๓. ของที่มีคนถวายบูชาแด่พระสงฆ์

๒. น้ำใส่หม้อต้มเข้าไว้นั้น ก็บ่ดีกิ๋นแล หมายความว่า น้ำที่ใส่หม้อต้มข้าวไม่ควรดื่ม

๓. กิ๋นจิ๊นสิทูดยังบ้านก็ขึด หมายความว่า นำเอานกสีทุดมาทำอาหารกินในหมู่บ้านไม่ดีขึด

๔. หมอนหนุนหัวนอนตึงวัน อย่าเอามานั่งบ่ดีแล
หมายความว่า อย่านั่งทับหมอนหนุนศรีษะอยู่ทุกวัน ไม่ดีแล

๕. อย่าขนดังกล๋างเฮือนเปิ้น หมายความว่า นอนหลับบ้านคนอื่น อย่านอนกรนเสียงดัง

๖. อย่านอนย่านตาง ๓ เส้น หมายความว่า อย่าไปนอนตรงบริเวณทางสามแยก

๗. บ่ดีเอาจ๊อนป้ากตักเข้ายังหลอง หมายความว่า ไม่ควรเอาช้อน หรือทัพพีตักข้าวในยุ้ง

๘. เอาจ๊อนแลป้ากไปตักน้ำห้วยน้ำแม่ ก็บ่ดีขึดนัก
หมายความว่า เอาช้อนหรือทัพพีตักเอาน้ำจากลำห้วย หรือแม่น้า ไม่ดี ขึดมาก

๙. ต่ำพริกเอาแก่นต่อยปากครก ก็บ่ดี ขึด
หมายความว่า เวลาตำน้ำพริกอย่าเอาสากไปตีที่ปากครก ไม่ดี เป็นขึดแล

๑๐. บ่กวรดีตากเครื่องนุ่งหม ตากสไบยังหลังคา
หมายความว่า ไม่ควรตากเครื่องนุ่งห่ม ผ้าสไบบนหลังคาเรือน

๑๑. บ่กวรเมื่อต้านมัดคนไปฆ่า หมายความว่า ไม่ควรไปดูในขณะที่ผู้อื่นกำลังผูกมัดคนเพื่อไปฆ่า


๑๒. บ่กวรฆ่ามี ๓ ผะก๋าร คือ ๑. ฆ่าคนใจ๊พญา ๒. ฆ่าสัตว์มาบอกเหตุ ๓. ฆ่าตั๋วต๋าย
หมายความว่า สิ่งที่ไม่ควรฆ่า ๓ อย่าง คือ
๑. ฆ่าคนใช้ของผู้มีอำนาจ ๒. ฆ่าสัตว์ที่มาแสดงเหตุ ๓. ฆ่าตัวตาย

๑๓. ของอันบ่ดีแลกมี ๓ ประก๋าร ๑. บ้านแลกบ้าน ๒. เฮือนแลกเฮือน ๓. เมียแลกเมีย หมายความว่า สิ่งที่ไม่ควรแลกมี ๓ ประการคือ ๑. แลกบ้านกัน ๒. แลกเรือนกัน ๓. แลกภรรยากัน

ขึดกับเหตุการณ์แปลกประหลาด

๑. คนออกลูกเป็นสัตว์ริฉานก็ขึด หมายความว่า มนุษย์คลอดลูกออกมาเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่ดีขึด

๒. สัตว์ออกลูกเป๋น ๒ หัว ๒ หางบ่ดี หมายความว่า สัตว์ออกลูกเป็น ๒ หัว ๒ หาง ไม่ดีอุบาทว์

๓. งัวออกลูกเป๋นควย เป๋นจ้าง เป๋นม้า เป๋นสัตว์อันใดอันหนึ่งบ่ดี
หมายความว่า วัวออกลูกเป็น ควาย เป็นช้าง ม้า หรือสัตว์ชนิดหนึ่งไม่ดี

๔. หมูออกลูกเป๋นหมาบ่ดี หมายความว่า หมูออกลูกเป็นสุนัข ไม่ดี

๕. คนหากอยู่หากดิ้นต๋ายบ่ดี
หมายความว่า คนที่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร อยู่ดีๆ กลับดิ้นตายลงไปเป็นอุบาทว์

๖. สัตว์ต่างกั๋นมากระตำกั๋นยังบ้านบ่ดี
หมายความว่า สัตว์ต่างชนิดกัน มาผสมพันธุ์กัน ถือว่าเป็นอุบาทว์

๗. ก๋าและนกยางมาฮบกั๋นบ่ดี หมายความว่า นกจำพวกกา และนกยางจิกตีกันไม่ดี เป็นอุบาทว์

๘. เข้าสารใส่ไว้ในหม้อ หากหนีเสียบ่ดี
หมายความว่า ข้าวสารที่ใส่ไว้ในหม้อ แล้วอยู่ดีๆ หายไปพร่องไปเองไม่ดี

๙. ไม้ต้าว กืมเฮือนบ่ดี หมายความว่า ต้นไม้ล้มพาด หลังคาเรือนไม่ดี

๑๐. เข้าน้ำจักกิ๋น ป๊อยกล๋ายเป๋นเลือด ก็ลวดเกิดเป๋นลางบ่ดี
หมายความว่า ข้าว หรือ น้ำที่ใช้รับประทานกลายเป็นสีเลือด ไม่ดี ถือว่าเป็นลางร้าย

๑๑. ฟ้าผ่าเจดีย์ตี้วิเศษ หมายความว่า ฟ้าผ่าเจดีย์ไม่ดี

๑๒. จองหากอยู่หากหักบ่ดี หมายความว่า อยู่ดีๆ เตียงนอนก็หักไปไม่ดี เป็นอุบาทว์

๑๓. ไม้ก้นไปหานาบ่ดีขึด หมายความว่า ต้นไม้ล้มเข้าไปหาที่นาไม่ดี ขึด

๑๔. กล๋องหากอยู่หากดังบ่ดี หมายความว่า กลองไม่มีคนตี อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา เป็นอุบาว์

14
คำไหว้ปาระมี ๙ จั้นของครูบาเจ้าศรีวิชัย

สาธุ สาธุ พระปั๋ญญาป๋าระมี ๓๐ ตั๊ด สาธุพระปั๋ญญาป๋าระมีวัดแวดล้อม วิริยะป๋าระมีล้อมระวังดี สีละป๋าระมีบังหอกดาบ เมตตาป๋าระมีผาบแป้ตังปื๋น ทานะป๋าระมีหื้อเป๋นผืนตั้งต่อ อุเปกขาป๋าระมีหื้อก่อเป๋นเวียง สัจจะป๋าระมีแวดระวังดีเป็นไต้ ขันตี๋ป๋าระมีก๋ายเป็นหอกดาบบังหน้าไม้และปื๋นไฟ อะธิฏฐานป๋าระมีผันผาบไปจุ๊แห่งแข็งๆแรงๆ ผาบฝูงหมู่มารผีสางพายเผต ทุกทวีปภพถีบปังป้ายหนี นางธรณีอัศจ๋รรย์ โสเสมือนผันอยู่คว้างคว้าง น้ำนทีนองกว้างต่อกว้างแตกตี๋ฟอง นะนองนะนอกเป็นข้าวตอกดอกไม้ ถวายปูจาพระแก้วแก่นไท้สะธัน พระพุทธังเอย...จุ่งมาผายโผด อนุญาตโต้ษโผดผู้ข้าแต๊ดีหลี นางแม่ธรณีออกมารีดผมอยู่ตี้ธาตุ จ้างฮ่ายค่ายคะจัง งาสับดินพ่นน้ำนทีลง ผัดผายคอพายหัก ต๊บต้าว พญามารอ่าวปูนกั๋ว กราบยอมือขึ้นทูนหัวใส่เก้า ผู้ข้านี้จื้อว่าลูกศิษย์พระพุทธเจ้าต๋นมีบุญสมปารอันมาก พระพุทธเจ้าจึ่งจักตั้งพระ ปั๋ญญาป๋าระมีไว้ ๙ จั้น ตั้งไว้ตางหน้าก็ได้ ๙ จั้น ตั้งไว้ตางหลังก็ได้ ๙ จั้น ตั้งแต่หัวแผวตีนก็ได้ ๙ จั้น ตั้งแต่ตีนแผวหัวก็ได้ ๙ จั้น แสนว่าลูกปื๋นจักมาเสมอเหมือนดังฝนแสนห่า ก็บ่มีจักมาใกล้ได้ ข้าพเจ้าเลยได้ไหว้ว่า พุทธะกุณัง ธัมมะกุณัง สังฆะกุณัง พุทธะอินตา ธัมมะอินตา สังฆะอินตา อัสสะอับ อันแม่ธรณีผู้อยู่เหนือน้ำอยู่ก้ำแผ่นดิน กันข้าได้ระลึกนึกเถิงยังกุณพระพุทธะเจ้า กุณพระธรรมะเจ้า กุณพระสังฆะเจ้า กุณพระปิตา กุณพระมารดา คุณครูบาอาจารย์ กุณแก้วเจ้าตังสามผะก๋าร กุณพระพุทธัง กุณพระธัมมัง กุณพระสังฆัง กุณแดด กุณฝน กุณน้ำ กุณลม กุณไฟ กุณกุสลราศีเจ้าก็ดี กุณพระเจ้าภาวนาก็ดี กุณนางธะราก็ดี กุณพระปัจจเจกเจ้าก็ดี กุณนางแม่ธรณีเจ้าก็ดี ขอจุ่งมาฮักษาก้ำหน้าก้ำหลัง ยังต๋นตั๋วแห่งข้า ในค่ำคืนวันนี้ จิ่มแด่เต๊อะ
พุทโธ พุทธัง อะระหัง ธัมโม ธัมมัง อะระหัง สังโฆ สังฆัง อะระหัง พุทโธ พุทธัง ฮักษา ธัมโม ธัมมัง ฮักษา สังโฆ สังฆัง ฮักษา พุทโธ พุทธัง กัณหะ ธัมโม ธัมมัง กัณหะ สังโฆ สังฆัง กัณหะ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง นะสากาเส อุรุอากัง มาติ ปิตตั๋ง จาติขันธัง มัจจุราจา นะกะรันติ.

15
 
 

 
 

สมัยของพระพุทธองค์คือสมัยพุทธกาล ยุคที่เรียกแผ่นดินถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนาคืออินเดียในกาลนั้นว่า ชมพูทวีป


 ซึ่งในสมัยปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศ 4 ประเทศ คือ อินเดีย เนปาล ปากีสถาน และ บังกลาเทศ

ชมพูทวีปแบ่งออกเป็นจังหวัดใหญ่ๆ 2 จังหวัด คือ มัชฌิมชนบท หรือ มัธยมประเทศ ได้แก่ จังหวัดส่วนกลาง และปัจจันตชนบท หรือ ปัจจันตประเทศ ได้แก่ จังหวัดปลายแดน หรือรอบนอก

ทั้งนี้ อาณาเขตแห่งมัชฌิมชนบทในครั้งพุทธกาลตามในบาลีจัมมขันธมหาวรรค มีดังนี้ ทิศบูรพา ภายในแต่มหาศาลนครเข้ามา ทิศอาคเนย์ ภายในแต่แม่น้ำลัลลวตีเข้ามา ทิศทักษิณ ภายในแต่เสดกัณณิกนิคมเข้ามา ทิศปัจจิม ภายในแต่ถูนคามเข้ามา ทิศอุดร ภายในแต่ภูเขาอุสีรทชะเข้ามา


ครั้งพุทธกาลนั้น ชมพูทวีปแบ่งเป็น 21 อาณาจักร หรือแคว้น หรือชนบท โดยแคว้นที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่เรียก มหาชนบท ดังนี้ (ชื่อหลังคือเมืองหลวง) ที่ปรากฏในบาลีอุโบสถสูตร มหาชนบท 16 แคว้น ได้แก่ อังคะ-จัมปา มคธ-ราชคฤห์ กาสี-พาราณสี โกสละ หรือ โกศล -สาวัตถี วัชชี-เวสาลี (ไพศาลี) มัลละ-กุสินารา (ปาวา) เจตี-โสตถิวดี วังสะ-โกสัมพี กุรุ-อินทปัตถ์ (ปัตถะ) ปัญจาละ-กัมปิลละ (หัสดินปุระ) มัจฉะ-สาคละ สุรเสนะ-มถุรา อัสสกะ-โปตลิ อวันตี-อุชเชนี คันธาระ-ตักสิลา กัมโพชะ-ทวารกะ และที่ปรากฏในพระสูตรอื่นมี 5 แคว้นชนบท คือ สักกะ-กบิลพัสดุ์ โกลิยะ-เทวทหะ (รามคาม) ภัคคะ-สุสุงมารคีรี วิเทหะ-มิถิลา และ อังคุตตราปะ-อาปณะ


ไล่เรียงชื่อเมืองสำคัญในพุทธประวัติได้ว่า ดินแดนแห่งหนึ่ง ณ บริเวณที่ราบเชิงเขาหิมาลัย ที่อยู่ในประเทศเนปาลปัจจุบัน ครั้งกระนั้นที่นั่นคืออาณาจักรเล็กๆ นามว่า กบิลพัสดุ์ เมืองหลวงของแคว้นสักกะ ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองประมาณ 35 กิโลเมตร เจ้าชายสิทธัตถะถือพระประสูติกาลขึ้นกลางสวนป่าลุมพินีวัน ขณะที่พระนางสิริมหามายา พระมารดาของพระองค์ กำลังเสด็จกลับไปยังบ้านเกิด คือเมืองเทวทหะ แคว้นโกลิยะ ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก


หลังจากใช้ชีวิตในฐานะองค์รัชทายาทได้ 29 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ไปเห็นความจริงของชีวิตอันเป็นทุกข์ในหมู่ประชาชน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับชีวิตอันหรูหราเปี่ยมสุขในพระราชวัง ทำให้ทรงตัดสินพระทัยละทิ้งชีวิตอันแสนสุขทางโลก เสด็จออกจากพระราช วังในค่ำคืนหนึ่ง เพื่อเข้าสู่โลกของนักบวช


ทรงออกศึกษาแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้นจากชีวิตอันเป็นทุกข์เรื่อยมากว่า 6 ปี จนบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระ พุทธเจ้า ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในแคว้นมคธ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์กว่า 200 กิโลเมตร เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา


หลังจากที่พระองค์ตรัสรู้ คือการค้นพบกฎความจริงของธรรมชาติ ทรงประกาศหลักธรรมครั้งแรกให้แก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นกาสี


จากนั้นเสด็จออกเผยแผ่สิ่งที่ทรงค้นพบให้กับประชาชนในแว่นแคว้นต่างๆ บริเวณนั้น เป็นเวลานานถึง 45 ปี โดยจำพรรษาอยู่ที่แคว้นโกศลมากที่สุดถึง 19 ปี

กระทั่งมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต พระองค์เสด็จปรินิพพานที่เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ เมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา

การเผยแผ่คำสอนและประกาศหลักธรรมที่ดำเนินมาตลอดพระชนมชีพของพระองค์ ได้ทำให้พระพุทธศาสนาฝังรากลึกลงในแผ่น ดินชมพูทวีปอย่างแน่นหนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

และภายหลังการเสด็จปรินิพพาน ศาสนาพุทธเริ่มลงหลักปักฐานอย่างมั่นคง กษัตริย์แคว้นต่างๆ หลายพระองค์ทรงหันมานับถือศาสนาพุทธ และเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปทั่วอาณาจักรของตน
 
 

16
ขออนุญาตสอบถามครับว่า  กรณีผมจะแทรกภาพที่เป็นลักษณะของเรา(ตรงซ้ายมือเวลาโพสต์ครับ)
ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไง
----------ขอบคุณครับ)

หน้า: [1]