ผู้เขียน หัวข้อ: ......ทำกรรมกับปลา.....  (อ่าน 3738 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
......ทำกรรมกับปลา.....
« เมื่อ: 06 พ.ค. 2554, 08:29:31 »
กรรมตามทัน.....ตอนทำกรรมกับปลา


ผมเป็นคนหนองคายเรียนจบแค่ ป.6 ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะครอบครัวมีฐานะยากจน เพื่อนๆรุ่นเดียวก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ บ้าง ผมจึงไปเช่าสามล้อมาถีบรับส่งผู้โดยสารมีเงินเก็บสองพันกว่าบาทก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯและไปพักกับเพื่อนซึ่งเป็นห้องเช่าแถวๆ คลองเตย เมื่อปี พ.ศ. 2540 เพื่อนผมคนนี้ชื่อ ประเทือง ทำงานในตลาดสดคลองเตย เป็นลูกจ้างแม่ค้าขายปลาเขาชวนผมไปทำงานกับเขา บอกว่ารายได้ดีได้วันละ 100 กว่าบาทผมได้ยินว่ามีรายได้เป็นร้อยก็อยากทำ เพราะอยู่บ้านนอกไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนี้ผมจึงตกลงที่จะไปลองงานเช้าวันนั้นผมกับประเทืองตื่นตั้งแต่ตี 3 กว่าๆขึ้นรถเมล์ไปถึงตลาดคลองเตยก็เกือบตี 4 แม่ค้าขายปลาสดเป็นเจ้าของแผงขายปลาใหญ่ที่สุดในตลาด แห่งนั้นคือทำปลาดุกกับปลาช่อนผมเห็นเขาทำปลาแล้วใจมันไม่ดีเลย…แล้วจะเล่าให้ฟัง


ปลาดุก ปลาช่อน......ที่แม่ค้าแกขายเป็นปลาจากบ่อเลี้ยงเขาจะเอาปลาใส่ถังสังกะสีสี่เหลี่ยมมาส่งเป็นถังๆ ปลายังเป็นๆและประเทืองเพื่อนผมมีหน้าที่ทำปลาดุกเป็นหลัก เขาจะเทปลาดุกลงมาในถาดสังกะสีแบนๆมีขอบเป็นปลาดุกอุยเกือบทั้งหมด ตัวใหญ่และอ้วนๆ ทั้งนั้นประเทืองจะใช้เหล็กแหลมมีที่ถือเป็นไม้แทงลงไปข้างๆ ครีบบนสันหลังปลาดุกใกล้ๆ หัวผมถามว่าแทงทำไม เพื่อนบอกว่าแทงกระดูกสันหลังของมัน ให้มันเป็นอัมพาตดิ้นไม่ได้แต่ไม่ทำให้มันตาย จะได้ให้ลูกค้าเลือกซื้อสบายๆผมเห็นประเทืองใช้เหล็กแหลมแทงกระดูกสันหลังปลาอย่างคล่องแคล่วว่องไวแสดงว่าชำนาญมาก วันหนึ่งๆ ประเทืองแทงหลังปลาดุกเป็นร้อยๆ ตัวส่วนปลาช่อนก็ทำแบบเดียวกัน เมื่อมีลูกค้าซื้อ ประเทืองกับเพื่อนจะขอดเกล็ดให้เขาขอดเกล็ดมันทั้งๆ ที่ยังเป็นๆ อยู่ ยังหายใจพะงาบๆ อยู่อย่างนั้นแหละแต่มันดิ้นไม่ได้เพราะตัวแข็งทื่อเนื่องจากกระดูกสันหลังถูกเหล็กแหลมแทงเป็นอัมพาตไปแล้ว ประเทืองให้ผมลองทำดูผมบอกว่าขอช่วยยกลังปลา เอาปลาไปส่งให้แม่ค้าที่แผงก่อนเถอะวันพรุ่งนี้จะลงมือฝึกทำทั้งๆ ที่ได้ตัดสินใจเงียบๆ ว่าผมไม่ยอมทำงานนี้เด็ดขาด


....การที่มันถูกเหล็กแหลมแทงเนื้อทะลุกระดูกสันหลังย่อมทำให้มันเจ็บปวดแสนสาหัส มิหนำซ้ำยังไม่ถูกฆ่าให้ตายทันทีให้มันรู้แล้วรู้รอดกลับถูกปล่อยนอนคอยให้คนมาซื้อมาเลือกไปฆ่ากินด้วยความทุกข์ทรมานนานตั้งครึ่งค่อนวัน ยิ่งเป็นปลาช่อนยิ่งถูกทารุณหนักเข้าไปอีก เพราะก่อนตายถูกเขาเอามีดเลาะเกล็ดตลอดตัวออกทั้งเป็นๆมันคงจะเจ็บปวด เจ็บเนื้อหนังสุดพรรณนาทีเดียวเมื่อเกล็ดถูกคมมีดถากออกอย่างไม่ปรานีปราศรัยจนเลือดไหลซิบไปทั่วทั้งตัว ผมเห็นสภาพเช่นนี้เกิดเวทนาสงสารปลาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จะให้ทำอย่างเพื่อนมันทำไม่ได้จริงๆถึงจะได้เงินค่าจ้างตอบแทนมากแค่ไหนผมก็ทำไม่ลง หลังจากเลิกงานแล้วเราก็กลับห้องพักประเทืองบอกผมว่าเจ๊แม่ค้าเจ้าของขายปลาแกยินดีรับผม เข้าทำงานด้วย ผมอึกอักอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจบอกเพื่อนไปตามตรงว่าตัวเองคิดอย่ างไร ประเทืองฟังผมพูดจบเขาก็แสดงอาการโกรธขึ้นมาอย่างที่ผมคิดไม่ถึง เขาพูดห้วนๆ ว่าถ้ากลัวบาปไม่อยากทำบาปก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ พูดอย่างนี้ก็ไล่กันซึ่งๆ หน้า


.....แต่ผมไม่โกรธเขาเลย เพราะเขาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผมแน่นอน ผมจึงลาประเทืองไปหางานทำใหม่ ก็ได้งานทำกับบริษัทแห่งหนึ่งผมทำงาน 2 ปีกว่าไม่ได้กลับบ้านเลย พอดีบริษัทหยุดตรุษจีน 4 วันรวดผมจึงมีโอกาสไปเยี่ยมพ่อแม่และน้องๆ ที่บ้านเกิดและได้ทราบข่าวร้ายเรื่องประเทืองเพื่อนของผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนกับรถปิ๊กอัพที่กรุงเทพฯ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสตรงกระดูกสันหลังนอนโรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน ก็ออกจากโรงพยาบาล ปรากฏว่ประเทืองเป็นอัมพาตร่างกายท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปไม่มีความรู้สึก ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเฉยๆผมจึงรีบไปเยี่ยม เห็นประเทืองแล้วผมสงสารเขามากที่สุดร่างกายที่เคยล่ำสันบึกบึนผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ขาทั้งสองข้างลีบเล็กเขาทำได้แค่นั่งพิงฝากับนอน ไปไหนต้องใช้มือถัดไป ท่าทางของประเทืองหมดอาลัยตายอยากผมทักทายพูดปลอบใจให้กำลังใจเขาอย่างดีที่สุด พร้อมกับให้เงินเอาไว้ใช้ส่วนตัวประเทืองน้ำตาคลอ เขาขอบใจผม และบอกว่าเขาไม่ควรโกรธผมถึงกับไล่ไม่ให้อยู่ด้วยผมบอกเขาว่าผมไม่เคยคิดโกรธเคยเป็นเพื่อนกันอย่างไรก็เป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง


ก่อนจากกันประเทืองพูดกับผมว่า“เชื่อแล้วว่าบาปกรรมมีจริงๆ จากการที่แทงกระดูกหลังปลาดุกปลาช่อนให้เป็นอัมพาตบาปก็ตามมาถึงอย่างที่เห็น ต้องเป็นอัมพาต ต้องทุกข์ทรมานไปจนกว่าจะตายเพื่อนคิดถูกแล้วที่ไม่ยอมทำงานสร้างกรรม ขอให้เพื่อนเจริญๆ เถอะ


ที่มา
http://www.sil5.net/index.asp?contentID=10000006&bid=168&title=%A1%C3%C3%C1%B5%D2%C1%B7%D1%B9&keyword=
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 พ.ค. 2554, 08:30:11 โดย ทรงกลด »
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 พ.ค. 2554, 09:13:50 »
กรรมติดจรวด หักล้างกันชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า 01; 01;
                   
อ่านไป อ่านมา สงสารทั้งปลา และ สงสารทั้งคนถูกกรรมตามทันครับ 23; 23;
                                                                                                                               
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
   
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความรู้ดีมากๆครับผม :016: :053: :015:
   
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ) :054: :054:
   
 

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 07 พ.ค. 2554, 11:36:24 »
ไก่ไร้ขา ทรมาน ทั้งเป็น

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดลำพูนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งแม่น้ำปิง ตามธรรมดาของบ้านเรือนในชนบทสมัยนั้นที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ไว้เพื่อเป็นอาหารและเลี้ยงไว้ขาย โดยเฉพาะไก่ที่ชาวบ้านจะพากันเลี้ยงไว้เกือบทุกครอบครัว

และเป็นธรรมดาอีกเหมือนกัน ที่เจ้าไก่เหล่านี้จะซุกซนและชอบบินเข้าไปในครัวหรือในบ้าน เพื่อหาอาหารกินตามสัญชาตญาณ ซึ่งก็นำมาซึ่งความรำคาญ และความน่าปวดหัวสำหรับเจ้าของบ้านที่จะต้องมาคอยไล่มันให้ออกไปให้พ้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องคอยเก็บกวาดข้าวของ ที่กระจัดกระจายเพราะพวกมันคุ้ยเขี่ย หรือไม่ก็ต้องคอยเช็ดขี้ของพวกมันที่ชอบถ่ายไว้เรี่ยราด ซึ่งทั้งเหม็นและสกปรก


อีเขียวไก่ในบ้าน ต้องออกหาอาหารกิน ให้มากกว่าปกติ เพื่อตุนพลังงาน
นางบัวบานก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านนั้น นางกำลังท้องแก่เต็มที และเป็นธรรมดาของคนท้องคนไส้ ที่มักจะมีอารมณ์ฉุนเฉียว และขี้โมโหอยู่เสมอ และก็ไม่ต่างจากบ้านอื่นบ้านนางก็เลี้ยงไก่ไว้เช่นกัน และกำลังมีปัญหาอยู่กับอีเขียว ไก่จอมดื้อซึ่งมักจะบินเข้ามาคุ้ยเขี่ย ทำให้ครัวและบ้านเลอะเทอะอยู่เสมอ

อีเขียวมันกำลังฟักไข่จึงจำเป็นต้องออกหาอาหารกิน ให้มากกว่าปกติ เพื่อตุนพลังงานไว้สำหรับ การเลี้ยงดูลูกน้อยเกือบสิบชีวิต ที่กำลังจะออกจากไข่มาดูโลกในไม่ช้า นางบัวบานคอยรบคอยไล่เอาล่อเอาเถิดอยู่กับอีเขียวนานพอสมควร จนวันหนึ่งความอดทนของนางก็สิ้นสุด

คว้ามีดอีโต้ขึ้นมาแล้วสับลงไปเต็มแรง
วันนั้นอีเขียวบินเข้าไปในครัวและคุ้ยเขี่ยจนข้าวของ ตกลงพื้นแตกกระจาย นางบัวบานโมโหมากไล่ไปแป๊บเดียวอีเขียว ก็บินเข้าไปใหม่ จนมีคราวหนึ่งนางขึ้นไปไล่และคว้าขามันไว้ได้โดยบังเอิญ

ด้วยความโมโหที่ต้องเหนื่อยไล่มันอยู่นาน นางจึงคว้ามีดอีโต้ขึ้นมาแล้วสับลงไปเต็มแรง

อีเขียวร้องอย่างเจ็บปวด และดิ้นทุรนทุราย แต่ก็ไม่สามารถจะวิ่งหนีไปไหนได้ ได้แต่ใช้ร่างแถกไถลไปกับพื้นบ้าน เพื่อหนีเอาตัวรอด เพราะขาทั้งสองข้างของมันถูกนางบัวบานใช้มีดสับขาด และขาที่ขาดของมันทั้งสองข้างตอนนี้อยู่ในมือนางบับาน

รอยเลือดเลอะไปทั่วพื้นบ้าน ล้างยังไงก็ล้างไม่หมด
" ดี เป็นไงอีเขียว เก่งนักหรือมึงไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป ดูซิไม่มีขาแล้วต่อไปมึงยังจะมีปัญญาเข้ามาคุ้ยเขี่ยในบ้าน ให้มันเลอะเทอะอีกมั๊ย ไปเลยไปดิ้นไกล ๆ กู นี่แนะ "

นางใช่ขาเตะใส่อีเขียวจนร่างของมันปลิวตกจากบนเรือน ไปดิ้นกระแด่ว ๆ อย่างน่าสงสารตรงใต้ถุน พร้อมกับขว้างขาทั้งสงข้างของมันลงน้ำปิงไป รอยเลือดอีเขียวที่เลอะไปทั่วพื้นบ้าน ล้างยังไงก็ล้างไม่หมดคงเหลือไว้เป็นรอยจาง ๆ
เหมือนกับจะจดจำและตราตรึงสิ่งที่นางได้กระทำกับมันไว้

นางบัวบานเจ็บท้องคลอด หมอตำแยประจำหมู่บ้านถูกตามตัวมาอย่างเร่งด่วน
สองเดือนต่อมาวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง กลางดึกของคืนนั้นนางบัวบานก็เจ็บท้องคลอด ทุกคนในบ้านรวมทั้งนางบัวบานต่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะนี่เป็นท้องแรกและจะเป็นลูกหลานคนแรกของวงศ์ตระกูล

หมอตำแยประจำหมู่บ้านถูกตามตัวมาอย่างเร่งด่วน ภายในบ้านดูชุลมุนวุ่นวายเพระไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้กันมาก่อน เสียงเอะอะโวยวายสับสน ดังระงมไปหมด

´อีบัวบาน ไอ้ศักดิ์ ลูกมึงไม่มีขา!!"
นางบัวบานถูกหมอตำแยพาเข้าไปในห้องแล้ว ทุกคนข้างนอกต่างพากันนิ่งเงียบรอคอยเวลาด้วยใจระทึกจนกระทั่ง

"อุแว้ อุแว้ "
"เกิดแล้วอี่บัวบานเกิดแล้ว ออกมาและ...แต่..ทำไมทำไมเด็กมันไม่..ไม่มีขา อีบัวบาน ไอ้ศักดิ์ ลูกมึงไม่มีขา "

เสียงยายปาหมอตำแยที่ทำคลอดร้องโวยวายอย่างตื่นตระหนก ทุกคนไม่ว่าปู่หรือย่า ตายายและญาติพี่น้องรวมถึงนายศักดิ์ผัวนางบัวบานต่างพากันกรูเข้าไปในห้อง แล้วภาพที่ปรากฏต่อสายตาก็ทำให้ทุคนยืนตะลึง ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด

ร่างของทารกน้อยที่อยู่ในมือยายปา เปื้อนไปด้วยเลือดและสายรกยังระโยงไม่ได้ตัด ขาทั้งสองข้างของเด็กสั้นกุดอยู่แค่หัวเข่าเท่านั้น สำหรับนางบัวบาน นางกรีดร้องแล้วสลบไปตั้งแต่วูบแรกที่ร่างของลูกน้อยหลุดพ้นออกมาจากช่องคลอด เผยให้เห็นส่วนอันอัปลักษณ์นั้นแล้ว

มรดกกรรม ... ที่หนีไม่พ้น
สองปีต่อมา บนชานบ้านนางบัวบานนั่งเอาหลังพิงฝา สายตาเหม่อมองไปยังร่างของลูกน้อย ร่างน้อย ๆ นั้นค่อยไถลไปบนรถเข็นที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความร่าเริง สดใสไร้เดียงสา

เสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจเมื่อยามที่เลื่อนรถไล่ตามลูกไก่ตัวเขื่องที่ถือเอาเป็นเพื่อนเล่น นางบัวบานรู้สึกตื้นขึ้นมาอก น้ำตาค่อย ๆ รื้นบนขอบตา ก่อนจะปล่อยมันไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย

"ลูกแม่ทำไมหนอทำไมลูกต้องมารับกรรม ที่เจ้าไม่ได้ก่อ แม่ผิดเองบาปเหล่านั้นแม่ก่อขึ้นเอง ไม่น่าเลยไม่น่าเลย แม่ขอโทษลูกแม่ผิดไปแล้ว แม่ผิดไปแล้วแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ "

เสียงพร่ำคร่ำครวญนั้นค่อย ๆ ขาดหายไปในคอ นางฟุบหน้าลงกับเข่า ร้องให้สะอึกสะอื้นเหมือนกับว่าจะขาดใจไปตรงนั้น

หยุดคิดสักนิดก่อนที่จะกระทำบาปอันหนานั้น
ที่ใต้ถุนบ้าน ร่างของอีเขียวซึ่งตอนนี้กลายเป็นแม่ไก่ที่ชรามากแล้ว ค่อย ๆ กระพือปีก และไถลร่างไปตามพื้นดิน พลางใช้ปากจิกคุ้ยลงไปบนพื้นอย่างลำบากเพื่อหาอาหาร อีกไม่นานหรอกอีกไม่นานชีวิตมันคงจะสิ้นสุด หลุดพ้นซึ่งความทรมานเสียที

แต่ร่างที่กำลังไถลร่าเริง อยู่ข้างบนสิ อีกยาวนานนักที่ต้องลำบากทนทรมาน และชดใช้เวรกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ แต่มันเป็นมรดกตกทอด เป็นมรดกกรรมที่เขาเองคงไม่อยากรับ และไม่น่าต้องมารับและสืบทอดอย่างนี้เลย

หากมารดาของเขาจะหยุดคิดสักนิดก่อนที่จะกระทำบาปอันหนานั้น คิดสักนิดว่าถ้ามันฉลาด และประเสริฐจริงมันก็คงไม่ต้องเกิดมาเป็นไก่อย่างนั้น มันเป็นเพียงสัตว์เดียรัจฉาน ที่ต้องหากินเพื่อการมีชีวิตรอดตามสัญชาตญาณเท่านั้นเอง


ขอบคุณที่มา
http://happy.teenee.com/xfile/kod/101.html

ออฟไลน์ รุท หมัดหนักครับ

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 2312
  • เพศ: ชาย
  • ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    • MSN Messenger - bassudza501@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 07 พ.ค. 2554, 06:58:50 »
ขอบคุณครับ :090:
รักและศรัทธา

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 08 พ.ค. 2554, 10:07:57 »
ขอบคุณมากๆคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ สงสารปลา กับ ไก่ คะ :090: :071: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 08 พ.ค. 2554, 10:18:54 »
ขอบคุณมากๆคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ สงสารปลา กับ ไก่ คะ :090: :071: :090:
แถมเรื่องแมวอีกเรื่องหนึ่งครับ
=======================
กรรมที่ทำกับแมว

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง ซึ่งตาของเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังอายุ 10 ขวบเห็นจะได้ เล่าให้ฟังว่า ตาได้สร้างเวรสร้างกรรมไว้อย่างสาหัส

ตอนนั้นยายเรียกให้ทุกคนในบ้านออกมากินข้าว

โดยที่วางสำรับข้าวไว้ ขณะที่ตากำลังเดินออกมา ก็บังเอิญเห็นเจ้าแมวตัวหนึ่งกำลังคาบเอาปลาดุกย่างไป ตาจึงวิ่งไล่ตาม หวังให้มันปล่อยปลาดุกอย่างตัวนั้นออกจากปาก แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เจ้าแมวตัวนั้นกระโดดเข้ากองฟาง

ตาเห็นดังนั้นก็ย้อนเข้าบ้านสักครู่

ก็ออกมาพร้อมกับปืนลูกซองพร้อมกับไม้ขีดไฟ ยายพยายามห้ามตาว่าให้ปล่อยมันไป ตาก็ไม่ยอมฟัง แล้วตาก็เริ่มเผากองฟางกองนั้น เมื่อไฟโหมแรงขึ้น เจ้าแมวตัวนั้นก็กระโดดออกมาจากกองฟาง แต่ครั้งนี้ในปากของมันจากที่เป็นปลาดุกย่างตัวนั้น มันกลายเป็นลูกแมวที่ยังไม่ลืมตา เจ้าแมวตัวนั้นวิ่งออกมา

ส่วนทางตาที่เตรียมขึ้นไกปืนไว้รอท่าอยู่แล้ว

ก็ยิงสวนออกไป สิ้นเสียง เจ้าแมวตัวนั้นก็ลอยกระเด็นเข้ากองฟางไป ตาหัวเราะชอบใจในฝีมือของตัวเอง แต่ยายปล่อยน้ำตาไหลออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นไปดูมัน สภาพนางแมวสาวตัวนี้มีเต้านมถึงสี่เต้าแสดงว่ามันไม่ได้มีลูกแค่ตัวเดียว อย่างน้อยต้องมีสักสี่ตัว ซึ่งบัดนี้คงนอนตายอยู่กลางเพลิงไฟไปเรียบร้อยแล้ว

บุญเจ้าแมวน้อยที่แม่คาบออกมา

ยายจึงรีบจับมันมา หวังชุบเลี้ยงแทนแม่ของมัน เราไม่มีโอกาสรู้เลยว่า กรรมที่ตาสร้างไว้ครั้งนี้จะส่งย้อนกลับมายังตาในวันหนึ่ง ขณะที่ตาจูงควายจะไปเทียบเกวียน แต่ควายตัวนั้นมันดื้อ ตาจึงใช้ไม้ฟาดมันอย่างหนัก ตามนิสัยโมโหร้ายของตา ครั้งนี้เจ้าควายตัวนั้น ตัวที่ตามักจะระบายอารมณ์ใส่มันด้วยความเกลียดชังกลับโต้ตอบ มันแว้งขวิดเข้าที่สะโพก แล้วตาก็ยิงมันตายในที่สุด

แผลที่เกิดจากควายขวิดไม่คิดว่าจะส่งผลต่อมาให้ตา

แต่แรกก็รักษาด้วยยาสามัญประจำบ้านกันไปตามมีตามเกิด อีกทั้งไม่คิดว่า แผลที่ว่านั้นจะหนักหนา แต่แล้วมันกลับสาหัสมากขึ้น จนกระทั่งตาลุกเดินไปไม่ได้ ขาข้างหนึ่งของตาลีบเล็กลงไม่นานแผลนั้นก็เริ่มเน่าเฟอะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ตาเริ่มร้องด้วยความทรมานทุกวัน มีคนพูดว่าเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เหมือนเสียง “วัว” เสียง “ควาย” สร้างความทุกข์ทรมานให้ตาอยู่ทุกวัน และวาระสุดท้ายของตาก็มาถึง

วันนั้นพ่อแม่เพื่อนผมพากันออกไปดูหนังขายยาที่เข้ามาในหมู่บ้านของเรา

ปล่อยให้ตายายอยู่บ้าน ขณะที่กำลังดูหนังอยู่นั้นก็มีเสียงตะโกนว่า “ไฟไหม้” พอหันไปมองแสงสีเพลิงที่เด่นเป็นสง่ากลางความมืด ไฟที่รุกโชติช่วงอยู่นั้น เป็นบ้านของเพื่อนผม พ่อแม่วิ่งกลับไปทันทีพร้อมๆ กับเพื่อนพ่อแม่ต่างก็วิ่งไปช่วยกันเป็นการใหญ่

แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว

พอถึงบ้านแม่ก็เห็นยายนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นดิน ได้แต่ร้องเรียกตาที่อยู่ในกองเพลิง ไฟไหม้หมดไปทั้งหลัง สภาพศพของตานั้นดูไม่เหมือนคนเดิม เพราะสภาพบัดนี้ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว


ยายเล่าให้ฟังว่า

ขณะที่นอนอยู่กับตานั้น มีแมลงทับบินเข้ามาเล่นตะเกียงไฟ ลูกแมวกำลังซนจึงวิ่งเล่นไล่จับแมลงทับ แล้วไปโดนตะเกียงไฟล้มไปติดมุ้ง ไฟก็เริ่มติด ยายพยายามที่จะดึงตาออกมา แต่ยายดึงไม่ไหว ตาเป็นคนรูปร่างใหญ่ ยายไม่สามารถลากเอาตาออกมาได้ ทุกคนแม้กระทั้งยาย ยังพูดออกมาเหมือนกันว่า “ตา ตายเพราะใช้กรรมที่ทำไว้กับแมวแท้ ๆ

นี่แหละที่ว่า สร้างเวรสร้างกรรมอย่างไรไว้ ก็ต้องชดใช้กันไปเช่นนั้นเหมือนกัน อย่างที่ตาโดน


ขอบคุณที่มา
http://happy.teenee.com/xfile/kod/1231.html

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 08 พ.ค. 2554, 10:29:04 »
แทงตาปลา

ข้าพเจ้านึกถึงครั้งข้าพเจ้าได้ไปหาเพื่อนผู้คุ้นเคยกันมานาน และเป็นทันตแพทย์เนื่องจากสุขภาพของหมอไม่ค่อยจะปกตินัก ข้าพเจ้าจึงไปถามข่าวเยี่ยมเยียนในฐานะผู้ที่รักใคร่คุ้นเคยกันมานาน

ก่อนที่จะเข้าบ้านของหมอ ข้าพเจ้าก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังเดินสวนออกจากบ้าน พระรูปนั้นมีลูกศิษย์จูงนำเดินหน้าทำให้นึกว่าพระภิกษุรูปนั้นคงตาพิการหรือ บอด คิดสงสัยตาท่านบอดทำไมถึงบวชได้ เมื่อได้เข้าไปในบ้านหมอผู้คุ้นเคยแล้ว เราจึงทักทายปราศรัยกันพอสมควร ข้าพเจ้าจึงเอ่ยถามหมอว่า

นี่หมอ ผมเห็นพระองค์ที่ออกไปจากบ้านหมอเมื่อครู่นี้ สวนทางก่อนหน้าผมจะเข้ามานั้น ท่านตาบอดใช่ไหม จึงมีลูกศิษย์จูง?
หมอยิ้มแล้วพูดว่า ?ใช่ ท่านเป็นมหา ๓ ประโยค ตาท่านบอดภายหลังเมื่อท่านบวชหลายปี?ข้าพเจ้าสงสัยจึงถามต่อไป ?ทำไมไม่หาหมอแผนปัจจุบันมารักษา ผมคิดว่าสามารถจะรักษาให้หายได้?หมอหัวเราะแล้วพูดว่า ?รักษาแล้วไม่หาย ท่านได้เล่าให้ผมฟังเรื่องในอดีตที่ท่านได้ทำกรรมไว้ และท่านได้รู้ตัวว่ากรรมตามสนอง ในชาตินี้ท่านก็ต้องใช้กรรมที่ท่านได้ทำไว้จนกว่าจะหมดหนี้?

ข้าพเจ้าฟังแล้วก็ เกิดความสนใจ จึงขอร้องให้หมอช่วยเล่าเรื่องอดีตของท่านมาให้ข้าพเจ้าฟัง หมอก็ได้กรุณาเล่าให้ฟังมีใจความว่า ?เมื่อครั้งท่านมหาสมัยเมื่อยังไม่บวช และอยู่ในวัยรุ่น บ้านของท่านอยู่ติดกับคลองมีกระไดท่าน้ำ เวลานั้นชาวบ้านส่วนมากไม่ชอบใส่รองเท้า ถนนยังไม่ดี หน้าฝนเละเป็นโคลน เมื่อไปไหนมาไหนกลับมาถึงบ้านก็ต้องไปที่กระไดท่าน้ำเพื่อล้างเท้าให้สะอาด ก่อนจะขึ้นบ้านขึ้นเรือน

วันหนึ่งท่านได้กลับมาจากเที่ยว ก็ไปที่ท่าน้ำลงไปล้างเท้าเป็นเวลาที่มีปลาแขยงชุกชุม เมื่อมีคนลงมาล้างเท้าพวกปลาก็พากันมาตอด ท่านมีความโกรธมากตามอารมณ์ร้อนแรงของคนหนุ่ม ขาดสติมีความประมาทคิดแต่จะแก้เผ็ด ที่เจ้าพวกปลาแขยงมาตอดเท้า นึกพยาบาทคิดจะต้องทำให้หายแค้น จึงรีบขึ้นบนเรือนคว้าได้สวิงรีบลงมาเพราะอารมณ์โกรธ รีบลงไปตีนท่าทำเป็นล้างเท้า กระทุ่มน้ำพอเป็นพิธี พวกฝูงปลาแขยงต่างก็ว่ายเข้ามาตอดเท้า

ทันใดนั้นท่านก็เอาสวิงช้อนปลาขึ้นมาได้ ๖ - ๗ ตัว คิดว่าจะทุบตีให้มันตายก็ง่ายเกินไป ยังไม่สมกับอารมณ์แค้นและความโกรธ จะต้องทรมานให้สาสมจึงจะสมแค้น จึงรีบวิ่งขึ้นเรือนหาด้ายเข็ม รีบจัดแจงลงมาที่ท่าน้ำ แล้วก็เอาเข็มแทงลูกนัยน์ตาทั้งสองข้างทุกตัวแล้วก็ปล่อยลงน้ำไป เมื่อทำแก่ปลาเหล่านั้นได้ก็คลายความโกรธลงบ้าง ในใจนึกสมน้ำหน้าที่มันมาตอดเท้า

ครั้นหลายปีต่อมาเมื่ออายุครบบวช ก็เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาเล่าเรียนในทางธรรมสอบได้เป็นมหาเปรียญ ๓ ประโยค ท่านก็เริ่มเจ็บตาข้างหนึ่ง แม้จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ทั้งเจ็บทั้งปวดแสนสาหัส แทบจะทนไม่ไหว เมื่อให้แพทย์แผนปัจจุบันตรวจก็บอกว่าต้องผ่า มิฉะนั้นก็ไม่มีโอกาสหาย ที่สุดหมอก็ได้ผ่าตา แต่ก็ไม่สามารถจะรักษาได้ ที่สุดตาก็บอดลง

ท่านก็นึกรู้ได้ทันทีนั้นว่า กรรมที่ท่านได้มีจิตอาฆาตพยาบาทกับปลาแขยงในสมัยวัยรุ่นนั้น บัดนี้กรรมได้ติดตามมาทันแล้ว ต่อมาไม่นานตาที่ยังใช้ได้ดีข้างหนึ่งก็เกิดปวดขึ้นมา รู้สึกว่าความเจ็บปวดมากมายแทบจะปะทุออกมาต้องไปหาแพทย์ แพทย์ก็ลงความเห็นว่าไม่มีทางอื่นจะต้องผ่าอีกเมื่อไม่มีทางอื่นเลือก ท่านก็ยอมเสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง ที่สุดตาของท่านก็บอดสนิททั้งสองข้าง ท่านจึงนึกว่าโรคกรรมเวรนี้ หมอเก่งเพียงไรก็ไม่สามารถจะรักษาหายได้?

นี่ก็ชี้ให้เห็นว่ากรรมใดที่พวกเราก่อขึ้น ด้วยอำนาจจิตคิดพยาบาทอาฆาต ย่อมจะก่อให้เกิดผลขึ้นมาได้ เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังหมอเล่าแล้วรู้สึกเศร้าใจที่มนุษย์อีกจำนวนไม่น้อยที่ ไม่เชื่อกรรม ฉะนั้น โลกในยุคปัจจุบันนี้จึงมีการฆ่าฟันเอาชีวิตกันง่าย เพราะไม่เกรงกรรมไม่เกรงเวร เกรงบาป จิตใจจึงเหี้ยมโหดชั่วร้ายหากมีผู้เชื่อกรรม เชื่อบุญ เชื่อบาปแล้วโลกที่เราอยู่นี้ก็จะเกิดความสงบขึ้นอีกมาก


ขอบคุณที่มา
http://www.watpanonvivek.com/phpBB306/viewtopic.php?f=39&t=1054

ปีระกา

  • บุคคลทั่วไป
ตอบ: ......ทำกรรมกับปลา.....
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 09 พ.ค. 2554, 04:05:03 »
ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับ