ผู้เขียน หัวข้อ: ระงับโทสะและการจองเวร  (อ่าน 1564 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ NONGEAR44

  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 669
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - en2005f@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ระงับโทสะและการจองเวร
« เมื่อ: 29 ก.ย. 2553, 08:57:43 »
                                                              ระงับโทสะและการจองเวร

    ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับศัตรูในปัจจุบันชาติอีกคนหนึ่ง คนนี้เริ่มเข้ามาในวงจรชีวิตของผมเมื่อ 14 ปีที่แล้ว และเพิ่งจะจบการจองเวรซึ่งกันได้ไม่นาน แต่สำหรับผมนั้นหยุดการจองเวรกับเค้านานแล้ว แต่เค้าเพิ่งจะหยุด และเริ่มกลับมาเป็นมิตรกับผม

ผมขออนุญาติเล่าให้ฟังนะครับ

คนคนนี้คือน้องเขยของผมครับ

น้องเขยของผมคนนี้เริ่มคบกับน้องสาวผมโดยที่ไม่มีใครรู้ มารู้กันก็เมื่อตอนที่มีอะไรกันแล้ว และเป็นคนที่แม่ผมไม่ชอบมาแต่แรก แรกๆที่ผมเห็นก็รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เช่นกัน แต่ไม่มากมายอะไร และในหมู่พี่น้อง 3 คน มีอะไรก็ปรึกษากัน แต่ถ้าใครจะรักใคร ก็ไม่ห้าม แค่เตือนตามที่จะเตือนได้ แต่จะฟังหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่อง

ผมขอกล่าวถึงนิสัยที่ไม่ดีบางอย่างของน้องเขยผมคนนี้ น้องเขยผมเป็นคนที่เจ้าชู้มากๆ (ลูกเขาเมียใครไม่เว้น) ขี้โม้ขี้อวด เจ้าอารมณ์ ชอบข่มผู้อื่น และไม่เคยให้ใจกับผู้ใด ประจบคนเก่ง

ส่วนข้อดีก็มี คือ รักพ่อแม่ รักลูก ขยันทำมาหากิน เข้าได้กับทุกคน

น้องเขยผมคนนี้ เจ้าชู้ ผมและพี่ชาย เคยเห็นไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่นหลายครั้งหลายหน รวมถึงการไปได้กับผู้หญิงคนไหนบ้าง เท่าที่ผมพอจะรู้และไม่รู้อีกมาก (ในแถวๆบ้าน ผมเองก็มีคนรู้จักเยอะ และรู้จักคนในครอบครัวผม)

ทั้งผมและพี่ชายก็เคยเตือนถึงพฤติำรรมของน้องเขยให้น้องสาวฟังอยู่บ้าง แต่น้องสาวก็แค่คิดมากและเสียใจ แต่เลิกไม่ได้ พวกผมก็เลยหยุดเตือน เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้น้องสาวทุกข์ใจเปล่าๆ

และเหตุการณ์นี้เอง ที่ผมว่าลูกเขาเมียใครไม่เว้น เพราะว่าน้องเขยผมคนนี้ จะเอาภรรยาคนแรกของผม ช่วงนั้นผมทำงานกลางคืนอยู่ และภรรยาผมก็ชอบเที่ยว น้องเขยคงเห็นว่ามีโอกาส จึงคิดฉวยโอกาส

ผมรู้มาจากปากของภรรยาผมเอง ภรรยายอมรับแบบหมดเปลือก (หรือเปล่าไม่รู้) ว่าน้องเขยชวนภรรยาผมไปนอนด้วย และชวนหลายครั้งแล้ว (และในช่วงนั้น ก็มีคนเห็นน้องเขยของผมกับภรรยาของผมไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ และผมรู้มาจากน้องชายของภรรยา และคนในระแวกนั้น) เมื่อผมรู้ บอกตามตรงว่าผมโกรธมาก นี่เ็อ็งคิดเล่นของคนในครอบครัวเลยเชียวหรือ

และหลังจากที่ผมเลิกกับภรรยาคนแรกไปแล้ว ภรรยาผมก็ยังกลับมาเยี่ยมผมอยู่บ้าง (เพราะเค้าทิ้งผมไปตอนที่ผมยังป่วยหนักอยู่) แต่แปลก มาเยี่ยมผมแค่แป๊ปเดียว แต่กลับไปคลุกอยู่ที่ห้องของน้องสาวผมกับน้องเขยทั้งวัน แถมยังให้น้องเขยขับรถไปส่งอีก (ไม่รู้ว่าจะมาเยี่ยมใครกันแน่)

แต่ยัง ผมยังไม่ระเบิดอารมณ์ ผมเก็บข้อมูลเอาไว้ เพราะช่วงนั้น ภรรยาของผมเองก็ทำตัวไม่ดี ผมเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่เงียบๆ

แต่มีครั้งนั้นที่น้องเขยทำให้ผมโกรธมาก เพราะตอนนั้นที่ผมป่วยเป็นฝีในลำไส้ เลือดออกอยู่ตลอด ทำให้ไม่มีแรงทำงาน น้องเขยของผม ด่าผมกับพ่อแม่และคนอื่นๆ ว่าผมเป็นคนขี้เกียจ อ้างโน่นอ้างนี่เพื่อจะได้ไม่ต้องทำงาน โดยที่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของผมสักนิด พ่อแม่ก็เลยพากันเห็นด้วยกันหมด แต่ว่าตอนนั้นผมไม่มีแรงจะไปสู้รบกับใคร ผมจึงแค่รู้สึกโกรธ และคืนนั้นเองที่ผมหนีออกจากบ้าน และสุดท้ายก็ไปอยู่ที่โรงพยาบาล พอแม่และคนอื่นๆไปเยี่ยม จึงได้รู้ความจริง

พอผมได้เลือดจนเริ่มกลับมามีแรงอีกครั้ง ผมกลับไปจะเอาเรื่องน้องเขยผม (เนื่องด้วยความแค้นที่สะสมมามากแล้ว) แต่น้องสาวมาห้ามไว้ และคนอื่นๆอีก ผมจึงหยุด แต่กล่าววาจาอาฆาตไว้ และบอกว่ารู้ถึงเรื่องที่แอบมีอะไรกับภรรยาของผมด้วย แล้วผมก็เดินจากออกมา (แต่ก่อนเดินจากออกมา ผมเตะต้นไม้หักไปต้นหนึ่ง) ผมเดินออกมาได้สักพัก น้องเขยรีบวิ่งมาหา คุยกับผม 2 ต่อ 2 พูดทำนองขอโทษ แต่ก็มีการเอาปืนมาขู่กันด้วย แต่ตอนนั้นสติของผมกลับมาแล้ว ผมหยุดโกรธไปแล้ว ผมจึงเฉยๆ และบอกไปว่า พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ไม่โกรธแล้ว ไม่ทำอะไรหรอก

ยังไม่พอ น้องเขย ชอบไปด่านินทาผมลับหลังให้คนอื่นฟังอยู่บ่อยๆ และคนพวกนั้นแหละที่มาบอกผม และชอบข่มเหงวางอำนาจกับผมทั้งต่อหน้าคนอื่นและเมื่อคุยกัน 2 ต่อ 2 ไม่เคยเรียกผมว่าพี่ ทั้งๆที่อายุห่างกัน 6 ปี และไม่เคยเกรงใจหรือให้ความเคารพ

ต่อมาน้องเขย เริ่มกินเหล้าหนักขึ้น และเริ่มทุบตีน้องสาวของผม แต่จะตีกันแรงๆ ตอนที่แม่ไม่อยู่ (ในช่วงนี้พ่อของผมเสียแล้ว) ทั้งผมและพี่ต้องมาคอยห้ามและพาน้องสาวหนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก

แต่น้องสาวของผมก็ไม่เข็ด ยังกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แถมช่วงที่หนียังเป็นห่วงเค้าอีก (นี่แหละที่เค้าเรียกว่าคู่เวรคู่กรรม)

มีครั้งหนึ่งที่พลาด ดันเมาแล้วตีน้องสาวผมตอนที่แม่อยู่ด้วย ผมกับแม่ก็ช่วยกันห้ามพัลวัน จนแม่ผมเรียกให้ตำรวจมาช่วยจับน้องเขยผมคนนี้ เอาไประงับสติอารมณ์ ได้นอนโรงพักคืนนึง

แม่ผมบอกน้องสาวให้เลิกกับน้องเขย แต่น้องสาวผมไม่เลิก แถมตอนที่น้องเขยติดคุก น้องสาวยังไปห่วงเค้าอีก (เฮ้อ.........กรรม) ผลสุดท้ายแม่ผมเลยให้ออกไปอยู่กันที่อื่น เพราะแม่ไม่อยากเห็นลูกตัวเองถูกเค้าตีอย่างนี้

น้องสาวกับน้องเขยก็เลยไปหาเช่าห้องอยู่กันข้างนอก และในช่วงนี้เอง เมื่อผมบังเอิญไปเจอน้องเขยข้างนอก ถ้าไปทัก น้องเขยจะทำท่าเอาเรื่องทันที (ดูเหมือนกับหมาบ้า) วันหลังผมเลยไม่ทัก

ทุกท่านเองก็คงจะเคยรู้สึก เมื่อเราบังเอิญไปเจอกับคนที่เป็นศัตรูกับเรา ความรู้สึกมันจะเป็นยังไง มันจะอึมครึม รู้สึกกระวนกระวาย รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที ผมเองก็เช่นกัน และพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกันได้ทุกเมื่อ ถ้ามีอารมณ์หรือสถานการณ์พาไปแม้แต่นิดเดียว

และเมื่อต้นปีมานี้เอง น้องเขยกับน้องสาวผม ซื้อรถมาใหม่ ขับมาอวดคนที่บ้านผม มาแบบวางมาด และมีการคุยข่มผมและเยาะเย้ยถากถาง (ตามประสาของเขา)

แต่ว่าช่วงนั้น ผมได้ปฎิบัติธรรมมาพอสมควรแล้ว เริ่มปฎิบัติอย่างจริงจังมาได้ 4-5 ปีแล้ว และผลของการปฎิบัติเริ่มได้ผลเมื่อ 1-2 ปีนี้เอง ผมจึงเฉยๆ แต่ผมถามอะไรเขาบางอย่าง เพื่อที่จะดูว่า เขาเปลี่ยนนิสัยไปบ้างหรือยัง และจากที่ฟังคำตอบ หรือคำพูดบางอย่าง เขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ผมนั้นไม่มีอะไรแล้ว แต่น้องเขยผมยังคงมีความระแวง และไม่ชอบผมอยู่
ตลอดเวลาที่น้องเขยมาที่บ้านกับน้องสาวผม เราไม่เคยคุยกันเลย ผมเองก็ไม่เริ่มก่อน เพราะรู้ว่าทุกอย่างต้องอยู่ที่เค้าเท่านั้นเป็นผู้เริ่ม

ประมาณ 1 เดือน ที่ผ่านมานี้ น้องเขยเริ่มเข้ามาคุยดีกับผมแล้ว เราคุยกันดีปกติ ถึงจะยังไม่สนิทใจนัก เพราะความที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน

แต่เรื่องราวความแค้นของผมกับน้องเขย การจองเวรพยาบาท ทุกอย่าง หยุดลงแล้ว

ผมรู้สึกยินดี ที่ความอาฆาตพยาบาทในใจผม ได้หมดลงแล้ว ความสงบสุขในใจ มีเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นเท่าทวีคูณ

ปล.ในช่วงที่ผมเริ่มปฎิบัติอย่างจริงจังช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้น ถึงผมจะแผ่เมตตาไปให้กับทุกคน ทุกภพภูมิ แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะแผ่ให้กับน้องเขยของผม เนื่องจาก ผมแค้นเค้ามาก จนได้อ่านเรื่องธรรมะมากขึ้น และผลจากการปฎิบัติที่เริ่มส่งผล ทำให้ผมเริ่มที่จะแผ่ให้กับน้องเขย เพื่อที่จะหยุดการจองเวรในจิตของตนเอง เมื่อประมาณต้นปีมานี้เอง และก็ส่งผลในปัจจุบันนี้


     ขอบคุณที่มา  เว็บบอร์ด พลังจิต

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ระงับโทสะและการจองเวร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 29 ก.ย. 2553, 09:15:34 »
 :053: :053: :053:[shake]ดีครับเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร[/shake]
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ระงับโทสะและการจองเวร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 29 ก.ย. 2553, 01:11:46 »
ขอบคุณครับ............... :090: :090: :114: :090: :090:...................

ออฟไลน์ viriya

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 175
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ระงับโทสะและการจองเวร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 29 ก.ย. 2553, 02:23:49 »
ขอบคุณครับที่เล่าประสพการณ์ให้ฟัง  การรู้จักให้อภัยกันดีนะครับ

ออฟไลน์ vithya

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 195
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ระงับโทสะและการจองเวร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 29 ก.ย. 2553, 02:25:27 »
ดีแล้วครับจะได้ไม่มีเวรมีกรรมต่อกันในชาติหน้า ปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้ทุกสรรพสิ่งทุกชาติทุกภพต่อไป