อานิสงส์ของการบวช 3/3 เมื่อผู้บวชนี่ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ พี่น้อง ผู้มีพระคุณ เป็นอานิสงส์สูงสุด นางวิสาขาได้สร้างกุฏิ ๑ พันห้องถวายพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดและก็ทำการฉลอง มีพระอนุรุทเป็นประธาน นางวิสาขาได้ถามว่า เมื่อข้าพเจ้าได้ถวายกุฏิถึงพันห้องแก่พระอรหันต์ จะได้เป็นญาติกับพระศาสดาหรือไม่ พระอนุรุทบอกว่า พระพุทธองค์ตรัสอยู่เสมอว่า การทำบุญให้ทานด้วยวัตถุมากมายแค่ไหนก็ตาม จะหาว่าเป็นญาติต่อพระองค์ก็หาไม่ ต้องบวชลูกบวชหลานจึงจะได้เป็นญาติกับพระศาสดาและพระศาสนา นางวิสาขา เมื่อได้รับฟังดังนั้นก็บวชลูกหลานจำนวนมากเพื่อได้อานิสงส์ แม่บวชลูกบวชหลานจะได้เป็นญาติกับพระศาสนาและพระศาสดา ส่วนผู้บวชที่บวชแล้วนั้น จะได้บุญมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติเฉพาะพ่อแม่ญาติก็ได้เฉพาะวันบวช และบวชเสร็จแล้ว ส่วนตัวผู้บวชนั้นจะต้องรักษาศีล สมาธิ ปัญญา ให้บริสุทธิ์คือตั้งมั่นอยู่ในอนุบุพพิกถา คือ มีศีล มีทาน เรียกว่า สีลกถา สัคคกถาฯลฯ และทำให้ถึงวิมุตติกถาด้วย ให้หลุดพ้นจากบาป จากอธรรม มีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในศีลธรรมให้บริสุทธิ์ เพื่อจะได้อานิสงส์มาก อานิสงส์ตัวเองพอบวชเสร็จก็ได้ ๑๖ อสงไขย คำว่า อสงไขย ก็มหาแสนกัป กัปหนึ่งก็บัณฑิตอุปมาไว้ว่า ภูเขาทั้งโลกเอาผ้าขาวเนื้อดีมาลากไป ลากมา คือ ถู ผัดไปปัดมา ให้ภูเขานั้นหายไปเลยทั้งโลก ซึ่งเรียกว่า กัปหนึ่งด้วยความยาวนาน หรืออุปมาให้สั้นกว่านั้นว่า ขุดสระลึก ๔ ร้อยเส้น กว้าง ๔ ร้อยเส้น ครบ ๑ ปี เทวดาเอาเมล็ดงาไปทิ้ง ๑ เมล็ดให้เต็ม เรียกว่ากัปหนึ่ง หนึ่งมหาแสนกัปจึงได้ ๑ อสงไขย คำว่า อานิสงส์ หมายถึง ผู้บวชนั้น ได้ปัจจัย เนกขัมมะ ผู้สละออกบวช และบุคคลอื่นก็พลอยได้ด้วย การทำบุญได้บุญมากในพุทธศาสนานั้น
ข้อที่ ๑ คือ บวช
ข้อที่ ๒ ถวายสังฆทาน
ข้อที่ ๓ สร้างโบสถ์ สร้างสาธารณะ
ทำบุญกับส่วนรวม ผู้ทำบุญจริง ๆ ก็เห็นอานิสงส์จริง ๆ
ในปัจจุบันการปฏิบัติพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนนั้น จะได้อานิสงส์มากมาย การทำบุญให้ได้บุญที่สมบูรณ์ ผู้ทำผู้ถวายต้องบริสุทธิ์ใจ ไม่เศร้าหมองในการให้ ให้แล้วเกิดปีติ เกิดศรัทธา เกิดอิ่มอกอิ่มใจ สบายใจ บุญนั้นเกิดมามหาศาล ถ้าทำบุญให้ทานแล้วเสียใจภายหลัง น้อยใจในการกระทำก็บุญน้อยลง ส่วนอานิสงส์ทานนั้นเท่าเดิม แต่ว่าบุญทางใจนั้นลดลงในการบวชวันเดียว ๓ วัน ๗ วันแล้วสึก อานิสงส์เท่ากัน แต่บวชอยู่ได้อานิสงส์มากกว่านั้นคือ เนกขัมมะ ยาวนานได้อานิสงส์มากในการอยู่ การบวชในพรรษากับนอกพรรษาเหมือนกัน แต่การบวช เข้าพรรษา ๓ เดือน เพื่อจะได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และจะได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของตนเท่าที่ตนทำได้นั้นยาวมาก บางคนก็บวชแก้บน แต่อยู่ได้ตลอดชีวิตก็มี การทำบุญแล้วต้องอธิษฐานกับไม่อธิษฐานต่างกัน เหมือนกับบวชแล้วไม่รับกฐินต่างกัน
การรับพระกฐินจะได้อานิสงส์พระกฐินเพิ่มเข้าไปอีก จะได้อานิสงส์ไม่ต้องครองผ้าอยู่ช่วง ๔ เดือน อานิสงส์อื่น ๆ ก็เกิดมากมาย การทำบุญอธิษฐานกับไม่อธิษฐานต่างกัน พระภาคระ ทำบุญแล้วอธิษฐาน ขอไม่ให้มีโรค เกิดทุกภพทุกชาติไม่มีโรค จนชาติสุดท้าย พอคลอดแล้วแม่-มารดาไปล้างในน้ำคงคา ปลาโบตัวใหญ่กินเข้าไป ชาวประมงดักปลาได้เอาไปขายเศรษฐี ผ่าท้องปลาได้เด็กไม่ตาย ปลากินก็ไม่ตาย แล้วโรคก็ไม่มีตลอดชีวิต ส่วนคนอื่นก็ทำบุญเหมือนกัน แต่ไม่อธิษฐานว่า ไม่มีโรค ตั้งใจไว้อย่างนั้น ก็ไม่ขี้โรคทั้งหมด เรียกทำบุญอธิษฐาน นางปชาบดีโคตรมี ทำบุญอธิษฐานว่า เกิดชาติหนึ่งภพใดขออายุยืนตามอายุขัย ให้มีสติปัญญาดี มีอภิญญา ๖ ประการ เป็นสัมมาทิฐิตลอด เมื่ออธิษฐานว่าให้นางปชาบดีโคตรมีในปัจจุบันชาติก็ ๑๒๐ ปี และได้อภิญญา ๖ นางวิสาขาทำบุญทุกครั้ง อธิษฐานว่า เมื่อข้าพเจ้าเกิดชาติหนึ่งภพใดขอให้ได้พบพระรัตนตรัย มีศรัทธา เป็นสัมมาทิฐิ ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้ลำบากยากจนเข็ญใจ ขอให้ข้าพเจ้ามีอายุยืนตามอายุขัยชาตินี้ก็ ๑๒๐ ปี อานิสงส์ถวายดอกไม้ ธูปเทียน ของคาวหวาน อาหารทุกชนิด ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้เป็นคนขี้เจ็บไข้ได้ป่วย ขอผมอย่าได้หงอก ฟันอย่าได้หลุดหักหาย หนังไม่เหี่ยวย่น หลังไม่คู้ อายุ ๑๒๐ ปี ผมไม่หงอก ฟันไม่หัก หนังไม่เหี่ยวย่น เหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป แล้วอธิษฐานว่า ขอได้เป็นเบญจกัลยาณี เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์ด้วยกิริยามารยาท ก็ได้ดั่งที่ตนปรารถนาไว้ ส่วนคนอื่นทำบุญเหมือนกัน แต่ไม่อธิษฐานปรารถนาว่า จะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ได้เพียงอานิสงส์ทาน ก็ได้ทรัพย์สินสมบัติมาก อานิสงส์ศีลก็อายุยืน สวยงาม อานิสงส์สมาธิก็ได้อภิญญาและได้อย่างอื่นมากมาย แต่ต้องอธิษฐานเอาไว้ จึงจะได้สมกับเป้าหมายที่ความตั้งใจ มหาสาวกผู้เอตทัคคะผู้เลิศในสาวกทั้งหลายก็อธิษฐานไว้ทั้งหมด ตั้งใจไว้ทั้งหมด พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ก็ตั้งใจไว้ว่าขอได้เป็นสัมมาสัมพุทธะทำบุญให้ทาน ทำอะไรก็ปรารถนาเป็นพุทธทั้งหมด จึงได้เป็นพุทธะ
ที่มา
http://www.oknation.net/blog/My-fais/2009/12/10/entry-45