ผู้เขียน หัวข้อ: เกิดมาพบพระพุทธศาสนายากแค่ไหน เกิดมาเป็นโมฆะหรือเปล่า  (อ่าน 1855 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
เกิดมาพบพระพุทธศาสนายากแค่ไหน เกิดมาเป็นโมฆะหรือเปล่า


การได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาและมีผู้ชี้ธรรม ยากที่สุด

หนูๆนี้ถือว่าโชคดีกว่าใครๆ เพราะว่าได้มาสวดมนต์ไหว้พระ ปฏิบัติธรรม อฐิษฐานจิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆในขณะที่เด็กๆคนอื่นเขาไปวิ่งเล่นกัน ไปเล่นเกมกัน วันนี้แม้จะถูกพ่อแม่บังคับมาก็ถือว่าดี เกิดมาครั้งหนึ่งได้มีโอกาสอย่างนี้ประเสริฐมากนะ คนในโลกนี้มีหลายล้านคน โอกาสที่จะมาฟังธรรมปฏิบัติธรรมแบบนี้ยากมาก พระพุทธองค์ตรัสว่ายากที่สุด การที่หนูๆทุกคนได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนามีคนสอนธรรมชี้ธรรมให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป็นหลังธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมามาสัมพุทธเจ้านั้น พระพุทธองค์ตรัสว่ายากที่สุด พระสาวกได้กราบทูลถามพระพุทธองค์ว่าที่ยากที่สุดนั้นมันขนาดไหนพระพุทธองค์ตรัสว่าหาที่เปรียบประมาณไม่ได้เลยว่ายากขนาดไหนแต่ที่พอจะยกตัวอย่างได้ก็คือ สมมุติว่าแผ่นดินนี้กลายเป็นท้องทะเลมหาสมุทรใหญ่ และใต้ท้องก้นทะเลมหาสมุทรใหญ่มีเต่าตาบอดสองข้างอยู่ตัวหนึ่ง หนึ่งร้อยปีจะโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำหนึ่งครั้ง คนในโลกนี้พยายามโยนแอกที่มีขนาดคล้องคอเต่าได้พอดี เมื่อไหร่ที่แอกนั้นไปสวมคอเต่าตาบอดตัวนั้นได้ จึงจะได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนามาฟังธรรมอย่างท่านทั้งหลายนี้ พระพุทธองค์ถามว่าโอกาสที่แอกจะสวมคอเต่าตาบอดตัวนั้นได้ยากหรือไม่ พระสาวกทั้งหลายตอบว่ายากมากดังนั้นการที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วปล่อยให้โอกาสนี้มันผ่านไปเลยไปถือว่าเป็นโมฆะสูญเปล่าไปเสียสิ้นเลย โอกาสจะกลับคืนมาเป็นครั้งที่สองนั้นยากจริงๆฉะนั้นการที่ท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มีโอกาสฟังธรรมอย่างนี้ถือว่าประเสริฐสุด บุญกุศลที่ท่านได้มาปฏิบัติธรรมนี้ ก็จะเป็นบุญกุศลผลบุญบารมีติดจิตท่านไป ถ้าท่านปฏิบัติไม่สำเร็จในชาตินี้ บุญกุศลที่ท่านได้มีโอกาสมาฟังธรรม มาปฏิบัติธรรมนี้ก็จะเป็นหนึ่งในสิบอย่างของบิญสิบประการที่ส่งผลให้ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก มีโอกาสมาฟังธรรมอีก ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่มาปฏิบัติธรรมก็ถือว่าโชคดี บุญบารมีอื่นๆนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า ได้แก่ การให้ทาน รักษาศีล และภาวนา

การให้เป็นทาน ผลที่ได้เป็นบุญ

ทาน ก็คือการให้หรือการสละออก สิ่งใดที่ท่านให้ออกไปไม่ว่าจะให้อาหาร ให้เงินทอง ให้ที่อยู่อาศัย ให้เครื่องนุ่งห่มที่เก่าๆไม่ได้ใช้แล้ว ให้ยารักษาโรค บริจาคเงินให้สัตว์หรือมนุษย์ วัดวาอาราม โรงพยาบาล สร้างโรงพยาบาล ถนนหนทางที่เป็นสาธารณะทั้งการให้ทานด้วยแรงกาย น้ำใจ และพูดให้เขาสบายใจคลายจากทุกข์ ล้วนแต่เป็นการให้ทานทั้งสิ้น รวมทั้งท่านตักบาตรพระ ก็เรียกว่าให้ทาน ถวายจีวร ถวายพระพุทธรูป ถวายกุฏิ ก็เรียกว่าให้ทาน แต่พระสงฆ์ที่ไม่เจาะจง เรียกว่าถวายสังฆทาน แต่บางคนเข้าใจผิดว่าเวลาถวายพระเรียกว่าทำบุญ เวลาให้คนธรรมดาไปเรียกว่าทำทาน ความจริงนั้นเป็นการให้ทานทั้งหมดทั้งให้พระให้คนและให้สัตว์ทั้งหลายที่เรียกว่าให้ทาน ดังนั้นทานที่ให้แก่พระสงฆ์ เขาถึงเรียกว่าสังฆทาน ไม่เรียกว่าสังฆบุญ แต่ผลที่ได้รับคือใจเป็นบุญ ใจเป็นกุศล ใจอิ่มเอิบ ใจเป็นสุข เรียกว่าได้บุญ บุญ คือใจที่เป็นสุข ใจที่อิ่มเอิบ ซึ่งมีผลเกิดมาจากที่ได้ทำทานได้ถวายทานนั้นแล้วทำให้ใจอิ่มเอิบเป็นสุข นึกทีไรก็อิ่มใจทุกที เรียกว่าได้บุญ

บุญนั้นเกิดจากใจ
หากให้ทานดวยใจที่เศร้าหมอง ย่อมได้บาป

คนทั้งหลายไม่เข้าใจว่าบุญนั้นเกิดจากใจ เมื่อตั้งใจที่จะนำของไปถวาย มันก็เป็นบุญตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านต้องฉันเสียก่อนถึงจะได้บุญในตอนนั้น สมมุติตั้งใจว่าวันพรุ้งนี้จะอาหารดีๆหรือเตรียมข้าวของไปถวายสังฆทาน แต่บังเอิญไปเสียชีวิตกลางทางสะก่อน บุญนั้นเกิดขึ้นแล้วแก่ใจ ไม่ทันต้องไปถวายกับท่าน บุญนั้นก็ติดจิตทันที เมื่อจิตดับก็นึกถึงบุญกุศลที่ตั้งใจไว้นั้น ก็ได้เสวยบุญทันที บุญจึงไม่ได้เกิดจากการที่เอาของนั้นไปถวายที่มือท่านแล้วจึงจะได้บุญ หริอว่าท่านต้องฉันจึงจะได้บุญ บุญเกิดจากใจ เมื่อเจตนาที่จะทำอย่างแน่วแน่แล้ว แม้จะมีอะไรมาทำให้เป็นอุปสรรค หรือทำให้เราไม่ได้ไปทำอย่างที่เราตั้งใจ ก็ได้บุญแล้ว เพราะบุญเกิดจากใจ ความไม่เข้าใจตรงนี้ของคนทั้งหลายนั้นคลาดเคลื่อนกันเป็นจำนวนมาก เพราะเข้าใจว่าบุญเกิดจากวัตถุ หากให้ทานแล้วใจเศร้าหมอง ก็ไม่เรียกว่า ได้บุญกลับได้บาป เพราะบาป คือ ใจที่เศร้าหมอง ใจที่ไม่ผ่องใสเรียกว่าได้บาป ไม่ใช่ว่าได้บุญ ถ้าตรงนี้เข้าใจผิดแล้วก็จะคลาดเคลื่อนมากเลย อย่างหนูๆมาฟังให้เข้าใจตั้งแต่เป็นเด็กนั้นดีมากเคยพาศิษย์ไปถวายอาหารพระอริยสงฆ์ อาหารที่ต่างคนต่างนำมาถวายมีมาก ท่านฉันไม่หมด ฉันได้นิดหน่อย แต่ผู้ถวายมีความรู้สึกว่าอุตส่าห์ทำมาทั้งคืน คัดสรรแต่อาหารดีๆ คุณภาพดีๆเพื่อจะมาถวายให้ท่านฉัน แต่ท่านไม่ฉันของเราเลย ชะเง้อคอดูหลวงปู่ไม่ได้ฉันเลย เดี๋ยวชะเง้อคอดูอีกแล้ว หลวงปู่ไม่ได้ฉันสักที ชะเง้อไปชะเง้อมา ใจมันก็เศร้าหมอง จิตตกลง ตกลง สุดท้ายแล้วมาถวายทานกับพระอริยสงฆ์ แทนที่จะได้บุญใหญ่กลับได้บาปแทนเพราะใจเศร้าหมอง ทำมาเหน็ดเหนื่อย ท่านไม่ฉันเลย นี่เรียกว่าใจเป็นบาป ใจเป็นความเศร้าหมอง ใจเป็นทุกข์ ใจไม่สบาย เรียกว่าใจเป็นบาป ใจไม่เป็นบุญ

ขณะตายใจเศร้าหมองเป็นทุกข์ตายแล้วก็ยังเป็นทุกข์

มีพี่กับน้องช่วยกันสร้างเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา สร้างยังไม่ทันเสร็จทั้งพี่ทั้งน้องตายก่อน ทั้งพี่ทั้งน้องเกิดความโศกเศร้าเสียใจ ใจเศร้าหมองว่าเราสร้างเจดีย์ไม่ทันเสร็จมาตายเสียก่อนเมื่อตายวิญาณก็ไปเกิดเป็นเปรตเฝ้าเจดีย์นั้นร้องไห้ทุกวัน มีความทุกข์โศกเศร้าจิตไป นี่ตายแล้วไม่ได้พ้นทุกข์นะ ถ้าในขณะก่อนตายมีทุกข์ ตายแล้วก็ยังเป็นทุกข์ ผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายฟังให้ดีถ้าในขณะนั้นก่อนตายมีทุข์ ตายแล้วก็ยังไปเป็นทุกข์อีก เพราะความทุกข์นั้นติดจิตไป วิญญาณที่เกิดใหม่ของพี่กับน้องก็ร้องไห้โศกเศร้าเสียใจอยู่ข้างเจดีย์ทุกวันๆ ถึงคราวจะสิ้นกรรม บุญคงจะส่งผล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพรอรหันต์ เป็นพระอาจารย์ใหญ่ มีลูกศิษย์เป็นพระอรหันต์จำนวนมาก มีญาณใหญ่สามารถล่วงรู้ได้ไปปักกลดอยู่บริเวณเจดีย์ร้างนั้น เห็นพี่น้องนี้มาร้องไห้อยู่ทุกวัน จึงได้ไต่ถามว่าทำไมจึงมามีทุกข์โศกเศร้าเสียใจอย่างนี้ทั้งพี่ทั้งน้องเลยเล่าให้หลวงปู่มั่นฟังว่ามีความเสียใจมาก เพราะตั้งใจสร้างเจดีย์บูชาพระพุทธศาสนา แต่สร้างไม่เสร็จ มาถึงแก่ความตายเสียก่อนทั้งพี่ทั้งน้อง หลวงปู่มั้นเลยถามว่าบุญนี่มันติดอยู่ที่ก้อนอิฐหรือว่าบุญมันติดที่ใจ ถ้าบุญอยู่ที่ใจ บุญมันสำเร็จแล้วตั้งแต่ตั้งใจที่จะสร้าง แต่ถ้าบุญมันติดที่ก้อนอิฐ บุญนั้นยังไม่สำเร็จ เพราว่ามันยังสร้างไม่เสร็จ อันความสุขนั้นใจเป็นสุขหรือว่าอิฐมันเป็นสุข ทั้งพี่น้องได้คิดสะกิดใจขึ้นมา อ้าวก็เราได้บุญมาครบถ้วนแล้วนี่ ใจเป็นบุญตั้งแตาสร้างเจดีย์ เพราะว่าเราตั้งใจมาสร้างเจดีย์ให้เสร็จ ใครบ้างตั้งใจสร้างเจดีย์ไว้ครึ่งเดียว ก็ไม่มีเวลาตั้งใจก็ตั้งใจจะสร้างให้เสร็จ มันก็เป็นบุญทันที บุญนั้นสำเร็จตั้งแต่ตั้งใจสร้างเจดีย์ให้เสร็จแล้ว พอพี่กับน้องคิดได้อย่างนั้นเท่านั้นแหละ ความเข้าใจผิดหายไปจากใจโดยสิ้นเชิง นึกถึงบุญที่ตัวเองได้ตั้งใจสร้างเจดีย์บูชาพระพุทธศาสนา บุญก็มาสวมพรึบทันทีเลย พ้นจากภพชาติที่เป็นเปรตเฝ้าเจดีย์นั้น ด้วยอำนาจแห่งบุญที่สร้างเจดีย์นั้นเข้ามาสวมแทนความเข้าใจผิดก็เป็นบุญทันที ได้ไปเกิดใหม่ที่สวรรค์มีรูปร่างและเครื่องทรงงดงามด้วยอำนาจแห่งบุญที่ตัวเองได้สร้างเจดีย์ถวายบูชาพระพุทธศาสนาทั้งพี่ทั้งน้องก็เหาะลงมาจากสวรรค์มากราบขอบคุณหลวงปู่มั่นกลับมาใหม่งดงามผ่องแผ้วทั้งพี่ทั้งน้องรัศมีสว่างไสวเจิดจ้าด้วยอำนาจแห่งบุญที่สร้างเจดีย์บูชาพระพุทธศาสนา ขอบคุณหลวงปู่มั่นที่เมตตาชี้แนะให้เกิดปัญญาจากการที่เข้าใจผิดมาเป็นเข้าใจถูกนี่จะเห็นได้ว่าถ้าเข้าใจผิดแม้แต่ท่านสร้างทานบารมี แต่กลับได้บาป เพราะความเข้าใจผิด การทำทานแล้วถ้าเข้าใจผิดก็เป็นโทษ ดูซิ แทนที่จะได้บุญกลับเป็นโทษติดอยู่ตรงนั้น

ยึดติดสิ่งที่ตนสร้างไว้ ตายแล้วก็ไปติดอยู่ที่นั้น

กรณีผู้ที่เอาเงินทองของตัวเองไปสร้างวัดวาอาราม สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ พอสร้างเสร็จแล้วก็ยึดติดอยู่ที่นั้นว่าของกู นี่กูสร้าง ของกู ของกู เขาจึงห้ามคนคนเดียวสร้างเจดีย์ทั้งองค์ และห้ามสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้าววัดด้วยคนคนเดียวเพราว่าเงินของตัวคนเดียว ไปสร้างไว้ ก็ติดว่าของกู ของกูพอตายแล้วมันเลยไม่ไปไหนเลย เพราะมันไปยึดติดที่ตรงนั้นว่าวัดของกู เจดีย์ของกู มันไปชื่นชมไปมองอยู่เรื่อยๆ ว่าของกู ของกู พอตายแล้ววิญญาณ ไปเกิดใหม่เป็นเปรตเฝ้าอยู่ตรงนั้น แทนที่จะเสวยผลบุญได้เกิดบนสวรรค์ที่มีรัศมีงดงามสว่างไสว กลับเป็นเปรตเฝ้าโบสถ์อยู่นั่นเอง อีกรายหนึ่งมีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่าหมาขี้เรื้อนตัวนี้มันเป็นเจ้าของวัดที่สร้างถวายท่าน แต่เมื่อสร้างวัดถวายท่านแล้วแทนที่ใจจะได้บุญ กลับยึดว่าวัดนี้ของกู คนที่มาวัดเข้าห้องน้ำทำสกปรกทิ้งเศษขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ก็ตามด่าตามว่าเขาตลอดเวลาว่าวัดของกู วัดของกู พอตายแล้วต้องไปเกิดเป็นหมาขี้เรื้อนในวัด เหตุที่เกิดเป็นหมาขี้เรื้อน ก็เพราะว่าไปตามด่าตามว่าพวกที่มาปฏิบัติธรรม ที่มาถวายทานแด่พระอริยสงฆ์ที่วัดนั้น เลยกลายเป็นบาปกรรมติดตัวอีก รี่เพราะความเข้าใจผิดเป็น โทษมหันต์ ทำทานบารมียิ่งใหญ่มากเลยสร้างวัดทั้งวัด แทนที่จะได้บุญกลับได้บาป กรณีอย่างนี้มีมากที่คนในโลกเข้าใจผิดอย่างนี้

นายธรรมะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก เว็บบอร์ดพลังจิตด้วยครับ
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ wise76jack

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด