"ทำความเพียรมากเกินไปจิตใจก็ฟุ้งซ่าน
ทำความเพียรอ่อนไปก็กลายเป็นเกียจคร้าน"
"อจฺจารทฺธํ วิริยํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ
อติลีนํ วิริยํ โกสชฺชายํ สํวตฺตติ"
พุทธสุภาษิต โสณสูตร ๒๒/๓๘๗
..........................
การเจริญบริกรรมภาวนา....
เมื่อถึงจิตเข้าสู่ความเป็นสมาธิ คำบริกรรมภาวนานั้นจะหายไป
สิ่งที่จะเป็นต่อไปคือจิตจะมากำหนดรู้สภาวะธรรมในองค์ภาวนา
และจะชัดเจนขึ้น ละเอียดขึ้น ตามกำลังของความสงบ ตามกำลังของสมาธิ
จนถึงระดับหนึ่ง จิตจะหยุดนิ่งเป็นหนึ่งในอารมณ์แห่งสมาธิ เหลือเพียงธาตุรู้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป มันจะเป้นไปตามเจตนาความปรารถนาสิ่งที่อธิษฐานจิตไว้
จิตจะนิ่งสงบหรือจะยกขึ้นสู่การพิจารณาธรรม หรือว่าจะเข้าสู่มิติของนิมิตนั้น
มันเกิดขึ้นมาในอารมณ์นี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมา ไม่ใช่ว่าจะเป็นเหมือนกันทุกคน
แต่ก่อนที่จิตจะเข้าสู่ความสงบนั้น มันจะมีอารมณ์มาทดสอบกล้า กำลังศรัทธา กำลังสติของเรา
สิ่งนั้นคือความกลัว กลัวตาย กลัวบ้า กลัวนั่งแล้วจิตหลุดไม่กลับมา กลัวไม่รู้ว่าจะต้องพบจะเห็นอะไร
ความหวั่นไหวหวาดกลัวจะเกิดขึ้นในจิต ซึ่งถ้าศรัทธาของเราไม่มั่นคง เราก็จะหยุดภาวนาไม่กล้าที่จะปฏิบัติต่อไป
ความกลัวนั้นมีสาเหตุมาจากความพร่องแห่งบุญกุศลของเรา อาจจะเป็นเพราะศรัทธายังไม่มั่นคง
หรือว่ามาจากความวิบัติแห่งศีล ทำให้จิตของเราติดอยู่กับบาปกรรมที่เคยกระทำไว้ ทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง
มันจึงเกิดความกลัว ความหวาดหวั่น เกิดความลังเล ใจไม่เข้มแข็งพอที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้
การปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องยินยอมพร้อมใจ มอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัย
ยอมรับในวิบากกรรมที่เคยทำมา เอาชีวิตเข้าแลกกับคุณธรรม...มันจึงจะสำเร็จในการปฏิบัติธรรม....
:059:แด่ความพอดีตามกำลังของอัตภาพในการปฏิบัติธรรม
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๙ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๒๑ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย