ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)  (อ่าน 2147 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณเวป http://www.thaniyo.net/

หวยเบอร์

เรื่องหมอดูหมอเดาอะไรต่าง ๆ นี้ เรื่องหวยเรื่องเบอร์   มันจะถูกแต่ตอนแรก ๆ   ภายหลังมันจะโกหก   หลวงพ่อทดสอบมามากแล้ว   ดูสิว่า เขาเป็นอาจารย์ใบ้หวยกันอย่างไร   เราภาวนามาแทบเป็นแทบตายไม่เห็นให้หวยอย่างเขาได้   เอ้า! พออธิษฐานจิตเข้าไปแล้ว หวยมันก็ไล่กันมาเป็นแถว ๆ เลย บางที ๔ งวด ๕ งวด บางที ๗ งวด บางทีนั่งอยู่เฉย ๆ มันก็รู้ ถ้ารู้แล้วเราก็เฉย ๆ   ไป   แต่บางทีก็ทดลองเขียนเอาไว้ว่ามันจะออกตามนี้ไหม เอาทิ้งเอาไว้ มันออกหมดทุกตัว ทีนี้พอภายหลังมานึกว่า เออ! จะโปรดญาติโยมบ้างละ พอไปนึกเข้ามันก็ไล่เข้ามาเป็นแถวเหมือนกัน มากกว่าเก่า เสร็จแล้วบอกใบ้ตัวไหนจมไปทุกตัว    หลังจากนั้นมาก็เลยเข็ดหลาบ เรื่องของจิตนี้มันตลกเก่ง มันหลอกเก่ง เพราะฉะนั้น เราภาวนาแล้วเราอย่าไปอยากรู้อยากเห็น    ให้มั่นใจในการประกอบกิจในปัจจุบันนี้   ภาวนาอยู่ในปัจจุบันนี้    อย่าไปอยากรู้โน่นรู้นี่    ถ้าเราตั้งใจอยากจะรู้โน่นรู้นี่มันจะหลอกทันที
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:11:47 »
จิตหลอก

อาจารย์ของหลวงพ่อองค์หนึ่งนี่ท่านว่า เอ!... ในใต้บาดาลนี่มันจะมีอะไร ท่านก็ไปกำหนดจิตพิจารณาดู จิตมันก็หลอก มีพลาญหินเกลี้ยงๆ เป็นพลาญหินใหญ่ขนาดศาลานี่ (ศาลาพื้นหินอ่อนวัดวะภูแก้ว) ท่านบอกฆ้องใหญ่มันอยู่ใต้นี้ หลอกให้พระนวกะขุดก้อนหินนั้น กลางคืนก็ขนฟืนมาเผา ๆ ๆ ขุดลงไปได้วันละคืบ ๆ ๆ   มันก็ไม่ทะลุก้อนหินสักที หลวงพ่อก็ไปเรียนท่านว่า ท่านอาจารย์ กิเลสมันหลอกน่า มันไม่มีหรอกฆ้อง ลงผลสุดท้ายก็ขุดไม่ทะลุ ก็เลยไม่เจอฆ้อง
พวกไปภาวนาอยู่ในป่าในเขา บางทีมันมีถ้ำอยู่ที่สูง ๆ   ข้างหน้ามันเป็นเหวลงไป   ไปภาวนาแล้วใจมันมีกิเลสอยากได้แก้ววิเศษบ้าง   อยากได้อะไรบ้าง    ทีนี้พอภาวนาไปแล้วมันจะมีแก้วเป็นแสงลอยมาใกล้ ๆ นั่งอยู่เฉย ๆ   มันก็มาคลอเคลียอยู่นั่นแหละ   พอเอื้อมมือจะไปจับปั๊บมันก็กระโดดหนีไป    พอไล่มันไปมันก็กระโดดไป ๆ ๆ    มันหลอกให้ไปตกเหวตายนับไม่ถ้วน    เพราะฉะนั้น    พระธุดงค์กรรมฐานที่ไปอยู่ในป่าในดง พวกแสวงหาของวิเศษ   เพชรนิลจินดา   หรือเหล็กหลงเหล็กไหลไปตายกันเยอะแล้ว
คือว่าสิ่งเหล่านี้ ถ้าพูดถึงว่ากฎหมายปกครองบ้านเมืองในปัจจุบันนี้   มันไม่เหมือนอย่างแต่ก่อน   ประเทศอินเดีย    พระเจ้าแผ่นดินองค์ใดนับถือพระศาสนา    ท่านจะประกาศว่า   ดินก็ดี น้ำก็ดี ภูเขาเถาวัลย์ก็ดี ทรัพยากรในอาณาจักรของเรา    ขอยกถวายพระศาสนา   พระสงฆ์ ถ้าอย่างในเมืองไทยเรานี่มีกฎหมายพิทักษ์ธรรมชาติ    ทรัพยากรในผืนแผ่นดินอันนี้ ใครจะไปเอามาต้องขออนุญาตเสียภาษี   ถ้าพระไปแสวงหาทรัพย์ในดินสินในน้ำ แม้แต่โบราณวัตถุอยู่ในเจดีย์เก่า ๆ ร้าง ๆ อะไรพวกนี้ พระจะไปเอาไม่ได้มันผิดกฎหมาย สิ่งใดที่มันผิดกฎหมายก็ผิดวินัย เมื่อสิ่งที่ผิดวินัยพระไปละเมิดวินัยมันก็เกิดวิบัติ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:14:40 »
นักเลงพระ

เรื่องของนักเลงพระนี่หลวงพ่อก็ยังเคยโดน เมื่อก่อนมีคนเขาชอบให้พระหลวงพ่อมา เป็นของเก่าของแก่โบราณประจำตระกูล เขาให้มาก็เก็บเอาไว้   มีคนมาขอดู   เขาบอกว่าพวกนี้มีแต่พระเก๊   แต่เก๊เขาก็อยากได้เขาออกปากขอ "โอ๊ย! ของเก๊ คุณอย่าเอาไปเลย"   หลวงพ่อรู้ทัน "เอาอย่างนี้ คุณอยากได้ของฉันจริง ๆ ฉันไม่หวงหรอก บอกมาเลย ที่คุณดูอยู่นี่องค์ไหนดียอดเยี่ยมคุณดูแล้วพอใจบอกมาเลย ฉันจะหยิบให้คุณทันที" แกก็กราบขอโทษ ผมเล่นไม่ซื่อกับครูบาอาจารย์ "นั่นแหละ ทีหลังคุณอย่าไปทำอย่างนั้น คุณเล่นไม่ซื่อ คุณได้ไปแทนที่พระจะเป็นมงคลแก่คุณ กลับจะให้ความวิบัติแก่คุณ บอกมาเลยคุณต้องการองค์ไหน แต่ว่าคุณจะเอามากไม่ได้เพราะว่าลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมฉันยังมีตั้งเยอะ   นอกจากคุณแล้วเขายังจะมาขอฉันอีก" เขาก็หยิบองค์ที่ต้องการไป    มาภายหลังเขาก็มาบอกว่า   "พระที่หลวงพ่อให้ผมไป   มีคนเขามาให้ผมตั้งห้าแสน" หลวงพ่อว่า "คุณอย่ามาคุย ฉันไม่เสียดายหรอก คุณอย่าเข้าใจว่าฉันไม่รู้นะ    พวกคุณอย่างดีก็รู้แต่เพียงแค่ว่าพระนี้เนื้อผงเข้าแบบเข้าตำราเท่านั้น ส่วนทางในพวกคุณไม่รู้หรอก จะเป็นอะไรก็ตาม แม้แต่เปลือกหมากที่ฉันเจียนเอาเนื้อมันมาเคี้ยวแล้วฉันโยนไปมันก็ยังดีนะ"

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:17:15 »
เครื่องรางที่แท้จริง

เครื่องรางของขลังเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่คนไทยทั่วๆ ไป แต่หลวงพ่อแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่าคนเก่งของเมืองไทยทำไมมันเบียดเบียนคนไทยด้วยกัน    แทนที่จะคุ้มครองคุ้มกันคนไทยด้วยกันมันกลับเอาไปเป็นเครื่องมือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน   เพราะฉะนั้น    สิ่งที่เป็นเครื่องรางของขลังที่ดีที่สุดก็คือความมีศีลมีธรรม เมื่อเรามีศีลมีธรรม เราไม่เบียดเบียนใคร ก็ไม่มีคนมาเบียดเบียนเรา แต่บางทีเดินทางไปโดนลูกหลงเขาเข้าก็แสดงว่ากรรมเก่าของเรามันให้ผล เช่นอย่างพระธุดงค์องค์หนึ่งเดินไปในป่า มีนายพรานหอกมันถือหอกไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่า    พอเห็นพระมันเกิดเลื่อมใสจะเข้าไปกราบพระ   พระเห็นมันถือหอกเดินเข้าไปก็กลัวจะถูกทำร้ายเลยเดินหลบหนีไป    พอเห็นว่านายพรานถือหอกเดินตามก็เข้าใจว่าเขาจะตามมาทำร้ายก็เลยมุดเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้รก   พอไปถึงจุดที่พระเข้าไปซ่อนอยู่ นายพรานก็นึกขึ้นว่า   เอ.... นี่พระท่านคงจะเห็นเราถือหอก   ท่านกลัวจะทำร้ายท่านกระมังท่านจึงเดินหนีเราไป   ก็เลยซัดหอกเข้าไปในพุ่มไม้ที่พระซ่อนตัวอยู่ ไปถูกพระตายพอดี อันนี้แสดงว่ากรรมเก่ามันให้ผล   กรรมเก่าของพระองค์นี้ คืออะไร   คือเมื่อก่อนนี้ ท่านเอาหอกไปเที่ยวซัดกบตายมานับไม่ถ้วน   แล้วกรรมอันนั้นมาให้ผล เพราะฉะนั้น   ทางที่ดี ใครประสบความทุกข์ยากลำบากอะไรก็ตาม    ให้นึกว่ามันเป็นกรรมเก่าของเรา   อย่างหลวงพ่อในทุกวันนี้ หลวงพ่อนึกว่าเสวยกรรมเก่า ลูกที่เขาให้กำเนิดไว้ ๕-๖ คนไม่มีใครเลี้ยง เวลานี้หลวงพ่อรับเลี้ยงอยู่ ก็ยอมทนเอา    ชาวบ้านเขาจะตราหน้าว่าเอาลูกเอาหลานมาเลี้ยงก็ยอม เพราะเด็กมันไม่มีที่พึ่งจริง ๆ   เดี๋ยวนี้มันก็เริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันบ้างแล้ว ก็เกือบจะหมดภาระแล้ว บางทีนึกว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ นึกจะสลัดมันทิ้งไปก็กลัวกรรมเวรมันจะไม่หมด เพราะฉะนั้น จะต้องต่อสู้จนกว่ามันจะช่วยตัวเองได้ พอเขาช่วยตัวเองได้เมื่อไร หลวงพ่อก็หมดภาระหมดกรรมหมดเวรไป

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:19:39 »



เหล็กไหล

- เหล็กไหลมีจริงหรือเปล่าครับหลวงพ่อ?

- มีจริง แต่มันเป็นของหายาก เอายาก ที่เขามาอวดกันมันไม่ใช่เหล็กไหลหรอก เหล็กไหลนี้มันจะไหลอยู่ไม่หยุด หลวงพ่อไล่ตะครุบเหล็กไหลนี่จนเหงื่อแตก มันก้อนโตขนาดเม็ดข้าวโพดเม็ดใหญ่ๆ ทีนี้วัตถุที่โตขนาดนี้ ถ้าเป็นสิ่งอื่นเราไปหยิบมันจะติดมือขึ้นมา   อันนี้พอไปหยิบ หยิบแล้วทั้งๆ ที่มันแข็ง มันสัมผัสมือเหมือนกับหยิบสำลี คล้าย ๆ กับมันยุบตัวลงไป   แต่พอยกมือขึ้นมันจะไม่ติดมือ พอยกมือขึ้นปั๊บมันจะกลิ้ง พอไปจับจะหยิบขึ้นให้มันติดมือมาไม่มีติด   ถ้ามันอยู่บนพื้นไม้กระดาน มันจะกลิ้งอยู่อย่างนั้น    พอตกถูกพื้นปูนซีเมนต์มันจะหายจมลงไปในปูนซีเมนต์เลย หลวงพ่อนี่จับต้องมาด้วยมือ เห็นมาด้วยตา เพราะฉะนั้น ถ้าใครเอามาให้ดูแล้วมันไม่ใช่หรอก มีแต่ก้อนหินธรรมดานี่แหละเขาเอามาให้ดู อย่างดีก็พวกประเภทที่เขาเรียกว่าโคตรเหล็กไหล   ไอ้ตัวเหล็กไหลจริงๆ   นี่มันไม่ใช่อย่างนั้น สีมันดำเหมือนตาดำคน ที่นี้ พอจับปั๊บมันจะเย็นเหมือนจับน้ำแข็ง เวลาเอาวางไว้แม้อยู่ในที่ราบ ๆ มันก็จะกลิ้งของมัน มันอยู่ในฟันกรามเขาส่องดูก็มองเห็น พอเอาไม้แหย่มันจะวิ่งหลบเข้าไป หลบหนีเข้าไปทั้งที่ไม้ยังไม่ได้ถูกมันเลย พอเผลอ ๆ มันตกป๊อกลงมาอยู่ในอุ้งมือนี่ แทนที่มันจะไหลลงไปทางลาดๆ ต่ำลงไป มันกลับวิ่งลัดขึ้นมา วิ่งมาตามข้อศอกวิ่งขึ้นมาข้างบน   วิ่งขึ้นมาทางสูง แทนที่มันจะกลิ้งลงไปทางต่ำ ตกลงบนไม้กระดานก็ไล่ตะครุบ ไล่ไปไล่มามันตกลงบนพื้นปูนซีเมนต์กลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ไม่มีอะไร ราบ ๆ เกลี้ยง ๆ ไม่มีวัตถุอะไร มันหายจมลงไปในพื้นปูนซีเมนต์ เมื่อก่อนนี้อยากได้เหล็กไหลเหมือนกัน พอไปไล่จับก็เลยหายสงสัย
- มันมาจากไหนครับเหล็กไหล?
- เหล็กไหลอันนี้ ตามประวัติส่วนใหญ่จะมาจากสมเด็จลุนบ้านเงินไทร บ้านอยู่ฝั่งทางประเทศลาว พระองค์นี้มีอิทธิปาฏิหาริย์ ขนาดเหยียบเรือกลไฟของฝรั่งนี่เอียงกะเท่เร่    เหมือนกับหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดทางภาคโน้น ก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน มีตำรวจคนหนึ่งเขาเรียกว่าไอ้เพ็งคอลาย   หมอนี่ก็ได้มาจากสมเด็จลุน ของๆ มันนี้ ใครขอนี่มันยื่นให้เลย   อยากได้เอาไป   แต่พอเสร็จแล้วเขามีวิชาเรียก ให้ใครไปแล้วมันจะกลับไปอยู่กับเจ้าของ
พระครูพิบูลย์ธรรมภาณ อาจารย์โชติที่อำเภอพิบูลฯ อุบลฯ นี่ท่านคุยให้ฟังว่า ของคนเมืองพิบูลฯ อำเภอพิบูลมังสาหาร มีอยู่คนหนึ่ง เขาเคยให้ท่านพาไปขาย ตกลงซื้อขายกันราคา ๕๐ ล้าน จะเอาเงินไปวางกันที่ธนาคารฝากเงินในบัญชีของเจ้าของแล้วก็จะมอบเหล็กไหลนี้ให้ พอตกลงกันแล้ว   ตกกลางคืนได้ที่เอาใส่ในกระป๋องแล้วบัดกรีเอาไว้ ตื่นเช้ามาเห็นแต่รู มันหนีออกไปแล้ว เสร็จแล้วพอกลับมาบ้านมันมาอยู่ที่บ้าน เลยไม่ได้ขาย   ส่วนใหญ่ถ้าใครเขามีแล้วเขาจะใช้โลหะต่างประเภท    ถ้าประเภทเหล็กนี่เอามันไม่อยู่    ต้องใช้ทอง นาก เงิน   ทองแดงหุ้มเอาไว้ ถ้าเอาไปวางไว้บนพานธรรมดาตื่นเช้ามาหาย
- เหล็กไหลเขามีไว้ทำไมครับ
- เขาก็ถือว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ของดีวิเศษ ใครมีแล้วเป็นสิริมงคลอะไรทำนองนั้น    แต่ว่าฝรั่งที่เขาเชื่อว่าเหล็กไหลมี และเขาทดสอบดูว่ามันเป็นวัตถุที่สามารถทุ่นแรงได้    คือมันมีแรงผลักดัน ทำให้เป็นวัตถุที่ทุ่นแรง ฝรั่งเขาต้องการ เขาจะไปทำให้มันสร้างวัตถุทุ่นแรงสำหรับยกสิ่งของหนัก ๆ
อาจารย์บุญที่วัดป่าอะไรทางนี้ นั่นก็ไปเที่ยวหาเหล็กไหล ไปนอนอยู่ที่วัดป่าสาลวันหลายคืน ทีแรกให้โยมไปเฝ้าอยู่ก่อน ไม่ทราบว่าท่านไปได้ยินมาจากที่ไหนว่าหลวงพ่อมีเหล็กไหล หลวงพ่อก็พูดตลกๆ โอย เหล็กไหลมีถมเถไป เอาไหมจะขอเขาให้ เหล็กไหลผมนี่ตอนเช้ามันก็ไหลลงกรุงเทพฯ ไหลขึ้นหนองคาย อุบลฯ ทุกวัน (หลวงพ่อหมายถึงรถยนต์ รถโดยสาร) ไปหาสิ่งที่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ไอ้มีนะมีแน่ จะไปหาที่ไหนมันจึงจะพบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 พ.ค. 2554, 10:20:32 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:37:42 »
ปลุกพระ

มีคนหนึ่งเอาพระของครูบาอาจารย์ของเขามาอวด   เขาเอามาคุยทับ เอาคนปลุกพระมาด้วย นี่ผมปลุกเสกมาตั้งร้อยครั้งแล้ว ผมจะให้คนนี้ปลุกเสกให้ดู   พอเขาปลุก หลวงพ่อก็กำหนดจิต ชายคนนั้นแกทำยังไงจึงเหงื่อแตกก็ไม่รู้ หลวงพ่อเจียนหมากแล้วโยนเปลือกหมากให้ เอ้า ลองปลุกเปลือกหมากฉันดู   พอไปจับ ตัวนี่สั่นขึ้นมา แกก็เอากระดาษห่อใส่กระเป๋า   หลวงพ่อก็เอาผ้าเช็ดปากมาเป่าแล้วโยนให้   เอานี่ดีกว่า เสร็จแล้ว ๒-๓ วันต่อมาไปโดนเขารุมตี แกก็ทำทีเป็นนอนสลบไม่รู้เรื่อง พอพวกนั้นมันเห็นว่าสลบไปแล้วก็ขึ้นรถเตรียมจะกลับ แกก็ลุกขึ้นมา เอ้า ยังไม่ได้คิดบัญชีกันเลยทำไมรีบไป   พวกนั้นมันก็ย่ามใจว่า   ไอ้แก่นี่หรือจะสู้ไอ้หนุ่มตั้ง ๖ คนได้ แกก็จับเอาไม้ ที่พวกนั้นตีแกหวดเอา ๆ หัวแตกไป ๔ ราย ๒ รายไม่กล้าเข้ามา กระโดดขึ้นรถไปแจ้งความ ตำรวจเขามาจับไปโดยเปรียบเทียบปรับคนละ ๕๐๐ บาทฐานก่อการทะเลาะวิวาทกัน พอเสร็จมาคุยให้หลวงพ่อฟัง   "แหม…ผ้าเช็ดปากหลวงพ่อนี้ดีจริง ๆ" "ดียังไง" "ก็ไอ้หนุ่มมันตั้ง ๖ คน มันสู้ผมไม่ได้ มันไปแจ้งตำรวจมาจับผมไปโรงพัก ถูกปรับคนละ   ๕๐๐ บาท หมดทุกคน" "เอ้า…ผ้าเช็ดปากดี ทำไมถึงต้องไปถูกปรับ แปลว่ามันไม่ดีซิถึงถูกปรับ"

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:41:48 »
ของฟรี

หลวงพ่อไปกรุงเทพฯ มีผู้ถวายพระสมเด็จ เขาเรียกแบบทรงตั้งโต๊ะกัง   ที่เรียกว่าตั้งโต๊ะกังเพราะสมเด็จโตท่านสร้างถวายรัชกาลที่ ๕ เพื่อพระราชทานเป็นรางวัลให้แก่บุคคลที่ช่วยพัฒนาบ้านเมือง   ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกร้านทอง เสร็จแล้วมีผู้ถวายหลวงพ่อมา ทีนี้มีพระอาจารย์มนตรีเป็นอาจารย์สอนโรงเรียน มาบวชมาเห็นเข้าแกก็จับ ๆ วาง ๆ    หลวงพ่อก็เดาคาดคะเนเอา   คุณอยากได้ก็เอาไปซิ   แกก็ดีใจจนเนื้อเต้นถามว่า "หลวงพ่อดีไหม" "ก็ดีซิถึงให้ ของไม่ดีจะให้ไปทำไม แล้วคุณว่าดีไหมล่ะ" "ก็ดีซิครับถึงอยากได้"

บางทีมีบางคนเขาให้เขาว่าเป็นพระก็ถือมา   คนเขารู้ว่าหลวงพ่อมีพระเขาก็หาเงินมาเช่าซื้อ   มีคนหนึ่งมีเงินมาหกพันบาท จะมาเช่าพระสมเด็จจากหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกไม่ได้หรอก ไม่ให้    แล้วก็มีอีกคนหนึ่งมาหาพระสมเด็จเหมือนกัน   มานั่งอยู่เป็นนาน แกก็ถามคนแรกว่า   "ถ้าผมมีปัญญาเอาได้คุณจะว่าผมไหม"   "ก็เอาซี้ ถ้าคุณมีปัญญาเอาได้ก็เชิญตามสบายเลย ผมไม่ว่า"    คนนั้นแกก็ลุกปุ๊บปั๊บลงไปใต้ถุนกุฏิ ไปขอธูปเทียนกับเณรที่อยู่ห้องข้างล่าง แล้วก็ไปเด็ดดอกไม้ขึ้นมา มาถึงก็มากราบ แกก็ไหว้พระ   อรหัง   สัมมาสัมพุทโธ ว่านะโมพุทธังอะไรของแกไป มือหลวงพ่อนี่มันล้วงเข้าไปในย่ามยังกับสปริง   เอามายื่นให้   หมอนั่นตบอกผาง   "พระแบบนี้ก็มีด้วย   ทำไมร่ำรวยมากนักหรือจึงให้" "ไม่ใช่ร่ำรวย แต่ของพวกนี้มันเป็นของไม่แน่นอน    คุณมาดูแล้วคุณว่าของแท้ของจริงแต่คนหลังมาดูเขาอาจจะว่าไม่ใช่ของแท้ของจริง   หลวงพ่อก็กลายเป็นพระโกหกต้มคน   เพราะฉะนั้น   จะแท้จะจริงจะเทียมก็ตาม คุณได้ฟรีๆ โดยไม่เสียสะตุ้งสตางค์ ฉันไม่เสียหาย"

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 02 พ.ค. 2554, 10:47:39 »
พระแก้วที่บ้าน

ญาติโยมทั่วไปเห็นพระเห็นสงฆ์ก็มีศรัทธาเลื่อมใส   เพราะเชื่อว่าพระสงฆ์เป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม   พากันแห่ไปทำบุญทำกุศล    ให้ทานถวายจตุปัจจัยไทยทานตามมีตามเกิด   เพราะเราเชื่อว่าจะเป็นบุญเป็นกุศล   นี่เป็นการทำบุญกับพระที่เป็นพระสงฆ์   เป็นเนื้อนาบุญของโลก
ทีนี้เนื้อนาบุญของเรานั่งอยู่ข้าง ๆ เราก็มีอยู่   ที่บ้านก็มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นเนื้อนาบุญของบุตรของหลาน   และปู่ย่าตายายพ่อแม่ก็เป็น พระแต่ละองค์ๆ ถ้าญาติโยมไปที่อุบลฯ ไปกราบหลวงพ่อมี ท่านจะถามว่ารู้จักพระแก้วไหม   ถ้าใครบอกว่าไม่รู้จัก   ท่านจะบอกว่าทำไมโง่แท้ ถามหาพระแก้วรู้จักไหม ไม่รู้จัก ทำไมโง่แท้   ทีนี้ท่านก็จะบอกว่า พระแก้วก็คือ   พ่อแก้วแม่แก้ว ตาแก้วยายแก้ว ปู่แก้วย่าแก้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้เป็นพระแก้วของลูกของหลาน    ที่ว่าเป็นพระแก้วก็เพราะว่าไม่มีใครจะปรารถนาดีต่อบุตรหลานของตนเองเหมือนปู่ย่า ตายาย   พ่อแม่ พวกญาติโยมทำงานหามรุ่งหามค่ำแสวงหาทรัพย์สมบัติผลประโยชน์ก็เพื่อลูกเพื่อเต้า เพื่อลูกเพื่อหลาน   บางคนถึงกับบ่นเช้าบ่นเย็น ลูกคนนั้นลูกคนนี้มันยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา ยังไม่มีครอบมีครัว ถ้ามีลูกสาวหล่า (ลูกสาวคนสุดท้อง) หัวแก้วหัวแหวน    พ่อแม่ก็บ่นอยู่เสมอว่า   อีนางมันแต่งงานแล้วมีลูกมีผัวเป็นฝั่งเป็นฝามันมีความสุขสบายดีแล้วกูก็นอนตาหลับ แน้....ผู้เฒ่าบ่นอย่างนี้เด้....   สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่น้ำใจของพ่อของแม่ทั้งนั้น
ดังนั้น การทำบุญ เมื่อไม่มีโอกาสไปทำบุญกับวัดกับวา กับพระกับสงฆ์ ทำบุญกับพ่อแม่ปู่ย่าตายายของตนเอง   มาตาปิตุอุปัฏฐานัง การอุปัฏฐากเลี้ยงดูบิดามารดา   เอตัมมังคะละมุตตะมัง เป็นมงคลอันสูงสุด เป็นอันดับแรกด้วยในมงคลสูตร   ท่านเทศน์ไว้อย่างนั้นแล้วก็เป็นอันดับแรก   สำหรับพระสงฆ์ยังไปอยู่ปลายๆ โน้น    แสดงว่าความสำคัญนี่คือพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย    เป็นพระอันดับหนึ่งหรือองค์ที่หนึ่งของลูก   โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่เป็นผู้ให้เกิด เป็นผู้เลี้ยงดู เป็นผู้ให้วิชาความรู้ เป็นผู้ให้ทรัพย์สมบัติ เป็นผู้ให้น้ำจิตน้ำใจทุกอย่างแก่ลูกของตน เพราะฉะนั้นใครยังมีพ่อแม่อยู่ รีบอุปถัมภ์อุปัฏฐาก รีบทำบุญกับท่าน อย่าไปปล่อยให้ท่านลำบาก   อย่างบางทีเราอาจจะศรัทธาในพระเจ้าพระสงฆ์   มีของดีๆ   ขนไปให้พระเจ้าพระสงฆ์ฉันหมด แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายปล่อยให้อด ก่อนอื่นนี่ต้องนึกถึงพ่อถึงแม่เสียก่อน   ของดี ๆ จะไปใส่บาตร   เอ้อ…ส่วนนี้จะให้พ่อแม่รับประทาน    ส่วนนี้จะใส่บาตรให้พระ    หรือถ้าหากจะคิดว่าส่วนนี้จะใส่บาตร ส่วนนี้จะเอาเหลือให้พ่อแม่ อะไรทำนองนั้น

พระเจ้าพระสงฆ์นี่กับพ่อกับแม่มีค่าเท่ากัน   เราจะได้มาพบหน้าพระเจ้าพระสงฆ์ก็เพราะพ่อแม่ให้เกิด   เราจะรู้จักพระเจ้าพระสงฆ์ก็เพราะพ่อแม่สั่งสอน    เราจะรู้จักทำบุญสุนทานก็เพราะพ่อแม่เป็นผู้สอนเป็นผู้พาทำ ดังนั้น พ่อแม่จึงเป็นครู นอกจากจะเป็นครูแล้วยังเป็นพระพรหม เขาเขียนรูปพระพรหมไว้ ๔ หน้า เขาเขียนโกหก ความจริงพระพรหมไม่มี ๔ หน้า ๔ ตาอะไรหรอก มีหน้าเดียวเหมือนมนุษย์นี่ แต่ว่าพระพรหมท่านมีคุณธรรม ๔ อย่าง คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ท่านก็เลยเขียนปริศนาเอาไว้เป็นรูปพระพรหม ๔ หน้า ดังนั้น พ่อแม่ของเราก็เป็นพระพรหมเหมือนกัน พรหมา ติ มาตาปิตะโส บิดามารดาชื่อว่าเป็นพรหมของลูก    เพราะบิดามารดาเป็นผู้มีเมตตาต่อลูก   กรุณาสงสารลูก   มุทิตาพลอยยินดีเมื่อลูกได้ดี   อุเบกขาเบาใจได้นอนตาหลับเพราะลูกของตนมีหลักมีแหล่งช่วยตัวเองได้แล้ว    อันนี้คือคุณธรรมที่มีในน้ำจิตน้ำใจของพ่อของแม่

ดังนั้น ใครจะทำบุญสุนทาน ใครจะทำอะไร ใครจะให้อะไรแก่ใคร ควรจะคิดถึงพ่อถึงแม่เป็นอันดับหนึ่ง อย่าปล่อยให้พ่อแม่ต้องลำบากยากเข็ญ ไปทำบุญแต่ที่อื่นไม่รู้จักทำบุญกับพ่อกับแม่ก็ไม่มีความหมายเพราะเราเป็นผู้แล้งน้ำใจต่อพ่อต่อแม่ ขาดความกตัญญูกตเวที ความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมที่เป็นพื้นฐานให้เกิดคุณงามความดี คนที่จะรู้จักว่าผู้อื่นดีได้ก็ต้องรู้จักว่าพ่อแม่ตัวเองดีกว่าใครทั้งหมด พ่อแม่ถึงจะเป็นขี้เหล้าเมายาเล่นการพนันเป็นนักเลงโต ศักดิ์ศรีของความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังมีอยู่โดยสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เกร็ดธรรมะ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 03 พ.ค. 2554, 02:04:35 »
หายไป2วัน กลับมาพร้อมสิ่งดีๆแปดเรื่อง 30; 30;
                                 
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :054: :054:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความรู้ดีมากๆครับผม   :053: :053: 

(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ) :054: :054:
   
 

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ