วัดสิงห์......วัดดีศรีเมืองสิงห์ --- พระพุทธฉาย วัดสิงห์ ---------------------------------------------------------------------------------
@@ หมายเหตุ ...จาก...แล่ม จันท์พิศาโล
คุณไพศาล ถิระศุภะ เป็นรองผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง บ้านเดิมอยู่ที่ จ.สิงห์บุรี จึงมีความสนใจในการสะสมพระเครื่องเมืองสิงห์บุรีเป็นพิเศษ รวมทั้งพระเครื่องเมืองอื่นๆ อีกด้วย และเมื่อมีโอกาสก็มักจะเขียนเรื่องราวของพระเครื่อง และวัด ของเมืองสิงห์บุรี มาให้ผมนำลงเผยแพร่ในหน้าพระเครื่อง คม ชัด ลึก อยู่เสมอ ผมจึงได้ขออนุญาตนำเรื่องที่คุณไพศาลเขียนไว้ มาลงใน blog นี้อีกทางหนึ่ง เพื่อให้ท่านที่ยังไม่ได้อ่านใน นสพ. คม ชัด ลึก ได้มาอ่านใน blog นี้ได้ด้วย..ขอขอบพระคุณ .... แล่ม จันท์พิศาโล
---------------------------------------------------------------------------------
พระพุทธฉาย วัดสิงห์ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
วัดสิงห์ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ ๒ ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบเนื้อที่ ๒๗ ไร่เศษ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางฝั่งตะวันตก ด้านหลังของวัดติดต่อกับถนนเลียบกั้นคลองชลประทานสายชัยนาท - อ่างทอง
พระพุทธรูปบนหอสวดมนต์
วัดสิงห์เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ พระพุทธฉาย ประดิษฐานอยู่หน้าวิหาร ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นยิ่งนัก เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก
พระพุทธฉาย องค์จริงดั้งเดิมประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระพุทธฉาย ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี
พระพุทธฉาย คือ ฉายา หรือ เงา ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งปรากฏเป็นเงาเลือนรางประทับอยู่ที่ผาหิน บริเวณเชิงเขาวัดพระพุทธฉาย มีลักษณะคล้าย พระพุทธรูปยืน ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.๒๑๖๓-๒๑๗๑) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเช่นเดียวกันกับ พระพุทธบาท
ตำนานเกี่ยวกับพระพุทธฉายกล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาที่เขาฆาฏกะ (เขาพระพุทธฉาย) เพื่อโปรดพรานฆาฏกะ ซึ่งมีสันดานโหดร้าย และมีมิจฉาทิฐิ จนทำให้พรานฆาฏกะสำนึกผิดและขอบวชเป็นพระภิกษุ ต่อมาได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
ครั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จกลับ พระภิกษุฆาฏกะได้ทูลขอให้ประทานสิ่งที่เป็นอนุสรณ์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้กระทำพุทธปาฏิหาริย์ให้ พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ปรากฏอยู่บนผาหิน บริเวณเชิงเขาดังกล่าว มีลักษณะเป็นเส้นเงาสีแดงคล้ายสีดินเทศ สูงประมาณ ๕ เมตร ทางวัดได้จัดให้มีงานสมโภชนมัสการ พระพุทธฉาย ทุกวันมาฆบูชา (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ) ของทุกปี
สำหรับ พระพุทธฉาย ของ วัดสิงห์ นั้น เป็นองค์พระพุทธฉายที่สร้างขึ้นโดยจำลองจากองค์จริง สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นพร้อมกับวัดสิงห์ คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย
พระพุทธฉาย ที่วัดสิงห์
พระพุทธฉาย ของ วัดสิงห์ เป็นพระพุทธรูปปางพระอิริยาบถยืน กล่าวคือ เป็นพระพุทธรูปยืน ห้อยพระหัตถ์ทั้งสองข้างลงชิดพระวรกาย ลืมเนตรทอดตรงไปข้างหน้า เป็นกิริยาตรวจความพร้อมเพรียง และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพระสงฆ์สาวก
ตำนานความเป็นมาของ ปางพระอิริยาบถยืน กล่าวไว้ว่า ในสมัยพุทธกาล ช่วงยามเช้าของทุกๆ วัน ก่อนที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จออกโปรดสัตว์ จะทรงหยุดประทับยืน ณ หน้ามุขพระคันธกุฏิเสมอ เพื่อทอดพระเนตรความพร้อมเพรียงของหมู่สงฆ์
ครั้นทรงเห็นว่า พระสงฆ์สาวกมีความพร้อมเพรียง และเป็นระเบียบเรียบร้อยดีแล้ว จึงเสด็จเป็นประธาน นำหมู่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต หรือเสด็จไปในที่ที่ได้รับนิมนต์ไว้
นับเป็นพระพุทธจริยวัตรที่แสดงถึงพระเมตตา และกรุณายิ่ง แก่พระสงฆ์ และทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้นำหมู่คณะ
พระพุทธฉาย ของ วัดสิงห์ ประดิษฐานอยู่ที่ผาหินจำลอง ตั้งอยู่กลางแจ้งหน้าอุโบสถ และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ ตลอดมาเป็นระยะๆ
การบูรณปฎิสังขรณ์ใหญ่ครั้งแรก ได้กระทำกันในปี ๒๓๙๗ รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ในขณะนั้น สภาพของวัดสิงห์ และพระพุทธฉาย ชำรุดทรุดโทรมมาก สันนิษฐานว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ได้พระราชทานข้าราชบริพารให้มาเป็นแม่งาน ในการบูรณปฎิสังขรณ์ครั้งนั้น โดยจะสังเกตได้ว่า หลังจากบูรณปฎิสังขรณ์พระพุทธฉายเสร็จแล้ว ได้มีการติดตั้ง องค์พญาครุฑ อันเป็นสัญลักษณ์ของทางราชการ ไว้ที่ผาหินจำลองดังกล่าว และอยู่ยืนยงจนมาถึงปัจจุบันนี้
การบูรณปฎิสังขรณ์ใหญ่พระพุทธฉาย ครั้งที่ ๒ ได้กระทำในปี ๒๕๔๘ ห่างจากครั้งแรก ๑๕๑ ปี โดยคณะกรรมการวัดสิงห์เป็นผู้ดำเนินการ มีการเสริมฐานรากให้มั่นคงแข็งแรง และสร้างหลังคาคลุมผาหินจำลองเอาไว้ ซึ่งจะทำให้ พระพุทธฉาย อยู่คู่กับ วัดสิงห์ ไปอีกตราบนานเท่านาน
ในสมัยก่อน ทุกๆ วันมาฆบูชา ทางวัดสิงห์จะจัดงาน เทศกาลบูชาพระพุทธฉาย เป็นประจำทุกปี โดยชาวบ้าน ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน จะจัดภัตตาหาร ข้าวตอก ดอกไม้
และที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวหลาม เพราะชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า ท่านชอบฉันข้าวหลามมาก ใครมาขอพร หรือบนบานศาลกล่าว เมื่อสมหวังมักจะแก้บนกันด้วยข้าวหลาม เป็นที่น่าเสียดายว่า ในปัจจุบันไม่มีการจัดงานเทศกาลบูชาพระพุทธฉายจำลองอีกแล้ว ซึ่งเป็นไปตามยุคสมัย
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=124892