หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล > กฎแห่งกรรม

...กรรมของการยักยอกของบริจาค...

(1/3) > >>

รวี สัจจะ...:
ช่วงนี้ฝนตกพายุเข้า...
ลมหนาวก็เริ่มจะพัดมา
ทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
สมัยที่เป็นนักศึกษาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
หน้าหนาวมาถึงครั้งใดจะชวนน้องๆออกไปรับบริจาคเสื้อผ้า
เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ยากไร้ในถิ่นธุระกันดารเป็นประจำทำอยู่ทุกปี
โดยมีตัวเราเป็นผู้วางแผนและเป็นแกนนำในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมทุกครั้ง
โดยทำหนังสือเพื่อขอใช้สถานที่ต่างในการตั้งโต๊ะรับบริจาคเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันหนาว
ตามหน้ามหาวิทยาลัย ศูนย์การค้า หรือหน้าหน่วยงานสถานที่ราชการต่างๆที่มีคนเดินผ่านจำนวนมาก
ในการรับบริจาคแต่ละครั้งก็ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ พ่อค้า นักศึกษา ประชาชนด้วยดี
ซึ่งเมื่อได้รับบริจาคมาแล้วก็จะเอามารวมกันเพื่อคัดแยกเป็นกองๆ เสื้ออยู่ส่วนเสื้อ กางเกงอยู่ส่วนกางเกง
ของเด็ก ของผู้ใหญ่ ของผู้หญิง ของผู้ชาย แยกไว้เป็นกองๆเพื่อส่งไปแผนกซักและให้ทราบจำนวน
ซึ่งขั้นตอนทุกอย่างนั้นเราจะเป็นผู้ควบคุมดูแลโดยตลอด ซึ่งมีบ้างในบางครั้งที่เจอเสื้อผ้าที่โดนใจเรา
เช่นเสื้อสูท หรือเสื้อโค๊ดกันหนาวของเมืองนอก เราก็ใช้สิทธิของความเป็นพี่ใหญ่เอามาใส่เอง
ซึ่งในสมัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะถือว่าเอามาใส่ตัวสองตัวคงไม่เป็นไร ที่เอาไปแจกชาวบ้านมากมายเป็นร้อยเป็นพันตัว
ทำอยู่แบบนั้นมาทุกปีเมื่อถึงหน้าหนาว หรือเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมไฟไหม้ เราก็จัดโครงการรับบริจาคช่วยเหลือไปทุกที่
แต่ว่ากรรมมันมีจริง ในสิ่งที่เราทำย่อมส่งผลกลับมาหาเราไม่ช้าก็เร็ว ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส บุญกรรมที่ทำมา
กรรมตามมาทันในวันที่จะบวชเป็นพระ....
เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น เราไม่ได้สนใจในเรื่องศาสนา บ้าอุดมการณ์และลัทธิการเมืองฝ่ายซ้าย ปฏิเสธเรื่องศาสนา
จึงไม่มีใครเชื่อว่าเราจะคิดบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ใครเตือนใครว่าก็ไม่ยอมรับฟัง ญาติพี่น้องเขาเลยปล่อยไปตามกรรม
จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบความสงบที่แท้จริง จิตเลยคิดถึงการบวช จึงได้เดินทางกลับใต้ลงไปหาพระพี่ชายที่บวชอยู่ก่อนแล้ว
ซึ่งท่านสร้างวัดและจำพรรษาอยู่ในป่า ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ ๕ กิโลเมตร ซึ่งต้องเดินเท้าเข้าไปเพราะในสมัยนั้นยังกันดารอยู่
นั่งรถไปถึงปากทางเข้าวัดประมาณเที่ยงแวะซื้อเหล้าแม่โขงหนึ่งกลมบุหรี่กรุงทอง85หนึ่งซองที่ร้านค้าปากทางเข้าวัดพระพี่ชาย
เดินไปกินไปตลอดทางถึงประตูทางเข้าวัดเหล้าหมดขวดพอดี โยนขวดเหล้าทิ้งเข้าป่าแล้วจึงเข้าไปหาพระพี่ชาย(กลิ่นเหล้ายังฟุ้งอยู่)
ไปกราบท่านแล้วบอกกับท่านว่าจะบวช ท่านมองหน้าด้วยสายตาที่ไม่เชื่อถือในคำพูดของเรา แล้วท่านก็บอกว่าถ้าจะบวชต้องอยู่วัดก่อน
ต้องฝึกท่องขานนาคคำขอบวชให้ได้เสียก่อน จึงจะบวชได้ ซึ่งในขณะนั้นมีเจ้านาคมาอยู่ที่วัดกำลังฝึกหัดขานนาคกันอยู่จำนวน ๓ นาค
ซึ่งนาคเหล่านั้นเขาจะบวชกันในวันรุ่งขึ้นจึงฝึกท่องฝึกกราบกันให้คล่องเพื่อความพร้อมเพรียง ซึ่งเราก็นอนดูนอนฟังเขาท่องและฝึกกัน
คืนนั้นก็นอนที่วัดกับพระพี่ชาย จนกระทั่งถึงตอนตีสี่พระตีระฆังเพื่อทำวัตรสวดมนต์เช้า และหลังจากทำวัตรสวดมนต์เสร็จแล้ว
พระพี่ชายท่านก็มาฝึกนาคเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะนำนาคไปบวชที่วัดต้นสังกัดของท่าน นั่งดูเขาฝึกขานนาคกัน ท่องในใจตามไป
ปรากฏว่าเราจำได้ทั้งหมด ทั้งคำขานนาค วิธีกราบ ขั้นตอนการบวชทุกอย่าง จึงบอกกับพระพี่ชายว่าจำได้หมดแล้ว ท่านไม่เชื่อ
จึงสั่งให้ท่องให้ฟัง ซึ่งเราก็ท่องได้หมดไม่มีผิด ท่านก็เลยให้ลองกราบลองประคองผ้าการเข้าหาอุปัชฌาย์ การประเคนซึ่งเราก็ทำได่ไม่ผิด
เลยถามท่านว่าบวชพร้อนนาคเหล่านี้ได้ไหม ท่านตอบว่าได้ แต่มีปัญหาอยู่ที่ว่ายังไม่ได้บอกแม่ ยังไม่ได้เตรียมผ้าไตรอัฎฐะบริขาร
จึงถามท่านว่าใช้ของเก่าอุปัชฌาย์ท่านจะบวชให้ไหม ผิดวินัยหรือเปล่า ถ้าเราจะใช้ของเก่าบวช พระพี่ชายตอบว่าบวชได้และไม่มีห้าม
ในพระวินัยว่าห้ามใช้ของเก่าบวช จึงขอจีวรเก่าของพระพี่ชายที่ท่านใช้แล้วมาหนึ่งไตร ขอบาตรที่ท่านใช้อีกหนึ่งลูก ครบอัฏฐะบริขาร
ให้หลานชายไปบอกแม่ที่บ้านและให้ไปขอใบรับรองความประพฤติจากตำรวจมาให้ด้วย แล้วจึงเดินทางไปวัดต้นสังกัดของพระพี่ชาย
นาคอื่นเขาแห่กลองยาวรอบโบสถ์กันส่วนเรานั้นต้องนั่งรอแม่มาโกนผมและรอใบรับรองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ไปร่วมในขบวนแห่กับเขา
แม่มาโกนหัวให้ที่หน้าโบสถ์ โกนหัวเสร็จอาบน้ำเปลี่ยนผ้า ไหว้สีมาหน้าโบสถ์เสร็จก็เข้าโบสถ์เลย ไม่ต้องแห่ไม่ต้องเวียนโบสถ์สามรอบ
ขอบวชเป็นนาคแรก อุปัชฌาย์แปลกใจ ผ้าไตรที่ใช้บวชมันเก่าเหลือเกิน อังสะที่จะใส่ก็มีรอยขาด สีจีวรก็แสนจะซีดและมีรอยปะรอยชุน
แต่ในที่สุดก็ได้บวชเป็นพระจนสำเร็จซึ่งคงจะไม่มีใครที่ไหนอนาถาเท่ากับเราอีกแล้วในการบวชพระมีญาติเพียงสองคนคือแม่กับพระพี่ชาย
และคงจะไม่มีนาดที่ไหนเอาผ้าไตรเก่าๆใช้แล้วมาบวชเป็นแน่นอน...สรุปแล้วเครื่องบวชทั้งหลายเป็นของเก่าใช้แล้วทั้งหมด
แต่วิบากกรรมยังไม่หมด...หลังจากบวชแล้วโยมแม่ก็ไปซื้อจีวรใหม่มาถวายให้พระลูกชาย...แต่เมื่อรับประเคนมาแล้วปรากฏว่าห่มไม่ได้
เกิดอาการแพ้ของใหม่ คันไปทั้งตัว ขึ้นเป็นผื่นแดงคันไปทั้งตัว ห่มไม่ได้เลยต้องถวายพระพี่ชายท่านไป
 อาการโรคแพ้ของใหม่เป็นอยู่นานถึงแปดปี...นี่คือวิบากกรรมที่เราเคยทำมามันส่งผลกลับมาให้เราต้องชดใช้กรรม...
...กรรมที่ยักยอกเสื้อผ้าบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ต้านภัยลมหนาว...ระหว่างแปดปีที่เป็นโรคแพ้จีรฃวรใหม่นั้น มีผู้ถวายผ้าไตรมากมาย
ก็ได้ถวายต่อให้พระให้เณรไปหมดไม่เคยเก็บไว้...แปดปีที่ยักยอกเสื้อผ้าบริจาค...แปดปีที่เป็นโรคแพ้จีวรใหม่...เราได้ใช้กรรมไปแล้ว...
 :059:นำมาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องราวหนหลังที่เคยประสพพบมา ให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่ท่านทั้งหลาย :059:
                               เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มิตรในทางธรรม
                                        รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๒๖ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๓.๔๑ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
ป.ล.ยังมีอีกมากมายในเรื่องของวิบากกรรมที่จะนำมาเล่าให้ฟังในครั้งต่อไป...

~เสน่ห์โจรสลัด~:
กราบอนุโมทนาพระอาจารย์ ผมก็มีโครงการจัดทำขึ้นมา ซึ่งในวิทยาลัยไม่เคยมีการทำขึ้นมาก่อน

จึงไม่ทราบเรื่องการทำหนังสือขอ หรือ การรับบริจาคใดใดทั้งสิ้น ถ้าไม่มากไปผมอยากทราบเกี่ยวกับ

รายละเอียดการจำทำหรือวิธีการทำเรื่องต่างๆ ครั้งนี้ผมเป็นตัวตั้งตัวตีเองไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัย

ถ้าไม่สะดวกก็ PM หรือถ้าเห็นไม่สมควรกราบขออภัย ขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ สาธุ ...  :054:

ตัวเล็ก:
 02; :054:กราบนมัสการพระอาจารย์....

ขอขอบพระคุณมากที่เล่าประสบการณ์จากที่ท่านเคยประสพมา...

ได้ความรู้มาก......ทำให้ทราบว่ากรรมชดใช้ในชาตินี้......ไม่ต้องไปใช้ในชาติหน้า........

                                  17; 17; 17;

~เสน่ห์ack01~:
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ....

ขอบพระคุณที่เมตตาเล่าประสบการณ์ที่ได้เคยทำ และผลของการกระทำที่เกิดขึ้น เพื่อเตือนใจศิษย์....

~เสน่ห์โจรสลัด~:
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์อีกครั้งนะครับ สาธุ ...  :054:

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version