หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล > กฎแห่งกรรม

ไฮไลท์มันสำคัญที่ตัวอิจฉา?

(1/3) > >>

cho presley:
ไฮไลท์มันสำคัญที่ตัวอิจฉา?
สมัยนี้.. ความบันเทิงที่หยิบฉวยได้ทันใจของมนุษย์มีกิเลสอย่างเรา คงหนีไม่พ้น ไปดูภาพยนต์ตามห้างสรรพสินค้า
พอปรับโฉมปรับโรงมีพรม มีเดคคอเรต มีป๊อปคอร์น จากตั๋วหนังควบ 40 ดูได้ตั้งสองเรื่องกี่รอบก็ได้ ก็กลายเป็น 100 เป็น 120 เผลอแพล๊บเดียวมี Love Seat เก้าอี้พิเศษ
สรุปว่าดูหนังทีหมดหลายตังค่ะ… ว่าด้วยหนังไทย ความสนุกสนานของชนชั้นกลางระดับชาวบ้านอย่างเรา ย่อมอินกับตัวละคร นางเอก พระเอก แต่ไฮไลท์มันสำคัญที่ ตัวอิจฉา..  
นั่นมันในละคร.. การแสดงหนัง ละคร ต้องสวมบทบาทให้เห็นๆ ว่า .. นี่นะ ฉันเป็นตัวอิจฉา.. หากใครเคยมีโอกาสได้สัมผัสเหล่าดารา ศิลปิน แบบใกล้ชิด พบว่าส่วนใหญ่เขาเป็นตัวของตัวเองมาก อย่าไปเต้นแร้งเต้นกาว่านิสัยจะเหมือนบทที่เขาเคยได้รับ เอาทุเรียนไปปาเขา ชิงชังเขาตามบทบาทที่เขาแสดงได้สมจริง
ด้วยความสามารถเฉพาะตัวของเขาทำให้คนดูมักนำเขาเป็นไอดอลลอกเลียนแบบ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง
พฤติกรรมคนอิจฉา ริษยา ไม่แสดงออกให้เห็นโจ่งแจ้งแบบในหนัง แบบว่ากรีดส์ วี้ดว้าย กระทืบขาไม่ยอม จิกหัวตบ
มายาในโลกมนุษย์ ผู้คนจะแสดงออกถึงการเป็นตัวอิจฉา ด้วยวิธีการต่างๆเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงผลลัพธ์ ‘กูไม่อยากให้มึงได้ดี’
เหล่านี้เห็นได้ทั่วไป เมื่อคิดว่าไม่มีผลประโยชน์ซึ่งกันแล้ว ก็รวมสติหากรรมวิธีชั่วช้าสามัญมาสานพันธกิจ ‘ทำอย่างไรเพื่อให้มึงฉิบหาย’
เพื่อสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลัก ‘กูไม่อยากให้มึงได้ดี’ วันนี้เลยว่าเรื่องบาปกรรมจากความอิจฉาริษยากันดีกว่า

คุณทราบไหมว่า ความอิจฉา ริษยา คือบาปกรรม ที่ต้องชดใช้เช่นกัน?
มีจิตริษยาบาปอย่างไร?
พระไตรปิฏกเขียนว่า: มึความดำริในใจอันชั่วช่า ขอสัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่าบ้าง จงถูกทำลายบ้าง จงขาดสูญบ้าง อย่าได้มีแล้วบ้าง
เอาความตามความหมายภาษาชาวบ้าน หมายถึง ผู้นั้นมีความพยาบาท โกรธ ถือว่าเป็นการประกอบอกุศลกรรม ทางกาย อย่างหนึ่ง…

มนุษย์มีกิเลสอย่างเรา หากมิได้ศึกษาธรรมลึกซึ้ง จะไม่ทราบชี้ชัดหรอกว่า อะไรคือบาป อะไรคือบุญ เพราะใครๆ ก็ต้องคิดว่าตัวเองดี คนอื่นเลวกันทั้งนั้น….งั้นลองฟังคนมีกิเลสอย่างดิฉันคุยเรื่องธรรมะ เรื่องบาปตามที่เข้าใจสักหน่อย เอาว่ากันตามหลักการตามความหมายเลย แต่จะไม่หยิบยกคำธรรมะยากๆ มาประกอบอ้างอิงให้ปวดเศียรเวียนเกล้า…

คนเราจะทำบาปโดยสมบูรณ์ได้ต้องประกอบด้วย ใจ วาจา กาย  
เดี่ยวก่อน! อย่าพึ่งตำหนิว่าดิฉันพูดผิด.. เพราะหากจะเรียงจากความหนักเบาของบาปนั้นไซร์มันเรียงตามนั้นจริงๆ
ตัวอย่างให้เข้าใจขั้นตอนมากขึ้น
1.   ชิด  มีดำริในใจว่า อยากจะฆ่ามรกต        อันนี้เขาเรียก จิตใจมันคิดชั่วช้า เห็นไหม บาปแล้วทางใจ
      ...แต่จะบาปขึ้นถ้า..
2.   ชิด  เริ่มสนทนากับ อุ๋ย  เพื่อบอกดำริในใจของชิดว่า ‘กูอยากฆ่านังมรกตจังเลย เห็นมันแล้วหมั่นไส้’  เห็นไหมจะบาปขึ้นมาอีกขั้น
   อันนี้หละเรียก บาปทางวาจา เพราะดำริชั่วช้าในใจได้ถูกถ่ายทอดออกมาทางคำพูดแล้ว เพื่อชักชวน อุ๋ย ให้เป็นพรรคพวกเดียวกัน เพื่อเตรียมฆ่ามรกต…
      ...แต่จะบาปขึ้นอีกถ้า
             ชิด  เริ่มสนทนากับ น้ำหวาน อีแจ๋ว คุณยายวรนาถ คุณนุ่นวรนุช ฯลฯ  เพื่อวางแผนจากดำริอันชั่วช้าของชิดเรื่อง วางแผนฆ่ามรกต  อีกทั้งพยายามหาเรื่องหาราวให้คนมา   ร่วมวงชิงชังมรกต เพื่อจะได้ระดมพลคนมาช่วยฆ่ามรกต อันนี้เห็นไหมว่า บาปขึ้นอีกเพราะเริ่มชักชวนคนมาร่วมทำบาปด้วยด้วยกัน
      ...แต่จะบาปโดยสมบูรณ์ถ้า
3.   ชิด ลงมือทำตามวิธีการตามดำริทางใจ (ข้อ 1) ทางวาจา (ข้อ 2) เพื่อได้ผลลัพธ์ตามประสงค์จากดำริอันชั่วช้าตามข้อ 1
ชิดได้ทำบาปโดยสมบูรณ์แบบตามเสต็ป คือ ใจ วาจา และกาย  หรือ กาย วาจา ใจ นั่นเอง[/size]
แล้วจะเป็นไปได้ยังไงว่าแค่อิจฉาเขาก็บาปแล้วหรือ?
ความอิจฉาริษยาเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ความริษยาคือความพยาบาท ความโกรธ
ความริษยาเกิดจากการขาดมุทิตา
มุทิตา หมายถึง ความชื่นชมยินดีในความสุข ความสำเร็จของผู้อื่น
แน่นอนที่สุด…มุทิตาทำได้ยากกว่ากรุณา บางคนมีความเมตตามาก มีความกรุณา สงสารมาก
แต่ไม่สามารถมีความเจริญมุทิตาหรือยินดีที่คนอื่นได้ดี
ทำไมเหรอ? เพราะคนยังมีนิสัยอิจฉาริษยาอยู่ในใจ แล้วยิ่งคนที่เราไม่ชอบด้วยแล้ว
หากมันได้ดีก็ยิ่งรู้สึกว่า ไม่เห็นน่ายินดีเลยวะให้ตาย..เขาถึงว่าเรื่องนี้มันทำยากเพราะมันอยู่ในใจคน
แม้ทราบดีว่าเราต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อแก้ไขดำริริษยาในใจ ความจริงแล้วคิดหลักง่ายๆ คือ ความอิจฉาริษยาไม่มีคุณ ดังนั้นก็ไม่เห็นต้องฝึกจิตให้เหนี่ยวนำตัวเองไปทางนั้น ปากสุนัขไม่มีงาช้างนะ

คิดชั่วเป็นลางปาก พูดมากเป็นลางใจอีก คนอิจฉาริษยาไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ดีพร้อมเสมอ คนที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ก็สามารถเป็นเช่นกัน เขาเรียกมือไม่พาย แต่ก็เอาเท้าราน้ำซะงั้น… มองออกยากเพราะอยู่ในใจเขา บางคนเอาคนที่เกลียดมาเป็นไอดอลเลียนแบบพฤติกรรม อาทิการใช้ของ เลียนแบบแนวต่างๆ เพราะในใจลึกๆ ยอมรับวิถีหรือไลฟ์สไตล์ความสามารถเขา แต่แสดงออกด้วยความไม่ยินดี เพราะดำริในใจอันชั่วช้ามีแต่ความริษยานั่นเอง

จะว่าไปความอิจฉาริษยานั้นก่อเกิดให้กระทำบาปตามมาอีกหลายอย่างเช่น ฉันอิจฉาที่เธอมีหลุยส์วิตตองถือ มีรถโก้ๆ ขับ  ก็ไปโกหก อีผ่อ อีแหม่ให้ขายไร่ ขายนา อ้างว่าจะไปทำนู่นนี่นั่นสารพัดรายจ่าย พ่อแม่หากหลงผิดก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมเต้นไปกับลูก.. สุดท้ายบ่วงกรรมก็วนเวียนไม่รู้จักจบสิ้น นาหมด คงต้องขายตัว หรือเริ่มลักเล็กขโมยน้อยแลกทรัพย์มาให้เหมือนไอดอล บ้างเอาตัวเข้าแลกเลยเพระต้องการให้เหนือกว่า ก็เพราะความอิจฉา เห็นไหมนี่คือผลพวงจากดำริอันชั่วช้าจากความริษยา!

ในทางกลับกัน.. หากเราพลอยยินดีเมื่อเขาได้ดี ลองคิดดูสิ มีแต่เรื่องน่ายินดี สร้างมิตร คนดีถ้าเขาได้ดี เขาจะดึงเราไปได้ดีกับเขาด้วย..(ไม่ใช่กั๊กไว้ นั่นก็ถือว่าริษยากลัวคนอื่นได้ดีเหมือนกัน) ตัวอย่างให้เห็นคือ แม่พิมของชาติ ดิฉันยังไม่เคยเห็นครูบาอาจารย์คนไหน ริษยาศิษย์เวลาที่มันได้ดี แต่ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแม่พิม

อ้าวแล้วผลกรรมของความอิจฉาริษยาจะเป็นอย่างไร?
วิเคราะห์ตามพระไตรปิฏกคงไม่พ้น ชีวิตตกต่ำ ทำอะไรก็ไม่เจริญ จิตใจเศร้าหมองไปกว่าเดิม ก็มัวแต่ทุกข์ใจที่คนอื่นเขาได้ดิบได้ดี วิธีแก้ยากหน่อยแต่ทำแล้วเป็นบุญคือ เพียงเปลี่ยนจากความอิจฉาริษยาเป็นความเมตตาให้เขา แผ่เมตตาให้คนที่เราโกรธ พยาบาท ไม่ว่าเรื่องใดก็แล้วแต่ ยากนะ เฮ้ย!  นั่นมันโจทย์เรานี่หว่า..มันเคยทำหนูเจ็บมาก่อนนะพ่อ… ฯลฯ

ประเด็นสำคัญก็ตรงเริ่มนี่หละ… มันขัดๆ ไงพิกลกับความรู้สึก ดิฉันก็คนหนึ่งหละค่อนข้างอารมณ์ร้อน แทนที่ใครทำเราโกรธแล้วให้แผ่เมตตาตามคำพระสอน ก็กลับกลายคิดพยาบาทแต่ดีหน่อยพอมีสติก็เปลี่ยนเป็นสมเพชแทนเมตตาสงสารเขา… (เพราะเราสงสารเขาด้วยความริษยาในใจ) นั่นมันไม่ถูกหลักแต่ก็โชคดีที่เป็นเพียงการทำบาปขั้นแรกเท่านั้นคือ คิดในใจ…ยังไม่ได้ดำริทำบาปทางวาจา หรือ กายให้สมบูรณ์ ก็คนมีกิเลสคุยเรื่องธรรมะ.. จะเฟคว่าหนูทำได้ ก็คงยังไม่ใช่ค่ะ!

มีให้เห็นมากมาย กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ถ่มน้ำลายรดฟ้าที่สุดก็มารดหน้าตัวเอง ความริษยาพยาบาทอยู่ในใจ!.. หลวงพ่อสอนว่า ไปทำสังฆทานให้เขาสิลูก..

ในโลกแห่งความเป็นจริง..ตัวอิจฉาริษยา อยู่ในใจคน ไม่ใช่การแสดง เป็นเรื่องจริงในใจคน
ไม่มีใครแสดงออกว่าไม่อยากให้ใครได้ดีให้อายประชาชี..
ยกเว้นมันมากล้นเลยต้องแสดงออกมาให้เห็นด้วยวิธีการสกปรก...
การแสดงในโลกแห่งความเป็นจริง…ไฮไลท์จึงไม่ใช่ตัวอิจฉา
หลวงพ่อสอน ปากสุนัขไม่มีงาช้าง…อนุโมทนาธรรมทานบทความเรื่อง ไฮไลท์อยู่ที่ตัวอิจฉาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร…และอดีตคนรัก ที่ต้องบอกเช่นนี้เพราะกันคนเข้าใจผิดคิดอกุศล..

ทุกอย่างสำคัญที่ใจ!
wrote by cho.

nobeeta:
สังคมจะดีขึ้นหากคนในสังคม ไม่อิจฉาริษยากัน พึงยินดีกับผู้อื่นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี 

อชิตะ:
มีอะไรในใจหรือเปล่า พี่โชว....??

คนรักษ์พระ:



    ลองมองคนที่เขาแย่กว่าเราสิ และมองคนที่เขาไม่มี อย่ามองคนที่มีเยอะเกินหรือมีมากเกินจะได้ลดความอิจฉาหรืออยากลงได้ (จริงๆนะครับ)

                                                                                                                    ขอบคุณครับ

prathomsak:
แบบว่ามันโดนๆเข้าเต็มๆเลยครับ สุดยอดมากครับครับเจ๊

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version