ปฏิบัติไม่คุ้มค่า
ถ้าท่านลำพังแต่เพียงแค่นั่งสมาธิ 3-4 ชั่วโมง ออกมาแล้ว ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นไปตามอำเภอใจ ไม่มีการทำสติกำหนดตามรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านประสบอยู่ มันก็ไม่คุ้มค่า จะไปสำรวมจิตเฉพาะในขณะหลับตานั้นไม่คุ้มเพราะแรงผลักดันที่จะทำจิตของเราให้ตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำนี้มันมีมากเหลือเกิน
เครื่องวัดผล
ถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริง
ท่านอย่าไปถือพวกถือพรรค
ถือคณะว่าหมู่เขา หมู่เรา อาจารย์เขา อาจารย์เรา
ขอให้ยึดถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่ง
ธรรม
สัมมาสมาธิ มุ่งให้จิตตั้งมั่นให้รู้จริง เห็นจริง
ภายในจิตใจของตนเอง อย่างน้อยก็ให้รู้ว่า
ใจของเราจิตของเรามันเป็นอย่างไร มันเป็นคนขี้โลภ
ขี้โกรธ ขี้หลง หรืออะไรก็แล้วแต่ อ่านตัวเองให้มันออก
นี้คือจุดที่ต้องการรู้
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาวิทยาศาสตร์
หากใครว่าศาสนาพุทธไม่ใช่วิทยาศาสตร์
แสดงว่าผู้นั้นไม่รู้จักศาสนาพุทธจริง
เราเหงา เราหวังพึ่งคนอื่น สิ่งอื่น
ถ้าใจมันนึกว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ"
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็หายเหงา
ทำใจให้มีที่อยู่ ที่อยู่ของใจ คือ วิหารธรรม
ถ้าใจยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
อย่างแน่วแน่ ก็หายเหงา
ปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้า เพราะปฏิบัติไม่ถึง
ไม่ถึงขั้นสละชีวิตเพื่อข้อวัตรปฏิบัติ
เราขาดความอดทน
ทำไม่ถึง แล้วก็ทำไม่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้นต้องทำให้มาก ๆ
อบรมให้มาก ๆ มันถึงจะก้าวหน้า
ท่านผู้ใดสำคัญตนว่าเป็นพระโสดาบัน คนนั้นไม่ใช่
ท่านผู้ใดสำคัญตนว่าเป็นพระสกทาคา อนาคามี อรหันต์
คนนั้นไม่ใช่
เพราะความเป็นพระอรหันต์มันอยู่เหนือสมมติบัญญัติ
ผู้สำเร็จแล้วจะรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวหมดกิเลสแล้วเท่านั้น
ในประเทศไทยนี่เรามีแต่เกจิอาจารย์เก่ง ๆ ทั้งนั้น
อาจารย์ไหนประกาศออกมาก็ของดีร่ำรวยอย่างนั้นอย่างนี้
แต่คนก็จนลงทุกที เพราะอะไร
เพราะเขาไปคอยแต่ฟ้าดินจะบันดาลให้
คอยแต่เครื่องราง ของขลังของดิบของดีมาช่วย
แต่ตัวเองไม่ช่วยตัวเอง
จงพยายามหาที่พึ่งให้ตนเอง
คนที่หาพึ่งแต่คนอื่น จะพบแต่ความหลอกลวง
เดี๋ยวนี้คนทั้งหลายคิดหาพึ่งคนอื่น ซึ่งผิดหลักความจริง
จงสร้างสมรรถภาพของตัวเองให้มีจิตใจเข้มแข็ง
เรียนธรรมะ ปฏิบัติธรรมะ เป็นหลักสูตรรักษาใจ
วิชาแพทย์เป็นสูตรสำหรับรักษาร่างกาย
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจทั้งสองอย่างแล้วก็สบาย
ที่มา
http://www24.brinkster.com/thaniyo/dhamma0744_2.html