หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล > สนทนาภาษาผู้ประพฤติ

ปัญหาที่พบบ่อยครั้งในการปฏิบัติธรรม

<< < (2/3) > >>

~เสน่ห์ต้นน้ำ~:
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
ผมนั่งสมาธิทีไรนั่งไม่ได้นานๆสักที

~เสน่ห์โจรสลัด~:
สาธุครับ ที่มาช่วยบอกกล่าวแนวทางที่ดี ...  :054:

derbyrock:
กราบขอบพระคุณหลวงพี่ครับ  ที่มาชี้ทางให้ครับ จริงๆเหตุเกิดจาก ช่วงก่อนผมนั่งแล้วสงบ เย็นสบายทุกครั้ง แต่พอศึกษา ก็เข้าใจว่าการนั่งแล้วสงบเย็นสบาย แล้วเดี๋ยวผมจะยึดติดกับความสงบที่เย็นสบาย เลยต้องการใช้ปัญญาคิดปัญหาต่างๆตอนที่สงบ ผลก็เลยชอบจะคิดก่อนสงบครับ แต่วันนี้ช่วงบ่ายได้ไปที่วัดท่าไม้(ตามคำแนะนำของอชิ)และได้ไปนั่งสมาธิหลังจากที่ไหว้พระเป็นที่เรียบร้อย ศาลาสงบใกล้แม่น้ำ วันนี้นั่งแล้วสงบมากครับ มีความรู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยครับ แต่สมาธิมาสะดุดเพราะโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นมาครับ ก็เลยจบการนั่งแค่นั้นครับ จากการที่ผมเคยอ่านบทความของท่าน ที่แนะนำไว้ว่า ไม่ต้องศึกษามากให้ลองนั่งสมาธิเลย เพราะศึกษาแล้ว จิตใจจะปรุงแต่งตามที่ได้อ่านมา ผมก็ทำตามคำแนะนำครับ แต่ทุกครั้งที่ผมนั่งแล้ว เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทุกเหตุการณ์ที่ผมเจอ เมื่อผมมาค้นหา เหตุการณ์ที่ผมได้เจอก็จะมีการบอกไว้ ทำให้ผมรู้สึกว่า การนั่งสมาธิ มีแบบแผน มีขั้นในการปฎิบัติ และทุกๆคนก็จะเจอแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่า กำหนดไม่ได้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ครับ บางคนอาจจะนั่งเป็นเดือนกว่าจะเจอแต่บางคนนั่ง3วันอาจจะเจอแล้ว สิ่งที่ผมเจอคือในช่วงแรก ผมมักเห็นดวงไฟ เป็นดวงไฟที่สว่างมากเหมือนมีคนมาเปิดสปอตไลท์ใส่หน้าผม ผมแสบตาจากแสงไฟในขณะที่ผมหลับตา และไม่มีไฟใดๆ พอผมพบเจอ ผมก็ค้นหา ก็พบว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อย สำหรับคนนั่งสมาธิ เคยอ่านเจอพระท่านสอนให้นำไฟดวงนั้นน้อมเข้ามาในใจ และเหตุการณ์ที่พบอีกครั้งคือ นั่งแล้วตัวเบา เบาจนมีความรู้สึกว่าไม่มีร่างกาย ไม่มีมือ วันนั้นผมค่อนข้างประหลาดใจปนความตกใจ ผมเลยกระดิกนิ้วเพื่อดูว่าผมมีแขนอยู่หรือเปล่า ซึ่งพอผมกระดิกนิ้ว ความรู้สึกในร่างกายผมก็กลับมาทันที ซึ่งพอผมศึกษาก็จะพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่จะพบได้สำหรับคนที่นั่งสมาธิ เพราะถ้าลึกกว่าวันนั้น เท่าที่ผมได้อ่านมา ลมหายใจเราจะเบาลง เบาลง จนรู้สึกว่าไม่ได้หายใจ.................. แต่หลังจากวันนั้นผมต้องการใช้ปัญญาในขณะที่มีสติ ในขณะนั่งสมาธิ ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบที่ได้ถามท่านมาคือ นั่งแล้วเหมือนถอยหลัง เพราะผมเริ่มคิดก่อนผมจะสงบครับ แต่วันนี้ผมลองใหม่ นั่งนิ่งๆไม่คิดอะไร ปล่อยจิตให้ว่าง วันนี้ผมเลยนั่งแล้วสงบ และมีความรู้สึกว่าตัวจะลอยครับ รู้สึกได้ว่าเหมือนนีคนมาดึงให้ลอยครับ....วันนี้ได้อ่านบทความของท่านแล้ว ผมจะนำไปปฎิบัติครับ กราบขอบพระคุณหลวงพี่อีกครั้ง ที่เมตตาไขข้อข้องใจให้ผม ผมคงต้องมีคำถามรบกวนท่านอีกมากน่ะครับ ตอนนี้ศึกษาแนวทางการปฎิบัติจากหนังสือและซีดีของหลวงพ่อชาครับ

รวี สัจจะ...:

--- อ้างจาก: derbyrock ที่ 20 มิ.ย. 2552, 12:52:16 ---กราบขอบพระคุณหลวงพี่ครับ  ที่มาชี้ทางให้ครับ จริงๆเหตุเกิดจาก ช่วงก่อนผมนั่งแล้วสงบ เย็นสบายทุกครั้ง แต่พอศึกษา ก็เข้าใจว่าการนั่งแล้วสงบเย็นสบาย แล้วเดี๋ยวผมจะยึดติดกับความสงบที่เย็นสบาย เลยต้องการใช้ปัญญาคิดปัญหาต่างๆตอนที่สงบ ผลก็เลยชอบจะคิดก่อนสงบครับ แต่วันนี้ช่วงบ่ายได้ไปที่วัดท่าไม้(ตามคำแนะนำของอชิ)และได้ไปนั่งสมาธิหลังจากที่ไหว้พระเป็นที่เรียบร้อย ศาลาสงบใกล้แม่น้ำ วันนี้นั่งแล้วสงบมากครับ มีความรู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยครับ แต่สมาธิมาสะดุดเพราะโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นมาครับ ก็เลยจบการนั่งแค่นั้นครับ จากการที่ผมเคยอ่านบทความของท่าน ที่แนะนำไว้ว่า ไม่ต้องศึกษามากให้ลองนั่งสมาธิเลย เพราะศึกษาแล้ว จิตใจจะปรุงแต่งตามที่ได้อ่านมา ผมก็ทำตามคำแนะนำครับ แต่ทุกครั้งที่ผมนั่งแล้ว เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทุกเหตุการณ์ที่ผมเจอ เมื่อผมมาค้นหา เหตุการณ์ที่ผมได้เจอก็จะมีการบอกไว้ ทำให้ผมรู้สึกว่า การนั่งสมาธิ มีแบบแผน มีขั้นในการปฎิบัติ และทุกๆคนก็จะเจอแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่า กำหนดไม่ได้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ครับ บางคนอาจจะนั่งเป็นเดือนกว่าจะเจอแต่บางคนนั่ง3วันอาจจะเจอแล้ว สิ่งที่ผมเจอคือในช่วงแรก ผมมักเห็นดวงไฟ เป็นดวงไฟที่สว่างมากเหมือนมีคนมาเปิดสปอตไลท์ใส่หน้าผม ผมแสบตาจากแสงไฟในขณะที่ผมหลับตา และไม่มีไฟใดๆ พอผมพบเจอ ผมก็ค้นหา ก็พบว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อย สำหรับคนนั่งสมาธิ เคยอ่านเจอพระท่านสอนให้นำไฟดวงนั้นน้อมเข้ามาในใจ และเหตุการณ์ที่พบอีกครั้งคือ นั่งแล้วตัวเบา เบาจนมีความรู้สึกว่าไม่มีร่างกาย ไม่มีมือ วันนั้นผมค่อนข้างประหลาดใจปนความตกใจ ผมเลยกระดิกนิ้วเพื่อดูว่าผมมีแขนอยู่หรือเปล่า ซึ่งพอผมกระดิกนิ้ว ความรู้สึกในร่างกายผมก็กลับมาทันที ซึ่งพอผมศึกษาก็จะพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่จะพบได้สำหรับคนที่นั่งสมาธิ เพราะถ้าลึกกว่าวันนั้น เท่าที่ผมได้อ่านมา ลมหายใจเราจะเบาลง เบาลง จนรู้สึกว่าไม่ได้หายใจ.................. แต่หลังจากวันนั้นผมต้องการใช้ปัญญาในขณะที่มีสติ ในขณะนั่งสมาธิ ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบที่ได้ถามท่านมาคือ นั่งแล้วเหมือนถอยหลัง เพราะผมเริ่มคิดก่อนผมจะสงบครับ แต่วันนี้ผมลองใหม่ นั่งนิ่งๆไม่คิดอะไร ปล่อยจิตให้ว่าง วันนี้ผมเลยนั่งแล้วสงบ และมีความรู้สึกว่าตัวจะลอยครับ รู้สึกได้ว่าเหมือนนีคนมาดึงให้ลอยครับ....วันนี้ได้อ่านบทความของท่านแล้ว ผมจะนำไปปฎิบัติครับ กราบขอบพระคุณหลวงพี่อีกครั้ง ที่เมตตาไขข้อข้องใจให้ผม ผมคงต้องมีคำถามรบกวนท่านอีกมากน่ะครับ ตอนนี้ศึกษาแนวทางการปฎิบัติจากหนังสือและซีดีของหลวงพ่อชาครับ

--- End quote ---
:059:อารมณ์ที่พบนั้นเป็นอารมณ์ของสมถะกรรมฐาน ซึ่งอยู่ในองค์แห่งฌาน 4 อาการที่รู้สึกว่าตัวจะลอยนั้นคืออาการของปิติ  เพราะเรายังอยู่ในสมาธิ และการที่เราคิดในขณะที่กำลังสงบนั้นคืออารมณ์ "วิตก วิจารณ์"(ใคร่ครวญทบทวนในธรรม) มันไม่ใช่ปัญญาในวิปัสสนาเพราะวิปัสสนากรรมฐานนั้น เมื่อจิตสงบแล้วเราต้องถอยออกจากองค์ฌาน มาตามดูตามรู้ตามเห็น ปัจจุบันธรรม คือสิ่งกำลังเกิดขึ้น เห็นการเกิดดับของสรรพสิ่ง เห็นคุณ เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ หมดข้อสงสัย(ถึงบางอ้อในใจ)"อ๋อ...มันเป็นเช่นนั้นเอง(เข้าถึง" ตถตา"ในอารมณ์นั้น)
   ตามดู  ตามรู้  ตามเห็น  จิตไม่หยุดส้องเสพในอารมณ์เหล่านั้น(ติดอยู่)เป็นวิปัสสนาญาน  จิตนิ่งสงบเห็นเฉพาะสิ่งที่พิจารณาคือสมถะ  อารมณ์ของวิปัสสนาอยู่ในองค์แห่ง"ญาน 16" ต้องระวังในเรื่องนี้อย่างมาก ไม่งั้นเราจะสับสนในสภาวะธรรม หลงอารมณ์ เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังปฏิบัตินั้นเป็นอารมณ์ใด สมถะหรือวิปัสสนา จะได้ไม่สับสนเอาอารมณ์สมถะไปเทียบเคียงกับอารมณ์วิปัสสนา

derbyrock:
กราบขอบพระคุณหลวงพี่ ที่ได้มาชี้แนะ ไขข้อข้องใจ และให้ความรู้แก่ผม ผมจะตั้งใจฝึกฝน เรียนรู้ ศึกษา เพื่อให้ถึงปัญญาในวิปัสสนาครับ



นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version