แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ~เสน่ห์โจรสลัด~

หน้า: [1]
1
ใกล้ไหว้ครูล่ะ ก็เลยว่างๆ นำรูปถ่ายไปใส่กรอบเงินมาครับ เนื่องจากกรอบเก่าแตกครับ

เห้อ ... ไม่มีทุนห่มจีวร อิอิ เลี่ยมเงินไปก่อนแล้วกัน ติชมกันได้นะครับ ...  :114:



2
ฝากเตือนไว้ว่า ของมีค่าเก็บให้ดีนะครับ ระมัดระวังตัวด้วยครับ เพราะอย่างเช่นทุกปี

ถึงวันงานแล้วผู้คนจะหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ นับว่าแน่นวัดแทบไม่มีที่จะเดินกันเลยครับ

แล้วก็เวลามีอะไรอย่าวิ่งหนี อย่าลุกยืน นะครับ เอียงตัวหลบเอาครับ แล้วก็ผมว่าน่าจะร้อนนะ

เตรียมครีมทา หรือเสื้อกันแดดหน่อยก็ดีครับ สุดท้ายนี้ ขอให้เดินทางปลอดภัยทุกท่าน

               
 
.....    :114: :114: :114:   ขอบคุณครับ   :114: :114: :114:   .....     
   

3
พระผงนั่งเสือ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นำมาให้ชมเพื่อการศึกษา และสะสมนะจ้ะ ...  :114: :114: :114:









ชอบไม่ชอบยังไงเชิญติชมได้เต็มที่นะครับ ...  :089:

4
เหรียญโล่ใหญ่ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค เสาร์๕ ปี ๑๖ ครับ ...  :114: :114: :114:







5
หลวงพ่อโอด วัดจันเสน เห็นพี่ สเน่ห์ack01 ถามถึง ก็เลยนำมาให้ชม ตอนนี้แกะกรอบออกแล้ว

ว่าจะแกะมาเลี่ยมเงินใส่บ้าง ไม่มีเงินเลี่ยมทองกับเขา ...      เหรียญนี้ประสบการณ์ดีนะครับ

ไม่ใช่เรื่องอะไรนะ เจอมากับตัว เหรียญหายไปจากบ้านไม่รู้หายได้อย่างไรนะครับ อยู่ดีดีก็ไป

ก็เลยยกมือไหว้รูปหล่อบูชาหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ขอเหรียญกลับมา จนสองเดือนเศษผ่านไป

ไม่คิดว่าจะได้กลับมาแล้ว หลงๆลืมๆ ไปบ้างแล้ว สรุปเมื่ออาทิตย์ก่อน เหรียญมาโผล่ที่ตู้พระครับ

งงมากเลย ไม่ทราบว่ามาได้ไง นึกว่าจะไม่ได้แล้ว เหรียญกลับมาเอง ....  :114: :114: :114:










6
วันว่างๆ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับธุระในช่วงเช้า พักผ่อนสบายๆ

เลยนำรูปพระ เหรียญหลวงปู่หน่าย เฉพาะกรรมการ มาให้ชมกัน

ติชมเต็มที่ใครทราบข้อมูลก็บอกได้นะครับ ขอบคุณครับ ...  :114:














ติชมกันเต็มที่ครับ ชี้แนะได้เต็มสูบ ขอบคุณครับ ...  :114: :114: :114:

7
เหรียญในภาพนี้ ไปค้นเจอของพ่อมาครับ อยากทราบว่าสร้างปีไหนครับ ... ขอบคุณครับ ...  :002:





9
เก็บมาฝากครับ เป็นภาพน่ารักๆ นะครับเบาๆ สมองผ่อนคลาย ...  :002:





















10
เหรียญนี้ดูดีไหมครับ ฟันธงกันได้เลย ชอบคนตรง ไม่ต้องกลัวเสียความรู้สึกเลยครับ

พร้อมรับทุกคำติชม ขอบพระคุณที่เข้ามาชม ขอให้หล่อๆ รวยๆ ทุกท่านครับ ...  :089:









11
เสือหลวงพ่ออะไรครับ คุ้นตามากๆเลย ลองทายกันเข้ามานะครับ ถ้าถูกใจ มีรางวัลแน่นอน

เพียงทายให้ถูกว่า เสือหลวงพ่ออะไร วัดไหนจัดสร้าง ง่ายมาก ทายถูกมีรางวัลให้ครับ ....  :089:












ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ลองทายกันเข้ามาครับ มีรางวัลให้จ้า อาจจะมีมากกว่า 1 นะ ...  :089:

12
ปีเสือนี้ ก็ขอนิมนต์ ภาพถ่ายหลวงพ่อเปิ่น ใส่กรอบบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

แก่ตนเองและคนในบ้าน ขอบารมีหลวงพ่อดลบันดาลให้มีความร่มเย็นเป็นสุข

แก่ข้าพเจ้าคนในบ้านของข้าพเจ้า และพี่น้องศิษย์หลวงพ่อทุกคนจงเจริญยิ่งขึ้นๆ

ขอให้ดีทั้งหน้าที่การงาน โชคลาภ ปราศจากโรคภัยทั้งปวงด้วยเถิด สาธุ ...  :054:






เพิ่งตัดกรอบเสร็จวันนี้สดสดร้อนๆ ...  :114:




แกะออกมานิมนต์ขึ้นบูชาเลยล่ะกันนะครับ งดงามและใหญ่มากๆ ...  :054:








สุดท้ายนี้ขอขอพพระคุณหลวงพี่ญา ที่เมตตาแจกภาพนี้มาให้ข้าพเจ้า ใส่กรอบบูชา

เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ที่เมตตาเสมอมาครับ ...  :054:

13
แท้หรือไม่ครับ วิจารเต็มที่ไม่ว่ากัน ขอบพระคุณครับผม ...  :089:





14
มีน้อยครับมีแค่ 2 องค์เอง แต่นำมาให้ศึกษากันนะครับ ...  :089:



องค์แรก หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รุ่นห่วงเชื่อม ปี ๑๘ ...  :016: 









ต่อไปคือ เหรียญนาคปรก ปี ๑๘ ...  :016:












พระไม่ค่อยสวยนะครับ สภาพใช้บ้าง กล้องก็ไม่ชัดอีก แย่ๆ ...  :095:

15
เหรียญโล่ใหญ่ ปี ๑๖ เหรียญนี้สภาพแดงๆ ติดรางวัล มาด้วยครับ ...  :114:













เหรียญ ระฆัง สช. หลวงพ่อพรหม ปี ๑๓ ...  :114:











เหรียญกลมมหาลาภ หลวงพ่อพรหม ปี ๑๖ ...  :114:








16
ปริศนาธรรมจาก ตาลปัตร งานศพ


เวลาเราไปงานศพ เราจะเห็นว่ามีพระ ๔ รูปมาสวดตอนกลางคืน
ทราบไหมค่ะ ว่า ปริศนาธรรม ที่ ตาลปัตร
ว่า ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น
มีนัยยะ หรือ หมายความว่าอย่างไร



วันก่อนไปฟังพระเทศน์ท่านสอนมา ว่า
คำที่ ตาลปัตร เป็นปริศนาธรรม มีความหมาย คือ

ไปไม่กลับ คือ เวลา
ให้เตือนตนว่าวันเวลาที่ผ่านไปไม่อาจจะย้อนคืนมาได้
เมื่อสิ้นวันหนึ่งๆ เราควรพิจารณาไตร่ตรองว่าได้กระทำสิ่งใดไปบ้าง
สิ่งที่เป็นบวกก็พึงกระทำต่อไป สิ่งที่เป็นลบก็ควรปรับปรุง

หลับไม่ตื่น คือ โมหะ ความลุ่มหลง
ถ้าคนเราหลงอยู่ในโมหะ ราคะ อัตตา ก็จะตกอยู่ในความมืดมน
มองไม่เห็นหนทางแห่งความดีงาม ความสุข

ฟื้นไม่มี คือ กรรม
ให้เตือนตนเสมอว่าทำกรรมใดก็ได้กรรมนั้น
เมื่อกระทำกรรมดี ก็ได้รับผลกรรมดี
เมื่อกระทำกรรมชั่วก็ได้แต่ผลกรรมชั่ว
ไม่มีสิ่งใดจะมีลบล้างหรือชดเชยให้หลุดพ้นจากผลกรรมชั่วได้

หนีไม่พ้น คือ วิบากกรรม
ให้เตือนตนเสมอว่าไม่มีผู้ใดหนีพ้นจากการติเตียน
นินทา แม้แต่องค์ปฏิมายังราคิน ฉันใด บุคคลทั่วไปก็ไม่อาจล่วงพ้นได้


                                                              ที่มาจาก คุณชมพู่

17
ผู้ใช้รถใช้ถนน พี่น้องทุกท่าน ต้องตรวจให้ครบนะครับ ทั้งลมยางผ้าเบรค เพลาขับ และอีกมากมาย

มีผลต่อความอันตรายบนท้องถนน วันนี้ขอแนะนำนะครับ ยางรถยนต์ที่เกาะถนนดีที่สุดในโลก

ลองชมกันดูนะครับ ใครจะเลียนแบบก็ไม่ผิดครับ รับรอง เกาะถนนเยี่ยมจริงๆๆ ....  :016: :016: :016:




























เกาะถนนพอไหมจ้ะ ...  :058:

18
ปีใหม่นี้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ ... ก็ระวังอุบัติเหตุด้วยนะครับ

ขับรถก็ระวังด้วยมิจฉาชีพมันเยอะ บางทีตอกหม้อน้ำรถ เวลาขับรถไปแล้วความร้อนขึ้น

ก็จอดลงมาดูรถ สุดท้ายโดนจี้ปล้น รถมีปัญหาอะไรก็รอให้เข้าเขตชุมชนก่อน

ค่อยจอดดูนะครับ เพราะสมัยนี้มันโดนวางยากันเยอะมากครับ ล๊อครถทุกครั้งที่เข้าและออก

และเรื่องทรัพย์สินก็ระวังด้วยครับ อย่าใส่ของอลังการเกินไป เป็นจุดล่อเป้าเลยทีเดียว

กระเป๋าตังค์ก็พยามเก็บให้ดีดีครับ ทั้งกรีด รีด ดึง มันเยอะมากครับ กุญแจสำคัญมาก

พยามอย่าลืมนะครับ แล้วก็เก็บให้ดีครับ ตั้งสติเสมอว่าหลังจากลงรถ ล๊อคหรือยัง

กุญแจเก็บมาหรือยัง เพราะอาจจะทำให้เสียรถอันเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางได้ครับ

โทรศัพท์มือถือก็จับแน่นๆ เวลาโทร เคยมีวิ่งมาแย่งคามือเลยแล้ววิ่งหนีไปมีให้เห็นมาแล้ว




สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านเดินทางปลอดภัยมีความสุขต่อการเดินทางเที่ยวปีใหม่

เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ไม่เพียงสูญเสียทรัพย์สิน แต่อาจจะสูญเสียคนที่เรารักไปด้วยนะครับ

อย่าลืมว่า ทรัพย์สินรถยนต์เงินทองหาใหม่ได้ คนที่เรารักเสียไปหาใหม่แบบเดิมคงไม่ได้แล้ว

แต่อาจจะได้แบบใหม่มานะครับ ฮิ้ว ... ก็เที่ยวให้สนุกอย่าลืมทำบุญไหว้พระนะครับ สำคัญเลย

เพื่อเป็นศิริมงคลต่อปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง   :114:  ....  ขอให้มีความสุขนะครับ ....  :114:

19
หนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส ออกแบบมาสวยมากครับ

ตีโค๊ตแค่เนื้อทองแดงรมดำ เนื้อสัตโลหะ ไม่ตีโค๊ตครับ เนื่องจากเนื้อแกร่งมากครับ

นำมาให้ชมเป้นวิทยาทานกันนะครับ เห็นหนุมานกระทู้ล่างแล้วอดคิดถึงไม่ได้ ...  :095:










20
สารบัญ
หนังสือ ตัวกูของกู พุทธทาสภิกขุ ฉบับย่อ

คำนำ ……………………………………………………………………………………………. 3

บทที่ ๑. ปรับความเข้าใจ ที่ผิดๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนา ………………………………………… 6

บทที่ ๒ พุทธศาสนามุ่งหมายอะไร ……………………………………………………………14
พุทธศาสนามิได้มุ่งหมายนำคนไปสู่สวรรค์ ที่เป็นดินแดนที่จะหาความสำราญกันได้อย่าง
เต็มเหวี่ยง ซึ่งใช้เป็นเครื่องล่อให้คนทำความดี แต่ก็ทำให้ไปติดยึดในตัณหาอุปาทาน ซึ่ง
เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนเข้าไม่ถึง จุดหมายปลายทางของพุทธศาสนา

บทที่ ๓ ปมเดียวที่ควรแก้ ……………………………………………………………………….22
ความสับสนในการจับหลักพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ ของการที่จะเข้าถึง
ตัวแท้ของพุทธศาสนา จริงๆแล้ว เรื่องมีอยู่เพียงสั้นๆ ว่า เราไม่ต้องศึกษาเรื่องอะไรเลย
นอกจาก เรื่อง "ตัวตน-ของตน"

บทที่ ๔ การเกิดขึ้นแห่งอัตตา …………………………………………………………………..30
มาจากจิตที่ตั้งไว้ผิด ทำให้เกิดลัทธิที่ไม่พึงปรารถนาขึ้น ทำให้เกิดการอดอยาก การ
เบียดเบียน และการสงคราม ฯลฯ

บทที่ ๕ การดับลงแห่งอัตตา ……………………………………………………………………40
ภาวะของจิตเดิมแท้ ภาวะแห่งความว่างจากความวุ่น ภาวะแห่งความความสมบูรณ์ด้วย
สติปัญญา

บทที่ ๖ วิธีลดอัตตา …………………………………………………………………………….46
หลักเกณฑ์ที่รัดกุม นำไปสู่การลด "ตัวตน" อย่างมีประสิทธิภาพ
แผนผังลำดับแห่งปฏิจจสมุปบาท ……………………………………………………………..72

21
เริ่มต้นที่วัดท้องไทรก่อนเลยนะครับ ...  :114:


เสมาเล็ก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร ทั้งหมด ๑๐ องค์ ได้รับความเมตตาจากพี่ปลัดบัฟ และพี่มี่ ครับ

ให้มาแบ่งกันเป็นกำมือเลย ขอบคุณมากครับ ที่นำมาแจกให้บูชากันถ้วนหน้า สาธุ ....  :089:






ขอบคุณ ขุนแผนคนรักมีดมากครับ ที่พี่ปลัดบัฟ นำมาให้ลองใช้กัน เนื้อแน่นมากครับ ...  :016:







ขอบพระคุณหลวงพี่ขวัญ ที่เมตตานำมาแจกในวันฉลองพัดยศนี้ สาธุ ...  :054:


22
งานฉลองรับตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์ขวัญชัย มาดูบรรยากาศตอนเช้าประมาณ 8 โมงเศษกันครับ ...  :089:



   





ร่วมกันทำบุญนะครับ สาธุ ...  :089:







แม่พิมแบบที่พี่ปลัดบัฟมาให้ชมในกระทู้ก่อนหน้านี้น่ะครับ ...  :089:







มีข้าราชการมาคอยสอดส่องดูแลความปลอดภัย ...  :016:





เด็กนักเรียนน้อยๆ คอยเสริฟน้ำให้แขกผู้มาร่วมงาน ...  :089:



ทางกุฏิเจ้าอาวาส หลวงปู่อั๊บ ครับ ...  :054:





คณะกลองดนตรี ขบวนการ โป๊ง โป๊ง ฉึ่ง ...  :007:







กราบนมัสการหลวงพี่ขวัญครับ ...  :054:



พัดยศมาแล้วครับ ...  :114:













พระเทพวิมลเมธี วัดโพทะเล จังหวัดพิจิตร เป็นผู้มอบพัดยศให้หลวงพี่ขวัญ ...  :054:







มาถึงพิธีการรับพัดยศและใบตราตั้งแล้วครับ ...  :054:







อ่าว ช่างภาพ เก็บภาพเร็ว ...  :016:







พระเทพวิมลเมธี วัดโพทะเล จังหวัดพิจิตร เป็นผู้มอบพัดยศให้หลวงพี่ขวัญ ...  :054:






ภาพบรรยากาศ ณ ขณะนั้น ...  :089:







ต่อไปเป็นการถวายอาหารเพลพระ ...  :054:







มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาร่วมฉลองพัดยศมากมาย ...  :089:




23
ลองเทียบดูนะครับ ไม่แน่ใจว่ารูปที่ถ่ายมาชัดพอไหม ไม่ค่อยมีแสงครับถ่ายเมื่อสักครู่นี้เอง

กล้องคอมแพคธรรมดาครับ เลยออกมาไม่สวยลึกเท่าที่ควร แต่ก็พอดูได้ครับ ....  :089:





จัดให้ สองเลยครับ มาชมเน้นๆ หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ก่อนละกันนะครับ ...  :016:






มาต่อด้วย หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ครับ ลงเป็นวิทยาทานเพื่อการศึกษาพระเครื่องนะครับ ขอบคุณครับ ...  :089:




24
เสื้อยันต์ หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ครับผม ...  :089:





   

ที่ได้มาจากวัดพิชัยสงคราม หลวงพ่ออุดม อธิฐานจิตเพิ่มให้อีกด้วยครับ ...  :089:





รวมที่ได้มาทั้งหมดในวันนั้นครับ

1. เหรียญหลวงพ่ออุมดม ทั้งสองเหรียญ
2. สายสิญจ์มนต์พิธีหลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง
3. พระผง และรูป หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
4. แหวน และสมเด็จ หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน


ที่ปลื้มปิติในใจมากมากคือ ... กระเป๋าสตางค์ ถ้าไล่มาจากซ้ายมือก็มี

หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ลงจารมือให้
หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ลงจารมือให้
หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ลงจารมือให้

กราบขอบพระคุณจากใจจริงที่ท่านเมตตาลงจารให้ครับ สาธุ ...  :054:



25
โปรแกรมต่อไป วัดหน้าต่างนอก มาชมภาพบรรยากาศกันเลยนะครับ ...  :089:










ภายในกุฏิมีรูปหล่อหลวงพ่อจงอยู่ครับ ...  :089:



บรรยากาศทั่วๆ ไปภายในกุฏิครับ ...















นี่คือ นิ้วของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ที่ไม่เน่าไม่เปื่อยครับ ...  :054:







ภายในกุฏิยังมีรูปปั้นฤาษีมากมายครับ



ตู้วัตถุมงคลครับ ...  :089:






มาวันนี้ได้กราบนมัสการ หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก ด้วยครับดีใจมากครับ ...  :054:



หลวงพ่อท่านเมตตาจารรูปถ่ายหลวงพ่อจงให้แด่พี่ชายที่ร่วมเดินทางครับ ...  :089:

















หลวงพ่อแม้น ท่านเมตตาเป่ากระหม่อมให้ผมทั้งสามคนด้วยครับ เมตตามากครับ

ปิดท้ายด้วยการขอถ่ายภาพหลวงพ่อท่าน หลวงพ่อก็เมตตาเต็มใจให้ถ่ายครับ ...  :054:



26
ออกรถจากวัดศาลาปูน ไปลุยต่อที่เป้าหมายต่อไป วัดเจดีย์แดง แดง แดง !!!

ขับไปตามถนนเมืองอยุธยา เพลินตากับป้ายต่างๆ ที่แนะนำการท่องเที่ยวมากมาย ...












และแล้วการเดินทางบทนี้ก็มาถึง วัดเจดีย์แดง อันเรืองชื่อตะกรุดดำและแดง ...  :016:



มาถึงก็เจอเจ้าอ้วนน้อยเดินเล่นอยู่ น่ารักมากครับ ...  :095:





เดินต่อไปชมสถานที่ดบราณ พระพุทธรูปเก่า 630 ปีกันเถอะ ... !





ก่อนถึงพระพุทธรูปมีรูปปั้นโบราณดูแล้วเข้มขลังไม่น้อย ...  :093:









และแล้วเราก็มาถึงโบถส์พระพุทธรูป 630 ปีแล้วครับ







พระพุทธรูปบนยอดมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วยครับ



นี่คือที่ที่หลวงพ่อจำลอง ใช้นั่งปรกครับ ...  :089:



อ่างน้ำมนต์ของหลวงพ่อจำลองท่าน ...





เดินชมรอบวัดระหว่างรอหลวงพ่อจำลอง พบหลวงพ่อได้ตอนบ่ายโมงนะครับ ...  :089:





ศาลเจ้าที่วัดเจดีย์แดง อยู่ข้างโบถส์ครับ ...  :089:





ทางวัดกำลังมีการก่อสร้างด้วยครับ ไม่ทันถามว่าสร้างอะไรแน่ชัด ...  :075:






ที่พักพิงน้ำและอาหารขนมนมเนย ...



ใส่หลอดตะกรุดได้เลยครับไม่แพงด้วย ในกรุงเทพฯ แพงกว่านี้ ...  :075:




อ่ะ หลวงพ่อท่านมาแล้ว ไปกราบกันเถอะครับ ...  :054:



















กราบหลวงพ่อจำลองแล้ว เราไปที่อื่นกันนะครับ ทิ้งท้ายด้วยแผนที่วัดเจดีย์แดง

และภาพน่ารักๆ จากเจ้าอ้วนที่หลับอยู่นะครับ น่ารักมากๆ ครับ   ....  :089:











27
วัดแรกที่จะทัวร์ในวันนี้นะครับ ชื่อว่า วัดพิชัยสงคราม ใกล้สถานีรถไฟอยุธยาครับ

วัดมากครับวัดนี้ หลวงพ่ออุดม ท่านใจดีมากครับ ยิ้มรับแต่เช้าเลยครับ ดีใจมาก

ที่ได้ไปกราบท่าน และประทับใจในรอยยิ้มท่านที่สุดครับ ขอบคุณครับ ...  :089:


























ภาพบรรยากาศวัด สวยงดงามมากเลยครับ ...  :016:











แม้แต่ห้องน้ำก็ทำป้ายสวยมากครับ ...  :016:



ที่นี่ ประเทศไทย ...  :058:






ที่วัดเปี่ยมไปด้วยรูปปั้นมากมายที่ดูงดงามและเป็นธรรมชาติมากครับ ...  :089:















วัตถุมงคลรุ่นต่างๆ ที่ทางวัดเก็บไว้ให้ศึกษากันนะครับ ...  :089:























บรรยากาศทั่วไปภายในสำนักงานเจ้าอาวาสนี้ครับ พี่ที่คุมตู้อยู่ให้ความรู้และอัธยาศัยดีมากครับ ...  :016:












คำที่หลวงพ่อฝากไว้ให้อ่านและจารึกในจิตใจนะครับ ...  :054:





กำลังจะไปหาหลวงพ่อที่กุฏิแต่พอดีพบท่านก่อนข้างหน้านะครับ บรรยากาศดีมากครับ

และเหมาะกับวาระโอกาสเช้าตรู่แห่งนี้ที่สดชื่นและหนาวเย็น รอยยิ้มหลวงพ่อนั้นทำให้

อบอุ่นขึ้นมาเลยทีเดียวต่อไปนี้คือภาพอันเป็นความประทับใจของเราทั้งสามคน

ที่พูดกี่ครั้งก็ไม่เบื่อว่า หลวงพ่อท่านมีรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีเมตตา สาธุ ...  :054:














หลวงพ่ออุดม ก็เมตตาลงจารเพิ่มให้อีกนะครับ หลวงพ่อมีเมตตาจริงๆ สาธุ ...  :054:














หลวงพ่ออุดม เมตตาจารกระเป๋าใส่สตางค์ให้กระผมด้วยครับ ...  :089:






ภาพสุดท้ายแห่งความประทับใจ ของวัดพิชัยสงคราม ที่ผมได้ถ่ายไว้ในวันนี้ ...  :114:


28
หนุมาน รุ่นชนะเงิน หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย เป็นก้นเบาท์ทุบรุ่นแรกของหลวงพ่อมีครับ

สวยมากครับเป็นรูปแบบหนุมานอ้าปาก ดูสวยน่ารักไปอีกแบบนะครับ ช่วงนี้หนุมาน

กำลังน่ารักเลย หลายๆ ที่จัดสร้างหนุมานมากมาย ไว้นำมาให้ชมอีกนะครับ ...  :089:












29






อ่ะเอ๋ ..... ลุ้นเลื่อนลงไป ... นะครับ






















ลุ้น .....


























เอ้า มาดูกัน ข้างล่างเลย ...  :002:
















สนุกไหมครับสำหรับเกมส์ที่มีมาเล่นกัน เลขที่ถูกคือ  3  6  8  ครับผมไม่มีใครถูกเลย

แต่เราจะแจกรางวัลใกล้เคียงให้นะครับ มีใกล้อยู่ 3 ท่านน่ะครับแจกกันไปเลยครับงานนี้

ตอนแรกว่าจะแจกแค่ 1 แต่เปลี่ยนใจครับแจกหมดทั้ง 3 ท่านไปเลยฟรีๆ ...

ก็ขอให้มีการร่วมสนุกอีกนะครับ ขอบพระคุณทั้ง ๕๐ คนด้วยนะครับผม  ...  :089:


akekalux   ตอบว่า  836
ณ.อยุธยา    ตอบว่า  365
คนรักษ์พระ   ตอบว่า 359



ผู้ที่มีรายชื่อดังกล่าว ส่งที่อยู่มาทาง PM ได้เลยนะครับ ขอให้โชคดีครับ ...  :089:

30
ล็อกเก๊ตหน้าหนุ่ม หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ฉากขาวดำได้รับมาจากกุฏิหลวงพี่ติ่งครับ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เห็นบอกว่าหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ปลุกเสกมาแล้วก่อนหน้านี้ด้วยครับ

ทราบว่ายอดสร้างจำนวน ๔๘ องค์ ปลุกเสกครั้งสุดท้ายเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ครับ

มีผงพุทธคุณและจีวรสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ฝังด้ายไหมเจ็ดสีของหลวงพ่อ ตะกรุด

แผ่นเงินตอกโค๊ต อีกครับ สวยมากเลยครับรุ่นนี้ ตอนผมไปเช่ามานั้นก็เช่ามากับพี่ชายอีกคน

มีองค์สุดท้ายเหลืออยู่ที่กุฏิหลวงพี่ติ่ง ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้รับไปนะครับ ...  :095:










ค่ำคืนที่แสนเงียบเหงาฟ้ามืดสงบเช่นนี้เหงาใจนอนไม่หลับ โพสรูปพระดีกว่า ...  :095:

31
หนุมาน หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส จัดสร้างในปี 2545 หนุมานรุ่นนี้หลวงปู่เกลี้ยงท่านได้นำว่านต่างๆ

และผงวิเศษมาผสมและปลุกเสกด้วยตัวท่านเอง ปลุกเสกทุกวันอังคาร จนครบ 1 ปี ในอุโบสถมหาอุดของวัดเนิน

เนื้อที่นำมาให้ชมวันนี้คือเนื้อ ว่านอาถรรพณ์ รุ่นนี้ท่านจะแจกแต่ผู้ใหญ่เท่านั้น ไม่แจกเด็ก เพราะว่าเคยแจก

แล้วเด็กที่นำไปมีเรื่องชกต่อยตบตีจำนวนมาก ก็เลยต้องยกเลิกการแจกให้เด็กไปนะครับ ต่อมาหลวงปู่เกลี้ยง

ท่านสั่งห้ามเด็กห้อยเป็นอันเด็ดขาดครับ  ชื่อหนุมานรุ่นนี้ เรียกกันว่า “ หนุมานครองโลก ! !! ” ครับ


รุ่นนี้จัดสร้างโดยวัดเนินสุทธาวาส โดยแท้ จากการผสมมวลสารของหลวงปู่เกลี้ยงเอง และพระลูกวัดช่วยทำ

หลวงปุ่ท่านกล่าวไว้ว่า “ ผู้พกติดตัวจะมีความเจริญเก้าหน้าในชีวิต ถ้ารับราชการจะได้เป็นใหญ่เป็นโต

ปกป้องคนที่บังคับบัญชาโดยไม่มีอุปสรรค์ เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป  ดุจดังบุคคลที่ครองโลกอย่างใดอย่างนั้น ”

นี่คือ อุปเท่ห์ของหนุมานครองโลกรุ่นนี้ ที่หลวงปู่เกลี้ยง วันเนินสุทธาวาส ได้กล่าวว่าไว้ ....  :089:

















ขอมูลหนุมานทั้งหมดที่พิมพ์ขึ้นมา นำมาจากหนังสือ พระเกจิ เล่มที่ 192 ขอบคุณครับ ...  :089:

32
นี่คือประสบการณ์จริงของกระผมเองไม่อิงเว็บใดหนังสือเล่มใด

เนื่องจากวัยเด็กเป็นเด็กที่ซุกซนมากครับผมมักเล่นซนๆอยู่เรื่อยเมื่อยังจำความได้ ผมได้เอาไม้ตีตะปูติดกับไม้ ให้เป็นในรูปแบบของ ปลายแหลมตะปูโผล่มาจากไม้น่ะครับ พอได้อย่างที่ต้องการแล้วก็เอาไปวางไว้บนถนน ที่มีรถสัญจรบ่อยครั้ง  จนมีรถมาเหยียบตะปูไม้ ชิ้นนั้นไปก็ทำเล่นอยู่ด้วยความสนุกสนาน แต่เมื่อครั้นนั้นยังเด็กนัก จึงเห็นเป็นเรื่องสนุกไม่คิดอะไรมาก จนนำเรื่องที่สนุกนี้ไปเล่าให้คุณพ่อฟังน่ะครับ เลยโดนสะชุดใหญ่ก็เลยเลิกไป ...

จนมาทุกวันนี้ ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับยางรถอยู่ครับ ยางแตกอยู่เรื่อยๆ รั่วบ้าง ซึมบ้าง เปลี่ยนกี่เส้นก็ใช้ได้ไม่นานสักทีครับ จึงเชื่อว่าเป็นเวรกรรมที่ติดตัวมา จากการรู้เท่าไม่ถึงการเล่นสนุกตามภาษาเด็กๆ เป็นเวรกรรมติดตัวครับไม่ต้องรอชาติหน้า เวรกรรมตามทันกันรวดเร็วมากครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ใครก่อกรรมต่อกันอีกเลยครับ คนเราหนีคน หนีหมา หนีไม้ หนีได้ครับ เวรกรรมหนีไม่ได้ นอกจากทำกรรมดีเสริมเข้าไปให้อยู่ได้ แต่ก็หนีกรรมไม่ได้อยู่ดี


ประสบการณ์จริงของกระผมเอง จริงไหมพี่ ack01 ...  :095:

33
เพียงเสี่ยงทายเลขหลังหน้าเสือเหรียญนี้เป็นเลขอะไร มีตัวเลขอยู่ 3 หลักเท่านั้น

กติกาเพียงส่งคำตอบคนล่ะ 1 คำตอบเท่านั้นเลข 3 หลักทายถูกรับพระเครื่อง

ฉ่ำด้วยพุทธคุณกันไปเลย ฟรี .. !! โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น ...  :089:




34
วอนผู้รู้เรื่องรูปถ่ายแนะนำทีครับ ใครตอบถูกชัวร์ 1 ท่านแรก !! แจกพระให้กันไปฟรีๆ เลยครับ

กติกาง่ายๆ รับพระฉ่ำพุทธคุณกันไปฟรีๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น ...  :089:



35
พระผงหัวจุก โรยเกศา หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จัดสร้างในปี ๒๕๓๖ หลังยันต์บัวแก้วเสือเผ่น

สวยมากครับองค์น้อย เหมาะให้เด็กๆ ห้อยคอนะครับเนี่ยะ เล็กสวยดีมากเลยครับ ...  :089:









36
ตามแบบฉบับของวัดบางพระ เลยออกมาเป็น หนุมานคลุกฝุ่นแบบนี้เลยครับ

หมุนตลบตัวเป็นเกรียวเลยครับ ขาแขนไปคนล่ะทางเลย แบบนี้สิตีลังกาเกรียวของจริง ฮิๆ

ว่าจะเว้นที่ไว้ให้อาจารย์หนวดสักเสียหน่อย เจอหนุมานตัวนี้อดใจไม่ไหว ...  :075:



37
  ปริศนาเลขบัตรประชาชน 13 หลัก




สมมุติว่า เลขบัตรประชาชนของเราเขียนไว้ว่า 1 1001 01245 29 9 (เขียนเว้นวรรค ตามแบบ) แต่ละหลักก็จะมีความหมายดังนี้

หลักที่ 1 (คือหมายเลข 1 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภทได้แก่

ประเภท ที่ 1 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา

หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1

เช่น เด็กหญิงส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2527 และพ่อไปแจ้งเกิดที่เขตดุสิตภายในวันที่ 17 มกราคม 2527 เด็กหญิงส้มจี๊ด ก็จะมีหมายเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 1 และก็ต่อด้วยเลขหลักอื่นๆ อีก 12 ตัว เป็น 1 1001 01245 29 9 เป็นต้น ซึ่งเลขนี้จะปรากฏในทะเบียนบ้าน และจะเป็นเลขประจำตัว เมื่อส้มจี๊ดไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี


ประเภท ที่ 2 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา

หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นด้วยเลข 2 ทันที

เช่น ในกรณีส้มจี๊ด หากพ่อไปแจ้งเกิดให้ ในวันที่ 18 มกราคม 2527 หรือเกินกว่านั้น ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวเป็น 2 1001 01245 29 9 ในทะเบียนบ้าน และเมื่อไปทำบัตรประชาชนในภายหน้า


ประเภทที่ 3 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527)

หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3

เช่น ส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2501 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวในทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเป็น 3 1001 01245 29 9


ประเภทที่ 4 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก

หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 ทันที

เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในสำนักทะเบียนเขตคลองสาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2527 ส้มจี๊ดก็ขอย้ายบ้านไปเขตดุสิต โดยที่ส้มจี๊ดยังไม่ทันได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสาน พอแจ้งย้ายเข้าเขตดุสิต ส้มจี๊ดก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 4 มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย 4 กลายเป็น 4 1001 01245 29 9 ทันที แต่ถ้าส้มจี๊ดย้ายจากเขตคลองสานเดิม ไปเขตดุสิต หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ส้มจี๊ดก็ยังเป็นบุคคลประเภท 3 อยู่ เพราะถือว่าจะได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสานแล้ว จะย้ายอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง

การกำหนดให้บุคคลเริ่มมีเลขประจำ ตัว 13 หลักในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2527 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 อันเป็นวันสุดท้าย ของการดำเนินการให้ประชาชน ที่ไม่มีเลขประจำตัวในบัตรหรือทะเบียนบ้าน ได้มีเลขประจำตัวจนครบแล้วนั้น ก็เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทยยังไม่เคยมีการกำหนดเลขประจำตัวดังกล่าวมาก่อนเลย ดังนั้น ช่วงที่ว่าจึงเป็นระยะเวลาจัดระบบให้เข้าที่เข้าทาง เพราะหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 แล้ว ทุกคนจะต้องมีเลขประจำตัวเพื่อสำแดงตนว่า เป็นบุคคลประเภทใด โดยดูตามเงื่อนไขในแต่ละกรณี ซึ่งมีอีก 4 ประเภท คือ


ประเภท ที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ

เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตดุสิตอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าตอนที่มีการสำรวจรายชื่อผู้อยู่ในบ้าน เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ชื่อของส้มจี๊ดหายไปจากทะเบียนบ้าน เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจสอบแล้วว่าตกสำรวจจริง หรือจะเป็นเพราะกรณีอื่นใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็จะเพิ่มชื่อให้ แต่ส้มจี๊ดก็จะมีหมายเลขในทะเบียนบ้านเป็นบุคคลประเภท 5 และบัตรประชาชนจะขึ้นต้นด้วยเลข 5 ทันที คือ กลายเป็น 5 1001 01245 29 9


ประเภท ที่ 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าวคือ คนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน หรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้บางคนจะถือพาสปอร์ตประเทศของตน แต่อาจจะมีสามีหรือภริยาคนไทย จึงไปขอทำทะเบียนประวัติ เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านสามีหรือภริยา คนทั้งสองแบบที่ว่า ถือว่าเป็นบุคคลประเภท 6 เลขประจำตัวในบัตรจะขึ้นต้นด้วยเลข 6 เช่น 6 1012 23458 12


ประเภท ที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7 เช่น 7 1012 2345 133


ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข 8 เช่น 8 1018 01234 24 7

คนทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8 จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้



หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 (เลข 1001 ในตัวอย่างหรือสี่ตัวถัดไปจากตัวแรก)

จะหมายถึง รหัสของสำนักทะเบียน หรืออำเภอที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนขณะที่ให้เลข ซึ่งก็หมายถึงถิ่นที่อยู่ของเรานั่นเอง

กล่าวคือ เลขหลักที่ 2 และ 3 จะหมายถึงจังหวัดที่อยู่

ส่วนหลักที่ 4 และ 5 หมายถึงเขตหรืออำเภอในจังหวัดนั้นๆ

เช่น ถ้าเขียนว่า 1001 ก็หมายถึงว่า คุณอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ในเขตดุสิต เพราะ 10 ในหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงกรุงเทพมหานคร ส่วนเลข 01 ในหลักที่ 4 และ 5 คือรหัสของสำนักทะเบียนเขตดุสิต หรือถ้าเขียนว่า 1101 ก็จะหมายถึง อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมือง เพราะ 11 แรกคือ รหัสจังหวัดสมุทรปราการ และ 01 หลัง คือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นต้น


หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 (เลข 01245 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง กลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท ตามหลักแรก (หลักที่ 1) ซึ่งทางสำนักทะเบียนในแต่ละแห่ง ก็จะจัดกลุ่มเรียงไปตามลำดับ หรือหากเป็นเด็กเกิดใหม่ในปัจจุบัน เลขดังกล่าวก็จะหมายถึง เล่มที่ของสูติบัตร (ใบแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตออกให้) ซึ่งก็คือเลขประจำตัวในทะเบียนบ้านของเด็กที่แต่ละอำเภอหรือเขตออกให้ และจะไปปรากฎในบัตรประชาชน เมื่อถึงอายุต้องทำบัตรนั่นเอง แต่ถ้ายังไม่ถึงเกณฑ์เลขนี้ ก็จะปรากฏอยู่แค่ในทะเบียนบ้านของเด็กเท่านั้น


หลัก ที่ 11 และ 12 (หมายเลข 29 ในตัวอย่างสมมุติ) จะหมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ


หลักที่ 13 (เลข 9 ตัวสุดท้ายในตัวอย่าง) จะหมายถึง ตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที



สำหรับ เลขตั้งแต่หลักที่ 6 ถึง 13 นี้เป็นการจัดหมวดหมู่ และเรียงลำดับบุคคลในแต่ละประเภทของสำนักทะเบียนในแต่ละท้องที่ ซึ่งเราก็คงไม่ต้องรู้รายละเอียดอะไรลึกไปกว่านี้ เพราะรู้แล้วอาจจะงงเปล่าๆ



เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ตัวเลข 13 หลักที่เป็นหมายเลขในบัตรประชาชน หรือเลขประจำตัวประชาชนของเราแต่ละคนนี้ จะไม่มีการซ้ำกันเลย ผิดกับชื่อหรือนามสกุล ยังมีซ้ำกันได้ และจะเป็นเลขประจำตัวเราจนตาย ไม่มีการเปลี่ยน หรือยกให้คนอื่น

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ในอนาคตจะต้องมีการเติมเลข อย่างเลข 8 เข้าไปอีก เพราะเลขไม่พอใช้เหมือนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เขาก็บอกว่าคงอีกนาน อาจจะถึง 100 ปีโน่น เพราะการที่เขาแยกแยะบุคคลเป็นประเภทต่างๆ และยังแยกย่อยเป็นจังหวัดอำเภอ แล้วลงรายละเอียดไปเป็นกลุ่มๆในแต่ละประเภทอีกนั้น ทำให้เพดานหรือช่วงตัวเลขมีความห่างมาก จนสามารถรองรับจำนวนคนได้อีกมาก

หากใครสงสัย หรือมีปัญหาในเรื่องทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ก็สามารถสอบถามไปได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร. 1548



ตัวเลข 13 หลักที่กล่าวข้างต้น เป็นเลขประจำตัวประชาชนของแต่ละคนนี้ แม้จะมิใช่ตัวเลขที่เราต้องใช้เป็นประจำในชีวิตประจำวัน ยกเว้นใช้ในการกรอกเอกสารบางอย่าง เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร ฯลฯ แต่เลขนี้ก็มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการสำแดงตัวตน “ความเป็นคนไทยหรือคนในประเทศไทย” ที่ทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทย และใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้



แหล่งที่มาข้อมูล : มติชน

38
8 ปริศนาธรรมการปลงศพ

พิธีศพของคนไทยความหมายมาก
มีหลายหลากปริศนาธรรมพึงจำไว้
แต่เริ่มต้นมัดตราสังยังร่างกาย
จวบสุดท้ายเผาเป็นขี้เถ้าเล่าบอกธรรม


1. มัดตราสังเป็นสามเปราะเคาะความหมาย
เมื่อวางวายมัดคอไว้ความหมายล้ำ
การผูกมัดหมายถึงบ่วงห่วงให้จำ
ที่คอนั้นบ่วงรักลูกผูกมัดใจ
มัดที่มือคือบ่วงรักภักดิ์ผัว-เมีย
เมื่อตายเสียยังห่วงหาอาทรไห้
ส่วนสมบัติและทรัพย์สินนั้นกินใจ
มัดติดไว้ที่ข้อเท้าให้เศร้าตรม
สามบ่วงนี้ผูกติดจิตติดนิสัย
เมื่อบรรรลัยนิพพานไปไม่ได้สม
ต้องเวียนว่ายในวัฏฏะสังคคม
เป็นอารมย์ที่ยึดติดจิตอุปไมย
 
2. ยามพระสงฆ์นั่งสวดพร้อมน้อมรับศีล
ศพไม่ได้ยินบุตรหลานก็เคาะโลงให้
แท้จริงใบ้แขกรับศีลผินประไพ
เป็นความหมายบอกผู้คนยลพระธรรม
อย่าทำตัวให้ประมาทขาดสติ
ไม่ทิฏฐิละทิ้งไปในคำสอน
หมดโอกาสได้กระทำยามม้วยมรณ์
จะอ้อนวอนเคาะโลงไงไม่ได้ฟัง

3. ยามพระสงฆ์สวดภาษาว่าบาลี
หมู่คนดีฟังไม่รู้อยู่หน้าหลัง
เข้าใจว่าพระสวดให้คนตายฟัง
อโธ่ถัง! พระสวดสอนคนตอนเป็น
หวังให้คนเอาไปใช้ปฏิบัติ
ใช้ยืนหยัดดำรงตนพ้นทุกข์เข็ญ
หากฟังแล้วไม่เข้าใจไม่จำเป็น
ขอให้เน้นสำรวมจิตคิดสิ่งดี

4. บวชหน้าไฟมักเข้าใจกันให้ผิด
ต่างก็คิด"จูงคนตาย"ไปวิถี
พ้นนรกสู่สวรรค์ชั้นที่ดี
จึงบางทีแย่งกันบวชผนวชกัน
แท้ที่จริงเป็นการลงปลงสังเวช
ถึงสาเหตุเกิดเจ็บตายไม่เหหัน
เกิดมาแล้วไม่แคล้ววายตายด้วยกัน
เพียงเท่านั้นมนุษย์นี้มีอะไร
เมื่อปลงได้ก็อยากได้หนีไปบวช
ไปผนวชหนีแสงสีโลกีย์วิสัย
ประพฤติธรรมเพื่อหลุดล้นให้พ้นไป
เพื่อจะได้สู่มรรคผลหนนิพพาน

5. การนิมนต์พระจูงศพพบแห่งเหตุ
เป็นจิตเจตให้คนคิดจิตสันนิษฐาน
ใช้พระธรรมองค์สัมมาฯมีมานาน
ดำรงการดำรงตนเป็นคนดี
ยามมีชีพดำรงตามพระธรรมสอน
ตามขั้นตอนองค์สัมมาหาวิถี
เอาคนตายให้พระนำตามวิธี
สังวรนี้ไว้สอนคนสนใจทำ

6. การเวียนศพซ้าย 3 รอบชอบความหมาย
การเวียนว่ายเกิดตายในภพสาม
มีกามภพ,รูปภพ,อรูปภพ ประสบตาม
ทุกเมื่อยามอยู่วนเวียนกรรมเกวียนกง
เมาตัณหาอุปทานการกิเลส
น่าสังเวชเป็นทุกข์ใจให้ลุ่มหลง
ไม่จบสิ้นมัวเวียนว่ายตายอยู่ยง
ต้องละหลงทวนกระแสแห่ศพเวียน

7. น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพลบกิเลส
เป็นจิตเจตน์ความสะอาดไม่พลาดเปลี่ยน
ดั่งน้ำทิพย์อันบริสุทธิ์ดุจกระเษียร
ชำระเปลี่ยนให้จิตใจใส่ดวงธรรม

8. เผาศพแล้วเหลือขี้เถ้าเคล้าเศษอัฐิ
เขาเขี่ยคัดเถ้าไปมาน่าสอบถาม
จัดเป็นรูปร่างคนจนสวยงาม
คือหมายความกลับชาติใหม่ใช้กรรมเวร

ปริศนาธรรมคนเก่าก่อนสอนให้คิด
แฝงนิมิตบอกความนัยให้คนเห็น
เป็นข้อคิดก่อเกิดธรรมความจำเป็น
และฝากเน้นถึงกรรมดีที่พึงทำ.....



บทความจาก นพกรณ์ กุลตวนิช ผู้ประพันธ์

39








เมื่อวานได้ไปวัดบางพระ กับพี่และเพื่อนอีกท่าน ไปถึงวัดก็ จะ 5 โมงเย็นแล้วครับ

ก็เลยเข้าไปกราบหลวงพี่ญา ก่อนหลวงพี่ญาก็แจกพระมามากมาย ขอบพระคุณครับ ...  :089:

40









เหรียญรุ่นแรก เนื้อเงินผสม ชาปรถไฟ นิกเกิล ทอง ตัวกั่ว ฯลฯ สร้างน้อยมากครับ ...  :089:

41

































หากพูดถึงน้ำตาหยดแรกแล้ว คุณ คิดถึง ใคร ... ?

42






ค่ำคืนนี้มีพิธีการอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ ใครอาบจะได้รับตะกรุดหล่อโบราณครับ ...























บรรยากาศทั่วๆ ไปบริเวณตู้พระ




ออกเดินสำรวจวัดทั่วๆ ไปในค่ำคืน







บรรยากาศทางน้ำ พายเรือขายของยังมีให้เห็นอยู่ในกรุงเทพ ฯ






ขนมรังผึ้ง (ใส่เหล็ก) หอมหวานชวนชิมจริงๆ ครับท่าน






บรรยากาศดีมากครับ เที่ยวไปก็เพลินไปด้วยครับ





กระทงหลงทาง ใครหนอ ...


43
ไว้ทำภาพบรรยากาศย้อนหลังให้ครับ วันนี้ชมกับวัตถุมงคลที่ได้มาก่อนแล้วกันนะครับ

บรรยากาศดีมากครับ หลวงปู่แย้มไม่สามารถออกมานั่งปรกสวดได้ครับเนื่องจาก

ติดอาการอาพาธอยู่ครับ เลยนิมนต์หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ มาสวดแทนครับ

ได้เจอคุณ Ronaldo2007 ที่วัดด้วยครับ ทักทายกันเองดีครับขอบคุณครับ ...  :089:



44
จากมุมมองของพี่ โคมแก้ว สู่มุมมองของกระผมบ้างนะครับ แลกเปลี่ยนรูปภาพที่เก็บได้มาแบ่งปันกัน ...  :089:

หลังจากลงจากรถมาเก็บภาพบรรยากาศเล็กๆ น้อยๆ ก็ทราบมาว่าพี่ๆ อยู่กุฏิหลวงพี่ต้อยกัน ก็ตามไปติดๆ
















ถึงแล้วครับ กุฏิหลวงพี่ต้อย เลยขอเก็บภาพเล็กๆ น้อยๆ ไว้สักนิดนะครับ ...  :089:






งานกฐินเริ่มแล้ว ไปดูชาวบ้านเซิ้ง กันดีกว่าครับ ...  :016:



































ปิดท้ายด้วยภาพในมุมมองสวยๆ .. หรือเปล่า ..  :095:


45
โดยจุดหมายของบอร์ดเราที่แท้จริง ... ตามความเข้าใจของกระผมเองนะครับ

กระผมมีความเข้าใจว่า บอร์ดวัดบางพระ ของพี่น้องทุกท่านนี้ จุดหมายที่แท้จริง

คือการเผยแพร่บารมีหลวงพ่อเปิ่น ให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้ขึ้นมา และทราบว่า

คำว่า วัดบางพระ ไม่เคยจางหายไปลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี จนกระทั่งเผยแพร่ยาว

ทั่วทุกหนแห่งในภูมิภาค ลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่น ท่านมีไม่น้อยนับแสนล้านชนชาวไทย

เว็บนี้ก็เป็นสื่อกลางสื่อหนึ่งที่เชื่อมมิตรภาพให้แก่ศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่น ทุกคน

ได้พบปะพูดคุยอย่างเป็นกันเอง โดยผ่านทางเว็บบอร์ดและนำไปยังการนัดหมาย

เข้าวัดเข้าวาไปกราบหลวงพ่อเปิ่น และพระอาจารย์ทุกองค์ ของวัดบางพระ

ศิษย์หลวงพ่อเปิ่น ได้ดิบได้ดีที่ต่างประเทศก็เยอะครับ ไม่สามารถมาวัดบางพระได้

ก็ได้แต่อ่านผ่านเว็บบอร์ดวัดบางพระ ว่าไปถึงไหนแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

หากวัดบางพระ ไม่มีความสามัคคีของศิษย์วัดบางพระ ทุกคนเขาจะมองเราอย่างไร

เขาจะภูมิใจหรือไม่ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ถ้ามองแบบคนปกติแล้ว ย่อมมีแนวคิด

ในทางเดียวกันว่า ไม่มีใครให้อยากเป็นแบบนี้แน่นอน และแน่นอนอย่างที่สุด

ภาพพจน์ต่างๆ ที่คนอื่นเข้ามาอ่านผมไม่ห่วงเท่าสุขภาพจิตของพี่น้องวัดบางพระ

ที่ต้องมาเจอเรื่องการแตกความสามัคคีขึ้น เกิดการเบื่อหน่ายต่อกระทู้ตอบโต้ต่างๆ

แตกต่างไม่ควรแตกแยก ที่ตั้งกระทู้มาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

แต่กระผมอยากให้มีการยุติเรื่องที่เกิดขึ้น โดยระลึกเสมอว่า เว็บวัดบางพระ

คือเว็บที่เผยแพร่บารมีหลวงพ่อเปิ่น มีมิตรภาพมีการแจ้งข่าวสม่ำเสมอตลอด

จนนำไปยังการทำบุญ สืบสานวัฒนธรรมลายสักยันต์และความรู้เรื่องพระเครื่อง

ของหลวงพ่อเปิ่น ที่ทุกๆ ท่านนับถือผมเชื่อว่า ทุกท่านที่เข้ามาในเว็บวัดบางพระนี้

ก็นับถือหลวงพ่อเปิ่น กันทุกท่าน จะมัวมาโต้แย้งกันทำไมเล่าหากแต่เรื่องเหล่านั้น

ไม่เกี่ยวกับเว็บวัดบางพระ เลย โดยสืบเนื่องจากกระทู้ก่อนหน้านี้ที่ผมตั้งขึ้นมา

หลายท่าน มีความเห็นตรงกันเรื่องความสามัคคี ที่ขาดหายไปจากเว็บวัดบางพระ

ไม่ใช่หน้าที่ของท่านผู้ดูแลเว็บแห่งนี้ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุกท่านที่อยู่ใน

เว็บแห่งนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการ สืบสานบารมีหลวงพ่อเปิ่น

ให้สาธุชนรุ่นหลังได้กราบนมัสการ สถิตในใจชนชาวไทยทุกภูมิภาค ตลอดไป ...  :054:








กระทู้นี้เหมือนกับกระทู้ปลุกระดมความสามัคคีของชาวเว็บวัดบางพระ

หากผู้ดูแลท่านใด ไม่เห็นด้วยหรือไม่เหมาะสม ลบได้เลยครับ ด้วยความเคารพ ...  :089:

46
อะไรหายไปจากเว็บวัดบางพระ ...  :062:  :062:  :062:

47
ติชมได้เต็มที่ครับ พี่น้องวัดบางพระ ดูจากเนื้อหาแล้ว คิดว่า

วัตถุมงคลนี้เป็นเนื้ออะไรครับ โพสคำตอบพร้อมเหตุผล

จำนวนสร้างปี พศ. ยิ่งดี ตอบดีมีรางวัลให้นะครับ

ขอบคุณครับที่เข้ามาร่วมสนุกกัน สาธุ ....  :089:
















48
พระซุ้มเสมาทิศ กรุวัดราชบูรณะ เนื้อชินเงิน กรุงเทพ ติชมได้ตามสบาย

ไม่ว่ากันครับ ยินดีทุกคำเสนอแนะ สาธุ ขอบพระคุณที่เข้าชมครับ ...  :089:













49
เวลาประมาณ 16.00 น. คุณพ่อโทรมาว่า หลวงพ่อจำเนียร มาที่ร้านค้าสวัสดิการ แถวบ้าน

ด้วยความเร่งด่วนรีบแต่งตัว กระเป๋าเงินไม่ได้หยิบไป หยิบไปแต่มือถือแล้วก็วิ่งออกมาพลาง

เอามืออ้อมไปหลังคอเพื่อใส่สร้อยพระหลวงพ่อเปิ่น วิ่งไปที่รถแล้วรีบไปที่ร้านค้าอย่างเร่งด่วน

ถึงร้านค้าสวัสดิการแล้ว ก็รีบถ่ายรูปมาฝากพี่น้องกันเลย อ่าว ... ไหนกล้องดิจิตอลล่ะ

เพราะรีบเลยลืม ก็เลยใช้กล้องมือถือถ่ายแก้ขัดไปก่อนครับ มาดูกันเลย ...  :016:






















ก็มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของข้าราชการทหารอากาศ หลายท่านมาฟังสวด แล้วก็รับพร ...  :054:











หลวงพ่อจำเนียรท่านเมตตามาก โดนเฉพาะกับเด็กๆ ทั้งหลาย สาธุ ...  :089:





ถึงเวลาแจกสีผึ้งกันแล้วครับ หมดกระปุ๊กกันไปเลยที่หลวงพ่อท่านถือ ท่านเมตตาแจกจนหมด ...  :089:









ก่อนหลวงพ่อจะฉันท์ยา กระผมเลยขอให้ท่านจารเหรียญที่มีให้หน่อยครับ ...  :054:









ถึงเวลาฉันท์ ยาสุขภาพกันแล้ว ทั้งน้ำชา ทั้งรังนก บำรุงไปทดแทนพลังงานที่เสียไป ...  :016:







ได้เวลาหลวงพ่อจะกลับไปจำวัดที่ไทรน้อย แล้วครับเพราะพรุ่งนี้มีกิจนิมนต์ที่สำนักสงฆ์ไทรน้อย













แต่เอ๋ ... มีคนนิมนต์ให้เจิมรถ อีซุสุ คันใหม่เบาะยังไม่แกะพลาสติกเลยนะครับ ...  :095:











ยังไงก็ขอขอบคุณพี่คนขับรถให้หลวงพ่อจำเนียร นะครับ แกให้ความรู้มากมาย

แล้วยังให้ถ่ายรูปคู่ด้วยเอง ขอบคุณที่ขอให้หลวงพ่อเมตตาจารเหรียญให้ผมนะครับ

หลวงพ่อจำเนียร ท่านเมตตามากครับ ท่านยิ้มแย้มตลอดเลยครับ แม้จะเหนื่อยแค่ไหน






ถ่ายรูปกับรถหลวงพ่อจำเนียร คันนี้ท่านพี่คนนี้ขับให้หลวงพ่อมาร่วม 20 กว่าปีแล้ว สาธุ ...  :089:

50
กฎแห่งกรรม / ทรชนคนบาป
« เมื่อ: 30 ก.ย. 2552, 11:47:15 »
ทรชนคนบาป

ในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๑ พระเจ้าศศางกะ กษัตริย์อินเดียผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เกิดริษยาความเจริญของพระพุทธศาสนา จึงคิดจะทำลายล้าง โดยจัดการกับวิหารมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก่อน ในวิหารนั้นมีพระพุทธรูปอันงดงาม พระเจ้าศศางกะสั่งให้แม่ทัพจัดการทำลายพระพุทธรูปทันที แล้วเสด็จออกไปตัดต้นมหาโพธิ์ ส่วนภายในวิหารปล่อยให้แม่ทัพจัดการ
ฝ่ายแม่ทัพเป็นผู้รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่กล้าทำตามคำสั่งนาย ได้ดำริว่า ถ้าทำลายพระพุทธรูปตามโองการของพระราชา เราก็ต้องตกนรก ถ้าไม่ทำตามโองการ ศีรษะก็จะไม่อยู่กับบ่า ในที่สุดคิดอุบายร่วมกับคนสนิท ก่อกำแพงบังพระพุทธรูปนั้นให้มิด แล้วทูลพระราชาว่าทำลายเสร็จสิ้นแล้ว
พระเจ้าศศางกะชอบพระทัย พอล่วงไป ๗ วัน ก็บังเกิดโรคพุพองเปื่อยเน่าไปทั่วสรีระ กษัตริย์ใจบาปนี้ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัสจนสิ้นพระชนม์ ฝ่ายแม่ทัพก็รีบมารื้อกำแพงออกทันที
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แม้พระพุทธรูปยังไม่ได้ถูกทำลาย แต่เป็นผลอันเกิดจากการทำอันตรายต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งพระพุทธองค์อาศัยร่มเงาในคืนตรัสรู้
อ.เสถียร โพธินันทะ ได้ยินผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเล่าว่า ท่านได้เห็นชายชราเป็นโรคผิวหนังพุพองเปื่อยเน่าทั้งตัว ทั้งยังเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ต้องเที่ยวถัดไปตามถนนขอทานเขากิน ชายชราผู้นี้เล่าชีวประวัติให้ผู้ใหญ่ท่านนั้นฟังว่า เมื่อหนุ่มหากินทางขโมยลอกทองพระพุทธรูปบ้าง เที่ยวขุดทรัพย์ในองค์พระปฏิมาตามวัดร้างโบราณ ทำให้องค์พระเสียหายขาดอวัยวะไป บัดนี้กรรมตามทันมาสนองให้ต้องทรมานอย่างนี้หลายปีแล้ว และรู้ตัวว่าหากตายไปคงตกนรกแน่นอน
ผู้ใหญ่ท่านนั้นเล่าว่า ได้เห็นสภาพของชายชราแล้ว ใจของท่านสลดสังเวชมาก เพราะมีสภาพเกือบไม่เป็นมนุษย์ ตามตัวเน่าไปหมดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งทีเดียว เป็นการตกนรกทันตาเห็นอยู่แล้ว
(ตอบปัญหาร้อยแปด โดย เสถียร โพธินันทะ)
บนกุฏิของท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดโพธิ์นิมิตร ฝั่งธนบุรี มีพระพุทธรูปยืนสององค์ ยืนเด่นในหมู่พระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก ท่านเจ้าคุณได้เล่าประวัติของพระพุทธรูปยืนสององค์ ความว่า
ในจังหวัดพระนคร มีบุคคลผู้หนึ่งนำพระพุทธรูปยืนมาเลื่อยเป็นสองท่อน ท่อนบนขายให้ฝรั่งคนหนึ่งซึ่งเข้ามาทำงานในเมืองไทย เพื่อนำออกนอกประเทศได้สะดวก ส่วนท่อนล่างก็ไม่สนใจทิ้งไว้ข้างบ้าน คนข้างบ้านเห็นแล้วก็สังเวชใจยิ่งนัก จึงนำมาถวายท่านเจ้าคุณซึ่งท่านผู้นี้เคารพ ท่านเจ้าคุณได้จัดการบูรณะให้สมบูรณ์เป็นองค์พระ แล้วตั้งไว้เคารพบูชาบนกุฏิท่าน
ต่อมาวันหนึ่ง ผู้ที่เลื่อยพระพุทธรูปนั่งรถไปธุระที่ซอยแห่งหนึ่งในเขตพระนคร เมื่อรถที่นั่งออกจากซอยก็ชนกับรถอีกคันหนึ่งอย่างแรง รถพังยับเยิน ผู้ฆาตกรรมพระพุทธรูปได้รับบาดเจ็บสาหัส หนังหัวถลกมาข้างหน้า เจ็บปวดจนร้องครวญครางอย่างน่าเวทนา ตำรวจนำผู้บาดเจ็บสาหัสส่งโรงพยาบาลโดยด่วน คนป่วยบิดตัวหน้าเบี้ยวบูดด้วยความเจ็บปวด พิษบาดแผลทำให้เพ้อคลั่งออกมาว่า ผมเจ็บปวดจนทนไม่ไหวแล้ว กรุณาเอาเลื่อยมาเลื่อยหน้าอกที คนป่วยร้องย้ำว่า ผมทนไม่ไหวแล้ว เลื่อยหน้าอกทีๆๆ
บุคคลผู้นี้ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เจ็บปวดจนน้ำตาไหลอาบหน้า ทั้งกิริยาท่าทางและการดิ้นรนตลอดจนหน้าตาบิดเบี้ยว ตอนแรกก็ร้องแผ่วเบา แล้วค่อยดังขึ้นจนที่สุดก็ตะโกนออกมา ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครรู้ว่า คำพูดที่ตะโกนออกมานั้นหมายความว่าอะไร บางคนเข้าใจว่าเป็นเพราะความเจ็บปวด จึงอยากให้เลื่อยกายออกเป็นสองท่อน เพื่อให้ตายและพ้นความทุกข์ทรมาน บางคนคิดว่าพิษบาดแผลทำให้เพ้อพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว คำที่พูดออกมาจึงไม่มีความหมาย แต่ผู้ที่รู้เบื้องหลังของคนป่วยคงจะตื่นเต้น ทุกคำพูดเขย่าขวัญและเสียดแทงเข้าไปในความรู้สึก เพราะบุคคลผู้สร้างบาปกรรมนี้ ที่สุดก็หนีบาปกรรมของตนไม่พ้น
ฝ่ายฝรั่งคนนั้น ตั้งแต่ได้นำพระพุทธรูปท่อนบนมาไว้ในบ้าน ครอบครัวที่เคยสงบสุข ก็เปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม ประเดี๋ยวคนนั้นป่วย คนนี้ป่วย จิตใจมีแต่ความเคร่งเครียด มองดูอะไรก็ไม่ถูกใจ เรื่องที่ไม่น่าจะมีก็มี ยิ่งมารู้ข่าวคนที่เลื่อยพระพุทธรูปก่อนตายร้องตะโกนให้เลื่อยหน้าอก ก็ยิ่งหวาดหวั่น หน้าที่การงานก็ได้รับคำตำหนิว่าบกพร่อง ทางต่างประเทศก็มีคำสั่งเรียกตัวกลับไป แกเชื่อมั่นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอภินิหารของพระพุทธรูปที่ซื้อมาแน่ จึงไม่ยอมนำพระพุทธรูปนี้กลับไปด้วย รีบไปพบผู้ที่นำพระพุทธรูปท่อนล่างไปถวายท่านเจ้าคุณ เพื่อให้ช่วยนำพระพุทธรูปท่อนบนไปถวายท่านเจ้าคุณ แม้จะทราบว่าท่อนล่างได้รับการบูรณะแล้ว ก็อยากจะให้นำท่อนบนไปให้พ้นบ้านเพราะความกลัว และบอกว่าเข็ดแล้ว จะไม่ขอแตะต้องพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
เมื่อได้พระพุทธรูปท่อนบนมาอีก ท่านเจ้าคุณก็บูรณะให้เป็นองค์พระที่สมบูรณ์ จึงเกิดเป็นพระพุทธรูปสององค์ยืนเด่นบนกุฏิท่าน
(กฎแห่งกรรม โดย ท. เลียงพิบูลย์ เล่ม ๓)
เมื่อคืนวันที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๕๓๖ ชายสองคนขี่รถจักรยานยนต์ไปที่วัดซุ้มกอ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร (ชาวบ้านเรียกกรุทุ่งเศรษฐี) ทั้งสองนำรถไปซุ่มจอดอยู่ใต้ต้นมะม่วงซึ่งห่างจากเจดีย์ซุ้มกอประมาณ ๒๐ เมตร แล้วเดินมาขุดที่บริเวณฐานของเจดีย์ซุ้มกอ เพื่อหาพระซุ้มกอที่ยังมีหลงเหลือ ด้านบนของฐานเจดีย์ที่ทั้งสองลักลอบขุด มีจอมปลวกขนาดใหญ่ก่อตัวอยู่ทั้งสองขุดชอนลึกลงไปจนท่วมหัว สันนิษฐานว่าขุดกันมาหลายวันแล้ว โดยใช้ต้นหญ้าปิดปากหลุมไว้ ขณะที่กำลังใช้ชะแลงขุดลึกลงไปเรื่อยๆ นั้น ดินจอมปลวกและฐานเจดีย์ได้ถล่มพังทับร่างของทั้งสองชนิดตายทั้งเป็น
รุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้ช่วยกันขุดดินออก พบร่างชายสองคน คือ นาย ก. อายุ ๒๑ ปี อีกศพเป็นชายอายุประมาณ๒๐ ปี ชื่อนาย น. พร้อมชะแลงเหล็ก ๑ อัน
ขณะที่กำลังขุดเอาศพออกมา หลายคนเห็นฝูงปลวกจำนวนนับล้านตัว บางตัวมีขนาดเกือบเท่านิ้วก้อยเกาะติดศพขึ้นมา ต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน และบอกว่าฟ้าดินและเจ้าที่เจ้าทางลงโทษทันตาเห็น
สำหรับกรุทุ่งเศรษฐีนั้น บรรดาเซียนพระใน จ.กำแพงเพชร ได้เล่าว่า เคยมีผู้ไปลักลอบขุดพระ ขณะที่ขุดลึกลงไปนั้น ได้เห็นว่ามีน้ำไหลทะลักออกมามากมาย ผู้ที่ลักลอบขุดต้องว่ายน้ำหนีจนหมดแรง กระทั่งรุ่งเช้ามีคนมาพบว่านอนเกลือกกลิ้งอยู่ใกล้หลุมดินนั้นเอง โดยบริเวณดังกล่าวไม่มีน้ำเลย ลักษณะที่เรียกว่าว่ายบกนี้ ทำให้เข็ดไปตามๆ กัน (น.ส.พ.เดลินิวส์ ๑๕ มิ.ย. ๒๕๓๖)
พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จัดเป็นปูชนียวัตถุสูงสุด ผู้สร้างพระพุทธรูปจะได้ประโยชน์ดังนี้
๑. ได้บุญตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดสร้าง เพราะเป็นความคิดอันประกอบด้วยศรัทธาในพระพุทธองค์ จัดเป็นตถาคตโพธิสัทธา
๒. เมื่อบริจาคทรัพย์ในการสร้างจัดเป็นทานบารมี
๓. เมื่อขวนขวายติดตามตลอดงานจัดสร้างพระปฏิมาจัดเป็นกุศลส่วนเวยยาวัจจมัย (บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ)
๔. เมื่อองค์พระปฏิมาสำเร็จบริบูรณ์ ได้เป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงพระพุทธคุณ ทั้งตนเองด้วย ทั้งผู้อื่นด้วย กุศลจะเกิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อาศัยพระปฏิมาเป็นสื่อน้อมนำให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งกุศลจริยาอื่นๆ อีกเป็นอันมาก
๕. อำนาจแห่งกุศลที่สร้างพระปฏิมาส่งผลให้เกิดเป็นคนรูปงาม มีบุคลิกสง่า เป็นที่เคารพรักใคร่ของประชุมชน มีอิสริยยศ บริวาร ทรัพย์สมบัติ ตลอดจนความสุขสถาพร ไม่เป็นโรควิกลจริต
๖. ในสมัยมรณกาล หากมีอารมณ์ในกุศลกิจนั้นมาปรากฏให้จิตยึดก่อนจะจุติ ย่อมปิดอบายภูมิและส่งให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิทันที
ส่วนการทำลายพระปฏิมานั้น ในคัมภีร์ชั้นฎีกา ท่านแสดงไว้ว่า มีบาปเท่ากับทำลายต่อองค์พระบรมศาสดาเหมือนกัน ถึงห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน เที่ยงต่อการตกนรกหมกไหม้ แม้ในกฎหมายโบราณ ท่านก็ตราเป็นพระราชกำหนดว่า ผู้ใดทำอันตรายต่อพระพุทธรูป มีตัดแขนพระเป็นต้น ก็ให้จับมันมาลงโทษด้วยการตัดแขนบ้าง ที่ต้องกำหนดโทษรุนแรงทั้งฝ่ายโลกฝ่ายธรรมอย่างนั้น ก็เพราะการทำลายพระพุทธรูปด้วยบาป เจตนาเท่ากับเป็นการทำลายจิตใจของชาวพุทธทั่วไป การทำอันตรายต่อปูชนียวัตถุอันเป็นมิ่งขวัญสูงสุดทางใจของคนจำนวนมากอย่างนั้น ก็ต้องมีผลตอบรุนแรงมากตามธรรมดา
การที่ท่านว่าห้ามสวรรค์ห้ามนิพพาน ก็เพราะคนที่มีใจบาป กล้าทำอันตรายพระปฏิมาได้ คนนั้นไหนเลยจะมีแก่ใจปฏิบัติธรรม เมื่อไม่ได้ปฏิบัติธรรมแล้วที่ไหนจะได้สวรรค์นิพพานเล่า เมื่อห้ามสวรรค์นิพพานแล้ว คติที่ผู้นั้นจักไปก็มีแต่อบายภูมิ ๔ เท่านั้น
(ตอบปัญหาร้อยแปด โดย เสถียร โพธินันทะ)



ขอขอบคุณเครดิตข้อความจากเว็บธรรมจักร สาธุ ...  :089:

51
กราบขอบพระคุณ หลวงพี่ญา ที่เมตตาแจกเบี้ยแก้ ให้ศิษย์ไว้ใช้กันนะครับ สาธุ

กราบขอบพระคุณ หลวงพี่มาร์ค ที่เมตตาแจกผ้ายันต์บัวบังใบ แบบปักด้ายทองมานะครับ สาธุ

กราบขอบพระคุณ หลวงพี่เก่ง ที่เมตตาแจกตะปูโบสถ์วัดบางพระ มาให้นะครับ

กราบขอบพระคุณ หลวงพี่ตูน ที่เมตตาจารเพิ่มให้นะครับ

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ และทุกท่านที่เมตตาเสมอมา สาธุ ...  :054:





52


กฎแห่งกรรมในพระไตรปิฎก : ครึ่งคน ครึ่งเปรต

ชีวิตของคนเราทุกคนตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติ คนที่ปฏิบัติดีย่อมได้รับผลดี คนที่ปฏิบัติชั่วย่อมได้รับผลชั่ว หากเรารักตัวเองก็ไม่ควรที่จะทำความชั่ว เพราะผลของมันจะสะท้อนกลับมาหาตัวผู้กระทำนั่นเอง ดังเรื่องกฎแห่งกรรมต่อไปนี้

ในกรุงพาราณสีมีพรานคนหนึ่งอยู่ใน หมู่บ้านจุนทัฏฐิละ เลยวาสภคาม ฝั่งแม่น้ำคงคาในอีกด้านทิศหนึ่ง เขาล่าเนื้อในป่าแล้วย่างกิน ส่วนที่เหลือเอาใบไม้ห่อกลับบ้าน พวกเด็กเล็กๆ เห็นเขาที่หน้าหมู่บ้าน พากันวิ่งมาขอเนื้อ เขาก็ได้ให้เนื้อแก่เด็กเหล่านั้นคนละน้อย

อยู่มาวันหนึ่ง พวกเด็กเห็นเขาที่หน้าหมู่บ้าน แต่ไม่มีเนื้อติดมือมาด้วย มีแต่ดอกราชพฤกษ์ที่หอบกลับมามากมาย เด็กๆ วิ่งเข้าไปขอเนื้อจากเขาเหมือนเดิม แต่เขาได้ให้ดอกไม้แก่เด็กคนละดอก ต่อมาหลังจากเขาตายแล้ว ก็ไปบังเกิดใน หมู่เปรต เป็นผู้เปลือยกาย มีรูปน่าเกลียดน่ากลัว ไม่รู้จักข้าว ไม่รู้จักน้ำ บนหัวมีดอกโกสุมและทัดด้วยดอกราชพฤกษ์ กลับไปหาพวกญาติของตนในจุนทัฏฐิลคามเพื่อขอส่วนบุญ โดยเดินทวนกระแสน้ำคงคาที่ไหลอยู่ไม่ขาดสาย

ขณะนั้นอำมาตย์ของพระเจ้าพิมพิสาร ชื่อว่า โกลิยะ ได้ปราบโจรที่กำเริบเสิบสานอยู่ชายแดนให้สงบแล้วก็กลับเข้าเมืองมาทางเรือตามกระแสแม่น้ำคงคา เห็นเปรตตัวนั้นกำลังเดินอยู่ จึงถามว่า

“ดูก่อนเปรต ท่านเป็นผู้เปลือยกาย มีร่างกายเป็นเปรตครึ่งหนึ่ง ทัดดอกไม้ตกแต่งร่างกาย เดินไปตามน้ำที่ไหลไม่ขาดสายในแม่น้ำคงคานี้ ท่านจะไปไหนหรือ ที่อยู่ของท่านคือที่ไหน”

เปรตกล่าวว่า ข้าพเจ้าจะไปบ้านจุนทัฏฐิละซึ่งอยู่ในระหว่างวาสภคามกับกรุงพาราณสี มหาอำมาตย์เห็นแล้วสงสารเปรต ดังนั้น เมื่อเรือหยุดเดินจึงได้ให้ข้าวและผ้าแก่อุบาสกช่างกัลบก เพื่ออุทิศไปให้เปรต เปรตนั้นก็ได้ผ้านุ่งห่มทันที เพราะผลบุญที่มหาอำมาตย์ทำให้

ต่อมาโกลิยมหาอำมาตย์มีจิตอยากจะช่วยเหลือเปรต จึงทำบุญอุทิศแก่เปรตไปเรื่อย จนกระทั่งเดินทางถึงกรุงพาราณสีในตอนเช้า ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาทางอากาศ ประทับยืนที่ฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อจะโปรดเปรต ฝ่ายโกลิยมหาอำมาตย์ลงจากเรือแล้วเกิดความสุขใจ ได้นิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าให้มาฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น

เมื่อโกลิยมหาอำมาตย์ได้ทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์ จึงให้สร้างมณฑปใหญ่ประดับประดาด้วยผ้าต่างชนิดอันวิจิตรด้วยสีย้อมต่างๆ ทั้งเบื้องบนและด้านข้างๆ ทั้ง ๔ ด้าน ปูอาสนะถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในที่นั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งบนอาสนะที่ตบแต่งไว้แล้ว มหาอำมาตย์จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า บูชาสักการะด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น แล้วกราบทูลคำที่ตนกล่าวและคำโต้ตอบของเปรตให้พระองค์ฟัง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระดำริว่า ขอให้สงฆ์จงมาที่นี่ เพียงแค่ดำริเท่านั้นภิกษุสงฆ์ก็พากันมาแวดล้อมพระองค์ด้วยพุทธานุภาพ

ในขณะนั้นเอง มหาชนพากันมาประชุมเพื่อจะฟังธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้า มหาอำมาตย์เห็นดังนั้นก็ยิ่งมีจิตเลื่อมใส ได้ถวายภัตตาหารอันประณีตแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว ได้ทรงอธิษฐานว่า ขอคนชาวบ้านใกล้กรุงพาราณสีจงประชุมกันเถิด มหาชนทั้งหมดก็ได้มาประชุมกันด้วยกำลังพระฤทธิ์ และพระองค์ได้ทำให้มหาอำมาตย์และประชาชนมองเห็นเปรตทั้งหลายที่มารอขอส่วนบุญ

เปรตบางพวกนุ่งผ้าขี้ริ้วขาดรุ่งริ่ง บางพวกเปลือยกายมีผมยาวสยายปกคลุมร่าง กระจายกันไปคนละทิศละทางเพื่อหาอาหาร บางพวกวิ่งไปไกลๆ ไม่ได้อาหารก็กลับมา บางพวกสลบล้มลงเพราะความหิวกระหาย นอนกลิ้งเกลือกบนพื้นดิน บางพวกล้มลงตรงแผ่นดินในที่ที่ตนวิ่งไปนั้น พร้อมกับร้องไห้ร่ำไรว่า

“พวกเราทั้งหลายไม่ได้ทำกุศลไว้ในกาลก่อน จึงได้ถูกไฟคือความหิวความกระหายเผาอยู่ ดุจถูกไฟเผาในที่ร้อน เมื่อก่อนพวกเราชอบทำความชั่ว เมื่อมีทรัพย์สินเงินทองอยู่ก็ไม่ทำบุญทำทานไว้ ข้าวและน้ำก็มีมาก แต่เราก็ไม่เคยแจกจ่ายให้ทานและไม่ได้ถวายอะไรๆ แก่บรรพชิตผู้ปฏิบัติชอบ ชอบทำแต่กรรมที่คนดีเขาไม่ทำ เกียจคร้าน ชอบแต่ความสำราญและกินมาก ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าว่าลูกน้อง คนรับใช้เป็นประจำ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร บ้าน คนรับใช้ ทรัพย์สมบัติเครื่องประดับต่างๆ ของเรา เมื่อเราตายแล้วก็เอามาด้วยไม่ได้ พวกเขาก็หนีไปรับใช้คนอื่นหมด พวกเราได้รับแต่ความทุกข์ เราจุติจากเปรตนี้แล้วจะไปเกิดในตระกูลอันต่ำช้าเลวทราม”

ส่วนผู้ที่ทำบุญกุศลไว้ ไม่มีความตระหนี่ ย่อมไปเกิดบนสวรรค์ ย่อมมีสวนนันทวันอันสว่างไสว รื่นรมย์อยู่เวชยันตปราสาท อยากได้อะไรก็ได้ดังใจหวัง ครั้นจุติจาก เทวโลกแล้ว ย่อมเกิดในตระกูลสูง มีโภคะมาก คือในตระกูลคนมีเรือนยอด และปราสาทราชมณเฑียร มีบัลลังก์ลาดด้วยผ้าโกเชาว์ (ผ้าทำจากขนแพะ) มีเหล่าบุรุษและสตรีถือพัดอันประดับด้วยแววหางนกยูงคอยพัดให้ ในเวลาเป็นทารกก็ทัดทรงดอกไม้ตกแต่งร่างกาย หมู่ญาติพี่เลี้ยงนางนมผลัดกันอุ้ม ไม่ต้องเอาเท้าแตะพื้นดิน มีผู้คนคอยเลี้ยงดูรับใช้อยู่ทั้งเช้าและเย็นตลอดชาติ

สวนนันทวันเป็นสวนใหญ่ของเทวดาเหล่าไตรทศ เป็นสถานที่ไม่มีความเศร้าโศก มีแต่ความน่ารื่นรมย์ ย่อมไม่มีแก่ชนผู้ไม่ได้ทำบุญไว้ ความสุขในโลกนี้และโลกหน้า ย่อมมีเฉพาะแต่คนผู้ทำบุญไว้ ผู้ปรารถนาความเป็นสหายแห่งเทวดาเหล่าไตรทศ พึงทำบุญกุศลไว้ให้มาก เพราะว่าบุคคลผู้ทำบุญไว้ย่อมบันเทิงใจอยู่ในสวรรค์เพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร ตามควรแก่อัธยาศัยของมหาชนผู้ประชุมกันในที่นั้น หลังจากเทศน์จบ สัตว์ ๘๔,๐๐๐ ได้ตรัสรู้ธรรม

.......

ความสุขความทุกข์อยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ หากเราทำกรรมดี เราก็จะได้รับผลดีตามกฎเกณฑ์ของกฎธรรมชาติ การทำความดีไม่มีวันสูญเปล่า ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม เราก็ประสบแต่สิ่งที่ดีมีความสุขอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราได้เกิดมาในโลกนี้จึงไม่ควรประมาท ต้องรีบสั่งสมกรรมดีไว้ให้มากๆ เราไม่รู้ว่าชีวิตเราจะสิ้นสุดวันไหน จะยังมีลมหายใจถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่ ความดีจึงเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงของเรา คนที่ทำความดีไว้มากเหมือนกับมีเสบียงมาก พร้อมที่จะออกเดินทางอยู่ตลอดเวลา ไม่หวั่นกลัวต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น คนสมัยใหม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อเรื่องชาติหน้า จึงไม่อยากจะทำความดี การพิสูจน์ว่าชาติหน้ามีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก ผู้ที่ต้องการพิสูจน์ต้องลงมาปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง เมื่อมีจิตสงบถึงระดับหนึ่งแล้ว จะรู้เองเห็นเองว่า ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ อย่างไรก็ดีการทำความดีไว้ในชาติปัจจุบันก็ไม่เป็นการเสียเปล่าอย่างแน่นอน เพราะกรรมดีจะทำให้เรามีความสุขในชาตินี้ ถึงชาติหน้าจะมีหรือไม่มี เราก็ยังได้รับผลดีอยู่นั่นเอง



โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2551 14:43 น.

53
ผมพยายามอธิบายบางสิ่งที่ผมพบ ที่เป็นแต่ส่วนเล็กน้อยที่เอามาพูดถึงเท่านั้น

ผมพูดถึงสิ่งที่คล้ายกับจิต และบัญญัติเองว่าเป็น "กายวิญญาณ" แต่ถ้าคำว่า "กายวิญญาณ" นี้ไปมีพยัญชนะตรงกันในที่ใดและมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง หวังว่าคงไม่เป็นการสับสน เป็นคำที่เอามาใช้เฉพาะตรงนี้เท่านั้น

ผมพูดถึงเรื่อง "ดาวโหลด" ระหว่างภพกับร่างกายของเรา เป็นสิ่งทำได้ ก็เพื่ออธิบายให้พอเป็นที่เข้าใจ แก่ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ คำว่าเวบไซต์และเครือข่ายอินเทอร์เนต ก็ให้นึกภาพว่าบรรดาหมู่สัตว์ในโลกและจักรวาลนี้ทั้งหมด ที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ละโลกนี้ไปแล้ว หรือเป็นพระอนาคามีชั้นสุทธาวาส

สัตว์ทั้งหลายมีเครือข่ายผูกโยงกันด้วยสายใยกรรม การที่บุคคลมีเจโตปริญาณนั้น ก็เพราะมีญาณมองอ่านระหัสของสายใยกรรมของหมู่สัตว์ได้ในขอบข่ายของเจโตปริญาณ จึงรู้ล่วงหน้าความเป็นไปของชีวิตในส่วนนั้นๆของสัตว์บางตัว (รวมทั้งมนุษย์ด้วย)

แต่เมื่อมีสัพพัญญุตาญาณแล้ว สายใยกรรมทั้งหมดของสัตว์ในแสนโกฏิจักรวาล และความเป็นไปของโลก ก็อยู่ภายใต้สัพพัญญุตาญาณ ไม่มีอะไรจะล่วงพ้นความรู้ของญาณอันมีแต่พระพุทธเจ้าได้เลย ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต สิ่งที่ไม่รู้ด้วยสัพพัญญุตาญาณนั้นไม่มีเลย เหตุนี้จึงเรียกว่าพระสัพพัญญู รู้แจ้งโลก

และเรียกว่า "เครือข่ายพระญาณ" เครือข่ายนั้นให้นึกถึงร่างแหดู แต่ความสับสนหยุ่งเหยิงมีมากกว่าร่างแห อาจเหมือนสายใยของบวบที่เอามาใช้ขัดถูร่างกาย

เรื่องกรรมที่สามารถล่วงรู้ได้ ก็เพราะมีสายใยกรรมอยู่ แต่กรรมที่มีเจ้ากรรมนายเวรนั้น เป็นเรื่องซับซ้อนของโลกวิญญาณ ไม่ควรไปคิดอยากรู้อะไร หรือว่าเป็นอย่างไรในเรื่องต่างๆ นอกจากได้เห็นเองว่าอันนั้นเป็นอย่างนั้น อันนี้เป็นอย่างนี้ และอย่าไปอยากเห็นอยากรู้ สิ่งเหล่านี้ให้เราเห็นและรู้ทุกวัน ตั้งแต่เด็กจนตาย ก็ไม่จบและเสียเวลาไปเปล่าๆ กรรมมีวิธีการหลายวิธี และผู้จองเวรก็มีวิธีแก้แค้นลงโทษมากมาย โดยเราไม่รู้ตัว

การอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรนั้น อุทิศส่วนกุศลให้บางตน หลายตนไม่ต้องอุทิศส่วนกุศล แค่ทำบุญเขาสามารถอนุโมทนาเองได้ก็มี

ทีนี้กรรมนั้นไหลมาเหมือนสายน้ำ ผมจะค่อยเล่าเรื่องหลักๆ แบบนี้ให้สอดคล้องกับกรรมสิบสอง ลักษณะกรรมของเจ้ากรรมนายเวรนี้สอดคล้องกับกรรมสิบสอง อาศัยหลักเดียวกันทฤษฎีเดียวกัน

ทีนี้กรรมเข้าคิว หรือเป็นไปตามปฏิทินในเวลาให้ผลนี้ ก็อาจค้านกับลักษณะของกรรมที่สามารถแทรกแซงกันได้ กรรมดีกับกรรมชั่วอาจแทรกแซงกันได้ แต่วิบากของเจ้ากรรมนายเวรนี้ที่จะมาให้ผลต่อเรานี้ มีปฏิทินเข้าคิวกันตามลำดับ มีการจัดมาในลักษณะเช่นนี้

เพราะว่าเรามีกายวิญญาณอยู่ในตัวเรา ปฏิทินนี้จึงเข้ามาฝังในตัวเรา เหมือนที่นักวิทยาศาสตร์ฝัง "ชิพ" ไว้ในตัวสัตว์

เพราะเราอาศัย "กายวิญญาณ" ท่องเที่ยวไปในภพภูมิแห่งกรรม และกายวิญญาณอยู่ในตัวเรา เราต้องดาวโหลดภพภูมิแห่งกรรมเข้ามาในร่างกายของเรา ภพภูมิแห่งกรรมตามที่ต่างๆนั้นจึงมาจัดเป็นปฏิทินเพื่อให้ผลอย่างมีลำดับในร่างกายของเรา

คนที่เห็นกรรมล่วงหน้า เพราะปฏิทินในร่างกายที่ดาวโหลดมานี้ต้องการแสดงให้เห็น แต่กรรมจะปกปิดเรื่องเหล่านี้ไม่ให้เรารู้ ไม่ว่าเราจะมีสมาธิเพียงใด จนถึงเวลาแล้วก็แสดงให้เห็น

เราเห็นกรรมต่างๆ เพราะว่าเราเพ่งในกายตนเอง และกรรมที่เข้ามาในกายเรานั้นทำให้เรามองเห็นได้บ้าง

ลักษณะของปฏิทินกรรมมีหลายแบบ ให้นึกถึงแสตมป์ หรืออากรแสตมป์ แผ่นเล็กๆมาซ้อนกัน แล้วเหมือนชิพที่ฝังในกายวิญญาณ (วิทยาการสมัยใหม่เป็นเครื่องมือที่ดีมากในการอธิบายเรื่องเหล่านี้)

เวลาที่แผ่นแสตมป์นี่จะให้ผล ถ้าเราทำสมาธิและมองเห็นและตั้งใจเพ่งมอง แล้วอธิฐานว่าอยากรู้ว่าแผ่นแสตมป์นี้มันคืออะไรกันแน่

เพราะแผ่นแสตมป์นั้นดูแล้วมีอักขระโบราณเต็มไปหมด เรานึกว่าอยากจะอ่านอักขระเหล่านั้น

เมื่อตั้งจิตแล้ว แผ่นแสตมป์นั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเท่าขนาดสนามฟุตบอล เราจึงเห็นแสตมป์นั้นเริ่มเป็นภูมิประเทศ แล้วมันขยายไปเป็นทุ่ง เป็นภูเขาสูงๆต่ำ ขนาดใหญ่เป็นตำบล อำเภอ เป็นภูมิประเทศในโลกอีกแห่งหนึ่ง และตัวเราก็เป็นคนเล็กๆ เหมือนตัวเราเองเดินอยู่ในโลก แล้วเราก็ถูกพาไปเจอสัตว์นรกตามที่ต่างๆ ให้สัตว์นรกนั้นเอาอาวุธของมีคมทำร้ายร่างกายเรา ตอนนี้เองที่เรารู้สึกว่าเมื่อถูกทำร้ายความเจ็บปวดได้เกิดขึ้นจริงๆ ในตัวเรา และเจ็บเข้าสู่หัวใจ เราได้รับกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในภูมิของเขา ที่ขยายจากปฏิทินกรรมที่ดาวโหลดเป็นชิพมาอยู่ในร่างกายเราทำนองนี้

และเราเป็นกายวิญญาณอยู่ในกายเรา ก็ได้ไปท่องเที่ยวในนรกอันดาวโหลดเข้ามา และนำความป่วยความอาฆาตแค้นที่สัตว์อ่นเคยมีกับเรามาให้ผลต่อเรา

ปฏิทินกรรมที่เป็นอักขระต่างๆที่แท้บรรจุภูมิประเทศที่มีชีวิตของสัตว์จริงๆ นรกที่ถูกดาวโหลดเข้ามานี่ เป็นนรกในใจเราจริงๆ คืออยู่ในกาย โรคต่างๆ ที่มนุษย์ป่วยไข้ก็เกิดขึ้นคล้ายๆ วิธีการนี้

ทั้งหมดนั้นแม้กรรมจะดำเนินไปอย่างมีขบวนการ เพื่อให้หมู่สัตว์ได้ใช้เป็นสมมุติที่ใจนั้นอาฆาตกัน มาสะสางกันนี้ ต้องอาศัยเครื่องมือที่สัตว์ในโลกสร้างขึ้นแล้วใช้ร่วมกัน เพื่อให้กรรมนั้นสามารถจะให้ผลได้ตามหลักกรรม ไม่ว่าจะอยู่ต่างภพกันก็ตาม

กรรมไม่ได้เกิดด้วยอำนาจและพลังงานที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีจุดหมาย เพราะสิ่งที่บันทึกกรรมนั้นอยู่ในเครือข่ายของจิตวิญญาณ ที่อยู่ในโลกเป็นส่วนใหญ่ การเกี่ยวข้องกันโดยกายวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่เหมือนเราไม่เกี่ยวข้องและไปร่วมรู้ แต่กายวิญญาณก็เป็นของบุคคลแต่ละคน ที่เป็นสื่อให้เครื่องมือกรรมทำงานได้เป็นกลไกของกรรม




ขอขอบคุณ ข้อความจากเว็บ ธรรมจักร ครับ สาธุ ...  :089:

54
ออกเดินทางประมาณ ตี 5.30 น. จากชลบุรี ศรีราชา นะครับผม

ฝนตกตลอดทางเลยแต่ก็ไม่ย่อท้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ยังมุ่งหน้าไปที่วัดอยู่ครับ








เรามาถึงด้วยกระดาษแผ่นนี้ที่คุณลุง ที่เคารพเขียนไว้ให้ก่อนไปเวียดนาม ...  :089:



และแล้วเราก็มาถึง วัดละหารใหญ่ กันจนได้นะครับ การเดินทางที่เปียกชื้นฝนตกตลอดทาง



ผู้คนเยอะมากมายครับ ... บางคนอาจจะสงสัยเค้ามาทำอะไรกัน

ผู้คนเหล่านี้มาเช่าบูชาหนุมานรุ่น๒ หลวงปู่สิน วัดละหารใหญ่ ครับ

เพียงไม่นานหนุมานรุ่นนี้ก็หมดวัดไป ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงครับ ...  :089:


























มีของขายมากมายในวัด เพราะพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้รู้ว่าคนเยอะแน่ๆ








ถึงฝนจะตกชื้นแค่ไหนผมก็จะลุยถ่ายภาพบรรยากาศในวัดให้พี่ๆ น้องๆ ได้ชมกันนะครับผม ...  :089:



ทางวัดกำลังสร้าง โบถส์ และ ศาลาทรงไทยอยู่ครับ ยังไม่เสร็จเลย
















บรรยากาศทั่วไปภายในวัดนะครับผม





สัตว์เลี้ยงที่วัดน่ารักทุกตัวเลยขอถ่ายรูปมาให้ชมหน่อยครับ ...  :089:   















เดินดูรอบวัดดีกว่านะครับ รถเยอะมากมายเลยในวัดนี้ ต่อแถวยาวไปถึงหน้าวัดที่เห็นโล่งๆ

เพราะสนามในวัดมันแฉะครับ คนเลยไม่เข้ามาจอดรถกัน ส่วนผมก็จอดรถไว้ในวัดล่ะครับ















เอ๊ะ .... ถึงเวลาเข้าแถวรับหนุมานแล้วสิ ก็เข้าไปรับหนุมานกับเขาบ้างครับ

คนต่อแถวเยอะมากเลย มีการปั้มข้อมือว่ารับหนุมานแล้วด้วยครับ เพื่อป้องกัน

การเวียนเทียนเข้ามาใหม่อีกรอบ หรืออีกหลายๆ รอบครับ ....  :016:






ไปดีกว่า เหนื่อยเต็มที่ล่ะ คุณพ่อบอกว่า จะไปวัดหลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนสุทธาวาส ด้วยก็เลยรีบไปดีกว่า








55
กฎแห่งกรรม / ไส้ไหลเพราะแมลงปอ
« เมื่อ: 24 ก.ย. 2552, 11:48:04 »
กฏแห่งกรรม : ตอน...ไส้ไหลเพราะแมลงปอ

................................................................

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2548 10:45 น.

นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งของกฎแห่งกรรมที่ คุณสมทรง ยนตรรักษ์ ข้าราชการบำนาญกรุงเทพมหานคร อดีตรองผู้อำนวยการสำนักระดับ 9 และสาวไฮโซ ได้ประสบมาด้วยตัวเอง!!

เธอได้เปิดเผยถึงเคราะห์กรรม อันเนื่องมาจากกฎแห่งกรรมที่ได้รับอย่างไม่คาดฝัน จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดว่า เธอได้ป่วยเป็นมะเร็งที่ลำไส้ ได้รับความ เจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก แพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ลงความเห็นว่าเธอเป็นระยะที่ 2 แล้วและเพิ่งจะค้นพบ จึงรับตัวไว้รักษา วินาทีที่ได้รับคำบอกเล่านั้นเธอบอกว่ารู้สึกกลัวตายเป็นอย่างมาก ท้อแท้ สิ้นหวัง สิ้นกำลังใจ นอนร้องไห้อยู่คนเดียว และเมื่อมีใครมาเยี่ยมเธอก็กล่าวลาตายกับทุกๆ คน

จนกระทั่งวันหนึ่งคุณกาบแก้ว (วิทยากรสอนวิปัสสนากรรมฐาน) มาเยี่ยม และได้พูดให้กำลังใจมากมาย พร้อมทั้งสอนให้เธอนอนกำหนดอิริยาบถ ย่อยทุกขณะจิต ในเวลานั้นแม้จะดูเหมือนสิ้นหวัง แต่เธอก็รู้สึกว่ายังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เธอเชื่อที่คุณกาบแก้วบอกแนะนำทุกอย่าง และทำตามอย่างเคร่งครัด

ไม่นานสภาพจิตใจของเธอก็ดีขึ้น ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัว ความหดหู่สิ้นหวังที่เคยมีมากมายตอนเริ่มแรกก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไป จิตใจเข้มแข็งขึ้น ไม่ท้อแท้กับชีวิต พร้อมที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บอันร้ายแรงที่เธอเป็นอยู่

เธอใช้เวลานอนรักษาตัวร่วมปี ต้องผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนที่เสียออกประมาณเมตรเศษ จากนั้นก็ผ่าตัด เอาลำไส้ต่อจากส่วนที่เอาออกมาผ่าตัด ยัดเข้าไปในท้องเหมือนเดิม แพทย์ใช้เวลาผ่าตัดถึง 5 ครั้ง ก็ไม่สามารถ เอาลำไส้ต่อเข้าไปได้ จึงต้องใช้วิธีมัดลำไส้ส่วนดีที่ต่อกับส่วนที่ตัดไป เอาใส่ไว้ในถุงพลาสติก (เป็นถุงพิเศษซึ่งต้องสั่งซื้อจากประเทศอเมริกา) ห้อยโทงเทงไว้ข้างนอก แล้วเอาชายเสื้อยาวๆ ปิดไว้ให้ดูดี

แม้ว่าการผ่าตัดเพื่อเอาลำไส้ยัดเข้าไปข้างในไม่เป็นผลก็ตาม เธอก็ไม่ได้หมดกำลังใจ เพราะหลังจากนั้นเธอก็ยังเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศหลายครั้ง และทุกครั้งที่ไปทำงาน หรือไปไหนๆ ก็ต้องหอบถุงพลาสติกที่มีไส้ห้อยไปด้วย

ครั้งหนึ่งเธอได้อธิษฐานจิตและขอให้สามารถผ่าตัดเอาลำไส้ยัดใส่เข้าไปได้ ซึ่งก็น่าแปลกที่คราวนี้สามารถผ่าตัดสำเร็จจนเธอหายจากเจ็บป่วยชั่วระยะเวลาหนึ่ง มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศรอบโลก รวมถึงเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัดอีกหลายครั้งหลายหน

ต่อจากนั้นไม่นานเธอก็ถ่ายอุจจาระไม่ออก มีอาการ ก้นเป็นฝีและเนื้องอก ขมิบก้นไม่ได้ และนั่งไม่ได้ จึงได้เข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง แพทย์ลงความ เห็นว่าเธอเป็นมะเร็งที่ก้น ดังนั้นเวลาที่เธอเจ็บปวดก้นจนนั่งไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีนั่งบนยางรถยนต์แทน เธอเข้ารับการผ่าตัดก้นอีกหลายครั้ง จนหายจากโรคร้าย แม้กระนั้นเธอก็ไม่ประมาท หมั่นดูแลรักษาตัวอย่างเต็มที่ โดยรับประทานยาสมุนไพรไทย (ต้นหญ้าปักกิ่ง เพชรสังฆาต) เป็นประจำ จนกระทั่งขณะนี้ เธอหายป่วยอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีร่องรอยของการเป็นคนป่วย ใกล้ตายเหลืออยู่ มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ และเมื่อว่างจากการสอนวิปัสสนากรรมฐาน เธอก็จะไปตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ หรือไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนๆ

จากการพูดคุยสอบถามว่ากรรมอะไรที่เธอต้องมาเจ็บป่วยแทบตายเช่นนี้ เธอเล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อตอนเด็กๆ ซุกซนมาก ชอบเล่นอะไรแผลงๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอจับแมลงปอมา นำก้านหญ้าแทงก้น แล้วจับโยนให้บิน แมลงปอเมื่อได้รับความเจ็บปวดก็พยายามบินหนี แต่ทว่าไส้ไหลออกมา บินไม่ถนัด เพราะก้านหญ้าเสียบก้นอยู่ จึงถลาตกลงมา

คุณสมทรงเห็นอย่างนั้นก็ชอบอกชอบใจใหญ่ จึงจับแมลงปอมาเสียบก้านหญ้าบังคับให้มันบินอีกหลายตัว เป็นที่สนุกสนาน ซึ่งในยามนั้นเธอไม่รู้หรอกว่าเป็นความสนุกสนานบนความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของคนอื่น

นอกจากนั้นด้วยความที่เธอชอบรับประทานหอยขม เธอจึงโดดลงไปงมในบ่อด้วยตัวเอง พอได้มาก็มาต่อยก้นหอยทั้งเป็นๆ แล้วก็ส่งให้แม่ครัวทำแกงคั่วหอยขมให้รับประทาน ส่วนหอยอื่นๆ เธอก็ชอบรับประทาน และก็ต้องทำหอยเองด้วย โดยอ้างว่าสนุกดี

เธอบอกว่าเคราะห์กรรมที่เธอได้ทำมา เธอได้รับผลของมันแล้วในชาตินี้ และถ้าไม่ได้รับการแนะนำจากคุณกาบแก้ว เพื่อนรักที่พยายามประคบประหงมเป็นกำลังใจดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างป่วย เธอคงไม่ได้อยู่มาจนถึงวันนี้ เนื่องจากเธออยู่คนเดียวไม่มีลูกหลานญาติพี่น้องดูแล และคุณกาบแก้วนี่เองที่แนะนำให้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และให้อธิษฐานจิตว่าถ้าหายป่วยจะช่วยเผยแพร่สอนวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อที่เจ้ากรรมนายเวรจะลดความอาฆาตมาดร้าย ลงบ้าง ดังนั้นเมื่อเธอรอดชีวิตมาได้ พอเกษียณอายุราชการ ก็หันเป็นวิทยากรสอนวิปัสสนากรรมฐาน ตามที่ได้อธิษฐานจิตไว้ตลอดมา เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว

นี่คือกฎแห่งกรรม ที่ไม่ว่ากรรมดี หรือกรรมชั่ว เมื่อมีเหตุ ก็ย่อมมีผลไปตามกรรมนั้นๆ เสมือนหนึ่งปลูกมะม่วงก็ย่อมได้รับผลมะม่วง จะได้รับผลอื่นๆหาได้ไม่ จึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง อย่าทำผิด ทำชั่ว สร้างบาปซ้ำซาก อย่าประมาทลืมตัว มาสร้างกรรมดีกันดีกว่า แล้วจะรับแต่สิ่งดีๆ สนองตอบเป็นแน่แท้



มาต่อกันนะครับหลังจากผมไปเพชรบูรณ์มาหลายวันคิดถึงพี่น้องทุกคนเลย ...  :016:

ขอบพระคุณข้อความจากเว็บ ธรรมจักร ...  :089:

56
ไก่กับชีวิตการเป็นอยู่ในชนบท

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดลำพูนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งแม่น้ำปิง ตามธรรมดาของบ้านเรือนในชนบทสมัยนั้นที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต่างๆ ไว้เพื่อเป็นอาหารและเลี้ยงไว้ขาย โดยเฉพาะไก่ที่ชาวบ้านจะพากันเลี้ยงไว้เกือบทุกครอบครัว

และเป็นธรรมดาอีกเหมือนกัน ที่เจ้าไก่เหล่านี้จะซุกซนและชอบบินเข้าไปในครัวหรือในบ้าน เพื่อหาอาหารกินตามสัญชาติญาณ ซึ่งก็นำมาซึ่งความรำคาญ และความน่าปวดหัวสำหรับเจ้าของบ้านที่จะต้องมาคอยไล่มันให้ออกไปให้พ้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องคอยเก็บกวาดข้าวของ ที่กระจัดกระจายเพราะพวกมันคุ้ยเขี่ย หรือไม่ก็ต้องคอยเช็ดขี้ของพวกมันที่ชอบถ่ายไว้เรี่ยราด ซึ่งทั้งเหม็นและสกปรก

อีเขียวไก่ในบ้าน ต้องออกหาอาหารกิน
ให้มากกว่าปกติ เพื่อตุนพลังงาน


นางบัวบานก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านนั้น นางกำลังท้องแก่เต็มที และเป็นธรรมดาของคนท้องคนใส้ ที่มักจะมีอารมณ์ฉุนเฉียว และขี้โมโหอยู่เสมอ และก็ไม่ต่างจากบ้านอื่นบ้านนางก็เลี้ยงไก่ไว้เช่นกัน และกำลังมีปัญหาอยู่กับอีเขียว ไก่จอมดื้อซึ่งมักจะบินเข้ามาคุ้ยเขี่ย ทำให้ครัวและบ้านเลอะเทอะอยู่เสมอ

เขียวมันกำลังฟักไข่จึงจำเป็นต้องออกหาอาหารกิน ให้มากกว่าปกติ เพื่อตุนพลังงานไว้สำหรับ การเลี้ยงดูลูกน้อยเกือบสิบชีวิต ที่กำลังจะออกจากไข่มาดูโลกในไม่ช้า นางบัวบานคอยรบคอยไล่เอาล่อเอาเถิดอยู่กับอีเขียวนานพอสมควร จนวันหนึ่งความอดทนของนางก็สิ้นสุด

คว้ามีดอีโต้ขึ้นมาแล้วสับลงไปเต็มแรง

วันนั้นอีเขียวบินเข้าไปในครัวและคุ้ยเขี่ยจนข้าวของ ตกลงพื้นแตกกระจาย นางบัวบานโมโหมากไล่ไปแป๊บเดียวอีเขียว ก็บินเข้าไปใหม่ จนมีคราวหนึ่งนางขึ้นไปไล่และคว้าขามันไว้ได้โดยบังเอิญ

ด้วยความโมโหที่ต้องเหนื่อยไล่มันอยู่นาน นางจึงคว้ามีดอีโต้ขึ้นมาแล้วสับลงไปเต็มแรง อีเขียวร้องอย่างเจ็บปวด และดิ้นทุรนทุราย แต่ก็ไม่สามารถจะวิ่งหนีไปไหนได้ ได้แต่ใช้ร่างแถกไถลไปกับพื้นบ้าน เพื่อหนีเอาตัวรอด เพราะขาทั้งสองข้างของมันถูกนางบัวบานใช้มีดสับขาด และขาที่ขาดของมันทั้งสองข้างตอนนี้อยู่ในมือนางบับาน

รอยเลือดเลอะไปทั่วพื้นบ้าน ล้างยังไงก็ล้างไม่หมด

ดี เป็นไงอีเขียว เก่งนักหรือมึงไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป ดูซิไม่มีขาแล้วต่อไปมึงยังจะมีปัญญาเข้ามาคุ้ยเขี่ยในบ้าน ให้มันเลอะเทอะอีกมั๊ย ไปเลยไปดิ้นไกลๆ กู นี่แนะ

นางใช่ขาเตะใส่อีเขียวจนร่างของมันปลิวตกจากบนเรือน ไปดิ้นกระแด่วๆ อย่างน่าสงสารตรงใต้ถุน พร้อมกับขว้างขาทั้งสงข้างของมันลงน้ำปิงไป รอยเลือดอีเขียวที่เลอะไปทั่วพื้นบ้าน ล้างยังไงก็ล้างไม่หมดคงเหลือไว้เป็นรอยจางๆ เหมือนกับจะจดจำและตราตรึงสิ่งที่นางได้กระทำกับมันไว้

นางบัวบานเจ็บท้องคลอด
หมอตำแยประจำหมู่บ้านถูกตามตัวมาอย่างเร่งด่วน


สองเดือนต่อมาวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง กลางดึกของคืนนั้นนางบัวบานก็เจ็บท้องคลอด ทุกคนในบ้านรวมทั้งนางบัวบานต่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะนี่เป็นท้องแรกและจะเป็นลูกหลานคนแรกของวงศ์ตระกูล

หมอตำแยประจำหมู่บ้านถูกตามตัวมาอย่างเร่งด่วน ภายในบ้านดูชุลมุนวุ่นวายเพระไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้กันมาก่อน เสียงเอะอะโวยวายสับสน ดังระงมไปหมด

อีบัวบาน ไอ้ศักดิ์ ลูกมึงไม่มีขา

นางบัวบานถูกหมอตำแยพาเข้าไปในห้องแล้ว ทุกคนข้างนอกต่างพากันนิ่งเงียบรอคอยเวลาด้วยใจระทึกจนกระทั่ง "อุแว้ อุแว้"

"เกิดแล้วอี่บัวบานเกิดแล้ว ออกมาและ...แต่...ทำไมทำไมเด็กมันไม่..ไม่มีขา อีบัวบาน ไอ้ศักดิ์ ลูกมึงไม่มีขา"

เสียงยายปาหมอตำแยที่ทำคลอดร้องโวยวายอย่างตื่นตระหนก ทุกคนไม่ว่าปู่หรือย่า ตายายและญาติพี่น้องรวมถึงนายศักดิ์ผัวนางบัวบานต่างพากันกรูเข้าไปในห้อง แล้วภาพที่ปรากฏต่อสายตาก็ทำให้ทุคนยืนตะลึง ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด

ร่างของทารกน้อยที่อยู่ในมือยายปา เปื้อนไปด้วยเลือดและสายรกยังระโยงไม่ได้ตัด ขาทั้งสองข้างของเด็กสั้นกุดอยู่แค่หัวเข่าเท่านั้น สำหรับนางบัวบาน นางกรีดร้องแล้วสลบไปตั้งแต่วูบแรกที่ร่างของลูกน้อยหลุดพ้นออกมาจากช่องคลอด เผยให้เห็นส่วนอันอัปลักษณ์นั้นแล้ว

มรดกกรรม... ที่หนีไม่พ้น

สองปีต่อมา บนชานบ้านนางบัวบานนั่งเอาหลังพิงฝา สายตาเหม่อมองไปยังร่างของลูกน้อย ร่างน้อยๆ นั้นค่อยไถลไปบนรถเข็นที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความร่าเริง สดใสไร้เดียงสา

เสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจเมื่อยามที่เลื่อนรถไล่ตามลูกไก่ตัวเขื่องที่ถือเอาเป็นเพื่อนเล่น นางบัวบานรู้สึกตื้นขึ้นมาอก น้ำตาค่อยๆ รื้นบนขอบตา ก่อนจะปล่อยมันไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย

"ลูกแม่ทำไมหนอทำไมลูกต้องมารับกรรม ที่เจ้าไม่ได้ก่อ แม่ผิดเองบาปเหล่านั้นแม่ก่อขึ้นเอง ไม่น่าเลยไม่น่าเลย แม่ขอโทษลูกแม่ผิดไปแล้ว แม่ผิดไปแล้วแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ "

เสียงพร่ำคร่ำครวญนั้นค่อยๆ ขาดหายไปในคอ นางฟุบหน้าลงกับเข่า ร้องให้สะอึกสะอื้นเหมือนกับว่าจะขาดใจไปตรงนั้น

หยุดคิดสักนิดก่อนที่จะกระทำบาปอันหนานั้น

ที่ใต้ถุนบ้าน ร่างของอีเขียวซึ่งตอนนี้กลายเป็นแม่ไก่ที่ชรามากแล้ว ค่อย ๆ กระพือปีก และไถลร่างไปตามพื้นดิน พลางใช้ปากจิกคุ้ยลงไปบนพื้นอย่างลำบากเพื่อหาอาหาร อีกไม่นานหรอกอีกไม่นานชีวิตมันคงจะสิ้นสุด หลุดพ้นซึ่งความทรมานเสียที

แต่ร่างที่กำลังไถลร่าเริง อยู่ข้างบนสิ อีกยาวนานนักที่ต้องลำบากทนทรมาน และชดใช้เวรกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ แต่มันเป็นมรดกตกทอด เป็นมรดกกรรมที่เขาเองคงไม่อยากรับ และไม่น่าต้องมารับและสืบทอดอย่างนี้เลย

หากมารดาของเขาจะหยุดคิดสักนิดก่อนที่จะกระทำบาปอันหนานั้น คิดสักนิดว่าถ้ามันฉลาด และประเสริฐจริงมันก็คงไม่ต้องเกิดมาเป็นไก่อย่างนั้น มันเป็นเพียงสัตว์เดียรัจฉาน ที่ต้องหากินเพื่อการมีชีวิตรอดตามสัญชาตญาณเท่านั้นเอง





ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ ลานธรรมจักร ...  :089:

57
บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย

          เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าจะนำมาให้รับรู้กันนี้ เป็นเรื่องราวน่าพิศวงไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องของบาปกรรมที่เคยก่อไว้ได้กลับย้อนคืนสนองตอบแทนเอาชีวิตไม่รอด อันนำมาซึ่งทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสระทมตรมใจขนาดหนักมาตราบเท่าทุกวันนี้ เหมือนตราบาปที่หวาดระแวงติดตัวมาอย่างไม่คาดฝัน และคงเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้บ้างว่า “เวรกรรมนั้นมีจริง” ดังเช่นข้าพเจ้าต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างเรื่องนี้

          เมื่อหลายปีผ่านมา ครั้งนั้นข้าพเจ้าเพิ่งเรียนจบการศึกษาต่อทางด้านวิชาชีพครู พอดีกำลังสอบบรรจุครู หลังจากที่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดต่างจังหวัด ช่วงนั้นที่หมู่บ้านข้าพเจ้าอาศัยอยู่ได้จัดงานบุญประเพณีขึ้น เป็นงานมหาชาติ จัดงานกำหนด ๒ วัน ๒ คืน มีมโหรสพสมโพชหลายอย่าง ที่สำคัญด้านอาหารการกินนั้น ชาวบ้านได้เตรียมสัตว์เลี้ยงพวกวัว ควายไว้ฆ่าชำแหละหลายตัว มีการจัดสรรแบ่งปันกันไปตามแต่ความต้องการมากน้อยแค่ไหนเพื่อไว้กินเป็นอา หารกับแกล้มกับญาติพี่น้องที่มาร่วมงาน หลังจากคืนแรกผ่านไปจนถึงวันที่ ๒ มีการนำวัว ควาย มาเชือดอีก ๒ - ๓ ตัว ในจำนวนนั้นมีควายเผือกตัวเมียขนาดใหญ่รวมอยู่ด้วย โดยนำมาผูกไว้ใต้ถุนบ้าน เพื่อรอไว้ฆ่าตอนเย็น ข้าพเจ้าเองก็เคยเห็นเข่าฆ่าวัวมาหลายครั้งต่อหลายครั้งจนชินตาแล้ว ด้วยว่าคนข้างบ้านมักจะฆ่าชำแหละขายเป็นประจำนั่นเอง เห็นแล้วบางครั้งเฉยๆ บางที่ก็อดนึกสงสารพวกมันไม่ได้แต่ทำยังไงได้ เมื่อต้องมาเป็นอาหารของมนุษย์ จนมาถึงควายเผือกตัวนี้ทำให้ข้าพเจ้าต้องจดจำตลอดชีวิตไม่ลืมเลือน นับเป็นตราบาปอันใหญ่หลวงที่มาถึง จนตัวเองที่ต้องทุกข์ระทมเท่าทุกวันนี้ เย็นวันนั้นข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำว่า ข้าพเจ้าเดินไปดูชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังรอการฆ่าควายเผือกอยู่พอดีมีการนำ เอาสุราขาวรินใส่แก้วแจกจ่ายดื่มกินกันถ้วนหน้า แม้กระทั่งข้าพเจ้าเองด้วย ดื่มสุราไป ๒ - ๓ แก้ว ชักมึนศีรษะชอบกลมองไปที่ควายเผือกขะตาขาดตัวนั้น ให้สะท้านใจด้วยดวงตาทั้ง ๒ ข้าง มันน้ำตาคลอเบ้าคลับคล้ายว่าคงจะรับรู้ถึงชะตาชีวิตทำนองนั้น มันผูกพันธนาการด้วยเชือกไนลอนอย่างแน่นหนา และ.....ชาวบ้านคนนั้น ก็คว้าฆ้อนปอนด์ขนาดเขื่องในมือกระหน่ำตีลง ณ. หัวควายเผือกเคราะห์ร้ายเสียงดังพล๊วก ควายตัวนั้นร้องขึ้นอย่างโหยหวล ตะกุยตะกายดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากความตายดวงตาแทบเหลือกถลนแดงก่ำ แต่ก็ไม่พ้นอิสระภาพและยมทูตไปได้ เมื่อถูกทุบลงกระหม่อมอีกครั้ง ควายตัวนั้นทรุดฮวบลงทันทีหลังจากที่ดิ้นสะบัดไปมาอย่างทุรนทุรายจนล้มลงเ หมือนว่าแข้งขาอ่อนยวบยาบ ข้าพเจ้าดูด้วยความคึกคะนองรีบไปเอาฆ้อนปอนด์ในมือชาวบ้านคนนั้นมาเป็นมือ เพขรฆาตเสียเอง เพราะดูแล้วมันจะตายยากเสียเหลือเกิน จัดแจงทุบสมองกลางกระหม่อมอย่างแรง เสียงของควายเผือกร้องลั่น ดวงตามันยังคงจ้องเขม็งดูข้าพเจ้าอย่างกินเลือดกินเนี้อตัวสั่นระริก แล้วก็สามารถปลิดเอาวิญญานออกจากร่างควายนั้นอย่างย่ามใจตนเองนักที่สามาร ถจัดการฆ่ามันด้วยน้ำมือตนเอง ได้ยิ้มกะหยิ่มโดยไม่คิดถึงบาปบุญคุณโทษใดๆทั่งสิ้น ถือเป็นเรื่องสนุกสนานไป

           หลังจากนั้นชาวบ้านพาก็พากันช่วยแบ่งสรรปันส่วนเนื้อควายเผือกตัวนั้นให้ก ับ ผู้ต้องการไปทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาในงาน ข้าพเจ้าเองก็ได้เนื้อควายไปทำกับแกล้มด้วย จนงานประเพณีของหมู่บ้านผ่านไปด้วยดี จวบจนเวลาลุล่วงผ่านไปเกือบปี แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้นคล้ายกัยว่าบาปกรรมที่ตัวเองก่ อไว้มาย้อนสนองเข้าให้อย่างจังๆ โดยในปีนั้นได้มีกลุ่มหนุ่มสาวตลอดทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านที่พากันไปทำงานใ นกรุงเทพฯ ได้จัดผ้าป่าสามัคคีนำมาทอดถวายที่วัดของหมู่บ้านที่ข้าพเจ้าอยู่ ตัวข้าพเจ้าเองก็ถูกจัดให้เป็นคณะกรรมการคนหนึ่งต้องให้คอยการต้อนรับและอ ำนวยความสะดวกต่างๆ กับขบวนคณะผ้าป่าที่มา โดยที่มีกำหนดมาถึงช่วงตอนสายๆ มีการเช่าเหมารถตู้ปรับอากาศขนาดใหญ่มาด้วย วันนั้นพอขบวนรถคณะผ้าป่ามาถึงก่อนที่จะถึงทางเข้าวัด ปรากฎว่ามีสายไฟโยงพาดผ่านกึ่งกลางถนนในระดับต่ำจนเป็นเหตุให้รถบัสปรับอา กาศขับผ่านไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงได้นำเอาไม้พาด แล้วปีนขึ้นบนหลังคารถตู้ที่นำหน้าคันแรก พร้อมใช้ไม้ไผ่แหย่เพื่อยกสายไฟให้สูงขึ้นอีก พอให้หลังคารถบัสปรับอากาศที่ตามหลังขับผ่านไปได้ โดยที่ไม่ระวังตัวเท่าไหร่ อีกทั้งความมึนเมาเกิดเหยียบพลาดตรงบริเวณขอบหลังคารถตู้คันนั้น เกิดเสียการทรงตัวร่างของข้าพเจ้าลอยละลิ่ว จากบนหลังคารถตู้ลงมากระทบพื้นด้านล่างอย่างแรง โดยเฉพาะศรีษะถูกกระทบพื้นจนทำให้ถึงกระโหลกร้าวข้าพเจ้าสลบทันที ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองกระทันหันโดยการผ่าครึ่งหัวกระโหลกเอาเลือดคลั่ง ออกแล้วเย็บเข้าใหม่หลายสิบเข็ม ข้าพเจ้าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ความจำแทบเลอะเลือนจิตใจไม่ปกติเหมือนเดิม แทบไม่น่าเชื่อที่ที่นอนพักรักษาตัวนั้น ภาพของควายเผือกตัวนั้นยังคงเที่ยวหลอกหลอนข้าพเจ้าอยู่ทุกคืน เสียงร้องโหยหวล บวกกับดวงตาอันแดงกร่ำจ้องมองดูข้าพเจ้าอย่างกับจะจองล้างจองผลาญกัน อ้าปากแยกเขี้ยวใส่ ข้าพเจ้าสดุ้งผวาหวาดหวั่นแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ข้าพเจ้าพักรักษาตัวอยู่หลายเดือน ที่โรงพยาบาล จนอาการค่อยทุเลาลงบ้างแต่ก็มักปวดศรีษะเหมือนมีอะไรมาทุบตรงกระโหลกแทบแต กแยกเป็นเสี่ยงๆ จนสมองแทบระเบิดบางครั้งแทบคลุ้มคลั่งตลอดเวลา ต้องเอายามาทานระงับไว้จึงค่อยทุเลาบ้าง

            แต่ก็อย่างว่าข้าพเจ้าต้องทุกทรมานอย่างหนักไม่คิดว่าบาปกรรม จะมาย้อนสนองเข้าให้เยี่ยงนี้ นี่แหละหนาเขาถึงว่า “กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนตอบสนอง” จะช้าหรือเร็วเท่านั้น






รวบรวมโดย อ.ดวงอมร กฤษนำพก
ข้อมูลจาก  ไทยโพส.com

58
กฎแห่งกรรม / ตายเหมือนหมู
« เมื่อ: 16 ก.ย. 2552, 11:42:54 »
ตายเหมือนหมู

ในสมัยพุทธกาลมีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อนายจุนทสูกริก รูปร่างหน้าตาดีมาก ไม่ว่าเขาจะไป แห่งหนใด เมื่อหญิงสาวเห็นเขาแล้ว ทุกคนก็ต้องการที่จะได้มาเป็นคู่ครอง เมื่อนายจุนทสูกริกมีอายุได้ ๒๐ ปี เขาแต่งงานกับหญิงสาวผู้โชคดีซึ่งมีอายุเพียง ๑๘ ปี เมื่อทั้งสองแต่งงานแล้วก็ได้แยกออกมาจากบ้านเดิมของพ่อแม่ มาปลูกบ้านใหม่สร้างครอบครัวอยู่ในหมู่บ้านนั้น

นายจุนทสูกริกประกอบอาชีพด้วยการเลี้ยงหมู ทั้งฆ่ากินเองและขาย เมื่อหมูที่เลี้ยงไว้โตได้ที่แล้ว เขาจะจับหมูตัวนั้นมามัดที่ขาทั้ง ๔ และใช้ค้อนเหล็กตีลง ไปที่หัวของหมู เมื่อหมูถูกทุบด้วยค้อนเหล็กก็ส่งเสียง ร้องดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เขากระหน่ำตีหมูอยู่ ๒-๓ ครั้ง เพราะรู้ว่าวิธีนี้จะทำให้หมูมีเนื้อที่หนาขึ้นและมีเลือดอันพอดี จากนั้นเขาจึงต้มน้ำให้เดือด แล้วใช้กระบวยตักน้ำร้อนที่กำลังเดือดพล่านนั้น เทกรอกลง ไปในปากหมู เพื่อขับมูตรคูถทั้งหลายในท้องหมูให้ออก มาทางทวาร

เมื่อหมูถูกกรอกน้ำร้อนอันเดือดพล่านเช่นนั้นก็ดิ้นพล่าน ร้องโหยหวน จนขาดใจตาย แต่นายจุนทะก็ยังกรอกน้ำร้อนต่อไปจนกระทั่งเห็นว่าข้างในของหมูสะอาดดีแล้ว จึงเอาน้ำร้อนราดจนทั่วตัวหมู เพื่อลอกหนังดำๆ ออกไป แล้วนำคบหญ้ามาจุดไฟลน ขนหมูให้หลุด จากนั้นจึงเอามีดอันคมกริบตัดคอหมู และนำภาชนะมารองเลือดจนเต็มแล้วจึงยกขึ้นดื่มกิน และตัดเอาเนื้อที่อ่อนนุ่มและตัดเอามันที่อ่อนมาคลุกเคล้ากับเลือดหมู นำไปย่าง เพื่อกินกันในครอบครัว ส่วนเนื้อหมูที่เหลือได้นำไปขายที่ตลาดในเมือง

นายจุนทะประกอบอาชีพเลี้ยงหมู และชำแหละหมู ขายเพื่อเลี้ยงภรรยาและลูกของตนตลอดมาถึง ๕๕ ปี ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ไม่ไกลจากที่ประทับของพระพุทธเจ้าก็ตาม แต่ก็ม่เคยคิดที่จะทำบุญหรือคิดที่จะใส่บาตรด้วยข้าวสักทัพพี ตรงกันข้ามกับภรรยาและลูกของเขาซึ่งพอตกเย็นได้เข้าไปฟังธรรมทุกวัน

วันหนึ่งนายจุนทะได้ล้มป่วยอย่างกะทันหัน เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างกายทั้งภายในภายนอกความร้อนได้ทวีขึ้นทุกขณะ ดุจดังไฟนรกที่กำลังแผดเผาไปทั่วร่าง เขาร้องครวญครางด้วยน้ำเสียงคล้ายหมู และดิ้นพล่านคลานไปรอบๆ ห้องเหมือนหมู เมื่อเขาดื่มน้ำเพื่อหวังดับร้อนในกาย น้ำที่ไหลลงคอกลับเปรียบเสมือนน้ำร้อนที่ยิ่งเพิ่มความร้อนทบเท่าทวีคูณ

นายจุนทะตะโกนร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ราวกับถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ และส่งเสียงร้องอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา กระทั่งเสียงไป รบกวนบ้านใกล้เรือนเคือง จนแทบไม่มีใครได้หลับได้นอน และเสียงนั้นยังดังไปถึงสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ นายจุนทะส่งเสียงร้องและคลานอยู่เช่นนั้นตลอด ๗ วัน ๗ คืน พอวันที่ ๘ เขาก็สิ้นใจตาย และไปเกิดในอเวจีมหานรก !!

ในเวลาเย็นวันนั้นพระภิกษุทั้งหลายได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้กราบทูลถามถึงเรื่องนายจุนทะ พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายว่า นายจุนทสูกริกนั้นเขาได้รับกรรมอัดเผ็ดร้อน ตามกรรมของเขาที่ได้ทำในชาตินี้และได้รับผลแห่งกรรมในโลกหน้า พระพุทธองค์ได้ตรัสต่อไปอีกว่าชื่อว่าผู้ประมาทแล้ว จะคฤหัสถ์ก็ตาม จะเป็นบรรพชิตก็ตาม ย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง ว่า

“ผู้ทำบาปเป็นปกติ ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไป แล้วย่อมเศร้าโศก ย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมเศร้าหมองของตนเองแล้วย่อมเศร้าโศกเขาย่อมเดือดร้อน”

บาป นั้นคือความชั่ว ที่บุคคลได้กระทำ ทั้งการกระทำที่เป็นกายทุจริต เช่น การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม ฯลฯ การกระทำที่เป็นวจีทุจริต เช่น พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ ฯลฯและการการทำที่เป็นมโนทุจริต เช่น คิดอาฆาตพยาบาท คิดปองร้าย คิดไม่ซื่อ เป็นต้น คนที่ได้ทำบาปดังนี้ย่อม เกิดความเศร้าโศกเศร้าหมองในจิตใจ หน้าตาไม่ผ่องใส เพราะกรรมชั่วที่ตนได้กระทำแล้วนั่นเอง

เห็นได้ว่ากรรมที่บุคคลทำแล้ว แม้จะมีคนเห็นก็ตาม ไม่มีคนเห็นก็ตาม ทุกคนย่อมหนีไม่พ้นกรรมเหล่านั้น ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม กรรมเหล่านั้นจะติดตามตัวไป เหมือนเงาแดดติดตามตัวเราไปทุกแห่งหน กรรมนั้นเป็นการจำแนกสัตว์ทั้งหลาย ทุกคนเกิดมาด้วยกรรมของตนเอง ทุกคนที่ได้รับกรรมอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะการกระทำ

เราอาจเห็นได้ว่าคนทำกรรมชั่วแล้ว ทำไมจึงไม่เห็นผล ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะในอดีตเขาทำกรรมดีไว้ และกรรมดียังให้ผลอยู่ แต่ถ้ากรรมดีหมดแล้ว กรรมชั่วก็จะปรากฏแน่นอน ทุกคนไม่มีใครที่จะหนีกรรมไปได้ เพราะกรรมนั้นจะต้องส่งผลอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว


(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 78 เม.ย. 50 โดย พระมหา ดร.ณรงค์ศักดิ์ ฐิติยาโณ วัดใหม่ยายแป้น) ผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤษภาคม 2550 16:36 น.

59
กราบขอบพระคุณหลวงพี่ญา ที่เมตตาแจกภาพหลวงพ่อเปิ่น นะครับ

ขอบคุณพี่จาตุรง ที่เมตตานำภาพไปใส่กรอบแล้วแจกให้มานะครับ

นำไปตั้งที่ร้านขายของมีคนทักมากมาย ว่าหลวงพ่อเปิ่นใช่ไหมๆ ..

ชื่อเสียงของหลวงพ่อเป็นที่กล่าวขานกันมากมายจริงๆ ไม่ว่าใครมาซื้อของ

ก็จะมองรูปแล้วทัก หลายคนแล้วครับ บางคนก็ซื้อของเพราะเห็นรูปหลวงพ่อ

บางคนก็เข้ามาคุยว่าเคยไปกราบท่านบ้าง ฯลฯ เข้าเรื่องกันดีกว่า

สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณไมตรีจากพี่ๆ และขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาเสมอมา ...  :089:



60
กรรมเพราะไร้คุณธรรม

จากหนังสือ “โลกลี้ลับ” ปีที่ ๒๑ ฉบับที่ ๒๓๕ เดือน กรกฎาคม ๒๕๔๗
พิมพ์ส่งมาให้เป็นธรรมวิทยาทาน โดย คุณ Lilly
................. ................


เรื่องที่ผู้เขียนเขียนมานี้เกิดขึ้นกับหลานของผู้เขียนที่ชื่อ ไชยา มันเป็นเวรกรรมที่ตามทันตาเห็นจริงๆ ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าเลย เรื่องก็มีอยู่ว่า

พ่อของไชยานั้น เขาเป็นคนที่ร่ำรวยในหมู่บ้าน มีที่สวนไร่นามากมาย แต่ออกจะตระหนี่ขี้เหนียวซักหน่อย แต่ก็เพราะความตระหนี่ของเขานี่แหละ ถึงทำให้เขามีความร่ำรวย เขามีลูก 4 คนด้วยกัน เป็นผู้ชายหนึ่งคนก็คือ ไชยา และอีกสามคนเป็นผู้หญิง สำหรับเมียเขาออกจะเป็นคนเห็นแก่ตัวเอามากๆ

ต่อมาไชยา ได้ไปรักกับหญิงสาวคนบ้านใกล้กัน พ่อก็จัดการแต่งงานให้ ได้อยู่กินกันจนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ด้วยความที่รักลูกชายมาก จึงไม่อยากให้ลูกต้องไปทำงานอยู่ที่อื่น เลยหาซื้อรถยนต์ให้ลูกชายหนึ่งคัน เพื่อให้วิ่งโดยสารรับส่งผู้คนแถวบ้าน เพราะจะได้อยู่ใกล้บ้าน และใกล้พ่อแม่

วันหนึ่งผู้เขียนได้ไปว่าจ้างให้ไชยาเอารถไปบรรทุกวัวไปส่งบนดอย เพราะจะเอาวัวไปฝากคนที่อยู่บนดอยเลี้ยง พอตอนเช้าของวันนัด ผู้เขียนและไชยาก็ช่วยกันเอาวัวขึ้นรถบรรทุกไปส่งบนดอย ตอนเอาไปเราเอารถไปคนละคัน ไชยากับเพื่อนที่ชื่อ สนั่น ไปรถคันที่บรรทุกวัว ส่วนผู้เขียนเอารถไปอีกคัน ขากลับผู้เขียนได้กลับมาก่อน ส่วนไชยานั้นหลังจากลงมาจากบนดอยก็เลยไปหาเพื่อนที่ อำเภอท่าวังผา เป็นเพื่อน ๆ ที่วิ่งรถสองแถวด้วยกัน ก็เลยพากันดื่มเหล้าที่บ้านเพื่อน ส่วนสนั่นนั้นได้แยกทางกันกับไชยาตั้งแต่ลงมาจากดอย ไชยานั่งดื่มตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนถึงเที่ยงคืนก็เมาได้ที่ จึงขอตัวกลับบ้าน พวกเพื่อนก็ขอร้องให้นอนค้างคืนที่บ้านเขา แต่ไชยาไม่นอน เพื่อน ๆ ก็เลยให้กลับเพราะเห็นว่ายังพอกลับได้

ไชยาขับรถออกจากบ้านเพื่อนมาได้ประมาณ 25 นาที พ้นเขตอำเภอท่าวังผาก็เข้า เขตอำเภอบัว (ซึ่งเป็นอำเภอที่ผู้เขียนและไชยาอยู่) เข้าเขตอำเภอบัวมาได้ประมาณ 5 กิโลเมตร พอมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านนาก้อ ซึ่งเป็นทางโค้งนิดหน่อย ได้มีรถมอเตอร์ไซค์กำลังขับอยู่ข้างหน้า ด้วยความเมาไชยาจึงไม่เห็นรถคันดังกล่าวจึงขับรถไปชนเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้ สองผัวเมียที่ขับมาได้รับบาดเจ็บและรถมอเตอร์ไซค์ของเขาหักเป็น 2 ท่อน คนที่บาดเจ็บนั้นนอนสลบอยู่ที่ถนน แต่ แทนที่เขาจะช่วยนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เขากลับไม่ทำแล้วยังขับรถหนี เอารถไปซ่อนไว้ที่บ้านเพื่อนของผู้เขียน

พอรุ่งเช้า พ่อของเขาก็มาหาผู้เขียน แล้วให้ผู้เขียนไปส่งเพื่อซื้ออะไหล่รถในตัวเมือง จึงได้ถามพ่อของเขาว่า “ไปซื้ออะไหล่มาใส่รถคันไหนอีก”

เขาบอกว่า “เมื่อคืนไชยาได้ขับรถไปชนกับรถมอเตอร์ไซค์ ตอนนี้ให้เอาไปซ่อนไว้ที่บ้านของสิงห์ทอง ที่กลางป่าโน้น “ (สิงห์ทองคือเพื่อนของผู้เขียนเอง) ต่อจากนั้นเขาก็หาช่างมาซ่อมรถจนเสร็จ หลังจากนั้นไชยาก็ได้นำรถออกไปขับโดยสารต่อ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่ารถของไชยาหายไป ไม่มาวิ่งในวินหลายวัน ตำรวจก็เลยถามว่า “รถหายไป เอาไปไว้ไหน”

ไชยาจึงได้บอกไปว่า “เอารถไปให้น้าเขาใช้ที่ต่างจังหวัด” ตำรวจมาดูที่รถ ก็เห็นมีรอยทำสีใหม่ แต่ตำรวจเขาก็ไม่อยากซักถามเท่าไหร่ เพราะเป็นคนมีเงินและก็มีอิทธิพลนิดหน่อย และเขาก็ได้บอกตำรวจว่า “ไม่ต้องมาสงสัยถ้ารถชนจริงไม่หนีหรอก เรื่องแค่นี้จะยอมใช้ให้หมด”


แต่ญาติๆ ของผู้เสียหายปักใจว่าเป็นรถคันนี้ชนแน่นอน แล้วแม่ของไชยาก็ได้สาบานต่าง ๆ นานา อย่ามาหาว่ารถฉันชน ถ้ารถฉันได้ชนจริง ๆ ก็ขอให้มีอันเป็นไป


เพราะแม่ของไชยาไม่เชื่อเรื่องสาบาน แต่จะเชื่อเพียงว่า ใครมีเงินมาก คนนั้นก็ชนะ ไม่ว่าเรื่องอะไร จากนั้นมาประมาณปีกว่า ไชยามีธุระต้องเข้าไปในเมือง โดยเอารถคันดังกล่าวนั้นขับไป พอขากลับไชยาขับมาคนเดียว โดยไม่มีใครอาศัยมาด้วย เวลานั้นก็ประมาณ 3 ทุ่ม พอไชยาขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ รถของไชยาก็เกิดยางระเบิด พลิกคว่ำลงข้างทาง เป็นเหตุให้กระดูกท่อนคอของไชยาหัก ผู้ที่อยู่บ้านใกล้เขาเห็นเหตุการณ์ จึงนำตัวไชยาส่งโรงพยาบาล หมอที่โรงพยาบาลอำเภอบัวส่งต่อมาโรงพยาบาลในตัวเมือง หมดได้ช่วยกันเข้าเฝือกคอของไชยาที่หักไว้ จากนั้นก็จะนำส่งไปที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ แต่ไชยาทนพิษบาดเจ็บที่ลำคอไม่ไหว กระดูกที่เข้าเฝือกไว้ได้เคลื่อนที่ จึงได้เสียชีวิตลงกลางทาง ยังความเศร้าโศกให้แก่พ่อแม่ของไชยาเป็นอย่างมาก


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผู้เขียนนำมาเล่าให้ฟัง ผลกรรมมันตามทันตาเห็นจริงๆ ใครที่ก่อกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นจริงๆ ผู้เขียนก็ไม่ได้มีความอาฆาตพยาบาทใครๆ ที่เล่าให้ฟังเพราะ กฎแห่งกรรมมีจริง เพราะความตระหนี่นี่เอง กลัวว่าจะเสียเงินให้เขา จึงทำให้ลืมคำว่าคุณธรรม ลืมคำว่าเวรกรรม ลืมคุณค่าของความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ของไชยา เพราะความเห็นแก่ตัวห่วงแต่ลูกตนว่าจะมีความผิด ลงทุนแม้กระทั่งสาบาน โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา จึงต้องมาเสียใจกับผลกรรมนั้นในที่สุด


สำหรับผู้เขียนเองก็อยากจะเห็นมนุษย์เรากระทำแต่ความดีมีศีลธรรมอยู่ในใจบ้าง มีความเอื้อเฟื้อต่อกัน อย่างน้อยสิ่งที่เราทำลงไปเราก็ควรจะรับผิดชอบบ้าง เพื่อจิตใจเราจะได้สบาย ไม่สร้างกรรมสร้างเวรต่อกัน จะได้เป็นสุขกันพร้อมหน้า

............ .............


เครดิตคัดลอกมาจาก เว็บธรรมจักร ครับ ...  :089:

61
ใครพอเคยพบเห็นเบี้ยแก้ตัวนี้บ้างครับ แท้หรือไม่ ...  :067:






62


ทำไม...พ่อแม่ทอดทิ้งลูก ?


ปัจจุบันจะมีใครสักคนเล่าที่คิดว่า ทรัพย์สมบัติภานนอกหรือสิ่งที่เราเพียรแสวงหามาตลอดชีวิตนั้น ไม่สามารถที่จะนำติดตัวไปด้วยได้เมื่อตายไป หากสิ่งที่เราจะนำติดตัวไปเมื่อตายไปนั้น กลับกลายเป็น กรรรมดี กรรมชั่ว เท่านั้น โดยที่ผลกรรมเหล่านี้จะติดตามเราไปจนทุกภพทุกชาติด้วยซ้ำไป

คนเราที่เกิดมานั้น ล้วนยังมีกิเลส กรรม และผลของกรรม กันทุกคน แม้แต่พ่อแม่ของเรา พ่อแม่ซึ่งเป็นที่อาศัยเกิดของบุคคลผู้ยังมีกรรมอยู่เหล่านั้น

บางรายก็เคยเป็นแม่ - ลูกกันมาหลายสิบชาติ แต่ลูกกลับมีอุปนิสัยไม่เหมือนพ่อกับแม่เลยก็มี

ส่วนรายที่ลูกมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อแม่ ก็เพราะเขาได้เคยอบรมตนอย่างเดียวกันมา จนมีโอกาสได้มาเกิดเป็น พ่อ แม่ พี่น้องกันอีก เพราะเขาเหล่านั้นอาศัยกรรมเป็นแดนเกิดนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังกล่าวได้ว่า พ่อ - แม่ เป็นผู้มีบุญคุณต่อลูกอย่างประมาณมิได้ เพราะได้ทุ่มเทความรัก ความปรานี ความเสียสละให้แก่ลูก ตลอดจนทุกสิ่งทุกอย่างยากที่จะหาใครเสมอเหมือนได้

หลายคนคงจะสงสัยว่า ถ้าพ่อ - แม่เป็นเช่นนี้ทุกคน โลกเรา ประเทศเราก็คงจะไม่มีเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ ตามที่เราได้เห็นจากข่าวทั้งในโทรทัศน์ และในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดคำถามที่ว่า "ทำไม ? พ่อแม่ทอดทิ้งลูก"

ก่อนอื่น ผู้เขียนก็จะขอยกข้อความในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้พาดหัวข่าวว่า "แม่ใจโหด ไข่ทิ้งขยะ" โดยเสนอรายละเอียดของข่าวไว้ดังนี้

"ทารกยุคไฮเทค ถูกแม่ตัดใจทิ้งไว้ในกองขยะ หญิงลูกเจ็ดผ่านไปพบ อุ้มไปแจ้งตำรวจขอรับไปเลี้ยงเอง ทั้งที่ตัวเองมีอาชีพรับ ระหว่างรอรับเอกสารหลักฐานจากประชาสงเคราะห์จังหวัด ข้าราชการสงสาร พากันบริจาคเงินเป็นค่านมให้จำนวนหนึ่ง

เมื่อเวลา 14.30 น. ถัดจากวันเกิดเหตุ ร.ต.อ. ชินกร แก้วช่าง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งความจาก นางสุนันท์ แก้วนพรัตน์ อายุ 39 ปี ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ที่ 1 ตำบลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

นางสุนันท์ แก้วนพรัตน์ ได้เล่าให้ร้อยเวรฟังว่า "ก่อนมาแจ้งความ ดิฉันได้เดินไปธุระ ขณะที่ผ่านไปทางกองขยะเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา บนถนนสายฉะเชิงเทรา - บางปะกง ก็ได้ยินเสียงทารกร้องอยู่บนกองขยะที่สูงประมาณ 10 เมตร

ดิฉันคิดว่าคงมีคนอาศัยอยู่บนกองขยะ แต่พอมองสำรวจตรวจดูก็ไม่พบใคร จึงเดินขึ้นไปบนกองขยะ ก็พบทารกเพศหญิงอายุประมาณ 3 เดือน ถูกทิ้งไว้ในสภาพตัวล่อนจ้อน ไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว มีมดค้นไฟกัดตามตัวและหูตาเต็มไปหมด

เด็กถูกปล่อยทิ้งให้ร้งอยู่นานจนหน้าตาเขียวคล้ำไปหมด ด้วยความสงสารดิฉันจึงนำทารกเคราะห์ร้ายมาพบตำรวจนี่แหละค่ะ"

ภายหลังจากแจ้งความแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเมตตาที่จะนำเด็กรายนี้ไปเลี้ยง นางสุนันท์จึงตัดสินใจจะนำไปเลี้ยงเสียเอง ทั้งๆ ที่นางสุนันท์มีอาชีพเป็นคนรับจ้าง ซ้ำมีลูกชายหญิงแล้วถึงเจ็ดคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือให้นางสุนันท์ไปพบ นายเกริกศักดิ์ บุญเนียน ประชาสงเคราะห์จังหวัด เพื่อทำหลักฐานเอาเด็กไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม

แต่ก่อนที่จะขึ้นไปบนศาลากลางจังหวัดเพื่อพบประชาสงเคราะห์จังหวัดนั้น ก็ได้มีหญิงสาวอายุประมาณ 18 ปีคนหนึ่ง มาพบนางสุนันท์และออกปากจะขอรับเด็กไปเลี้ยงดู โดยจะจ่ายเงินให้นางสุนันท์ 200 ด้วย

นางสุนันท์จึงให้หญิงสาวคนนั้นไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันเพื่อแจ้งให้ตำรวจทราบเป็นหลักฐาน แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมไปพบตำรวจ และได้หลบหน้าหนีไปทันที



จากหนังสือเงากรรม (โลกทิพย์)
เรื่องโดย ธนกนก


เครดิตจากเว็บ ธรรมจักร์ ครับ สาธุ

63
กฎแห่งกรรม / ผลกรรมเพราะทำแท้ง
« เมื่อ: 20 ส.ค. 2552, 07:11:00 »
    เรื่องของกรรมนั้นมีจริง  ดังพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า  ?สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตนเอง  สัตว์ทั้งหลายเป็นทายาทแห่งกรรม  กรรมจะจำแนกให้สัตว์เลวหรือดีได้  เพราะฉะนั้น  "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ?  กรรมนั้นมีอยู่สองอย่างคือ  กรรมดี   และ  กรรมชั่ว   ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่วไม่มีใครลิขิตให้แก่เรา  เราเป็นผู้ลิขิตเองทั้งนั้น  จะกระทำโดยเจตนาก็ดี  ไม่เจตนาก็ดี  หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี  ล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุของกรรม  ดังคำกล่าวที่ว่า  ?กรรมใดใครก่อ  ผู้นั้นย่อมได้รับผลนั้นไป?   พุทธภาษิตนี้  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นจริงที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้  ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้าที่กรรมจะตามทัน  บุคคลใดที่ก่อกรรมทำเข็ญกับผู้อื่นไว้  ก็ต้องได้รับผลนั้นเช่นกัน  ดังเช่นเรื่องจะได้อ่านกันนี้

         ตัวผมเองนั้นมีหลานสาวอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของน้าสาว มีชื่อว่า ?จันทร์เพ็ญ?   ที่อยู่กันอย่างปกติสุขเรื่อยมา  จวบจนกระทั่งเธอโตเป็นสาววัยรุ่นอายุ ๒๐ ปี  ก็ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตครอบครัวอย่างไม่คาดคิด  นั่นคือทั้งพ่อและแม่ของเธอได้เสียชีวิตทั้งคู่  จากการประสบอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนตัวพลิกคว่ำโดยปล่อยให้จันทร์เพ็ญต้องมาเผชิญโลกกว้างเพียงลำพังขาดสิ่งยึดเหนี่ยว  ไม่มีใครดูแลต่อไป  ตลอดจนไม่มีคนปลอบและให้กำลังใจเธอเลย  เธอจึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ  หางานทำ  และเธอก็ได้งานในโรงงานแถวชานเมือง เธอได้เช่าห้องและอาศัยอยู่คนเดียว  แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตขึ้นมาอีก  เมื่อเธอได้ถูกกลุ่มทรชนเดนนรกรุมทำร้าย และพากันข่มขืนใจเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมให้ต้องมาพบกับชะตากรรมอันป่าเถื่อน  ชีวิตเธอต้องประสบกับความทารุณโหดร้ายจนบอบช้ำใจอย่างหนัก ที่ต้องมาพบกับสภาพเช่นนี้  และเธอก็ได้เข้าแจ้งความขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  แต่ก็เปล่าประโยชน์ใด ๆ  ด้วยเวลาผ่านไปก็ไม่มีอะไรคืบหน้าในทางคดี  จนเธอได้ตัดสินใจขอลาออกจากงานที่ทำ  ไปหางานที่ใหม่ด้วยหวาดผวาภัยมืดจะมาคุกคามเธออีก

         แต่แล้วชีวิตเธอก็ต้องกลับมาพบกับฝันร้ายอีกครั้งเหมือนฟ้าดินกลั่นแกล้ง  ด้วยร่างกายเธอเกิดอาการผิดปกติขึ้นมา  บางครั้งจะอาเจียนออกมาอยู่เรื่อยเหมือนคนแพ้ท้องอย่างนั้น  ชักไม่แน่ใจจึงได้ไปขอตรวจร่างกายที่คลินิกแห่งหนึ่งใกล้ที่ทำงาน  พอตรวจเสร็จและทราบผลทำให้เธอแทบช็อคในความรู้สึก  เมื่อสิ่งที่สังหรณ์ใจแต่แรกเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมาจนได้  ด้วยว่าผลการตรวจทราบว่า จันทร์เพ็ญเธอได้ตั้งครรภ์มาร่วม ๓ เดือนแล้ว   จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายคืน ด้วยจิตใจว้าวุ่นสับสนคิดไม่ตกจะทำยังไงดี  มีทางเดียวเท่านั้น  คือจะต้องทำแท้งเอาเด็กออกมา  เพราะจะเป็นตัวกาลกิณี  ตัวเสนียด  หากขืนเอาไว้มีแต่จะถูกคนเหยียดหยาม  ต้องอับอายขายหน้าผู้คนที่รู้ข่าว  เมื่อรู้ว่าท้องไม่มีพ่อ   ขาดคนรับผิดชอบเหลียวแล  และไม่ใช่ความผิดของเธอเลยที่เป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา  ต้องโทษสังคมที่แสนโหดร้ายที่มาทำให้ชีวิตของเธอต้องเป็นอย่างนี้

         หลังจากที่ทราบแหล่งทำแท้ง  โดยเป็นคลินิกไม่ไกลจากโรงงานเธอนัก  จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ด้วยปัญหารุมเร้ารอบด้าน เกิดคิดไม่ตกจึงต้องทำแท้งเป็นดีที่สุด  ถึงแม้จะหนีจากคำว่า ?ผู้ร้ายฆ่าคน?  ไม่ได้ก็ตามที  รู้ทั้งรู้อยู่เต็มหัวอกว่าการทำแท้งนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก  ต้องเสี่ยงกับชีวิตที่ต้องตกเลือดอย่างมาก หรืออาจเสียชีวิตไปก็ได้  หรือไม่ก็ถูกจับกุมด้วยผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม  แต่อุปสรรคข้างหน้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี  จึงต้องดำเนินไปตามใจประสงค์ ซึ่งเธอก็ไปทำแท้งที่คลินิกนั้นโดยได้ยาขับชนิดหนึ่งมาทาน และฉีดยาอีก ๒ เข็ม  หลังจากที่  จันทร์เพ็ญทานยาขับนั้นไม่นาน เด็กในครรภ์ก็ได้เสียชีวิตจนเธอท้องแข็ง และทารกน้อยก็ได้หลุดออกมา  ความจริงมันก็เป็นเพียงแค่ก้อนเลือดเนื้อหรือสังขารของเด็กน้อยเท่านั้น  หารู้ไม่ว่าจิตวิญญาณของเด็กไม่ได้ออกตามมาด้วย แต่ยังคงอยู่ติดตามเป็นเจ้ากรรมนายเวรคอยทวงหนี้กรรมของจันทร์เพ็ญอยู่ตลอด

         รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ความผิดของทารกที่อยู่ในครรภ์แม้แต่นิดเดียว  แต่เกิดจากการกระทำของผู้ให้กำเนิดในเพศที่เรียกกันว่า ?แม่?  รู้อยู่ว่าต้องมาฆ่าลูกในไส้ของตนเอง   ให้มานึกถึงสภาพทารกที่ไม่มีทางต่อสู้ดิ้นรนหรือร้องขอชีวิตเลยแม้แต่น้อย  ความบริสุทธิ์ผุดผ่องกลับถูกทำร้ายโดยเงื้อมมือของผู้เป็นแม่เสียเอง  คิดขึ้นมาจันทร์เพ็ญก็จะแอบร้องไห้ด้วยอดสงสารทารกน้อย ที่เป็นสายเลือดตัวเองไม่ได้  มันช่างเป็นคราวเคราะห์ซ้ำ กรรมซัดจริง ๆ  น้ำตาก็พลอยไหลรินอาบสองแก้มด้วยความสำนึกผิด  แต่ก็สายไปเสียแล้ว  เมื่อต้องมาเป็นฆาตกรฆ่าลูกตนเอง

         หลังจากที่เธอทำแท้งผ่านไปไม่กี่เดือน  แม้จะผ่านวิกฤติการณ์ทำแท้งมาได้  แต่ก็ทำให้จันทร์เพ็ญต้องมาชดใช้หนี้บาปกรรมที่เธอเองได้ก่อขึ้นอย่างไม่มีทางหลีกพ้น ด้วยคงเป็น ?ตราบาป? เพราะการทำแท้งนั้นเขาถือว่า     ?เป็นเจตนาฆ่าคนอย่างเลือดเย็น?   จนทำให้เธอต้องมาทนทุกข์ทรมานด้วยสุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยบ่อยๆ  โดยบางครั้งปวดศีรษะอย่างรุนแรง  บางทีก็มักจะเจ็บปวดบริเวณกระดูกสันหลังตลอดทั้งบริเวณช่องท้องด้วย  บางครั้งก็มีอาการประหลาดๆ  ขณะเดินหรือยืนอยู่จะเกิดเข่าอ่อนขึ้นมาเฉยๆ  เป็นประจำ  ได้ไปให้หมอตรวจดูอาการแล้วโดยเอกซเรย์ก็ไม่ปรากฏว่าจะเป็นอะไรมาก อาจเป็นไปได้ว่าดวงวิญญาณของเด็กน้อยที่หลุดลอยออกไปย่อมมีความโกรธแค้นในการกระทำของผู้เป็นแม่ เวลาจะนอนก็นอนไม่ค่อยหลับ  ด้วยมีภาพของเด็กทารกมักจะมาหลอกหลอนในห้วงจิตสำนึกตลอดเวลา  จนจิตใจฟุ้งซ่าน  

        อาจจะเป็นบาปกรรมที่เธอได้ไปกระทำทารุณกรรมกับการทำแท้งในครั้งนั้นก็ได้  จนทำให้จันทร์เพ็ญต้องมาเผชิญวิบากกรรมเช่นนี้  ขนาดอยู่ที่บ้านเวลาที่เธอจะเข้าห้องน้ำจะอาบน้ำหรือทำอะไรก็แล้วแต่ ก็มักจะได้กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนกับมีของเน่าอยู่ในห้องน้ำเสมอ ๆ  เคยพยายามค้นหาดูแต่กลับไม่พบเห็นอะไร  สอบถามคนข้าง ๆ ห้องก็ไม่เคยมีใครได้กลิ่นดังกล่าวเลย  แม้กระทั่งการงานก็มักมีอุปสรรคติดขัดไปเสียทุกอย่าง มักจะมีปัญหาบ่อย ๆ  ต้องมาเปลี่ยนงานทำอยู่เรื่อย  ทำมาหากินก็ไม่ขึ้นและชอบปวดศีรษะอย่างรุนแรง  โดยไม่ทราบสาเหตุ ต้องกินยาระงับปวดเป็นประจำ บางทีก็ปวดท้องขึ้นมากะทันหันจนไม่เป็นอันทำงาน ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลช่วยตรวจอยู่ตลอด   เงินทองก็ร่อยหรอหมดไปกับการรักษาแต่ก็ไม่หาย   จนสุขภาพจิตแย่มากร่างกายผ่ายผอมจนดูแทบไม่ได้  เกิดความท้อแท้จนคิดอยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไป  

        ซึ่งจันทร์เพ็ญเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า คงจะเป็นวิญญาณของลูกน้อยที่เธอทำแท้งเอาเขาออกไป  ชีวิตถึงได้เป็นเช่นนี้  คาดไม่ถึงว่าการทำแท้งในครั้งนั้น จะส่งผลสะท้อนให้ต้องมาลิดรอนชีวิตให้เป็นไปถึงเพียงนี้  ต้องพานพบมรสุมร้ายอยู่ตลอด เกิดความทุกข์ทั้งกายและใจ  จนทำให้ชีวิตเธอต้องมาแปรเปลี่ยนอย่างมากแทบจะเสียผู้เสียคน  ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์แท้ ๆ  ถึงต้องมารับผลกรรมอย่างนี้  มาช่วงระยะหลังเธอจึงต้องสวดมนต์นั่งสมาธิ ภาวนาเมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเสมอมา ทำบุญกุศลทุกวัน จึงทำให้ชีวิตค่อยสบายใจขึ้น  นับได้ว่าการทำแท้งนี้เป็นบาปอันมหันต์  ที่ทำให้เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็นต้องขอจดจำไปชั่วชีวิต



จากนิตยสารโลกทิพย์  ฉบับที่ ๔๐๖  ปีที่ ๒๔  ประจำเดือน มกราคม  พ.ศ. ๒๕๔๗

64
นาคปรก ๘ รอบ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี ๒๕๑๘ ...  :089:









สายตรง ติชมหรือสวดได้ตามใจชอบครับ ...  :089:

65
วอนสายตรงสวดได้ครับ ติชมได้ ตามอัธยาศัย ขอบคุณครับที่ชี้แนะ ...  :114:





ประสบการณ์พระเครื่อง / เครื่องรางหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จากเว็บ อิทธิปราฏิหาร

บิณฑบาตที่จ.ชลบุรี

         มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี อ.บางละมุง ซึ่งผมจำชื่อไม่ได้ ได้มาเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อวานนี้ผมเห็นหลวงปู่ทิม ไปบิณฑบาตอยู่ที่เมืองชล ผมจำได้เขาบอกว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เพราะจำหลวงปู่ทิมได้ ผมก็ได้แต่นึกและก็ไม่กล้าตอบ แต่นึกว่าหลวงปู่ของเราจะเป็นไปได้หรือ ผมจึงเก็บเอาเนื้อความนี้ไว้แต่ในใจและก็คุยกันเรื่องอื่นต่อไป อยู่มาประมาณอีกสัก 10 กว่าวันก็มีคนเมืองชลมาเล่าให้ผมฟังอีก ก็เหมือนกับทีคนแรกเล่าให้ผมฟังทุกประการ ผมจึงลองถามหลวงตาที่เป็นขรัวรองอยู่ที่วัดดูและเล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง ท่านตอบว่า อาตมาก็ไม่ทราบและไม่ได้สังเกตเพราะฉันจังหันต่างกัน แต่ก็ปรากฏท่านทีอาหารแปลกปะปนอยู่เสมอ แต่ก็อาจจะเป็นความจริงเพราะท่านเป็นพระที่สำเร็จญาณชั้นสูงอยู่แล้ว

ยิงไม่ถูก

         มีชาวบ้านหนองละลอกคนหนึ่งชื่อ นายธง สุขเทศ หรือชาวบ้านละแวกนั้นมักเรียกว่า ปลัดธง บ้านอยู่ไม่ห่างจากบ้านผมเท่าไรนัก หลังจากที่ผมกลับจากทำงานก็อาบน้ำจวนจะทานอาหาร เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ปลัดผู้นี้ก็เริ่มจะทานอาหารเหมือนกัน หยิบจานอาหารมาวางและมีลูกสาวอยู่ใกล้ๆ ผมก็กำลังทานอาหารอยู่ที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงปืนระเบิดขึ้น 2 จังหวะ 4 นัด แล้ว 3 นัดติดต่อกัน ปรากฏภายหลังว่าผู้ยิงพาดปืนกับขอบสังกะสีรั้วบ้านระยะประมาณ 4 เมตร แต่กระสุนมิได้ถูกนายธงเลย มีกระสุนไปถูกขาตั้งรถจักรยานทำให้สะเก็ดบินไปโดนเด็กลูกสาวที่ขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้คงเป็นเพราะอภินิหารเหรีญหลวงปู่ทิมรุ่นแรกซึ่งนายธงแขวนคออยู่เพียงเหรียญเดียว ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ยิงใช้ปืนคาบิ้น 2 กระบอกเพราะเก็บปลอกกระสุนได้แน่ชัด

ยิงไม่เข้า

มีคนเดินทางมาจากเมืองชลเล่าให้ผมฟังว่าเพื่อนของเขาถูกยิงตอนเวลาหลังอาหารด้วววยปืนลูกซองถึง 9 นัด เสื้อขาดทะลุถึงผิวหนังไหม้เกรียมแต่ไม่เข้า ทั้งนี้ก็เพราะเขาได้ปลักขิกหลวงปู่ทิมกับลูกอมมาแขวนไว้เพียงไม่กี่วัน และเรื่องเท่าที่ผมเห็นมาเกี่ยวกับปลักขิกก็คือหลานของผมถูกสุนัขกัดจนเสื้อออกางเกงขาดเป็นริ้วรอย ถึงกับล้มลงนอนร้องไห้ เมื่อผมวิ่งไปช่วยปรากฏว่าไม่มีรอยเขี้ยวสุนัขเลย เด็กคนนั้นมีแต่เพียงปลักขิกของหลวงปู่ทิมแขวนอยู่ที่เอว 1 อันเท่านั้น

น้ำมนต์เดือด

         เมื่อราว พ.ศ.2511 ที่วัดตะพงนอก อ.เมือง จ.ระยอง ได้มีพิธีปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังหลวงพ่อจันทร์ เจ้าอาวาสวัดตะพงนอก ในพิธีนี้ได้นิมนต์เกจิอาจารย์มาหลายรูปด้วยกัน และหลวงปู่ทิมก็ได้รับนิมนต์ด้วย หลังจากเริ่มพิธีปลุกเสก หลวงพ่อต่างๆ ก็ได้ทำการปลุกเสก และในพิธีนี้ อาจารย์รัตน์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดได้นำโอ่งใส่น้ำมนต์มาตั้งไว้ และนิมนต์หลวงปู่ทิมทำการปลุกเสกน้ำมนต์องค์เดียวท่ามกลางพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ปรากฏว่าน้ำมนต์ที่อยู่ในโอ่งใหญ่ครึ่งโอ่งพอหลวงปู่ลงมือปลุกเสกน้ำได้เดือดและค่อยๆ ทวีความสูงขึ้นท่ามกลางความอัศสสจรรย์ของผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอ่างมาก ปรากฏว่าหลวงจากพิธีแล้ว น้ำมนต์ได้ถูกชาวบ้านแย่งเอาไปจนหมดสิ้น

แคล้วคลาด

         นายจำลองแห่งร้านทวีทรัพย์ ได้ชวนนายเพียรวิทย์ จารุสถิติ นายนิวัฒน์ ร้านรุ่งเรืองมิตร ได้ไปหาหลวงปู่ทิมเพื่อนมัสการท่าน ขากลับได้บูชาเหรียญ รูปถ่ายและปลักขิก กลับมาได้ครึ่งทางนายนิวัฒน์จึงชวนนายจำลองเพื่อขอลองของ ทั้ง 3 ก็ได้ทำการทดลองโดยทั้ง 3 นำเอาเครื่องรางดังกล่าวอาราธนาแล้วแขวนกิ่งต้นไม้ นายจำลองได้ใช้ปืน .22 ยิงในระยะห่างกันประมาณ 1 คืบ ปรากฏว่ายิงไม่ถูก นายนิวัฒน์จึงขอยิงบ้าง จ่อยิงปรากฏว่าไม่ถูกอีกเช่นกัน ทั้งคู่บอกว่าถ้าระยะนี้ยิงไม่ถูกก็ไม่ต้องใช้ปืนแล้ว เพราะทั้งคู่เป็นผู้ที่สนใจปืนอยู่แล้ว

ถ่ายรูปหลวงปู่ไม่ติดถ้าไม่ขออนุญาต

         เมื่อคราวปลุกเสกของที่วัดพลา จังหวัดระยอง หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปนั่งปลุกเสกด้วย มีช่าวภาพหนังสือพิมพ์ไปถ่ายรูปโดยไม่ขออนุญาตจากหลวงปู่ก่อนปรากฏว่า กดชัตเตอร์เท่าไรๆ ชัตเตอร์ก็ไม่ทำงาน แต่พอนึกได้เข้าไปขออนุญาตก็ติดและได้ภาพที่ชัดเจนดี

เสกตะกรุดใต้น้ำ

         คุณป้าอยู่ งามศรี บ้านอยู่ใกล้ๆ วัดละหารไร่และเป็นหลานของหลวงปู่ทิมได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยหลวงปู่ทิมอายุประมาณ 60-70 ปี เวลาท่านทำตะกรุดท่านจะลงไปทำใต้น้ำโดยถือตะกรุดแล้วเดินลุยน้ำลงไปจากศาลาหน้าวัด มีผู้เห็นกันหลายคน เมื่อหลวงปู่ทิมทำตะกรุดเสร็จเดินลุยน้ำขึ้นมาทุกคนประหลาดใจ เพราะเนื้อตัวและจีวรของหลวงปู่ทิมหาได้เปียกน้ำไม่

         เสกตะกรุดลอย

         ท่านอาจารย์รัตน์ เจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยองเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระที่มีพลังจิตกล้าแข็งมากสามารถเสกจนตะกรุดลอยได้ ท่านเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งได้นิมมนต์พระอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดระยองมา 4 รูปด้วยกัน มีหลวงพ่อหอม หลวงพ่ออ่ำ หลวงพ่อชื่น และหลวงปู่ทิม ให้หลวงพ่อที่มาทั้ง 4 รูปนำตะกรุดสาริกามาด้วย แล้วนำลงใส่บาตรให้หลวงพ่อทั้ง 4 องค์นั่งล้อมรอบบาตร และขอให้ท่านทุกองค์เรียกตะกรุดให้ลอยขึ้นจากบาตร หลวงพ่อหอม เป็นผู้เรียกก่อนโดยนั่งบริกรรมอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าตะกรุดลอยขึ้นมา จากนั้นหลวงพ่ออ่ำ และหลวงพ่อชื่อก็ได้นั่งบริกรรมทำนองเดียวกัน ตะกรุดก็ไม่ยอมลอยขึ้น จนถึงองค์สุดท้ายคือหลวงปู่ทิม ท่านนั่งบริกรรมอยู่สักครู่ก็ปรากฏว่าตะกรุดลอยขึ้นมาจากก้นบาตร หลวงพ่อหอมและเจ้าอาวาสวัดหนองกระบอกเห็นเช่นนั้นก็ตกใจแลบอกว่า ขอให้ช่วยทำให้วิ่งรอบบาตรด้วย หลวงปู่ทิมก็นั่งหลับตาภาวนา ตะกรุดก็วิ่งอยู่รอบๆ บาตรท่ามกลางความตื่นตะลึงของพระสงฆ์ทุกองค์ และเรื่องนี้ได้เป็นที่โจษขานกันทั่วไปในจังหวัดระยอง

อำนาจจิตอันกล้าแข็งของหลวงปู่ทิม

         แม้แต่เครื่องปั่นไฟท่านก็สามารถบังคับให้หยุดได้โดยไม่ทราบสาเหตุ คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดละหารไร่มีลิเกมาเล่น พอลิเกกำลังจะออกแขกก็ปรากฏว่าไฟฟ้าดับพรึบลง พอแขกเข้าโรงไฟฟ้าก็สว่างขึ้นเป็นอย่างนี้ถึง 3ครั้ง จนต้องมีคนเตือนคณะลิเกให้ไปขออนุญาตหลวงปู่ทิมเสียก่อน เมื่อไปขออนุญาตแล้วก็ปรากฏว่าไฟฟ้าที่เคยปิดๆ ดับๆ ก็ติดสว่างตลอดทั้งคืน

หลวงปู่ทิมเป็นพระที่สร้างของยาก

         มีผู้ไปขอสร้างของเสมอ แต่ถูกปฏิเสธไปเกือบทุกราย ท่านบอกว่าท่านไม่เก่ง แต่นับเป็นการประหลาดมากเมื่อครั้งที่คุณชินพร สุขสถิตย์ บรรณาธิการหนังสืออภินิหารและพระเครื่องไปกราบนมัสการและขออนุญาตท่านสร้างพระเครื่องเพื่อหารายได้สร้างศาลาการเปรียญท่านอนุญาตให้โดยดี ทั้งๆ ที่ตัวผู้ขอสร้างเองยังหนักใจเรื่องทุนที่จะนำมาลงทุนสร้างซึ่งต้องใช้เงินหลายแสนเพราะมีการหล่อพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พราะสังกัจจัยและพระปิดตาถึง 4 รายการด้วยกัน แต่หลวงปู่ทิม ท่านบอกว่า "ทำไปเถิดและจะสำเร็จเอง" ถึงปรากฏเป็นเรื่องจริงขึ้น บรรดาทุนรอนค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะต้องจ่ายให้ช่างหล่อกันก็มีลู่ทางและได้มาอย่างไม่น่าเชื่อในการสร้างพระเครื่องครั้งนี้ หลวงปู่ทิมท่านพูดว่า "เป็นการสร้างของลูกศิษย์แท้ๆ และเงินทองจะไหลมาเทมา" หลวงปู่ทิมจึงอนุญาตให้คุณชินพรและคุณอารมย์ ทับสุวรรณ ครอบครูเป็นศิษย์ของท่านได้ทั้งๆ การจะครอบครูเป็นศิษย์โดยตรงของหลวงปู่ทิมนั้นนับว่ายากมาก ศิษย์ที่จะได้รับครอบครูต้องปรนนิบัติรับใช้เป็นเวลาหลายๆ ปีจึงจะครอบครูให้

 
เรื่องจากคุณธงชัย อุดมความสุข

ตะกรุด 3 กษัตริย์

         นับเป็นยอดตะกรุดมหานิทรา ยิงไม่ออก ถ้านำไปแขวนไว้ที่เสาหมอจะสะกดคนในบ้านให้หลับไหลหมด ขึ้นหยิบทรัพย์สินได้และดูเหมือนจะประสบกับโยมวัดผู้หนึ่ง เสียของเกือบหมดบ้านเพราะนอนไมรู้สึกตัวเลย เนื่องจากเอาตะกรุด 3 กษัตริย์ไปแขนไว้ที่เสาหมอกลางบ้าน หลวงปู่ทิมทราบเรื่องจึงไม่คิดจะทำอีก

         อาของผู้เขียนเล่าให้ฟังว่านางเอี้ยน เกสารัตน์ เสมียนประจำสำนักงานสหกรณ์ระยองไปขอตะกรุด 3 กษัตริย์จากหลวงปู่ทิม พอได้มาก็เอากลัดไว้กับเสื้ออย่างมั่นคง พอลากลับหลวงปู่ทิมถามว่าตะกรุดยังอยู่ดีหรือ? นางเอี้ยนก็ตอบว่าอยู่ค่ะ หลวงปู่หัวเราะแบมือให้ดู ปรากฏว่าตะกรุดอยู่ในมือหลวงปู่ทิม นายเอี้ยนหันมาดูที่เสื้อไม่พบตะกรุดก็ตกใจ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าหลวงปู่ทิมทราบดีว่านางเอี้ยนไม่ค่อยเชื่อถือท่านเท่าใดนัก จึงลองให้ดู ตะกรุด 3 กษัตริย์ของท่านนี้เล่ากันว่าเอาปืนยิงใส่บ้านยังไม่ออกเลย ไปยิงลิงยิงค่างถ้าเอาตะกรุดไปด้วยก็จะทำให้ยิงไม่ออกเช่นกัน

เรื่องจากคุณชินพร สุขสถิตย์

ปลาของหลวงปู่ทิม

         ช่างมงคล นาคแทน ผู้รับเหมาสร้างโบสถ์และศาลาการเปรียญได้เล่าให้ผมฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งคุณมงคลได้มาที่วัดเพื่อควบคุมงานก่อสร้าง หลวงปู่ได้เรียกเข้าไปหาและสั่งว่าได้ขอร้องไม่ให้ลูกน้องไปยุ่งเกี่ยวกับปลาในสระแล้วทำไมลูกน้องจึงเข้าไปยุ่งอีก ขอให้ช่วยไปตักเตือนสั่งสอนด้วย คุณมงคลได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เพราะหลวงปู่ได้สั่งไว้หลายหนแล้วว่าให้กำชับคนงานอย่าให้ไปยุ่งกับปลาในสระน้ำ คุณมงคลจึงกลับไปที่พักคนงานและเรียกลูกน้องมาด่าทุกคน แล้วถามว่าใครไปจับปลาของหลวงปู่ ซึ่งทุกคนปฏิเสธ คุณมงคลจึงไปหาหลวงปู่อีกและออกรับแทนลูกน้องว่า ไมมีลูกน้องคนใดไปยุ่งเกี่ยวกับปลาของหลวงปู่เลย หลวงปู่ทิมจึงว่า "ไอ้คนดำมืดยังไง" คุณมงคลก็กลับไปใหม่ และไปเรียกนายดำซึ่งมีผิวกายดำมะเมื่อมอยู่คนเดียวมา และบอกว่า "หลวงปู่บอกว่าลื้อไปจับปลาของท่านมาจริงหรือเปล่า" นายดำได้ยินก็ตกใจพูดกับช่างมงคลว่า "ท่านรู้ได้อย่างไรก็ผมไปแอบจับตอนตี 1 แล้วนี่ครับ

เกี่ยวกับปลานี้

         คุณเพรียรวิทย์ จารุสถิติศิษย์ก้นกุฏิของท่านเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อถึงวันดีคืนดี หลวงปู่จะเดินลุยน้ำลงไปในสระ คลี่ชายจีวรออก จับกางสองมือแล้วช้อนปลาเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง มีปลาเข้ามาขังอยู่ที่ชายจีวรแน่นไปหมด คุณเพียรวิทย์บอกว่าหลวงปู่ใช้มนต์จินดามณีเรียกปลามาหา

เรื่องจากคุณ พ.เด็กวัด..หลวงปู่ทิมของผม

         สมัยที่หลวงปู่ทิมเดินจงกรม ท่านกำหนดจิตยกมือพนมเหนืออก ข้อศอกคู้แนบติดกับลำตัวย่างเท้าก้าวเดินอยางช้าๆ กำหนดเดินไปข้างหน้าเก้าสิบเก้าก้าว และกันหลังกลับถอยไปอีกเก้าสิบเก้าก้าว บริเวณที่หลวงปู่ทิมเดินจงกรม บริเวณที่เดินจงกรมนี้ต้นหญ้าไม่กล้างอกขึ้นมา แต่แปลกที่สุด ไม่ว่าพวกมดหรือสัตว์สี่เท้าใดๆ ไม่กล้าเดินผ่านบริเวณนั้น จะต้องเดินอ้อมพ้นเขตบริเวณจงกรม

66


เสรีภาพแห่งการให้อภัย
วันนี้รู้สึกอารมณ์บ่จอย...หงุดหงิดกับคำพูดบางคำของคนบางคน
ขนาดบอกว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะเนี่ย
บางครั้งที่มีคนใช้วจีกรรมทำให้เราไม่สบายใจ
จะพยายามใช้ทางพระเข้าข่ม...นึกไว้เสมอว่า
คนทุกคนในโลกนี้เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
แต่วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ สงสัยเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
กลางคืนเย็นจัด กลางวันร้อนจัด (โทษอากาศไว้ก่อน)
พอได้ยินถ้อยคำที่มากระทบกระเทือนเรา
เห็นช้างเท่าหมูเลย...
รู้สึกทันทีว่าฮึ่ม... (แต่ไม่แฮ่)...ต้องโต้ตอบบ้าง
ก็พูดกลับไปนิดหน่อยพอประมาณ
พูดไปแล้วมาคิดทบทวนตัวเองตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียดจังเลย
ทำไมไม่คุมสติตัวเองให้อยู่
กลับถึงบ้านเลยค้นหาหนังสืออ่านเตือนสติตัวเอง


ได้หนังสือชื่อ "เสรีภาพแห่งการให้อภัย"
The Freedom of Forgiveness
เขียนโดย เดวิด อ๊อกเบิร์กเกอร์ (David Augsburger)
แปลโดย มณฑาทิพย์ วัฒนวงศ์


ทำไมฉันต้องให้อภัย ?
...พวกเราส่วนมากมักจะติดอยู่ที่จุดนี้ และถามว่า
"ทำไม ๆ ทำไม ถึงต้องให้อภัย?
...ทำไมคนที่ทำผิดด่อฉันไม่ต้องชดใช้ค่าความผิดของเขาก่อนเล่า?
.........................................................
...ถ้ามีการตัดสินความเกี่ยวกับเรื่องนี้ตามธรรมชาติ
ก็หมายความว่าจะต้องมีใครสักคนเป็นผู้ชำระชดใช้
...การให้อภัยดูจะเป็นเรื่องง่ายเกินไป
ควรจะเป็นตาแทนตา โลหิตชดใช้ด้วยโลหิตมากกว่า
...ใช่ คุณอาจต้องการฟันแทนฟันในการตอบแทนหรือแก้แค้น
แต่จะเรียกร้องอะไรเป็นค่าชดใช้..........................
...แล้วการแก้แค้นล่ะ?
ถ้าคุณไม่อาจจะได้รับการชดใช้ที่เหมาะสมจากศัตรู
อย่างน้อยคุณก็อาจจะล้างแค้นได้
โดยการกระทำกลับต่อเขาเหมือนที่เขาได้กระทำต่อคุณ
...การกระทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าคุณได้กระทำตัวเอง
ให้ตกต่ำลงไปเท่าเทียมกับศัตรูของคุณ
มึคำกล่าวไว้ว่า "การทำร้ายจะทำให้คุณอยู่ต่ำกว่าศัตรูของคุณ
การผูกพยาบาทจะทำให้คุณเท่าเทียมกับศัตรูของคุณ
แต่การให้อภัยจะยกคุณขึ้นเหนือทั้งหมด"


การให้อภัย การลืมเลือนและการปล่อยให้ผ่านไป
นักศาสนศาสตร์ชื่อ แฟรงค์ สแต็ค ได้เขียนถึงการให้อภ้ยที่แท้จริง ดังนี้
...การให้อภัยและการลืมนั้นเกี่ยวข้องกัน
แต่การให้อภัยนั้นต้องมาก่อนการลืม
ในการให้อภัย ผู้นั้นจะต้องย้อนคิดถึงความเจ็บปวดความสะเทือนใจ
และการอยุติธรรมที่ได้กระทำไปแล้วก่อน
...ส่วนการลืมเป็นการละเลยไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามทำร้ายอะไรเรา
โดยการขับไล่ความรู้สึกที่ว่ามีผู้กระทำผิดต่อเรา..................
การลืมนั้นเป็นแง่ลบและเป็นการนิ่งเฉย
การให้อภัยเป็นแง่บวกและเป็นการสร้างสรรค์
ก่อนที่ผู้ใดจะสามารถให้อภัยและลืมได้
ผู้กระทำให้ขุ่นเคืองและผู้ถูกกระทำต้องรำลึกร่วมกัน
คิดถึงการกระทำผิดที่ได้กระทำไปร่วมกัน
จบสิ้นความรู้สึกนั้นร่วมกัน เสริมสร้างพันธมิตรใหม่ร่วมกัน
และลืมเลือนทุกสิ่งที่ผ่านมาด้วยกัน
การทบทวนความจำ การเสริมสร้างใหม่
การให้อภัยและการลืมล้วนแต่จะช่วยให้เราได้เพื่อนอีกคนหนึ่งกลับมา
..........................................................
การลืมเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการให้อภัยอย่างสมบูรณ์
การลืมไม่ใช่ขั้นตอนแรกของการให้อภัย
มันเป็นขั้นตอนสุดท้าย


ผมคิดว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีงามเสมอแรงมาเบาไป ลดความแรงลงกันเสียบ้าง

ไม่ต้องแข็งขันกับคนอื่นแข็งขันกับตัวเอง พิสูจใจตัวเองว่าการให้อภัยคืออะไร

ดีที่สุดครับ ปรับตัวยอมรับและปล่อยวาง ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ ...  :089:


ขอขอบคุณคุณ yawaiam กับข้อความดังกล่าวด้วยนะครับ

67


รู้มั้ยอาหารบางอย่างกินแล้วทำให้ง่วงได้ด้วยนะ

เคยเป็นกันมั้ย ทีบางวันโอ้ .... โห กระปรี้กระเปร่า ทำงานดี ไม่มีติดขัด ในขณที่บางวันโอ้ย ... ง่วงหง่าวหาวนอนตั้งแต่ยังไม่เข้างานเลย

ที่มันเป็นอย่างนั้นเป็นเพราะว่าบางครั้งอาหารที่คุณทานเข้าไปอาจจะส่งผลให้คุณง่วงโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นอาหารดังต่อไปนี้



กาแฟ กาแฟคุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะ การดื่มกาแฟทั้ง ๆ ที่ท้องยังว่าง นั้น กาเฟอีนจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่สมองส่งผลให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังสมองถูกสกัดกั้น จากนั้นความง่วงจะมาเยือน

ครัวซองต์ เพราะ ในครัวซองต์มีปริมาณแป้งขัดขาวมากแถมยังมีไขมันอีกด้วย ซึ่งไขมันนั้นไม่ต้องหารพลังงานในการย่อย ทำให้มีการเบียดเบียนเลือดที่ขึ้นไปเลี้ยงสมองไปอยู่กระเพาะแทน ทำให้รู้สึกง่วงได้ ถ้าคุณไม่มีเวลาจริง ๆ อนุญาตให้ทานครัวซองต์ชิ้นเล็ก ๆ ได้ เท่านั้น

ของหวาน ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก คุ้กกี้ หรือเครื่องดื่มหวาน ๆ เพราะว่ามันมี น้ำตาลแทรกอยู่ แล้วเจ้าน้ำตาลนี่ล่ะครับที่เป็นตัวทำให้เราง่วง

โยเกิร์ต ทั้ง ๆ ที่ในโยเกิร์ตนั้นทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโปรตีนแท้ ๆ มันก็น่าจะเป็นผลดีใช่ไหม แต่ว่า โปรตีนที่เราได้รับเข้าไปนี้มันจะไปแยกกรดอะมิโนจากร่างกาย แล้วก็ส่งผลให้เราง่วงได้นั่นเอง

ลองดูนะครับ ใครได้ผลหรือไม่ก็แนะนำกันได้นะครับ ... เครดิตจาก tlcthai.com

68
วันนี้ก็เอาสิ่งที่น่ารักน่าบูชามานะครับ 3 บ. นั่นคือ บัวบังใบ วัดบางแวก นี่เองนะครับ

เป็นแบบเพนท์สีน่ารัก ธรรมชาติ สีออกโทนเล่นสีไล่เข้มอ่อน น่ารักแบบนี้น่าเอามาตกแต่ง

แต่ที่ไหนได้ ขลังอย่าบอกใครเชียว น่ารักแบบนี้ร้ายนะจ้ะ ผมชอบมากครับรุ่นนี้เลยจำเป็น

ที่จะต้องเพนท์ให้ดูน่ารักนะครับ ชอบมากครับ ดูน่ารักแต่เข้มขลังอย่าบอกใครเชียว ...  :089:





69
ของทุกอย่างนี้เป็นอะไรก็พิจารณาเอานะครับ ... ไม่อยากเหลาเดี๋ยวมันแหลม  :089:







อะไรเป็นอะไรคิดเอา ได้ยินว่า สีผึ้งนี้เรียกว่า สีผึ้งเมียเกินสอง ...  :007: :007: :007: :007: :007:

70
รูปเหมือปั้ม หลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง เพิ่งออกมาใหม่ครับ พอดีคนแถวบ้านไปรับมา

เคยขอแบ่งมาบูชา 2 องค์ครับ เนื้อทองแดงกับเนื้อสัมฤทธิ์ เป็นรุ่นแรกครับน่าเก็บมากๆ

นำมาให้ชม 2 เนื้อครับ รันหมายเลขทุกองค์ลายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่างครับ :089:




เนื้อทองแดง



เนื้อสัมฤทธิ์

หลวงพ่อจำลอง เขมนนฺโท วัดเจดีย์แดง จ.อยุธยา

ลำดับที่ รายการ จำนวนสร้าง

๑ รูปเหมือนบูชาหน้าตัก ๕ นี้วทองเหลืองรมดำ สร้าง ๙๙ องค์
๒ รูปเหมือนหล่อเป็นช่อ ๆละ ๙ องค์ สร้าง ๕๙ องค์
๓ รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก เนื้อทองคำ สร้าง ๑๑ องค์
๔ รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก เนื้อเงิน สร้าง ๕๕๒ องค์
๕ รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก เนื้อนวโลหะ สร้าง ๑,๐๐๐ องค์
๖ รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก เนื้อทองแดง สร้าง ๒๕๕๒ องค์
๗ รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก เนื้อสัมฤทธิ์ สร้าง ๒๕๕๒ องค์
๘ พระยอดธง เนื้อเงิน ส้ราง ๙๙๙ องค์
๙ พระยอดธง เนื้อสัมฤทธิ์ สร้าง ๙,๙๙๙ องค์
๑๐ เหรียญทองแดงใบเสมารุ่นฉลองอายุ๘๔ ปี

ทำพิธีพุทธาภิเษกไปเมื่อ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ เวลา ๑๕.๐๙ น.


ปล. รุ่นดังกล่าวเอามาให้ชมทั้งสิ้นไม่รับสั่งจองหรือเช่าบูชา นำมาให้ชมเป็นวิทยาทานเท่านั้น ...  :089:

71
รูปใบนี้คล้องเดี่ยวไปไหนอุ่นใจตลอด ... หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ สาธุ ...  :054:









รูปนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใรจะก๊อบไปบูชาก็ตามใจครับ สาธุ ...  :114:


และขอขอบพระคุณ พี่อเมซิ่ง2511 ที่ให้คำปรึกษาเสมอมา ขอบพระคุณครับพี่ชาย ...  :054:

72
เจอที่บ้าน มันคาบลูกมัน หรือว่ามันกินลูกจั๊กกิ้มน้อยหว่า ...  :062:




73
ขอมอบ MV เพลงหัวใจ ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ผิดหวัง ท้อแท้กับสิ่งที่เจอในชีวิต
และขอให้สู้ต่อไป อย่าหวั่นไหวแก่อุปสรรค์ที่เจอ เรามีชีวิตเพื่อสู้ไม่ใช่เพื่อยอมแพ้
MV ทำดีมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเกิดไรขึ้นขอให้สู้ต่อไปเกิดมาแต่ตัวสูญเสียอะไรก็อย่าไปเสียใจ
ไล่ตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ ดีกว่ามานอนเสียใจนะครับ ..... คลิกเพื่อดู MV ได้เลยครับ ...  :114:


www.youtube.com/watch?v=N9jPJpnh_3A

เนื้อเพลง หัวใจ  ศิลปิน BigAss ....  :114:

น้ำตาเธอหลั่งริน เมื่อสูญสิ้นหมดทุกสิ่ง
เธอพ่ายแพ้ความจริง เหมือนคนไร้ค่า
พายุพัดพาชีวิต แหลกสลายลงในพริบตา
เธอพร้อมที่จะลาหลับใหลชั่วนิรันดร์

เหมือนว่าเธอไม่เหลือที่พึ่งใด ๆ
ทั้งที่เธอยังเหลือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
สิ่งที่มีความหมายมากมายกับเธอ

* อย่างน้อยก็เหลือหัวใจ ที่มันยังคงเต้นอยู่
บอกให้รู้และเตือนว่าเธอยังไม่ตาย
หกล้มก็ลุกขึ้นยืน เจ็บปวดก็ทนเอาไว้
แม้ว่าเธอไม่เหลืออะไร เหลือเพียงหัวใจดวงนี้ก็เพียงพอแล้ว

แขนไม่มีไขว่คว้า และขาไม่มีให้เดิน
แต่เขาพร้อมเผชิญ ไม่ยอมแพ้พ่าย
ชีวิตเหลือเพียงเท่านี้ แต่ความหวังไม่เคยหายไป
ความทุกข์ท้อใด ๆ ก็แพ้ใจของคน

แม้ว่าเธอไม่เหลือที่พึ่งใด ๆ
เธอก็ยังคงเหลือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
สิ่งที่มีความหมายมากมายกับเธอ

ซ้ำ *
อย่างน้อยก็เหลือหัวใจ ที่มันยังคงเต้นอยู่
บอกให้รู้และเตือนว่าเธอยังหายใจ
หกล้มก็ลุกขึ้นยืน เจ็บปวดก็ทนเอาไว้
แม้ว่าเธอไม่เหลืออะไร เหลือเพียงหัวใจดวงนี้ก็เพียงพอแล้ว

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมจำนน
คนทุกคนยังเหลือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
วันนี้มันจะเป็นยังไงต้องไม่ยอมแพ้
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมจำนน
ใจของคนดวงนี้นั้นแสนยิ่งใหญ่
พรุ่งนี้เราจะเดินไป ไม่ท้อไม่ยอมแพ้

74
บางทีคนเรามันสิ้นหวังท้อแท้กับเรื่องบางเรื่อง บางคนหนีปัญหา บางคนไม่เคยคิดจะสู้

บางคนเลือกหนีด้วยการฆ่าตัวตาย บางคนจบชีวิตลง แต่บางคนสู้ สู้ที่จะเจอชีวิตต่อไป

ในบางครั้งคนเราไม่มีทางเลือกที่จะเลือกเดินต่อไป แต่เรายังเลือกที่จะต้องสู้ได้นิครับ

การที่เราเจออุปสรรค์ต่างๆ อย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่า ตอนมีอุปสรรค์กับไม่มีมันต่างกันอย่างไร

ท่านเคยเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นไหมครับ เคยเห็นเด็กตัวเล็กๆ หกล้มหรือปล่าวครับ ...

คุณมองเห็นอะไร
... เด็กที่ล้มลงไม่มีเด็กคนไหนล้มแล้วก้มหน้านอนร้องไห้ข้ามวันข้ามคืนหรอกครับ

เด็กที่ล้มลงอาจจะร้องไห้บ้างเขาก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดแค่ชั่วคราว เด็กตัวน้อยๆ ก็จะลุกมาวิ่งเล่นต่อ

โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เขาหกล้มไปแม้แต่น้อยเด็กคนนั้นยังพร้อมเล่นต่อไป คุณมองเห็นอะไรครับ ....


ผมมองเห็นคนที่สู้กับสิ่งที่เจอ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน เรามีสิทธิ์ที่ลุกสู้ต่อไป

ไม่มีใครพยุง ไม่มีใครดึงมือ เราต้องลุกด้วยตัวเองให้ได้ครับ สู้ๆ ครับ ...




                                                                        BY    โจรสลัด   ....  :114:

75
บาร์เซโลน่า (สเปน)

คุณ <กัญชสโรธิน>                <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว
คุณ DEKDOY                      << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว          << ได้รับซองแล้ว     จัดส่งแล้ว
คุณ chatsmm                     << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว         << ได้รับซองแล้ว      จัดส่งแล้ว
คุณ leo                              << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว          << ได้รับซองแล้ว     จัดส่งแล้ว
คุณ sak1459                     << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว          << ได้รับซองแล้ว      จัดส่งแล้ว   
คุณ Ruch N ฯ                      << สละสิทธิ์
คุณ MooTun                       <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว          << ได้รับซองแล้ว      จัดส่งแล้ว
คุณ Pig Newer Die                <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว
คุณ ขุนส่อง                           << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว        << ได้รับซองแล้ว      จัดส่งแล้ว
คุณ ผู้ชนะสิบทิศ                    <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว
คุณ khing09                       <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว          << ได้รับซองแล้ว      จัดส่งแล้ว
คุณ novaimmage                <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว          << ได้รับซองแล้ว      จัดส่งแล้ว
คุณ อชิตะ                             << สละสิทธิ์



คุณ นิติพงษ์ RE504592687TH
คุณ กานต์ RE504592695TH
คุณ สันติ RE504592700TH
คุณ จักรนกริศน์ RE504566395TH
คุณ สุรศักดิ์ RE504566466TH
คุณ จีรศักดิ์ RE504566452TH
คุณ คมสัน RE504566449TH


ผมว่า ผมตกชื่อใครไปนะครับ แต่ของส่งหมดแล้วครับ ตกใครบอกด้วยนะครับ

ได้รับของกันแล้ว โปรดยืนยันโพสบอกด้วยครับ เป็นห่วงว่าของจะถึงไหม ...  :114:

76
กราบนมัสการ หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย ครับ ....  :054:







เสือทองแดงรุ่น ปลดหนี้ มีประสบการณ์มากมายครับ ทั้งคงกะพันมหาอำนาจครับนิยมมากแล้วมีเก๊ด้วยนะครับ

รุ่นนี้ พ่อ ผมเกิดประสบการณ์กับตนเองเลยครับ พอดีพ่อรับราชการอยู่ ไม่ถูกกับรองหัวหน้า เพราะรองชอบว่า

หาว่าประจบหัวหน้า เพราะซ่อมรถให้หัวหน้าบ่อย (คนอื่นๆ ซ่อมไม่เป็น) พอมาวันนึง หัวหน้าย้าย ก็เข้าใจว่า

จะโดนรองหัวหน้าแกล้งเรื่องการงาน เลยอาราธนา เสือรุ่นนี้เหน็บไปด้วย ปรากฏว่า รองหัวหน้า(หัวหน้าปัจจุบัน)

คุยกันด้วยดีตลอดเลยครับ ไม่มีว่าอะไรเลยสักคำ จากนั้น พ่อผมเลยอาราธนาติดตัวตลอดเวลาครับ ....  :114:





เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย ครับ ประสบการณ์เยอะเช่นกันนะครับ

เหรียญซ้ายสุดคือ เหรียญทองแดงหลังยันต์นูนครับ (สร้างไม่น่าจะถึงพันเหรียญ)
เหรียญกลางคือ เนื้อเงินลองพิมพ์ครับ (เนื้อนี้จะมีแต่ยันต์นูนเท่านั้น)
เหรียญขวาสุดคือ เหรียญทองแดงหลังเรียบ ครับ






เหรียญ ทบ.๑ รุ่นนี้ประสบการณ์หนาหูมากๆ เช่นกันครับ งามสุดๆ ...



เปิดตำนาน เหรียญหน้ามังกร สุดหายาก ของหลวงพ่อประเทือง เลยครับ หายากมากครับรุ่นนี้ ...  :016:

77
ช่วยยืนยันชื่อที่ใช้ในการรับของรางวัลด้วยนะครับ

บาร์เซโลน่า (สเปน)

คุณ <กัญชสโรธิน>                <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว
คุณ DEKDOY                      << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว      << ได้รับซองแล้ว     ส่งแล้ว
คุณ chatsmm                     << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว     << ได้รับซองแล้ว      ส่งแล้ว
คุณ leo                              << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว      << ได้รับซองแล้ว    เตรียมจัดส่ง
คุณ sak1459                     << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว      << ได้รับซองแล้ว     ส่งแล้ว    
คุณ Ruch N ฯ                      << สละสิทธิ์
คุณ MooTun                       <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว    << ได้รับซองแล้ว     ส่งแล้ว
คุณ Pig Newer Die                <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว
คุณ ขุนส่อง                           << ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว  << ได้รับซองแล้ว เตรียมจัดส่ง
คุณ ผู้ชนะสิบทิศ                    <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว
คุณ khing09                       <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว   << ได้รับซองแล้ว เตรียมจัดส่ง
คุณ novaimmage                <<ยื่นคำขอแล้ว ส่ง PM แล้ว   << ได้รับซองแล้ว  เตรียมจัดส่ง
คุณ อชิตะ                             << สละสิทธิ์



ใช้ชื่ออะไรขอรับสิทธิ์ครับ รบกวนแจ้งอีกทีด้วยครับ ถ้าข้อมูลครบแล้ว วันจันทร์จะจัดส่งของให้ครับ

และยังเปิดรับซองอยู่นะครับ รีบๆ ส่งกันเข้ามาครับ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้แจกรางวัลครั้งนี้ ...  :089:

78
แหวนไม่ทราบที่ ผมว่าคุ้นๆ นะครับ แต่คิดไม่ออก คล้ายของหลวงพ่อกวย แต่ไม่น่าใช่ครับ

ใครทราบช่วยบอกทีครับ มีมา 2 องค์ให้ดู ขอบคุณมากครับ .......  :114:









น่าจะเป็นงบน้ำอ้อย หลังราหู ไม่ทราบที่ครับ




79
รัชกาลที่ ๕ หลวงยันต์ดวง สวยมากครับ หลวงพ่อเปิ่นปลุกเสก น่าใช้ ...  :095:

มี 2 ขนาดด้วยครับ ละเอียดสวยมากเลย ...  :016:







80
ฤาษีเลี้ยงลิงจ๋อ วัดสุทัศ จัดสร้างครับ สวยแปลกไปอีกแบบ เลยนำมาให้ชมเป้นวิทยาทานครับ ...  :016:








81


ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ
แมนฯยูไนเต็ด (แชมป์พรีเมียร์ลีก) vs บาร์เซโลน่า (แชมป์ลาลีกา)....(01.45 น.)
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก้, กรุงโรม



รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
                แมนฯยูไนเต็ด (4-3-3) : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - ไมเคิ่ล คาร์ริค, พอล สโคลส์ (ไรอัน กิ๊กส์), อันแดร์สัน - คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, พาร์ค ชี ซอง
                บาร์เซโลน่า (4-3-3) : บิคตอร์ บัลเดส - การ์เลส ปูโยล, เกราร์ด ปีเก้, ยาย่า ตูเร่, เซย์ดู เกอิต้า - อันเดรส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์กิโอ บาสเกวต - ลิโอเนล เมสซี่, ซามูเอล เอโต้, เธียร์รี่ อองรี (โบยัน เกร์กิช)

82
หลวงปู่แย้ม เมตตามากจนผมประทับใจมากๆ เลยครับ จารผ้ายันต์กระเป๋าใส่เงินให้ด้วย ...  :114:





ชานหมาก ติดเกศา  :090:





หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม เมตตากระผมมากครับ ....  :054:








PS. วัตถุมงคลดั่งกล่าวยังมีให้ที่วัดหาไม่ยากครับ ก่อนถ่ายรูปหลงปู่อย่าลืมปิดแฟลชด้วยนะครับ ...  :089:

83
รูปหล่อก้นลายเซ็นต์ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี งามมากๆ

มีมาให้ชมทั้งทองเหลือง ทองแดง นะครับผม ผมชอบก้นลายเซ็นต์แบบนี้จัง งามมักมาก ...  :016:



มาเริ่มกันด้วยทองเหลืองดีกว่านะครับ ...  :114:












ต่อกันด้วยทองแดงเลยนะครับ ....  :114:








84
วันนี้ว่างๆ เลยขอถ่ายรูปหนุมานสะกดทัพของผม มาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้ชมกันนะครับ องค์นี้เนื้อเงิน

สร้างเพียง 999 องค์เท่านั้น นะครับ สวยดีครับ ต่อด้วยประวัติการสร้างกันเลยนะครับผม ...  :114:


หนุมานสะกดทัพลังกาสุกะ อาจารย์แดง วัดไร่
กำลังได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมากอยู่ในขณะนี้ เครื่องรางของขลัง "หนุมานสะกดทัพลังกาสุกะ" ผลงานของพระอาจารย์แดง โอภาโส วัดไร่ จ.ปัตตานี พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าตำรับตะกรุดปลอกลูกปืนอันลือลั่น
"หนุมานสะกดทัพลังกาสุกะ" สร้างจากเค้าโครงเรื่องรามเกียรติ์ พระเอกของเรื่อง พระราม คือ พระนารายณ์อวตาลลงมาเกิดเพื่อปราบอสูรและยักษ์ฝ่ายอธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้มีความชั่วร้ายกระทำสิ่งที่ผิดๆ แม้จะมีความเก่งกล้าสักเพียงใดก็ต้องพ่ายแพ้แก่ฝ่ายผู้ที่กระทำความดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้ฝ่ายธรรมะจะมีกำลังน้อยกว่าก็ตาม



วีรบุรุษของเรื่องคือ "พระราม" กษัตริย์ผู้ปกครองด้วยคุณธรรมเป็นลูกที่มีความกตัญญู เป็นสามีที่ดี โดยมี "หนุมาน" ทหารเอกผู้มีฤทธิ์มากเป็นผู้ปฏิบัติการในการนำทัพทำให้พระรามรบชนะต่อทศกัณฐ์ในที่สุด
 
ต่อมาเมื่อศาสนาฮินดูได้เผยแผ่เข้ามาสู่ประเทศไทยจึงได้มีการสร้างรูปจำลองหนุมานขึ้น เป็นเครื่องรางเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแห่งชัยชนะและความสำเร็จตลอดกาล หนุมาน หรือพญาอนุชิตจักรกฤษพิพัทพงศา เป็นลิงเผือก (กายสีทอง) มีลักษณะพิเศษคือมีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกายหายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพันแม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นขึ้นได้อีก เพราะหนุมานเป็นลูกของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ



โดยกล่าวว่าเมื่อครั้งนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชาให้พระพายนำเทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนางสวาหะ นางสวาหะจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นลิงเผือกเหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน จึงถือว่าพระพาย (ลม) คือพ่อของหนุมาน

ลักษณะที่สำคัญที่สุดของหนุมานคือ เมื่อถวายตัวเป็นทหารเอกของพระรามแล้วมีความจงรักภักดีต่อเจ้านายพระราม โดยทำงานให้อย่างถวายหัวไม่ย่อท้อ แม้งานที่ได้รับมอบหมายจะมีอุปสรรคเพียงใดก็ตาม จะถูกตำหนิหรือทำงานแล้วไม่มีใครเห็นความดีก็จะไม่ย่อท้อ ช่วยพระรามรบกับยักษ์ฝ่ายอธรรมทั้งหลายจนเสร็จสิ้นสงคราม



โบราณาจารย์จึงคิดประดิษฐ์สร้างเครื่องรางเป็นรูปหนุมานจำลองแล้วปลุกเสก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจมอบแก่ลูกศิษย์ลูกหา เป็นเครื่องรางที่ถือว่าสุดยอดแต่อดีตกาล แม้ในยุครัตนโกสินทร์ก็มีคณาจารย์สร้างขึ้นจนโด่งดัง เช่น หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน, หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว เป็นต้น

ส่วน "ลังกาสุกะ" คืออาณาจักรโบราณที่เก่าแก่ของไทย ดังนั้น จึงเชื่อว่าอาณาจักรลังกาสุกะนั้นเป็นอาณาจักรที่เกิดก่อนอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรศรีวิชัย เพื่อเป็นการสืบสานตำนานพิธีกรรมโบราณอันศักดิ์สิทธิ์โดยถือเอาคืนจันทร์วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ตามตำราฤกษ์ พระอาจารย์แดง โอภาโส วัดไร่ จ.ปัตตานี จึงได้จัดสร้างหนุมานทหารเอกของพระรามขึ้น โดยท่านได้ปลุกเสกเดี่ยว 3 วาระ เพื่อเป็นสุดยอดเครื่องรางแห่งชัยชนะและความสำเร็จตลอดกาล ทุกองค์มีโค้ดและหมายเลขกำกับ







ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด ...  :114:

85
ใครที่ท้อแท้สิ้นหวัง โปรดดูนี่แล้วกลับไปคิดใหม่ ... เป็นกำลังใจได้ดีมากเลยครับ

ผมดูแล้ว จากท้อแท้สิ้นหวัง ทำให้ลุกขึ้นสู้ได้เลย เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ครับ ...

ขอให้สู้ต่อไปนะครับ แม้ว่า หนทางสุดท้ายมันจะเป็นทางตัน แต่ก็ยังดีที่ได้เดินต่อไป

คิดสะว่าเราพยายามดีที่สุดแล้วนะครับ ท้อได้แต่ห้ามถอย อนุโมทนา ....  :114:


www.youtube.com/watch?v=N9jPJpnh_3A




ขอขอบพระคุณเว็บ www.youtube.com ที่เอื้อเฟื้อคลิบวีดีโอ ...   :089:

86
จัดส่งเรียบร้อยแล้วเป็น EMS หมายเลข EG 5884 9332 9 TH นะครับ

ลองตรวจสอบดูนะครับผม ส่งให้แล้วจ้า ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับผม ...
 




PS . ได้รับแล้วรบกวนแจ้งด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ...     :089:

87
เราจะเอาผู้โชคดีคันแรก เอ้ย !!! คนแรก เพียงท่านทายว่า ...

รถมอเตอร์ไซ หรือ จักรยานยนต์ ยี่ห้อและรุ่น ใด ที่เป็นที่ 1 ของโลก (มีการวิจัยกันมาแล้ว)

ลองทายกันดูครับ ตอบถูกรับไปเลย ขุนแผนหลังเสือเหลียว หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ .. ปี ๒๕๔๑

สั้นๆ ง่ายๆ หมดเขต รับคำตอบกัน เที่ยงคืน วันที่ 10 พฤษภาคม 2552 นี้นะครับผม ....  :095:



กติกา  1 ท่าน ส่งได้ 1 คำตอบเท่านั้น และเมื่อตอบถูกแล้วให้ส่งซองเปล่าเขียนชื่อที่อยู่ตนเองติดแสตมป์มาครับ ...  :114:

แจกขุนแผนตามรูปกันไปเลยครับ องค์นี้เลยจ้า สำหรับผู้ตอบถูกคนแรก :007:






88
เริ่มจากการฟังพระเทศน์ สวด ให้ศิลให้พร ครับ นั่งกันสบายๆ ยุงน้อยครับ ...  :004:















จะเริ่มสวด กันแล้วนะ



มาเวียนเทียนกันเร๊วววววววว ...  :075:



และแล้ว ไปเจออะไรบางอย่างที่เรียกว่า พระหล่อรูปเหมือน เกจิท่านนี้พี่น้องคงรู้จักกันดี ...  :054:



แล้วเราก็เดินรอบที่สาม กันเลยล่ะกัน สองรอบผ่านไปแล้ว



จบแล้วล่ะ สามรอบ ลงไปข้างล่างแยกย้ายกันกลับบ้านเหอะ....  :069:


89
ตอนนี้ยังหาง่ายอยู่ครับ สำหรับเหรียญหล่อหน้าเสือ หลวงพ่อตัด วัดชายนา รุ่น ๑

ตามกระแสหน่อยนะครับวันนี้ อยากให้ลองชมกันครับ รันหมายเลขทุกองค์ครับ ...  :089:







90


"เหล็กไหล" เป็น "ธาตุกายสิทธิ์" บริสุทธิ์ ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ได้รับการอธิษฐานบรรจุคุณ บรรจุฤทธิ์ โดย "มหาเทพฤาษี" ผู้ทรงฌาณชั้นสูง โดยจัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มี "รังสี" หรือ "พลังปราณ" ที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมบ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง



ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธศวรรษ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ โดยท่านได้อธิฐานจิตขอจากเทพยดา เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา โดยขออนุญาตตัดเหล็กไหล เพื่อนำเงินมาทำนุบำรุงบูรณะวัดพุทไธศวรรษ์ เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 สี ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
1.สีจ้าวน้ำเงิน
2.สีทองท้องปลาไหล
3.สีเงินยวง



และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! โดยเฉพาะพิมพ์พระกริ่งใหญ่ 3 สี 3 วรรณะ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น)

ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง



ซึ่ง "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุด
และจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา (เหล็กไหลชิ้นนี้ หลวงพ่อหวลท่านได้ทำพิธี "เรียกและตัด" ที่ ถ้ำศิลาวารี อ.เถิน จ.ลำปาง) "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ ?อรูปฌาณ? ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

ซึ่ง "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง

พระพญาเหล็กนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครองนะครับ ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครองครับ


วิธีบูชาและการต้อนรับเข้าบ้าน
1. จุดธูป 12 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน
2.ชุดบายศรีหรือถ้าไม่สะดวก ดอกไม้ 1-3 อย่างก็ได้(ดอกมะลิ)
3.น้ำผึ้งถวาย 1 ถ้วย วางด้านข้างไม่ต้องแช่ องค์พญาเหล็กไหลจะเสพกลิ่น เสพรส
4.บูชาทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง นำออกมาอาบแสงจันทร์เพื่อเพิ่มพลัง แล้วให้เสพน้ำผึ้ง
คาถาบูชา "เหล็กไหล"
(ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าตามนี้) *พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ
*สะกะพะจะ บูชาจะมหาบูชา *ขอบูชาท่านผู้ดูแลรักษาธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงฤทธิ์อานุภาพนี้
*อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา
เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี สิ่งดี ๆ ทั้งหลายจงหลั่งไหล เข้ามาหาแก่ตัวข้าพเจ้า
*สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ
*นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
(บูชาอย่างน้อย 3 จบ ทุกๆวัน ก่อนออกจากบ้านเสมอ!!!)



PS. ไม่มีให้บูชาใดใดทั้งสิ้น งด PM สอบถาม และให้สอบถามในกระทู้นี้เท่านั้น ... อนุโมทนา ... :114:


และขอขอบพระคุณ พี่เอกประจวบฯ ที่เอื้อเผื้อข้อมูลและภาพมาให้ ณ ที่นี้ด้วยครับ อนุโมทนา สาธุ ...  :114:

91
โปรดใช้สมองพิจารณา และไม่งมงาย ....  :114: อนุโมทนา


ต้นไพลดำ มีสรรพคุณ เรื่องชื่อในคำว่า คงกะพัน มากครับ ต้นไพลดำต้นนี้หากปลูกในดินปกติแล้ว

ดินจะกลายเป็นสีดำ ครับ ไม่ว่าจะเปลี่ยนดินเท่าไหร่ ดินบริเวณนั้นก็กลายเป็นสีดำ ทำให้งงกันไปทีเดียว

ต้นนี้ถ่ายมาจากหมอเขมรคนหนึ่งครับ เขาปลูกไว้ ต้องเสกน้ำรดต้นไพรดำทุกวัน ไม่งั้นจะไม่โตครับ :054:




เมื่อทำมาเป้นวัตถุมงคลก็จะออกมาเป้นแบบนี้นะครับผม ...  :016:



.... ขอขอบพระคุณข้อมูลและรูปภาพจาก พี่เอกประจวบฯ ... มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ....   :114:

92


ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนสลีก ขณะนี้เป็นรอบ รองชนะเลิศ

1. อาร์เซนอล (อังกฤษ) มีผู้ร่วมทายผลดังนี้

คุณ ชลาพุชะ
คุณ porpar
คุณ derbyrock
คุณ เอ็มเมืองไร่ขิง
คุณ to
คุณ โยคี
คุณ '][รัตนะ]['
คุณ พุงโต
คุณ porvfc(สิบทัศน์)  




2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) มีผู้ร่วมทายผลดังนี้

คุณ หนึ่ง
คุณ berth1999
คุณ tum72
คุณ kaitip
คุณ น้องต้นน้ำ
คุณ CaSaNoVa
คุณ PAE
คุณ motana2008
คุณ Noopui
คุณ nobeeta
คุณ เด็กลาดพร้าว
คุณ ~เสน่ห์จันทร์~
คุณ kkk
คุณ เปรี้ยวปี๊ด
คุณ kongleeha
คุณ ชินจัง
คุณ N!C
คุณ แหวกบาดาล
คุณ เอ๋ย!
คุณ ขงเบ้ง
คุณ สิบทัศ
คุณ ณ.อยุธยา
คุณ Hanu-Marn_Neverdie
คุณ Chotipat
คุณ tom2007
คุณ mawin_14 




3. บาร์เซโลน่า (สเปน) มีผู้ร่วมทายผลดังนี้

คุณ <กัญชสโรธิน>
คุณ DEKDOY
คุณ chatsmm
คุณ leo
คุณ sak1459
คุณ Ruch N ฯ
คุณ Mootum
คุณ Pig Newer Dic
คุณ ขุนส่อง
คุณ ผู้ชนะสิบทิศ
คุณ khing09
คุณ novaimmage
คุณ อชิตะ




4. เชลซี (อังกฤษ)

คุณ santa
คุณ bigtod
คุณ Ogofmayecs
คุณ ack01
คุณ เณรน้อยเส้าหลิน
คุณ J_kirsdda
คุณ TTTUTTT
คุณ gottkung




มีใครเพิ่มเติมอีกไหม ครับ บอลจะแข่งกลางสัปดาห์นี้ ส่งผลทำให้ปิดกระทู้วันอังคารครับผม ...  :114:


ลายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8505.0.html

93
ควันหลง จตุคามรามเทพ รุ่นทรัพย์ไหลมาหลวงพ่อเปิ่น นำฤกษ์ ...  :089:







ฝังตะกรุดครับ



โค๊ต ครับ






94
หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ไปวัดกล้วย ไงครับผม ...  :016:








95
พระกริ่งอุปคุตอุ้มบาตร เนื้อทองสำริด หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จัดสร้างปี ๒๕๔๕ จำนวน ๑,๙๙๙ องค์  :003:



[url=http://image.ohozaa.com/show.php?id=32eb8e0526a4ac53e6dde84857550c73]



96
ปิดตายันต์ยุ่ง ไม่ทราบที่ครับ ใครทราบ ให้ข้อมูลด้วยนะครับ ใครไม่ทราบก็ติชมว่ากันไปจ้า อนุโมทนาครับผม ...  :089:








97
ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ช่วงนี้อากาศร้อนมากครับ มาทายผลฟุตบอลเย็นๆอย่างยูฟ้าคัฟ รับลมร้อนกันเถอะครับ
เกมส์สนุกๆ แถมยังได้ลุ้นรับวัตถุมงคลอีกมากมาย จาก  ~♣~โจรสลัด~♣~ เองนะจ้ะ  .....  :114:


หลายคนแย้ง ไม่ได้ดูบอล จะทำไง อันนี้ก็แล้วแต่ดวงไงครับ

กติกาเลย เราเล่นง่ายๆ ทายผลกันได้จนถึงทันทีที่บอลคู่แรกได้ลงสนามกันแข่งนะจ้ะ

เราจะนับผู้ได้รับรางวัลคือ ผู้ที่เชียร์ทีมใดทีมนึงและทีมนั้นเป็นแชมป์ปีนี้เท่านั้นนะครับ ขอบคุณครับ


ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนสลีก ขณะนี้เป็นรอบ รองชนะเลิศ (4 ทีมสุดท้าย)

1. อาร์เซนอล (อังกฤษ)
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)
3. บาร์เซโลน่า (สเปน)
4. เชลซี (อังกฤษ)


โดย รอบรองชนะเลิศที่จะแข่งกันนั้น เป็นการพบกันระหว่าง

อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
บาร์เซโลน่า พบ เชลซี

แต่ละคู่ จะแข่งกัน 2 นัด เหย้า เืยือน

หาทีมที่ชนะ 2 ทีม เข้าสู่รอบ ชิงชนะเลิศ


PS. ใครตอบถูกมีรางวัลให้ทุกคนนะครับผมไม่จำกัดจำนวน แจกกันไปเลยฟรีๆ  :074:

98
พระบูชา ยุครัตนะ ปางทรงพระโค ถึงจะเสียหายบ้าง อย่างไรก็ยังคงความงามอยู่  :114:

เป็นปางที่หายากที่สุดในชุดพระยุครัตนะ เป็นของคุณย่าของผมเอง

นำมาให้ชมกันเป็นวิทยาทานครับ สาธุ ...  :054:







99
กราบ หลวงปู่รอด วัดสันติกาวาส ศิษย์สาย หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ...  :054:



บรรยากาศทั่วๆ ไปครับ





ห้องน้ำที่วัด ดูธรรมดาๆ ไม่เจริญมากนัก



ไก่ ที่วัดสันติกาวาส หลวงปู่รอด ชอบทำเหรียญยืนไก่ เพราะท่านเกิดปี ระกา (ไก่) ครับ





วัดสันติกาวาส สร้างติดกับแม่น้ำน่าน ณ เมืองสองแคว เมืองอกแตก จ้า


100
ใครคิดสักมังกร โปรดฟัง ... เวลาสักอย่าต่อรองนะจ้ะ ...  :095:

http://media.imeem.com/m/KGd_ZnEJAX/aus=false/

101
เก๊แท้ ฟันธง กัน ไม่แน่ใจอ่ะครับ วอนสายตรง ตีที่และ ปีให้หน่อยนะ แท้ว่าไป เก๊ว่ามา ...  :089:










102
เหรียญครุต หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ปี 19   :016:






เหรียญหลังสิงห์ วัดขนอนเหนือ จำปีไม่ได้ ...  :075:




103
เหรียญ กลกระบี่ นวะโลหะ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ทราบข้อมูลว่า หลวงพี่ญา สร้าง สาธุ ...  :054:



ลิงเหล่านี้กำลังทำอะไรกันบ้างหนอ ...  :058:


105
อยากทราบที่มาพระองค์นี้ใครพอรู้จักขอความรู้ด้วย สาธุ  :089:








106
สมเด็จปลาตะเพียน รุ่นแรก หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ติชมกันได้ครับ ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่รุ่นนี้  :089:






107
ขุนกระบี่ จอมทัพ !!! จัดทัพออกศึก อ.อั้น ฆราวาส วัดท้องไทร  :016:


108
ลายยันต์หมูทองแดง วัดท้องไทร ฝีเข็ม อ.อั้น สาธุ  ...  :016:


109
ภาพงาน ที่วัดพระขาว เล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าพเจ้าถ่ายมาครับ ได้มีโอกาสไปกราบท่านครั้งสุดท้าย

ดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน ที่ท่านได้จากไปเร็ว ดีใจที่ได้กราบท่านอีกครั้ง สาธุ ....  :054:








สุขใจที่ได้กราบอีกครั้ง ... ขอร่วมไว้อาลัย ณ ที่นี้ด้วย อนุโมทนา สาธุ ...  :054:






ที่หายไปนานไม่ได้ไปไหนครับ มีเหตุให้เรียน ซัมเมอร์อยู่ที่เทคนิคพระนครศรีอยุธยา

เวลาตกเย็น ที่พักก็ใกล้วัดพระขาว ก็เลยมีโอกาสได้ไปกราบครับ สาธุ ...  :114:

110
คนที่ลงยันต์หมึกทั้งตัวน่ะครับ ท่านลงยันต์ต่างๆ มาหมดแล้ว เช่นเสือ สิงห์กระทิง แรด

ท่านลืมอะไรกันไปหรือปล่าว ตามที่ท่านสักทั้งตัวนั้น ท่านก็ย่อมคิดว่า ใครจะว่าอะไรล่ะ

เนื้อหนังของข้า ใครจะทำไม จะว่าอะไร เกี่ยวอะไรด้วย จะสักแล้วทำไมอ่ะ ??

แต่ลืมคิดไปหรือปล่าว ที่จะสักยันต์ " พ่อ - แม่ " ไว้ บน อกซ้ายขวา ของท่านครับ

อย่าลืมว่า พ่อ แม่ ท่านก็คือ พระองค์หนึ่งของลูกๆ ทั้งหลาย ท่านก็คือ เนื้อหนังส่วนหนึ่ง

ของร่างกายเรา ท่านก็คือหุ้นส่วนชีวิตเรา เป็นผู้ที่มีแต่ให้ ให้เราได้เกิดและโตขึ้นมา

เราใช้เนื้อหนังในการสักยันต์ ทำไมเราไม่จารึกผู้ที่ให้เนื้อหนัง เรามาสักยันต์ล่ะครับ

เราควรคำนึงไว้บ้าง  .... สาธุ ความเห็นส่วนบุคคล ใช้วิจรณญาณในการอ่านชม สาธุ ....  :114:

111
ขนาดเล็กน้อยใหญ่กว่าเก้าอี้ไซด์มาตรฐาน ตามร้านค้าทั่วไปครับ  :095: สวยมากครับ

ได้มาเท่ากับฉลองวันไหว้ครูเลย พี่ชายผู้เมตตาท่านหนึ่งให้มาบูชาครับ สาธุ  :054:

ใต้ฐานเทดิน ครับ ศิลป์สวยดี นั่งหางสะด้วยครับ ... คงถูกใจไม่มากก็น้อยนะพี่น้อง  :089:









112
พรุ่งนี้แล้วสินะครับ ที่เราหลายๆ คนจะไปไหว้ครูบูรพาจารย์ กัน ขอให้มีแต่ความสุขกันครับ

ปีนี้น่าจะร้อนกว่าเก่าเพราะทางวัดได้ลง ยางมะตอยกันไว้แล้ว พื้นร้อนแน่ๆ ครับ แต่ก็ดี

ฝุ่นจะได้ไม่คุ้งเหมือนปีก่อนๆ ปีนี้ก็เป็นปีที่ผมไปไหว้ครูอีกปีนึง ปีที่แล้วมา ทุกครั้งที่ไปไหว้ครู

ก็คิดว่า คนเยอะขึ้นกว่าเดิม ทุกปีๆ เป็นนิมิตรหมายที่ดี ครับว่า ศิษย์พี่น้องของเรามีเยอะขึ้นครับ

ขอให้ทำอะไรในวันนั้นมีเหตุผลกันหน่อยนะครับผม เพราะปีที่แล้ว ผมก็เห็นว่า คนของขึ้น

วิ่งไปชนอีกคน แล้วเขาลุกมาต่อยคนของขึ้น อ่ะครับ ไม่อยากให้ปีนี้เกิดภาพแบบนั้นอีกครับ

เราเป็นศิษย์หลวงพ่อเปิ่น อยู่ต่อหน้ารูปหล่อแท้ๆ ไม่ดีแน่ครับผม ถ้าใครนัดเจอกันก็นัดดีดี

ที่วัดนั้น คนเยอะแยะมากครับ ยากต่อการนัดเจอ ไหว้ครูเสร็จ พรหมน้ำมนต์ทีไร คนก็วิ่งกรูเข้าไป

หลังจากนั้น โทรศัพท์แทบโทรไม่ติดเลยครับ เพราะว่า คนแย่งกันโทรหมด คลื่นหายไปเลย เหอะๆ

ขอให้เดินทางปลอดภัยทุกท่านครับ ท่านที่มาจากแดนไกล ก็เชิญนั่งดื่มน้ำเย็นๆ ชมวิวริมน้ำก่อน

คนที่ไปมาทุกปีก็ขอให้มีความสุข ความเจริญก้าวหน้า ตามที่ได้ตั้งความหวังไว้ มีความสุข

ในยุคสมัยแบบนั้น ที่มีแต่ความวุ่นวาย ยึดถือหลวงพ่อเป็นหลัก ครูอาจารย์เป็นหลัก

หาความสุข ได้แล้วครับ เข้าวัดเข้าวา แบบที่พี่แอ๊ดบอก ทุกหรือสุข อยู่ที่ใจ ฮ่าๆๆๆๆ  13;

113
หนุมานเกี้ยวนางมัจฉา โดย อาจารย์หนวด ณ กุฏิหลวงพี่ต้อย วัดบางพระ จ้า

สวยมากๆ แม้แต่เกล็ดปลา ท่านก็บรรจง ลงเข็มได้ดีมากครับ กราบขอบพระคุณ อาจารย์หนวด ครับ  :054:




114
ฝีเข็มโดย อาจารย์อั้น แห่งท้องไทร เป็นพิมพ์ทรงเครื่องครับ

ยอมรับเลยว่า งามมากๆ ครับ สักไม่นานเท่าไหร่แต่ออกมาสวยครับ ...  :114:



116
ขอความเห็นพี่น้อง เรื่องการคลี่ตะกรุด พร้อมเหตุและผล มาด้วยครับ อยากทราบเหตุผลแต่ละคน

ว่ามีความเชื่อแตกต่างกันอย่างไรมั่งครับ ไม่ต้องตามใครนะครับ ตามใจตัวเองไว้ครับ ...  :114:



PS. เหตุผลดีถูกต้องตามข้อเท็จจริงมีรางวัลให้จ้า  :007:


117
องค์นี้ ได้มาจากพี่ อเมซิ่ง ครับ ประทับใจการเจอครั้งแรกมากครับพี่ ไม่เคยลืมเลยครับ

ขอบคุณครับที่พี่ให้คำปรึกษา ให้ความรู้ผมมาโดยตลอด และยังเป็นพี่ชายที่ดีสำหรับผมเสมอ

ของทุกชิ้นที่พี่เมตตาผมมา ก็ยังเก็บไว้เสมอ เบี้ยแก้ก็ได้ช่วยชีวิตผมและเพื่อนไว้อีกด้วย ขอขอบคุณครับ  :114:











ขอขอบคุณพี่ต้น มากครับ ที่ได้นำพาเที่ยวพิพิธภัณ หลวงพ่อเปิ่น

และยังเมตตาหนังสือที่ระลึกหลวงพ่อเปิ่น เพื่อช่วยเหลือทางวัด   :114:







ของพ่อผมเอง  :075:






ขอขอบคุณ พี่โจ้ มากครับ องค์นี้สวยมากทีเดียวครับ ขอขอบคุณพี่ที่เคยพาเที่ยววัด

และยังทำให้ผมเป็นคนตรงต่อเวลาเวลานัดไม่สายเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังให้คำปรึกษา

อาหารมื้อเย็นหลังจากไปเที่ยววัดที่ผมไปเที่ยวบ้านพี่ ยังไม่ลืมเลือนครับ ยังระลึกถึงเสมอมา

ขอบคุณพี่ชายคนนี้มากครับ ....   :114:







ขอขอบคุณพี่อาชิตะ (พี่เมฆ) มากๆ ครับที่เมตตาให้กระผมมา ดอกนี้ติดตัวตลอดหากไปไหนไกลบ้าน

พี่ให้ความรู้ และมีพระคุณต่อกระผม สิ่งตอบแทนที่ให้ไปนั้น ยังไม่เพียงพอเท่าที่พี่ให้ผมมา ขอขอบคุณครับ






ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพี่ญา มากครับ ที่เมตตากระผม ในทุกๆ เรื่องที่ได้เรียนขอไป

และยังสนับสนุนอีกด้วย กระผมขอกราบขอบพระคุณมากครับ และกราบขออภัยในสิ่งที่

กระผมได้ทำผิดพลาดไป กราบขออภัยครับ . . . .  :054:


118
สวยมากครับ ..  :114:



หนังช้างที่นำมาประกอบพิธี ใช้เหล็กตอก จนพรุนเลยครับ  :016:



ด้านซ้ายมือคือหนังช้างที่นำมาทำ ด้านขวาคือหนังช้างตัวเดียวกันนี่เองแต่ไม่ได้นำมากตอกหนัง

ถ้านำมาตอกตอนนี้คงเป็นขึ้เถ้ากันไปแล้วครับ แบบนั้น ผมจับดูแข็งโป้กมากๆ ครับ.....  :089:



119
วัตถุมงคล ที่เช่าได้จากวัด ณ ตอนนี้ และวันไหว้ครูก็ยังมีให้บูชาอีก ติดตามเช่าหากันได้ที่กุฏิใหญ่ริมน้ำครับ :114:


120
กราบขอบพระคุณ อาจารย์หนวด จากใจจริงครับ อาจารย์ท่านเมตตากระผมมาก

ท่านใจดี คุยกันเองมากครับ ไว้จะไปสักอีกนะครับ ขอบพระคุณครับ...  :114:



121


ก่อนเข้าสักยันต์ ตามกุฏิต่างๆ นั้น ช่วยกันหน่อยนะครับ กรุณา ปิดเสียงมือถือ หรือปิดเครื่อง ท่านสักนิดนึง

เพื่อจะได้ไม่รบกวนพระอาจารย์ ที่สัก เวลาคนโทรมา ผมเห็น แทบทุกครั้ง บ้างก็มาอย่างกับคณะกลองยาวเลยครับ

ก็เข้าใจว่าอาจจะมีธุระจริงๆ ก็ตั้งสั่นไว้ก็ได้ครับ บางครั้งเจอ ตึ๊ง ตึง ตึ๊ง .. ตึกตึ๊ก ตึกตึ๊ก ..  ด้วย

พระอาจารย์ ท่านก็เกรงใจ ไม่ค่อยว่าอะไร ผมเลยคิดว่าเราชาวเว็บ วัดบางพระ

ช่วยกันสักนิดนึง เพื่อให้เกียติพระอาจารย์ ทุกท่าน ที่สละเวลาทำกิจ เพื่อมาสักให้ท่านทั้งหลาย

และเพื่อที่จะไม่มีเสียงรบกวนเวลาตั้งสมาธิรับบารมีจากพระอาจารย์ และหลวงพ่อเปิ่น ครับผม ขอบคุณครับ ...
  :114:

122
? ยอดของยันต์ ? ที่มีความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ 9 ทาง ดังจะผูกเป็นวลี 9 ทางดังนี้
? ชาตรี - แคล้วคลาด - กันภัย - มหาระงับ - ดับทุกข์ - สุขล้น - พ้นสงสาร - การงานรุ่ง ?พยุงดวง ?



ยอดที่ ๑ ชาตรี : โดนของหนัก ของเบา ของแหลม ของคม ไม่ระคายผิว

ยอดที่๒ แคล้วคลาด : ศัตรูหมู่มารเหตุเพศภัยอันใดแคล้วคลาดผ่านพ้นจากเราไปหมด

ยอดที่๓ กันภัย : ภัยจากทิศทั้ง 4 บนบก บนน้ำ บนอากาศ ทำอันตรายเรามิได้

ยอดที่๔ มหาระงับ : ดับเรื่องร้อนเลวร้ายขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นความเป็นคดีระงับดับหมดทุกเรื่อง

ยอดที่๕ ดับทุกข์ : ทุกข์ภัยที่เกิดกับตัวลำบากยากจนหน้าดำคล้ำหมอง หายจืดจางไป

ยอดที่๖ สุขล้น : ทวีความผาสุก เกษมสำราญ ทั้งสุขภาพจิต สุขภาพใจ

ยอดที่๗ พ้นสงสาร : จิตเกาะเกี่ยวกับธรรมคุณความดีงามละชั่วประพฤติเลว ทำดีตลอดไป

ยอดที่๘ การงานรุ่ง : หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า เจ้านายรักลูกน้องหนุน เพื่อนร่วมงานดี

ยอดที่๙ พยุงดวง : แก้ทุกข์ภัยจากการกระทำของดวงตก ดวงไม่ดี เคราะห์เวรกรรม บรรเทาลงโดยพลัน
  :114:

123
ข้อคิดดี ๆ จาก พระอาจารย์อ๊อด วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


โชคชะตาบันดาลให้ไม่ได้ทุก ๆ คนเราต้องช่วยตัวเองก่อน.......................( 33.3 % )

บุญทานบารมีกรรมที่สร้างไว้แต่ชาติปางก่อนช่วยได้...............................( 33.3 % )

โชคชะตา ฤกษ์ผานาที ดวง ดาว และครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ...........( 33.3 % )

โลกธาตุ.................................................................................( 0.1 % )



124
อ่านเจอในหนังสือ ขี้เกียจพิมพ์ เลยถ่ายรูปมาให้อ่านกันเสียเลย

ขาดหายบ้างนึกกันเอาเองนะครับ  :095: ผมเยี่ยมมากเลย  :016:



125
วันโกนวันพระนั้น เป็นวันทีสำคัญมากสำหรับสมัยก่อน เพราะถือเป็นวันหยุด และ เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนเดินทางไปทำบุญที่วัด ฝ่ายทางพระก็จะมีการปลงผม ลงฟังพระปาติโมกข์ ทบทวนศีล 227 ข้อ

แต่ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 มีติดต่อกับประเทศทางตะวันตกมากขึ้น จึงมีการปรับเปลี่ยนไปใช้ปฏิทินแบบสุริยคติ แทน จันทรคติ ซึ่งชาวไทยใช้แบบจันทรคติมาแต่โบราณกาล คือ

แบบสุริยคติ ถือเอา พระอาทิตย์เป็นหลัก มีการหยุด วันเสาร์ อาทิตย์ แบบชาวตะวันตก เพราะ อิทธิพลของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือว่า วันสุดสัปดาห์เป็นวันพักผ่อน เพราะไบเบิลบันทึกว่า วันอาทิตย์ เป็นวันพักผ่อนของพระผู้เป็นเจ้าหลังจากที่ทรงสร้างโลกมา

แบบจันทรคติ ถือเอา พระจันทร์เป็นหลัก มีการดูข้างขึ้น ข้างแรม ดูความเว้าแหว่งของดวงจันทร์ แล้ว กำหนดว่า วันไหนเป็น วันเพ็ญ วันข้างขึ้น วันข้างแรม วันกี่ค่ำ

แต่เมื่อประเทศไทยเข้าสู่เวทีโลก มีการเปิดประเทศ ติดต่อ ค้าขาย กับชาติตะวันตก ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักการ นับวัน นับคืน เป็นแบบยุโรปตามไปด้วย หรือ ก็คือ นำเอาปฎิทินแบบสุริยคติมาใช้นั่นเอง

ดังนั้นจะว่าไปปฎิทินแบบสุริยคติเลยกลายเป็นปฏิทินสากลที่ทั่วโลกยอมรับใช้กันอยู่ ในการติดต่อสื่อสาร ทำมาค้าขายในปัจจุบัน และ ปฎิทินแบบจันทรคติก็ค่อยๆ ลดบทบาทลง จนกระทั่งเป็นปฎิทินที่ใช้ในทางพระพุทธศาสนา ดูวันโกน วันพระ วันเพ็ญ และ ใช้ในทางโหราศาสตร์ ไปโดยปริยาย ไม่สามารถนำปฏิทินจันทรคติมาอ้างอิงในการติดต่อสื่อสาร ทำมาค้าขาย กับสากลโลกได้อีกต่อไป




พระพุทธเจ้า ประทับ ณ ภูเขาคิชกูฏ กรุงราชคฤห์ ในครั้งนั้น พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ พอถึงวัน๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๘ ค่ำ ประชุมกันกล่าวธรรม ชาวบ้านต่างพากันไปฟังธรรมกันด้วยความเลื่อมใส พระเจ้าพิมพิสาร ทรงดำริว่า พวกเดียรถีย์นอกพุทธศาสนา ประชุมกันแสดงธรรม ในวัน๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๘ ค่ำ เป็นที่นิยมเลื่อมใสของประชาชนถ้าพระคุณเจ้าทั้งหลายจะกระทำเช่นนั้นบ้าง ก็จะได้รับความเลื่อมใส จากเหล่าชาวบ้านเช่นเดียวกัน จึงทรงนำพระดำรินี้ ขึ้นทูลพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าจึงประชุมสงฆ์ แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า...

"ภิกษุทั้งหลายเราอนุญาติให้ประชุมกันในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์"
ในครั้งนั้น พวกภิกษุประชุมกันแล้วพากันนิ่งเฉยหมด ชาวบ้านเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้น พากันตำหนิว่า ภิกษุเหล่านี้ ประชุมกันในวันพระแล้ว ทำไมจึงนั่งนิ่งเหมือนหมูอ้วนเล่า ธรรมเนียมของภิกษุประชุมกันควรผู้แสดงธรรมมิใช่หรือ
พระพุทธเจ้าทรงทราบ จึงทรงอนุญาติให้มีการแสดงธรรมในวันพระ และต่อมาทรงเห็นว่า ควรจะนำเอาศีล ๒๒๗ ข้อของภิกษุ มาแสดงในวัน๑๔ หรือ ๑๕ค่ำ อันเป็นวันอุโบสถ ที่เรียกว่าปาติโมกข์ด้วย จึงเป็นประเพณีนับตั้งแต่นั้นมา
อุโบสถขันธกะ วินัย ๔/๑๙๕

126
พระปรกใบมะขาม ที่ระลึก 50 ปี ธรรมศาสตร์ หลังภปร.ตอกโค๊ด เป็นพระปรกใบมะขามขนาดเล็กที่ได้รับพระราชทาน"ภปร."เป็นครั้งแรกรุ่นแรกและรุ่นเดียวเท่านั้น...
ด้านหน้าเหรียญเป็นองค์พระจำลองพระพุทธสิหิงค์ ด้านหลังเป็นตราพระนามาภิไตยย่อ ภปร. ๕๐ ปีธม.ตอกโค๊ดตัวเดียวและสองตัว...
มีประกอบพิธี 3 วาระ คือ...
วาระที่ 1.เมื่อวันที่ 17-18/10/2527 พิธีใหญ่สร้างพร้อมกับกริ่งธม.50 ปี..รุ่นแรก...
วาระที่ 2.พิธีใหญ่วันที่ 01/12/2528 ณ.หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ ...
วาระที่ 3.พิธีใหญ่ในวันที่ 29/06/2537พร้อมกับกริ่งธม.60 ปี ณ.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยได้กราบบังคมทูล ในหลวงเสด็จมาเป็นประธานในพิธี...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุหร่าย...สมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนชัยและมีพระคณาจารย์สายกรรมฐานวัดป่าและพระเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศนั่งปรกปลุกเสก โดยมี หลวงพ่ออุตตมะดับเทียนชัย...
ในพิธีรวมทั้ง 3 วาระมีพระคณาจารย์ฯสายกองทัพธรรม จากภาคอีสานมาร่วมพิธีปลุกเสกและพระเกจิดังๆจากทั่วทุกภาคอีกจำนวนมากมายมีรายนามดังต่อไปนี้...

1.สมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนชัย ..
2.หลวงปู่หลอด วัดสิริกมลวาส ..
3.พระครูอุดมสังวรคุณ วัดบรมนิวาส ..
4.พระอาจารย์ประทีป วัดเชิงเลน ..
5.พระเทพวัชรธรรมาภร(ลพ.สุรพงษ์) วัดตรีทศเทพ ..
6.พระปริยัติมุนี (หลวงพ่อชูศักดิ์) วัดหงส์รัตนาราม ..
7.พระญาณสมโพธิ (หลวงพ่อขวัญ) วัดอรุณฯ ..
8.พระครูปริยัติคุณาธาร(ลพ.อัมพร)วัดชนะสงคราม ..
9.พระราชวัฒนาพระ(หลวงพ่อฟู)วัดเวฬุราชิณ ..
10.พระราชปริยัติวิธาน (ลป.บุศย์) วัดดาวดึงษาราม ..
11.พระครูพิศาลพัฒนาพิธาน(ลพ.สมชาย)วัดปริวาศ ..
12.พระสมุห์วีระ วัดอัปสรสวรรค์ ..
13.พระอาจารย์ทอง วัดอโศการาม ..
14.พระอาจารย์เริ่มชัย วัดอโศการาม ..
15.หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย ..
16.หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ..
17.หลวงปู่สาย วัดขนอนใต้ ..
18.หลวงพ่อมี วักมารวิชัย ..
19.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา ..
20.หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ..
21.หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรย์ ..
22.หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ ..
23.หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม ..
24.พระราชสุทธิญาณมงคล(ลพ.จรัญ)วัดอัมพวัน..
25.หลวงปู่มหาทองใบ วัดอบทม..
26.หลวงพ่อจาง วัดนครเนื่องเขต ..
27.พระอธิการสมชาย วัดโพรงอากาศ..
28.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ..
29.พระครูสมุห์อวยพร วัดดอนยายหอม..
30.หลวงพ่อผล วัดดักคะนน..
31.หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ..
32.หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ..
33.หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ..
34.หลวงพ่อดี วัดพระรูป ..
35.หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง ..
36.หลวงปู่สวิง วัดเสาธงทอง..
37.หลวงพ่ออุตมะ วัดวังก์วิเวการาม..
38.หลวงปู่ผล สำนักสงฆ์เขารักษ์ ..
39.พระอาจารย์สาคร วัดเวฬุวัน..
40.หลวงปู่เหล็ง วัดโคกเพาะ ..
41.หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา..
42.พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก ..
43.พระอาจารย์หนู วัดดอยแม่ปั๋ง ..
44.หลวงพ่อทองอินทร์ วัดสันติธรรม ..
45.พระอาจารย์เจริญ สำนักสงฆ์ถ้ำปากเพียง ..
46.พระกฤษดา วัดโรงธรรมสามัคคี..
47.พระอาจารย์วิชัย วัดถ้ำผาจม ..
48.พระอาจารย์เพ็ง วัดเทิงเสาหิน..
49.หลวงปู่แว่น วัดถ้ำพระสบาย ..
50.หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ..
51.พระอาจารย์ทองสุก วัดอนาลโย..
52.พระอาจารย์ไพบูลย์ วัดอนาลโย..
53.หลวงปู่จันทรา วัดป่าเขาน้อย
54.หลวงปู่อ่ำ วัดป่าเขาน้อย..
55.พระอาจารย์สมบูรณ์ วัดป่าสมบูรณ์ธรรม..
56.พระอาจารย์จิรวัฒน์ วัดป่าไชยชุมพล..
57.พระอาจารย์พรหมมี วัดป่าสามัคคีธรรม..
58.หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญญบรรพต..
59.หลวงปู่บุญหนา วัดถ้ำพระภูวัว..
60.พระอาจารย์อุทัย วัดถ้ำพระภูวัว..
61.พระอาจารย์คำ วัดถ้ำบูชา (ภูวัว)..
62.พระอาจารย์วงศ์ วัดป่าคำพระองค์..
63.พระอาจารย์บุญเลิศ วัดอรัญญวาสี..
64.พระอาจารย์แยง วัดเจติยาคีรีวิหาร(ภูทอก)..
65.พระอาจารย์ฉลวย วัดป่าชิตานุสรณ์..
66.พระอาจารย์โกวิญ วัดภูทอกใหญ่..
67.หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดโพธิสมภรณ์..
68.หลวงปู่อ่อนสา วัดประชาชุมพลพัฒนาราม..
69.หลวงปู่จันทร์โสม วัดป่าจันทรรังสี..
70.หลวงปู่คำพอง วัดถ้ำกกดู่..
71.พระอาจารย์จันทรา วัดป่าโนนสะอาด..
72.พระอาจารย์สม วัดป่าไม้งาม..
73.หลวงพ่อทูล วัดป่าบ้านค้อ..
74.พระอาจารย์คูณ วัดป่าภูทอง..
75.พระอาจารย์เสน วัดป่าหนองแซง..
76.พระอาจารย์ไมย์ วัดป่าหนองช้างคาว..
77.พระอาจารย์สมหมาย วัดป่าโนนม่วง..
78.หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด..
79.หลวงปู่ลี วัดภูผาแดง..
80.หลวงปู่เพียร วัดป่าหนองกอง..
81.พระอาจารย์บุญมี วัดป่านากูล..
82.พระอาจารย์อินทร์..
83.หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน..
84.พระอาจารย์สีทน วัดถ้ำผาปู่..
85.พระอาจารย์เผย วัดถ้ำผาปู่..
86.พระอาจารย์ขันตี วัดป่าห้วยเดื่อ..
87.พระอาจารย์ดาด วัดป่าสัมมานุสรณ์..
88.พระอาจารย์สำลี วัดถ้ำคูหาวารี..
89.พระอาจารย์มนตรี(หลั่ง)วัดถ้ำผาบิ้ง..
90.พระอาจารย์คำดี วัดป่าภูธรพิทักษ์..
91.พระอาจารย์ประสาน วัดคามวาสี..
92.พระอาจารย์สมัย วัดโนนแสงทอง..
93.พระอาจารย์คำบ่อ วัดใหม่บ้านตาด..
94.พระอาจารย์แปลง วัดป่าอุดมสมพร..
95.พระครูวิทิตคุณาภรณ์(ลพ.เกิ่ง)วัดสามัคคีบำเพ็ญบุญ..
96.หลวงปู่เคี่ยม วัดถ้ำขาม..
97.พระครูชินวัฒน์คุณาภรณ์ (ปิ่น)วัดพุฒาราม..
98.หลวงปู่อุ่น วัดป่าแก้วชุมพล..
99.พระอาจารย์ก้าน วัดถ้ำเป็ด..
100.พระอาจารย์หลอ วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม..
101.พระอาจารย์สุธรรม วัดป่าหนองไผ่..
102.พระอาจารย์พัลลภ วัดคำประมง..
103.หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย..
104.หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง..
105.หลวงปู่พรหมา สำนักสงฆ์สวนหินผานางลอย..
106.หลวงพ่อบุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล..
107.หลวงปู่บุญเพ็ง วัดป่าวิเวกธรรม..
108.พระอาจารย์อุทัย วัดถ้ำพระผาป่อง(ขัวสูง)..
109.หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน..
110.พระอาจารย์สมาน วัดป่าศรัทธาราม..
112.หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก..
113.หลวงปู่แก้ว วัดเขาปูน..
114.หลวงปู่เนื่อง พัทลุง..
115.หลวงปู่เปลื้อง วัดบางแก้วผดุงธรรม..
116.พระโสภณคุณาธร วัดเจริญสมณกิจ..







พิธีทั้ง 3 วาระจะมีพระเกจิหลายท่านมาครบทั้ง 3 วาระ จำนวนสร้างไม่มีข้อมูล เท่าที่ทราบมี เนื้อทองคำ เนื้อเงินและเนื้อทองแดง ในส่วนที่ตอก 2 โค๊ดมีเนื้อทองคำ,เนื้อเงิน,เนื้อทองแดง,เป็นชุด

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ tanakiton ครับ

127
พักสายตากันครับ สำหรับภาพ ข้างถนน ของต่างประเทศเขา ขอบอกเลยว่า เนี๊ยบบบ มากครับ

ภาพวาดทั้งหมด วาดด้วยสีช็อส์ก ทั้งสิ้นครับ สวยงามมากๆ เหมือนจริงเลยที่เดียวครับ .... เชิญชมครับ  :016:











128
การแก้กรรมสะเดาะเคราะห์เป็นการทำพิธีตามความเชื่อโบราณว่าจะสามารถส่งเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น มักรวมไปถึงการต่ออายุ หรือแก้ไขสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นดี การเริ่มทำบุญตั้งแต่ต้นปีก็จะเพิ่มดวง เสริมสง่าราศีให้ชีวิตมีความสุข และประสบความสำเร็จตลอดทั้งปีและตลอดไปอย่างแน่นอน

1. ถือศีล 5 การถือศีล 5 เป็นประจำจะช่วยเสริมดวงชะตาและจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม การทำดีและไม่เบียดเบียนใครถือเป็นการทำบุญกุศลที่ได้อานิสงส์ เป็นผลให้เกิดความโชคดี และแก้เคราะห์ลดกรรมได้

2. การถือศีล 8 จะช่วยเสริมดวงและแก้เคราะห์ได้เช่นเดียวกับการถือศีล 5 แต่การถือศีล 8 นั้นปฏิบัติได้ยากยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติได้สำเร็จจะได้กุศลแรงนักปฏิบัติแล้วยังช่วยเสริมดวงอำนาจบารมีได้

3. กินเจ ก็เพื่อลดละชีวิตสัตว์ ซึ่งได้อานิสงส์ผลบุญสูงและควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าอธิษฐานไว้ว่า 7 วัน ก็ทำให้ครบ 7 วัน อาจตั้งจิตว่าจะทำทุกวันพระและทุกเดือน หรือปฏิบัติทุกเดือน เดือนละ 3 วัน หรือ 7 วัน เป็นต้น

4. ไหว้พระและถวายดอกไม้ ธูปเทียน รวมทั้งการปิดทองคำเปลวและเครื่องหอม ผลบุญนี้จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้า

5. ถวายน้ำมันตะเกียง เพื่อความรุ่งโรจน์โชติช่วงของชีวิต เช่นเดียวกับความสว่างของแสงตะเกียง ทำให้พ้นจากความมืดมิดทั้งการดำเนินชีวิต รวมทั้งปัญหาและความคิดที่สว่างไสวไม่อับจนหนทาง

6. ถวายสังฆทาน เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยถวายสิ่งของจำเป็นแด่พระสงฆ์ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตหมดเคราะห์หมดโศก จะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไม่ติดขัด พบแต่ความสำเร็จสมปรารถนา รวมทั้งมีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ไม่ขัดสน

7. ไหว้พระ ไหว้บูชาเทพต่างๆ จะทำให้พบกับความสุข ความเจริญเกิดความสุขใจว่ามีที่พึ่งพิง ยึดเหนี่ยว นำมาซึ่งกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไปและรู้สึกเสมอว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

8. ทำบุญปล่อยสัตว์ เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น แต่ถือว่าได้บุญแรง จะต้องทำด้วยความตั้งใจจริง เช่น การไปซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ไถ่ชีวิตวัวควายถวายวัดเพื่อมอบให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์ ซื้อปลาในตลาดที่จะถูกฆ่าไปปล่อยน้ำ ผลบุญนี้ยังผลให้หมดทุกข์ หมดภัย และพบความสุขความเจริญในชีวิต

9. ทำบุญ ให้ทาน เป็นการรู้จักเสียสละตนเองและแบ่งปันให้ผู้อื่น ซึ่งผลบุญจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีจิตใจยินดีในการทำบุญให้ทานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงพุทธศาสนา หรือการให้ทานเกื้อกูลคนยากไร้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุญส่งเสริมให้ชีวิตมีโชค มีทรัพย์ และมากด้วยบารมี

10. ทำทานแก่คนยากไร้ เป็นการทำบุญที่มาจากจิตใจอันไม่ยึดติดมีความไม่โลภ ผลบุญจึงหนุนนำให้มีแต่ความราบรื่น ยามมีเรื่องติดขัดก็จะมีผู้มาช่วยเหลือค้ำจุน ยามมีเคราะห์ภัยก็จะแคล้วคลาด เพราะแรงอนุโมทนาจิตจากผู้ยากไร้ที่ได้รับสิ่งของจากเรานั่นเอง

11. ทำบุญโลงศพ ซื้อโลงศพบริจาคศพอนาถาไร้ญาติ จะได้อานิสงส์แรงยิ่งนัก การทำบุญเช่นนี้จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่างๆ และผ่อนหนักเป็นเบาได้

12. พิมพ์หนังสือธรรมะแจก จัดพิมพ์เองหรือร่วมบริจาคสมทบทุนการพิมพ์กับผู้อื่นก็ได้ เป็นการเสริมดวงให้มีวาสนาบารมี เพื่อให้ปัญญาสว่าง หมดทุกข์ หมดโศก ไม่มีเคราะห์ร้ายมากล้ำกราย

13. บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ จะช่วยให้ชีวิตราบรื่น หมดทุกข์ หมดโศก ประสบแต่ความโชคดี

14. ซื้อข้าวสารถวายวัด เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์เป็นการสั่งสมบุญกุศล เพื่อให้ชีวิตมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และเพียบพร้อมด้วยบารมี

15. การตักบาตรร่วมขันกับผู้อื่นหรือทำบุญร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์หรือโดยทางอื่น จะส่งผลให้เนื้อคู่ดูดี ดวงชะตาแข็งแกร่ง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะได้แต่เพื่อนที่ดีในชาตินี้



PS. โปรดใช้วิจรณญาณ ในการอ่านชม เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ

129
มีดหมอ

เหตุใดทำไมจึงเรียกว่า "มีดหมอ" ทั้ง ๆ ที่หมอไม่ได้มาเกี่ยวข้องสักหน่อย ผู้ที่สร้างมีดหมอมักจะเป็นพระเกจิฯ ที่มีวิชาอาคมต่างหาก ก็ตามประสาคนช่างสงสัยนั่นแหละครับ เมื่ออยากรู้ก็ต้องถามคนที่รู้งานนนี้แน่นอนครับผมต้องไปถามเซียนพระ ทำไมจึงเรียกมีดที่กระเกจิฯ สร้างขึ้นมาว่ามีหมอ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วน่าจะเรียกว่า "มีดพระ" จึงจะเหมาะสม คำตอบที่ออกมาจากปากของเซียนพระก็คือ....."มันเกิดจากการสันนิษฐานหลายด้าน.....(ประการแรกคือ หากเรียกว่ามีดพระ ก็จะกลายเป็นว่าพระนั้นสร้างศาสตรวุธ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง พระท่านมิใช่นักรบ แต่พระเป็นสาวกขององค์พระศาสดา มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นทุกข์).....(ประการต่อมาก็คือ สมัยก่อนนั้นเรื่องราวเกี่ยวกับผีเข้า หรือถูกคุณไสย มักจะมีให้เห็นกันอยู่เนือง ๆ ผู้ที่จะปราบหรือขับไล่ภูติผีปิศาจ มีคนอยู่สองกลุ่มด้วยกัน).....(กลุ่มแรกคือพระเกจิฯ ที่เรืองเวทย์ มีวิชาอาคม).....(กับอีกกลุ่มหนึ่งคือพวกหมอผี โดยเครื่องมือที่ใช้ในการสยบวิญญาณความชั่วร้าย จะเป็นพวกมีดที่พระเกจิฯ ทำขึ้นเสียเป็นส่วนมาก) ดังนั้นการเรียกชื่อจึงมักเรียกว่า (มีดหมอ) จนติดปาก"

พอได้รับฟังคำอธิบายก็ถึงบางอ้อขึ้นมาทันที อย่างน้อย ๆ เวลาที่สนทนากับใคร เราก็สามารถงัดเอาเรื่องมีดหมอขึ้นมาคุยได้อย่างไม่กระดากปาก ผมจำได้ว่าสมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่นั้น ลุงของผมแกชอบเล่นคุณไสยเป็นชีวิตจิตใจ มนต์ดำซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเดียรัจฉานวิชา แกก็อุตส่าห์หอบสังขารไปเรียนถึงจังหวัดสุรินทร์ เรียนกับพระชาวเขมร ซึ่งถือว่ามีความชำนาญทางด้านนี้เป็นพิเศษ ตอนไปอยู่จังหวัดสุรินทร์ลุงเล่าให้ฟังว่าต้องระวังเรื่องอาหาร เพราะในบางครั้งอาจจะโดนยาสั่งก็เป็นได้ ซึ่งยาสั่งนี้หากใครโดนเข้าไปแล้วมีหวัง ไม่ตายก็คางเหลือง สติสตังค์เพี้ยนกลายเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ไปเลย ดังนั้นเวลาที่แกจะกินอาหารแต่ละมื้อ แกจะต้องใช้มีดหมอของหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) จุ่มลงในอาหารก่อนทานทุกครั้งไป

ผมถามแกว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร แกบอกว่าตอนที่เรียนวิชายาดำ ยาสั่ง แกไปมีเรื่องกับนักเลงต่างถิ่น ซึ่งนักเลงก๊กนี้มันเก่งเรื่องยาสั่งเป็นอย่างมาก ขนาดพระอาจารย์ของลุงผมที่ว่าแน่ ๆ ก็ยังบอกว่าวิชาของไอ้คน ๆ นี้แก่กล้ามาก ตัวของกูเองก็ยังเอามันไม่อยู่ มึงต้องระวังตัวให้ดี หากทะเล่อทะร่าไปกินยาสั่งของพวกมันเข้า เตรียมต่อโลงรอไว้ได้เลย ทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้มันย่อมต้องมีของคู่กันเสมือนการเรียนผูกย่อมต้องมีการเรียนแก้ เมื่อมียาสั่งก็ย่อมต้องมีสิ่งที่แก้ยาสั่งนั่นก็คือ "มีดหมอ" มีดหมอที่ได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิฯ ที่มีวิชาอาคมสูง ๆ จะแก้คุณไสย ยาดำ ยาสั่งได้จริง ๆ ขั้นตอนก็ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก เพียงนึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์และนึกถึงพระเกจิฯ ที่สร้างมีดหมอขึ้นมา จากนั้นก็นำมีดหมอจุ่มลงไปในอาหารที่ต้องการจะพิสูจน์

ถ้าอาหารนั้นมียาสั่ง ยาดำ มีดหมอจะสำแดงอิทธิฤทธิ์โดยเปลี่ยนสีอาหารจานนั้นให้เป็นสีดำทั้งหมดทั้งจานในทันที เรื่องนี้สอดคล้องกับหนังสือชีวประวัติของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่าในขณะที่หลวงพ่อปานกำลังจะฉันภัตตาหาร ที่พวกผีตายโหงปลอมตัวมาถวายนั้น หลวงพ่อปานได้นำมีดหมอของหลวงพ่อสุ่น มาจุ่มลงในอาหารที่ท่านจะฉันเข้าไป ปรากฏว่าอาหารได้กลายเป็นเศษแก้ว หนามอันแหลมคมในบัลดล.....ในจังหวัดสุรินทร์เรื่องราวของคุณไสย ยาสั่ง ยาดำ เป็นเรื่องที่ยังมีอยู่จริง ๆ ดังนั้นการเดินทางไปเยือนสุรินทร์ท่านจะต้องหลีกเลี่ยงการมีเรื่องขัดใจกับคนในพื้นที่เพราะ ในบางครั้งคนที่ท่านไปมีเรื่องด้วยนั้นเขาอาจจะเล่นกับท่านแบบไม่ยอมเลิก หมอผีรับจ้างทำคุณไสยในจังหวัดสุรินทร์มีเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวเขมรไม่ใช่คนไทย




อิทธิฤทธิ์อีกประการหนึ่งของมีดหมอนั้นก็คือ "การสังหารฝ่ายตรงข้ามที่มีวิชาอาคมหรือพวกหนังเหนียว พวกที่สักยันต์ตะกร้อ (อย่างเช่นจอมโจรตี๋ใหญ่) ถ้าจะกล่าวว่าใช้อาคมฆ่าคนที่มีอาคมคงจะได้กระมัง" เชื่อกันว่าสมัยที่เสือขาวจะถูกยิงเป้านั้น (เสือขาวเป็นจอมโจรเจ้าของฉายาขุนโจรร้อยศพ มีประวัติเหี้ยมโหดมากฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กแรกเกิด เสือขาวมีของดีที่อยู่กับตัวคือ "ลูกอมหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา") หลวงพ่อดิ่งได้เตือนเสือขาวว่า "มึงจะต้องตายโหงหากไม่เลิกเป็นโจร" เสือขาวตอนนั้นกำลังทะนงตัว เพราะไม่มีอาวุธใด ๆ ทำอันตรายเสือขาวได้เลย ปืนก็ยิงไม่ออก มีดก็แทงไม่เข้า ความเป็นอมตะของเสือขาวนี้เอง ทำให้เกิดความลำพองใจไม่ฟังคำเตือนของหลวงพ่อดิ่งซึ่งเป็นอาจารย์ของตัวเอง ตำรวจชุดไล่ล่าซึ่งประกอบด้วย ร.ต.อ.พจน์ รัตนดิลก จ่าบุญมี แก่นกระโทก จ่าดวง เดชชาติ ได้มาหาหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัว แล้วถามว่าจริงหรือที่ว่าเสือขาวนั้นหนังเหนียว หลวงพ่อดิ่งบอกว่า "จริง ไอ้ขาวมันหนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้าหรอก แต่มันจะแพ้ดวงของมันเอง อาตมาบอกไม่ได้หรอกว่าจะสังหารไอ้ขาวได้อย่างไร เพราะมันจะเป็นการผิดศีล"

ตำรวจชุดไล่ล่าลาหลวงพ่อดิ่งกลับ ในขณะนั้นมีตาเถรคนหนึ่งซึ่งรู้จักกับจ่าบุญมีได้มาบอกว่า "ถ้าจะสังหารไอ้ขาว จะต้องใช้ลูกปืนที่หัวกระสุนทำด้วยใบมีดหมอ มีดหมอต้องเป็นของหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งหลวงพ่อโศกเป็นพระสหายของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว วิชาอาคมของหลวงพ่อดิ่งที่ลงไว้ หลวงพ่อโศกท่านจะจารแก้ไว้บนใบมีดหมอของท่าน" สมัยก่อนนั้นมีดหมอของหลวงพ่อโศก วัดปาคลองยังพอที่จะหาได้ไม่เหมือนในเวลานี้ ซึ่งหามีดหมอของท่านไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งหาได้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นของแท้หรือเปล่า เพราะของปลอมมีแยะเหลือเกิน ทำได้เหมือนของจริงจนแยกแยะไม่ออก เสือขาวได้ปะทะกับตำรวจชุดไล่ล่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้ง เพราะกระสุนเพียงนัดเดียวมันก็เกินพอที่จะทำให้เสือขาวถึงกับทรุดท้องทะลุแม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็คางเหลืองสิ้นลายของคำว่า "จอมโจรหนังเหนียว" นับตั้งแต่บัดนั้น เสือขาวถูกพิพากษาโทษให้ประหารชีวิต (ยิงเป้า) ซึ่งกระสุนที่เพชรฆาตใช้สังหารเสือขาว หัวกระสุนทั้งหมดที่ใช้ยิงทำจากใบมีดหมอของหลวงพ่อโศก วัดปากคลองทุกนัด


การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องราง - ของขลังผมอยากจะให้ท่านผู้อ่านเข้าใจว่า เรื่องวิชาอาคมอำนาจไสยศาสตร์ มันเป็นเรื่องลี้ลับแต่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระไม่น่าเชื่อถือ ผมขอให้เชื่อเถิดว่าอำนาจของเครื่องราง - ของขลังนั้นมีจริง ๆ บางสิ่งบางอย่างเราอย่าไปยึดหลักของวิชาวิทยาศาสตร์มากจนเกินไปนัก เพราะวิทยาศาสตร์มันก็ไม่ใช่วิเศษมาจากไหน หลายต่อหลายครั้งที่หลักการทางวิทยาศาสตร์ ถูกหักล้างกันเองเมื่อความจริงปรากฏขึ้นในภายหลังปรากฏ เรื่องราวของมีดหมอคนในวงการพระเครื่อง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปว่าเป็น "ของจริง" ต่างยอมรับกันว่ามี อิทธิ์ฤทธิ์จริง ๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากเราจะพบว่ามีพวกภัยสังคมเป็นจำนวนมาก ทำมีดหมอปลอมขึ้นมาหลอกขายชาวบ้าน ทำให้หลงผิดคิดว่าเป็นของแท้ แต่นำไปใช้ไม่ได้เกิดอิทธิ์ฤทธิ์จริงตามคำกล่าวขวัญถึง เป็นเรื่องที่ไม่มีทางปกป้อง และบทลงโทษตามกฎหมายก็เบาเหลือเกิน สิ่งที่ท่านจะต้องท่องให้ขึ้นใจก็คือ "หากของนั้นดีจริง.....ไม่มีใครหรอกครับเขาจะปล่อยให้หลุดมือไปเป็นของคนอื่น" 

ขอขอบคุณ web www.devalai.com ด้วยครับ

130
ขุนแผนอุ้มไก่ องค์นี้ไม่ทราบว่าของที่ไหน พอดีเพื่อนนำมาให้ชมครับ

ภาพไม่ชัดเท่าไหร่ ถ่ายจากกล้องมือถือ ลองดูครับ ขอบคุณมากครับ ...
  :089:




131
มีวันหนึ่งผมได้ไปทำบุญให้คุณปู่ผม ที่ประจวบฯ อ.ปราณบุรี

ณ วัดเขากะโหลก ขณะที่ผมนั่งเฝ้า อาหารที่ถวายให้ปู่ มีแม่ชีคนหนึ่งเดินเข้ามา

ท่านดูมีอายุมาก จากการสอบถามเห็นว่า อายุก็ 86 ปีแล้วครับ

ผมก็งง อยู่ เห็นท่านบอกว่า จะกวาดลานวัดที่นี่ ครั้งสุดท้ายแล้ว

แล้วฉันจะไปกวาดที่เมืองผี แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่า ท่านได้เสียชีวิตมาแล้ว 3 ครั้ง

ครั้งแรกเกิดเมื่อไหร่จำไม่ได้ ครั้งที่ 2 เกิดตอนอายุ 62 ปี

แล้วก็มาบวช และล่าสุดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็ได้เสียชีวิตอีกครั้ง

ผมก็ถามต่อว่า เห็นไรมาบ้างครับ ท่านก็บอกกับผมว่า ได้ไปเจอกับน้าชาย

บนสะพานสูงไกลสุดหูสุดตา และท่านจะเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง น้าชายของท่าน

เป็นคนคุมสะพาน บอกว่าไม่ให้ไป ถ้าเดินไปจะฟาดด้วยไม้กระบอง แม่ชีก็บอกว่า

ฉันจะไป น้าชายเลย ผลักแล้วก็ตื่นขึ้นมา เพราะตอนนั้นก็เห็นว่าลื่นล้มหลับไม่ตื่นมา 4 วันแล้ว

ก็ได้เล่าถึงการเสียชีวิตเมื่อตอนอายุ 62 ปี ท่านเล่าว่าไปเจอหมอชีวก ครับ

ไปเจอที่สถานที่แห่งหนึ่ง มีข้าวของเครื่องใช้มากมาย แม่ชีเล่าว่า ท่านหมอ

ถามว่า ไม้กวาด อันนั้นใช่ของเจ้าไหม แม่ชีก็ตอบว่า ใช่ ฉันถวายมันที่วัดแห่งหนึ่ง

แล้วหมอชีวก ก็บอกว่า อะไรบ้างที่ทำบุญแล้วได้ดี จำได้แค่ ไม้กวาด อย่างเดียว



หมั่นทำบุญไว้ครับ เรื่องนี้ใช้วิจรณญาณ ในการอ่านด้วยนะครับ ความเชื่อส่วนบุคคล

กระผมก็เชื่อในการทำความดีครับ ความดีละเว้นความชั่ว และการให้ทานแก่สัตว์โลก

คนดีทำดีไม่ต้องรอผลดีถึงชาติหน้าครับ ได้ดีแน่นอน เป็นกำลังใจให้ทุกความดีครับ ...
  :016:

132
ประวัติการสร้าง
พระสมเด็จบางขุนพรหม
(วัดใหม่อมตรส)
บางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร
เสมียนตราด้วง ท่านเป็นต้นสกุล ธนโกเศศ เป็นคหบดีผู้มั่งคั่งย่านบางขุนพรหม และจากหน้าประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ ผู้ประติมากรรมพระสมเด็จวัดระฆัง อันมีค่านิยมสูงจนรั้งตำแหน่งราชาแห่งพระเครื่องมาโดยตลอดนั้น ท่านเสมียนตราด้วง ท่านได้ปวารณาตัวเป็นโยมอุปัฏฐากและรับใช้ใกล้ชิดในท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ พระองค์นั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมาทุกยุคทุกสมัย แต่ครั้งท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังเป็นสามเณร และได้จำเริญสมณศักดิ์จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณสถาปนาเป็นที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ จนกระทั่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านชราภาพ ชนม์มายุได้ ๘๔ ปี จึงได้ลาจากสมณศักดิ์ยกขึ้นเป็นกิตติมศักดิ์ ท่านได้จึงมาพักผ่อนและแสวงหาความสงบวิเวกอยู่ ณ ที่วัดบางขุนพรหม กำกับดูแลช่างเขียนภาพประวัติส่วนตัวของท่านและควบคุมช่างก่อสร้างพระศรีอริยเมตไตรยอีกด้วย
วัดบางขุนพรหมในอดีตนั้นเป็นวัดที่มีอาณาเขตที่กว้างขวางมากวัดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านกลับมาพักผ่อนเป็นที่สำราญอารมณ์อยู่นั้น ได้มีชาวบ้านในย่านบางขุนพรหมได้นำเอาที่ดินอันเป็นเรือกสวนไร่นามาถวายท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ แล้วรวมเป็นที่ดินของวัดบางขุนพรหม และเพื่อให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างพระหลวงพ่อโต เมื่อรวมที่ดินของวัดบางขุนพรหมแล้วมีอาณาเขตกว้างขวาง ทิศตะวันตกจดแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทิศเหนือจดคลองเทเวศร์ ทิศตะวันออกถึงบ้านพานบ้านหล่อพระนคร
ครั้นถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ ทรงพิจารณาเห็นความจำเป็นในการถมนาเพื่อความเจริญของบ้านเมือง จึงทรงมีพระราชดำริให้ตัดถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ผ่านกลางวัดบางขุนพรหม จึงทำให้วัดบางขุนพรหมต้องแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน หรือ วัดใหม่อมตรส ในปัจจุบัน และวัดบางขุนพรหมนอก คือวัดอินทรวิหาร อันเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต (พระศรีอริยเมตไตรย) และเมื่อทางราชการได้ตัดถนนสามเสนก็ได้แบ่งที่ดินของวัดบางขุนพรหมออกไปอีกส่วนหนึ่ง
วัดบางขุนพรหมเป็นวัดเก่าแก่มีมาแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี และเป็นวัดที่สร้างอยู่บนที่ดอนห้อมล้อมไปด้วยเรือกสวนและไร่นา เข้าใจว่าเป็นวัดที่ประชาชนในละแวกนั้นช่วยกันสร้างและบูรณะสืบต่อๆ กันมา เมื่อปีจอ พุทธศักราช ๒๓๒๑ เจ้าอินทรวงศ์ราชโอรสในพระเจ้าธรรมเทววงศ์ ผู้ครองนครศรีสัตนาครหุตได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ต่อมาครั้นสร้างกรุงเทพมหานครเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าวัดบางขุนพรหมไม่เคยได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์เลยสักครั้งเดียว สิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้ปรักหักพังลง สืบต่อมาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ เสมียนตราด้วง พร้อมกับชาวบ้านในย่านบางขุนพรหมและท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ร่วมใจกันบริจาคจตุปัจจัยไทยธรรมจัดการสร้าง และซ่อมแซมวัดบางขุนพรหมขึ้นมาใหม่ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ นอกจากนั้นแล้วยังได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์องค์ใหญ่ประดิษฐานไว้ที่หน้าวัดบางขุนพรหมเป็นพิเศษอีกด้วย เมื่อดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเสมียนตราด้วงพร้อมกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้จัดสร้างพระพิมพ์เนื้อผงสีขาวอย่างพระสมเด็จวัดระฆัง มีจำนวนมากถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ บรรจุไว้ในพระมหาเจดีย์เพื่อเป็นพุทธบูชาและการสืบพระศาสนาตามคดีโบราณนิยมอีกด้วย
อนึ่งการสร้างพระสมเด็จบรรจุพระมหาเจดีย์ที่วัดบางขุนพรหมนั้นได้รับความอนุเคราะห์จากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ โดยให้ใช้แม่พิมพ์สมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามของท่านที่เคยใช้ในการสร้างพระสมเเด็จวัดระฆัง คือ

พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่

พระสมเด็จพิมพ์ทรงเจดีย์

พระสมเด็จพิมพ์เกศบัวตูม

พระสมเด็จพิมพ์ฐานแซม
นอกจากพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง ดังกล่าวแล้วนั้น ทางคณะท่านผู้สร้างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมยังได้ให้นายช่างผู้แกะแม่พิมพ์วัดระฆัง เจ้าเดิม แกะแม่พิมพ์พระสมเด็จทั้ง ๔ พิมพ์ ดังกล่าวแล้วเพิ่มเติมขึ้นมาอีก และยิ่งไปกว่านั้นยังให้แกะแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมขึ้นมาในรูปทรงใหม่อีก ๗ พิมพ์คือ

พระสมเด็จพิมพ์เส้นด้าย

พระสมเด็จพิมพ์สังฆาฏิ

พระสมเด็จพิมพ์สังฆาฏิ หูช้าง

พระสมเด็จพิมพ์ฐานคู่

พระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์

พระสมเด็จพิมพ์อกครุฑ

พระสมเด็จพิมพ์ไสยาสน์
รวมในกรุวัดบางขุนพรหมมีพระทั้งสิ้น ๑๑ พิมพ์ด้วยกันก็จริงและแต่ละพิมพ์ทรงยังมีแม่พิมพ์ที่แตกต่างกันออกไปอีกมาก อย่างเช่น พระสมเด็จพิมพ์เส้นด้าย มีแม่พิมพ์ที่ต่างพิมพ์กันไปอีกหลายพิมพ์ ตัวอย่างเช่น พระสมเด็จพิมพ์เส้นด้ายใหญ่ พระสมเด็จพิมพ์เส้นด้ายแขนกลม พระสมเด็จพิมพ์เส้นด้ายแขนหักศอก เป็นต้น

133


บ่อเหล็กน้ำพี้ เป็นแหล่งสินแร่เหล็กตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำพี้ หมู่ 1 ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ประมาณ 56 กิโลเมตร โดยเป็นบ่อเหล็กกล้ามีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ และปรากฏเตาถลุงเหล็กโบราณนับพัน ๆ แห่งในพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร แต่บ่อที่สำคัญและสงวนใช้สำหรับพระมหากษัตริย์มีอยู่ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง และ บ่อพระขรรค์ มีการนำแร่เหล็กจากบ่อเหล็กน้ำพี้ไปถลุงทำอาวุธเพื่อใช้ในการศึกสงครามมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังปรากฏหลักฐานทางประวัติศาตร์มากมายถึงความสำคัญของเหล็กน้ำพี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มีความแข็งแกร่งและมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอาถรรพ์ในตัว โดยจัดให้เหล็กน้ำพี้อยู่ในโลหะธาตุตระกูลเดียวกับเหล็กไหล

134
สำหรับผู้ที่หาแหวนสวยๆ ใส่สักวงหรือสร้อยคองามๆ คิดไม่ได้ผมจะแนะนำอัญมณีประจำวันเกิด เผื่อจะชอบติดใจกันนะครับ

และยังช่วยเสริมเมตตาบารมีเกิดราศีของคนที่เกิดวันนั้นๆ ด้วยครับ .........
  :089:




          สำหรับคนเกิดวันอาทิตย์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ทับทิม, โกเมนเพทาย, เพชรสีแดง



          สำหรับคนเกิดวันจันทร์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ มุกดา, บุษราคัม, แซฟไฟร์สีเหลือง ซิทริน, อำพัน, เพชรสีเหลือง และไข่มุกสีทอง 
 


        สำหรับคนเกิดวันอังคาร อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ปะการัง, แซฟไฟร์สีชมพู, โรส ควอตซ์เพชรสีชมพู และไข่มุกสีชมพู   



          สำหรับคนเกิดวันพุธ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ มรกต, หยก, กรีน, ทูร์มาลีนมาลาไคต์ เพริดอต, เขียวส่อง และโกเมนสีเขียว 



          สำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ไฟร์ โอปอล, คาร์เนเลียนไพฑูรย์, โกเมนสีส้ม, แซฟไฟร์สีส้ม



          สำหรับคนเกิดวันศุกร์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ไพลิน, บลูโทปาซ, ลาพิสลาซูลีเทอร์ควอยซ์, เพทายสีฟ้า และเพชรสีฟ้า-สีน้ำเงิน 
 


          สำหรับคนเกิดวันเสาร์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ อเมทิสต์, แซฟไฟร์สีม่วงนิล, หยกดำ, โอ


135
รอบรวมพระบรมราโชวาทตั้งแต่ปี 2525 ถึงปี 2545 ตลอดระยะเวลา 20 ปี



พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๔

         ข้าราชการทุกฝ่ายมีหน้าที่เหมือนกัน ที่จะต้องตั้งใจขวนขวายปฏิบัติงานด้วยความฉลาดรอบคอบ ให้สำเร็จลุล่วงตรงตามเป้าหมายโดยไม่ชักช้า และที่จะต้องร่วมกับชาวไทยทุคนในอันที่จะอุ้มชูรักษาความดีในชาติให้ยืนยงมั่นคงอยู่คู่กับผืนแผ่นดินไทย. ยิ่งเป็นผู้ใหญ่มีตำแหน่งสำคัญ ยิ่งจะต้องปฏิบัติให้ดี ให้หนักแน่น ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลงานที่สำเร็จขึ้นจากความร่วมมือและจากความบริสุทธิ์ใจ จักได้แผ่ไพศาลสูงขึ้น ผลงานที่สำเร็จขึ้นจากความร่วมมือและจากความบริสุทธิ์ใจ จักได้แผ่ไพศาลไปตลอดทั่วทุกหนแห่ง ยังความสุขความเจริญที่แท้จริงให้บังเกิดขึ้นได้ตามที่ปรารภปรารถนา

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔
 
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕

         การปฏิบัติราชการในปัจจุบันนี้มุ่งหมายเอาประสิทธิภาพ ปริมาณงานและความรวดเร็วเป็นสำคัญ. ผู้ปฏิบัติราชการจึงพากันเอาวิทยาการก้าวหน้าพร้อมทั้งเครื่องกลที่ทรงประสิทธิภาพสูงต่างๆ มาใช้กันอย่างกว้างขวาง . วิทยาการเครื่องกลเหล่านี้ เมื่อนำมาปฏิบัติการแล้ว จะต้องได้ผลอย่างสูงทุกครั้งไป คือถ้าใช้ถูก ก็ทำให้ได้ประโยชน์มาก ถ้าใช้ไม่ถูกก็ทำให้เสียหายได้มากเท่าๆ กัน. การจะนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้งาน จึงต้องระมัดระวังศึกษาให้ทราบแน่แท้โดยตลอดก่อนทั้งโครงงานที่จะทำ ทั้งเครื่องปฏิบัติงานที่จะใช้. มิฉะนั้นจะเกิดความสิ้นเปลืองและสูญเปล่าได้ง่ายดายที่สุด

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕

 
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๖

         การทำงานสร้างเกียรติยศขื่อเสียงและความเจริญก้าวหน้า นอกจากจะต้องใช้วิชาความรู้ที่ดีแล้ว แต่ละคนยังต้องมีจิตใจที่มั่นคงในความสุจริตและมุ่งมั่นต่อความสำเร็จเป็นรากฐานรองรับ กับต้องอาศัยกุศโลบายหรือวิธีการอันแยบคายในการประพฤติปฏิบัติเข้าประกอบอีกหลายประการ. ประการแรก ได้แก่การสร้างศรัทธาความเชื่อถือในงานที่กระทำ ซึ่งเป็นพละกำลังส่งเสริมให้เกิดความพอใจและความเพียรพยายามอย่างสำคัญ ในอันที่จะทำการงานให้บรรลุผลเลิศ. ประการที่สอง ได้แก่การไม่ประมาทปัญญาความรู้ ความฉลาดสามารถทั้งของตนเองทั้งของผู้อื่น ซึ่งเป็นเครื่องช่วยทำงานได้ก้าวหน้า กว้างไกล. ประการที่สาม ได้แก่ การตามรักษาความจริงใจ ทั้งต่อตัวเอง ซึ่งเป็นเครื่องทำให้ไว้วางใจร่วมมือกัน และทำให้งานสำเร็จได้โดยราบรื่น. ประการที่สี่ ได้แก่การกำจัดจิตใจที่ต่ำทราม รวมทั้งสร้างเสริมความคิดจิตใจที่สะอาดเข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ฝักใฝ่แต่ในการที่จะปฏิบัติดี ให้เกิดความก้าวหน้า. ประการที่ห้า ได้แก่การรู้จักสงบใจ ซึ่งเป็นเครื่องช่วยให้ยั้งคิดได้ในเมื่อมีเหตุทำให้เกิดความหวั่นไหวฟุ้งซ่าน และสามารถพิจารณาแก้ไขปัญหาได้โดยถูกต้อง. คุณสมบัติหรือคุณธรรมที่กล่าวแล้ว ทั้งที่เป็นส่วนรากฐาน ทั้งที่เป็นส่วนวิธีการ ต่างเป็นเหตุเป็นผลอาศัยกัน และเกื้อกูลส่งเสริมกันอยู่ทั้งหมด จะอาศัยเพียงข้อหนึ่งข้อใด หรือเพียงบางส่วนบางข้อมิได้ เพราะจะไม่ช่วยให้เกิดผลหรือได้ผลน้อย. ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องพยายามอบรมสร้างเสริมให้บริบูรณ์ขึ้นแต่ละข้อ และทุกข้อ. เมื่อคุณสมบัติดังกล่าวประชุมพร้อมกันขึ้นแล้ว จึงจะบันดาลผลเลิศให้เกิดขึ้นสมบูรณ์บริบูรณ์ เป็นประโยชน์ช่วยตัวช่วยผู้อื่นได้อย่างแท้จริง.

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๐๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖

 
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๗

         คนทำงานดีคือคนมีระเบียบ ได้แก่ระเบียบในการคิดและในการทำ. ผู้ไม่ฝึกระเบียบไว้ ถึงจะมีวิชา มีเรี่ยวแรง มีความกระตือรือร้นอยู่เพียงไร ก็มักทำงานให้สำเร็จดีไม่ได้ เพราะความคิดอ่านสับสนว้าวุ่น ทำอะไรก็ไม่ถูกลำดับขั้นตอน มีแต่ความลังเลและขัดแย้งทั้งในความคิด ทั้งในการปฏิบัติงาน ข้าราชการจึงจำเป็นต้องฝึกระเบียบในตนเองขึ้น. ระเบียบนั้นจักได้ช่วยประคับประคองส่งเสริมให้ทำตนทำงานได้ดีขึ้น และประสบความเจริญมั่นคงในราชการ.

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๒๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗
 
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๘

         การทำงานให้สำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถสองอย่างเป็นสำคัญ คือสามารถในการใช้วิชาความรู้อย่างหนึ่ง สามารถในการประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกอย่างหนึ่ง. ทั้งสองประการนี้ ต้องดำเนินคู่กันไป และจำเป็นต้องกระทำด้วยความสุจริตกาย สุจริตใจ ด้วยความคิดความเห็นที่เป็นอิสระปราศจากอคติ และด้วยความถูกต้องตามเหตุตามผลด้วย จึงจะช่วยให้งานบรรลุจุดหมายและประโยชน์ที่พึงประสงค์โดยครบถ้วยแท้จริง.

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘
 
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙

          ผู้เป็นข้าราชการพึงสำเหนียกตระหนักเป็นนิตย์ถึงความรับผิดชอบ ที่จะต้องปฏิบัติงานของตัวร่วมกับงานของผู้อื่น และประสานประโยชน์กับทุกฝ่ายให้ได้ผลสมบูรณ์ทุกส่วน เพื่อนำพาประเทศชาติให้ก้าวไปถึงความเจริญมั่นคง ซึ่งเป็นจุดประสงค์แท้จริง.

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๙
 
พระบรมราโชวาท ปีพุทธศักราช ๒๕๓๐

          ข้าราชการที่สามารถต้องมีความรู้ครบสามส่วน คือ ความรู้วิชาการ ความรู้ปฏิบัติการ และความรู้คิดอ่านตามเหตุผลตามความเป็นจริง ต้องมีความจริงใจ และความบริสุทธิ์ใจในงาน ในผู้ร่วมงาน ในการรักษาระเบียบแบบแผน ความดีงาม ความถูกต้องทุกอย่างในแผ่นดิน ต้องมีความสงบและหนักแน่นทั้งในกาย ในใจ ในคำพูด ต้องสำรวจดูความบกพร่องของตนเองอยู่สมำเสมอ และปฏิบัติแก้ไขเสียโดยเร็ว ไม่ปล่อยให้เจริญงอกงาม ทำความเสียหายให้แก่การกระทำ ความคิดและการงาน.

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
วันที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐

136


ทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ โดยสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่าทางรถไฟสายมรณะมีความยาวจากหนองปลาดุกถึงสถานีตันบีอูซายัดรวม 415 กิโลเมตร เป็นทางรถไฟอยู่ในเขตประเทศไทยประมาณ 303.95 กิโลเมตรและอยู่ในเขตพม่า 111.05 กิโลเมต ทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกของสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศเมียนมาร์ ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตก เป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวันและจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะหรือถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร

ทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกเลาะทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้ทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทางรถไฟสายนี้ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น เนื่องจากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้าง เป็นของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา



เหตุที่ทางรถไฟสายนี้ได้ชื่อว่า ทางรถไฟสายมรณะ ก็เพราะว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดีย อีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า เพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกร รวมทั้งกำลังพล เพื่อจะไปโจมตีพม่าและอินเดียต่อไป ซึ่งขณะนั้นเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ เส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง

เส้นทางรถไฟสายนี้เป็นอนุสรณ์ของโลกที่จารึกความโหดร้ายทารุณของสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตในสงครามด้วย




ไปอ่านเจอเข้าน่าสนใจเลยนำมาฝากพี่ๆ น้องๆ ชาวบางพระครับท่าน  :016:

137
ของที่ละลึกก็จะออกมาแบบนี้นะครับ ใครจะสั่งจองก็โพสไว้นะครับผม

ต้องการทราบยอดจองก่อน แล้วเรื่องราคาจับจองนั้น จะมาโพสบอกทีหลังครับ

ใครต้องการก็มาโพสขอรับได้ครับ ไม่น่าจะสูงเท่าไหร่ ถ้าคนจองเยอะๆ นะครับผม

ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายเราก็จะถวายวัดบางพระ กันครับผม ใช้ช่วยในงานไหว้ครู

                                                                 ด้วยความเคารพอย่างสูง
  :089:





138
ทนายมาเฟีย-ทนายเทวดา

กับหนังสือย้อนรอยกรรม ระลึกชาติ สื่อวิญญาณ

: มือที่มองไม่เห็น


"ทนายมาเฟีย" และ "ทนายเทวดา" เป็นฉายาของ "นายสุกิจยตน์ พูนศรีเกษม" ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ การศาสนาและศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร

สำหรับที่มาของฉายา ทนายเทวดา นั้น ทนายสุกิจยตน์ บอกว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เป็นคนตั้งให้ เพราะไปช่วยวัด 3 แห่ง ว่าความฟ้องร้องกรรมการวัด จนได้เงินกลับคืนวัดหลายสิบล้านบาท โดยปัจจุบันนี้เป็นนิติกรประจำวัด 3 แห่ง คือ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ วัดจุฑาทิศธรรมสภาราม อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี และวัดถ้ำเขาชะอางค์โอน อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ส่วนที่มาของฉายา ทนายมาเฟีย นั้น ทนายสุกิจยตน์ บอกว่า ได้มาเพราะไปเป็นทนายแก้ต่างและฟ้องให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น เป็นทนายฟ้องและแก้ต่างให้ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊บ ในคดีรื้อโบ๊เบ๊ และบาร์เบียร์ โดยเฉพาะในคดีรื้อโบ๊เบ๊ เสธ.แอ๊บได้มอบอำนาจให้แจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้การกองปราบฯ ในข้อหาเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้อง เสธ.แอ๊บต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เรียกค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท ศาลยกฟ้อง

ขณะเดียวกัน ยังเป็นทนายให้แก่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กรณี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ฟ้อง เสธ.แดงกับพวก เรียกค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ยกฟ้อง เป็นทนายฟ้อง พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง.ในความผิดฐานยึดและอายัดทรัพย์สินโดยมิชอบ ศาลสั่งให้คืนทรัพย์สินทั้งหมด เป็นทนายให้กับทายาท พ.ต.สมจิตร ศรีกรด โดยเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้อง จ.ส.ต.ชาตินวภพ สมกำลัง และสิบตำรวจตรีสวัสดิ์ สุวรรณโณ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลพิพากษาประหารชีวิตตำรวจทั้งสองนาย

นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นทนายแก้ต่างให้กับแม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย แม่ชีคนดังแห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทนายความแก้ต่างให้กับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นทนายฟ้องให้กับนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รมช.พาณิชย์ กรณีเกี่ยวกับคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์เขียนข่าวหมิ่นประมาท เป็นทนายฟ้องและแก้ต่างให้กับ น.พ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล คดีรถยนต์ปาเจโร่ และเป็นทนายให้กับชาวเนเธอร์แลนด์ ในคดีฟอกเงิน ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ ปปง.คืนทรัพย์สินกว่า 30 ล้านบาท

แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นนักกฎหมาย แต่ทนายสุกิจยตน์ บอกว่า ไม่ชอบอ่านหนังสืออะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลย รวมทั้งหนังสือเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะนักกฎหมายต่างก็เอาช่องว่างของกฎหมายมารังแกกันเอง ในขณะที่นักการเมืองก็เอาช่องว่างของกฎหมายมาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว ที่เป็นเช่นนี้ เพราะกฎหมายมันดิ้นได้ ด้วยเหตุนี้ จึงเลือกอ่านหนังสือแนวอื่นแทน และหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกให้อะไรกับชีวิตได้มากมาย คือ หนังสือย้อนรอยกรรม ระลึกชาติ สื่อวิญญาณ ซึ่งเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับชีวประวัติของแม่ชีมโนรา เขตภูเขียว

ประวัติของแม่ชีมโนรานั้นทนายสุกิจยตน์ เล่าว่า ท่านเป็นอุบาสิกาผู้หนึ่งที่มองเห็นวัฏสงสารอันทุกข์ยาก ได้ฝึกปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เพื่อตัดวิบากกรรมให้หมดสิ้นในภพชาติ จึงได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ชาติศักดิ์ ถาวรธัมโม หรือครูบาหนุ่ม ยิ่งยืน รวมทั้งเรียนรู้การฝึกปฏิบัติกรรมฐานและพลังกสิณไฟ มาอย่างเชี่ยวชาญจนเกิดอำนาจบารมี สามารถย้อนระลึกชาติ สื่อวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรโดยคอยช่วยเหลือญาติธรรม ให้การแนะนำในการชี้แนะแก้ไข ช่วยสงเคราะห์ญาติธรรมให้พ้นทุกข์ภัยที่เกิดขึ้น สานุศิษย์จึงเรียกท่านว่า อาจารย์แม่

ในช่วงที่เป็นฆราวาสของแม่ชีมโนรานั้น ท่านเองก็เคยประสบปัญหาต่างๆ เช่นเดียวกับคนทั่วๆ ไป แต่ท่านเลือกที่จะดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระพุทธองค์ คือ ตั้งกายและใจอยู่ในสมาธิภาวนา กรรมใดๆ ให้คิดว่าเกิดจากเหตุที่เราเคยทำไว้ในอดีตชาติ จึงอย่าไปได้ยึดติด เลิกจองกรรมจองเวรซึ่งกันและกัน ควรมั่นฝึกฝนสวดมนต์ภาวนา แล้วสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลาย ก็จะมลายหายไปได้

"เมื่อเราหลงความดี จึงหลงเกลียดความเชื่อ เมื่อเราหลงความถูก จึงหลงเกลียดความผิด เมื่อเราหลงเรา เราจึงหลงเขา เราจึงเป็นทุกข์ร้อยแปดพันประการ ทำงานสุจริตมีประโยชน์จนลืมเวลา ผู้นั้นคือผู้กินเวลาอย่างมีความสุข สงบเย็น ทำงานใดหงุดหงิด งานรอเวลา ผู้นั้นกำลังถูกเวลากิน อย่างทรมานใจ" นี่คือบางส่วนของเนื้อหาในหนังสือที่ทนายสุกิจยตน์ บอกว่าจำได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม จากการได้อ่านหนังสือกฎหมายนับเล่มไม่ถ้วน และหนังสือที่เกี่ยวข้องกับกฎแห่งกรรมก็ไม่น้อย ทั้งนี้ ทนายสุกิจยตน์ได้เปรียบเทียบการใช้กฎหมายลงโทษคนผิด กับคนทำผิดที่ถูกลงโทษด้วยกฎแห่งกรรมไว้อย่างน่าคิดว่า "กฎหมายจะลงโทษคนได้เมื่อต้องมีโจทก์และจำเลยรวมทั้งสืบหาพยานหรือผู้กระทำผิดนั้นสารภาพ โทษอาจจะหนักเบาแตกต่างกันไปตามความผิดที่กระทำ ในขณะที่กฎแห่งกรรมไม่มีโจทก์มีแต่จำเลย บาปกรรมที่ทำจะติดตัวไปตลอดชีวิต และอาจจะส่งผลถึงชาติหน้า"

ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายมีสิ่งหนึ่งที่ทนายนายสุกิจยตน์ อยากแนะนำนักเขียน คือ คิดหมิ่นประมาทด้วยการเขียนโฆษณานั้นถือว่าเป็นคดีรกศาล ปัจจุบันนี้มีคดีนับหมื่นๆ คดีที่รอการไต่ส่วนพิจารณา การฟ้องร้องเป็นเพียงแค่ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งหมิ่นประมาทต่อไป เมื่อคดีสู่ในชั้นศาลสุดท้ายศาลตัดสินก็รอลงอาญา เสียค่าปรับความเสียหายตามสมควรที่ศาลพิจารณา แต่ผู้กระทำผิดบางคนไม่กลัวความผิดไม่กลัวศาล ในระยะหลังๆ เราจะเห็นว่าศาลจะตัดสินจำคุกทันที โดยไม่รอลงอาญาเหมือนในอดีต

"แม้ว่าการอ่านจะมีความสำคัญกับทุกๆ คน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การเขียน งานเขียนบางชิ้นสามารถเปลี่ยน สามารถพลิกผันชีวิตคนอ่านบางคนได้ สามารถสร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ได้มากมาย

นักเขียนถือว่ามีส่วนในการสร้างโลก อย่างน้อยก็ช่วยสร้างโลกนักอ่าน" ทนายสุกิจยตน์ กล่าวทิ้งท้าย 0

139
องค์นี้ผู้ใหญ่ที่ชอบมาสนทนาพระเครื่องกับคุณพ่อผม ให้มาครับ เค้าว่า ของหลวงปู่ใจวัดเสด็จ

แกะจากคอมาให้เลยครับ เขาเลี่ยมสามห่วงใช้อยู่ครับ ผมว่า สวยดีนะครับ ... แถมให้อีกนิสกับประวัติหลวงปู่ใจ





สำหรับประวัติหลวงปู่ใจ ผู้สร้างเหรียญอริยสัจ รุ่นแรกขึ้นมานั้น ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2405 ณ บ้านตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

มีชื่อเดิมว่า ใจ ขำสมชัย

บิดาชื่อ นายขำ ขำสมชัย มารดาชื่อ นางหุ่น ขำสมชัย

หลวงปู่ใจมีพี่น้องด้วยกันถึง 11 คน โดยเป็นหญิง 6 ชาย 5

ต่อมาครอบครัวของท่านได้ย้ายมายังหมู่ที่ 9 ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อันเป็นภูมิลำเนาเดิมของปู่ และบิดา

จึงเมื่ออายุได้ 21 ปีบริบูรณ์ ก็ได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดบางเกาะเทพศักดิ์ เมื่อวันแรม 11 ค่ำ เดือน 7 ปีมะแม โดยมีพระอุปัชฌาย์จุ้ย วัดบางเกาะเทพศักดิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "อินฺทสุวณฺโณ"
พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ อินฺทสุวณฺโณ) หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษายังวัดบางเกาะเทพศักดิ์ เพื่อศึกษาทั้งด้านวินัยและด้านพระปริยัติ จนมีความรู้แตกฉาน ทั้งอักษรไทยและขอม

สำหรับการเรียนหนังสือขอม เป็นที่สำคัญยิ่งสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ด้วยพระไตรปิฎกนั้น แต่เดิมเขียนด้วยอักษรขอม เพิ่งจะเขียนด้วยอักษรไทยในสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส นี่เอง

นอกเหนือไปจากการศึกษาด้านพระวินัย พระปริยัติแล้วนั้น หลวงปู่ใจยังให้ความสนใจในเรื่องของคาถาอาคม และได้ขอเล่าเรียนจากครูบาอาจารย์หลายท่าน ต่อเมื่อท่านออกเดินธุดงค์เพื่อฝึกจิตสมาธิในพงไพรกว้าง ตอนใดที่พบพานพระธุดงค์ด้วยกัน ท่านมักขอศึกษาวิชาด้วย กล่าวว่าท่านมีโอกาสได้เรียนรู้วิชาทางสมาธิจากพระอุปัชฌาย์ยิ้ม วัดหนองบัว จากในป่านั้นเอง ในคราที่ท่านเดินธุดงค์ไปพบกับหลวงปู่ยิ้ม
ต่อมาได้มีนางอิ่มและนายอ่อน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของหลวงปู่ใจ ได้ยกที่ดิน 3 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา ถวายให้พระสมุห์แพ วัดใหม่ยายเงิน (วัดราษฎร์บูรณะ) ฐานานุกรมของพระครูวิมลเกียรติ (เกลี้ยง) วัดบางสะแก แต่ด้วยพระสมุห์แพ อาพาธลงเสียก่อน จึงได้มอบโฉนดที่ดินให้แก่ขุนศรีโยธามาตย์ภักดี (บุตร) กับหมื่นชำนาญ (โพน) เพื่อนำไปมอบให้แก่เจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่ง เพื่อดำเนินการสร้างวัดขึ้นตามเจตนาของผู้บริจาค
ซึ่งที่ดินเหล่านี้ ได้นำมามอบให้กับพระอุปัชฌาย์จุ้ย วัดบางเกาะ และได้ดำเนินการสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2434 ด้วยเงินสมทบบริจาคจำนวน 260 บาท พร้อมทั้งแต่งตั้งให้หลวงปู่ใจ ซึ่งอุปสมบทมาได้ 8 พรรษาแล้ว เป็นผู้ปกครองสำนักสงฆ์แห่งนี้ มีพระภิกษุจำพรรษาด้วย 4 รูป

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2434 ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ท่านพระครูวิมลเกียรติ (ป้าน) เจ้าอาวาสวัดเหมืองใหม่ เจ้าคณะแขวงเมืองราชบุรี ได้แต่งตั้งให้พระใจ เป็นเจ้าอาวาส และเป็นพระอธิการปกครองวัด มีชื่อวัดว่า วัดใหม่ยายอิ่ม ตามนามผู้ถวายที่ดิน

เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเป็นวิสุงคามสีมาแล้ว จึงให้ชื่อวัดใหม่ว่า "วัดใหม่ใต้ปากคลองดอน" ครั้นเมื่อปี พ.ศ.2458 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จมาตรวจการณ์คณะสงฆ์ และได้เสด็จมายังวัดใหม่ใต้ปากคลองดอน ได้ทรงตั้งนามวัดใหม่ว่า "วัดเสด็จ"

อีกบทความหนึ่งครับ..............................
ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพนับถือท่านมากมาย ท่านได้เคยสร้างพระไว้หลายอย่าง ทั้งเหรียญและพระหล่อเนื้อเมฆพัด พระปรกใบมะขามเนื้อเมฆพัดของท่านจัดเข้าอยู่ในชุดพระเบญจฯปรกใบมะขาม ซึ่งโด่งดังมาก // นอกจากพระเครื่องแล้วท่านยังได้สร้างตะกรุดไว้หลายแบบ ที่โดดเด่นมากก็คือตะกรุดลูกอม ที่มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนาค ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว กาญจนบุรี // หลวงปู่ใจท่านเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2405 // หลวงปู่ใจท่านได้รับสมณศักดิ์ดังต่อไปนี้ =>> พ.ศ. 2458 เป็นผู้รั้งเจ้าคณะแขวงบางคนที // พ.ศ. 2460 เป็นเจ้าคณะแขวงบางคนที และได้รับพระราชทานสัญญาบัตรมีพระราชทินนามว่า "พระครูสุทธิสาร" // พ.ศ. 2469 เป็นเจ้าคณะแขวงอัมพวา พ.ศ. 2495 เป็นพระสุทธิสารวุฒาจารย์ // พ.ศ. 2504 เป็นพระราชมงคลวุฒาจารย์ หลวงปู่ใจท่านมรณภาพวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2505 สิริอายุได้ 100 ปี พรรษาที่ 78 // ในสมัยที่หลวงปู่ใจท่านกำลังสร้างวัดเสด็จอยู่นั้นท่านได้เดินทางไปที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่บ่อยๆ เพื่อไปหาซื้อไม้มาสร้างวัด ท่านขึ้นล่องอยู่หลายปีจึงสร้างวัดได้สำเร็จ // และทุกปีท่านจะมาแวะพักที่วัดหนองบัว เอาหมากพลูมาถวายหลวงปู่ยิ้ม ซึ่งท่านเคารพหลวงปู่ยิ้มมาก มีอยู่ปีหนึ่งหลวงปู่ยิ้มพูดเปิดทางให้กับท่านว่าถ้าสนใจในวิทยาคมก็จะถ่ายทอดให้ // ท่านจึงรีบขอเป็นศิษย์ทันที หลวงปู่ยิ้มได้มอบบทเรียนบทแรกว่าด้วยการทดสอบพลังจิต โดยจุดเทียนตั้งไว้ที่ขัดน้ำมนต์ แล้วให้ท่านเพ่งกระแสจิตไปที่เทียนให้เทียนขาดกลางให้ได้ // ถ้าทำได้เมื่อใดจึงจะมอบวิชาให้ หลวงปู่ใจท่านทำอยู่ 7 คืน เทียนก็ไม่ยอมขาด หลังจากกลับมาพัก ท่านจึงตัดสินใจว่าถ้าหากคืนพรุ่งนี้เทียนยังไม่ขาด ก็จะกลับอัมพวา ปรากฏว่าคืนวันที่ 8 ท่านทำได้สำเร็จ // ท่านสามารถเพ่งกระแสจิตตัดเทียนให้ค่อยๆ ละลายขาดลงตรงกลาง หลวงปู่ยิ้มได้กล่าวชมว่า "เมื่อแรกเรียนท่านก็เก่งกว่าเสียแล้ว" เพราะหลวงปู่ยิ้มเองต้องทำอยู่ถึง 15 วัน // หลวงปู่ยิ้มจึงถ่ายทอดวิชาว่าด้วยการสร้างตะกรุดปราบทาษามหาระงับ ตะกรุดลูกอมอันเลื่องลือของท่านให้แก่หลวงปู่ใจจนหมดสิ้น // ตะกรุดของหลวงปู่ใจท่านจะสร้างด้วยความพิถีพิถันใช้ความประณีตบรรจง ตะกรุดแต่ละดอกจะมีขนาดเท่ากัน ลักษณะการม้วนจะเหมือนกัน การขวั้นไหม 5 สี ร้อยตะกรุดลูกอม ก็ต้องใช้ไหมที่มีขนาดเท่ากันทุกเส้นเวลาขวั้นต้องจัดเกลียวให้เป็นระเบียบ และท่านจะปลุกเสกของๆ ท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น ตะกรุดลูกอมของหลวงปู่ใจจะมีอยู่ 3 เนื้อคือ เนื้อทองคำ เนื้อนาค และเนื้อเงิน ปัจจุบันตะกรุดลูกอมของหลวงปู่ใจนั้นหายาก ทุกคนที่มีต่างหวงแหนครับ /

140
สมาชิกท่านใด มีความประสงค์จะร่วมเป็น 1 ในผู้ออกแบบของที่ละลึก

ก็เชิญโพสรูปภาพได้เลยครับ รูปภาพของใครได้รับการยอมรับก็ มีรางวัลให้นะจ้ะ

ก็จะมี 1.เสื้อยืดคอปก     2.เข็มกลัด (ไม่ใช่พลาสติกเป็นเนื้อทองเหลืองลงยา) 3.พวงกุญแจ

โดยกติกา ต้องมีข้อความว่า www.bp.or.th และ วัดบางพระ เป็นส่วนหนึ่งในการทำแบบนั้นๆ

และการเข็มกลัด และพวงกุญแจ นั้นต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเสือ และมีข้อความข้างต้น

หมดเขตวันที่ 17 มกราคม นะครับผม รีบๆ หน่อยนะครับ ยังมีรางวัลให้คนที่ส่งภาพมาให้อีกมากมายครับ
   :093:


Ps. ประกาศสะเหมือนเกมส์โหดมันฮาเลย  :095:


141
กระทู้เก่า จะลงแล้วแต่ผมว่ารูปเยอะไปก็เลยมาตั้งใหม่ ขออภัยนะครับผม



เอะใจหันไปเจอ เสือหลังป้ายวัดชายนา ครับ



บริเวณข้างๆ



งดนะครับ อ่านป้ายไว้



บริเวณทั่วไปภายในวัด





ปถ่ายมาได้ไง ยังงง ครับลืมอ่านป้ายว่า ห้ามถ่ายรูป แป้ว ....  :054:

142
เริ่มต้นที่ เขาตะเกียบ ประจวบฯ ครับผม

ที่ประจุพระธาตุ ที่เขาตะเกียบครับ



โดยทั่วไปจะมีลิงตัวน้อยๆ นับพันตัวหมื่นตัววิ่งเล่นอยู่แต่ที่ไปตกเย็นแล้วลิงนอนเขาหมดแล้วครับ






จุดนี้จะออกแนว จีนๆ หน่อยนะครับผม ศิลปสวยมากครับ





สังกัจจาย ใหญ่มากครับ ใหญ่เท่าๆ บ้านคนเลย



มังกรกับทิวเขา สวยสุดๆ ครับ





เจ้าแม่กวนอิม ครับ







เรียกว่าอะไรแม่แน่ใจครับ งง อยู่เหมือนกัน ใครรู้ก็บอกทีเน้อ



ที่เปาสิ่งชั่วร้ายครับ โรคภัยไข้เจ็บเผาไปเลยปีใหม่นี้



ทิวทัศน์สวยมากครับ






จุดประทัดขับไล่สิ่งไม่ดี



จบวันแรกซะแล้ว มาดูวันต่อไปกันครับ

143
เพื่อนๆ คิดว่าเว็บเรามีอะไรเป็นสัญลักษณ์

และควรมีอะไรเป็นโลโก้บ้าง

และทุกคนอยากได้อะไรเป็นที่ละลึกของเว็บวัดบางพระ



ส่วนตัวกระผมชอบเข็มกลับ ลงยาสวยๆ สัก 1 ชิ้นเป็นที่ละลึก แล้วท่านล่ะอยากได้อะไร ?

144
มีผู้ใหญ่ใจดี ให้มาครับ เห็นแกว่าได้มาจากนนทบุรี ไม่ใช่ของเก่าหรอกครับ

แต่ผมสงสัยว่า ใครพอจะทราบที่มาที่ไปมั่ง ของแปลกสำหรับผม อาจไม่แปลกสำหรับบางท่าน

ใครพอทราบที่มาที่ไปประวัติ และอื่นๆ ลงให้ทราบทีครับ จะได้หาย งง ขอบคุณครับ ..
  :089:




145




รายงานข่าวจาก องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซา เชิญชวนชมปรากฏการณ์จันทร์เต็มดวงในคืนวันนี้ (12 ธันวาคม) โดยคืนนี้จะเห็นจันทร์เต็มดวงที่โตที่สุดและสว่างที่สุดในรอบปีนี้ โดยจะโตกว่าดวงจันทร์ปกติถึง 14 % และสว่างมากกว่า 30% สำหรับปรากฏการณ์จันทร์เต็มดวงนี้ ด้านที่อยู่ใกล้โลกสุด คือ  perigee ส่วนด้านที่อยู่ไกลสุด คือ apogee

           ขณะที่ นายนิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตทางด้านดาราศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า วันนี้จะเกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าวันอื่นๆ คนไทยมักเรียกวันนี้ว่า วันพระใหญ่ โดยทุกคนสามารถเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติ โดยเฉพาะเวลา 23.00-24.00 น. จะเห็นดวงจันทร์กลมโตสุกสว่าง โดยดวงจันทร์ดังกล่าวจะมีความกว้างของเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 33.5 ลิปดา ซึ่งต่างจากดวงจันทร์ปกติที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 30 ลิปดา อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง เพียงแต่ระยะห่างจากโลกที่ทำให้เห็นดวงจันทร์กลมโตสุกสว่างจะแตกต่างกัน ซึ่งครั้งนี้ถือว่าดวงจันทร์มีลักษณะโตที่สุด โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าหลังจากนี้จะเกิดขึ้นอีกประมาณ 15-18 ปี

           "ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง หากมองเห็นดวงจันทร์กลมโตกว่าปกติ หรืออยู่บริเวณขอบฟ้าย่อมแสดงว่าเป็นช่วงน้ำขึ้น แต่หากเห็นดวงจันทร์อยู่สูงมากหรือไกลออกไปแสดงว่าเป็นช่วงน้ำลงนั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วม เพราะแรงดึงดูดจากดวงจันทร์จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าปกติไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น" นายนิพนธ์กล่าว และว่า รูปร่างของดวงจันทร์มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสังคมไทยมาเนิ่นนาน เพราะใช้ดวงจันทร์กำหนด "วันพระ" ซึ่งมี 4 วันคือ "วันพระใหญ่" 2 วัน ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ ดวงจันทร์เต็มดวง และวันแรม 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ ซึ่งมองไม่เห็นดวงจันทร์ ส่วน "วันพระเล็ก" มี 2 วัน หากเห็นดวงจันทร์ครึ่งดวง จะตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นสูงสุดเป็นรูปครึ่งวงกลม หันด้านนูนไปทางตะวันตก นับเป็นวันพระเล็ก และวันพระเล็กอีกวันคือ แรม 8 ค่ำ เวลาเช้าตรูจะเห็นดวงจันทร์อยู่สูง เป็นรูปครึ่งวงกลม หันด้านนูนไปทางตะวันออก

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ จะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ เกิดขึ้น ซึ่งฝนดาวตกเจมินิดส์ถือเป็นฝนดาวตกอีกกลุ่มหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้ฝนดาวตกอื่นๆเนื่องจากมีความหลากหลายของสีที่สวยงาม

           ทั้งนี้ฝนดาวตกเจมินิดส์มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มดาวคนคู่ ปกติสามารถสังเกตได้ตั้งแต่คืนวันที่ 6-19 ธันวาคม ของทุกปี สำหรับในปีนี้ ฝนดาวตกเจมินิดส์จะมีมากที่สุด ซึ่งอาจจะเห็นได้สูงสุด 100 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 13 ธันวาคม จนถึงก่อนฟ้าสางวันที่ 14 ธันวาคม

           อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในวันที่ 13 ธันวาคม ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งนับเป็นช่วงที่ดวงจันทร์เกือบเต็มดวงและส่อง สว่างมาก จึงอาจจะทำให้เห็นฝนดาวตกเฉพาะดวงที่มีความสว่างมาก โดยผู้สนใจสามารถดูได้ทางท้องฟ้าทิศตะวันออกตั้งแต่เวลา 21.30 น. เป็นต้นไป




ขอขอบคุณภาพและข้อมูล จากเว็บ kapook ครับ

146
พิธีฝังเหล็กไหลเข้าตัวคน ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

โคราช เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2550 (คนใจอ่อนไม่ควรดู)
 

เก็บมาฝากสำหรับผู้ศึกษาเป็นวิทยาทาน และเพื่อการรับรู้เข้าใจกับการฝังเหล็กไหล ครับ  :089:

http://seedang.com/stories/10923

147
ลายยันต์ต่างๆ พี่ๆน้องๆ เพื่อนๆ มาร่วมโพสรูปภาพกันได้ครับ

อย่าเก็บไว้คนเดียวนะครับ มาช่วยกันสืบสานบารมีหลวงพ่อเปิ่น กันดีกว่าครับ

กระทู้นี้สร้างมาเพื่อตอบสารพัดคำถามเรื่องยันต์นี้ยันต์นั้น นะครับ

ทุกท่านที่เข้ามาสามารถโพสรูปภาพเพื่อเป็นที่ละลึกถึงพระเดชพระคุณบารมีหลวงพ่อเปิ่น

สร้างมาเพื่อมิได้โชว์พาวเวอร์ หรือยันต์ในตัวแต่สร้างมาเพื่อละลึกถึงพระคุณท่าน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้าพเจ้าขอกราบ นมัสการหลวงพ่อเปิ่น และครูบาอาจารย์ทุกท่าน

ขอให้ผู้ที่เข้ามาชมและโพสทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญทั้งหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว

มิให้มีอันตราย และเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกท่าน กราบบารมีครูอาจารย์จงปกปักรักษาทุกท่านด้วยเถิด ...
 :114:


กราบ นมัสการหลวงพี่อภิญญา ด้วยความเคารพรักครับ


148
กุ้งส่งเสียงดังกว่ายิงปืน ครับ ลิงค์ด้านล่างเลยครับ

http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1286216

149
พอดีไปบ้านเพื่อนมาเมื่อวานไปเอาท่อพักท่อไอเสียรถยนต์ เพื่อนมันก็รู้ดีว่าผมชอบพระ เครื่องราง

มันเลยบอกว่า เห้ยรอแปปนะว้อย มันก็หายไปในบ้านสักพักเดินออกมาพร้อมรูปถ่าย แล้วบอกว่า

รู้จักใครในรูปไหม ผมมองดูก็ถึงบางอ้อ เลยครับ รูปนี้ถ่ายสมัยใด ใครรู้บ้างเอ่ย......
  :089:




150
วัดคลองเตยใน อยู่แถวกรมศุลกากร เริ่มจากห้าแยกระนอง ตรงตลาดปีนังเข้าไปทางคลังน้ำมัน ผ่านตึกล๊อกเลย์ ลอดใต้ทางด่วนไปถึงคลังน้ำมัน เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางจะเจอวัด ราคา 1500 - 2000 บาท (เฉพาะค่าบำรุงเตา) คุณลุงสำเภา เป็นคนเผาทำอย่างดี รับจัดมีเตาเผาสุนัขโดยเฉพาะ เตาเผาเป็นเตาไฟฟ้า แบบเดียวกับของคน แต่ขนาดเล็กกว่า บอกว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทย สามารถเชิญพระมาทำพิธีได้ หลังเผาถ้าจะไปลอยอังคารจะมีเรือพาไปที่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่มีสุสานสำหรับสุนัขด้วย แต่ว่าเต็มแล้ว ส่วนมากสุสานสุนัขที่มาฝังจะเป็นของชาวต่างประเทศ ต้องไปถึงภายใน 5 โมงเย็น ถ้าไม่นำกระดูกกลับ มีรับไปลอยอังคารให้เลย แล้วเค้าจะโทรบอกตอนลอยอีกที

ลุงสำเภากับเตาเผาระบบไฟฟ้า


สมัยที่ผมเป็นนักเรียนจำได้ว่านั่งดูหนังฝรั่งที่มีฉากหิมะและหมาลากเลื่อนหน้าตาหล่อมาก

หมา นะครับที่หล่อ ไม่ใช่ผม

ตอนนั้นยังคิดว่าประเทศไทยไม่สามารถเลี้ยงหมาพันธุ์นี้ได้แน่ๆ เพราะเป็นเมืองร้อน-ไม่มีหิมะ

ปี 2547 ประเทศไทยมีหมาที่เขาใช้ลากเลื่อนในอลาสกามาเดินประกวดกันในงามประกวดหมาทั่วไป

หมาพันธุ์ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่เราเคยเห็นในหนังฝรั่งมันสามารถมาขยายพันธุ์และเติบโตในเมืองไทยได้

ปัจจุบันโลกและโรคเดินทางถึงกันเร็วขึ้น

ประมาณสัก 2-3 ปีก่อน ประเทศฮ่องกงเกิดโรคระบาดในเป็ด-ไก่ มีการฆ่าทำลายเป็ด-ไก่หลายล้านตัว

ผมยังนึกในใจ...ดีนะที่โรคพวกนี้มันไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ปลายเดือนมกราคม 2547 ข่าวเกี่ยวกับไข้หวัดนกที่ระบาดในประเทศไทยมีการฆ่าตัดตอนเป็ด-ไก่หลายล้านตัว

เห็นภาพที่เขาจับไก่ตัวเป็นๆ ยัดลงถุงกระสอบเป็นภาพที่เศร้าสะเทือนใจมาก

สงสารไก่-เจ้าของเล้าไก่ และเสียดายไก่ชนของไทย

ไก่ชนพันธุ์เหลืองหางขาวหรือไก่ชนสมเด็จพระนเรศวร ถือเป็นมรดกของชาติไทยที่ต้องมาตายเพราะไข้หวัดนก

เจ้าของไก่ชนบางคนรับไม่ได้ที่ต้องฆ่าไก่ตัวเอง เขาเลี้ยงดูไก่ตั้งแต่เล็กๆ
ป้อนข้าว-ป้อนน้ำดูแลอย่างดีเหมือนลูก

หวังว่าเจ้าไข้หวัดนกเอช5 และเอช7 มันไม่ทะลึ่งกระโดดข้ามสายพันธุ์จากสัตว์ปีกมาสู่หมา

หมา-แมว-กระต่าย-นก-ไก่ถึงมันจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงแต่หลายคนเลี้ยงแล้วผูกพัน รักเหมือนลูก คนหนึ่ง

อะไรที่มันผูกพันกับเรามันมีผลทางใจทั้งนั้นโดยเฉพาะหมา

ผมว่าโชคดีนะวันที่ไปวัดคลองเตยในไม่เจอบรรยากาศการเผาศพหมาโดยมีเจ้าของหมาร้องไห้น้ำตาท่วมวัด

ผมเสิร์ฟคำถามแรกกับลุงสำเภา \"ที่วัดนอกจากรับเผาหมามีสัตว์อื่นมาใช้บริการไหม\"

\"มีกระต่าย นก แมว แต่ช่วงนี้กระต่ายจะเยอะหน่อย\"

\"เจ้าของกระต่ายเขาร้องไห้ไหมครับ\"

\"เขาก็ร้องไห้พอๆ กับเจ้าของหมานะ\"

ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมต้องสงสัยแน่ๆ แค่กระต่ายทำไมต้องร้องไห้ ปัจจุบันผมไม่สงสัยแล้วเพราะเลี้ยงกระต่าย 1
ตัว

กระต่ายนอนในห้องนอนกับผมทุกคืน มันชอบกระโดดขึ้นมาบนเตียงวิ่งรอบตัวผม 2-3 รอบ
ไม่รู้ว่ามันสนุกตรงไหน

\"ตายแล้ว เอาไปนอนในห้องได้ไงกระต่ายมันขี้เกลื่อน-ขี้เยอะด้วย\"
เดาว่าต้องมีผู้อ่านทักท้วงเรื่องนี้

กระต่ายมันขี้เกลื่อน-ขี้เยอะ-ขี้ตลอดเวลาจริงๆ ตัวที่ผมเลี้ยงมันขี้-เยี่ยวเฉพาะในกรง

ถ้ามันขี้เกลื่อน-เยี่ยวมั่วผมคงไม่พาไปนอนด้วยให้หมามันอิจฉาและแค้นฝังหุ่นอยู่ทุกวัน

ลุงสำเภาเล่าต่อ นอกจากกระต่ายยังมีนกที่เจ้าของนำมาเผา

\"ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเขาห่อใส่ผ้าขาวมาอย่างดี ตอนเปิดผ้าถึงรู้ว่าเป็นนก-สีสวยมาก
นกตัวนี้ไปเที่ยวต่างประเทศกับเจ้าของไม่ต่ำกว่า 10 ประเทศแล้ว\"

ตามด้วยเรื่องแมว 1 เรื่อง

\"เป็นเจ้าของคอนโดอยู่แถวสุขุมวิทเขารักแมวตัวนี้มาก มาทำบุญเลี้ยงพระถวายสังฆทานให้แมว
ผมเองยังแปลกใจที่เขาทำพิธีทางพุทธเพราะเจ้าของเป็นแขก\"

กระต่าย-นก-แมวผ่านไป ที่เหลือขอเป็นเรื่องหมาล้วนๆ ผมถามนำเข้าเรื่องหมา

\"เคยไหมครับที่เจ้าของหมามาชนกัน\"

\"บ่อยมากบางวันมาพร้อมกัน 3 ราย ศาลาตรงนี้ที่สร้างเพราะให้คนมานั่งคอย\"

\"ก่อนเผามีพิธีกรรมอะไรไหม\"

\"แล้วแต่เจ้าภาพเขาจะเอายังไง บางคนนิมนต์พระมาสวด-ทำบังสุกุล-ถวายสังฆทาน
ทำทุกอย่างเหมือนงานศพคน บางคนมาถึงก็เผาเลยไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก\"

ผมเดาว่าเจ้าของหมาทุกคนที่มาต้องร้องไห้แน่ๆ แต่อย่างได้คำตอบจากลุงให้แน่ใจ

\"เจ้าของหมาที่มาเนี่ย ตอนที่เผาหมาเขาร้องไห้ทุกคนไหมครับ\"

ลุงเน้นเสียงสูง \"ร้อง!...ร้องไห้ทุกคนที่มา
ร้องตั้งแต่ตอนอุ้มลงมาจากรถจนกระทั่งเผาเสร็จยังร้องอยู่ตั้งนาน\"

คุยเรื่องหมาลุงสำเภาตอบเยอะและยาว

\"มีหลายคนมาถึงวัดแล้วไม่ยอมลงจากรถ นั่งกอด-นั่งหอมหมาอยู่ในรถกว่าจะทำใจได้
ญาติที่มาด้วยต้องเข้าไปปลอบใจถึงจะอุ้มหมาลงมา...ขนาดเอาเข้าเตาเตรียมเปิดไฟแล้วนะ
เขายังขอให้เราเปิดเตาเอาหมาออกมาให้ดูอีกครั้ง
ทั้งกอดทั้งหอมหมากว่าจะทำใจได้...ร้องไห้อยู่นานมาก\"

ผมสงสัยเรื่องญาติของเจ้าภาพ \"งานศพหมามีญาติมาด้วย\"

\"มี...บางคนญาติเยอะมากรถมาตั้ง 4-5 คัน ทาทา ยัง ก็เหมือนกันเขาเอาหมามาเผาที่นี่
เพื่อนเขามากันเยอะ ทาทา ยัง ร้องไห้โฮเลย เพื่อนๆ เขาก็ร้องด้วย\"

ถ้าตุ๊กตาหมาที่ภราดรซื้อให้ทาทาหายไป ทาทาคงร้องไห้นานกว่านี้

\"หมาที่มาเผาเจ้าของเขาตกแต่งศพหมายังไงครับ\"

\"ส่วนมากแทบทุกคนเลยนะเขาจะพรมน้ำหอม-โรยดอกไม้รอบตัวหมา
เอาของเล่น-เสื้อผ้าของหมาใส่รวมไปตอนเผา
มีอยู่รายหนึ่งก่อนเผาเขาก้มลงพูดกับหมาบอกให้หมาไปปฏิบัติธรรมในอีกโลกหนึ่ง เขารักหมามาก\"

\"คนแถวนี้เขาแปลกใจไหมที่เจ้าของหมาร้องไห้\"

\"เขาเห็นทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ บางบ้านเลี้ยงหมาหลายตัวพอหมาตายพามาที่นี่จนจำหน้ากันได้
มีอยู่คนหนึ่งอายุมากแล้วนะ เดินก็ไม่ไหวต้องให้ลูก-หลานประคองตัวเดินมางานเผาศพหมา
เขารักหมาเหมือนลูกเหมือนหลาน\"

คนเลี้ยงหมาและรักหมาเท่านั้นถึงจะเข้าใจอารมณ์ตรงนี้ได้ดี

\"เผาเสร็จ กระดูกเอาไปไหนครับ\"

\"บางคนเขาให้ทางวัดจัดการลอยอังคารให้
ถ้าเป็นคนต่างชาติเขาจะเอากระดูกส่วนหนึ่งไปต่างประเทศด้วย\"

ถ้าหมาตายผมจะเอากระดูกมันไปลอยอังคารที่เกาะมัลดีฟมันจะได้ไม่ตามมาหลอกหลอนผมเพราะมันจำทางไม่ได้

\"ลุงเจอเรื่องแปลกๆ อะไรเกี่ยวกับการเผาหมาไหม\"

\"กับผมไม่มีนะ มีแต่เจ้าของหมาคนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังหลังจากที่เผาหมาไปประมาณ 2-3 วัน
กลับเข้าบ้านเขาได้กลิ่นน้ำหอม-น้ำหอมที่เขาใส่ให้หมาตอนมาเผา ได้กลิ่นน้ำหอมอยู่หลายวันเหมือนกัน
คนนี้รักหมามากเชื่อไหมหมาเขาตายไปเกือบ 2 ปีแล้ว เขามาทำบุญที่วัดอุทิศส่วนกุศลให้หมาทุกเดือนไม่เคยขาด
หมาเขาฝังอยู่ท้ายวัด\"

ผมลืมเล่าให้ฟัง เริ่มต้นที่วัดคลองเตยในไม่มีบริการเผาหมา ทางวัดอนุญาตแค่ให้นำหมามาฝังในวัด

จำนวนหมาที่มาฝังเพิ่มมากขึ้นจนไม่มีที่ฝัง เจ้าอาวาสเลยต้องสร้างเตาเผาหมา

เตาเผาหมายุคแรกใช้ฟืนมีปล่องปล่อยควัน ใช้เวลาเผาประมาณ 5 ชั่วโมงต่อหมา 1 ตัว

จำนวนหมาที่มาใช้บริการมากขึ้นทุกวัน ท่านพระครูวิมลกิตติสาร(เจ้าอาวาส)
ตัดสินใจสร้างเตาเผามาตรฐานใช้ระบบไฟฟ้าแบบไร้มลภาวะ ค่าก่อสร้างทั้งหมด 7 แสนบาท

จากปากต่อปากและข่าวที่ออกทางทีวีวัดคลองเตยในรับเผาหมา
ทำให้จำนวนหมาที่มาเผามากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉลี่ยต่อเดือน 40-50 ศพ เคยมากสุดถึง 60 ศพ

ค่าใช้จ่ายในการเผาหมาประมาณ 1,500 บาท เป็นค่าน้ำมัน ค่าบำรุงเตา ค่าไฟฟ้า
ค่าแรงแล้วแต่เจ้าของหมาจะจ่าย

เรือที่เหมาไปลอยอังคารเขาคิดเที่ยวละ 300 บาท

ก่อนกลับลุงสำเภาพาผมไปดูสุสานหมาท้ายวัด แต่ละหลุมมีไม้กางเขนปักพร้อมชื่อหมา มีทั้งหมาไทย-หมาเทศ

เห็นหลุมศพหมานึกถึงหมาที่บ้าน ถ้าไอ้ปั๊ก-ปอนตาย ผมคงไม่ร้องไห้...รับรองว่าไม่ร้องไห้แน่ๆ
ใจผมหนักแน่นพอ

เดินออกจากสุสาน ผมกะพริบตาหลายครั้ง...ไล่น้ำตาที่ซึมนิดๆ




ข้อมูลจาก คอลัมน์ วันของหมา โดย ชาติ ภิรมย์กุล  เรียบเรียงใหม่โดย โจรสลัด

151
หมูน้อยหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ น่ารักมากครับ พอดีเพิ่งได้มาเลยนำมาให้ชมเป็นวิทยาทานครับ  :089:










152
ได้มาจากผู้ใหญ่ครับ ท่านเมตตาให้ผมมา พี่เขาบอก ขอให้หลานๆมันหน่อย  :095:

ตัวใหญ่ขนาด 7 นิ้วครับ แกว่า ของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว อ่ะครับ....
  :089:


















153
อาถรรพ์ของกะลาตาเดียว

กะลาตาเดียว หรือ กะลามะพร้าวตาเดียว ถือกันว่าเป็นวัตถุอาถรรพ์ ที่มีฤทธิ์อยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว
แม้ว่าไม่ต้องปลุกเสกก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ คนแต่ก่อนได้กล่าวกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษหลายอย่าง


1. ใช้สำหรับตักข้าวสารใส่หม้อ เวลาหุงข้าวกิน หากว่านำติดตัวไปประกอบอาชีพ ธุรกิจ จะทำให้เกิด
ทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ หากเป็นชาวไร่ ชาวนา และพืชในไร่งอกงามดี หากเป็นข้าราชการก็จะเจริญทาง
ยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นหัวหน้า เป็ฯนายคน เป็นใหญ่เป็นโตเร็วกว่าคนอื่นๆ


2. ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง ติดประจำกายไว้กับตัว เพราะกะลาตาเดียวเป็นอาถรรพ์มีดีอยู่ในตัวแล้ว
หากว่ามีการนำไปปลุกเสกลงคาถาอาคมก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น


3. ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไรป้องกันคุณไสยและภูติผีปีศาจได้ ใช้แก้ผีเข้า ของมีคมเข้าตัว
ใช้ล้างอาถรรพ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในบ้าน เช่นปลูกบ้านทับของมีอาคมร้าย ซากศพ บ่อน้ำ บ้านตั้งอยู่กลางสามแพร่ง
และอื่นๆ ที่ส่งผลร้ายให้แก่ผู้อาศัย ให้กลับกลายเป็นดีได้


4. ใช้ป้องกันภัยอันตรายต่างๆได้ เช่นทำให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆที่จะมาถึงตัว

5. ใช้ทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ติดตัวเป็นประจำ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงดี โรคภัยไข้เจ็บ จะไม่ค่อย
มาเบียดเบียน ที่เจ็บป่วยอยู่ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้น


6. นำบูชาอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดโชคลาภสม่ำเสมอ ทรัพย์สินเงินทองจะหลั่งไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

7. นำพกพาไปค้าขายก็จะค้าขายดี นำติดตัวไปซื้อของก็จะได้ของมามาก ทั้งที่มีเงินนิดเดียว ถ้าขายของ
ก็จะได้เงินเข้ามามาก แต่ของที่ขายไปดูยังไม่ยุบไปเท่าไหร่


8. คนสมัยโบราณ ใช้นำเป็นเครื่องมือแพทย์โบราณใช้ในการตัดต้อที่ตาของคน ให้หายขาดได้

9. ใช้เป็นยารักษาโรคอัมพาต โดยนำทั้งลูกมาผ่า แบ่งเป็นสี่ส่วน ให้นำชิ้นนึงไปทางทิศตะวันตก
อีกสามชิ้นส่วน มาต้มน้ำ มาต้มน้ำกินน้ำทุกวัน วันละ 3 มื้อ มื้อละ 1 แก้ว ถ้าหมดก็นำมาแบ่งเช่นเดิม
แล้วต้มกินอีก ไม่นานก็จะหายจากอัมพาต





154
เคยเห็นมีคนตั้งกระทู้ถึงอยู่ เลยนำภาพมาให้ชม ครับผม

ขออภัยที่หายไปนาน ติดธุระอยู่ต่างจังหวัดครับ.....
  :089:






155
ตะกรุดดอกนี้ที่มา มาจากลุงของเพื่อน (ลุงอายุสัก 50-60) เขาบอกว่า ของหลวงพ่อเปิ่น

ได้มาสมัยหนุ่มๆ ครับผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ลายนี้ไม่พบเห็นเลย แต่เจ้าของยืนยันว่าแบบนั้น

ปัจจุบัน ลุงคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วครับ เลยไม่ได้ถามอะไร เพื่อนก็ให้ผมมาครับ

เพื่อนเห็นว่าผมก็ศิษย์วัดบางพระ มันเลยให้ผมมาครับ ผมเลยอยากรู้ว่า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คิดยังไงกับดอกนี้...
 :089:












156
บทความ บทกวี / โลกกลมจริงหรือ ?
« เมื่อ: 17 ต.ค. 2551, 09:15:16 »
บันทึกของเด็กหนุ่มเรื่อง โลกกลมๆ ของผม

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่าน ถูกแล้วครับผมพูดกับคุณ นี้เป็นเรื่องระหว่างเรา คุณกับผม
ผมมีความลับจะมาบอกคุณ ไม่รู้ว่าคุณมีโลกแบบผมไหม ผมมีโลกส่วนตัวมาเล่าให้คุณฟัง
ผมเกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ ปีนี้ปี ๒๕๔๙ ผมอายุ ๑๔ ปีแล้วครับ ผมเกิดโตในเมืองหลวงของไทย
จังหวัดปริมณฑล ห้องที่ผมเกิดเป็นห้องที่โรงพยาบาล ห้องสี่เหลี่ยมๆ พ่อกับแม่สร้างบ้าน
มีห้องส่วนตัวให้ผม เมื่อผมเริ่มจำความได้ผมวิ่งเล่นในห้องที่มีผนังสี่ด้าน กับพื้นด้านล่างและเพดาน
ซึ่งต้องอยู่ด้านบน ตั้งแต่เด็กๆ ผมเกิดมาก็เป็นเช่นนี้ไม่มีอะไรใหม่ จำความได้ก็เริ่มไปโรงเรียน
ไปโรงเรียนแม้ว่าที่บ้านเราไม่มีฐานะมาก แต่เรื่องการศึกษาการเรียนหนังสือเป็นความหวังของครอบครัวเรา
คุณพ่อคุณแม่ ลงทุนได้ครับ ผมจึงไปเรียนพิเศษเหมือนคนอื่นๆ เขาเช้าผมก็ตื่นไปเรียน
นั่งรถตู้ไปเรียนจากชานเมืองหลวง ทุกๆ เช้า

รถตู้ ...
ห้องของผม ...
ห้องเรียน ...
ห้องเรียนพิเศษ ...

โลกของเรา ที่ผมได้เรียนมา บอกว่าเป็นทรงกลม โลกทรงกลม ผมไม่เคยเจอเลยว่ามันกลมตรงไหน
ทุกวันนี้ช่วงผมพักผ่อน ก็เล่นคอม จอสี่เหลี่ยม ดูหนังจอสี่เหลี่ยม โลกที่ผมมีสังเกตุไปทุกที่
กรอบที่ขังผม เป็นเช่นนี้ทุกที่ไป ลูกบาศก์ กรอบสี่เหลี่ยม ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันกลม

กลมตรงไหน ... โลกของผม

157
นำของรักมาออกประมูล หากองทุนกฐิน ของชาวเว็บผู้เสียโอกาสไปงานที่วัดนะครับ

ร่วมทำบุญได้ครับผม..... การทำบุญนี้ เงินทุกบาททุกสตางค์ ส่งเข้าวัดบางพระ หมดครับผม

เราทำงานกันอย่างโปร่งใส(เหมือนเดิม)ครับ กระผมจึงนำของรักมาออกประมูล เพื่อการกุศล

ผ้ายันต์ บัวบังใบ ได้ความเมตตามาจาก
หลวงพี่ญา (พระอภิญญา) วัดบางพระ

ผมจึงนำมาร่วมประมูลนำเงินเข้าวัดบางพระ ครับ... ผ้ายันต์มีผืนเดียวเท่านั้น

และยังมีหนังสือ ที่ละลึกหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ให้อีกเล่มนึงครับ เล่มเดียวเท่านั้น !!!   :090:

ท่านใดที่ต้องการประมูลผ้ายันต์การกุศล ครั้งนี้ เชิญได้ครับ เราเริ่มต้นกันที่ 500 บาทครับ

เพิ่มกันทีละ 20 บาท ขึ้นไปนะครับผม ไม่มีประมูลเล่นๆ เพิ่มทีละ 1 บาท นะครับ ขอบคุณครับ

ปิดประมูลผมให้เวลา 6 โมงเย็น ของวันพฤหัสบดี นี้ นะครับ...
ส่วนผู้บริจาคท่านอื่นๆ

ที่มีความประสงค์จะร่วมทำบุญ สามารถ บริจาคเพิ่มเติมได้นะครับ 

บริจาคเงินทอดกฐินกันได้ถึง วันที่ 18 ตุลาฯ ครับ โพสบอกได้เลยครับ

ส่วนชื่อที่อยู่ เลขบัญชีบริจาคนั้น ผมจะส่งให้ทางข้อความส่วนตัว PM แล้ว ติดต่อกันอีกทีนะครับ 


ตัวอย่างภาพด้านล่างพร้อมลิงค์

http://www.bp-th.org/webboard/index.php/topic,5011.0.html

หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ







ภาพผ้ายันต์ บัวบังใบ ได้รับความเมตตาจาก หลวงพี่ญา แห่ง วัดบางพระ เรานี่เองครับ




158
บทความ บทกวี / ก้อน กิเลส
« เมื่อ: 05 ต.ค. 2551, 12:20:25 »
นักข่าวบางคน

ก็ไม่รู้ล่ะครับ งานผม พูดก่อน ตะโกนก่อน คนก็เข้าข้างครับ
ทำตัวให้ดูเป็นคนดี มีน้ำใจ แล้วยิ่งผมได้ออกทีวีบ่อยๆ

คนก็เข้าใจว่าผมเป็นคนดีแล้วครับ ง่ายจะตาย
ผมไม่รู้หรอกครับว่า ใจสาธารณะเป็นแบบไหน
ผมรู้แค่ว่าพูดอะไรไปแล้วคน จะสนใจ ผมจะดูดี



คน *** บางคน

ประชาธิปไตยซิครับสิ่งที่ผมต้องการ  มีเลือกตั้งผมก็เข้าถึงอำนาจ
จัดสรรหาทรัพย์ยากรได้ทันที อย่างอื่นหรือครับ ผมไม่เข้าใจหรอก
ว่าประชาธิปไตยคืออะไร



ครูบางคน

ครูบางคน ก็เงินเดือนที่ได้น้อยจะตาย
สู้พวกกวดวิชาไม่ได้ รวยกันจะตายอยู่แล้ว
ทำไงได้ก็ต้องแบบพอเพียง

พอมีพอกินจะไปทำไรใหญ่โตเราก็ทำไม่ได้
จะเปิดสอนแบบกวดวิชาก็ไม่เก่งเท่าเขา
คนเขาไม่ยอมรับหรอก เราจบ ครู

โชคดีที่กระทรวงศึกษาเข้าใจหัวอกครูเหมือนกัน
มาให้น้ำหนักคะแนน เกรดในโรงเรียนเพื่อเอาไปเข้ามหาลัย
แค่นี้ก็ช่วยครูอย่างเราได้เยอะแยะ

เปิดสอนพิเศษให้เด็กในโรงเรียนซิค่ะ
แล้วก็แอบบอกข้อสอบ เดี๋ยวเด็กก็ไปรือกันเอง
วิชาใคร วิชามัน เด็กใครเด็กมัน แค่นี้ก็พอเพียง

รายได้เสริม แบบพอมีพอกินค่ะ


นักบวช พระ และแม่ชี บางคน

ศรัทธา ญาติโยม ศรัทธา ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ทำบุญกับอาตมาไว้นะโยม ไม่จนแน่นอน



แล้วชาติเรา จะเป็นเช่นไร ... หากคนบางคนยังคงเป็นแบบนี้ ? ใครรับผิดชอบ ใครจะสนใจ ?

159
บทความ บทกวี / ข้าเก่ง ใครก็รัก
« เมื่อ: 04 ต.ค. 2551, 08:25:10 »
บันทึกของนักวิชาการคนหนึ่ง

ผมเป็นนักวิชาการครับ

ตอนเด็กๆ ผมเรียนเก่ง สอบเข้าได้ที่ 1 ของประเทศ คณะอะไรไม่ขอบอกนะครับ

ตอนนี้ผมเป็นนักวิชาการเป้นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยครับ ผมไม่เข้าใจว่าผมเก่ง ผมมีความรู้เยอะ
เป็นนักวิชาการทางด้านการเมืองการปกครองครับ ทำไมคนยอมรับผมน้อยจัง

ผมชอบออกไปพูดในที่สาธารณะครับ เพื่อให้คนได้รู้จักผม จะได้รู้ว่าผมมีความรู้เยอะๆ ครับ
สังเกตได้ครับเวลาใครได้รับความรัก ได้รับความยอมรับ ผมจะไปว่าเขาไม่ดีต่างๆ
หาให้เจอว่าเขาไม่ดีตรงไหน ผมจะคอยเบรคเขาครับ ไม่ให้เขาได้ดีไปกว่าผม
เอาง่ายๆ คนที่ไม่เคยยอมรับใครเลยเวลาออกทีวีนั่นแหละผมเองครับ

ผมชอบระบบเสรีประชาธิปไตยมากครับ เพราะทุกคนเท่ากัน

แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมไม่ยอมรับความเก่งของผมครับ
ทั้งที่ตอนเด็กๆ ผมก็เห็นเขาให้ผมเรียนแข่งกัน

ใครได้ที่ 1 ก็เก่ง ครูก็รัก แม่ก็รัก พ่อก็รัก

ตอนนี้ผมเดินทางมาเรื่อยๆ ครับตอนนี้เป็นนักวิชาการครับ
แต่ไม่ได้รับความรักที่อยากได้ ในหนังสือไม่มีใครสอน ... จบ

160
พระกรุ ภาพข้างล่างนี้คือพระกรุของที่ไหนครับ ได้มาจากรุ่นน้องที่วิทยาลัย แลกของไปชิ้นนึง  :095:

รุ่นน้องคนที่ให้นี้เป็นคนอยุธยา ครับ บอกว่าพระกรุ เป็นกรุวัดทางลพบุรี แต่ผมดูพิมพ์แล้ว เหมือนพระพุทธชินราช

หรือ ขุนแผน นั่นเอง แต่น้องบอกว่า เป็นพระยอดขุนพล กรุลพบุรี เลยไม่แน่ใจครับ ขอความเห็นพี่น้องบางพระทีครับ
  :114:













หลายๆ ภาพคงชัดพอนะครับ ช่วยชี้แจงทีครับ เซียนพี่ เซียนน้อง ทั้งหลายหลาก  :089:

161
เริ่มกันด้วย หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว




162
รูปหล่อ หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร ครับ  :089:













สงสัยมากเลยครับ เพิ่งได้มา พระไพรีพินาศ วัดบวรฯ ใครทราบปีหรือประวัติ ช่วยบอกที เซิทหา GooGle ก็ไม่เจอครับ






163
เสือสำนักใดใครรู้บ้าง ครับ อยากทราบเหมือนกัน พอดีไปเที่ยวบ้านเพื่อน เพื่อนให้มาไม่รู้ที่มาที่ไป









อีกชิ้นนึง เพื่อนให้มาเหมือนกันครับ  :095:








164
เนื่องจากการตั้งกระทู้ โพสเมลเยอะๆ ผมเห็นว่า ดูไม่เหมาะสม อาจจะโดนกลั่นแกล้งก็เป็นได้ครับ

ผมเลยขอตั้งกระทู้เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามารับภาพอย่างเหมาะสม ครับ ขอขอบคุณภาพจากคุณ ...Darknile...  นะครับ


ต้องการภาพใหญ่ (ภาพเต็ม) ให้คลิกที่ภาพได้เลยครับ จอจะแสดงเป็นภาพใหญ่ แล้วก็ Copy ไว้ได้เลยครับ... ขอบคุณครับ  :114:



เครดิสคุณ ...Darknile...  เว๊บ วัดบางพระ ครับ

165
ขอประเดิม สมเด็จ กรุวัดตลิ่งชัน (ซ้ายมือ) สมเด็จหลวงพ่อโอด วัดจันเสน (ขวามือ)




166
พอดีไปเที่ยวบ้านเพื่อน ไปรื้อหิ้งพระมันดูเลยเจอมา อิอิ  :095:

เห็นสวย พศ. ลึกเลยถ่ายมาให้ชมครับผม....   :016:

เขียนว่า พระอาจารย์กรุด วัดบ้านหม้อ พศ.2485 สวยๆ เลยครับ









167
เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร มีจารมือครับ....   :114:








ถามว่าแท้ไหมก็ยัง สงสัยนะครับ ไม่แน่ใจ ลำพังดูไม่เป็นครับ ต้องพึ่งตาเซียนๆ รุ่นพี่ทั้งหลาย  :089:

168
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปวัดบางพระ ด้วยรถจักรยานยนต์ จากเซนทัลปิ่นเกล้า มุ่งหน้าวัดบางพระ

กระผมก็ขับด้วยความเร็ว ประมาณ 130-140 ตลอดทางครับ (ภาพผ่านไปไวจนมองไม่ทัน) จนมาถึงจุดเกิดเหตุ

จุดเกิดเหตุอยู่ที่ก่อนขึ้นสะพานเลี้ยวขวา ไปทางท่านาอ่ะครับ ที่มีป้ายรูปหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ใหญ่ๆ ติดอยู่

พอถึงจุดนั้น ช่วงเวลามันผ่านไปเร็วมากครับ ผมก็เพลินกับกระแสลมที่พัดเข้าหาตัว บวกกับรถที่แล่นแหวกอากาศไป

ผวนคิดเรื่องที่ไม่ดีที่เคยทำไว้ต่างๆนาๆ กำลังคิดไปเรื่อยครับ พอถึงจุดดังกล่าว มีหมา 2 ตัววิ่งกัดกันเล่นๆ

ทั้ง 2 ตัวนั้น พุ่งเข้าหารถผมอย่างรวดเร็ว นาทีนั้นตกใจมากครับ พอผมหันมองอีกที มันใกล้มากไม่เกิน 5 เมตร

ผมไม่สามารถกดแตรรถไล่หมาได้เพราะไม่ทันแน่นอน และไม่สามารถเบรครถได้ ถ้าเบรครถจะพลิกแน่นอน

ผมฉุดคิดมาว่า
" ไอกล้วยเอ๊ยตูจะไปวัดแท้ๆ " และเสี้ยววินาทีนั้นเอง ที่ฉุดคิดไป เหมือนกับเสี้ยววินาทีเป็น

เวลาที่ยาวนานมากครับ รู้สึกภาพต่างๆ มันผ่านไปอย่างช้าๆ พอถึงระยะไม่เกิน 1 ฟุต หมา 2 ตัวนั้น พลิกตัวหลบรถ

แต่แปลกใจที่ หมา 2 ตัวที่ว่านี้ มันไม่ได้หันหน้ามาทางรถผมเลย มันเอาแต่จะเล่นกันกับคู่กัดมันนั่นเอง

ด้วยความเร็วประมาณ 130 - 140 ถ้าผมชนหมา 2 ตัวนั้น แย่แน่ครับ รถวิ่งไวมาก และประกอบด้วยว่าเป็นรถ จักรยานยนต์

ผมจึงไม่คิดจะหักหลบหรือจะเบรคเลย คิดอย่างเดียวว่า ชนก้ชน เอาไงเอากัน เจ็บก็เจ็บ......


ประสบการณ์ครั้งนี้ ถ้าคนไม่เจอกับตัวก็ยากที่จะเชื่อ เอ๊... ทำไมเวลาผ่านไปช้า ผมก็ยังตั้งคำถามในใจ

แต่ผมเชื่อว่า บารมีครูบาอาจารย์ ที่ผมจะไปวัดท่านช่วยรักษาผม ให้เดินทางปลอดภัยแคล้วคลาด......
  :114:


วันที่ผมไปนั้น ไม่เจอหลวงพี่ญา  :070:  ท่านจำวัดไปก่อนแล้ว

เลย สักน้ำมันกับ หลวงพี่ติ่ง ครับ ท่านเมตตาให้ตะกรุดข้อมือด้วยครับ
  :054:

169
ใครรู้ที่มา ช่วยบอกทีครับ แปลกๆ เหมือนกันอ่ะ หรือว่าผมไม่ค่อยได้ดูพระกรุ   :075:








170
คงไม่เบื่อกันสะก่อนนะครับ ขอเปิดด้วย ผ้ายันต์พัดโบก หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้าครับ  :089:








หลวงพ่อเปิ่น



หนุมาน หลวงพ่อประเทือง    นางกวัก หลวงพ่อเปิ่น



สิงห์ผืนสีแดง หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก สิงห์ผืนสีน้ำตาล หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว



ผ้ายันต์พระปิดตา หลวงพ่อแล วัดพระทรง


172
รูปหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ครับ ติชมได้นะครับ  :095:


173
หนังสือที่ละลึก หลวงพ่อเปิ่น ไม่อนุญาติ ให้จองนอกเว็บบอร์ด ขอย้ำ ไม่มีจอง ครับ

กรุณาอย่าส่ง PM มาขอนะครับ ไม่ใช่กั๊กครับ แต่อยากให้เป็นไปตามระเบียบ

ขออภัยจริง ครับ ไว้จะหาเกมส์สนุกๆ หรือร่วมทำบุญ รับหนังสือแล้วกันครับ

ถ้าจะให้ก็คนละ 1 เล่มเท่านั้น ไม่มีมากกว่านั้นครับ ขอบคุณครับ  :114:



174
กลับมาอีกครั้งครับ ประมูลหนังสือ รายได้เพื่อการกุศล คืนแอลกอฮอล์ คืนทิชชู่ ให้วัดบางพระ

หลังจากเราใช้สักเสกกันมานานแล้ว คืนกลับวัดบ้างครับ ปัจจุบันค่าครู 25 บาท ยังไม่พอซื้อแอลกอฮอล์เลย

กระผมจึง ไคร้ขอตั้งกระทู้นี้ขึ้นอีกครั้ง หลังจากเข้าใจผิดกันครับ ต้องขออภัยด้วยครับ

กระผมจะเปิดเป็นการประมูล พร้อมแจกเหรียญ ร.5   1 เหรียญ พร้อมหนังสือด้วยนะครับ



ตัวอย่างภาพด้านล่างพร้อมลิงค์

http://www.bp-th.org/webboard/index.php/topic,5011.0.html

หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ









แจกเหรียญ ร.5 ขนาดเท่าเหรียญ 10บาท   1 เหรียญครับ







โค๊ตเลข ๕ นะครับ

175
ก่อนอื่นต้องขออภัย พี่โยคี ก่อนนะครับ ที่ผมทำไม่เหมาะสม ที่ประมูลเพื่อการกุศลในเว็บนี้นะครับ

ผมเป็นผู้ดูแล ยังจะผิดกฏ ขอให้พี่เว็บ.. ปลดผมออกจากผู้ดูแลได้ตามสมควรครับ ขอบคุณครับ

ส่วนกระผมจะไม่แจกหนังสือแล้วครับ เพราะว่าถ้าแจกก็ต้องเอาเงินเข้าวัดคืน ที่วัดออกเงินตีพิมพ์

ขอโทษพี่น้องด้วยนะครับ ที่ทำตามความหวังพี่น้องไม่ได้ ขอโทษ ขออโหสิกรรม ครับ

ส่วนตัวกระผมจะขอลาโลก สักพักนึงแล้วจะกลับมาใหม่ เมื่อชาติต้องการนะครับ

ขอบคุณสิ่งดีดีที่พี่น้องมอบให้กันครับ ไว้เจอกันอีกทีครับ ขอพักร้อนหน่อยครับ........  :114:

ขอบพระคุณทุกท่านครับผม ขอโทษหลวงพี่ด้วยนะครับ ที่กระผมทำตัวไม่เหมาะสม

ขอฝากเว็บวัดบางพระ ด้วยนะครับพี่น้อง
  :054:


177
พี่เว็บ ครับ คุณ M007 หรือ เอ็มวัดไร่ขิง

เขาเปลี่ยนชื่อจาก M007เป็น เอ็มวัดไร่ขิง แล้วไม่สามารถล๊อคอินได้อ่ะครับ

เขาเข้าไม่ได้ผมเลยมาโพสแทนอ่ะครับ ขอบคุณมากครับผม
  :114:

178
พรุ่งนี้ใครไป วัดบางพระ และ วัดท้องไทร บ้างครับผม เผื่อจะเจอกันเน้อ

แวะมารับ วัตถุมงคลได้ครับผม มีของไปแจกจ้า  :075: ไว้เจอกันครับ

ใครไปกดดอกไม้นะจ้ะ >>>  :114: <<< ส่วนตัวไปแต่เช้าจ้า


179
เหรียญหลวงพ่อแคล้ว รุ่นแรก หลังหนุมาน






หนุมานเกี้ยวนาง หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม




180
เป็นแร่เหล็กไหล ของ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา








182
คมแฝก หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ของแปลกที่น่าสนใจ








183
หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นครปฐม










184
พระขุนแผนหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม รุ่นไหนปีไหนเอ่ย ที่วัดนก บอกว่ารุ่น 1 ผมก็ไม่แน่ใจนะ




185
หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ




เจ้างัวทะนูตัวน้อยน่ารัก


หิ้งน้อยๆ ในมุมหน้าบ้านครับ

186
1 ในสุดยอดตองอู ผ้ายันต์พัดโบก หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ที่แม่ค้าแม่ขายในระยองนิยมอย่างมากหลาย

สวยๆครับ รุ่นนี้ใครพอทราบปีบ้าง เค้าว่าเก่าๆ ผมก็ไม่ทราบว่าปีไหน แต่สวยแล้วท่าจะเก่าครับ... ใครรู้ช่วยบอกกันทีจ้า ขอบคุณครับ





187
เป็นยังไงมั่งครับ องค์นี้ สวยหรือไม่สวย สายตรง วัดดอนยายหอม ช่วยชี้แนะที ขอบพระคุณครับ





188
พี่ๆ เคยเห็นเหรียญเสือเผ่น นี้เนื้อ อัลปาก้า หรือไม่ครับ เช็คทางศูนย์พระแล้วเค้าบอกไม่มีข้อมูล

เลยนำมาถามพี่ๆ ดูเผื่อจะรู้ครับ ปกติเหรียญนี้มีเนื้อทองแดง กะไหล่ทอง กะไหล่เงิน ส่วน เนื้ออัลปาก้าไม่เคยเห็น

จากข้างต้น เหรียญเสือเผ่น หลวงพ่อสุด วัดกาหลง นี้เป็นเหรียญแท้.. แต่เนื้อมันผิดแบบอ่ะครับ งงมากมาย

พี่ๆ ว่าแท้หรือไม่ครับ ช่วยกันติชมหน่อยครับ ขอบพระคุณครับ







189
  ณ วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2551 ผมได้ไปเที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่ง กับเพื่อน และรุ่นน้อง

ผมก็ได้เฮฮา ภาษาวัยรุ่น ก้าวแรกที่มา ผมก็แปลกใจแล้ว ที่มีศาลน้อย ใหญ่มากมาย

แต่ก็ไม่ได้คิดไรมาก ยกมือไหว้แล้วก็ไปเล่นน้ำตก ก็มีเหล้าเบียร์กันเปิดกินอย่างราชา

แต่ ขวดแรกเพื่อนผมเปิดแล้วขวดแตก มันก็เอาขวดที่แตกเซ่นเจ้าที่ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

แล้วก็เสียงดังโหวกเหวกโวยวายมากๆ เพราะที่นั่นไม่มีใครมาเที่ยว และเจ้าหน้าที่ของน้ำตกก็อนุญาติ

ผมก็เลยเต็มที่กัน สังเกตุได้ว่า น้ำตกแห่งนี้ไม่มีคนเล่นน้ำ แต่ก็ไม่ได้เอะใจไร เล่นต่อไป


ระหว่างนั้นประมาณ บ่าย 3 เพื่อนผมหลายๆ คนเจอสิ่งแปลกๆ เช่นเห็นคนนุ่งสะไบสีชมพูมายืนมองพวกผมเล่นน้ำตก

มีคนเรียกหันไปตอบไม่มีใครบ้าง แล้วก็เหนสิ่งแปลกๆ มามาย ผมเลยบอกพวกเพื่อนๆ ว่า เห้ย เรา Move กันเถอะ

ก็เลยรีบลงน้ำตก มายังศาลใหญ่ประจำน้ำตก ผมก็นำขอคมาลาโทษ... แต่ขณะที่ขอคมาอยู่ ป้ายศาลก็หล่นลงมา

เหมือนกับคล้ายๆ ว่าไม่รับคำขอคมา พวกเพื่อนๆผมเลย รีบเผ่น โดยกาน ลอดรั้วลวดหนามของน้ำตกแห่งนั้นเพื่อความรวดเร็ว

ขณะที่ลอดออกมายังถนน นั้น ผู้หญิงที่ไปด้วย เริ่มล้มไปทีละคน... จาก 1 ไป 2 จาก 2 ไป 3 ล้มเรียงกัน 3 คนเลย

แล้วทุกคนที่ล้มก็พูดว่า มันมาแล้ว มันมาแล้ว !!!  ด้วยความตกใจเลยรีบพยุงกันแล้ววิ่งไปที่รถ.... เหตุการณ์วุ่นวายมาก

ทุกคนก็ งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนแรกก็เพ้อว่า ชุดดำตามมาแล้ว..... ชุดดำ... คนที่ 2 ก็ รำในท่าที่นอนหงายอยู่บนรถ

คนที่ 3 นอนกัดฟันตัวสั่น ผมก็พอรู้ว่าเกิดไรขึ้น ก็เลยถอดเบี้ยแก้ เอาเบี้ยนั้นใส่ปากของคนที่ 2 ครับ อาการที่โบกไม้โบกมือรำก็หายไป

พวกผมก็รีบออกรถกันมุ่งหน้าไปยังวัดระแวดนั้น ผมหันไปที่น้ำตกสังเกตุเห็น มีเมฆสีเทาดำ มืดครึ้ม (เฉพาะที่น้ำตกนั้น)


พอถึงวัดใกล้ๆแถวนั้น พอถึงวัดเรียกให้ลงไม่ลง ต้องอุ้มลงมาเลย แล้วทั้ง 3 ก็บอกว่า ปล่อยกุๆ แล้วมองตาขวาง แล้วดิ้นสุดๆ เลย

เค้าก็นิมนพระมาพรหมน้ำมนให้ก็ไม่หาย สิ่งที่ติดตัวผมตอนนั้นคือ เบี้ยแก้ หลวงตาเผือด กับ หนุมาน หลวงพ่อแล วัดพระทรง

พกไปแค่ 2 อย่างเพราะไม่ได้คิดว่าจะเจออะไร.... ผมเลย เอาเบี้ยตัวนั้นมา อาราธนาถึง หลวงตาเผือด วัดมะกอก ให้ช่วยคุ้มครอง

แล้วพออาราธนา ขอพรเสร็จ ผมก็ใช้เบี้ยตัวนั้น ใส่ลงไปในแก้วน้ำแล้วคนๆ ประมาณสัก 2 นาที (โดยนึกถึงหลวงตาเผือด ตลอด)

แล้วให้ทั้ง 3 คน กินน้ำที่ผมเอาเบี้ยไปคนในนั้น สรุปว่า อาการค่อนข้างดีขึ้น ผมจึงทำให้คนละแก้ว ก็สรุปว่า อาการเกือบเหมือนคนปกติ

แต่มีอาการเพลียมากๆ ไม่ชักดิ้นชักงอ เหมือนตอนมาวัดแรกๆ ก็พอรู้เรื่องแต่ยังเพ้อถึง คนชุดดำว่า มารอหน้ากุฏิ ผมก็เลยให้เค้าใส่เบี้ยไว้

อีกคนก็ให้ใส่ หนุมานหลวงพ่อแล อาการก็ดีขึ้นมาก ร่าเริงได้เหมือนเป็นปกติ แต่คนแรกยังซึมๆ ผมก็มาปรึกษาพระที่วัดแห่งนึงในนครปฐม

ท่านบอกว่าให้ไปขอคมาลาโทษซะ เอาดอกไม้ธูปเทียน ไปขอคมา จะได้จบๆ กันไป .....


การเดินทางไปขอคมานั้น ผมกำหนดไว้ว่า วันพฤหัส ที่จะถึงนี้ เพื่อไปขอคมา ประสบการณ์ของผมนี้ ถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่เชื่อ

ผมเชื่อสนิทใจครับ เจอกับตัวอย่างนี้ สุดยอดจริงๆ ครับ ทำให้ผมยิ่งศรัทธา เบี้ยแก้ หลวงตาเผือด มากๆ เหมือนกับท่านได้ช่วยชีวิตเพื่อนๆ

ของผมไว้ครับ เรื่องนี้สอนให้รู้ไว้ว่า ไปไหนมาไหนควรมีความเคารพสถานที่ ไม่งั้นจะเจออย่างเพื่อนผมที่ประสบกัน คงไม่มีใครลืมที่ได้เจอ

สิ่งนี้นั่นคงอยู่ในใจ เพื่อนๆ และตัวผม กับน้ำตกนั้นตลอดไป คงไม่มีใครลืมได้ เพราะนี้ล่ะขอจริงที่ได้เจอกัน.....

เบี้ยตัวนี้ผมได้ให้แม่ของผมใส่ไว้อยู่...... นี้คือประสบการณ์จริงที่เจอกับตัวจริงๆ ไม่ได้ลอกใครมาครับ



ถ้าไงเพื่อนๆ ช่วยอวยพรให้การไปขอคมาในพฤหัสบดี ที่จะถึงนี้เป็นไปด้วยความปลอดภัยด้วยเถิด สาธุ !!!

                                                                                                                     ขอบพระคุณครับ By โจรสลัด



น้ำตกแห่งนี้ล่ะครับ ให้ชมแต่ภาพ บอกชื่อน้ำตกไปเดวกลัวกันหมด อิอิ

190
ผมว่าบอร์ดรูปแบบเก่าจะดีกว่า รูปแบบนี้นะครับ รู้สึกว่ามันจะ งง ยังไงแปลกๆครับ

กระทู้มันดันขึ้นมาหมดเลย แล้วกระทู้ปักหมุดไม่ปักอันไหน งงครับ

แล้วแถบดิโมชั่น ก็หายไป เลยทำให้ศิลปะการพิม รูปแบบน้อยลง

     
                                                                ถ้ายังไงก็ขออภัยครับที่มีปัญหากว่าชาวบ้านเค้า  :054:

191
ผมอยากทราบว่า พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ในเว็บวัดบางพระ คิดยังไง....

ถ้ามีการจัดงาน มิตติ้ง (Metting) เพื่อพบปะสังสรรค์ทำความรู้จักกัน กับเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ในเว็บวัดบางพระ ให้แนบแน่นขึ้น

และมีการแจกของชำล่วยต่างๆ เพื่อเป็นที่ละลึก ของงานครั้งนี้ ถ้าจัดขึ้น ถ้าจัดในวันจันทร์ที่ 30 นี้จะเหมาะสมไหม

เพราะบางคนอาจจะไม่ว่าง บ้างติดงาน บ้างติดเรียน หรือควรจัดหลังจากนี้..... เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ คิดอย่างไรครับ


1. ควรจัดเพราะ......

2. ไม่ควรจัดเพราะ......


ถ้ายังไงก็ ลองตอบกันดูนะครับ ส่วนตัวผมอยากให้มีการจัดขึ้นเพื่อพบปะสังสรรค์สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ

Ps. ใครเห็นด้วยก็ช่วยตั้งชื่องานให้ด้วยนะครับ คาดว่าถ้ามีขึ้นก็จะจัดขึ้นทุกปี ปีละหนคนกันเอง

ผมว่า " สานสัมพันธ์ลูกบางพระครั้งที่ ๑"  ก็น่าจะ Ok นะครับ

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ขอบพระคุณครับ

192
วันดังกล่าวใครไป วัดบางพระ มั่งคร้าบ มารายงานตัวกันหน่อย...

ส่วนตัวผมก็ไป ครับผม....  :095:

193
พระครูวรเวทมุนี ปรากฏนามเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ๆ ว่า "หลวงพ่ออี๋" เพราะท่านชื่ออี๋มาแต่แรก ท่านเป็นบุตรชาย นายขำ นางเอียง ทองขำ เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2408ตรง กับวันอาทิตย์ ขึ้น 11 ค่ำเดือน 11 ปีฉลู ที่บ้านตำบลสัตหีบ กิ่งอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

เมื่ออายุ 25 ปีได้อุปสมบทที่วัดอ่างศิลานอก ซึ่งบัดนี้ได้ยุบรวมเข้าเป็น วัดอ่างศิลาวัดเดียว โดยมีพระอาจารย์จั่น จนฺทโส เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยมีพระอาจารย์ทิม เป็นกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์แดงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ได้ตั้งฉายาว่า "พุทธสโร" และในช่วงโอกาสนั่นเอง หลวงพ่ออี๋ก็ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย คลองด่าน และยังกล่าวกันอีกว่า หลวงพ่อแดงและหลวงพ่อเหมือนก็เป็นพระอาจารย์ท่านด้วยเช่นกัน

วัดสัตหีบ (วัดหลวงพ่ออี๋) เป็นวัดที่หลวงพ่ออี๋ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2442 และท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก หลวงพ่ออี๋มีความชำนาญในด้านสมถะวิปัสสนาธุระมากคือ คล่องแคล่วในการเข้าใน ออกนอก และในการพักจิตอยู่เป็นกสิณ และในธรรมารมณ์ตามปรารถนา จะเรียกว่า มีวสีภาพก็ควร เพราะเมื่อท่านปรารถนาจะสำรวมจิตแล้ว ไม่มีอะไรมาขัดขวางทางเดินภายในของท่านได้ เป็นการเข้าออกได้เรียบร้อยตามประสงค์

เมื่อกล่าวถึงคุณสมบัติแล้วท่านจะเหนือว่าพระเถระอื่น ๆ มากทีเดียวเพราะท่านสามารถยกจิตให้พ้นจากเวทนาได้เสมอ ดังจะเห็นได้จากเวทนาที่เกิดขึ้นจากความหนาว ร้อน หิว กระหาย ปวด บวม ระบม เป็นต้น ท่านไม่เคยปริปากบ่นในเรื่องทุกขเวทนาดังกล่าวให้ผู้อื่นได้ยินเลย แม้การเจ็บป่วยเจ็บป่วยของท่าน คงอยู่ในอาการสงบเป็นปรกติจนหมดอายุขัย

"หลวงพ่ออี๋"  ได้สร้างพระเครื่องรางต่างๆ ไว้มาก รวมทั้งปลัดขิกที่มีชื่อมาก (พอๆ กับหลวงพ่อเหลือ แปดริ้ว) ทั้งตะกรุด เสื้อยันต์ เหรียญ พระปิดตา "พระสาม" และ "พระสี่" (พรหมสี่หน้า) กล่าวกันว่าในระยะ พ.ศ. 2483-86 นั้น หลวงพ่ออี๋ก็มีของดีเกรียงไกรออกสู่สงครามอินโดจีนไปก็มาก ชื่อเสียงของท่านดังขนานไปกับหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกทีเดียว พระเครื่องรางของขลังของหลวงพ่ออี๋มีสร้างออกมามากแบบเอาใน พ.ศ. 2484 และตาม พ.ศ. นี้เอง "พระสาม" และ "พระสี่" หรือ พระพรหมสี่หน้า ก็ได้กำเนิดตามออกมาด้วย พระทั้ง 2 พิมพ์เป็นพระเนื้อเมฆพัด องค์หนึ่งทำเป็นพระ 3 หน้าพระทับนั่งบนฐานบัวกลีบ (3 หน้า 3 องค์) ส่วนพระสี่หรือพรหมสี่หน้าก็ทำเป็นพระประทับนั่งบนฐานเขียงเหมือนกันทั้ง 4 หน้า (4 หน้า 4 องค์) ด้านพุทธคุณมีทั้งแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี

พระครูวรเวทมุนี (หลวงพ่ออี๋) ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้นท่านได้สร้างโรงเรียนประชาบาล 1 หลัง ชื่อว่า "โรงเรียนบ้านสัตหีบ" ที่ย้ายมาตั้งที่ถนนบ้านนา ชาวบ้านเรียนว่า "โรงเรียนบ้านนา" ส่วนอาคารเรียนเดิมชื่อ "ศาลาธรรมประสพ" ปัจจุบัน คือ "ห้องสมุดของวัดสัตหีบ"

ท่านหลวงพ่ออี๋เริ่มอาพาธในอวสานแห่งชีวิตครั้งนี้ ด้วยโรคฝีที่คอ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2489 แต่ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจรักษานัก ท่านเคยปรารภว่ามันจะมาเอาชีวิตท่าน คงใช้แต่ยาของท่านเองบ้าง ปิดบ้าง พอกบ้าง ใช้น้ำมนต์บ้าง เรื่อยมาและไม่หยุดการรับนิมนต์ในที่ใด ๆ ทั้งสิ้น โรคฝีได้กำเริบขึ้นเป็นลำดับมา จนเข้าพรรษาแล้ว พิษของฝีจึงแสดงอาการให้ต้องพักทำวัตรสวดมนต์

กำลังของท่านเริ่มลดลง หัวฝีเล็ก ๆ ใต้คางด้านขวาก็เริ่มบวมมากขึ้น มีผู้ห่วงใยแนะนำท่านให้เข้าโรงพยาบาลผ่าตัดเสีย ท่านก็บอกว่า

"ช่างมันเถอะ เป็นกรรมเก่าของฉัน เจ้ากวางหนองไก่เตี้ย มันมาตามทวงหนี้แล้ว"

เพราะท่านเคยบอกคนใกล้ชิดว่าชาติก่อนเคยไปยิงกวางตัวหนึ่งที่หนองไก่เตี้ย ถูกที่ซอกคอตาย กรรมนั้น จึงตามมาให้ผลแล้ว ท่านก็คิดว่าเป็นกรรมเก่า อยากจะชำระหนี้ให้เสร็จเสียที จึงไม่ได้สนใจรักษาทางแพทย์ปัจจุบัน แม้โรงพยาบาลก็ไม่ได้พูดถึง จนถึงเวลาที่ฝีสุกแก่จัด และโตขึ้นมาก จึงทวีความรุนแรงมากยิ่ง ทำให้กำลังร่วงโรยประกอบกับเข้าสู่วัยชราภาพมาก

แล้วพอถึงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2489 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ เวลา 20.35 น. หลวงพ่ออี๋ท่านก็บอกให้พระที่นั่งเฝ้าพยาบาลแวดล้อมท่านอยู่ ช่วยประคองให้ท่านลุกขึ้นนั่ง แล้วสั่งไม่ให้ทุกคนแตะต้องตัวท่าน เสร็จแล้วท่านก็นั่งสมาธิตัวตรง เริ่มเข้าสมาธิ

ชั่วครู่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง ทำให้ทุกคนตกใจกันสุดขีดคือ ไม้กระดานแผ่นหนึ่ง ซึ่งตั้งพิงฝาผนังภายในกุฏิและตั้งอย่างนั้นมานานแล้ว ก็ล้มโครมลงมาฟาดกับพื้น และกระจกแผ่นหนึ่งที่ติดกับบานประตูตู้ ห่างจากไม้กระดานหลายเมตร ก็กระเด็นหลุดออกมาแตกกระจายทั่วพื้น

ทั้งพระและลูกศิษย์วัดที่คอยนั่งเฝ้าพยาบาลแวดล้อมท่านอยู่ตกใจมาก พอหายตกใจได้สติก็หันมาดูหลวงพ่ออี๋ ซึ่งตรงกับเวลา 21.05 น. ท่านก็นั่งสงบปราศจากลมหายใจเข้าออกเสียแล้ว ข่าวการการมรณภาพก็กระจายไปทั่วกิ่งอำเภอสัตหีบอย่างรวดเร็ว

สิริรวมอายุของท่านได้ 82 ปี ชีวิตหรือวิญญาณของหลวงพ่ออี๋ แม้จะจากไปจนถึงปัจจุบันนี้ (พ.ศ.2542) นับได้ 53 ปี แล้วแต่ก็เหมือนว่าชีวิตของท่านยังดำรงอยู่ ทั้งคุณค่าของงานทางฝ่ายสงฆ์และ ฝ่ายสังคมโลกที่หลวงพ่ออี๋ได้บำเพ็ญบารมีมาตั้งแต่เริ่มบวชจนถึงมรณภาพ บารมีของท่านยังปรากฏอยู่ในวัดสัตหีบ ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้

194
ปลัดขิก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ? ติ และ ชม ได้นะครับ

ญาติผู้ใหญ่ให้มา ว่าจะเอาไปเช็คก็ยังไม่ได้ไปเลย

พอไป น้าเขาก็ไม่อยู่เลย ขอผ่านตาพี่น้องชาววัดบางพระ

ก่อนนะครับ ติ ชม กันได้ครับ ขอบคุณครับ









แท้ไม่แท้ผมไม่รู้ที่รู้ๆ เนื้อมันส์ มากๆ ครับ ถ้าได้สัมผัสแล้วจะชอบเลยหล่ะ

195
หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย





เกศาจากสีดำหรือขาว ออกเป็นสีน้ำตาลคล้ายขนเสือ (ตามรูปด้านล่าง) น่าแปลกใจมากครับแถมยังยาวขึ้นอีกด้วย


เสกแล้วสับ ตัดเคราะห์ ด้วยมีดสตาร์วอ อิอิ จากดาบที่เป็นเหล็กทั้งดุ้น
หลายเป็นดาบที่โปร่งใส ถ่ายจากฟีล์มอีกทีครับไม่ใช่กล้องดิจิตอลแต่อย่างใด



196
ความแตกต่างระหว่างคำว่า "แพ้" กับ "ล้มเหลว"

ชายคนหนึ่ง...เพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า ไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัว เองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู

ชายคนหนึ่ง...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอ ยต์
ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์" ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง

ชายกลุ่มหนึ่ง...เป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคนหนึ่งจากบ ริษัทเดคคาเรคคอร์ติ้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า "เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา
และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่งตำนาน

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไมเคิล จอร์แดน" หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพล งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคนนั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก

ชายคนหนึ่ง...สอบตกประถม 6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป ็นผู้สูงอายุแล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคนนั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ชายคนหนึ่ง เรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท ่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"

หญิงคนหนึ่ง...เป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจ นซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริษัท บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า
"เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯ หรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "มาริลีน มอนโร" นั่นเอง

ชายคนหนึ่ง...หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ด อันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคนนั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะ อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

ชายคนหนึ่ง...หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินท ุนกับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิ ทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม "บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ

ผมเชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว

แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว

***คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก****


                         เครดิส Golf2351 ขอบคุณครับ

197
แจ้งเหตุร้ายจากสำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยบอกต่อขณะนี้กำลังมีการระบาดของ ลุ่มมิจฉาชีพ แล้งทำทีมาขาย เปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แจริงๆแล้ว สารในสเปรย์กระป๋อง นั้นคือ คลอโรฟอร์มที่ทำให้ท่านสลบได้เหตุการณ์เริ่มจากเด็กสาววัยรุ่นท่าทางดีมาเคาะกระจกขณะรถจอดหรือรี่เข้ามาขณะท่านกำลังจะเข้ารถบริเวณลานจอดรถ ตามที่สาธารณะทั่วไป...หากท่านไม่ระวังหรือไขกระจกรถเพื่อพูดคุยด้วยสเปรย์จะถูกฉีดเข้าในรถทันทีเมื่อท่านสลบ งัวเงียสลึมสลือไม่ได้สติผู้ชาอีก 2-3คนจะเข้ามาปลดทรัพย์ หรืออาจทำอันตรายร่างกายของท่านได้เพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกท่าน ขอให้ระวังตัวในทุกย่างก้าวและไม่ประมาท ด้วยความปราถนาดี และห่วงใยเสมอ สำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
> > ช่วยกระจายต่อด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัยของตัว
> > ท่านเองและบุคคลที่รัก


ชื่อ สารเคมีที่ฉีด คลอโรฟอร์ม ( Chloroform)

ชื่อเรียกอื่น Formyl trichloride; Freon 20;Trichloromethane.

คุณสมบัติ
เป็นของเหลวไม่มีสี ระเหยง่าย มีกลิ่นหอมหวาน

การใช้ที่ผิดกฎหมาย ใช้เป็นตัวทำละลายในการผลิตheroin, cocaine

การใช้ที่ถูกกฎหมาย
> > ใช้ในการผลิต Fluorocarbon- 22
> > เป็นตัวทำละลายน้ำมัน
> > ไขมัน ยาง
> > สารอัลคาลอยด์
> > ขี้ผึ้ง เรซิน
> > และสารทำความสะอาด
> > ใช้ในเครื่องดับเพลิงเพื่อลดจุดเยือกแข็ง

> > กฎหมายควบคุม
> > พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์
> > พ.ศ. 2495
> >
> > บทลงโทษ
> > ผู้ใดนำ ขนย้าย
> > จำหน่าย
> > มีไว้ในครอบครอง
> > ใช้หรือเปลี่ยนแปลงสภาพ
> > ซึ่งโภคภัณฑ์นี้
> > โดยไม่ได้รับหนังสืออนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่นั้น
> > มีโทษจำคุกไม่เกิน 10
> > ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
> > หรือทั้งจำทั้งปรับ


ผมอ่านเจอใน FW Mail เห็นว่า น่าสนใจเลยเอามาเป็นข้อคิดเตือนใจให้พี่น้องชาวบางพระ ให้ระวังตัวกันอย่างทั่วถึง  :054:

ขอบคุณครับ

198
size=24pt]การเดินทาง[/size]

จากภาพ ทางด่วนดอนเมือง ครับ


จะถึงแล้วๆๆ


ฝนตกอย่างกับฟ้ารั่ว ตั้งแต่ดอนเมือง กทม. ถึง เพชรบูรณ์ เลยครับ


ในที่สุดก็มาถึง ด้วยบารมีครูบาอาจารย์ทั้งหลาย

กิจกรรมวันที่ 4 (ก่อนวันไหว้ครู)

ซ้ายหลวงพ่อประเทือง


ขวาหลวงพ่อเปิ่น


กลาง ก็ 1.หลวงพ่อโอด วัดจันเสน , 2 ผ้ต์พัดโบก หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า , 3 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ (เหรียญรุ่นพิเศษพิมพ์ย้อนยุค ปี 36) , 4 เหรียญหนุมานเชิญธง หลวงพ่อประเทือง


ที่วัด กำลัง สวดทำพิธีอยู่เลยครับ ตั้งแต่ 4 โมงเย็น


หลวงน้าติ๊ก กำลัง กราบไหว้ครูบาอาจารย์ (หลวงพ่อประเทือง)


จากนั้นก็นั่งปลุกเสก วัตถุมงคล แจกวันไหว้ครู


สิ่งที่หลายต่อหลายคนต้องการและประสงค์ ธงยอดฉัตร


นั่งนิ่งไม่กระดิกเลย ตั้งแต่ บ่าย 4 ค่ำแล้วก็ยัง นั่งนิ่งอยู่นะ หลวงน้า


ค่ำแล้ว ยุงก็กัด นั่งนิ่ง สวดยังไม่เสร็จอีกหรอหลวงน้าคร๊าบ


รับเทียนชัย


ปะพรหมน้ำมน


คณะชุดขาว โคราช ส่งเข้าประกวด ครับ


วัตถุมงคลที่มีผู้คนนำมาร่วมพิธี


หลวงพ่อประเทือง


ธงยอดฉัตร ยอดนี้ ในที่สุดก็เสร็จผม จ้องไว้ซะนาน ฮิ้วววววว


กิจกรรมวันที่ 4 ขอจบลงเพียงแค่นี้นะครับบบบบบ เดินทางหาที่พัก พักรีสอร์ท ต้นปาล์ม อ.ลำนารายณ์ เพชรบูรณ์ ครับ
(จากรูป สมาชิกตัวน้อยในครอบครัวผมเอง)



Ps. ลงใหม่นะครับ ครั้งที่แล้วลงหมวดผิด เพิ่งเช็คอ่ะครับ ขออภัย และจะลบกระทู้เก่าให้ครับ

199
ย้ายแล้วครับ รบกวนเว็บมาสเตอร์ ลบให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ

200



พรุ่งนี้ ไหว้ครู หลวงพ่อประเทือง โดย หลวงน้าติ๊ก วัดด่านเจริญชัย ผมก็ไปนะครับ ขันอาสา เก็บภาพวันไหว้ครู มาฝากพี่ๆ น้องๆ นะครับ[





202
เหรียญ ส.ช. พิมพ์หางสั้น ปี 2513 หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์

สร้างโดย พลโท สมุทร ชาตินันท์ โดยสร้างแจก ทหารเสนารักษ์เหล่าแพทย์ที่อาสาสมัครไปสงคราม ที่ประเทศเวียดนามใต้
โดยแจกฟรีไม่มีจำหน่าย หรือให้บูชาแต่อย่างใด คำว่า "ส.ช."ย่อมาจาก ชื่อและนามสกุลผู้สร้าง จำนวนสร้างประมาณ 5,000 เหรียญ
มีฉพาะเนื้อ อัลปาก้า เหตุที่เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ราคาถูกที่สุดของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค เพราะเป็นเนื้ออัลปาก้า ยากต่อการสึกหลอ
ทำให้เหรียญยังคงจำนวนอยู่ ไม่สูญหายออกนอกระบบ ไม่เหมือนเนื้อทองแดง หรือทองเหลือง ที่ง่ายต่อการสึกหลอจนต้องออกจากระบบ






เหรียญโล่ใหญ่ ปี 2516 หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์
Ps. พระไม่ค่อยสวยเลยได้แค่ชมเชย

เหรียญรุ่นนี้ สร้างในพิธีเสาร์ 5 ปี 2516 มีเนื้อต่างๆดังนี้

1.เนื้อทองคำ 3 เหรียญ
2.เนื้อทองเค 3 เหรียญ
3.เนื้อเงิน 92 เหรียญ
4.เนื้อทองแดงชุบทอง 1,000 เหรียญ
5.เนื้อทองแดงผิวไฟ 10,000 เหรียญ

รวมทั้งหมด 11,098 เหรียญ

มี โค๊ต 2 แบบคือ อุณาโลมหางโค้ง และ หางตรง







203
แท้เก๊ บล๊อคไหน ครับ ขอบคุณครับ   :058: :058: :058:? :054:






204
หิว หนูหิว ใครช่วยหนูได้บ้าง   :070: :070: :070:







205
พึ่งได้มาเห็นน่ารักดี สวยไหมครับ พี่น้อง ติชมกันได้นะครับ  :058:



206
" แจ้งข่าวร่วมทำบุญซื้อกระจกใส่ตู้เครื่องราง พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ "

เรียน? ศิษย์พี่ศิษย์น้องวัดบางพระทุกท่าน

ช่วงต้นเดือน ผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปกราบหลวงพี่ หลวงอาวัดบางพระ และมีโอกาสขึ้นเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ โดยความกรุณาของพี่ต้น พี่ที่ใจดีของพวกเราซึ่งท่านเป็นสถาปนิกควบคุม ดำเนินการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่น กระผมได้ถ่ายรูปและโพสต์กระทู้ในบอร์ดวัดบางพระ ตามลิ้งค์นี้ จะมีของเก่าเก็บ ของโบราณมากมาย ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเปิ่น และ ตำหรับตำราเก่าๆ ของหลวงพ่อที่ได้รับการถ่ายถอดจากอาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ดูภาพได้ตามลิ้งค์

http://www.bp-th.org/webboard/index.php/topic,3589.0.html

หัวข้อกระทู้ : หัวข้อ: ขอแสดงความยินดีกับการเปิดพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่น ในไม่ช้านี้
หมวด : ชมรูปชมภาพ


ขอบพระคุณพระจากศิษย์หลวงพ่อผู้ใจบุญท่านหนึ่งครับ โดยได้ให้พระมาเพื่อ เปิดบูชา นำเงินช่วยซื้อกระจก เพื่อแต่งเติมพิพิธภัณฑ์ต่อไป ขอขอบพระคุณมาณที่นี้ด้วยครับ

แจกเหรียญ AMAZING ไหว้ครู 14 มีนาคม พศ. 2541 ร่วมทำบุญขั้นต่ำ 150 ฿ (ค่าจัดส่งพระ 50฿)  ใครจะทำมากน้อยก็แล้วแต่ศรัทธา
ติดต่อผ่านเมลล์ Classic_En_26@hotmail.com หรือ โทร 089-1261828 ครับ


ขออนุโมทนาบุญ แด่ทุกท่านที่ศรัทธาและร่วมทำบุญเพื่อวัดบางพระของทุกคนครับ ขอบพระคุณมากครับ :054: :054: :054: :090: :054: :054: :054:





207
ตามที่พี่สายัณ ลงกระทู้ไว้ว่าอยากเห็นที่จารด้วยหมึกอ่ะ ผมก็เลยเอามาลงให้ทุกๆ ท่านได้ชมเช่นกัน

เป็นเส้นที่ผมคาดเอวใช้อยู่ทุกวันนะครับ

แต่ ผมก็ไม่แน่ใจว่าใครจารนะครับลองดูแล้วติชมกันนะครับ





208
ที่นี้ผมจึงขออณุญาติผู้คุมงานการสร้างต่อเติมพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่น

ในการเผยแพร่ต่อประชาชนผู้เคารพรักและศิษย์หลวงพ่อเปิ่น ทุกท่าน ได้รับชม ภาพก่อนวัดเปิดทำการจริง  (ในบางส่วนเท่านั้น)

ต่อไปนี้จะเป็นภายในชั้น 1 ของพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเปิ่น






















209
ปืนเงินปืนทอง พระครูสังฆรักษ์ บำรุงรัฐ (หลวงพ่อเพชร วาจาสิทธิ์) ศิษย์สายพุทธาคมหลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี เจ้าตำรับผู้สร้าง กระจับเงินกระจับทอง





210
หลวงพ่อประเทือง อติกฺกนฺโต

พระครูวิทิตพัชราจาร วัดหนองย่างทอย (วัดเทพประทานพร) อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์

ชาติภูมิ

หลวงพ่อประเทือง อติกฺกนฺโต ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๑ (วันอาทิตย์ เดือนอ้าย ปีมะโรง) เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ๕ คน ซึ่งเป็นชาย ๒ คน หญิง ๓ คน ของนายทำ นางมาก ยืนยง ณ บ้านคลองเม่า หมู่ที่ ๕ ตำบลโคนสะลุด อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี


เริ่มการศึกษา
เมื่อเจริญวัยสมควรได้รับการศึกษาได้แล้ว บิดามารดานำไปเข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดคลองเม่า ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนกระทั่งจบชั้นประถมปีที่ ๔ อันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น
ครั้นจบการศึกษาแล้ว แม้จะมีความตั้งใจปรารถนาใคร่จะเล่าเรียนต่อก็ไม่มีโอกาสเนื่องจากฐานะทางครอบครัวยากจน ประกอบอาชีพกสิกรรม และไม่เอื้ออำนวยโดยประการทั้งปวงจึงอยู่ช่วยเหลือพ่อแม่ประกอบอาชีพเหมือนลูกหลานตามชนบททั่วไป ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อบุพพการีที่ได้โอบอุ้มอบรมเลี้ยงดู สั่งสอนมาด้วยความรัก ความเมตตาเอื้ออาทร และอีกประการหนึ่งก็เห็นว่าท่านเป็นบุตรคนสุดท้องที่พ่อแม่หวังจะได้พึ่งในบั้นปลายแห่งชีวิตต่อไปด้วย


อพยพครอบครัว
ในขณะที่อายุได้ ๑๔ ปี พ.ศ.๒๔๘๕ จังหวัดลพบุรีได้ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นโดยน้ำได้ท่วมหนักเป็นประวัติการณ์ถึงหลังคาบ้านไปทั่วทุกหมู่บ้าน ข้าวกล้านาล่ม เสียหายอย่างย่อยยับ แรงงานจากแรงคนที่ได้ลงแรงไป ก็มาสิ้นสลายไปกับสายน้ำอันหฤโหดอย่างหมดสิ้น ปลายทางที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง หมดหนทางที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว
บิดามารดา จึงใคร่ครวญตัดสินใจอพยพครอบครัวทิ้งถิ่นฐานบ้านช่องอันเป็นถิ่นกำเนิด โดยย้ายไปอยู่ที่ตำบล เขาช่องแค จังหวัดนครสวรรค์เพื่อเริ่มต้นชีวิต ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า


สู่ร่มกาสาวพัสตร์
เมื่ออพยพครอบครัวมาอยู่นครสวรรค์ ได้ประกอบสัมมาชีพ ยกฐานะครอบครัวมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง บิดามารดาได้ปรารถนาที่จะให้ท่านได้บรรพชาเป็นสามาเณร เพราะเล็งเห็นว่า การบวชเณรเป็นโอกาสที่จะได้ศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมวินัย ทั้งเป็นการผูกญาติสืบทอดพระพุทธศาสนาเป็นพระเพณีนิยมไปด้วย ซึ่งท่านเองเมื่อรู้เรื่องนี้แล้วก็ไม่ขัดข้องยินดีปฏิบัติตามความประสงค์ของบุพพการีทุกประการ
บิดามารดา ได้นำไปบรรพชาที่วัดหนองแขม ต.ทุ่งทะเล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ กับพระอาจารย์อ่อน เจ้าอาวาสวัดหนองแขม ผู้มีศักดิ์เป็นอาของท่าน ให้ช่วยดูแลอบรมสั่งสอน พระอาจารย์อ่อนรูปนี้เป็นพระสงฆ์ผู้คงแก่เรียน ทั้งเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานและแก่กล้าสรรพวิชาอาคมต่างๆ อีกด้วย
ครั้นบรรพชาแล้วในพรรษาแรกๆ ได้ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ และวิชาอาคมกับหลวงอาพระอาจารย์อ่อน จนเป็นที่พอใจแล้ว หลวงอาคิดจะทดสอบหลานจึงคิดทดสอบความอดทนและวิชาที่สั่งสอนให้ แล้วออกอุบายที่จะพาไปเที่ยวโดยให้เตรียมข้าวของเท่าที่จำเป็นสำหรับในการเดินธุดงค์ออกธุดงค์กับพระอาจารย์อ่อน ในปีนั้น เมื่ออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์อ่อน ได้นำสามเณรประเทืองเดินธุดงค์ไปยังจุดหมายปลายทางเพื่อนมัสการพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี แม้ว่ายังเป็นสามเณรอายุน้อยนิด ก็มีความอดทน แบกกลด ถือกรรมฐานกับพระอาจารย์อ่อนไปด้วย
การเดินป่าในสมัยนั้น ประสบการความยุ่งยากลำบากเหลือเข็ญ ยังไม่มีรถยนต์ เป็นพาหนะเหมือนสมัยนี้ อีกทั้งตามป่าเขาลำเนาไพรยังชุกชุมไปด้วยไข้ป่า สัตว์ร้ายนานาชนิด เดินขึ้นเขาลงห้วยหาบ้านผู้คนก็ยากเย็นเต็มที แม้ว่าในตอนออกเดินทางจากวัดไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นเข้มแข็ง แต่พอนานเข้าเอาเข้าจริงๆ แล้ว ได้สัมผัสกับความอดอยาก ลำบากในป่าเขา ก็เกิดอาการท้อแม้ใจขึ้นมาเหมือนกัน บางครั้งคิดอยากจะกลับวัดกลับบ้าน หลวงอาก็ปลอบโยนให้กำลังในอยู่เสมอๆ จะทำอย่างไรได้ เมื่อตัดสินในแล้วก็ต้องสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด สำหรับการเดินธุดงค์นั้น พระอาจารย์อ่อนมีกฎอยู่ว่าห้ามถามห้ามพูดในสิ่งที่ไม่จำเป็นและให้เฉยๆ ไว้ เดินตามหลวงอาไปอย่างเดียว พอถึงเวลาปักกลด หลวงอาก็ปักให้ (กลดสมัยนั้น คล้ายกับมุ้ง ๔ สาย) พอปักกลดเสร็จก็แยกไปปักอีกที่หนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๑๐วา ตกกลางคืนก็ร้องไห้แต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง กลัวหลวงอาดุเอา ทำให้เกิดความกลัว คิดไปต่างๆ จิตใจก็ไม่สงบ ยิ่งได้ยินเสียงเสือร้อง ก็ร้องไห้ตามเสือไปด้วย คิดจะกลับวัดอย่างเดียว ที่ยิ่งไปกว่านั้น พอรุ่งเช้าอาหารบิณฑบาตก็ไม่มีฉัน เพราะอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน จนบางครั้งต้องอาศัยข้าวตากแห้งที่เตรียมมาขบฉัน พอประทังชีวิตไปวันๆ หนึ่งก็เคยมี
ครั้นรุ่งเช้าหลวงอาชวนออกเดินบิณฑบาต ก็คิดไปว่าป่าทั้งป่าจะไปบิณฑบาตที่ไหนกัน มองไปข้างไหนก็เห็นแต่ป่าทั้งนั้น แต่ก็ไม่กล้าถาม โดยหลวงอาสั่งว่า ทำอะไรก็ให้ทำตาม พอเดินไปถึงต้นไม้ใหญ่ หลวงอาเปิดบาตรไว้สักครู่แล้วก็ปิดบาตร เดินมาที่อีกต้นหนึ่งก็ทำเหมือนเดิมอีก ก็ปฏิบัติตามเหมือนหลวงอาทุกอย่าง ถึงจะสงสัยก็ไม่กล้าถามอยู่ดี
สามเณรประเทือง คิดอยู่ในใจว่า หลวงอาทำอะไรแปลกๆ หรือท่านจะรู้เห็นอะไรที่เราไม่รู้ก็เป็นได้ ครั้นกลับมาถึงที่พักก็เปิดบาตรดู ว่ามีอะไรอยู่บ้างเห็นแต่ความว่างเปล่าแต่ก็ยังไม่กล้าถามอยู่ดีว่าท่านทำเพื่ออะไร แล้วหลวงอาก็สั่งให้เอาน้ำล้างบาตรนั้นมาดื่มกิน พอดื่มแล้วเหมือนกับว่า รู้สึกอิ่มอย่างแปลกประหลาดคล้ายกับว่าได้ฉันข้าวอย่างนั้นแหล่ะ สามารถอยู่ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกหิวกระหายแต่อย่างใดเลย
เมื่อปฏิบัติอยู่ป่านานวันเข้า อาหารที่เตรียมมาก็หมดไปโดยปริยาย สิ่งที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง อาหารของหลวงอาไม่รู้จักหมด ครั้นถามท่านก็โดนดุว่าไม่ใช่กิจที่จะต้องรู้ ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้ต้องปฏิบัติอีกมาก ท่านเปรียบเหมือนใบไม้ในกำมือกับไม้ในป่าทั้งหมด จึงไม่กล้าที่จะถามท่านอีก จะถามได้ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเท่านั้น พอพูดจบท่านก็หยิบเอามาจากย่ามให้ฉันเป็นดังนี้อยู่เสมอมิได้ขาด ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจอยู่ตลอดมา ว่าทำไมข้าวตากแห้งของหลวงอาไม่รู้จักหมดสักที ท่านเอามาจากไหน ท่านมีคาถาอาคมอะไรหรือ


กลับมาเยี่ยมบ้าน
หลายปีที่สามเณรประเทือง เดินธุดงค์ไปกับพระอาจารย์อ่อน ก็ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่ก็หลายครั้งเหมือนกัน ที่คิดอยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่และญาติๆ ก็ยังไม่มีโอกาสสักครั้ง
วันหนึ่งได้รับอนุญาตจากหลวงอาว่าถึงเวลาอันควรแล้วอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านได้แล้ว พอกลับมาถึงวัดหนองแขม ก็กราบลาพระอาจารย์อ่อนไปเยี่ยมบ้านทันที ได้พูดคุยสนทนาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในการออกธุดงค์เดินป่าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อโยมทั้งสองได้ฟังแล้วก็เกิดสงสารห่วงใยอย่างจับใจ ขอร้องอ้อนวอนให้สามเณร ลูกชายลาสิกขากลับมาอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายในระหว่างอยู่ป่า ในตอนแรกก็เห็นด้วยกับความคิดของโยมพ่อโยมแม่ จึงตัดสินใจที่จะลาสิกขาอย่างแน่นอน
ครั้นกลับมาได้ถึงวัดได้กราบเรียนให้หลวงอาทราบเรื่องเอาเข้าจริงๆ แล้ว ได้รับโอวาทธรรมจากหลวงอาว่า การปฏิบัติธรรมกรรมฐานเท่านั้น ที่จะได้กุศลแรงกล้าที่สุด ไม่เพียงแต่บุคคลผู้ปฏิบัติเท่านั้น แม้ผู้เป็นบิดามารดาชื่อว่าผู้ได้เป็นญาติพระศาสนาก็พลอยได้บุญกุศลไปด้วย ได้ฟังโอวาทธรรมดังนั้น ท่านก็เห็นด้วยแล้วตัดสินใจที่จะไม่ยอมลาสิกขา ยังคงเดินธุดงค์ไปกับพระอาจารย์อ่อนต่อไปอีกหลายปี
พระอาจารย์อ่อน เป็นพระที่นิยมศึกษาชอบแสวงหาความรู้และมีวิทยาคมแก่กล้า ทั้งชอบการปฏิบัติธรรมได้ถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมให้สามเณรประเทืองทุกอย่างอย่างเช่น การหุงสีผึ้ง วิชานะหน้าทอง เป็นต้น
ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
พระอาจารย์อ่อน นับว่าเป็นพระที่เชี่ยวชาญเวทวิทยาคมมากทีเดียว และที่สำคัญยังมีความคุ้นเคยกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ได้เดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเดิมอยู่เป็นประจำ
เมื่อกลับจากเดินธุดงค์แล้ว หลวงอาอ่อน ได้นำสามเณรประเทือง เดินทางไปวัดหนองโพธิ์ ฝากฝังไว้เป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ต้มน้ำร้อนน้ำชาอยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อเดิมตลอดเวลา หลวงพ่อเดิมเรียกท่านว่า ?เณรจ้อน? เพราะท่านตัวเล็กกว่าสามเณรในวัดรุ่นเดียวกันทั้งหมด ทั้งยังเมตตาแนะนำสั่งสอนวิชาอาคมต่างๆ ให้อยู่เสมอ
ในขณะที่อยู่รับใช้หลวงพ่อเดิมอยู่นั้น สามเณรประเทืองได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมอะไรบ้าง เราท่านคงไม่อาจจะทราบได้ แต่เท่าที่สอบถามศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อประเทือง ได้ความว่าท่านไม่เคยพูดว่า หลวงพ่อเดิมถ่ายทอดวิชาอะไรให้ เพียงแต่กล่าวอยู่เสมอว่า วิชาอาคม ที่หลวงพ่อเดิมสั่งสอนนั้นว่าวิชาอะไรก็ตามตะเข้มขลังได้ต้องอาศัยพลังจิตเป็นกำลังสำคัญ หากเราฝึกจิตสมบูรณ์แล้วก็สามารถปลุกเสกอะไรให้เกิดพลังเข้มขลังได้
จากพื้นฐานวิทยาคมที่หลวงพ่อเดิมแนะนำสั่งสอนให้กับสามเณรประเทืองนั้นท่านก็ยึดถือปฏิบัติเป็นแบบครูบาอาจารย์ มาจนกระทั่งเป็นหลวงพ่อประเทือง ถึงทุกวันนี้
อุปสมบทปฏิบัติธรรมในสำนักหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
เมื่ออกพรรษาแล้ว สามเณรประเทืองก็ตัดสินใจลาสิกขาถือเพศฆราวาสวิสัย ไปประกอบสัมมาชีพทำไร่ มันแกว อยู่ที่บ้านหนองกระทะ ตำบลช่องแค จังหวัดนครสวรรค์
ครั้งอายุได้ ๒๐ ปี ในพ.ศ.๒๔๙๑ ก็ปรารถนาจะเข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมา วัดช่องแค นครสวรรค์ โดยมีท่านพระครูทอง วิสาโร เจ้าคณะอำเภอตาคลีในสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์มีพระอาจารย์แบ๊ง วัดช่องแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาตี่ วัดเขาวงศ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ในช่วงที่อยู่จำพรรษาวัดช่องแค เป็นห้วงเวลาเดียวกัน กับหลวงพ่อพรหม ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอีกรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสครองวัดนั้นอยู่ นับว่าเป็นบุญโชคของท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สรรพวิทยาคมในสำนักหลวงพ่อพรหมแต่เป็นที่น่าเสียดาย ว่า ท่านได้ครองสมณเพศอยู่ได้เพียงพรรษาเดียว ก็จำต้องลาสิกขาเพราะถูกกฎหมายเกณฑ์ทหาร ไปเป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ที่เขาน้อย จังหวัดลพบุรี อยู่ได้ ๒ ปีเศษ แล้วสมัครเป็นสารวัตรทหารอยู่ที่ลพบุรี ครั้นเบื่อหน่ายอาชีพราชการ ก็ลาออกมาทำงานชลประทานซีเมนต์อยู่ช่องแค นครสวรรค์
หลังจากใช้ชีวิตฆราวาสเพศวิสัยอยู่ ๘-๙ ปี ก็เบื่อหน่ายปรารถนาจะบวชอีกสักครั้งซึ่งในขณะนั้นมีอายุได้ ๒๙ ปี พ.ศ.๒๔๐๐ เป็นการฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษไปด้วยก็ตัดสินใจอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโนทอง อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับสมณฉายาว่า อติกฺกนฺโต แล้วอยู่ปฏิบัติธรรมกับ หลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง (หลวงพ่อเล็กรูปนี้เป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางเ**้ย)
ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรม
เนื่องจากหลวงพ่อประเทืองท่านมีอุปนิสัยชอบความสงบวิเวกใฝ่ใจในการศึกษาเล่าเรียนมาแต่เดิม ครั้นได้กลับมาบวชใหม่อีกครั้ง ก็มีความตั้งใจที่วัดโพธิ์ทอง พอออกพรรษาแล้วได้เล็งเห็นว่าวัดไม่เป็นที่สงบเท่าที่ควร เพราะท่านไม่ชอบที่จะระคนด้วยหมู่คณะจึงปลีกตนออกปฏิบัติกราบลาพระอุปัชฌาย์ออกเดินธุดงค์ แสวงหาความรู้กับครูบาอาจารย์ เพื่อศึกษาสรรพวิชาเพิ่มเติม
หลวงพ่อประเทือง ได้เดินธุดงค์ไปตามเขาทั่วภาคตะวันออกเฉียงจรดไปถึงถ้ำนาแก นครพนม ได้พบกับพระป่านักปฏิบัติหลายรูปทั้งได้ขอเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสพบกับอาจารย์บุญลือเป็นฆราวาสชาวเขมร ผู้เก่งกล้าในด้านไสยศาสตร์ ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาถอนคุณไสยต่างๆ จนเป็นที่พอใจ แล้วเดินธุดงค์ต่อไปอีก
หลังจากนั้นเดินธุดงค์กลับมานมัสการรอยพระพุทธบาท สระบุรี ซึ่งในช่วงนั้นเอง ได้เกิดโรคระบาด ผู้คนล้มตายเป็นว่าเล่น ชาวบ้านก็ปลื้มในที่ได้พบพระธุดงค์ ได้ขอร้องให้ท่านโปรดเมตตาช่วยอนุเคราะห์รักษาโรค ท่านก็ยินดีอยู่ช่วยรักษาให้โดยใช้สมุนไพรตามที่ได้ศึกษามาประกอบมาปรุงยาต้มให้ชาวบ้านกินกันจนหายเป็นปกติ ยังความปลื้มปิติเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของคนในหมู่บ้านกันทั่ว
สืบสายพุทธาคม
ความเป็นหนึ่งในเวทวิทยาคมของหลวงพ่อประเทืองอติกฺกนฺโต ในปัจจุบันย่อมเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ศิษยานุศิษย์และผู้นิยมวัตถุมงคล เพราะวัตถุมงคลหรือเครื่องรางวัลขลังของท่านนั้น ที่สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อหรือคณะศิษย์สร้างถวายก็ตาม โดยท่านเป็นผู้ปลุกเสกล้วนมีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับเชื่อถือในความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ล้ำเลิศมากมาย
การกล่าวได้อย่างมั่นใจเช่นนี้ก็เพราะท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มากไปด้วยครูบาอาจารย์ แสวงหาความรู้เล่าเรียนศึกษาพุทธาคมอย่างไม่รู้จบ และเหตุที่ครูบาอาจารย์ของท่านก็ล้วนแต่เลื่องลือกิตติศัพท์เป็นที่เคารพของสาธุชนทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลากว่า ๒๐ ปี ที่ออกเดินธุดงค์ ก็ได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ต่างๆ มามากมายเท่าที่ได้กราบนมัสการเรียนถามว่ามีพระเกจิอาจารย์รูปใด บ้างที่ท่านเคยเป็นศิษย์ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมซึ่งท่านได้ลำดับครูบาอาจารย์ดังนี้
๑.พระอาจารย์อ่อน วัดหนองแขม นครสวรรค์ (มีศักดิ์เป็นอา ได้ศึกษาตั้งแต่เป็นสามเณร)
๒.หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์ (เมื่อครั้ง ไปอยู่ปรนนิบัติรับใช้เป็นสามเณรที่วัดหนองโพธิ์)
๓.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์ (ศึกษาอยู่ได้ 1 พรรษา ตอนบวชครั้งแรก)
๔.พระอาจารย์เล็ก วัดคลองเม่า ลพบุรี
๕.หลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง นครสวรรค์ (เมื่อครั้งอุปสมบทอยู่วัดโพธิ์ทอง ซึ่งหลวงพ่อเล็กรูปนี้เป็นศิษย์ที่สืบทอดพุทธาคมมาจาก หลวงพ่อปาน วัดบางเ**้ย)
๖.อาจารย์บุญลือ (ไม่ทราบนามสกุล) เป็นชาวเขมร (เมื่อคราวออกธุดงค์)

211
เป็นลายสักของคุณตา ผมเองครับ พอดีปีใหม่กลับบ้านที่ต่างจังหวัด เลยมีโอกาสได้ขอคุณตา ถ่ายรูปลายสักครับ
เป็นลายสักที่ตาสักสมัยอายุไม่ถึง 20 ปัจจุบัน ตาผมอายุ 78 แล้ว แม้แต่ชื่อผู้สัก ก็จำไม่ได้แล้ว นานมากๆ












212




ได้มาจากคุณตา ในวันปีใหม่  :002:

213





หลวงพ่อเปิ่น นี่ล่ะครับ? ;D ไม่ทราบว่าผมควรเรียกว่าเนื้อไรดี โลหะก็ไม่ใช่ เนื้อผงก็ไม่เชิง อิอิ? :-*

215

เรื่องราว ของชาวบ้าน ๑๑ คน ที่ กลับกลาย เป็นตำนาน ด้วยต่าง หยิบดาบ สู้กับพม่า ด้วยหัวใจ กล้าต่อกร กับ ทัพพม่า ที่มี ไพรพล มหาศาล...ในเวลานั้น พม่าแบ่ง กำลังออก เป็น ๒ เส้นทาง มังมหานรธา ตีจาก ทิศตะวันตก เน เมียวสีหบดี ตีไล่จาก ทางเหนือ หวังขนาบ กรุงศรี อยุธยา ครานั้น ทัพของ เนเมียว ต้องล่าช้า ไปเนื่องจาก ติดพัน การ ต่อสู้ กับกลุ่ม ชาวบ้านที่ รวมตัว กันในนาม "บางระจัน"

เนเมียวสีหบดี แค้นหนัก ที่กองทัพ ของตน พ่ายแพ้ ถึง ๓ ครั้ง จึงเพิ่ม กำลังหนัก เข้าชาว บางระจัน รบกัน อย่าง ถวายหัว แต่คราวนั้น พ่อแท่น หัวหน้า ของชาวบ้าน ถูกยิงได้รับ บาดเจ็บ ทุกคน จึงต้องหา ผู้นำคนใหม่ ขณะนั้น ข่าวการ ชนะพม่า ของบางระจัน กระจายไปทั่ว ชาวบ้าน มากมาย พากัน มารวม ตัวสู้ บางระจัน ได้ผู้ มีฝีมือ อีกสองคน มาช่วย คือ นายดอก ครูมวย จากวิเศษไชยชาญ แลนาย ทองแก้ว ครูดาบ บ้านโพธิ์ ทะเล

ชื่อกลุ่มโจร ของนายจัน หนวดเขี้ยว เป็นที่ กล่าวขาน ในเวลานั้น บางระจัน จึงส่ง นายอิน มือแม่นธนู นายเมือง คนหนุ่ม ใจกล้า แลพวก เสี่ยงภัย ออกจากค่าย ไปตาม นายจัน ยอมมา ช่วยบางระจัน ทันที เมื่อรู้ว่า พระอาจารย ธรรมโชติ ย้ายจาก เขานางบวช บ้านเกิด ของตน ที่วอดวาย ไปแล้ว มาจำวัด ที่บางระจัน นายจัน หนวดเขี้ยว เป็น นักรบ ประเภท ยอมหัก ไม่ยอมงอ ด้วยครั้งหนึ่ง ตนเคยเสียชีวิต ลูกเมีย ให้กับพม่า

เมื่อได้เป็นผู้ นำคนใหม่ จึงเปลี่ยนแปลง บางระจัน ให้ทุกคน มีวินัย และ ไม่ทำอะไร ตามใจ ตัวเอง ทำให้ นายจัน ไม่เป็น ที่ถูกใจ ของนาย ทองเหม็น ขี้เมาพเนจร ที่ชอบ ขี่ควาย แอบออก จากค่าย ไปตีพม่า อยู่บ่อยครั้ง ไม่มีใครรู้ สาเหตุว่า นายทองเหม็น ทำอย่างนั้น เพื่ออะไร เมื่อหยุดจาก การรบ ชาวบ้าน ก็เป็นเพียง ชาวบ้าน ความรัก ของนายเมือง และ อีแตงอ่อน ลูกสาว พ่อแท่น กำลัง ก่อตัวขึ้น อย่างงดงาม พ่อแง่แม่งอน ตามประสา เช่นเดียวกับ นายอิน กับ อีสา เมียรัก ที่เพิ่ง อยู่กินกัน ความกดดัน จากสงคราม ทำให้อีสา ไม่บอกให้ นายอินว่า ตนกำลังท้อง ด้วยกลัวผัว จะเป็นกังวล

นายเมือง นายอิน ต้องเสี่ยงภัย กันอีกครั้ง เมื่อต้อง เดินทางไป กรุงศรีอยุธยา เพื่อขอ ปืนใหญ่ แต่เมื่อ ไปถึงกลับ ได้รับการ ปฏิเสธ กลับมา เมื่อนายอิน กลับมา แล้วมารู้ ทีหลังว่า เมียกำลังท้อง แล้วนายปลั่ง เพื่อนรัก ที่ ร่วมรบ กันมา จนบาดเจ็บ พิษไข้ ขึ้นถึงกลับ วิกลจริต ไป ซ้ำมารู้ว่า ตนกำลัง จะมีลูก นึกแค้น พม่าหนัก นัดพา พวกล่องเรือ ไปตีพม่า ถึงในค่าย โดยไม่รู้ว่า พม่าเอง ก็แอบส่ง กำลัง มาตีบางระจัน เช่นกัน ครั้งนั้น ด้วยใจร้อน นายอิน พาคน ไปตาย มากมาย ซ้ำกลับ มา ค่ายบางระจัน ก็ถูกตี จนยับเยิน คนตาย มากมาย ชาวบ้าน ก็พากัน อพยพ หนีไป นายจัน ท้อใจ จะ กลับไป เป็น กองโจร เหมือนเดิม หากแต่ ได้กำลังใจ อย่าง ไม่คาดคิด จากนาย ทองเหม็น ขี้เมา ที่เป็น อริกัน มาตลอด และรู้ว่า แท้จริงแล้ว นายทองเหม็น เองก็มีอดีต ที่เจ็บปวด ไม่น้อย ไปกว่าตน

ยามนั้น พม่าได้แต่งตั้ง นายกอง คนใหม่ นามว่า สุกี้ เข้าตี บางระจัน ทัพสุกี้ ครั้งนี้มี กองปืนใหญ่ มาด้วย บางระจัน เอาปืนใหญ่ เข้าสู้ทั้งที่ร้าว อย่างไม่มี ทางเลือก ทุกคน รู้ชะตากรรม ว่า นี่คงเป็น ครั้งสุดท้าย ของบ้าน บางระจัน แล้ว


216



1. ตะกรุด ยันต์เสาร์ ๕  หลวงพ่อตัด วัดชายนา

2. ตะกรุด 3 ชั้น อาจารย์ถึง สาย หลวงพ่อประเทือง

3. ดอกนี้ไม่ทราบที่ ลุงเป็นคนให้ แต่เคยบอกจำไม่ได้ แหะๆ นานแล้วอ่ะ

4. ตะกรุดยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อพัน วัดเขากระโหลก

5. ตะกรุดลูกปืน หลวงพี่ติ๊ก วัดด่านเจริญชัย

6. ตะกรุด 9ชั้น หลวงพ่อประเทือง วัดด่านเจริญชัย

7. ตะกรุดลูกปืน หลวงพี่อ๊อด วัดสายไหม

8. ตะกรุดมหารูด หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก  จารมือทั้งดอกสร้าง 490 ดอกจ้ะ

9. ปลัดขิกหัวชะมด หลวงพ่อประเทือง วัดด่านเจริญชัย

10. ตะกรุดนางครวญ เนื้อตะปูโรงผี หลวงปู่ชื่น วัดตาอี

11. ปลัดลิงเกาะ ไม่ทราบที่ครับ ตาให้มา เคยบอกแต่ลืมแล้วได้มาตั่งนานแล้วครับ

12. ได้มาจากตา เหมือนกัน แต่เค้าว่าเป็นว่าน ชนิดหนึ่ง อ่ะครับ

13. ตะกรุดถักเชือกกระสอบ เก่ามากๆ ตะกั่วกลับแล้ว ไม่ทราบที่ครับ

 :095:  :007:  :006:  :010:  :053:  :017:  :074:  :058:  :048:  :050:  :069:    :054: :054: :054: :054: :054:

217
ฝาบ้าน ในส่วนห้องนอนผมเอง เหอะๆๆๆ



บรรทัดบน ผืนสี ดำ - เหลือง เปนผ้ายันต์หนุมาน ลพ.เปิ่น? ข้างบนหนุมาน เปนยันต์ ยอดฉัตรพิธีไหว้ครู? ล่างผ้ายันต์หนุมานสีเหลืองคืน เหรียญ ลป.ศุข ลป.สิน หลังยันต์โสฬส

บรรทัดล่าง 4 ผืนติด แดงขาวเหลืองดำ ผ้ายันต์ ทรัพย์ไหลมา หลวงพ่อเปิ่น? ต่อมาสีเหลืองผ้ายันต์ หลวงพ่อนาค วัดโพธิ์ชัยศรี อุดร? สีขาวๆ ต่อจากนั้นคือ ผ้ายันต์นางกวัก หลวงพ่อเปิ่น? :095:

219
วันนี้ผมไปไหว้ครูวัดบางแวก มาครอบเศียร์พระพิคเนศ ด้วย? :004:? :002:? :053:? หลวงพี่ญา ท่านเมตตาครอบเศียร์ ให้ (เห้ย ลืมใส่ซอง !!! )

เห็นเค้าเดินตัวปล่าวๆ เข้าไปกัน ผมก็เดินตาม พอไปถึงหน้าหลวงพี่ คนที่ไปตัวปล่าว ควักซอง มาเต็มเลย !!!!!! ตกใจ เห้ย เราไม่มีซอง เลย ครอบไปก่อน? :070:

แต่ผมไปใส่ตู้ เงินทำบุญซื้อโรงศพ แทนล่ะกันน๊า? เอ๋... จำไม่ผิด ผมเจอ พี่ เอ บางแค ด้วยแหละ !!!? อยู่ไกลไปไม่กล้าไปทัก ขออภัยจ้า

น่าเสียดาย ไปไม่ทัน เป่ายันต์เกราะเพชร อ่ะ T_T? :054:? แล้วใครไปมั่งอ้ะ อิอิ? :095:

220


รูปถ่ายหลวงพ่อ

221


พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบในจังหวัดนครสวรรค์ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักหลวงพ่อโอดวัดจันเสน

ชาติภูมิ

พระครูนิสัยจริยคุณ ฉายา ปัญญาโร นามเดิมชื่อ วิสุทธิ์ นามสกุล แป้นโต แต่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อโอด" ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เดือน ธันวาคม ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ ๑๐๓ หมู่ที่ ๗ (บ้านหัวเขา) ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ บิดามารดาของท่านชื่อ นายชิต นางต่วน แป้นโต มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๗ คนคือ
๑. นายดำ แป้นโต ถึงแก่กรรม
๒. นางหนู เกรียงไกรเพชร ถึงแก่กรรม
๓. นายกุหลาบ แป้นโต ถึงแก่กรรม
๔. นางพยอม แป้นโต ถึงแก่กรรม
๕. พระครูนิสัยจริยคุณ ถึงแก่กรรม
๖. นางหลอม แป้นโต ถึงแก่กรรม
๗. นายออน แป้นโต ถึงแก่กรรม

การศึกษาเบื้องต้น

ท่านสำเร็จการศึกษา วิชาสามัญประถมบิริธูรณ์ จากโรงเรียนวัดหัวเขา อำเภอตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

อุปสมบท

เมื่อวันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๘๑ ณ พระอุโบสถ วัดหัวเขา อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี
๑. พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี เป็นพระอุปัชฌาย์
๒. พระครูนิปุณธรรมธร วัดตาคลี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
๓. พระครูพิพัทธศีลคุณ วัดหัวเขาตาคลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์



วิทยฐานะ

พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบได้นักธรรมเอก จากสำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

งานด้านปกครอง

๑) พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล อำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
๒) พ.ศ. ๒๔๓๙ ทางคณะสงฆ์ได้ย้ายท่านให้มารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดจันแสน
- ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๓ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดจันแสน
- ๒๖ มิถุนายน ๒๔๙๓ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลจันแสน
- ๒๖ มีนาคม ๒๔๙๖ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์และเป็นศึกษาอำเภอตาคลี
๓) พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับแต่งตั้งเป็น รองเจ้าคณะอำเภอตาคลี
๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะอำเภอตาคลี



สมณศักดิ์

๑) พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น ตรี
๒) พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น โท
๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น เอก
๔) พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น พิเศษ

ด้านการศึกษาของภิกษุ-สามเณร

- เป็นครูสอนนักธรรม ของวัดดอนยานนาวา เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (ในสมัยที่พระอาจารย์กึ๋น เป็นเจ้าอาวาสวัด ดอนฯ)
- เป็นครูสอนนักธรรม วัดหัวเขา และวัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
- เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดจันแสน
- เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง

ความสัมพันธ์กับหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม

หลวงพ่อโอด ท่านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง แห่งวัดหนองสีนวลและหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด กล่าวคือ โยมพ่อของหลวงพ่อโอด คือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และแม่ของนายชิต แป้นโตและหลวงพ่อรุ่ง ก็เป็นพี่สาวโยมแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ดังนั้นหลวงพ่อโอดท่านจึงเรียก หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิมว่า "หลวงลุง"

การศึกษาด้านพุทธาคม

เมื่อท่านกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาว่าแล้ว ได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่งที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง โดยศึกษาคู่กับหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร (พระครูวิจิตชัยการ) หลวงพ่อรุ่งได้เขี่ยวเข็ญ และพร่ำสอนท่านเป็นอย่างดี ซึ่งท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเองได้ค่อยจะสนใจเรียนเท่าใดนัก แม้หลวงพ่อรุ่ง จะแสดงคุณวิเศษทางวิชาที่สอนให้ท่านดู ท่านก็ไม่ค่อยจะสนใจ จนหลวงพ่อรุ่งถึงกับเอ่ยปากต่อว่าท่านว่า ท่านเป็นพระหัวสมัยใหม่ สักวันหนึ่งจะต้องนึกถึงตัวท่านอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวลต่อจากหลวงพ่อรุ่ง และในปีนี้เองชาวบ้านหนองสีนวล ชื่อนายอ๊อด ถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนฝังในทั้งเก้าเม็ด จะไปรักษาที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะเป็นยุคปลายสงคราม ญาติๆ ของนายอ๊อด จึงได้นำร่างที่บาดเจ็บของนายอ๊อดมาไว้ที่ศาลาวัดหนองสีนวล แล้วนิมนต์ท่านให้ทำการรักษาด้วยความจำเป็น ท่านจึงต้องรักษาให้ตามที่เขาขอร้อง โดยก่อนที่จะลงมือรักษาท่านได้จุดธูปอธิษฐานต่อหลวงพ่อรุ่งว่า "หากหลวงลุงต้องการใช้วิชานี้คงอยู่สืบไป ก็ขอให้ทำการรักษานายอ๊อดให้หาย หากรักษาหายจะเริ่มเรียน วิชาที่สอนให้ทั้งหมด" เสร็จแล้วท่านจึงทำน้ำมนต์ตามที่ได้เรียนมา แล้วนำไปให้นายอ๊อดดื่มและพรมตามบาดแผลที่ถูกปืน หลังจากนั้นท่านจึงได้เข้าจำวัดจนเช้ามืด ท่านได้ยินเสียงเรียกว่า หลวงน้า หลวงน้าผมไม่ตายแล้ว ท่านจึงลุกออกมาดู ปรากฏว่าเป็นนายอ๊อด ที่ท่านได้รักษานั่นเองผลออกมาว่าลูกปืนที่ฝังอยู่ในตัวนายอ๊อดทั้ง ๙ เม็ดไหลออกมาทั้งหมด และบาดแผลก็สมานกันดี เลือดหยุดไหล เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่าน ดังนั้นท่านจึงหันมาศึกษาวิชาของหลวงพ่อรุ่ง ทั้งหมดอย่างจริงจัง

ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ระยะที่ท่านอยู่หนองสีนวล ท่านได้ไปมาหาสู่กับหลวงพ่อเดิมเป็นประจำ และหลวงพ่อเดิม ท่านก็มาหนองสีนวลอยู่เป็นประจำซึ่งท่านก็ได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม ทั้งที่วัดหนองโพและที่วัดหนองสีนวลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมท่านก็ได้ให้ทายกยิ้ม ทายกใหญ่วัดหนองโพ นำตำราต่างๆ ของหลวงพ่อเดิม ขึ้นรถไฟมาให้ท่านได้ศึกษาที่สัดจันเสนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๔

จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโอดท่านเป็นทั้งหลาน และเป็นทั้งศิษย์ ของสองพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังและเกรียงไกรที่สุดของอำเภอตาคลีในยุคนั้น แต่มิใช่ว่าจะมีอาจารย์ที่ท่านได้ศึกษาทางพุทธาคม เพียงแต่หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม เท่านั้นก็ไม่ ที่ผู้เขียนรู้จากคำบอกของท่านเองยังมีอยู่อีก ๒ องค์คือ

- หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไปหาหลวงพ่อพรหมบ่อยๆ มาก ท่านบอกว่าท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อพรหม แต่ท่านไม่ได้บอกว่าไปเรียนวิชาอะไร แต่ที่รู้ๆ หลวงพ่อพรหมรักใคร่ในตัวหลวงพ่อโอดมาก ถึงกับยอมมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้ที่พระอุโบสถวัดจันเสน ซึ่งหลวงพ่อพรหมท่านไม่เคยยอมไปปลุกเสกนอกวัดช่องแคเลย

- หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเขน ที่วัดสิงห์เลย ท่านบอกว่า ท่านไปเรียนวิชาทำตะกรุดซึ่งหลวงพ่อเชน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำตะกรุดโทน

ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า พระอาจารย์ที่หลวงพ่อโอด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนไสยเวท พุทธาคม มีอยู่ ๔ องค์คือ

๑. หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
๓. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
๔. หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

ด้านวิปัสนากรรมฐาน


หลวงพ่อโอดท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจาก หลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และต่อมาในปี ๒๕๐๕ ท่านได้ไปศึกษาต่ออีกที่วิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี จนท่านมีความชำนาญ และมีพลังจิตที่กล้าแข็ง สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีต และในอนาคตอย่างแม่นยำ ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านได้เปิดสำนักสอนวิปัสนากรรมฐานขึ้นที่วัดจันเสน โดยท่านเป็นผู้สอน และในระยะเวลาที่เข้าพรรษาท่านจะนั่งปฏิบัติของท่านติดต่อกัน๗ วัน โดยไม่ลุกออกมาจากกุฏิเลย ผมในวัยที่ท่านชราภาพและป่วยก็จะปฏิบัติของท่านอยู่เสมอ ในตอนกลางคืนและตอนเช้ามืด แม้จะป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ตาม



ลูกอม และ สีผึ้ง สุดยอดวัตถุมงคล

วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงมานานที่สุดของท่านคือ ลูกอม และสีผึ้ง ซึ่งท่านสร้างตามตำรับของหลวงพ่อรุ่ง มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดและคงกระพันอยู่พร้อม ลูกอมในสมัยหลวงพ่อรุ่งนั้นท่านบอกว่าจะต้องใช้วัสดุต่างๆ คือ ๑) ดิน ๗ เมือง ๒) ขี้ตะไคร่เรือจ้าง ๗ ท่า ๓) ขี้ตะไคร่เสาตะลุงช้าง ๗ เสา ๔) รังนกหัวหงอก ๕) ดินอุดโพรงนกเหงือก ๖) เทียนวิปัสสนา ๗) หนังสือ แต่ในสมัยของท่านวัสดุบางอย่างหายากมาก จึงต้องใช้อย่างอื่นแทน และในการปลุกเสกทุกครั้ง ท่านจะนำเม็ดลูกอมของหลวงพ่อรุ่ง มาผสมปลุกเสกด้วยเสมอสีผึ้งและลูกอมวัดจันเสนนี้โด่งดังมาก ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเพียง ๓ ลูกเท่านั้น และนำติดตัวไปด้วยเสมอ ต่อมาท่านมีกิจนิมนต์ ท่านจึงไปพร้อมกับพระครูพยอม วัดราษฎร์บำรุง ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี ได้ไปยืนคอยเรืออยู่ริมแม่น้ำ เรือผ่านไปมาไม่มีแวะรับท่านสักลำ จนเวลาจะไม่ทันงานที่เขานิมนต์ ท่านจึงนำลูกอมที่ท่านสร้างมาเสกภาวนา พร้อมอธิษฐานว่าถ้าเรือมาขอให้จอดรับท่าน วิ่งไปจนระยะคุ้งน้ำงเลี้ยวกลับมารับท่านทั้งสอง เมื่อนิมนต์ท่านขึ้นเรือแล้วท่านก็ถามว่า "เมื่อกี้ทำไมไม่จอดรับต้องเลยไปก่อน" คนขับเรือตอบว่า "พอผมเลยไปถึงข้างหน้าแล้วพึ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านทั้งสองจะไปไม่ทันฉันเพล จึงย้อนกลับมารับ" ดังนั้นการสร้างลูกอมจากวัดจันเสนจึงมีมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะสิ้นหลวงพ่อโอดไปแล้ว แต่ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (เจริญ) ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ไว้จากหลวงพ่อโอดไว้ จนมีความสามารถที่จะสร้างแจกแก่บรรดาผู้ที่ยังต้องการลูกอมของวัดจันเสนอยู่

ทรายเสกที่ศักดิ์สิทธิ์

ในห้องพระหลวงพ่อนาค วัดจันเสน จะมีกระถางธูปขนาดใหญ่ใส่ทรายไว้ตลอดเวลา ประชาชนที่มากกราบไหว้หลวงพ่อนาค และหลวงพ่อโอด จะต้องนำถุงใส่ทรายในกระถางธูปนี้กลับบ้านทุกคน เพราะทรายในกระถางธูปนี้ หลวงพ่อโอดท่านจะทำการปลุกเสกในตอนกลางคืนของทุก ๆ คืน เชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการคุ้มครองป้องกันไฟ โจรผู้ร้าย และภูตผีปีศาจ ได้อย่างดี วันหนึ่ง ๆ จะมีผู้นำทรายจากวัดจันเสนไปเป็นจำนวนมาก แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้มานำทรายไปอยู่เช่นเดิม ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (เจริญ) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านจะทำการเสกไว้ในตอนกลางคืนทุก ๆ คืน ท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อโอดไว้เช่นกัน

ภาพยนตร์ ลิเก ต้องจ้างให้เลิก

วัดจันเสนปกติจะมีงานประจำปีเพียงปีละ ๓ ครั้งเท่านั้นคือ
๑. งานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อโอด
๒. งานวันสงกรานต์
๓. งานวันลอยกระทง
ในงานประจำปีทุกครั้ง สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนี้คือ ภาพยนตร์และลิเก ซึ่งที่วัดจันเสนนี้ ไม่เหมือนที่วัดอื่น ๆ เพราะ ภาพยนตร์ ลิเก ที่มาแสดงในวัดนี้ จะต้องจ้างให้เลิกแสดงทุกครั้งในวันสุดท้ายของงาน หากว่าหลวงพ่อโอดท่านไม่จ้างให้เลิกเล่นแล้ว ทั้งภาพยนตร์ ลิเก ก็จะเล่นอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าจะเช้า สายเพียงใด และเป็นเช่นนี้มากกว่า ๒๐ ปี แล้ว เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ ภาพยนตร์ ลิเก และประชาชนทั้งหลายเชื่อมั่นกันว่า จำนวนเงินที่หลวงพ่อโอดท่านจ้างให้เลิกแสดงนั้น จะไปตรงกับหวยที่ออกในงวดนั้น ๆ เสมอ

มีเมตตาสูงยิ่ง

หลวงพ่อโอดท่านเป็นพระที่มากด้วยเมตตา ท่านตัดแล้วซึ่งโกรธ โลภ หลง วันหนึ่ง ๆ ท่านจะนั่งคอยรับแขก อยู่ทั้งวัน ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่าน ท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีแก่เขาเหล่านั้น ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็น คนรวย คนจน ท่านอนุเคราะห์ให้แก่เขาเหล่านั้นเสมอกันทุกคน มีบางคนขึ้นไปขอเงิน ขอข้าวของต่างๆจากท่าน ท่านก็ให้โดยมิได้หวงแหน บางคนนำของมาเสนอขายให้ท่าน ท่านก็ซื้อไว้ทั้งที่รู้ว่าเป็นของไม่ดี เช่นนำพระเครื่อง พระบูชา มาให้ท่านเช่า ท่านก็มีเมตตาเช่าไว้ โดยท่านพูดว่า เมื่อชาติก่อนติดค้างเขาไว้ ชาตินี้เขาจึงต้องตามมาทวงคืน ให้ๆ เขาไปเถิดจะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีก ในการพูดคุยกับญาติโยมที่มาหาหรือว่ากล่าวใคร ท่านยิ้มอยู่เสมอ แม้แขกมานั้นจะจู้จี้ พูดมาก จนน่าเบื่อเพียงแค่ไหน ท่านก็ไม่มีอาการให้เห็นว่าท่านรำคาญหรือรังเกียจเขาเหล่านั้น แต่จะยิ้มเสมอ ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นท่านแสดงอาการโกรธ หรือดุด่าว่ากล่าวใครเลย นับว่าท่านมีเมตตาสูงยิ่ง

อาพาธและมรณภาพ

หลวงพ่อโอดท่านป่วยด้วยโรคเบาหวานมานานนับสิบๆปี แต่ท่านก็ใช้พลังจิตของท่าน ข่มกลั้นความเจ็บป่วยนั้นมาตลอด ไม่หนักหนาจริงๆ ท่านจะไม่ยอมให้พาท่านไปโรงพยาบาลเลย จนบั้นปลายของชีวิต อาการเบาหวานของท่านกำเริบมาก จนเท้าของท่านบวมอยู่ตลอดเวลา คณะกรรมการวัดและศิษย์ของท่าน ก็นำท่านไปรักษาที่กรุงเทพฯ บ้าง ที่บ้านหมี่บ้าง แต่ท่านเองก็ไม่ค่อยจะยอมไปเพราะท่านเกรงใจเขาเหล่านั้นที่จะต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาท่าน จนครั้งหลังสุดอาการเบาหวานของท่านกำเริบมากจนไตไม่ทำงาน ต้องนำเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เพื่อล้างไต เมื่ออาการดีขึ้นท่านก็ขอให้ท่านกลับวัด มาอยู่จันเสนได้ไม่นานอาการของท่านทรุดลงอีก คณะศิษย์จึงนำท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ได้ไม่นาน ท่านก็มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๓๒ เวลา ๒ ทุ่มเศษ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นวันอาสาฬบูชา ประชนชนชาวจันเสนและใกล้เคียง ต่างเศร้าโศกเสียใจ อาลัยในมรณภาพของท่านมาก ทางคณะกรรมการวัดได้เคลื่อนศพของท่านจากโรงพยาบาลบ้านหมี่ มายังวัดจันเสน มีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่มากมายเป็นประวัติการณ์ปัจจุบันร่างของท่านยังอยู่ที่ตึกนิสิตสามัคคี เปิดให้ประชนชนทั่วไปได้สักการบูชาทุกๆ วัน สิริรวมอายุได้ ๗๒ ปี ๖ เดือน ๑๙ วัน ๕๐ พรรษา

222
ผมเคยพูดถึงการสักน้ำมันไปแล้วน่ะครับ แล้วมีผู้สงสัยเข้ามามากครับ บางคำตอบ อ้างอิงโดยการถามตอบอย่างโยกโย้ ผมขอตอบแบบเต็มๆ นะครับ

" การสักน้ำมันผมได้รับฟังมาจากผู้หลักผู้ใหญ่ เค้าว่ากันว่า เมื่อครั้งโบราณนั้น การสักน้ำมัน จะใช้เข็มแทงให้ลึกที่สุด ( ลึกกว่าหมึก ) เพื่อให้น้ำมันที่สักนั้น เข้าลึกถึงผิวชั้นใน น้ำมันจะอยู่ในตัวโดยประมาณ 6 เดือน แต่พุทธคุณยังอยู่ในตัวเราตลอดเท่าที่เรายังทำความดีอยู่ ผมมิเคยกล่าวในกระทู้ใดใดเลยว่า สักแล้วพุทธคุณอยู่ได้แค่ 6 เดือน ? ฉะนั้น ขอแถลงให้เข้าใจด้วยนะครับ "


ขออภัย ที่นำข่าวมาแจ้งกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ช้าไปหน่อย เพราะคอมฯ ที่บ้านเสียครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ? ?ขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่ถามเข้ามาครับ ไม่เข้าใจไรถามได้ครับ? :058: :058: :058:

ขอเสริมนิดนึงครับ ผมไม่เคยพูดถึงว่าการสักน้ำมัน จะมี พุทธคุณอยู่เพียง 6 เดือน กระทู้อ้างอิงครับ

http://www.bp-th.org/webboard/index.php/topic,2557.0.html

223
ผมไปก็เดิน ร่อน ไปร่อน มาไปฟังพระสวดมั่ง เดินเล่นมั่ง ให้อาหารปลามั่ง อิอิ ไม่ได้ทำไรเลย ว่าจะสัก คนเยอะมากกกกกกกกก

ผมก็เลย กลับบ้านดีกว่าเหนื่อยล่ะ วันนี้ก็ ขอบคุณ ท่านออม  แล้วก็ พี่ต้นโลมา ด้วยนะ เอ้ย พี่ต้น Orca  อิอิ ขอบคุณมากๆ  :090:

224


กองทัพอากาศจัดสร้าง พระเทวราชโพธิสัตว์? จตุคาม รามเทพ? รุ่น ?เหนือฟ้า มหาเศรษฐี? โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริจาคบูชา สมทบทุนในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐? พรรษา? ๕ ธันวาคม? ๒๕๕๐? ดังนี้
? ? ? ? ? ? ? ? ?๑. เพื่อปรับปรุงพระมหาธาตุเจดีย์ นภเมทนีดล? ดอยอินทนนท์? จังหวัดเชียงใหม่
? ? ? ? ? ? ? ? ?๒. เพื่อบูรณะพระอุโบสถ และพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ? วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน กรุงเทพมหานคร

มงคลวัตถุองค์พ่อจตุคาม รามเทพ
? ? ? ? ? ? ? ? ?มหาฤทธาและความเป็นอัศจรรย์ของมงคลวัตถุรุ่นนี้? ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกขององค์พ่อจตุคาม? รามเทพ? ?คือ ปางที่จัดสร้างเป็น ปางมหาราชครองบัลลังก์ หมายถึง การประสบสุข? ในอำนาจ? วาสนา? บารมี? ครบทั้ง ข้าทาสบริวาร? ทรัพย์สิน ศฤงคาร? ?อัศจรรย์? ?คือ? องค์พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ? ได้แก่ องค์พระเจดีย์ศรีมหาธาตุ? กรุงเทพมหานคร? องค์พระมหาธาตุเจดีย์ นภเมทนีดล? จังหวัดเชียงใหม่ และองค์พระบรมธาตุเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช? รูปแบบองค์พ่อ ผนวกกับพิธีกรรม? ๙? พิธี ที่เข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังอธิษฐานจิตของพราหมณ์และพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ? ๓ มิติ ได้แก่? มิติบนดิน? มิติทางท้องทะเล? และมิติทางอากาศ? และมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์? จึงถือว่า มงคลวัตถุ จตุคาม รามเทพ? รุ่น ?เหนือฟ้า มหาเศรษฐี? หากใครมีไว้บูชา จะประสบกับความสุข? ?ความเจริญ? ?มั่งมี? ศรีสุข? ปลอดโรค? ปลอดภัย? ทำมาค้าขึ้น? สมกับวาทะขององค์พ่อที่ว่า ?มีกูไว้ไม่จน?

พิธีกรรม? ๙? พิธี
? ? ? ? ? ? ? ? ?กำหนดพิธีกรรม


พิธี ครั้งที่ ๑? พิธีบวงสรวง บูชาฤกษ์? และขออนุญาตจัดสร้าง ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร? จังหวัดนครศรีธรรมราช? วันพฤหัสบดีที่ ๑๙? เมษายน? ๒๕๕๐, ๐๗๑๙
พิธี ครั้งที่ ๒? พิธีอธิษฐานจิต? เสกชนวน มวลสาร? และกดพิมพ์? เป็นปฐมฤกษ์? โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโน) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช? ณ ตำหนักสมเด็จ วัดสระเกศ? กรุงเทพมหานคร? วันอังคารที่? ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เวลา ๑๖.๑๙ น.
(ผู้บัญชาการทหารอากาศ แถลงข่าวสื่อมวลชนทุกแขนง ที่โรงแรมปรินซ์พาเลช? ถนนดำรงรักษ์? คลองมหานาค? ป้อมปราบ? กรุงเทพ ฯ? เวลา ๑๔.๐๐ น.)?
พิธี ครั้งที่ ๓? พิธีมหาเทวาภิเษก? ณ? มณฑลพิธีศาลหลักเมือง? จังหวัดนครศรีธรรมราช?
วันจันทร์ที่? ? ๒๘? พฤษภาคม? ๒๕๕๐
 
พิธี ครั้งที่ ๔? พิธีมหาเทวาภิเษก ณ มณฑลพิธีศาลหลักเมือง และพิธีอธิษฐานจิต ปลุกเสก? ณ? ท้องทะเล อ่าวประจวบ? จังหวัดประจวบคีรีขันธ์? ?วันจันทร์ที่ ๑๘? มิถุนายน? ๒๕๕๐
พิธี ครั้งที่ ๕? พิธีพุทธาภิเษก ณ มณฑลพิธีวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร? จังหวัดนครศรีธรรมราช?
วันอาทิตย์ที่ ๒๕? มิถุนายน? ๒๕๕๐
 
พิธี ครั้งที่ ๖? พิธีบวงสรวงและอธิษฐานจิตปลุกเสก บนเครื่องบินกองทัพอากาศ จากดอนเมือง - เชียงใหม่? ?
วันอาทิตย์ที่ ๑๕? กรกฎาคม? ๒๕๕๐
 
พิธี ครั้งที่ ๗? พิธีมหาพุทธาภิเษก ? เทวาภิเษก ณ มณฑลพิธี พระมหาธาตุเจดีย์ นภเมทนีดล? ดอยอินทนนท์? ?จังหวัดเชียงใหม่? ?วันจันทร์ที่? ๑๖? กรกฎาคม? ๒๕๕๐
พิธี ครั้งที่ ๘? พิธีมหาพุทธาภิเษก ? เทวาภิเษก ณ มณฑลพิธี? วัดพุทไธศวรรย์? จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันจันทร์ที่ ๒๓? กรกฏาคม? ๒๕๕๐
 
พิธี ครั้งที่ ๙? พิธีสมโภชพุทธาภิเษก พระเทวราชโพธิสัตว์ จตุคาม รามเทพ รุ่น ?เหนือฟ้า มหาเศรษฐี? ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน กรุงเทพมหานคร? วันพฤหัสบดีที่? ๒๖? กรกฎาคม? ๒๕๕๐

? ? ? ? ? ? ? มวลสารสำหรับสร้างจตุคามรามเทพ

มวลสารศักดิ์สิทธิ์ ว่าน ๑๐๘ และว่านกาหลง ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสงฆ์ราช ทรงมอบให้แก่เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ
มวลสารเป็น อิฎ ? ดิน ที่องค์พระบรมธาตุ วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช โดย พระราชธรรมสุธี? มอบให้แก่ พล.อ.อ.ไพศาล? สีตบุตร? ผช.ผบ.ทอ. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๐ , ๐๖๓๐ น. ณ กุฏิเจ้าอาวาส เป็นมวลสารครั้งแรกที่กองทัพได้รับมา
เพชรหน้าทั่งหลวงปู่ทอง? สุรํวโร? อดีตเจ้าอาวาสวัดป่ากอสุวรรณาราม อ.นาหม่อม จ.สงขลา? ?(มอบแด่? น.ท.เฉลิม? ศิริสวัสดิ์)
มวลสารแบ๊งค์? ที่เผาละเอียดแล้ว? หลวงปู่บุญ? วัดคลองแห? อ.เมือง จ.สงขลา นำมาปลูกเศกแล้วมอบให้ น.ท.เฉลิม? ศิริสวัสดิ์? เมื่อปี ๒๕๓๙
มวลสารศักดิ์สิทธิ์วัดพระธาตุพนม? เจ้าอาวาสเป็นผู้มอบให้ น.ต.ประเสริฐ ฯ ส่งมาถึง ๒๗ เม.ย.๕๐ (EMS)? กองบิน ๒๑? อุบล ฯ
กองบิน ๕๖ ฯ? (หาดใหญ่)

ผงว่าน? ๑๐๘? จาก วัดพะโค๊ะ
มูลสารเหล็กไหล,พระมหาอำนวย ฐานจาโร (เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม จ. สงขลา
ผงพระธาตุนครศรีธรรมราช,ผงวัดภูเขาทอง จ. พัทลุง, ผงวัดบ้านสวน จ.พัทลุง, ดินจาก ๔ ตำบล ที่ประสูติ? ตรัสรู้? ที่ทำยมกปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า ที่ปฐมเทศนา
ว่าน 108 วัดช้างไห้ (ทั้งหมดนี้ได้รับความเมตตา จาก พระเทพวีราภรณ์ รองเจ้าคณะภาค ๑๘? วัดโคกสมานคุณ? จ. สงขลา
กองบิน ๗ (สุราษฎร์ธานี)

มวลสารว่าน ๑๐๘ ของ หลวงพ่อนำเนียร? วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
มวลสารว่าน ๑๐๘ ของ หลวงพ่อกระจ่าง วัดน้ำรอบ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
ไม้เทพทาโร? จาก สำนักปฏิบัติธรรมเขาโพรง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
มวลสารว่าน ๑๐๘ จากการสร้างพระอวโลกิเตศวร มีอายุ ๑๒๐๐ ปี ศรีวิชัย? ของ หลวงพ่อท้วม หรือ พระครูพิเศษเขมาจารย์ วัดศรีสุวรรณ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี? มอบให้เมื่อ ๑๒ เม.ย.๕๐
ว่าน ๑๐๘? ชนิดที่นำมาบดสร้างหลวงปู่ทวด วัดสถลธรรมาราม ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี? พระครูชลาธรธำรง หรือพ่อท่านทองมอบให้
ว่านพระเจ้า ๕ พระองค์ จาก สุราษฎร์ธานี
ว่าน ๑๐๘? ชนิดที่นำมาบดสร้างองค์จตุคามรามเทพ ที่วัดหาดน้อย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี? พระครูอานันทคุณากร หรือหลวงพ่อซ้าย อานันโท จอมขมังเวทย์ แห่งลุ่มแม่น้ำพุมดวง มอบให้ เมื่อ ๒๑ เม.ย.๕๐
กองบิน ๒๑ จ.อุบลราชธานี

ว่านกุมารทอง? วัดบ้านนาควาย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
มวลสารจากพระอุโบสถเก่า (กรมศิลป์ขึ้นทะเบียนไว้) วัดบ้านตำแย ต.นาไร่น้อย จ.อุบลราชธานี
พระสมเด็จหลวงพ่อแพ ๙๓ ที่หักแล้ว
พระสมเด็จสายใต้ และภาคกลางที่หักแล้ว
พระร่วงนั่ง (พระกรุชำรุด)
ว่านเคลือกาหลง
ผงว่านและเกสรดอกไม้ ? เชียนหมากบด
พระกรุว่าน ๑๐๘ จำปาศักดิ์? กรุวัดตำแย ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
ว่านนางกวัก? วัดทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
ว่านรวยไม่เลิก จ.อุบลราชธานี
มวลสารและแผ่นทอง ที่ติดองค์พระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนาราม วัดป่าใหญ่ จ.อุบลราชธานี
น้ำพุทธมนต์ที่สรงน้ำ องค์พระแก้วบุษราคัม พระศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง อุบลราชธานี วัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
กองบิน ๔๑? ฯ เชียงใหม่

ดินที่วัดดอยสุเทพ ? เชียงใหม่
ดินวัดพระสิงห์ ? เชียงใหม่
ดอกบัวบูชาพระวัดดอยสุเทพ
ดินวัดพันเตา เชียงใหม่
ดินวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่
ผงมวลสารวัดเชียงยืน เชียงใหม่
ดินทรายที่เจดีย์วัดเชียงโฉม ? เชียงใหม่
ดินวัดโลกโมลี? เชียงใหม่
ดินทรายวัดพระธาตุเปิงฝัง ? ป่าอ้อย ต.ขี้เหล็ก จ.เชียงใหม่
ดินทรายวัดเจ้าลิน เชียงใหม่
วัดมณเทียร? เชียงใหม่
อนทนิล? เชียงใหม่
กองบิน ๔๖? ฯ พิษณุโลก

กระเบื้อง วัดจุฬามณี อ.เมือง จ.พิษณุโลก? สถานที่พระบรมไตรโลกนารถ เคยเสด็จ ประทับตอนทรงผนวช? ต้นกำเนิดเทศน์มหาชาติครั้งแรก
มวลสารพระผงนางพญาจิตรลดา? รุ่นสมเด็จพระเทพเป็นประธานในการสร้าง ปี ๒๕๓๙
มวลสารในกระปุก วัดนางพญาอันเก่าแก่
ผงพุทธคุณที่ใช้สร้างพระพุทธชินราช ?รุ่นมหาสิทธิโชค?? ที่กำลังโด่งดัง
น้ำพุทธมนต์วัดพระศรีมหาธาตุ พิษณุโลก
กองบิน ๒ ฯ ลพบุรี

ทรายเงิน ? ทรายทอง? ในถ้ำภัทราวุโธ วัดเขาพระงาม จ.ลพบุรี
ว่าน ๑๐๘ ชนิด ๓ ถุง
รร.การบิน ฯ

ผงไม้จันทร์หอม? (หลวงพ่อสมพงษ์ พระครูปราการวิหารภิบาล วัดใหม่ปีนเกลียว อ.เมือง จ.นครปฐม
ผงสมเด็จพระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ (หลวงพ่อสุเทพ) พระธรรมปริยัติเวที จ.นครปฐม (ดีมาก)
ผงกระเบื้องพระปฐมเจดีย์ (หลวงพ่อชุณห์) พระธรรมเสนาที? วัดวังตะกู อ.เมือง จ.นครปฐม
ผงแป้งเจิมหลวงปู่แผ้ว? วัดกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
กองบิน ๕๓? จ.ประจวบ ฯ

มวลสาร วัดเกาะหลัก จ.ประจวบ ฯ
มวลสารว่าน ๑๐๘ วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบ ฯ
มวลสารว่าน ๑๐๘ วัดคลองวาฬ พระราชวิสุทธิคุณ จ.ประจวบ ฯ
กองบิน ๒๓ จ. อุดรธานี

มวลสารศักดิ์สิทธิ์วัดพระธาตุพนม
เศษอิฐ-ปูน ของพระเจดีย์นครพนมอันเก่าแก่
กองบิน ๔ ตาคลี? นครสวรรค์

ว่านเสน่จันทน์แดง, จันทน์เขียว
แร่เงินถ้ำภูเขาควาย,ว่านสาวหลง,ว่านเงินไหลมา,ว่านรางเงินรางทอง, ว่านพญารากเดี่ยวผสมเกสร ๑๐๘ , ว่านหนุมาน,พญามังกร,ว่านทรหด,ต้นวาสนา,ว่านนางกวัก,ว่านมหาเศรษฐี
กองบิน ๑ จ.นครราชสีมา

ว่าน ๑๐๘ ของ จ.นครราชสีมา
เศษโลหะหล่อพระพุทธทีปังกร ปี ๒๕๓๖
เศษหักเนื้อสำริด
ผงว่านสาวหลง
มวลสารเพิ่มเติม

มวลสารว่าน ๑๐๘ ชนิด ของ พล.อ.อ.ไพศาล? สีตบุตร ผช.ผบ.ทอ. มอบให้
มวลสารดินกากยายักษ์ อันเป็นดินศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดปัตตานี น.อ.นิกร? เสือนาค มอบให้
ผงมวลสารของต้นเลียบที่ฝังรากของหลวงปู่ทวดตอนท่านเกิดใหม่ ๆ? อ.สทิงพระ จังหวัดสงขลา
ดินจากสังเวชนียสถาน ๔
- ลุมพินี? (ประสูติ)
- พุทธคยา (ตรัสรู้)
- สารนารถ (พาราณสี) (ปฐมเทศนา)
- กุสินารา? (ปรินิพพาน)
- ใบโพธิ์ และกิ่งโพธิ์ตรัสรู้
องค์จตุคาม รามเทพ รุ่นปี ๓๐ ซึ่งได้รับจาก พล.อ.ท.สุทธิรัตน์? ?เกษมสันต์ ณ อยุธยา? ?จก.คปอ.บยอ.? เมื่อ? ๒๕ พ.ค.๕๐

การสั่งจองบริจาคบูชาวัตถุมงคล
? ? ? ? ? ? ? ? ?๑.? เปิดให้สั่งจองบริจาคบูชาวัตถุมงคลดังกล่าว? สำหรับชุดกรรมการอุปถัมภ์? ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่? ๖? พฤษภาคม ๒๕๕๐ เป็นต้นไป? ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ?
? ? ? ? ? ? ? ? ?๒. สอบถามและสั่งจองบริจาคบูชาได้ที่
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ๒.๑ ส่วนกลาง ที่? พิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศ? โทร. ๐-๒๕๓๔-๒๒๕๕ (๑๐ คู่สาย), โทรสาร ๐-๒๕๓๔-๘๓๔๐? เวลา ๐๘.๐๐ ? ๑๖.๐๐ น.
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ๒.๒ โรงเรียนการบิน และกองบินทั่วประเทศ
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ๒.๓ ศูนย์พระเครื่องชั้นนำทั่วไป

รายการสั่งจองบริจาคบูชาวัตถุมงคล
? ? ? ? ? ? ? ? ?ชุดกรรมการอุปถัมภ์ (รีบจองด่วนใกล้หมดแล้ว!!!)
? ? ? ? ? ? ? ? ?๑. ชุดใหญ่ จำนวนสร้าง ๖๙๙ ชุด? บริจาคบูชา ๒๙,๙๙๙ บาท? ได้รับวัตถุมงคล จำนวน ๓๒ รายการ? มูลค่า ๔๙,๕๙๓ บาท
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? (อภินันทนาการ เนื้อผงมหาว่านตะเคียนทอง? ขนาด? ๕.๕ ซ.ม. จำนวน? ๑๐๐ องค์)
? ? ? ? ? ? ? ? ?๒. ชุดกลาง จำนวนสร้าง ๒,๙๙๙ ชุด? บริจาคบูชา ๙,๙๙๙ บาท? ได้รับวัตถุมงคล จำนวน ๑๖ รายการ? มูลค่า ๑๖,๙๘๔ บาท
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? (อภินันทนาการ เนื้อผงมหาว่านตะเคียนทอง? ขนาด? ๓.๒ ซ.ม. จำนวน? ๑๐๐ องค์)
? ? ? ? ? ? ? ? ?๓. ชุดเล็ก จำนวนสร้าง ๕,๙๙๙ ชุด? บริจาคบูชา ๒,๙๙๙ บาท? ได้รับวัตถุมงคล จำนวน ๑๘ รายการ? มูลค่า ๕,๖๒๒ บาท
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? (อภินันทนาการ เนื้อผงมหาว่านตะเคียนทอง? ขนาด? ๓.๒ ซ.ม. จำนวน? ๕๐ องค์)

? ? ? ? ? ? ? ? ?ชุดย่อย เปิดสั่งจองบริจาคบูชา ได้ตั้งแต่วันพุธที่ ๑๖ พ.ค.๕๐ เป็นต้นไป

กำหนดรับวัตถุมงคล
? ? ? ? ? ? ? ? ?ในวันพุธที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐? เป็นต้นไป? ?(รับ ณ สถานที่สั่งจอง)


225
ข่าววงใน ซิบ มาบอกผมว่า เลิกแจกแล้ว นะคร๊าบ ทุกท่านครับ เสียใจด้วย แจกเฉพาะ ทหาร เท่าน้านน๊าคร๊าบ.........  :054:

227
เก่าไม่ทราบสำนักเลย


228
หลังจากตะกรุดท่าน เปนที่โด่งดัง อันดับต้นๆๆ มาดูมีดหมอด้ามฝักงา ของท่านมั่งครับ





229


ได้รับแจ้งมาจากทางวัดศิลางูว่าท่านอาจารย์ ดร.ไมตรี บุญสูง ได้จากไปอย่างสงบแล้วเมื่อค่ำวันนี้

ท่านเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างวัตถุมงคลเพื่อหารายได้ทำบุญเข้าวัดต่างๆมากมายมาตลอดชีวิต ....เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดสร้าง "เพชรสมุย" โดยรับเป็นเจ้าพิธีฝ่ายฆราวาสตั้งแต่พิธีที่ 1-3 และหลังจากพิธีที่ 3 กลางทะเลอ่าวไทย ท่านก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจและพักฟื้นมาโดยตลอดจนไม่อาจมาร่วมพิธีครั้งสุดท้ายที่วัดศิลางูได้
แต่ถึงกระนั้น...ท่านก็ได้ติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ตลอดทั้งวันพิธีด้วยความห่วงใย

ทางคณะผู้จัดสร้างและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของท่าน ขออำนาจผลบุญกุศลที่ท่านได้สร้างสะสมไว้อย่างมากมาย จงดลบันดาลให้ท่านจากไปสู่สุขคติภูมิอันสงบด้วยเทอญ

รูปัง ชีรติ มัจจานัง นามะโคตตัง นะ ชีรติ ทูเร สันโต ปกาเสนติ สันโต สัคคะปะรายะนา

อันรูปร่างการสลายสิ้นไป ชื่อเสียงความดีที่มีไม่หายไปไหน ชื่อเสียงคนดีย่อมปรากฏไกล คนดีเพลินใจมีสวรรค์เป็นที่รอ


ขอร่วมไว้อาลัยอย่างสูง? By โจรสลัด


231
อยากทราบว่าเหรียญพ่อแก่ ของหลวงพ่อเปิ่นนี้ สร้างในปีใด ครับผม ขอรบกวนนิส ขอบคุณครับ  ลงรวมกันเลยจะได้ไม่เปลืองเนื้อที่มาก T_T  :054: :054:



232
อยากทราบครับ ปีใด รุ่นใด  (ด้านหน้า)


235



อยากทราบว่า ปีไหน บอกทีจ้า  :054:

237
ที่เริ่มสักใหม่ๆๆอ่ะค่อยๆๆเป็นค่อยๆๆไป อย่าไปเล่นยันต์แรงๆ การสักยันต์ก็เหมือนการแข่งรถ ถ้าเราไปเอาของแรงๆมา มันแรง เราเพิ่งหัดขับ ขอถามว่า เพิ่งหัดขับรถ แล้วไปขับแรงๆ จะไม่มีให้ล้มหรือ ยิ่งเส้นทางของการสัก คดเคี้ยวไปมาซับซ้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่าครับ จะขับให้เร็วกว่าคนที่ขับมาก่อนเรามันสมควรแล้วหรือ ขอฝากเป็นข้อคิดด้วยนะครับ ขอบคุณครับ  :058:

238
ผมคิดว่าควรเพิ่มกฏเข้าไปเพราะบางท่าน โพส เพ้อเจ้อ (โพสไรไม่ทราบ) ปั่นค่ากระทู้ ไม่ทราบว่าค่ากระทู้นำไปแลกทองได้หรอครับ ปั่นจังเลย :043: ที่มาโพสนี่เพราะเกิดความรำคาญครับ จิงเรียนมาให้ทราบโดนทั่วกัน ขอบคุณพื้นที่บอร์ดครับ  ถ้ามีข้อขัดแย้งยังไง ทางเว็บชี้แจงด้วยครับ เคารพบอร์ดและสถานที่วัดอย่างสูง ขอบคุณครับ :054:

239
เหนเขาบอกว่ายุคแรก พอดีของคนรู้จักอ่ะครับ เลยขอเอามาให้ชมกันเล่นๆๆ


240
ผมคิดว่าผมมีสัมผัสที่ 6 เพราะมีประสบการณ์หลายครั้งมาก  มีครั้งนึงผมได้อยู่ที่ค่างจังหวัด แล้วในปีหน้าต้องเข้าไปที่กรุงเทพ ผมได้ฝันว่าไปกลางศาลากลางน้ำไม่รู้ที่ไหน เรื่องฝันนี้ได้จบไปหลายเดือน ต่อมา ผมได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพ ปรากฏว่า ศาลากลางน้ำที่ผมเห็นในฝัน ผมแปลกใจมาก ทำไมถึง เป็นเช่นนี้ ศาลากลางน้ำนี้ เหมือนในฝัน  ผมไม่เคยเจอเช่นนี้มาก่อน   หลังจากวันนั้นมา ผมได้เจอเหตุการณ์เช่นนี้มากมาย  ผมรู้ล่วงหน้าในบางครั้ง เหมือนกับช่วงเวลานึง ที่ผมเคยเจอมาแล้ว ผมไม่ทราบว่าเรียกว่าสัมผัสที่ 6 หรือไม่
แต่ในบางครั้งผมได้ มองเห็นบางอย่าง หรืออาจจะเรียกว่า  "วิญญาณ ที่ไร้สังขาร"  ผมไม่ทราบว่าคืออะไร เพราะตลอดเวลามานี้ ผมรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ของผม บ่อยมาก โดยไม่ทราบสาเหตุ ผมยัง งง กับสิ่งที่เกิดขึ้นมา 4 ปีแล้วตอนนี้ผมอายุ 15 ผม  ยังหาคำตอบไม่ได้มา ณ วันนี้  เหตุการณ์ที่รู้ล่วงหน้าก็อย่างเช่น ผมไปนั่งเล่นกับเพื่อนของผม เพื่อนผมไปเล่นบอล แต่ผมไม่ได้เลย เพราะผมขาเจ็บ ผมคับคล้ายว่า เพื่อนอีกคนนึง ต้องโดนบอลเตะใส่หน้าเลือดกำเดาออก พอสักพักนึง ก็โดนจริงๆ ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่าคนอื่นเป็นแบบผมหรือป่าว
อยากรู้จัง น่าจะมีเยอะ นะครับ เพราะผมก็คิดอย่างนั้น เพื่อนผมบางคนก็เป็นแบบผม  :005: :005: :005: :005: :005: :005: :093:



241
ขอบคุณครับที่มาดูให้ ใครรู้บอกทีครับ ถ้ารู้สำนักยิ่งดีครับ


242
องค์นี้ของพ่อผมให้มา พ่อบอกว่าทันหลวงพ่อเปิ่นปลุกเสกนะ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ ใครดูเก่ง มาดูให้ทีครับ


243
เปิดให้ชมกันเลยครับผม เริ่มด้วย กำไลเนื้ออัลปาก้า หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ สวยมั๊กมาก


244
 หนุมานแบกเขาพระสุเมรุ ยังไม่ได้ลงอักขระเลย รีบถ่ายมาก่อนจ๊ะ   เดวรูปฝาก กุ๊งกิ๊ง ลงนะงับ ผมลงม่ายเปน? :054:? :016:

245
อยากให้เพิ่มบอร์ด ในหมวดของ เครื่องรางของขลังต่างๆ  คร๊าฟ จะได้ลงรูปมาอวดกานน่ะครับ  :015:   

 :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:ขอบคุณครับ :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:

246
บทความ บทกวี / ประสบการของ ชานนท์
« เมื่อ: 28 มี.ค. 2550, 12:18:52 »
เพื่อนของผมชื่อชานนท์  มันเป็นคนดี เปนคนรักเพื่อนเปนมิตรที่ดีมากมาก  มันได้มาสักที่วัดบางพระ  ยันต์ที่มันได้ยันต์แรกคือยันต์ ตะกร้อ มันดีใจมาก

เมื่อนานมาแล้ว(วันสงกรานณ์ที่ผ่านมา)  มันก็ได้ไปดิ้นที่งาน....ขออนุญาตไม่ระบุ... มันก็โดนกลุ่ม อื่น ที่เขาเมามา เข้ามาทำร้ายใช้มีด รุมฟัน แต่ก็ไม่มีเล่มไหนฟันเข้า

สักพักหนึ่ง ชานนท์ได้พูดขึ้นมาว่า   "บิดาคุณตายหรอ"  เท่านั้นล่ะครับ หลายของเพื่อนผมชานนท์ แหวะเลยขอรับ แต่มันก็รอดมาได้ เข้าโรงบาลอาการสาหัส

 :095: หลังจากนั้นผมได้ถามว่า แล้วมืงไปด่าพ่อมันทำไมว่ะ  มันก็ตอบมาว่า "กุเหนว่ามันฟันไม่เข้ากุเลยหมั่นใส้เมนเลย"  เจริญไงครับนี่ล่ะครับ ไปด่าพ่อแม่เขา

อ่ะนะ ใครจะเชื่อไม่เชื่อไงพิจารณาเองนะครับ ผมเจอมาแบบนี้ก็เล่ามาแบบนี้ขอรับ  :005: (ผมไม่ได้เจอเอง เพื่อนผมมันโดนถ้าผมโดนผมจะไม่ด่าง่ะ)  :043: :043:
 
                                                                                                  :054:  "  ด้วยความเคารพ ศิษย์ปู่ยะ " :054:

247
ผม มาใหม่ ไม่รู้เรื่องไม่มีประสบการณ์ เท่าไร ถ้าผิดพลาดไร ได้โปรดสอนผมด้วย สอนมวยผมด้วย ได้เปนมวยมั่ง

อิอิ   ส่วนตัวแล้ว ผมเป็น ศิษย์ของอาจารย์ท่านนึงซึ่งไม่มีชื่อเสียง แต่ผมก็ขอมาเล่นเวบเดียวกับคนที่ชอบเรื่องเดียวกัน

ขอบคุณมากครับ ผมมาเล่นแล้วรู้สึกเป็นกันเองอบอุ่นแนะนำกันดีมากครับ ขอบคุณทุกน้ำใจครับผม  :026:   :054: :054:

248
ผมขอถามว่า ที่วัดบางพระ มี หนุมานขุนกระบี่ ไหมครับ ถ้ามีช่วยลงรูปทีครับไม่มีรูปก็ไม่เปนไรขอรับ :054:

249
วันที่ 29 นี้ผมดูตัวอย่างแล้ว ไม่เห็นมีบอกเลยครับว่า จะ มี เรื่องงานไหว้ครู อ่ะครับ  :092:

250
คืออย่างงี้ครับ ผมอยากไปวัดบางพระมั่งง่ะ คือว่า ลงที่สถานนีรถไฟ แล้วไปไหนต่องับ เดวหลงจะไปล่ะครับ ไม่ไหวแล้วแรงศรัทธาจะดึงตัวผมไปแล้ว

แต่กลัวแรงศรัทธาพาผมหลงน่ะครับ (ล้อเล่นน่า) ยังไงใครรู้บอกทีครับ ผมมาจากเขต หลักสี่ ครับ ช่วยชี้แนะทีครับ เป็นกุศลต่อคนศรัทธาอีกคนด้วยครับ :054:

ปล.มีโอกาสจะมาสนองคุณครับ  :053: :053: :053: :017:

หน้า: [1]