เรื่องการสักของหลวงปู่แย้มนั้น มีน้อยคนมากที่จะทราบว่าท่านสามารถสักได้ ซึ่งเรื่องประสบการณ์การสักของท่านนั้นเป็นที่กล่าวขานของบรรดาลูกศิษย์กัน อย่างมากมาย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน ที่มีลูกศิษย์ลูกหาและผู้คนมากมาย ที่เดินทางไปหาท่านไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่แห่งใดใกล้ไกลแค่ไหน แม้ตอนที่หลวงพ่อเต๋ท่าน เดินทางไปตัดไม้ที่เมืองกาญเป็นหลายๆเดือน ก็ยังมีคนคอยเดินทางไปให้หลวงพ่อเต๋ท่านสักให้ จนบางครั้งหลวงพ่อเต๋มีอาการเป็นลมกันทีเดียว เนื่องจากท่านสักตั้งแต่เช้าจนมืด .. (หลวงปู่แย้มเล่าให้ผมฟังครับ) เรื่องประสบการณ์การสักของหลวงพ่อเต๋ท่าน คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว เพราะผู้คนมากมายที่ได้ไปสักกับท่าน โดยเฉพาะบรรดาทหารที่ได้ไปออกรบในสงครามช่วงนั้นต่างเป็นที่ประจักษ์กัน อย่างชัดเจนและกว้างขวาง
หลวงปู่แย้มท่านก็เป็นอีกองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงในด้านนี้อย่างเงียบๆ เพราะท่านไม่เคยบอกใครว่าท่านสักได้ ท่านไม่เคยบอกใครว่าของท่านดีอย่างไร ซึ่งเรื่องประสบการณ์การสักจากท่านนั้นเป็นเรื่องที่เล่ากันในหมู่บรรดาลูก ศิษย์แบบปากต่อปากกันซะจนข่าวได้กระจายไปอย่างกว้างขวาง
การขอสักจากท่านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางคนมาเป็นสิบๆครั้ง มาเป็นปีๆ ยังไม่ได้สักจากท่านก็มี เนื่องจากท่านจะมีเหตุผลในการพิจารณาของท่านเองว่าท่านจะสักให้มั๊ย? เช่น ความตั้งใจ ความพยายาม ความอดทน อีกทั้งเหตุผลของท่านอีกมากมาย ถ้าประเภทมาแบบอยากลอง อยากพิสูจน์ หรือพวกที่ชอบสัก มีรอบสักเต็มตัว ท่านมักจะไม่ค่อยลงให้ เพราะท่านจะบอกว่า “เฮอะ .. สักอะไรกันมากมาย มีดีอยู่แล้วจะเอาอะไรกันอีก.. ไม่ได้เรื่อง..!!” ... อะไรทำนองนี่ก็มีครับ
อย่างบางคนที่สักเต็มตัวมา แล้วท่านสักให้ทีเลือดกระจาย ท่านจะยิ้มหัวเราะแล้วบอกว่า "มันเหนียวตรงไหนนนน...!!"วันที่ท่านจะสักให้นั้นมีสองวันคือ วันอังคาร และ วันเสาร์ เพราะถือเป็นวันที่แรงและกำลังวันมาก..
เรื่อง จำนวนครั้งในการสักนั้น ท่านไม่ได้พูดชัดเจนเท่าไร แต่ลูกศิษย์ก็จะขอสักกับท่านให้ได้เต็มที่ 7 ครั้ง เป็นอันว่าเต็มที่สุดๆแล้ว (จริงๆครั้งเดียวก็พอแล้วครับ หากไม่สะดวกเรื่องเวลาและโอกาส)
เข็มที่ท่านใช้สักนั้นจะพวกเข็มสแตนเลส หรือไม่ก็ เข็มทองเหลือง ตัวด้ามมีความยาวประมาณ 1 ท่อนแขนครับ
น้ำมัน ที่ใช้สักนั้นเป็นน้ำมันที่เคี่ยวมาจากกระดูกสัตว์บ้าง เนื้อว่านต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมันของหลวงพ่อเต๋ท่านอยู่ด้วย ลักษณะน้ำมันที่สักนั้นจะเคี่ยวอย่างเข้มข้น จนมีสีเหลืองเข้มแต่ใส และค่อนข้างเหนียวมันอย่างมาก
ยันต์ที่ท่านใช้สักนั้น ไม่เชิงเป็นรูปภาพ แต่ท่านจะแทงสักวนเป็นรูปยันต์และแทงเป็นอักขระบนตัวมากกว่าที่จะแทงเป็นรูป ให้เห็นเหมือนกับการสักยันต์ตามที่เราคุ้นเคยได้เห็นกันทั่วๆไป
การสักของท่านนั้นจะเริ่มตั้งแต่ กลางกระหม่อม จนทั่วศีรษะ จากนั้นจะไล่ลงมาบริเวณลำคอ ช่วงแผงหน้าอก ท้อง สีข้าง หัวไหล่ ท่อนแขนทั้งสองข้าง ... แล้วมาต่อที่ด้านหลัง ตั้งแต่หลังคอ แผงหลัง หลังท่อนแขนทั้งสองข้าง เอว สีข้างด้านหลัง .. หลังจากนั้นท่านจะเป่าเรียกยันต์ทั้งหมด พร้อมกับการลองเล็กๆน้อยๆ โดยการใช้เข็มเกี่ยวหลังคอ 2-3 ครั้ง เป็นอันจบพิธี
การลงน้ำหนักเข็มของหลวงปู่เป็นที่เลื่องลือว่า “หนักมาก”.. เพราะท่าทางการแทงเข็มของหลวงปู่นั้น ท่านจะแทงลักษณะการกระแทกเข็มลงมาที่ตัว หากเป็นบริเวณศีรษะจะเสียงดัง “กึกๆๆ” ดังมาก .. บางรายถึงขนาดเลือดไหลเป็นหยดเลยก็มีครับ และด้วยเหตุนี้มีหลายรายที่ทนเจ็บปวดไม่ไหวจนแสดงอาการออกมาให้หลวงปู่ท่าน เห็น ... ท่านก็จะหยุดทันที และจะไม่สักให้คนๆนั้นอีกเลยครับ
ปัจจุบัน หลวงปู่ท่านได้วางเข็มมาเกือบ 2 ปีแล้ว เนื่องจากสุขภาพของท่าน โดยเฉพาะกำลังแขนและกำลังการของท่านที่น้อยลง และเหนื่อยง่ายขึ้นของท่าน อีกทั้งหลวงปู่ท่านเอ่ยปากด้วยตัวท่านเองว่าท่านจะไม่สักแล้ว ปัจจุบันจะเห็นเข็มวางอยู่ด้านหลังท่าน แต่น้ำมันสักนั้นได้ให้ลูกศิษย์เก็บไปบูชาแล้วครับ
เครดิต
http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic=26&action=view