ผู้เขียน หัวข้อ: คนสวยอยู่ที่ไหน...>>หลวงพ่อจรัญวัดอัมพวัน<<  (อ่าน 1583 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด

คนสวยอยู่ที่ไหน...>>หลวงพ่อจรัญวัดอัมพวัน<<


> ปัญญาเกิดทั้งทางโลกและทางธรรม ปัญญาในตัวสามารถช่วยตัวเองได้ ปัญญานอกตัวช่วยอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้น ขอเจิรญพรอย่างนั้น อะไรจะมาช่วยเราได้ นอกจากเราจะช่วยตัวเองเท่านั้น

>ท่านทั้งหลายอย่าไปหมายพึ่งคนอื่น เราก็ไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนกัน บางทีพ่อแม่ก็ต้องทำศพลูก ส่วนมากพ่อแม่ทำศพลูกแล้วเดี๋ยวนี้อายุสั้น ไม่ได้รับพร ไม่อ่อนน้องต่อพ่อแม่ ก้าวร้าวต่อพ่อแม่จึงต้องตายกลางถนน พ่อแม่ต้องเอาลูกมาทำศพ อย่างนี้ชัดเจนมาก

>เมื่อสมัยโบราณมีแต่ลูกทำศพให้พ่อแม่ ทำบุญแซยิดให้พ่อแม่ เดี๋ยวนี้พ่อแม่ทำให้ลูกแล้ว มันไม่ถึงแก่นพระศาสนาช่วยตัวเองไม่ได้คุณพระพุทธมี ๓ ประการอย่างนี้

>คุณพระธรรมมี๓ประการ สร้างความดีต้องละความชั่ว อย่าเอาความชั่วมามอมเมาในจิตใจ แยกแยะออกไป ต้องปฏิบัติธรรมถึงจะรู้ว่าความดี ความชั่วเป็นประการใด เราจะรู้ว่าที่ทำนี้นั้นไม่ดีต้องเลิก บอกตัวเองได้ สอนตัวเองได้อย่างนี้ ไม่ใช่คนอื่นมาบอกแล้วโมโหคนอื่นมาสอนเราได้หรือ

>เราต้องสอนตัวเองให้เห็นชัดแจ้งด้วยสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะรู้บาป บุญ คุณ โทษ รู้ทางจิตภายใน แยกเอาความชั่วออก จิตท่านบริสุทธิ์แล้วความชั่วจะเข้ามาไหม น้ำท่านใสสะอาดแต่ท่านก็ไม่ได้หมายความว่าเอาน้ำสกปรกไปล้างชามสกปรกต้องเอาน้ำสะอาดไปล้างชามสกปรกมันถึงจะสะอาดหมด เหมือนเราบำบัดน้ำเสียจากหัวใจ นั่งภาวนาพองหนอ ยุบหนอเป็นต้น มันก็ขจัดน้ำเสียไปตลอดทำให้อารมณ์ดี

>หายใจเข้ายาวๆ หายใจออกยาวๆ กำจัดน้ำเสียออกทีละหยดๆ และน้ำที่เหลืออยู่ก็ใส นั่นแหละท่านจะรู้ตัวเองว่าท่านมีกรรมอะไร ท่านมีอะไรเป็นโรคประจำตัวบ้าง แยกแยะออกไป น้ำใสน้ำขุ่น ความชั่วเป็นความดี จึงไม่รู้ว่าตนเองทำชั่ว กลับมีทิฎฐิ ใครเตือนไม่ได้ต้องโกรธเขา เหมือนสามีภรรยาเตือนไม่ได้ โกรธ ทิฎฐิสูง

>คนที่เข้าถึงคุณพระรัตนตรัย ไม่มีทิฏฐิเลย จะรับฟังทุกคน จะพูดดีพูดชั่วรับฟังทั้งนั้น แต่รับฟังแล้วก็ถืออุเบกขาภาวนา เป็นผู้ใหญ่ที่ดี จะไม่ว่าใครเลย ใครเขาด่าเราก็ไม่กระทบกระทั่ง ไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ หยิกเล็บเจ็บเนื้อ คนเข้าถึงธรรมะแล้วจะไม่โกรธ ใครว่าอะไรจะไม่โกรธ ถ้าเราโกรธแล้วไปชกต่อยกับเขาแล้วนั้นแพ้เขาเลย

>คนที่อารมณ์ดี กับคนที่อารมณ์ร้าย เมื่อเวลาชกต่อยกันอารมณ์ร้ายต่อยผิดต่อยถูก เขาหลบเราต่อยไปถูกเสาเข้าเสียหายไปเลยฉันใดก็ฉันนั้น ตรงนี้สำคัญมาก ไม่ได้ปฏิบัติจนถึงขั้น ปวดเมื่อยเลิกเลย ตายให้เป็นตายเดี๋ยวจะรู้ของจริง ถ้าเราไม่อดทนจะรู้แต่ของปลอม คนชอบสบายไม่ชอบลำบาก ลำบากหน่อยเลิกเลยแล้วท่านจะพบของดีไหม

>คุณค่าของพระสงฆ์ ก็มี ๓ ประการ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงคงวาคงศอก คือพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่ต้องไปหาพระที่เป็นสุปฏิปันโนมาใส่บาตรหน้าบ้าน ไม่มีหรอกหายาก ลูกชาวบ้านมาบวช แต่เราไม่ได้ใส่บาตรพระลูกใคร ข้าพเจ้าขอทำบุญกับพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้วก็ใส่บาตรไป แต่พระองค์นั้นจะดีหรือชั่วอย่าไปมอง จะไปหาพระที่ไหน เหมือนพวกทัวร์บุญไปหาพระสุปฏิปันโน วัดไหนมีบ้างไหม ขอเจริญพรให้ข้อคิด

>บางคนพูดให้อาตมาได้ยิน บอกว่าฉันไม่ใส่บาตรเพราะไม่เลื่อมใสพระองค์นั้น ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่าไม่ถึงธรรมะ ไม่ถึงพระรัตนตรัย ถ้าปฏิบัติได้ท่านจะไม่มองพระในแง่ร้าย เห็นนุ่งเหลืองห่มเหลืองมาก็ไหว้ ข้าพเจ้าขอไหว้พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าผู้เป็นสุปฏิบัติถึงแน่นอน สุปฏิปันโนอยู่ตรงนี้เอามาไว้ที่รัตนตรัย อย่ามองพระในแง่ร้าย ที่กรุงเทพฯ เขาบอกไม่ใส่บาตรหลายวัด มาเล่าให้ฟัง

>อาตมาบอกขอบิณฑบาตรนะ ดีชั่วอยู่ที่ตัวท่าน ชั่ว ดี ถี่ ห่าง อยู่ที่ตัวท่าน ดีชั่วอยู่ที่ตัวเรา เราก็ใส่บาตรพระสุปฏิปันโนก็แล้วกัน เราก็ได้บุญ เพราะกรรมเป็นตัวกระทำที่เราได้บุญ ถ้ามองพระไม่ดีองค์นั้นไม่เลื่อมใส ท่านเลยไม่ต้องทำบุญไม่ต้องตักบาตรกระทั่งตาย แล้วจะไปหาพระที่ไหน

>พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่เราต้องปฏิบัติธรรม ถ้าหากขาดการปฏิบัติธรรมแล้วไปดูพระดี พระชั่ว ท่านจะเสียใจตลอดชีวิต ขอฝากไว้ บางคนตักบาตรมาจนแก่ ตายไปแล้วไปตกนรก เพราะเจตนาไม่ดี ด้วยอำนาจโทสะลงนรกไป ไม่ชอบด้วยอำนาจโทสะก็ไปเป็นเปรต อำนาจโมหะไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่มีปัญญาเป็นผู้ไร้ปัญญา

>ถ้าเราเข้าถึงพระรัตนตรัย ขอเจริญพรว่าท่านจะรู้จริง ภาวนาอยู่ในคุณของพระพุทธเจ้า แต่บางคนไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ก็ไม่รู้อะไรเลย ไหว้กันส่งเดช ไม่มีเหตุผล ไม่มีศรัทธาเพราะไม่รู้ ถ้ารู้ท่านจะมีศรัทธา ปลูกศรัทธาให้ขึ้น มีฉันทะความพอใจในพระรัตนตรัย ท่านจะถึงรัตนตรัยแน่ เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เข้าถึงแก่นแท้พระพุทธศาสนาด้วยการภาวนาอันนี้ จะมีประโยชน์โสตถิผลต่อท่านมิใช่น้อย

>ท่านจะรู้ว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ตัวเรา พระธรรมเจ้าอยู่ที่ตัวเรา พระสงฆ์เจ้าอยู่ที่ตัวเรา เราจะรู้ตัวและแสดงออกเป็นผู้มีปัญญา การเจริญพระกรรมฐานเป็นการต่ออายุ ต่อรูปต่อนาม ขันธ์๕ เป็นอารมณ์ตรงนี้ ความดีของใครของมัน ไม่ใช่ให้กันได้ ถ้าความดีให้กันได้โยมก็ไม่ต้องมานั่งเจริญพระกรรมฐาน อาตมาจะเสกเอาความดีไปใส่กระเป๋าพอถึงบ้านก็หมดในกระเป๋าไม่มีแล้ว

>เพราะฉะนั้น การเจริญพระกรรมฐานนั้นเข้าถึงพระรัตนตรัยได้อย่างแน่นอน ๑๐๐% ขอยืนยัน ท่านจะรู้เลยว่าการฟังมีประโยชน์ไหม เราไม่พอใจในการฟังก็ไม่ได้ประโยชน์และจำไม่ได้ ถ้าศรัทธาฟัง สนใจฟังเหมือนเรียนวิชาเอก ท่านชอบวิชาภาษาอังกฤษมาก มันก็เป็นวิชาเอกของท่าน ท่านจะสันทัดกว่าคนอื่นเพราะท่านชอบ อาตมาถึงถามโยมว่าคนสวยอยู่ที่ไหน ก็ต้องตอบว่าอยู่ที่เราชอบ ถ้าเราไม่ชอบมันจะสวยไหม จะดีไหม เป็นวิชาเอกไหม ไม่ใช่พูดเหลวไหล โดยไม่มีเหตุผลไม่มีหลักฐาน

>อาตมาต้องมีหลักฐานถึงจะพูด คนสวยอยู่ที่เราชอบ ความดีอยู่ที่ละความชั่ว ถ้าเอาความชั่วใส่ตัวก็จะมีทิฏฐิ คนชั่วกับคนดีต้องทะเลาะกัน คนชั่วทำความดีไม่ได้ คนดีก็ทำชั่วไม่ได้ ดูตรงนี้อย่าไปว่าใคร การนินทานั้นเรื่องธรรมดามันเป็นเรื่องของคนที่ชอบ พระพุทธเจ้าใครจะด่าจะว่าท่าน ท่านไม่ถือเพราะคนเขาไม่รู้จริงเขาถึงด่าเรา เราสอนให้เขาเป็นคนดี เขากลับมาด่าเราเพราะไม่บริสุทธิ์ เพราะเขารู้ไม่จริง เป็นอย่างนี้ชัดเจนแล้วจะหาอะไรมาเป็นหลักก็หามิได้ ไม่ใช่ของง่ายเลย

>ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมต้องเข้าถึงศรัทธา ปลูกศรัทธา ปลูกความเชื่อ ปลูกความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัยชัดเจนแล้ว ถ้าท่านไม่มีศรัทธาอย่ามาปฏิบัติ จะไม่ได้อะไรเลยเพราะไม่มีศรัทธา ทำโดยเสียมิได้ ทำตามคนอื่นขอเจริญพรคนดีสนใจการปฏิบัติธรรมเพราะการปฏิบัติยากบางคนกระทั่งตายก็ยังไม่เคยปฏิบัติ ไม่เคยบำเพ็ญศีลภาวนาแต่ประการใด ไม่ใช่ของง่าย ไม่ใช่ปฏิบัติแล้วก็ได้ปุ๊ปปั๊ป

>เรียนม.๑ ถึง ม.๖ ต้องใช้เวลาถึง๖ปี ปฏิบัติธรรม ๓-๔วันจะได้อะไรหรือ ท่านต้องทำอย่างต่อเนื่อง เอาความดีใส่ เอาความชั่วออกไป ความดีมีมากความชั่วก็เข้ามาไม่ได้ เพราะความดีมันเต็มเปาเต็มกระเป๋าเต็มจิตใจเราแล้ว ความชั่วจะเข้ามาได้อย่างไร ตรงนี้เป็นที่เชื่อถือไว้ใจได้

>สำหรับผู้ที่เข้าถึงธรรมะจริงๆ จะไม่สร้างความชั่วอีกต่อไปแล้ว จะละทิฏฐิมานะได้ทุกประการ และจะไม่นินทาว่าร้าย ใส่ร้ายป้ายสีใครอีกต่อไปแล้ว จะไม่ผูกโกรธใคร จะมีแต่ใจกุศล มีแต่แผ่เมตตาตลอดรายการจะช่วยปลูกฝังตั้งศรัทธาให้เชื่อมัน เราเกิดมาเป็นมนุษย์แสนจะยากมาก โชคดีเกิดมาไม่เป็นใบ้ บ้า เสียจริตผิดมนุษย์ ตาก็ดี หูก็ดี อาการ ๓๒ ก็ดี เกิดมาไม่ใช่ง่ายเลย ยากมาก และกว่าพ่อแม่จะเลี้ยงดู กว่าจะโตแสนจะยาก กว่าจะได้มีความรู้คู่ความดีมีวิชาที่จะสร้างตัวเองได้ก็แสนจะยาก รักษาสมบัติมนุษย์ไว้บ้างไม่ได้หรือ อย่าประมาทนะ คิดว่าเรายังไม่ตาย กะมีอายุสัก๑๐๐ ปีเชียวหรือ ต้องตายแน่นอนจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ใครจะไปรู้ได้

>แต่ถ้าเราปฏิบัติธรรมให้สูงขึ้น จะรู้ได้เลยว่าตัวเองเป็นอย่างไร ไม่มีใครมาบอกเรา ต้องบอกตัวเองไม่ต้องไปหาหมอดู เราเป็นหมอดูเองคือสติ

>>>>>คนมีบุญถึงได้นั่งเจริญพระกรรมฐาน เจริญกุศลภาวนาได้ คนไร้บุญวาสนาคือคนชั่ว๘๐% จะไม่สนใจพระกรรมฐานอย่างแน่นอน อ้างว่า ห่วงโน่น ห่วงนี่ ยังไม่มีเวลา ตายก่อนเสมอ ถ้าเป็นผี ปีศาจ ราชทูต แล้วจะมานั่งเจริญพระกรรมฐานได้หรือ เวลาดีๆ ไม่ทำเวลามีกำลัง อินทรีย์กำลังเต่งตึง กำลังอยู่ในวัยกลางคนและอยู่ในปฐมวัย ไม่ได้สนใจความดี เมื่อถึงวัยเสื่อมแล้วหมดโอกาสสร้างความดีอย่างแน่นอน ขอฝากไว้...


จากหนังสือ: พุทโธโลยี มีธรรมะเป็นที่พึ่ง รวย สวย ดี มีปัญญา แก้ไขปัญหาได้ เคล็ด(ไม่)ลับ จากการปฏิบัติธรรม พระธรรสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เว็บบอร์ดพลังจิต
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
 :053: :053: :053:[shake]ขอบคุณ..คุณธรรมะที่นำสิ่งดีๆมานำเสนอให้พี่น้องได้อ่านเป็นวิทยาทานครับ[/shake]
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา