หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล > กฎแห่งกรรม

...กรรมของแกนนำนักประท้วง...

(1/2) > >>

รวี สัจจะ...:
ช่วงนี้กระแสการเมืองกำลังร้อนแรง
ความขัดแย้งกำลังลุกลามและขยายตัว
ซึ่งมีเหตุมาจากผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวของคนบางกลุ่ม
นำมาสู่การชุมนุมเดินขบวนประท้วงกันอย่างที่เห็นและเป็นอยู่
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยก็ยังใช้รูปแบบเดิมๆที่ไม่แตกต่างกันในการประท้วง
จากประสพการณ์ที่เคยทำงานการเมืองภาคประชาชนมาตั้งแต่เป็นเด็กมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย
เคยร่วมในขบวนการนักศึกษาเป็นแนวหน้าในการชุมนุมประท้วงมามากมายหลายครั้ง
จึงขอเอาประสพการณ์ต่างๆที่เคยได้ประสพพบมาในการก่อม็อบเดินขบวนประท้วงมาเล่าสู่กันฟัง
ในการประท้วงแต่ละครั้งนั้น สิ่งที่สำคัญคือจำนวนคนที่จะมาเข้าร่วมชุมนุม
คนกลุ่มแรกคือหน้าม้าที่จะต้องจัดหามาสร้างภาพหน้าเวที คนกลุ่มนี้จะสำคัญที่สุด
ในการชุมนุมแต่ละครั้งนั้นจะมีนายทุนอยู่เบื้องหลัง
ซึ่งนายทุนนั้นก็คือผู้ที่เสียผลประโยชน์จากรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่
หรือผู้ที่หวังผลประโยชน์จากการเรียกร้องประท้วงชุมนุม จากรัฐบาล
จึงมีการให้ทุนสนับสนุนการเงินในการประท้วงเรียกร้องแต่ละครั้ง
ส่วนคนที่รับงานมาก็จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนทั้งการเงินและชื่อเสียง
ได้มีโอกาศเปิดตัวให้คนรู้จักเพื่อหวังผลในอนาคตบนถนนนักการเมือง
และผลประโยชน์เงินค่าหัวส่วนแบ่งที่นายทุนจ่ายมาให้เป็นค่าใช้จ่ายในการชุมนุม
จึงมีการจ้างและเกณฑ์คนมาจากที่ต่างๆโดยผ่านผู้ใหญ่บ้านและหัวคะแนนของนักการเมือง
โดยใช้เล่ห์กลต่างๆหว่านล้อมและหลอกล่อเอาผลประโยชน์มาล่อให้เขาคล้อยตามเรา
ซึ่งเมื่อก่อนนั้นได้เคยกระทำมาเพราะว่ามีคนมาจ้างให้จัดการเดินขบวนประท้วง
ได้เงินมามากมายจากการประท้วงแต่ละครั้ง นำมาใช้จ่ายและซื้อของใช้ได้สบายไม่เดือดร้อน
แต่เงินนั้นเป็นของร้อน ไม่นานก็หมดไป ของที่ซื้อไว้ก็สูญหาย คนยืมไปก็ไม่คืน
...เมื่อมาบวชเป็นพระกรรมก็ตามมาทัน...
ในปี ๒๕๓๔ นั้นมีคนมานิมนต์ให้ไปจัดงานและบรรยายธรรมในจังหวัดหนึ่งของภาคใต้
ตอนมานิมนต์และมารับก็จัดรถอย่างดีมีราคามารับถึงที่บริการอย่างดีจนต้องยอมรับนิมนต์ไป
ไปวางแผนจัดงานหาเงินและบรรยายให้เขา ๙ วัน ๙ คืน จนเสร็จงาน
เมื่องานเสร็จคนที่นิมนต์มาก็หายไป ถามใครก็บอกว่าเขากลับไปแล้ว
เบิกเงินค่ารถ ค่าน้ำมัน ปัจจัยถวายพระบรรยายธรรมไปแล้ว เจ้าภาพเขาไม่เกี่ยวข้องแล้ว
ซึ่งในสมัยนั้นยังเคร่งอยู่ ปัจจัยไม่จับ รองเท้าไม่ใส่ เลยไม่มีปัจัยจะกลับวัด
ซึ่งจะเดินกลับก็ไม่ไหวเพราะไกลกับวัดที่อยู่หลายร้อยกิโล
เลยนั่งพิจารณาธรรมใต้ต้นพิกุลหน้าโบสถ์ คิดถึงกรรมที่เคยทำมา
หลอกคนมาให้ร่วมประท้วงประท้วงเสร็จเราชิ่งหนีลอยแพเขาไว้ที่สนามหลวง
ให้รัฐบาลจัดรถส่งเขากลับภูมิลำเนากันเอง เงินส่วนนั้นเราก็เอาเก็บไว้ใช้เอง
กรรมมันเลยตามทัน เป็นพระเขานิมนต์มาใช้งาน เสร็จงานก็ถูกปล่อยทิ้งลอยแพ
โยมเขาเดินผ่านไปผ่านมาเห็นเรายังนั่งอยู่ใต้ต้นพิกุลตั้งแต่เช้าจนบ่าย
ก็เลยเข้ามาถามว่ามานั่งอยู่ทำไม ไม่กลับไปวัดไปว่าละพระคุณเจ้า
ก็เล่าเรื่องราวให้โยมเขารับรู้ โยมเขาสงสารเลยรวบรวมปัจจัยเหมารถให้ส่งกลับวัด
อุทาหรณ์เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"กรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้า"ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลอย่างนั้น
 :059:ยังมีอีกมากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับวิบากกรรมที่ประสพพบมากับตัวเอง :059:
                       นำมาเล่าสู่กันฟัง ด้วยความหวังดีและไมตรีจิต
                                 รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๒ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๑๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย

tonfaiss:
You will have done to you what you do to others.


ท่านปฏิบัติอย่างไรต่อผู้อื่น ผู้อื่นก็จะปฏิบัติเช่นนั้นต่อท่าน

jaturong:
กราบนมัสการพระอาจารย์ท่านบรรยายระลึกกรรมที่ได้กระทำในปัจจุบันจนถึงวาระกรรมที่ท่านได้รับกระผมหรือผู้อื่นถ้าได้อ่านแล้วคงจะมีสติในการที่คิดจะก่อกรรมใดจะต้องนึกถึงผลเสียในภายภาคหน้าที่ได้รับ ก็คงได้คิดกันบ้างจะได้ไม่สร้างเวรกรรมครับ กราบขอบพระคุณครับ

derbyrock:
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ กราบขอบพระคุณที่นำเรื่องราวชีวิตจริงมาเล่าและสอนสั่งพวกเราให้พึงระลึกถึงกรรมที่เราจะทำครับ

~เสน่ห์ack01~:
กราบนมัสการขอบพระคุณที่เมตตายกตัวอย่างประสบการณ์ในอดีต มาสอนศิษย์ไม่ให้เดินหลงทางครับ...

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version