ผู้เขียน หัวข้อ: "เหมือนใจ คล้ายกับจิต" รวบรวมคำอุปมาของ หลวงพ่อชา สุภัทโท...บทที่ ๔  (อ่าน 1652 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
"ธรรมะก็เป็นเรื่องเดียวอย่างนี้ จึงอุปมาให้ฟัง
 เพราะว่ามันไม่มีรูปแบบบอกไม่ได้ว่ามันเป็นรูปกลมหรือเหลื่ยม
มันไม่รู้จัก นอกจากจะเปรียบเทียบอย่างนี้ ถ้าเข้าใจอันนี้ก็เข้าใจธรรมะ
มันเป็นเสียอย่างนี้ อย่าเข้าใจว่าธรรมะมันอยู่ห่างจากเรา
มันอยู่กับเราก็เป็นเรื่ิองของเรานี่แหละลองดูซิ เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ
เดี๋ยวก็พอใจบ้าง เดี๋ยวโกรธคนนั้น เดี๋ยวเกลียดคนนี้ ธรรมะทั้งนั้นแหละโยม"
          คำปรารภธรรม จากหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
                          .........................................
...ใบไม้...
                ขณะนี้เรานั่งอยู่ในป่าที่สงบ ที่นี่ไม่มีลม ใบไม้จึงนิ่ง
             เมื่อใดที่มีลมพัด ใบไม้จึงปลิวไหว
                 จิตก็ทำนองเดียวกับใบไม้ เมื่อสัมผัสกับอารมณ์
             มันก็กระเทือนไปตามธรรมชาติของจิต เรายิ่งรู้ธรรมะน้อยเพียงไร
             ใจก็จะรับความสะเทือนได้มากเพียงนั้น รู้สึกเป็นสุข ก็ตายด้วยความสุข
             รู้สึกเป็นทุกข์ ก็ตายด้วยความทุกข์อีก มันจะไหลไปเรื่อยๆ...
...น้ำเจือสี...
                    ใจของเราขณะที่เป็นปกติอยู่ เปรียบเหมือนน้ำฝน
                 เป็นน้ำที่สะอาด มีความใสสะอาดบริสุทธิ์เป็นปกติ
                     ถ้าเราเอาสีเขียวใส่ลงไป เอาสีเหลืองใส่เข้าไป
                 น้ำก็จะกลายเป็นสีเขียว สีเหลืองไป
                       จิตของเราก็เหมือนกัน เมื่อไปถูกอารมณ์ที่ชอบใจ
                 ใจก็ดี ใจก็สบาย เมื่อถูกอารมณ์ไม่ชอบใจแล้ว ใจนั้นก็ขุ่นมัว
                 ไม่สบาย เหมือนกันกับน้ำที่ถูกสีเขียวก็เขียวไป ถูกสีเหลือง
                  ก็เหลืองไป เปลี่ยนสีไปเรื่อย...
...อนาถา...
                  จิตของเรานี้ เมื่อไม่มีใครตามรักษา มันก็เหมือนคนที่ปราศจากพ่อแม่ที่จะดูแล
              เป็นคนอนาถา เป็นคนที่ขาดที่พึ่ง
                   คนที่ขาดที่พึ่งก็เป็นทุกข์ จิตก็เหมือนกัน ถ้าหากขาดการอบรมบ่มนิสัย
              ทำความเห็นให้ถูกต้องแล้ว จิตนี้ก็ลำบากมาก...
ที่มา...จากหนังสือ"เหมือนใจ คล้ายกับจิต" รวบรวมคำอุปมาของ หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร)
                      ...............................................................
...ความคิดเห็นมุมมองของผู้นำเสนอ...
   "ไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าหนึ่งจิต
     สิ่งที่คิดที่ทำนำสู่ผล
     ถูกหรือผิดเจตนาเป็นของตน
     รู้อยู่คนเดียวนั้นคือท่านเอง"
           "จิตที่อบรมทำให้มากแล้วย่อมนำสุขมาให้"
           "จิตฺตํ  ภาวิตํ  พหุลีกตํ  สุขาธิวาหํ  โหติ"
                              พุทธสุภาษิต เอกนิบาต ๒๐/๖
           พฤติกรรมภายนอกอาจจะแยกแยะกันไม่ออกว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
     และผลที่ออกมานั้นย่อมแตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญก็คือเจตนาของผู้กระทำ
     ว่ามีดำริชอบปะกอบด้วยกุศลหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ของคนที่กระทำ
     เหมือนการปล่อยวางกับการทอดทิ้งธุระื สภาวะภายนอกนั้นดูไม่ออกมันคล้ายกัน
     แต่ที่มาของอาการอย่างนั้นมันแตกต่างกัน เิกิดจากกุศลและอกุศลคนละทางกัน
          การปล่อยวางนั้น มันเกิดจากธรรมสังเวช เข้าใจถึงเหตุและผล เข้าถึงสภาวะธรรม
     เห็นซึ่งความเป็น"ตถตา"ว่าธรรมชาติมันเป็นเช่นนั้นเอง เกิดความเบื่อหน่ายจางคลาย
     ในอัตตา ตัณหาและอุปาทาน จิตไม่ไปข้องอยู่ในสิ่งนั้นและสิ่งอื่นอีกเลย
          ส่วนการทอดทิ้งธุระนั้น เกิดจากการที่ไม่ชอบใจ เบื่อหน่ายเพราะความมักง่ายหรือเกียจคร้าน
     จิตเลยปฏิเสธในสิ่งนั้น ไม่ให้ความสนใจ แต่ถ้ามีสิ่งใหม่ที่ถูกใจ สนองตอบกิเลสตัณหาแล้ว
     จิตจะเข้าไปยึดถือและปฏิบัติตาม พูดง่ายๆก็คือถ้าไม่ชอบใจก็ปฏิเสธ ถ้าชอบใจก็เข้าไปยึดถือ
     นี่คือการทอดทิ้งธุระ ซึ่งมีสภาวะภายนอกคล้ายกับการปล่อยวาง แต่มันต่างกันที่"เจตนา"
...สุภาษิตก่อนจาก...ฝากให้นำไปพิจารณา...
             "คนฉลาดไม่ถูกเรื่อง ถึงจะพยายยามทำประโยชน์ ก็ไม่สัมฤทธิ์ผลให้เกิดสุข"
                                " น เว  อนตฺถกุสเลน  อตฺถจริยา  สุขาวหา "
                                          โพธิสัตว์สุภาษิต อารามทูกชาดก ๒๗/๑๕
                                                    ............................
         ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่หมู่มิตรผู้ใฝ่ธรรม
                 รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะชายขอบ
๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๒.๑๕ น. ณ มาตุภูมิ  อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
                 
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ kill

  • สมาชิกที่ถูกแบน
  • ****
  • กระทู้: 183
    • ดูรายละเอียด
จิตคนเราที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนก็ยังไม่นิ่งเป็นธรรมดา มากบ้างน้อยบ้าง :054:
ฆ่ากิเลสให้หมด แล้วจะหมดทุกข์

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
"ไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าหนึ่งจิต
     สิ่งที่คิดที่ทำนำสู่ผล
     ถูกหรือผิดเจตนาเป็นของตน
     รู้อยู่คนเดียวนั้นคือท่านเอง"



...ถูกหรือผิด ดีหรือชั่ว บุญหรือบาป  

   ไม่ว่าจะปกปิดหรือเปิดเผยอย่างไร

   คนที่รู้ดีที่สุดคือตัวเราเอง....


....กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ ชอบกลอนบทนี้มากครับ... :001:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ต.ค. 2552, 08:19:31 โดย ack01 »

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เจตนาของเราอาจจะไม่มีใครรู้ แต่ตัวเราเองย่อมรู้แก่ใจกับเจตนาของตัวเอง

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา