ผู้เขียน หัวข้อ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho  (อ่าน 1388 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ cho presley

  • ------> I'm Cho Presley
  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 2049
  • เพศ: หญิง
  • สุดท้ายก็กาหลง!
    • MSN Messenger - cho.khalong@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - เมืองเสน่ห์กาหลง
    • Yahoo Instant Messenger - มหาเสน่ห์+เมตตา+มหานิยม
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.khalong.com
เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« เมื่อ: 10 ก.ย. 2552, 06:11:14 »
ถ้ามีเวลาเหลือ 3 เดือนครึ่ง คุณจะวางแผนชีวิตอย่างไรให้มีความสุขที่สุด?
เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho

คำนำ
คิดตั้งนานว่าจะเปิดหัวเรื่องว่าอะไรดี สุดท้ายจึงลงตัวด้วยการเปิดหัวเรื่องว่า 'เสิรฟ์สาระ' ความหมายคงไม่ต้องอธิบายกันแล้ว เพราะตรงนี้ถือว่ากำลังมอบสาระล้วนๆ..บทความนี้เคยขีดๆ เขียนเป็นภาษาง่ายๆลงหนังสือให้พนักงานของบริษัท xxx (ฮ่า...สงวนนามไว้หน่อย...) ได้อ่านกันไปทั่วประเทศเมื่อปีที่แล้ว.. ไม่ได้สร้างความฮือฮาเท่าไหร่ (เพราะมันเป็นสาระที่ต้องอ่านและทำความเข้าใจกับมันนะสิ! แต่ก็มีผู้อ่านหลายคนเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติได้ดีเลยหละ) เอาหละ..วันนี้หากใครว่างก็อ่านหนังสือคอลัมน์หนึ่งตรงนี้...เพื่อประเทืองปัญหาการสร้างสมดุลชีวิตก็แล้วกัน cho presley

BALANCE to YOUR LIFE
สร้างสมดุลให้ชีวิต



จะมีใครบ้างไหม ตื่นขึ้นมาก็พบกับชีวิตที่สมบูรณ์แบบทุกวัน
คนส่วนใหญ่ อยากได้ทุกอย่างพร้อมๆ กัน บางครั้งรู้สึกราวกับว่า ฉันมีพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่หลายครั้ง กลับว่างเปล่า.. เมื่อใดที่เราต้องนั่งจด งาน หรือ ธุระ ที่ต้องจัดการมันให้เสร็จลงบนปฏิทินนัดหมาย โอ้โห! ประชุม งานสังคม คุยกับวิศวกรเรื่องต่อเติมบ้าน อินทีเรียเรื่องตกแต่งบ้าน ดริ้งซ์กับเพื่อนสมัยเรียน นาย ลูกน้อง พาครอบครัวไปเที่ยวตากอากาศ ไหนจะกิ๊ก? (ล้อเล่น)การตอบ “ตกลง”ทำง่ายกว่าทำให้คนรอบกายเราผิดหวัง จริงไหมคะ?

พี่โชวว่า..ความสัมพันธ์ในการใช้ชีวิตหลายๆ รูปแบบนี้ เป็นสิ่งที่ดีค่ะ ถ้าเราทำมันได้พร้อมกัน แท้จริงแล้ว เรากลับพบว่า มันคือต้นเหตุแห่งความเจ็บปวด และความเศร้าเสียใจ ทุกอย่างรอบตัวเราจะดีได้ต่อเมื่อ เราให้ความสำคัญกับมัน และไม่ลืมหน้าที่ที่ต้องทำ มันต้องการเวลา พลัง และวินัยในการปฏิบัติสูงทีเดียวค่ะ


หากเราไล่ล่าสิ่งที่เราต้องการด้วยความเครียด เรามักจะได้เกือบทุกอย่างที่เราต้องการ แต่การพยายามได้มาซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างโดยปราศจากการรักษาสมดุลชีวิตนั้น ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดผลลัพธ์ในเชิงลบ หากยอมให้กลไกอันผิดธรรมชาติเหล่านี้ มาทำลายการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเรา เราจะได้มันพร้อมกับการมีชีวิตที่สมดุลควบคู่ไปด้วย ได้อย่างไร?

เคยสังเกตุคนรอบตัวของพี่ ไม่ต้องไปไกลปู้นน เขาใช้ชีวิตแบบ “สนุกกับงาน สังสรรค์ตลอดคืน ตื่นมางัวเงีย อ่อนเพลียก็ลาป่วย” แบบนี้ส่วนใหญ่พบกับรุ่นน้องที่พึ่งทำงาน เน้นหนักไปทางเฮฮา ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา พฤหัสเล่นกีฬา.. เหลือเวลาทำงานให้มีคุณภาพก็น้อยแล้ว อีกกลุ่มหนึ่ง อันนี้เชียะเลย! ทำแต่งาน อ้างเสมอ งานเข้า! โอย..ซีเรียส ไม่ได้..ทุกอย่างต้องเป๊ะ! เผลอแพล๊บเดียว เอ๊ะ ตั้งแต่ฉันเลิกกับอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมไปแล้วเนี่ย ป่านนี้ยังไม่มีผู้ชายคนไหนตกถึงท้องเลย หิวจนไส้กิ่ว.. อ่า..อันนี้เรียก โสดแบบไม่ได้ตั้งใจ เดี่ยวใครไม่รู้ นึกว่าลูกสาวบ้านนี้ขายไม่ออก

ดังนั้นการสร้างสมดุลชีวิตให้มีความสุขเนี่ย มันต้องหาวิธีจัดการให้ได้ ในขณะเดียวกัน เรามีวิธีแก้ปัญหากับสิ่งที่ “มากเกินไป” หรือ “บ่อยไป” อยู่หลายวิธี หลายปีที่ผ่านมา เราเสพข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน สุขภาพ ลดน้ำหนัก สมัครเป็นเมมเบอร์ฟิตเนส ต้องจ่ายเงินเป็นรายปี แต่แทบไม่เคยไปใช้บริการให้คุ้มเลย เรามีเทคโนโลยีที่ออกแบบให้ชีวิตง่ายขึ้นตั้งเยอะแยะ แต่แทนที่คอมพิวเตอร์ อีเมล์ มือถือ จะช่วยให้เรามีชีวิตที่เครียดน้อยลง พี่ว่าสิ่งเหล่านี้กลับทำให้เราเครียดมากยิ่งขึ้น


สำหรับประสบการณ์ของพี่ คิดว่าคนเราต้องค้นหาตัวเองให้ออกก่อนว่า ในชีวิตนี้เราต้องให้คุณค่ากับอะไรบ้าง  บางคนอาจบอกว่า เวลาที่ได้อยู่กับพ่อแม่ พี่น้องเป็นเวลาที่ happy สุดๆ  บางคนบอกว่า ต้องเวลาที่ได้เที่ยวกับเพื่อนสิถึงจะแหล่ม  ในขณะที่ช่วงเวลาได้ทำบุญ ทำกุศล สักยันต์ เก็บวัตถุมงคลที่ชื่นชมไว้เชยชมจะเป็นความสุขแบบหาที่เปรียบมิได้เลยของบางคน และบ้างก็ว่า ถ้าฉันได้ทำงานเยอะๆ สิ จึงจะสุดยอด พี่คิดว่าคนเราให้คุณค่ากับหลายๆ อย่าง หรือพูดง่ายๆ ว่ามีหลายด้าน หลายมิติ แล้วด้านหลายด้านนี่แหละ ที่ทำให้เรามีทั้งสุข และทุกข์ เพราะบางครั้งเราให้ความสำคัญมากไป หรือน้อยเกิน หรือจะพูดอีกอย่างคือ มันไม่สมดุลกัน โดยส่วนตัวพี่เองนั้น มีทั้งหมด 4 ด้าน คือ ครอบครัว งาน สังคม และเรื่องส่วนตัว
        
                                 
หลักการคือ พยามทำให้ทุกด้านมันเชื่อมอยู่กันได้อย่างสมดุลที่สุดเท่าที่จะทำได้ในแต่ละช่วงชีวิตย้ำนะคะ..ช่วงชีวิต!ที่บอกว่าทำให้สมดุลไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างต้องเท่ากันหมด เดี่ยวบางคนนึกว่าถ้าทั้งหมดคือ 100 %  เราต้องทำให้มันเป็นอย่างละ 25%  ไม่ใช่ค่ะ! จุดอยู่ที่ว่าเราต้องรู้ว่าด้านไหนสำคัญกับชีวิตของเราแค่ไหนต่างหาก แล้วก็แบ่งเวลา หรือพลังงานของเราไปทำด้านนั้นให้เหมาะสม แต่ละคนไม่จำเป็นต้องมีด้านที่สำคัญกับชีวิตเหมือนกับคนอื่น หรือถ้าเหมือนก็ไม่จำเป็นต้องเน้นความสำคัญเท่ากับอีกคนหนึ่ง พี่ว่าตรงนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ถ้าเรามีภาพนี้ในสมองเวลาที่เรากำลังทำอะไรอยู่ เราจะรู้ว่าเราทำเพื่ออะไร มันจะมีความหมาย และที่สำคัญคือ เราจะรู้ว่า เราควรจะทำมันมากน้อยแค่ไหน ถามว่าแล้วมิติเหล่านี้ของแต่ละคนจะเปลี่ยนแปลงไหม?  พี่ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปตามสถานภาพและกาลเวลาของแต่ละคน หรือบางทีมิติอาจจะไม่เปลี่ยน แต่น้ำหนักความสำคัญที่เราให้ อาจจะเปลี่ยนได้ ตัวอย่าง ตอนพี่ยังเรียนหนังสืออยู่ ความสำคัญอาจจะตกอยู่ที่เรื่องส่วนตัวซะเยอะ (ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ช้อปกระหน่ำซื้อของแพงๆไม่เคยสงสารพ่อแม่) พอเรียนจบความสำคัญมาอยู่ที่เรื่องงาน เพื่อนฝูงหรือครอบครัวนี่ก็รองลงมาหน่อย เรื่องทำงานเพื่อสังคมคงยังไม่ค่อยมี พอสถานภาพเริ่มเปลี่ยนแปลง คราวนี้ต้องเขยิบความสำคัญมาทางครอบครัวมากขึ้นแล้วสิ (ขืนยังทำตัวเหมือนวัยรุ่นคงไม่ได้แน่) เรื่องสังคมการกุศลก็ทยอยตามมาอีก ตรงนี้แหละที่เป็นความท้าทาย เราต้องรู้ว่ามิติ และความสำคัญมันไม่อยู่นิ่ง คนที่มีปัญหามากๆ เพราะตัวเองอาจจะไม่ตระหนักเลยยังไม่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตให้สมดุล   มีอยู่อีกสิ่งหนึ่ง ที่พี่อยากจะ share คือ ด้านทั้งหมดต้องต่อเชื่อมกันด้วยความถูกต้อง (Integrity) ตรงนี้สำคัญเพราะบางครั้งบางเวลาแต่ละด้านของชีวิตอาจจะไม่สมดุล เช่น เพราะหน้าที่การงานเลยต้องเดินทางบ่อย เลยไม่มีเวลาคุยกับครอบครัว หรือบางครั้งต้องเข้างานสังคม สังสรรค์ ดึกๆ ดื่นหลายคืน ตรงนี้ถ้าเราไม่มีวินัย Integrity คนที่บ้านอาจไม่เข้าใจ และก่อให้เกิดกรณีพิพาทย์ได้ง่าย
                                                
สุดท้ายที่อยากจะพูดถึงคือ ไม่ว่าเรากำลังทำด้านใดอยู่ เราก็ควรทำมันแบบใส่เต็มๆ ในเวลาที่ให้กับมัน หรือจะเรียกว่าใช้ชีวิตให้เต็มที่ก็ได้ (อันนี้ไม่ได้เป็น Sponsor ของ Pepsi นะคะ) อาจเคยได้ยินว่า ทำให้เหมือนเรามีชีวิตอีกแค่หนึ่งวัน แต่พี่ว่าอันนี้เกินไปหน่อย เดี่ยวจะเลยไม่ทำงานทำการกันแล้ว เอาว่าถ้ามีเวลาเหลืออีกสักสามเดือนครึ่ง แล้วเราก็วางแผนว่าจะทำอะไรในแต่ละด้าน แล้วทำทุกอย่างให้เต็มร้อย โดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง(Procrastinate) คุณจะทำอะไรบ้าง ลองไปคิดดู?


พี่เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าเราทำตรงนี้ได้ มันจะเกิดความสมดุล และช่วยให้เรามีความสุขกับชีวิตที่มีความหมาย (Happy & Meaningful Life)

หวังว่าจะให้ข้อคิดเล็กๆ น้อย ที่จะทำให้ศิษย์พี่-ศิษย์น้องวัดบางพระ มีความสุขในการใช้ชีวิตกันนะคะ!




wrote by cho presley
for me’n’u magazine on since 2008 cholvibul@hotmail.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ก.ย. 2552, 06:28:11 โดย cho presley »

cho presley       

ออฟไลน์ เด็กแสบ

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 175
  • เพศ: ชาย
  • เด็กแสบ แถบราม
    • MSN Messenger - sun-ram39-@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 10 ก.ย. 2552, 07:36:42 »
หัวขอนี้ได้

ความรู้มากจริงๆ

ขอบคุณคราบ

ทำที่นำความรู้

มาแบ่งปันกัน

....................

ออฟไลน์ เฟืองทอง

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 20
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 10 ก.ย. 2552, 07:43:01 »
ขอบคุณพี่โชวมากครับ ที่นำบทความที่มีสาระดีๆมาเสิร์ฟให้กับพี่-น้องวัดบางพระ

ออฟไลน์ tum72

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 2246
  • ณ ตลาดพลู
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 10 ก.ย. 2552, 09:10:50 »
ได้ใจครับพี่โชว โดนใจอย่างแรงเลยครับ ตามหลักคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้"ทางสายกลาง"และ"พอเพียง"ที่ในหลวงท่านทรงตรัสไว้
โอม ราศีกูเอ๋ย  จงมาเป็นอาสน์  สีธาวาส  มาเป็นเกียรติ  ศรีชายมาเป็นช่วง
หญิงชายทั้งปวง รักกูมิรู้วาย  ด้วยราศีกูงามคือฟ้า  หน้ากูงามคือพรหม
หญิงเห็นหญิงรัก  ชายเห็นชายทัก  กูอยู่ทุกเมื่อ  ไม่เบื่อแต่สักวัน
โอม หญิงชายทั้งหลายเอ๋ย  มา

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 11 ก.ย. 2552, 09:24:40 »
จะมีเวลาเหลืออยู่อีกนานเท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่จะใช้ชีวิตอย่างไรที่เหลืออยู่อย่างไร
การดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้เป็นคนดีทั้งทางโลกและทางธรรมเป็นคำตอบที่จะทำให้พบความสุขที่แท้จริงกับวันเวลาที่หลืออยู่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ก.ย. 2552, 09:25:44 โดย derbyrock »

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ prathomsak

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 631
  • เพศ: ชาย
  • โอม หนุมานะ
    • MSN Messenger - prathomsak-pong@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • www.hi5.com
    • อีเมล
ตอบ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 11 ก.ย. 2552, 09:09:42 »
ผมเต็มที่แล้วครับ  กับชีวิต ที่เหลืออยู่มอบให้ครอบครัวไปหมดแล้ว แอบเก็บไว้ ให้วัดบางพระ อีกพอประมาณ
เวลาของเรามีน้อยนัก หมั่นทำบุญทำกุศลกันเถิด จักเกิดผล

ออฟไลน์ suwatchai

  • การนิ่งเงียบต่อคนโง่คนสามหาว เป็นทางยาวสู่เกียรติที่ใฝ่ฝัน ทั้งรักษาในศักดิ์ศรีเป็นเกราะกัน ไม่หุนหันฉันท์หมาวัดที่จัญไร เราจงดูราชสีห์น่าเกรงขาม ทุกผู้นามเกรงกลัวได้ไฉน ไม่เคยเห่าเคยหอนไล่ผู้ใด แล้วไซร้ใยมีเกียรติเป็นราชันต์...
  • สมาชิกที่ถูกแบน
  • **
  • กระทู้: 241
  • เพศ: ชาย
  • Death Is Beautiful & Sweet ....
    • MSN Messenger - suwatchai.com@windowslive.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เสิร์ฟสาระ.. BALANCE to YOUR LIFE by Cho
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 12 ก.ย. 2552, 01:20:36 »
ถ้ามีเวลาเหลือ 3 เดือนครึ่ง คุณจะวางแผนชีวิตอย่างไรให้มีความสุขที่สุด?

คำตอบสุดท้ายของผมก็คือ " วางแผนหาความสุขทุกรูปแบบให้กับชีวิตและเวลาที่เหลืออยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ " ไงหล่ะ ทั้งนี้ เพราะคำถามของเจ้าของกระทู้นี้ ต้องการอยากรู้ว่าเราจะวางแผนชีวิตอย่างไรให้มีความสุขที่สุดกับช่วงเวลาที่เหลืออีก 3 เดือนครึ่ง  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหากพ้นจาก3 เดือนครึ่งที่ว่านี้แล้วตัวเราเองจะต้องจบชีวิตเพราะโรคร้ายหรือจะต้องสูญเสียคนที่รักที่สุดไปก็ตามอันเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ อาทิเช่นเธอป่วยตาย, เธอไปแต่งงานกับคนที่เหมาะสมกว่าเรา , และ / หรือเธอหวนกลับไปหาสามีเก่าก็ตาม  :070:

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เวลาที่เหลืออยู่แม้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยสักทีเดียว ยังพอมีเวลาที่จะหาความสุขมาป้อนให้กับชีวิต ในเมื่อเป้าหมายหลัก ( Target ) ของเรารู้แล้วว่าคือการทำชีวิตให้มีความสุขกับช่วงเวลาที่เหลือ เพราะฉะนั้น เราก็จะต้องวางแผนเป็นขั้นบันไดทอด ๆ ออกมาว่าในแต่ละวันนั้นนับแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะหาความสุขในรูปแบบใด และหาจากที่ไหน อย่างไร ยกตัวอย่างเช่นหากเราจะต้องลาจากโลกนี้ด้วยโรคร้ายคุกคามหลังจากพ้นสามเดือนครึ่งนี้ไปแล้ว  เราก็ควรจะถามตัวเองดูว่าเรามีความสุขกับอะไรหล่ะ สมมติว่าหากความสุขของเราคือการท่องราตรี ดื่มสุรา ร่ำนารี ก็โอเค เริ่มลุยกันตั้งแต่คืนนี้ได้เลย ไม่เห็นพระออกบิณฑบาตร ไม่เลิกลา....  :057:

แต่ในอีกกรณีหนึ่ง พ้นจากเวลาที่กำหนดนี้ไปแล้ว สมมติว่าเราจะต้องเสียคนรักไปไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม  เราก็ควรที่จะหาเวลาอยู่ร่วมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หมั่นทำบุญทำกุศลร่วมกันเยอะ ๆ เพื่อหวังอานิสงค์ผลบุญที่ดีในชาติหน้าต่อไป ยิ่งในกรณีหากคนรักของเราจะต้องไปแต่งงานหรือหวนกลับไปหาสามีเก่า อย่างนี้เป็นต้น อย่างน้อยเราก็ควรจะกระซิบถามเธอสักหน่อยว่า " เมื่อเธอเลือกเขาชาตินี้ หากชาติหน้ามี เลือกพี่ได้ไหม ? "  :065: :070:และนอกเหนือจากการทำกิจกรรมในเชิงกุศลร่วมกันแล้ว เราก็ควรวางแผนร่วมกันทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำแล้ว ทำให้ทั้งตัวเราและเธอมีความสุขร่วมกันอย่างเต็มที่ด้วยไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในด้านสันทนาการหรือกิจกรรมบนเตียงก็ตาม สรุปก็คือว่าทุกนาทีมีค่า อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ต้องพยายามคิดวางแผนตลอดเวลาว่าวันนี้ พรุ่งนี้ เราจะอยู่ด้วยกันที่ไหน ? อยู่ด้วยกันแล้ว จะทำอะไรดีถึงจะมีความสุข ? เมื่อชีวิตเรามีความสุขกับเวลาที่เหลือ นั่นก็หมายความว่าชีวิตเราเกิดความสมดุลขึ้นมาแล้ว เพราะถ้าตราบใดที่ชีวิตไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ ความกังวล กินไม่ได้นอนไม่หลับ ก็แปลว่าชีวิตเราไมสมดุลนั่นเอง