กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: suwatchai ที่ 28 ก.ค. 2552, 11:20:32

หัวข้อ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: suwatchai ที่ 28 ก.ค. 2552, 11:20:32
   เมื่อพูดถึงพระเครื่อง ในสายตาของชาวพุทธ ต่างก็มีมุมมองทัศนคติที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล กล่าวคือ บางคนก็มองว่าพระเครื่องมีไว้เพื่อสืบทอดพระศาสนา บ้างก็ว่าเอาไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วเกือบทั้งหมดในสายตาของชาวไทยที่นับถือบูชาในพระเครื่อง ต่างมักจะนึกถึงเรื่องของพุทธคุณเป็นหลักใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพุทธคุณในแง่ของความคงกระพันชาตรี มหาอุด เมตตามหานิยม เป็นต้น ยิ่งพวกบรรดาพ่อค้าแม่ขายต่าง ๆ ด้วยแล้ว ต่างก็พยายามเสาะแสวงหาพระเครื่องที่มีพุทธคุณในทางเมตตามหานิยมเพื่อให้ซื้อง่ายขายคล่อง จนบางครั้งก็ลืมนึกถึงการกระทำของตนเองว่าเป็นไปตามหลักที่สอดคล้องกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอันว่าด้วย " ผล " ย่อมมาจาก "เหตุ " ( การกระทำ ) หรือไม่ กล่าวคือหากจะให้คนรักคนชอบ ก็ต้องยิ้มแย้ม โอภาปราศัยด้วยดี ไม่ใช่ชอบพูดกระโชกโฮกฮาก แต่ดันหาพระเครื่องที่มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยมมาแขวนคอ เมื่อขายของไม่ได้หรือขายของไม่ดี ก็โทษว่าพระเครื่องไม่ขลัง ไม่ดีจริง อย่างนี้ก็คงจะไม่ถูก...ทั้งนี้ เพราะพระเครื่องเป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นกำลังใจให้คนผู้นั้นฮึดสู้เท่านั้น  เมื่อคุณมีกำลังใจ จะทำอะไร คุณย่อมมีความรู้สึกมั่นใจและพร้อมจะอดทนสู้อุปสรรคต่าง ๆ ที่ขวางหน้า เพราะคิดว่าอย่างน้อย เราก็มีพระอยู่ข้างเรา ซึ่งเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วในอันที่จะทำให้เราเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ จนสามารถก้าวไปสู่จุดหมายที่วางไว้
     สำหรับมุมมองของผมเกี่ยวกับพระเครื่อง ก็คงจะไม่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ที่กล่าวมาข้างต้น คือเชื่อในเรื่องของพระพุทธคุณเป็นหลัก เวลาที่ผมจะหาพระสักองค์ขึ้นคอ ผมก็มักจะเฟ้นหาพระที่คิดว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับตนเอง ซึ่งคำว่า " ดีที่สุด " ในความหมายของผมนี้ ไม่ใช่พุ่งเป้าไปที่พระดัง ๆ ราคาแพง ๆ  แต่ผมจะเลือกพระที่คิดว่าดีหรือพระที่ควรแก่การกราบไหว้บูชาได้อย่างสบายใจเป็นหลักโดยไม่ต้องมานั่งกังวลว่าพระที่เราแขวนคอนั้น เป็นพระบริสุทธิ์จริง ๆ หรือเป็นพระที่เกิดจากแรงเชียร์ของบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย
     ตัวผมเป็นผู้ที่มีความนับถือและบูชาด้วยความเคารพในศาสนาพุทธเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เพราะผมคิดว่าหลักคำสอนของศาสนาพุทธ ไม่ได้ปิดหูปิดตาเรา ทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรมที่สามารถพิสูจน์ได้ทั้งสิ้นและรอเวลาให้เราค้นหาพิสูจน์ได้ตลอดเวลา ไม่ได้สอนให้เราเชื่ออย่างงมงายโดยปราศจากเหตุผล ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่า " ผมโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาในบวรพระพุทธศาสนา "
*******************
    สาระประโยชน์อันใดที่เกิดจากข้อเขียนอันเป็นข้อคิดเห็นนี้  ข้าพเจ้าขอมอบอุทิศคุณความดีและกุศลบุญทั้งหลายแด่ครูบาอาจารย์และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ.....จาก: สุวัจชัย สมไพบูลย์
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 28 ก.ค. 2552, 11:27:15
สู้ต่อไปชีวิตนี้มีอะไรให้เจอมากมาย หาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในโลกที่วุ่นวาย

แล้วก้าวต่อไปอย่างมีความหวัง มุ่งมั่นในสิ่งที่ทำศรัทธาจะพาไป ...  :089:
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: lilFaigHlil ที่ 28 ก.ค. 2552, 11:52:26
  ดีแล้วหล่ะครับ  สิ่งที่มาพร้อมพระพุทธศาสนา ล้วนมีสิ่งดีๆ กุศโลบายดีๆ

 ทั้งทางตรงและทางอ้อม  ทั้งสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ และพิสูจน์ไม่ได้

 ทุกคนที่เป็นพุทธศาสนิกชน ไม่ว่าจะห้อยพระเครื่องหรือไม่ ล้วนศรัทธาต่อพระศาสดา คำสั่งสอน

และ จารีตประเพณี ตลอดจนขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมต่างๆ เช่นกัน มีบ้างที่มีแนวคิดต่างกัน(หินยาน มหายาน)

แต่จุดประสงค์หลักก็เหมือนกัน คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ^O^

และ ด้วยเหตุผลนี้ ผมเชื่อว่า พระพุทธศาสนา ก็โชคดีเช่นกันที่มีคนศรัทธา ด้วยใจจริง เช่นกันครับ

หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: j_kirsada ที่ 29 ก.ค. 2552, 09:06:37
เยี่ยม ครับ ... :053: :053: :053:
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: job@love ที่ 29 ก.ค. 2552, 09:08:14
คิดดี ทำดี พูดดี ย่อมได้ดี

พระเครื่องคือเครื่องมือเตือนสติให้ คิดดี ทำดี พูดดี

ถ้าเรา้ คิดดี ทำดี พูดดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

ถึงว่าเรามิได้ห้อยพระเครื่อง ก็ย่อมได้ดี

จริงไหมครับ

หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: พุงโต ที่ 29 ก.ค. 2552, 09:18:56
พระเครื่องนอกจากจะหวังพุทธคุณแล้ว  ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ สามารถใช้ในการฝึกกรรมฐาน กองพุทธานุสติกรรมฐาน คือการระลึกคุณของพระพุทธเจ้า  หรือสังฆานุสติกรรมฐาน ก็ได้เช่นเดียวกัน

บางคนอาจจะใช้มากกว่านั้นเช่นสายของหลวงปู่ดู่ ก็จะห้อยพระหลวงปู่ดู่เพื่อน้อมนำพลังของหลวงปู่ดู่ในการสัพเพ ให้แก่สัมภเวสี ทั้งหลาย

และที่สำคัญไว้เตือนสติตัวเอง เช่นกำลังจะทำผิดศีลต่าง ๆ เมื่อเราคิดถึงพระก็จะทำให้เราระงับตรงนั้นไว้ ฉะนั้นการห้อยพระได้มากกว่าที่เราคิดอย่างมาก ไม่ใช่แค่หวังพุทธคุณอย่างเดียว

สำหรับผมเองก็เน้นพระสายกรรมฐานครับ  ส่วนพระสายคงกระพันนั้นยังไม่มีครับนอกจากสักยันต์
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: peachsama ที่ 29 ก.ค. 2552, 09:46:45
สาธุครับ นมัสการหลวงพ่อ(หลวงปู่)เปิ่นยามเช้า และสวัสดีพี่น้องด้วยเช่นกัน ^^ พระอยู่ที่ผิวกาย จิตให้อยู่ที่พระ
แล้วพระจะอยู่ที่เรา ยามลำบาก ท่านไม่ทิ้ง แต่คนทิ้งพระแล้วบอกพระอยู่ในใจ อันนี้เวลาเกิดเหตุคับขัน พระท่านก็
รักนะแต่ไม่แสดงออก ...จุฟจุฟ ...(จะรอดไหมล่ะ)

ชอบก็แขวนไม่ชอบก็แขวนแขวนมากพุทธคุณมากจริงแต่อัตราการควบคุมตัวเองได้จะลดลง และที่สำคัญ บารมีสูงสิ่งไม่ดีก็ปัดออกไปครับ

พระท่านดีทุกองค์แหละ ^^
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: big tod ที่ 29 ก.ค. 2552, 10:00:44
การแขวนพระใจเราต้องยึดมั่นและศัทธากับพระที่เราแขวนด้วย พุทธคุณจึงจะเกิด.. :054:
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: levis ที่ 29 ก.ค. 2552, 12:52:21
 :095: :095:ดีครับ :095: :095:
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: ทีครับผม ที่ 29 ก.ค. 2552, 01:45:46
ดีแล้วครับเราไม่เอาราคามาวัด ในการห้อยพระแต่เอาความเคารพและศรัทธาดีที่สุดแล้วครับ :050:
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: ณ.อยุธยา ที่ 30 ก.ค. 2552, 12:22:20
ใช้เลยครับผม ทำให้เราคิดได้ว่าตอนนี้เราห้อยพระที่คอ เพราะอะไร :015:
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: ชลาพุชะ ที่ 30 ก.ค. 2552, 12:31:42
ก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ คล้องพระ ทำดี คิดดี พูดดี ก็ได้ดีครับ
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: mawin_14 ที่ 30 ก.ค. 2552, 12:46:16
เรียกว่าเป็นขวัญและกำลังใจครับ แขวนพระแล้วก็ไม่ลืมที่จะทำดีครับ ความดีหนุนนำความเจริญ
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: cho presley ที่ 01 ส.ค. 2552, 03:11:16
มุมมองของพระเครื่องในชาวพุทธนี้ สะท้อนสังคมในปัจจุบันจริงๆ ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว...วัตถุมงคลที่มวลสารดี พิธีขลัง วัตถุประสงค์ชัดเจนนั้นมีบทบาทมากมายในสังคมไทย... พอกล่าวถึง 'วัตถุมงคล' เลยนึกถึงหลวงพ่อท่านหนึ่ง... ที่เขาได้ชื่อว่าเป็น 'พ่อครูของศิลปิน' เขาเป็นใครเดี่ยวเล่าให้ฟังค่ะ..

ประวัติพอสังเขปคือ ท่านเป็นพระผู้อนุรักษ์ ถ่ายทอดวิชาศิลปะดนตรีไทย ปี่พาทย์ คีตศิลป์ไทย และสอนการประดิษฐ์หัวโขนที่วิจิตรบรรจง
ท่านศึกษาที่วิทยาลัยนาฏศิลป ซึ่งเสียดายที่คุณโชวไม่มีโอกาสได้ไปเรียนที่นั่นหรอก.. ปะป๊า มะม๊า เป็นไทยเชื้อสายจีน. ท่านจึงมักอยู่เบื้องหลังเพื่อสอนให้เราทำธุรกิจที่บ้านสินะ
พอมารู้ทีหลังก็ตีอกชกตัว ทำไมมะม๊าไม่ส่งหนูไปเรียนที่หนูชอบหละ.. ปล่อยให้หนูเป็นศิลปินในคราบนักธุรกิจ.. หมะม๊าบอก แล้วกูจะรู้ไม๊?
มาเข้าเรื่องต่อ.. พระผู้อนุรักษ์ท่านนี้คือ พ่อครูศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ... คุณโชวเองกล่าวไปก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีใครในเว็บบอร์ดนี้รู้จักหรือไม่? เพราะที่ศรัทธาท่านก็เพราะตัวท่านและประโยชน์ที่ท่านทำให้กับสังคม!

คุณโชวเองกำหนดสถานะตัวเองได้วันนี้ ก็บอกได้ว่าเพียงเป็นเป็นศิษย์ห่างๆ ของพ่อครูศิริพงษ์..และละอายใจมากที่ท่านจำได้ทั้งชื่อจริง และนามสกุลจริงของศิษย์ที่แสนห่างของท่านคนนี้ได้ เพียงแค่ไปกราบท่านครั้งเดียว ตอนแรกคิดว่าจะไม่ไปอีกแล้วเพราะได้ข่าวว่าท่านดุเหลือเกิน...แม้ไม่ได้เจอกันบ่อยนัก..(เพราะกลัวแกจับสวดมนต์ เวลาไปยังต้องแอบไปตอนที่เขาสวดกันเสร็จก่อนค่ะ อ่า.. นิสัยไม่ดีอย่าเลียนแบบ) แถมพ่อครูยังจำได้อีกว่า ทรงผมลูก..เปลี่ยนไปจากครั้งที่แล้วหนิ!

อ่ะทีนี้มาวกเรื่องวัตถุมงคล.. วัตถุมงคลในมุมมองของพ่อครูนั้นท่านนิยามว่า 'วัตถุรูปเคารพสัญญลักษณ์แทนครู' ที่สร้างโดย พระศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ!

แถมท้ายด้วยวลีนี้..

อย่าหลงโง่งมงาย ไม่มีใครเสกเป่าใครให้ดี ให้เลวได้
นอกจากสร้างดี สร้างเลว ให้ตัวของตัวเอง
วัตถุรูปเคารพมีไว้ให้ระลึกถึง คมคำ คำสอน


'ทำดีมากก็กลายกลับเป็นอัปรีย์
ทำชั่วก็พาให้มัวหมอง
รู้ชั่ว รู้ดี เอาตัวรอด ปลอดภัย'


ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ

พ่อครูศิริพงศ์มักย้ำนักย้ำหนาว่า... ให้ลูกมีไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าเป็นศิษย์มีครู ให้ดำเนินชีวิตอยู่ในกรอบของศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดี เป็นที่ยอมรับของสังคมให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท

พ่อครูท่านสร้างวัตถุแทนครูประเภท ฤาษี พระพิราพ ใครเดินทางมาหาท่าน ท่านจะถามทุกคนไปว่า เธอประกอบอาชีพอะไร จะบูชาพ่อครูฤาษีไปทำไม เราไม่ใช่ลัทธิ เข้าเจ้า เข้าทรงอะไรนะ ฯลฯ..
ท่านแรง ชัด คม.. มีจุดยืนของท่านชัดเจน ตัวกูเป็นของกู เป็นศิลปินที่บวชเป็นพระหละว่าง่ายๆ คุณโชวก็ชอบและศรัทธาค่ะ..

มีพ่อค้าพระหลายท่านไม่ชอบท่าน นำท่านไปพูดลับหลังหาว่า ยะโส โอหัง ที่อื่นมีแต่จะให้รีบซื้อ จะได้รีบขาย เป็นพระเป็นเจ้าพูดจากกวนส้นตีน.. แต่ท่านว่า คนเราทำไมดูถูกตัวเองหละ? ทำไมไม่เชื่อมั่นตัวเอง... ชอบหาวัตถุมงคลภายนอกมาสร้างขวัญและกำลังให้ตนแบบชนิดลงทุน เสียเงิน เสียทอง จนต้องตกเป็นเหยีอผู้ที่ฉลาดกว่า... ทำไมไม่ปลอบกำลังใจสร้างพลังศรัทธาให้มีในตน อธิฐานใจให้ผ่านอุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่.... ผลสำเร็จที่ได้มาจะสร้างความภูมิใจที่ดี ได้ดีเพราะตัวตน..ไม่ใช่เพราะใครกูจึงได้ดี!  

เอาหละ ยืดยาวแล้ว.. ท่านเป็นของท่านอย่างนั้นค่ะ.. พ่อครู..
วัตถุมงคลท่าน นึกอยากแจกท่านก็แจกค่ะ .. วัตถุมงคลท่านที่มีอยู่นั้น.. บอกได้เลยว่าเป็นพุทธศิลป์ที่สวยมากๆ ในขณะเดียวกันราคาก็สูงปรี้ดมาก!

พอท่านแจกเสร็จ (แม้จะยากแสนยาก ง่ายแสนง่ายเวลาจะแจก) พอสิ้นวันพระหมด.. พระที่แจก ราคาพุ่งเป็นหมื่น.. คุณโชวมีอยู่องค์เดียว แถมยังอยากจะไปบูชาเพื่อสะสมจากท่านอีกค่ะ..เพราะของท่านสวยจริงๆ สวยมากๆ ค่ะ

เดือนหน้าจะไปไหว้ครูท่านค่ะ.. ไว้มาเล่าต่อค่ะ! บัฟบาย!!!!
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: ไทยแท้ ที่ 01 ส.ค. 2552, 03:14:50
ถูกทุกอย่างที่ท่านได้กล่าวมาเลยครับ
หัวข้อ: ตอบ: มุมมองพระเครื่องในสายตาชาวพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: บอส ดินเเดง ที่ 03 ส.ค. 2552, 06:38:06
ใช่เเล้ว ครับพี่cho presley 

พ่อครู ท่านมักจะสั่งสอนศิษย์ไม่ให้หลงโง่ งมงาย ครับ

ให้รู้จักใช้เหตุเเละผล ตัดสินใจก่อน

เเละอีก วลีนึงที่ท่านชอบกล่าว เสมอว่า ทุกอย่างสำคัญที่ใจ  ครับผม