ผู้เขียน หัวข้อ: เอาไม้แทงทวาร  (อ่าน 24392 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เด็กนอกวัด

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
เอาไม้แทงทวาร
« เมื่อ: 23 ม.ค. 2552, 05:20:12 »
ถ้าท่านเป็นคนโบราณ  มีเรื่องไปสู้รบหรือทะเลาะกับศัตรูอย่างไรก็แล้วแต่  ท่านสามารถจับศัตรูมาได้ แต่เนื่องจากศัตรูเป็นคนหนังเหนียว เอามีดเอาดาบฟันแทงอย่างไร กลับฟันแทงไม่เข้า ถามว่าท่านจะฆ่าศัตรูนั้นให้วายปราณได้อย่างไร

คนสมัยโบราณมีความเชื่อและมีวิธีจัดการอะไรกันแปลกๆนะครับ          เขาเอาของแหลมตำรูทวาร !

เป็นวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตแบบเก่าที่ฟังแล้วหวาดเสียวจริงๆ  และเพราะความหวาดเสียวนี่แหละครับ ผมจึงประทับใจ จดเรื่องแทงทวารเป็นตัวอย่างกันลืมไว้สองสามกรณี

ตัวอย่างหนึ่งได้แก่กรณีขุนศรีในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนซึ่งว่ากันว่าเป็นเรื่องมีมาแต่ครั้งกรุงเก่า  แต่บทเสภาที่เอาพิมพ์ให้อ่านกันอยู่นี้ แต่งเมื่อราวสมัย ร.2-3   หรือเมื่อเกือบ 200 ปีมาแล้ว

            พูดง่ายๆว่าเป็นร่องรอยของชีวิตจริง   เคยมีการปฏิบัติกันมาแล้วจริงๆ

            เปิดไปดูเสภาตอน 2 เลย   ในนั้นเขียนว่าเมื่ออ้ายโจรจันศรบ้านโป่งแดงยกพวกไปปล้นบ้านขุนศรีวิชัย บ้านรั้วใหญ่ สุพรรณบุรี พอเอาขวานจามบ้านขุนศรีวิชัยยิงปืนบุกเข้าไปได้แล้ว ขุนศรีวิชัยไม่ยอมให้จับตัว กระโดดหนีออกจากเรือนไปเลย  อยู่ทางนี้อ้ายจันศรจับนางเทพทอง ผู้ภรรยา กับขุนช้าง ลูกขุนศรีวิชัยกับนางเทพทองได้

            ฝ่ายขุนศรีวิชัย หนีออกจากเรือนแล้ว ไม่คิดถอย กลับคุมชาวบ้านมาสกัดตัดทางพวกโจร  เมื่อพวกโจรมาถึงก็เกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรง  ชาวบ้านถูกฆ่าล้มตายหลายคน ขุนศรีวิชัยไม่ย่อท้อ ถือหอกสู้กับอ้ายจันศรอย่างสุดฤทธิ์  แต่ที่สุดก็เคราะห์ร้ายเสียจังหวะ  กอดปล้ำแล้วล้มกลิ้ง  ถูกโจรรุมจับตัว จากนั้นอ้ายเหล่าร้ายใจทมิฬก็จัดการเด็ดชีวิตขุนศรีวิชัย

            ทว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย....เอาดาบสับเข้าที่หัวกลับหาเข้าไม่   ผูกคอแทงผึงก็ไม่เข้า กลับสะท้อนราวแทงขอนไม้  เอาดาบฟันเข้าที่บ่าล่ะ    ดาบกลับหักยับเยิน   ขโมยว่าอ้ายนี่มันดีครัน  หอกดาบหักสะบั้นยับเยินไป   จึงมัดตีนคุดคู้ดังหมูปิ้ง  ทั้งแทงทั้งยิงหาเข้าไม่   อ้ายขโมยอิดหนาระอาใจ  นี่จะทำอย่างไรพอได้คิด

            ?จึงเอาหลาวตำรูทวารไป  ขุนศรีวิชัยก็ดับจิต  ตายอยู่กลางป่าหลับตามิด   อ้ายขโมยทำฤทธิ์ยิงปืนไฟ?   เมื่อพวกโจรไปแล้ว นางเทพทองกับขุนช้างลูกน้อยมาพบศพเข้าก็

ร่ำไห้แทบขาดใจ   จนคลายโศกลงได้บ้างแล้วก็ช่วยกันกับบ่าวไพร่หามศพไปฝัง ได้เวลาสมควร จึงทำพิธีเผาตามประเพณี

            ต่อไปลองดูหนังสือ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา  คำว่าพระราชหัตถเลขา หมายความว่า เป็นพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 4 ทรงตรวจแก้ไขต้นฉบับที่กรมหลวงวงศาธิราชสนิทเป็นผู้จัดทำถวาย    ถ้าท่านมีฉบับสำนักพิมพ์คลังวิทยา จัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2516 ให้ดูในเล่ม 2 หน้า  289  เป็นเหตุการณ์ พ.ศ.2309 ตอนกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกเต็มที

            ท่านว่าเมื่อพระยากำแพงเพชร(พระเจ้าตากสิน) เป็นนายกองทัพเรือสู้กับพม่า  พระยากำแพงเพชรให้พระยาเพชรบุรี (เรือง) เป็นกองหน้า  หลวงศรเสนีเป็นกองหนุน ยกทัพเรือออกไปจากอยุธยาไปพบกันที่วัดป่าแก้ว คอยตีเรือฝ่ายพม่าที่จะมีไปมาหากัน

            ฝ่ายกองทัพพม่า ยกขึ้นมาแต่ค่ายบางไทร กับค่ายขนอนหลวง วัดโปรดสัตว์มาถึงกลางทุ่งตรงวัดสังฆวาส  พระยาเพชรบุรีให้ทหารแจวเรือรบ 5 ลำของตนเข้าตีเรือพม่า   ได้รบกันเป็นสามารถ ทำให้ทหารล้มตายลงทั้งสองฝ่าย    แต่เรือพม่ามีมากกว่า และเรือฝ่ายไทยจอดรอดูเสีย หาเข้าช่วยอุดหนุนไม่  พม่าเอาหม้อดินดำติดเพลิงทิ้งลงในเรือพระยาเพชรบุรี ดินลวกเอาไพร่พลป่วยโดดลงน้ำ พม่าได้ทีก็ฆ่าฟันทหารไทยในเรือในน้ำตายเป็นอันมาก

            จากนี้พระราชพงศาวดารกล่าวว่าพม่าจับตัวพระยาเพชรบุรีได้ พระยาเพชรบุรีอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า

            ?จึงเอาไม้หลาวเสียบแทงทางทวารหนักถึงแก่ความตาย?   เป็นที่น่าสลดใจ

            นี่จะเห็นได้ว่าแม้พม่าก็รู้คติเดียวกันกับไทย   แสดงว่าเป็นทางแก้แบบโบราณที่ใช้กันทั่วไป   แต่เรื่องอยู่ยงคงกระพันถึงขนาดฟันแทงไม่เข้านั้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์   ไม่รู้จะพิสูจน์ได้อย่างไร

            สุดท้าย เป็นเรื่องใกล้ปัจจุบันมาก ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่ายังมีการแทงทวารกันเมื่อราว 40 กว่าปีมานี้เอง เรื่องนี้เกี่ยวกับเสือใหญ่แห่งสุพรรณบุรีคือเสือฝ้ายตัวลือ   ผมเคยได้เนื้อเพลงเรื่องเสือฝ้ายมาจากพ่อไสว  วงษ์งาม พ่อเพลงเพลงอีแซว    ตั้งแต่ พ.ศ.2526  เคยถอดเทปลงหนังสือสุพรรณฝันหวาน และเคยเอาไปรวมเล่มในหนังสือ ดาวร้ายในอดีต   ท่านที่สนใจเนื้อเต็มขอให้ไปหาอ่านดู

            จะสรุปเอาแต่เนื้อความสำคัญคือเสือฝ้ายเป็นเสือเพราะทะเลาะกับผู้ใหญ่เบี้ย อำเภอเดิมบางจนถูกจับขังคุก   ครั้นออกจากคุกแล้ว เสือฝ้ายอาฆาตผู้ใหญ่เบี้ยก็ไปฆ่าผู้ใหญ่เบี้ยตาย แล้วหนีเข้าป่าเข้าดงเป็นเสือไป

            หลังจากปล้นฆ่าอยู่นาน นายตำรวจคนดัง คือร้อยเอกยอดยิ่งก็ไปตามจับเสือฝ้ายจนกระทั่งได้ตัว    ร้อยเอกยอดยิ่งพาเสือฝ้ายไปยิงที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เข้าใจว่าสมัยนั้นคงเป็นยุคปราบอันธพาลอย่างจริงจัง  ตำรวจจึงสามารถใช้อาญาสิทธิ์จัดการขั้นเด็ดขาดได้เพื่อให้โจรผู้ร้ายเกรงกลัว

            พ่อไสวเล่าว่าถึงเวลายิง  เสือฝ้ายเป็นคนอยู่ยงคงกระพัน  ยิงทางไหนก็ยิงไม่เข้า ตำรวจจึงจัดการเอาตัวมัดเข้ากับต้นพุทรา    จากนั้นก็ใช้วิธีโบราณคือ ....................

?ยิงไม่ตายคราวนี้ต้องใช้เหล็กแดง 

เข้ามาทิ่มมาแทง ถึงจะตาย

            เสือฝ้ายก็เลยตายลงไปเป็นผี

            มาจนป่านฉะนี้มีกันที่ไหน....?

            ฟังเพลงอีแซวแล้วอยากถามคนวิเศษชัยชาญอีกทีว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง?

ที่มา เขียนเมื่อ วันอังคารที่ 5  มีนาคม พ.ศ.2545 แฟ้มAN782กุลสตรี8แทงก้น


ออฟไลน์ ลูกชายพ่อสังวรณ์

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 351
  • เพศ: ชาย
  • พุททังกันตัง
    • MSN Messenger - pom_146@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23 ม.ค. 2552, 12:07:39 »
เมื่อก่อนแถวๆดอนยายหอมพ่อผมเล่าให้ฟังว่า
เคยมี จุดจบเจ้าคงกระพันขึ้นป้ายหน้าโรงพักเลย
เสืออะไรซักอย่าง
ของท่านหนะเหนียวจริงแต่ว่าคนที่ไปน้อยกว่า
ฝ่ายตรงข้ามมันมากกว่าก็เลยถูกจับตัวเอาไม้แทงทวาร
สติสัมปชัญญะเท่านั้นจริงที่จะธำรงตนอยู่ได้
เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมดา
ยากดีมีจนก็แล้วแต่กรรมที่ทำมา

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 23 ม.ค. 2552, 03:14:41 »
เมื่อก่อนแถวๆดอนยายหอมพ่อผมเล่าให้ฟังว่า
เคยมี จุดจบเจ้าคงกระพันขึ้นป้ายหน้าโรงพักเลย
เสืออะไรซักอย่าง
ของท่านหนะเหนียวจริงแต่ว่าคนที่ไปน้อยกว่า
ฝ่ายตรงข้ามมันมากกว่าก็เลยถูกจับตัวเอาไม้แทงทวาร
สติสัมปชัญญะเท่านั้นจริงที่จะธำรงตนอยู่ได้

เสือผาดปะครับ ....แหะๆหลายกระแสนะครับ เสือผาดคือโจรเหี้ยมอำหิต ฆ่าแม้กระทั่งตำรวจ ข้อมูลมางี้นะครับ
บ้างก็ว่ามอบตัว และโดนยิงประหาร ปรากฏว่ายิงไม่เข้า เพราะอมพระสิบทัศหลวงพ่อเงินใว้ ผู้คุมให้เอาพระออกได้ไม่ทรมาน และสุดท้านก็เจาะเข้าตัว และก็ตัดหัวประจาร

บ้างก็ว่า เสือผาดแขวนพระหลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม ทำให้มีวิชาหายตัว คงกระพัน ตอนหลัง พระหายหรือไงมิทราบ จะมาปล้นที่ดอนยายหอม
โดนวิสามัญเลย ครับ และก็ตัดหัวประจาร

บ้างก็ว่า สักกับหลวงพ่อเงิน และทำให้คงกระพัน ยิงไม่เข้า ทางตำรวจเลยขอให้เลิกสัก ....และวันสุดท้ายเสือย้อยจะมาปล้นที่ดอนยายหอม หลวงพ่อเงินถอดของ ของเสือผาดออก และก็โดนตำรวจล้อมยิง และก็ตัดหัวเสียบประจาร

บ้างก็ว่าเสือผาดแขวนหลวงพ่อเงินรุ่น 1 กับผ้ายันต์ ทำให้คงกระพันแคล้วคลาด สุดท้ายไม่พ้นกรรม เลย โดนตำรวจล้อมจับ ทีแรกตำรวจกระหน่ำยิง แต่ไม่เข้า เสือผาดไม่เป็นไรแต่ช้ำเลย โดนจับดดยละม่อม บ้างก็ว่ายิงไม่โดน แต่สุดท้าย โดนประหารชีวิต และเสียบหัวประจาน

หลายกระแสนะครับ แต่ที่แน่นอน เสือผาดคือจอมโจรชื่อดังมากๆๆ รุ่นก่อนตี๋ใหญ่ .....สุดท้าย ก็โดนเสียบหัวประจานหน้าองค์พระปฐมเจดีย์แน่ ครับ
และข้อมูลอีกอย่างนึง เสือผาดนับถือหลวงพ่อเงินมาก ครับ และหลวงพ่อเงิน ขอให้หยุดกรรม เสือผาดเลยบอก หมดภาระและจะขอมอบตัว

โดยตอนพูด มีตำรวจนั่งอีกฝั่ง เสือผาดนั่งอีกฝั่ง .... และหลวงพ่อเงินนั่งตรงกลาง ครับ .... หลังจากนั้นเสือผาดก็มอบตัว


ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย ครับ ........ผมเกิดไม่ทัน 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ม.ค. 2552, 03:19:46 โดย <<<เอ็มไร่ขิง>>> »

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 23 ม.ค. 2552, 06:10:34 »
ตำนานเสือผาดนี่โด่งดังมากครับในนครปฐม
ชาวบ้านสมัยก่อนเรียก เสือผาด ว่า "คุณพระ" กันเลย
ยุคหลังเสือผาด ก็ต้องยกให้เสือจำเนียร หรือสำเรียง ปางมณีครับ
เจ้าของฉายา ขุนโจรห้านัด หุๆๆ
เราเป็นศิษย์คิดมีครูดูก่อนเถิด อย่าละเมิดคำครูที่พร่ำสอน
ปุถุชนคนธรรมดาพึงสังวรณ์ ครูท่านสอนมอบสิ่งดีแก่เราๆ

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 23 ม.ค. 2552, 10:44:18 »
ศิษย์หลวงพ่อเปิ่นก็เคยลงข่าวหน้า 1 ประมาณปี 27 ถ้าไม่พลาดนะครับ เช่นเดียวกัน  :001:

ออฟไลน์ เด็กนอกวัด

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 23 ม.ค. 2552, 10:46:06 »
                                                           [b] เสือผาด ทับสายทอง

                     
 ออกชื่อว่า  เสือผาด ทับสายทอง แล้ว คนในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่าง พ.ศ.2484 ถึง พ.ศ.2490 ย่อมรู้จะกันดี

บางคนเรียกชื่อเขาว่า "ขุนโจร 7 จังหวัด" เพราะเขามีชื่ออยู่แถวจังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และจังหวัดธนบุรี ทั้ง 7 จังหวัดนี้ เป็นแดนปล้น เป็นแดนอิทธิพลของเขาโดยตลอด อย่างน้อยเสือเล็ก เสือน้อย ที่เรียกว่าเสือปลา ไม่ใช่เสือโคร่งลายพาดกลอน ก็อ้างชื่อเสียงของเขาออกหากินด้วย

ส่วนใหญ่ จะไม่กล้าออกชื่อเขา มักจะออกชื่อกันว่า "คุณพระ" คำว่า "คุณพระ" เป็นชื่อที่ชาวนครปฐมทั่วไปเรียกขื่อเขาลับหลัง เป็นที่รู้กันว่า หมายถึง เสือผาด ทับสายทอง คนกลัวเขาขนาดไม่เรียกออกชื่อเขาทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะถึงหูเสือผาดเข้าเมื่อไร และจะถูกฆ่าตายเมื่อไรก็ไม่รู้ตัว พูดกันถึงขนาดที่ว่า ข้าราชการ ตำรวจ ก็กลัวเสือผาด เป็นลูกน้อง หรือเป็นสายเสือผาดเกือบทุกคน

เสือผาดทำนา เสือผาดเกี่ยวข้าว เพียงแต่บอกกันว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกี่ยวข้าวเสือผาด คนก็จะเดินทางไปช่วยเกี่ยวข้าวกันหัวดำเต็มท้องนา ไม่ต้องไหว้วานกันเลย ทุกคนถือเคียวไปช่วยกันเกี่ยวข้าว นวดข้าวให้เสือผาด

เสือผาดจะมีนาหรือไม่ ไม่สำคัญ เพียงแต่บอกว่านาทุ่งนี้เป็นของเสือผาดเท่านั้นคนก็จะไปช่วยไถ ช่วยเกี่ยวข้าว ช่วยนวดให้จนจบสิ้น โดยไม่มีใครกล้าไปสอบถามอะไรกันอีก ว่าเสือผาดอยู่ที่ไหน เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นตัวเสือผาด ได้ยินแต่ชื่อก็กลัวเสียแล้ว

ขณะนั้น ผู้เขียนรับราชการอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน อันเป็นแดนอิทธิพล หรือพื้นที่สีดำของเสือผาด ผู้เขียนรู้เรื่องราวของเสือผาดมากจนกลัวเสือผาดเหมือนกัน

วันหนึ่ง ขี่จักรยานไปอำเภอกับ นายพิณ กันตะเพ็ง ศึกษาธิการอำเภอกำแพงแสน พบคนถูกยิงตายนอนอยู่ระหว่างทาง เป็นชายหนุ่มอายุสัก 19-20 ปี คนก็กระซิบบอกว่า เมื่อคืนนี้เสือผาดพาลูกน้องเดินทางไปปล้น แต่สงสัยความไม่ซื่อสัตย์ของลูกน้อง จึงยิงทิ้งเสียก่อนเข้าปล้น

วันหนึ่งตอนเช้าตรู่ มีคนรายงานกับนายอำเภอ ร.ต.ต.สุขศรีเพ็ญ ว่า ส.ต.ท.จำเนียร ภักดีเจริญ ถูกยิงตาย ที่ตำบลห้วยขวาง นายอำเภอไปชันสูตรพลิกศพ ข้าพเจ้าก็ไปด้วย พบ ส.ต.ท. จำเนียร นอนตายอยู่ มีปืนพกตกอยู่ข้างตัว เป็นปืนที่ ส.ต.ท. จำเนียร ยิงต่อสู้จนตัวตายในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว เพราะไปนอนอยู่บ้านเมียน้อย เขาเล่าว่าผู้ร้ายที่เข้ามายิง ส.ต.ท.จำเนียร ได้เข้าเหยียบหน้าอก ส.ต.ท.จำเนียรแล้วร้องว่า

"อ้ายเนียร มึงรู้จักกูไหม ?"

เขาพูดว่าผู้ร้องถามนั่นคือเสือผาด

แล้วเขาก็ยิง ส.ต.ท. จำเนียร ตายกลิ้งอยู่ในบ้านเมียน้อย ไม่ทำอันตรายใคร ไม่แตะต้องทรัพย์สินอะไรเลย

มูลเหตุของเรื่องก็คือ ฆ่าล้างแค้นของเสือผาด ฆ่าแม้แต่ตำรวจ

เรื่องมีอยู่ว่า นายจำรูญ น้องชาย ส.ต.ท. จำเนียร ลูกชายขุนภักดี ห้วยพระ คหบดีมั่งคั่งในตำบลสามง่าม ถูกโจรปล้น จับตัวไปยิงทิ้งที่ทุ่งนา นายจำรูญตายในลักษณะนุ่งกางเกงในตัวเดียว ส.ต.ท.จำเนียร เห็นน้องชาย ถูกฆ่าตายในลักษณะน่าทุเรศเช่นนั้นก็ประกาศว่า จะต้องตามฆ่าโจรก๊กนี้ให้จงได้ ส.ต.ท.จำเนียร สืบทราบว่าก่อนปล้นโจรคณะนี้ได้มากินเหล้าวางแผนกันที่บ้านคน ๆ หนึ่งในตอนหัวค่ำ ส.ต.ท.จำเนียร จึงให้ระบบแก้แค้น โดยใช้กฎหมายเถื่อน จับชายเจ้าของบ้านไปยิงทิ้งตรงที่ ๆ ที่นายจำรูญ น้องชายนอนตายอยู่ เป็นการล้างแค้น

ต่อมาไม่กี่วัน ส.ต.ท.จำเนียร ก็ถูกฆ่าตายไป ผู้ยิงอก ส.ต.ท.จำเนียร ขึ้นเหยียบอก แล้วร้องถามว่า

"อ้ายเนียร มึงรู้จักกูไหม ?"

ท่านขุนภักดีห้วยพระ (กิ้ว ภักดีเจริญ) เห็นว่าขืนต่อสู้กันต่อไปก็จะตายไปไม่สิ้นสุด เสียลูกชายไป 2 คนแล้ว คนต่อไปไม่รู้ว่าใคร จึงได้ตกลงหย่าศึก พิธีหย่าศึกทำขึ้นที่บ้าน นายนนท์ ตำบลห้วยขวาง ขุนภักดีห้วยพระ นัดพบเสือผาด ทับสายทอง ที่บ้านนายนนท์ซึ่งเป็นคนของเสือผาด กินเหล้าสาบานกันว่าจะเลิกแล้วต่อกัน เรื่องจึงสงบลงได้

นายนนท์ คนนี้ ข้าพเจ้ารู้จัก บิดามารดาของข้าพเจ้าก็รู้จัก คุ้นเคยกันดี รูปร่างอ้วนใหญ่ ดำ ตาเข หน้าตาเป็นนักเลงน่าเกรงขาม แม่ของข้าพเจ้าเล่าว่า นายนนท์ ดำใหญ่คนนี้เป็นลูกชายของ นายนนท์ขาว ชาวตำบลตาก้อง ทำแม่นายนนท์ท้อง แล้วไม่รับเป็นลูก แม่นายนนท์โกรธแค้นมาก เมื่อลูกชายเกิดมาจึงตั้งชื่อว่า นายนนท์ เหมือนชื่อพ่อ ได้ชื่อว่าเป็นคนดุเป็นนักเลงอิทธิพลคนหนึ่ง แต่เป็นคนของเสือผาด

เมื่อเสือผาด ทับสายทอง พาพรรคพวกไปปล้นที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และเป็นการปล้นครั้งสุดท้ายถูก พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต วางแผนพิชิตได้ นายนนท์ คนนี้แหละที่ได้เอารถยนต์บรรทุก 10 ล้อของ นายศิลปชัย คนตำบลพะเนียงแตก เดินทางไปรับพวกปล้นของเสือผาด นายนนท์ นั่งคุมรถไปให้ นายศิลปชัย เป็นคนขับ เมื่อถึงตำบลหนองดินแดง ถูกตำรวจดักจับตามทาง จึงได้ยิงนายนนท์ กับนายศิลปชัย ทิ้งเสียข้างทางเอาน้ำมันราดแล้วเผาเสียเรียบร้อยในคืนนั้น

นายเท่ง คนไว เป็นนายตรวจรถยนต์ อยู่ที่ตำบลตาก้อง วันหนึ่งนั่งเก้าอี้อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ก็มีคนเดินเข้ามาหาสองคน ส่งจ.ม.ให้นายเท่ง นายเท่งกำลังอ่าน จ.ม.อยู่ ก็ถูกชายคนนั้นยิงหัวนั่งตายคาเก้าอี้ คนร้ายเดินออกไปอย่างลอยนวล เขาว่าเสือผาด ส่งลูกน้องมายิงทิ้งเสียด้วยเหตุที่นายเท่งไปยิงคนของเสือผาดตายไปก่อน ชื่อนายสงวน ถูกยิงศีรษะนั่งตาย น่าประหลาดที่นายเท่ง คนไว ก็นั่งตายคาเก้าอี้ที่บ้านนายหลง ชาวไร่เงิน

แต่ผู้เขียนก็รู้จักวงศ์สกุลของเสือผาดอยู่บ้าง พ่อของผู้เขียนรู้จักนายจรูญ ทับสายทอง บ้านคันลำอยู่แถวหลังองค์พระปฐมเจดีย์ เมื่อเป็นเด็กวัดห้วยจระเข้ พ่อก็เอาข้าพเจ้าไปฝากไว้กับหลวงตาปาน ทับสายทอง อาชายของเสือผาดคนหนึ่ง หลวงตาปานองค์นี้เคยเป็นทหารมียศเป็นสิบโท แล้วมาบวช บวชแล้วก็ยังชกมวย ซ้อมชกมวยอยู่เสมอ วันหนึ่งพระองค์หนึ่งมานั่งปัสสาวะอยู่บนชานกุฏิ หลวงพ่อปานเห็นเข้าก็โกรธ โดดเข้าเตะพระองค์นั้นศีรษะคะมำตกกุฏิไป หลวงตาปาน ทับสายทอง รูปร่างกำยำ แข็งแรง ตกค่ำท่านจะตีกลองยาว รำกลองยาวให้ดู แล้วก็รำมวยให้ดูด้วย

นายแสวง บุญทองดี อนามัยอำเภอเมืองสมุทรสงครามก็เป็นลูกหลานของท่าน แต่เปลี่ยนนามสกุลไปใช้อย่างอื่นภายหลัง

ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อประชาไม่อยากใช้นามสกุล ทับสายทอง ขอให้เปลี่ยนนามสกุลให้ ข้าพเจ้าถามว่า พ่อคุณชื่อไร เขาบอกว่าชื่อมิ่ง ข้าพเจ้าก็เลยตั้งนามสกุลให้ว่า "ครูประชา มิ่งมนตรี" เขาเป็นครูอยู่อำเภอกำแพงแสนสมัยนั้น

นายผาด ทับสายทอง มีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อ พุ่ม ทับสายทอง เป็นนักเลง ชอบดื่มเหล้า ใครอยากจะให้ตีหัวใครก็ขอเหล้าขวดเดียว แล้วเขาก็จะตีหัวให้ หรือชกหน้าให้ตามต้องการ

คราวหนึ่ง เขาฝากชื่อไว้ในแผ่นดินสยาม โดยเขาถือปืนเข้าไปดักยิงจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่สนามหลวง แต่ยิงพลาด ไม่ถูกที่สำคัญ แต่ก็ยิงถูก และถูกตัดสินจำคุก

เล่าเรื่องเสือผาดประกอบ ก็เพื่อจะบอกว่า เสือผาด ทับสายทอง ก็เป็นศิษย์นอกครู ลูกนอกคอก ของหลวงพ่อเงิน

เสือผาด เริ่มมีชื่อมาตั้งแต่ปล้นฆ่า ร.ต.ต.เจี่ย แสงโชติ บิดาของ พล.ต.ต.จุมพล แสงโชติ (นายพลตำรวจตรีคนนี้ เป็นเพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกับผู้เขียน และนายชื่น ทักษิณานุกูล เมื่อเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย)

เสือผาด ถูกจับได้ ติดคุกอยู่หลายปี พอออกจากคุกก็ปล้นอีก เสือฮุย เสือเภา เพื่อนเสือด้วยกัน ถูกตำรวจยิงตาย เสือผาดหลบหนีรอดไปได้

คราวหนึ่ง นายจรูญ ผาสุกวณิชย์ นายอำเภอเมืองนครปฐมพร้อมด้วยนายศักดิ์ เศรษฐบุตร ปลัดอำเภอ และตำรวจ เข้าล้อมจับที่ตำบลหนองขาหยั่ง เสือผาดแอบอยู่ในห้องเจ้าหน้าที่ค้นจนทั่วไม่เห็นเขา

อีกครั้งหนึ่งเสือผาด กำลังอยู่ในวงการพนัน เล่นโปกัน ที่บ้านวังน้ำขาว ส.ต.ท.ทัพ เนาวรัตน์ นำตำรวจ 20 คน เข้าล้อมจับเสือผาดนั่งอยู่ ตำรวจหลายคนไม่เห็นเขา

อีกครั้งหนึ่ง เดินสวนกับ ร.ต.ต.ประสิทธิ์ วทานนท์ และพลตำรวจไสวที่สนามบินต้นสำโรง ตำรวจยิงด้วยปืนยิงเร็วในระยะเผาขน จนฝุ่นกลบตัวแต่ไม่ถูกเสือผาด เสือผาดหายตัวไปข้าง ๆ เนินดินในเวลากลางวันแสก ๆ

ครั้งสุดท้ายที่เขาปล้นที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง พ.ต.ท.ประชา บูรณะธนิต ได้อำนวยการสืบสวนและวางแผนซ้อนกลส่งคนเข้าเป็นพวกปล้นด้วย ได้เกิดยิงต่อสู้กันกับตำรวจที่ส่งกำลังไปล้อม จนนายตำรวจชั้นร้อยตำรวจโท ตายไปคนหนึ่ง แต่เสือผาดหนีไปได้ไม่บาดเจ็บ เมื่อถูกล้อมจับจนมุมในทุ่งนา เสือผาดก็ถอดเอาพระเครื่องออกโยนทิ้ง แล้วระเบิดสมองตัวเองตายไป ไม่ใช่ตำรวจยิงตายแต่อย่างใด เสือผาดได้ออกปล้นมานับสิบ ๆ ครั้ง ถูกตำรวจยิงหลายครั้ง แต่หนีรอดไปได้ทุกครั้ง จนเป็นที่เลื่องลือกันแม้ในหมู่ตำรวจว่า เสือผาดมีของดี

ครั้งหนึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร และ พ.ต.อ.สะอาด รัชตะประกร ได้ติดต่อขอให้เสือผาดเข้ามอบตัว เสือผาดก็เข้าพบสนทนาด้วย

ครั้งหนึ่ง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจติดต่อขอพบ เขาก็เข้าพบที่พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ข้างสนามหลวง ได้พบและสนทนากันแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็รักษาวาจาสัตย์ ไม่ทำร้ายกัน แล้วต่างคนก็ต่างแยกกันกลับไป

คราวที่นัดพบกับนายตำรวจใหญ่นั้น ตำรวจใช้หลวงพ่อเงินเป็นสื่อนัดพบ คณะที่ไปพบเสือผาดมี พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 7 นครปฐม พ.ต.อ.สะอาด รัชตะประกร ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายทองสุก สุวัตถี นายอำเภอเมืองนครปฐม นายหล่อ สีละชาติ ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม และ นายชื่น ทักษิณานุกูล ลูกศิษย์และลูกบุญธรรมของหลวงพ่อเงิน โดยนายชื่น ทักษิณานุกูล ได้ล่วงหน้าไปก่อน ได้ไปพบกับนายจันทร์ ชาวบ้านตำบลดอนยายหอม และได้พบกับเสือผาดที่นั่น แล้วจึงพาเสือผาดมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หน้าโบสถ์วัดดอนยายหอม โดยมีหลวงพ่อเงิน เป็นประธานอยู่ด้วย

เมื่อเสือผาดได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับการ ตำรวจภูธรเขต ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัด เขาก็ยิ้มอย่างใจเย็น แล้วสารภาพว่าเขาได้ปล้นฆ่าที่ไหนมาบ้าง แล้วเสือผาดก็คุยกับหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินจึงถือโอกาสพูดเทศนาสั่งสอน โดยไม่ต้องติดกัณฑ์เทศน์ว่า

"เสือผาดนี้ก็เหมือนคนที่ขุดบ่อ ยิ่งขุดก็ยิ่งลงลึกลงไปทุกที ตัวก็จงลงไปทุกที หนักเข้าก็ลึกจนขึ้นไม่ได้ ได้แก่คนที่ทำบาปกรรมไว้ เป็นที่เกลียดกลัวของมหาชน และเป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ ทางที่ดีควรจะหยุดขุดบ่อฝังตัวเอง นานเข้าความชั่วที่ทำไว้ก็จะลืมเลือนไป จากความเกลียดกลัวของประชาชน ก็จะกลายเป็นคนดีได้อย่างสนิทเหมือนบ่อที่ขุดไว้ นานปี ธรรมชาติก็ช่วยกลบเกลื่อนให้หลุมตื้นขึ้นเป็นชั้นเสมอกับพื้นดินเดิม"

"เสือผาดก็เป็นคนไทย นับถือพระพุทธศาสนา ตัวเสือผาดเองก็มีคุณพระแขวนคอ คุ้มตัว จนคนทั่วไปเรียกชื่อว่า "คุณพระ" ขึ้นชื่อว่าเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่นเป็นบาป จงสลัดบาปออกเสีย หันมาทำดี ก็จะเป็นโอกาสอันดี เจ้าหน้าที่เขาก็จะผ่อนผันโทษหนักให้เป็นเบาได้"

เสือผาดก็รับคำว่า จะขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่เขายังมีภาระรุงรังอยู่ขอไปจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน

เมื่อคุยกันถึงเรื่องธุระเสร็จแล้ว พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ซึ่งเป็นผู้สนใจทางพระเครื่องอยู่ ก็คุยถึงเรื่องพระเครื่อง ต่างคนต่างนำออกอวดกัน เสือผาดก็ควักออกมาอวดบ้าง

"พระเครื่องของผมก็ศักดิ์สิทธิ์นักเคยเข้าตาจนมาแล้วหลายครั้ง อาราธนาพระองค์นี้ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยมาทุกครั้ง พระองค์นี้ไม่ใช่อยู่ยงคงกะพันอย่างเดียว ยังใช้ในทางแคล้วคลาด และกำบังตัวได้ด้วย เวลาทิ้งพระองค์นี้ลงไปในน้ำที่ขุ่น น้ำตรงนั้นจะเกิดช่องว่างใสเป็นทางลงไป จนถึงดินที่พระองค์นั้นนอนอยู่ทีเดียว"

เสือผาดย้ำว่า

"จะทดลองเดี๋ยวนี้ก็ได้"

พระเครื่องดินเผาองค์นั้น เป็นพระเครื่องของหลวงพ่อรุ่งอาจารย์ของหลวงพ่อเงิน ซึ่งหลวงพ่อเงินก็มีติดตัวอยู่องค์หนึ่ง คราวเดินธุดงค์ก็นำติดตัวไป

หลวงพ่อรุ่งองค์นี้ บวชอยู่วัดดอนยายหอม มีชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ขลัง ไม่ได้เป็นสมภารเจ้าวัดอะไร ชอบทางวิทยาคม มีคนยกย่องว่าเก่งทางคาถาอาคม ชอบไปทางเวทย์มนต์คาถา มีเครื่องมือในการทำเครื่องรางของขลังพร้อม เหล็กสัก เหล็กจาร หลอดไม้รวก สำหรับลงตะกรุด ลูกอม สักให้แล้วก็ทดลองใช้มีดดาบฟันทันที หลวงพ่อรุ่งเก่งอีกทางหนึ่งคือให้หวย เมื่อหลวงพ่อเงินบวชใหม่ ๆ เคยให้หลวงพ่อเงินไปช่วยนั่งบริกรรมปลุกเสกพระ และเครื่องรางในโบสถ์

ในชีวิตของหลวงพ่อรุ่ง ได้ทำพระดินเผาไว้ประมาณ 10 องค์ เป็นดินเผาสีแดง ที่เสือผาดใช้เป็นพระเครื่องรางคุ้มตัวอยู่นั้นองค์หนึ่ง และมีที่หลวงพ่อเงินอีกองค์หนึ่ง เสือผาดมีอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อเงิน จึงมาเคารพนับถือหลวงพ่อเงินเป็นครูอาจารย์อีกองค์หนึ่ง

แต่ดูเหมือนเสือผาดจะเสียสัตย์ที่ได้ลั่นวาจาไว้ต่อหน้าหลวงพ่อเงินว่าจะมอบตัว แต่ไม่ยอมมอบตัว จึงได้จบชีวิตลงที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่งในเวลาต่อมา โดยยิงตัวเองตายในที่ทุ่งนา แล้วตำรวจก็ตัดหัวมาเสียบประจานไว้ข้างองค์พระปฐมเจดีย์ วันนั้นข้าพเจ้าได้ข่าวจึงรีบเดินทางไปดู ได้เห็นหัวเสือผาดถูกตัดแค่คอเสียบไว้ เหมือนหัวโขน หรือหัวละคร หลังโรงหนัง โรงละคร

ถึงแม้ว่าชีวิตของเสือผาด จะไม่ได้ทำคุณงามความดีไว้ให้แก่ใคร นอกจากให้ความคุ้มครองป้องกันพรรคพวกของตัวไว้ไม่ให้ใครข่มเหงรังแก เสือผาดก็ฆ่าแก้แค้นให้ทันทีทันควัน ก็ดูเหมือนว่ามีคุณงามความดีอยู่แค่นั้น

แต่สิ่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครนึกถึงเลย ก็คือ เสือผาดได้สร้างคุณงามความดีให้แก่ตำรวจทางอ้อม หลังจากเสือผาดตายแล้ว ตำรวจที่ไปล้อมจับคราวนั้น ที่เคยปากสั่น ขาสั่น มิ่งขวัญหายเพราะกลัวตายก็กลายเป็นผู้กล้าหาญไปทั่วหน้า พบหน้าใครก็คุยเขื่องเรื่องปราบโจรปล้นคุ้งพยอมล้อมจับเสือผาด บ้างก็คุยว่าเสือผาดตายเพราะลูกปืนจากปากกระบอกของตน หลายคนได้เลื่อนยศกันคราวนั้น แม้แต่ พ.ต.ท.ประชา บูรณะธนิต ก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็น พันตำรวจเอก ในคราวนั้นด้วย คงจะพอกล่าวได้ว่า เสือผาดสร้างคุณงามความดีไว้ให้แก่ตำรวจทางอ้อม

และเรื่องเสือผาด ทับสายทอง มีชื่อหลวงพ่อเงินเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วยโดยทางตำรวจขอร้องให้ท่านเป็นสื่อ เป็นประธานในการนัดพบพูดจากันกับเสือร้าย 7 จังหวัด ชื่อ ผาด ทับสายทอง หรือที่มีสมญานามด้วยความเกรงกลัวว่า "คุณพระ"

สมัยเสือผาด ทับสายทอง มีชีวิตอยู่ ไม่มีใครกล้าออกชื่อเสือผาดเรียกกันว่า "คุณพระ"

ส่วนข้าพเจ้าไม่ค่อยกลัวเสือผาด ทับสายทอง เพราะข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของของหลวงตาปาน ทับสายทอง วัดห้วยจระเข้ ซึ่งเป็นอาของเสือผาด ทับสายทอง แล้วยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเขาไม่อยากใช้นามสกุลทับสายทอง ข้าพเจ้าจึงตั้งนามสกุลให้ว่า "มิ่งมนตรี" เพราะพ่อเขาชื่อ มิ่ง ทับสายทอง







........................เฉียดตายแต่ "รอด" เพราะ "พระเครื่อง" !!!
........."พระเครื่อง" จะต้องทำความเข้าใจว่า เป็นคนละส่วน คนละชนิดกับ "เครื่องราง-ของขลัง" แต่คนส่วนมากชอบเรียกรวมกันว่า พระเครื่อง คือ เครื่องราง-ของขลัง คนเรามักจะมีความเชื่อว่า พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง จะต้องคุ้มครองแต่คนที่ทำความดี ส่วนคนที่ทำความชั่วพระท่านจะไม่คุ้มครอง นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด
ท่านจะคุ้มครองทุกคนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกว่าคนนี้เป็นตำรวจ คนนี้เป็นโจร รวมความก็คือ ผู้ใดก็ตามหากใส่พระเครื่องท่านแผ่พุทธคุณคุ้มภัยให้หมด
ในอดีต?
.........เสือผาด ทับสายทอง เป็นขุนโจรที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมากในจังหวัดนครปฐม เสือผาดเป็นเสือร้ายที่มีประวัติน่าเกรงขาม ปล้น ฆ่า ข่มขืน จนคนทั่วไปขนานนามเสือผาดว่า ขุนโจรร้อยศพ !
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามไล่ล่าเสือผาด แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องคว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป คุณลุงเสงี่ยม พู่คำ ชาวดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม ปัจจุบันอายุ 67 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ตำรวจไล่ล่าเสือผาดอย่างกระชันชิด เคยเห็นปากกระบอกปืนเป็นจำนวนมาก พุ่งเป้าไปที่ร่างของเสือผาด แต่กระสุนทุกนัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ถูกเสือผาดเลยแม้แต่นัดเดียว
........"วันนั้นตำรวจได้ข่าวว่าเสือผาดจะปล้นที่บ้านดอนยายหอม กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจยกมาเป็นร้อย อาวุธปืนยาวคาร์บินคนละกระบอก พอมาถึงก็กระจายกำลังไว้รอบด้าน ตอนนั้นเป็นเดือนพฤศจิกายน ปี 2510
 
 
ชาวบ้านไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน พอตอนเที่ยงเศษๆ เสือกับลูกน้องก็นั่งเรือกันมา พอจังหวะที่เสือผาดก้าวลงจากเรือเท่านั้น .ตำรวจก็ระดมยิงใส่ทันที"
ทำไมตำรวจจึงไม่คิดจะจับเป็นเสือผาด?
"เขาไม่ยอมให้จับหรอก ตำรวจถูกเสือผาดยิงตายไม่รู้กี่ศพมาแล้ว เพราะต้องการอยากจะจับเป็น เสือผาดมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เขาหายตัวได้"
แสดงว่าเสือผาดเป็นศิษย์มีครู?
"ใช่ เสือผาดเป็นศิษย์มีครูจริงๆ และครูของเสือผาดนั้นก็คือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นั่นเอง เสือผาดได้ของดีไปจากหลวงพ่อเงินหลายอย่าง เช่น เหรียญรุ่นแรก ผ้ายันต์ และวิชากำบังตัว แค่เหรียญอย่างเดียวก็เหลือกินแล้ว แต่นี่ได้ทั้งผ้ายันต์ ได้ทั้งวิชากำบังตัว ตำรวจที่ไหนจะจับเสือผาดได้ล่ะ"
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่า พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง จะคุ้มครองพวกโจรผู้ร้ายด้วยอย่างนั้นหรือ?
"แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก คือ อำนาจของพระพุทธคุณที่พูดมาทั้งหมดนั้น ท่านจะคุ้มครองคนทุกคนที่สวมใส่ จะไม่แยกแยะว่าคนไหนดี คนไหนชั่ว"
แสดงว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเสือผาดก็สิ้นชื่อ?
"ไม่หรอก เสือผาดพอได้ยินเสียงปืนก็กระโดดขึ้นฝั่ง มันก็เป็นเรื่องแปลก แทนที่จะกระโดดลงเรือแล้วหนีไป โอกาสจะมีมากกว่าหนีขึ้นฝั่ง เข้าใจว่าตอนนั้นเสือผาดคงจะตกใจมากกว่า เลยทำให้ตัดสินใจพลาด พอเสือผาดขึ้นฝั่งก็ออกวิ่งทันที เสือผาดวิ่งตรงไปที่กำลังของตำรวจซุ้มอยู่ ลุงเห็นตำรวจนับร้อยระดมยิงใส่เสือผาดเสียงดังสนั่น ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนก็วิ่งมาดู เสือผาดถูกจับได้ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตามตัวไม่มีร่องรอยของกระสุนปืนเลยแม้แต่นัดเดียว"
ลุงเห็นกับตาเลยหรือครับ?
"ใช่ ลุงเห็นกับตาตัวเองเลย ทุกวันนี้ยังจำภาพนั้นได้ดี พอตำรวจได้ตัวเสือผาดก็เอาตัวเข้ากรุงเทพทันที เสือผาดถูกตัดสินใจประหารชีวิต ตำรวจเอาตัวเสือผาดมายิงเป้าที่หน้าองค์พระ คนดูนับพันๆ คน"
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสือผาดไม่เข้าเพราะอะไร?
"ตำรวจบอกว่าเสือผาดอมเหรียญของหลวงพ่อเงินไว้ในปาก เหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มีกิตติศัพท์ในเรื่อง คงกระพันชาตรี อยู่แล้ว"
บรรยากาศตอนที่เสือผาดถูกยิงเป้าเป็นยังบ้าง?
"เสือผาดเป็นเสือที่มีประวัติเหี้ยมโหดมาก พอยิงเสือผาดตาย ตำรวจก็ให้ตัดหัวเสือผาดแล้วเสียบประจานกลางองค์พระ"
คุณลุงเสงี่ยม พู่คำ เป็นผู้ที่มีความในใจในพระเครื่อง และเครื่องรางของขลัง ในชีวิตเคยพบกับประสบการณ์ เฉียดเป็น เฉียดตาย จนนับไม่ถ้วนมาแล้ว
การที่จะเป็นเซียนพระมีขั้นตอนอย่างไรบ้างครับ ?
"ความสนใจ สิ่งแรกเลยคนที่จะเป็นเซียนพระ เขาจะต้องมีความสนใจ อยากเรียนรู้ในพระเครื่อง ศึกษาประวัติความเป็นมาจนรู้แจ้งเห็นจริง คนที่ไม่สนใจใฝ่รู้จริงๆ โอกาสที่จะเก่งจนถึงขั้นเป็นเซียนพระ พูดได้เลยว่าไม่มีทาง"
เมื่อมีความสนใจแล้ว ขั้นตอนต่อมาควรปฏิบัติอย่างไร?
"ก็เสาะหาพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง ซึ่งเราต้องการจะศึกษา เช่นหากว่าเราต้องการจะเดินสายพระกรุเก่า เราก็จะต้องเสาะหาพระกรุเก่ามาศึกษา อาจจะอ่านจากตำราควบคู่ไปด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ พระกรุเก่าบางพิมพ์ราคาไม่แพง องค์ละไม่กี่ร้อยก็มีถมเถไป หัดดูพิมพ์พระ ดูเนื้อพระ จำให้ขึ้นใจ มือใหม่อย่าเพิ่งไปจับพระราคาแพงๆ การเรียนรู้สิ่งใดก็ตาม จะต้องมีขั้นตอน อย่าริเรียนทางลัด มันจะถูกหลอก วงการพระเครื่องน่ากลัวมาก"
การเล่นพระเครื่องมีข้อห้ามอย่างไรบ้าง?
"ข้อห้ามที่สำคัญที่สุด ซึ่งคนที่เล่นพระเครื่องจะลืมไม่ได้เลยก็คือ ห้ามด่าแม่ ห้ามพูดคำหยาบ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ พลั้งปากออกมาเมื่อใด พระพุทธคุณจะเสื่อมทันที"
ในชีวิตเคยพบกับเหตุการณ์ใดบ้างที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
"มีหลายครั้งด้วยกัน แต่ก็รอดมาอย่างปาฏิหาริย์ทุกครั้ง เชื่อว่าเกิดจากพระพุทธคุณของพระเครื่อง เช่น มีอยู่วันหนึ่งขับรถไปทำธุระที่จังหวัดกาญจนบุรี วันนั้นฝนตกลงมาหนักมาก มองถนนแทบไม่เห็น จู่ๆ รถคันที่วิ่งสวนมาเกิดกินเลนมาทางฝั่งเรา ผมตกใจก็หักหลบ ตอนนั้นถนนมันลื่นมาก หักหลบก็ได้เรื่องเลย รถพุ่งตกลงไปข้างทาง ซึ่งมีความลึกราวๆ 10 เมตร เรียกว่าลึกมาก เสียงดังสนั่นแก้วหูแทบแตก มันเจ็บระบมไปทั้งตัว พยายามเรียกให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีใครได้ยิน คงจะเป็นเพราะฝนกำลังตกหนัก .........ตอนนั้นมันขยับตัวไม่ได้ เข้าใจว่าขาคงจะหัก ตอนนั้นนึกถึงหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม ซึ่งเราห้อยติดตัวอยู่ตลอดเวลา ภาวนาขอให้ท่านช่วย พักเดียวก็เหมือนมีแสงสว่างวูบเข้ามาในรถ สักพักก็ได้ยินคนพูดกันว่ามีรถตกถนน เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยผ่านมาประสบเหตุเข้าพอดี
ผมต้องเข้าโรงพยาบาลนอนอยู่ 2 วัน เพื่อดูอาการ แต่ไม่มีอะไรมาก แค่ขัดยอกเล็กน้อยเท่านั้น คนที่มาช่วยถามผมว่าห้อยพระอะไร ดูจากสภาพรถแล้วน่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ผมบอกว่าห้อยเหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เขาพูดว่า หลวงพ่อเงินอีกแล้ว เขาช่วยคนประสบอุบัติเหตุจนนับครั้งไม่ถ้วน คนที่ใส่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มักจะปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลยสักราย"
.........ปัจจุบัน เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม รุ่นแรก มีราคาแพง และมีการทำปลอม (เหมือนจริง) กันมาก เหรียญรุ่นใหม่ๆ ที่ทางวัดสร้างขึ้นมา ราคาอยู่ที่หลักร้อยต้นๆ เท่านั้น แต่ พระพุทธคุณ "เข้มขลัง" เหมือนกันทุกประการครับ?
.........เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณลุงเสงี่ยม ย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า พระพุทธคุณของพระเครื่องนั้น "มีจริง" !!!  



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ม.ค. 2552, 10:48:57 โดย เด็กนอกวัด »

ออฟไลน์ tom2007

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 462
  • เพศ: ชาย
  • ออแอ อออา เมตตา พุทโธ
    • MSN Messenger - autotom2007@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 24 ม.ค. 2552, 12:00:35 »
สุดยอดมากๆๆๆๆๆๆๆ
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ  สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว

ออฟไลน์ อชิตะ

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 3218
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - aston_25@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 24 ม.ค. 2552, 01:38:25 »
เวรกรรม ..เหนียวทั้งที น่าจะทำดีไว้เยอะๆ 

แล้วมันจะยังไงนะ โดนแทงเนี๊ย   ทรมานแน่ๆเลย

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 24 ม.ค. 2552, 02:21:50 »
คุ้นๆนะครับพี่เด็กนอกวัด แหะๆ :075:

ออฟไลน์ tum72

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 2246
  • ณ ตลาดพลู
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เอาไม้แทงทวาร
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 04 ก.พ. 2552, 09:41:21 »
ใช่แล้วครับ เสือผาด ดังมากๆในยุคนั้น
โอม ราศีกูเอ๋ย  จงมาเป็นอาสน์  สีธาวาส  มาเป็นเกียรติ  ศรีชายมาเป็นช่วง
หญิงชายทั้งปวง รักกูมิรู้วาย  ด้วยราศีกูงามคือฟ้า  หน้ากูงามคือพรหม
หญิงเห็นหญิงรัก  ชายเห็นชายทัก  กูอยู่ทุกเมื่อ  ไม่เบื่อแต่สักวัน
โอม หญิงชายทั้งหลายเอ๋ย  มา