แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ~@เสน่ห์เอ็ม@~

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
2998
ยินดีด้วยนะครับ สวยมากเลย ครับ สู้ต่อไป ครับ

ยันต์ ตรงกลาง คือ ยันต์ นะ ครับ ดีทางเมตตา แคล้วคลาด ครับ ยินดีด้วย คับ คล้ายแบบ 7 ยอด ครับ

2999
ขอบคุณครับ ที่ผมเคยเห็นมากะตา แถวศาลายา กระบะ โดนรถไฟชน แต่คนรอดตายมาได้ ครับ
สุดยอด จริงๆ

ในพื้นที่ นิยมเล่นหากันมากนะครับ ...รับลอง ครับ สุดยอดผมการันตรีเลย

3000
รอชมภาพอยู่ ครับ เป็นกำลังใจให้ ครับ  แต่หนุมานหลวงพ่อไสว ท่านดีจริงๆ ครับ เหนียวได้ใจเลย

3001
ขอบพระคุณพี่เก่ง และ อนุโมธนาบุญด้วยนะครับ
ผมขอทาย 19 และกัน ครับ ขอบพระคุณ ครับ  :054:

3002
สาธุ ครับ ปลอดภัยดีแล้ว ครับ ท่านก๊อต คุณพระคุ้มคอง ครับ

3004
งามมาก ครับ พี่ ชาย โห พี่ชายมีสายนี้ด้วย สุดยอดเลย ครับ  :015:

3005
ผมถึงแปลกใจ ครับ สังเกตุมะครับ ทำไมคนหน้าตาสวยๆ แฟนมักตรงกันข้าม มีเยอะแยะ นะครับ ผมลองสังเกตุแล้ว
555 แปลกดี 

3006
หลวงพี่ติ่งเลย ครับ น้ำมัน  :002: บูชาพานครู และ ค่าครู 25 บาท ครับ

3007
ขอบคุณ ครับ สุดยอดเลย ครับพี่เมฆ   วันไหนปลาไหว้น้ำมาแถวบ้างผมระวังโดนจับนะครับ 555+

3008
ตามนั้น ครับ ลองขอดู ก่อน จะได้หรือไม่ได้ แล้วแต่พระอาจารย์จะเมตตา ต่อไป ครับ

3009
สวัดดีครับ ยินดีต้อนรับ ครับ

3010
สุดยอดมาก ครับ ท่านก๊อต ผมเพิ่งเคยเห็น ครั้งแรกนี่หละครับ .... สุดยอดจริงๆ  :015:
ขอบคุณที่นำมาให้ชม ครับ

3011
งามมากเลย ครับ ท่านโจ  :015:

3012
บทความ บทกวี / ตอบ: เสน่ห์เลือกได้
« เมื่อ: 29 มี.ค. 2552, 01:19:21 »
ขอบคุณคร๊าบบบบบบ ....พี่ชายเลือกให้ผมสักคนดิ คับ 55

3013
งามมากเลย ครับ ท่านก๊อต  :015:

3015
สวยงามมาก ครับ ท่านโจ แหล่มเลย  :015:

3016
ขอบพระคุณทุกท่านมากเลยนะครับ  :054:

3017
สมมุตผมคาดตะกรุด แม่นางพิม กับพี่ดำเซ็นที่เอว 1 เส้น
แล้วอีกเส้น แขวน สามห่วง หลวงปู่แย้ม

ที่เอวควรจะคาดคู่หรือเดี่ยวดี ครับ แล้วถ้าผมจะคาดทั้ง 2 เส้น พล้อมๆ กันจะเป็นอะไร ใหม ครับ
ขอบพระคุณมาก ครับ  :054:

3018
ขอบคุณภาพจากพี่สุดสวยด้วย ครับ

3019
เป็นหัวใจพระสีวะลี ครับ ท่านเป็นพระอรหันเถระ ด้านโชคลาภ ครับ

3020
สุดยอด ครับพี่พีช.....ถ้าได้สักเล่มนะครับ
ผมชอบแบบ หัวตัด กับ ซุปเปอร์ไดหญ้าก็พอละครับ แต่ถ้าจะเอาให้อยู่หมัดต้องสอยด้วยเหล็กคุชาร์บ  :048:

ตาเอ็มนี่ออกแนวนักเลงซะแล้วแฮะ  :093:

ผมพูดเล่นอะครับ แหม่ขำๆ ....

3022
เหอะๆ ไม่มีในพิมนิยมด้วย ครับ.....แล้วผมยังดูไม่ออกเลยใช่หลวงปู่ศุข หรือป่าว เหอะๆ
อาจจะเป็น วัดอื่นหรือป่าว ครับ

ผิดพลาดก็ขออภัย ครับ ไม่เคยผ่านตาเลยแบบนี้

3023
สุดยอด ครับพี่พีช.....ถ้าได้สักเล่มนะครับ
ผมชอบแบบ หัวตัด กับ ซุปเปอร์ไดหญ้าก็พอละครับ แต่ถ้าจะเอาให้อยู่หมัดต้องสอยด้วยเหล็กคุชาร์บ  :048:

3024
ขอบคุณพี่เมฆมาก ครับ ของดีจริงๆ ครับ

3025
ขอบคุณครับ เอ็มขอคงพักหัวใจก่อน .....คงจาดีขึ้น ครับพี่ปอ

3026
เนื้อชิน มีสามชนิด
1 ชินเงิน
2 ชินตะกั่ว
3 ชินเขียว

ตามรูปไม่น่าจะเป็นพระกรุสายอยุธยา พระกรุสายอยุธยาส่วนใหญ่จะเป็นชินเงินมีผิวปรอท
มีสนิมตีนกาและมีรอยระเบิดของชินเงินมากน้อยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของกรุ

ดูพิมแล้วไม่ใช่พระเนื้อชินที่มาตฐานวงการเข้าเล่นหากัน
แต่อาจจะเป็นพระเกจิสร้างหรือของทำเลียน    :075:

ผมเห็นด้วยกับพี่คนนี้ ครับ ..... สายอยุทธยา ไม่เคยผ่านตาเลยเช่นกัน ครับ
สุพรรณส่วนมาก จะเห็นแต่ดิน ขึ้นชื่อว่าขุนแผน มีหลายวัดมากมายที่ออก ที่สุพรรณ คับ แต่ที่ผมเห็น ส่วนมากจะดินกับว่าน และผง เนื้อชินไม่เค่ยเจอนะครับ ....พิมนี้ก็ไม่เคยผ่านตาเลย เช่นกัน ครับผม

3027
สุดยอดเลย ครับ พี่นาวสุดสวย .... ได้ของดีมาอีกแล้วนะครับ ยินดีด้วยนะครับ

3028
ขอให้พี่โชวมีความ สุข สมดั่งปราณธนา ใช้อะไร ขอให้หนุ่มๆ ติดตรึม

3029
ขอบคุณครับ สุดยอด

3030
บทความ บทกวี / ตอบ: เรื่องของเสือ
« เมื่อ: 24 มี.ค. 2552, 06:17:38 »
ขอบคุณสำหรับ ความรู้ดีๆนะครับ

3031
แนวได้ใจจริงๆ ครับ  :075: ก ท ม กะเทยเก็กแมนปะครับ  :004:

3032
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามา ครับ
ของผมเบอร์ 3 ครับ โชคดีมากๆ ครับ รับจากมือพี่นนเลย ขอบคุณครับ  :002:

3033
ขอแสดงความร่วมใว้อาลัย อย่างสุดซึ้ง ครับ   :054:

แค่เห็นภาพ ก็อยากไปร่วมงาน ครับ สาธุ ครับ ขอบคุณสำหรับรูปภาพมาก ครับ

3034
ขอแสดงความใว้อาลัยด้วย ครับ  :054:
ขอให้หลวงปู่ ลุถึงนิพพาน ครับ สาธุ

3035
พี่ levis สุดยอดแฟนพันธ์แท้จริงๆ ครับ  :015:

3036
สุดยอดเลย ครับ ขอบคุณพี่โชว ที่นำมาให้ชมและข้อมูลดีๆ จากพี่โชว และ พี่อชิตะด้วย ครับ  :015:

3037
สาธุ ขอบคุณพี่เมฆ ด้วย ครับ  โอโหยาวเลย เยี่ยม ครับ  :015:

3039
แน่น ครับ  :015: ขอบคุณครับ แบ่งปันกันชม

3041
ขอบคุณ ครับ แน่นมากเลยครับ  :054:

3042
วันนี้มี 4 สาว ไปกุติหลวงพี่ญาแล้วคนเยอะ เลยมีคนพาไปกุติอื่น ไปสักกับอาจารย์ก๊อต
สักเสร็จ ไม่ต้องไปเป่ากับหลวงพี่ต้อยอีกที เหรอ ครับ ......... ใครรู้ช่วยตอบที ครับ

ผมไม่ได้ไปด้วย...เลย งงๆอยู่ ครับ .....

3043
สวย ครับ  :015:
เอ วันนี้ ใครเห็น 4 สาวขี่ฟีโน่ไปประมาณตอนบ่าย ที่ได้สักตอนเย็นๆบ้าง ครับ อิอิ สัก 9 ยอดหนะครับ

3044
สุดยอดเลย งับ หล่อแบบนี้  ไม่ต้องใช้และมั้ง ครับ

ใช้เรื่องการงานซิครับ ท่านเอ็ม งานคล่องๆ นี่ สบายใจ  มีตังค์เยอะๆ สาวจะไปไหนละท่าน    :048: :048:

รักแท้แพ้ civic ครับ:048:  :048:

ถูก กกกกกก ต้องนะคร๊าบ  :004:

3045
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ทำแจก
« เมื่อ: 22 มี.ค. 2552, 09:31:43 »
อนุโมธนาด้วย ครับ

3046




ต้องขอบพระคุณ หลวงพี่ญา พี่นน และพี่ๆ สมาชิกทุกท่านที่เมตตามอบให้มา ครับ
ขอขอบพระคุณ ณ ที่นี้ด้วย ครับ ........
มีลายมือ และ ชื่อเวป อย่างชัดเจน .... สวยงามมาก ครับ  :015:

3047
สวยงามมากๆ ครับ  :015:

3048
สุดยอดเลยหวะเพื่อนต้น วันนี้ นายเท่มาก ไปห้องซ้อม  เล่นเพลงเจ๋วมากโดนใจเพื่อนเอ็มมากๆ

3049
สุดยอดเลย งับ หล่อแบบนี้  ไม่ต้องใช้และมั้ง ครับ

3050
ตามนั้น ครับ

3051
สวัดดีครับ ยินดีที่รู้จัก ครับ ผมเอ็มนะครับ อิอิ..

3052
ขอบคุณครับ ...คาถานี้ผมเคยใช้ภาวนา ตอนบวชเวลาออกบินฑบาท ครับ
สุดยอดเลย ครับ ..

3053
ขอบคุณครับ สวยงามมาก ครับ ..หลวงพ่อจำลองก็สุดยอด
ของหลวงพ่ออวยพรก็สุดยอด ครับ ลายมือท่านมีเอกลักษณ์ ครับ

สวยครับ  :015:

3054
สวย ครับ ...สุดยอด ครับ  :054:

3055
ตกใจครับ! ...เสียใจอย่างสุดซึ้ง ครับ  หลวงปู่ของเรา ขอร่วมแสดงความใว้อาลัย ณ ที่นี้ด้วย ครับ  :070: :054:

3056
ขอบคุณพี่โจ้มาก ครับ น่าสนใจมากมาย ครับ  :015:

3057
ขอบคุณพี่เก่งมาก ครับ สาธุ ครับ
ของท่านผมยังไม่มีสักชิ้น  สนใจมากมาย ครับ อิอิ

3058
สุดยอดเลย ครับพี่มะนาว สวยและยัง มีของดี แบบนี้หนุ่มๆ หลงกันเกลียว อิอิ

3059
บทความ บทกวี / ตอบ: คนดี ผีคุ้ม
« เมื่อ: 21 มี.ค. 2552, 07:14:55 »
ขอบคุณมาก ครับ แน่นมาก

3060
ปกติเมื่อก่อน ผมก็แขวนที่เอว ครับ ........

3061
ขอบคุณเพื่อนต้นมาก  เดี๋ยวนี้แน่นมาก ... ข้อมูลเพียบ  :015:

3062
สุดยอดเลย ครับ ท่านก๊อต ขอบคุณครับ

3063
ดูไม่เป็น ครับ เข้ามาชม ครับ  ขอบคุณครับ

3064
สุดยอด ครับ ตามนั้น

3065
ขอบคุณครับ ดี ครับดี .....หาความรู้มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ

3066
หลวงปู่ท่านมาบอกแล้ว ก็ควรเชื่อฟัง ท่าน ครับ  .....แสดงว่าหลวงปู่มาคุ้มคองพี่แล้ว หมั่นนึกถึงหลวงปู่ใว้ในใจเสมอนะครับ สาธุ

3067
ซึ้งเลยหวะเพื่อน

3070
เฮฮาสมชื่อ ครับ งามจริงๆ ครับ ขอบคุณครับ  :015:

3072
ขอบคุณเพื่อนต้นมาก ... :015:

3073
เหมือนพี่เมฆ ยั่วผมเลยนะครับเนี่ย 555++ ของดีจริงๆ ครับ  :015:

3074
สุดยอดเลย ครับ ขอบคุณครับ  :015:

3075
มีพุทธคุณด้านไหนครับ
เหนียว ครับ ..มหาอุต คงกระพัน แคล้วคลาด เป็นหลักครับ พระปิดตาแบบนี้ของบางพระเคยเห็นอยู่เหมือนกัน(แต่น่าจะคนละแบบกัน) ครับ 

3076
รับทราบครับ ขอบพระคุณ ครับ :054:

3077
สุดยอดเลย ครับพี่อชิตะ แน่นมากอะครับ

3078
ขอบคุณมาก ครับ ข้อมูลดีๆอีกแล้ว ครับ  :015:

3079
สุยอดเลย ครับพี่ ด้วยความเคารพ ครับ  :054:

3080
ผมว่า น่ารักดี ครับ ...ชื่อน่ารักแต่เป็นนักสู้ ยอดขุนพล  :015:

3081
สาธุด้วย ครับ บุญหนุนนำนะครับ  :054:

3082
เห็นและอยากได้จัง  :074:

สุดยอดเลย ครับ พี่ อชิตะ  :054:

3083
พระป่าน่าศรัทธามาก ครับ  :054:

3084
ขอบคุณพี่เมฆมาก ครับ แน่นจริงๆ ครับ ... :015:

3085
ขอบคุณรูปภาพมากนะครับ ............มนัสการหลวงพ่อด้วย ครับ  :054:

3086
น่าสนใจมากเลยครับ ....ของแบบนี้ อยู่ที่คนใช้ด้วยนะครับ จะดีหรือไม่  :015:

3087
เห็นที่ ราชบุรี ใกล้ถึงวันไหว้ครูและนี่ ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าวันไหน เห็นเพื่อนพูด ครับ
เกี่ยกวับการฝังเข็มทอง วิ่งได้

3088
บทความ บทกวี / ตอบ: บรมครูเสน่ห์
« เมื่อ: 19 มี.ค. 2552, 10:17:53 »
ขอบคุณมาก ครับ พี่ ข้อมูลแน่นมาก ครับ  :053:

3089
สวัดดีครับ ...ยินดีที่รุ้จัก ครับ ผมเอ็ม ครับ ... :002:

3090
สุดยอดเลย ครับ .....ไม่ธรรมดา ครับ เอาไปพระอจารย์อเนกจารด้วยและลง ด้วยนะครับ เหนียวได้ใจเลย ครับ  :015:

3091
สุดยอด เกินคำบรรยาย ครับ พี่  :053:

3092
เห็นและอยากไปเพิ่มสักที ไม่ได้ไปนานมากและครับ อิอิ สวยมาก ครับ เสือ

3093
กล้ามเนื้อมันขยับปะครับ กล้ามเนื้อมันขยับได้นะครับ อิอิ

หรืออาจมีชีวิตจริงๆก็ได้ ครับ ตามนั้น

3094
น่าสนใจมากเลย ครับ ต้องไปหามาใช้บ้างแล้ว ครับ ขอบคุณพี่อิชตะมาก ครับ น่าจะเหมาะสำหรับผมตอนนี้นะครับ  :050:

3096
สุดยอดเลย :015: ครับ

3097
ขอบพระคุณพี่หอมเชียง และ ทุกท่านมาก ครับ  :054: :054: :054:

3098
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ทำไงดี
« เมื่อ: 18 มี.ค. 2552, 06:56:06 »
แสดงว่า ท่านควายธนูได้ออกไปสุ้กับใครมาหรือป่าว ครับ
ไม่เป็นไรครับ บูชาแบบ เดิมหละดี และ ครับ ขลังดี

3099




รบกวนทุกท่านเลยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าทุกท่าน ครับ

3100
หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม (ศิษหลวงพ่อเงิน กับหลวงพ่อแช่ม) ครับ เจอมา แล้ว ครับ สุดยอด ...ตะกรุดที่ท่านจารให้  :054:

ส่วนตะกรุดสามห่วงผมว่ายังพอมีนะครับ แต่มีน้อย ครับ พอวางปุ๊ปมีคนเช่าปั๊ป ครับ ..อิอิ ผมเองก็บูชามาจากวัด 1 ดอก(ตอนนั้นไปเห็น2ดอก) ผมไปตอนออกหลังพรรษาและนะครับ หลังจากออกพรรษา1อาทิตย์ได้ ครับ
หลวงปู่ท่านเมตตาเสกให้อีกรอบ ... สุดยอดเช่นกัน ครับ  :054:

3101
รูปไม่ขึ้นนะครับ อัพรูปแล้ว รอสักครู่ พอมีชื่อเวป ขึ้นมาให้ก๊อบชื่อเวปรุปมาวางใว้ที่พิม ครับ รอชม ครับ  :075:

3102
สุดยอดเลย ครับ สวยงามมาก ครับ  :015: หายากจริงๆ

3103
ขอให้หลวงพ่ออายุยืน อยู่กับเราไปนานๆ ครับ  :054:

3104
ชอบ ครับ คราบและผิวยังพอมีให้เห็น ครับ
แต่พิม  กับปี ผมไม่แม่น ครับ สายนี้

3105
เก๊ ตาปล่าว ครับ ถ้า เทียบ
(หรืออาจจะมีสักวัด ออกก็ได้ ครับ เพราะพระตะกูลสมเด็จ ออกแทบทั่วประเทศและแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน

แต่ผมดูองค์แรก ด้านหลังมีลอยจาร หรือป่าว ครับ อาจจะเป็นพระวัดใดวันนึงก็ได้ ครับ
อย่าพึ่งสรุปไป ครับ เก็บใว้เถิด ครับ พระยังไงก็คือพระ

3106
ใจเย็นๆ ครับ ผมว่า อย่า โมโหไปใย  คนกันเอง ทั้งนั้น ครับ

3107
มีอะไร ที่ทำ ให้รักกัน บ้าง ครับ อยากได้จัง   :067:

3108
งามดี ครับ ...ทำไงอ่า ครับ อยากได้บัวบังใบจัง  :092:

3109
อย่าล้างน้ำ ครับ ..... เสียชัว ครับ เก็บสภาพเดิมดี สุด ครับ
 :050:

3110
ที่บ้านมีดอกสีดำ2ดอกคับ
นมัสการหลวงปู่จำลองคับ
2 ดอกไม่มี ให้เพื่อนสักดอกเหรอ ครับ เพื่อน 55555

3111
อยากไปมั่งจังเลย ครับ เห็นและอยากได้ 555++

3112
ใช่วัดนี้ปะครับ อิอิ





แถมภาพหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทองตอนเป็นเณร ครับ


3113
อ่านแล้วโปรดพิจณา ครับ .... สาธุ ครับ
อย่าอ่านและผ่านไป ....

ขอบคุณข้อมูลมาก ครับ

3114
หงษ์ก็มีดีกรี ครับ 4-1  :004:

3115
สวยงามมากเลย ครับ  โชคลาภ เมตตา บารมี พระอรหันเถระ :053:

มนัสการหลวงพ่อมีด้วย ครับ  :054:

3116
เหมือนเดิม ครับ หากเราซ่อมไม่เก่ง ไปให้ช่างที่มีความชำนานซ่อมได้ ครับ ผม

3117
เอ็มมีแต่ทุกข์หวะเพื่อน  :004:

3118
สวยงามมาก ครับ อยากได้มั่งจัง ครับ

3119
ขอบคุณข่าวมาก ครับ ขออนุโมธนาบุญด้วย ครับ  :054:

3120
พี่ต่ายนี่แน่นเหมือนเดิมเลย นะครับ อิอิ  :053:

3121
ตามนั้น ครับ  :002:......... หงษ์ เขามีดีกรี จริงๆ :004:

3122
ขอบพระคุณมาก ครับ น่าไปด้วยจัง อิอิ  :054:

3123
บทความ บทกวี / ตอบ: เก่งกับเฮง
« เมื่อ: 14 มี.ค. 2552, 12:51:08 »
ผมนึกว่า เก่ง กับ ปอร์ ซะอีก  :075:

3124
สุดยอดเลย ครับ ... :015:

3125
ขอบคุณเพื่อนต้นมาก ถึงว่าหายไปไหนหลายวัน ที่แท้ไปเที่ยวนี่เอง ไม่ชวนเลยนะ 55

3126
หลวงพี่ญา ท่านเมตตาเสมอนะครับ อิอิ ยินดีด้วย ครับ ท่าน

3128
ขออนุโมธนาสาธุด้วย ครับ  :054:

3129
สุดยอดเลย ครับ ขอบคุณครับ

3130
สวยงามดี ครับ  :015:

3131
สุดยอด ครับ โครต งามเลย ครับ ............. ด้วยความนับถือ  :054:

3132
บทความ บทกวี / ตอบ: สงครามเก้าทัพ
« เมื่อ: 12 มี.ค. 2552, 06:22:38 »
ขอบคุณมาก ครับ ความรุ้แน่นดี ครับ

3133
ยินดีด้วยฮะ

3134
ตามนั้น ครับ.. สงสัยต้องไปกินมั่งและ อิอิ

3135
ใช้คาถา มงกุดพระพุทธเจ้าเสกล้างหน้าสิ ครับ ...เป็นเมตตามหานิยม  หน้าไม่ใส แต่ใสอาคม อิอิ

3136
สุดยอดเลย ครับ สวยงามทุกชิ้นและ ทุกท่านเลยนะครับ  :015:

3137
สวยงามมาก ครับ เอกลัก ของบางพระเลย ครับ

3138
ขอบคุณ ครับ แน่นมากเลย ครับข้อมูล ได้ความรู้อีกและ ครับ

3139
สวยจริงครับท่านเอ็ม ไม่ทราบว่าออกมากี่เนื้อครับ

ผมไม่เค่ยทราบอะครับ ต้องรอถามพี่ต้น บอกมีออกหลายวาระ
ยังมี เหรียญหน้าวัว ออกที่วัดเดียวกันนี้อีกนะครับ  เนื้อทองคำก็มี ครับ หน้าวัว ด้านหลัง มคทัยวัน ประมาณ นี้ ครับ

3140
ขอบคุณ ครับ สาธุ ครับ สาธุๆๆๆๆ  :054:

3141
ไม่มีเขียนเลยว่าหลวงพ่อเงิน แบบนี้ หลงวัดง่ายครับ

ดีนะที่มีข้อมูลจากคุณเอ็ม สุดยอดจ้า ...  :016:

ขอบคุณพี่ต้น พระงามดีกว่า ครับ หากไม่ได้พี่ต้น ผมก็คงไม่รู้ ครับ
และขอบคุณพี่เก่ง ที่มอบเหรียญ งามๆมาให้ ครับ ...  :054:

3143
เพื่อนต้นเราหล่อ เฟี้ยวอยู่ ...เพื่อนระวังสาวประเภท สองนะ ... มองนายอยู่ 

3145
ขอบคุณ ครับ งามจริงๆ ครับ พี่
แต่หลวงพ่อเพี้ยน ไม่ขึ้น ครับ - -'' :075:

3146
อ่อรู้และครับ ผมลืมอะไร ลืมลงทองนี่เอง ไม่น่า สาวๆ ไม่เข้า เลย  :095:

3147
เลเว่ว สูง เพื่อได้โล่ ครับ ...จะเป็นนักยิงธนูและครับ อีกหน่อยจะติดปีก :075:

3148




ได้มาจาก ท่านสิบทัศ ครับ สวยงามมาก ครับ แบ่งๆกันชม ครับ
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ต้น พระงามด้วย ครับ  :015:

ออกที่วัดมคทัยวัน ครับ

3149
สุดยอดเลย ครับท่าน ช่วงนี้งานผม ไม่เข้าบ้างเลย  อิอิ

3150
สุดยอดเลย ครับ ทุกท่าน แน่นกันทุกคนเลย ครับ  :053:

3151
ขอบคุณพี่เมฆมาก ครับ สุดยอดเลย ครับ แน่น  :015:

3152
ถ้าสักน้ำมัน แล้ว ทับหมึกได้ ครับ
แต่ถ้าสักหมึก และ มาทับ หมึก แย่ ครับ ...  :075:

3153
อันบนน่าจะ 9 ยอดนะครับ ดีทุกด้าน ครับ
อัน  2 สาริกา เมตตามหานิยม ครับ
อันที่ 3 เหมือน ยันต์ นะทรหดเลย ครับ ไม่แน่ใจ ครับ

ขอบคุณ ครับ รอผู้รู้มาเสริมนะครับ

3154

      "หลงป่าได้ แต่อย่าหลงกิเลส" ชอบประโยคนี้มากครับ ขอบคุณครับ

ชอบคำนี้เหมือนกัน ครับ ..ในสมัยก่อน พระที่ธุดง ยอมแม้แต่สละชีวิต เพื่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ เพื่อฆ่ากิเลศ ครับ

3155
ดีครับ ได้มีเพื่อนเยอะๆ ใครว่างๆ มา คุยกานได้นะครับ อิอิ  :002:

3156
ขอบคุณ ครับ ...อยากให้หลวงพี่ญา พักบ้างเช่นกัน ครับ ด้วยความเคารพ ครับ  :054:

3157
สุดยอดไปเลย ครับ  :015:

3158
โครตน่ากลัวเลย ครับ

3159
ไม่เป็นไร ครับ ... พี่ นิดหน่อย ครับ เราก็ลูกๆหลานๆ และ คนที่นับถือหลวงพ่อเหมือนกัน
สาธุ ครับ บารมีหลวงพ่อ คุ้มคอง ครับ และกราบขอบคุณ สำหรับไผ่ตั้น มากนะครับ

3160
ขอบคุณภาพจากพี่ปราญจิตมาก ครับ ได้ฟิวเลย  :015:

3161
เกือบลืม ขอบคุณน้องMไร่ขิงสุดหล่อสำหรับไอติม เมื่อวานครับ อร่อยจริงๆ


นิดหน่อย เอง ครับ โหไม่ต้องขอบคุณก็ได้ ครับ พี่
เมื่อวาน คุยกันหนุกดีนะครับ ได้ความรู้ด้วย ครับ
แหม พระพี่พีช สุดยอด ทุกองค์เลยนะครับ   :002:

3164
ขอบคุณ ครับ

3165
สวัดดีฮะ ยินดีต้อนรับนะ

3166
ชอบคุณภาพครับผม ลงเรื่อยๆนะครับ ^^ วันนี้อารมณ์ดีมีความสุข  :077:

อารมณ์ของคนมีความรักปะครับ  :095:

3167
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ใครเอย ?
« เมื่อ: 08 มี.ค. 2552, 01:41:17 »
ซะงั้น

3168
ขอบคุณครับ คนแน่นมากมาย

3169
คู่รักคู่นี้ น่ารักมาก ครับ 555+.... จู๋จี๋กันทั้งวัน (พี่เก่ง....กับ...)555+ :007:

3170
ขอบคุณภาพมาก ครับ ...เมื่อวานมีคู่รัก คู่ใหม่ เพิ่มอีก 1 คู่ เพื่อนๆใครเห็นบ้าง ครับ 5555 (ยังจะตามมายั้นในบอร์ด)  :005:

3171
ภาพสวยมาก ครับ ขอบคุณครับ

3172
งานมีทุกปี ครับ .. พลาดโอกาศนี้โอกาศหน้ายังมี ครับ  ละลึกถึงท่านส่งจิตไปก็ได้เหมือนกันครับ

3174
ขอบคุณพี่พีชมาก ครับ เมื่อวานคุยกันหนุกดี ครับ

3176
ขอบคุณภาพมากครับ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยดี ครับ แหะๆ

3178
สักได้หมดอะครับ แน้นทางเมตตาก็ดี ครับ หรือแล้วแต่หลวงพี่จะกรุณาให้ ครับ

ปกติถ้าผู้ชาย หากสักหมึกส่วนมาก ของวัดบางพระ จะให้ 9 ยอดนะครับ


3179
อนุโมธนาด้วยนะครับ ... สาธุ ครับ

3180
ผมอาศัยเขาไป ครับ แหะๆๆ คงไปแต่เช้ามืด ..

3181
คาถา ใช้กับพระเครื่อง หรือตะกรุด ของผมใช้มหาอุต 
อะนิทัศสะนะ อัปปะติ ฆายะ 3 จบ ครับ  :075:

3182
ขอบคุณครับ เสียดายผมไม่ได้ไป

3183
-ขอบคุณภาพจากเพื่อนต้นมาก

3184
พวกเราเหมือนพี่น้องกัน ครับ

3185
ขอบคุณ ครับ

3186
พรุ่งนี้ ต้องคอยหลบก้องใว้ดีๆ ละครับ แหะๆ

3187
หลบให้ดี ครับ ต้องไปเรียนวิชาหลบ แบบเดอะแมททริกนี่ แน่นอน ครับ :092:

3188
พรุ่งนี้เจอกันครับ ผมไปกับอา(อาศัยเพื่อนไป) ครับ 555+

3189
พรุ่งนนี้เจอกัน ครับ ...สาวๆเต็มวัดแน่เลย ฮิ้วววววววว  :004:

3190
สวย ครับ ...หนุมาน งามมาก ครับ

3191
เหอะๆ ผมก็อดีตเด็กหงษ์ ครับ  555+ ตอนนี้ย้ายสังกัดแล้ว  :004:

3192
เห็นด้วย ให้มีห้องสนทนา   เพื่อให้พูดคุยสื่อสารกันได้ง่ายและสะดวก แต่ถ้ามีโปรแกรมเห็นภาพแบบMSN

จะได้เห็นความสวย ความหล่อกันทั่วหน้าว่า สาวน้อย สาวมาก หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ใครจะสวยกว่ากัน ใครหล่อกว่ากัน:007:

ผมไม่หล่อนะครับ ... ถอนตัว แหะๆ

3193
โชคดีจังเลย ครับพี่ปอม

3196
แหม ท่านโชวออกจะสาวสวย ....เป็นดาวประจำบอร์ด ...ไหงเรียกป้าได้ไงหละครับ ท่านลิงน้อย ..
พี่โชว น่ารักซะขนาดนี้ ..... หน้าตาดี

3198
สุดยอดมากกกกกกครับ มิน่าสาวๆตามติดเกลียวเลย 555555

3199
เคยเห็นแต่ยันต์ บัวนะครับ แหะๆ  :075:

3200
ได้รับและนะครับ ขอบคุณ ครับ  :054:

3201
สุดยอดเลย ครับพี่โชว ได้ของดีอีกและนะครับ  :053:

3202
สวยมากเลย ครับ เห็นและอยากได้บ้างจัง ครับ  :015:

3203
ขออนุโมธนาบุญ ด้วย ครับ ....

3204
เห็นด้วย ครับ ...  :093:

3205
สุดยอดเลย ครับพี่สวยทุกองค์ ครับ

เห็นพระปิดตาและอยากได้มากๆๆ  :053:

3206
สวยมากเลยครับ สุดยอด  :015:

3207
ขอบคุณข้อมูลพี่พีชมาก ครับ (กลับมาแล้วนะครับหายไปซะนานเลยคิดถึง อิอิ)

3208
โครตเหนียว ครับ .....ประสบการณ์ดีมาก ครับ

3210
ขอบคุณพี่หอมเชียง ครับ ...

3211
ประมวลภาพ ภาพเล็กไปหน่อยนะครับ ...แหะๆๆ... ถ่ายจากมือถือต้องขออภัย

..............



................


................



...................



.........................



..............................


............................


...........................


..........................



............................



...........................



ขออภัยนะครับ รูปเล็กไปหน่อย ครับ ถ่ายจากมือถือ
เมื่อวานพี่เก่งท่านสิบทัศเรา หล่อหยั่งกะพระเอกหนังแหนะครับ พอดีผมช่วยงานอยู่เลยไม่เค่ยว่างคุยต้องขออภัยด้วยนะครับ
 ....ขอบคุณนะครับสำหรับของที่ให้มา ขอบคุณอีก ครั้งครับ ให้มาซะเยอะเลย

3212
งานวานนี้ เอ็มไร่ขิง  และ(เก่ง)สิบทัศน์
ได้มาร่วมงานด้วยและต้อง
ขออภัยท่านสิบทัศน์ที่ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เพราะตอนนั้นยังมีงานที่ต้องช่วยทำอยู่
จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย
ส่วนภาพงานถ้าได้ไฟล์จากกล้องดิจิตอลจะนำมาลงต่อไป
และก็ต้องขอโทษอย่างยิ่งที่ทำพระหลวงพ่อวัดไร่ขิง
ของท่านเอ็มที่จะนำมาให้หลวงพี่หายไป
คาดว่าจะหล่นไปจากกระเป๋าเสื้อตอนไหนตอนหนึ่งต้องขอโทษจริงๆ
ไม่เป็นไร ครับ .. เมื่อวานเหนื่อยกันทุกคนเข้าใจ ครับ ..คนเยอะมากๆๆ...
ส่วนหลวงพ่อไร่ขิง เดี๋ยวเอาไปถวายใหม่ครับ......

3213
ขอบพระคุณพี่เวปมาก ครับ ที่นำข้อมูล กับภาพมาแจ้ง  บารมีหลวงพ่อ คุ้มคองพวกเรา ครับ  :054:

3214
ตกลงว่าหลังของบุคคลท่านนี้เป็นผู้ชายใช่ป่าว  13; 33;
ทำเอวคอดเก่งจัง แล้วถ้าหันหน้ามาเนี่ย หน้าท้องจะแบนราบรึเปล่าค่ะ 31; 31;
หรือว่าที่เอวคอเพราะแอบส่วนเกินไว้ด้านหน้าค่ะ ท่อนแขนน่ะทำให้เล็กลงหน่อยดิ 25; 38;
แต่ขอบอกว่าแดงได้ใจจริง ๆ วางยันต์ได้เป็นระเบียบมาก  25; 21; 30;

เอ่อพี่ ครับ ผมผู้ชายนะครับ แหะๆ.... ไม่ใช่ผู้หญิง หน้าอกกับแขนใหญ่แสดงว่าแมนใว้ดันพื้นเล่น(ถึงกล้ามจะไม่ใหญ่แบบพี่เก่งก็นะ55)  ถึงเอวจะคอด แต่ก็เอวดีนะครับ เอวติดเทอโบ 5555+

3215
สุดยอดเลย ครับ  :015:

ขอบคุณภาพจากพี่โชวด้วยนะครับ สุดยอดจริงๆ

3216
ตอบพี่ thong.yong  นะครับ ด้านล่างหนุมานหาวเป็นดาวเดือน ครับ
วันที่ 5 ผมคงไม่ได้ไป ไปวันที่ 7 ครับ ...และเจอกันนะครับ

มีโอกาศทักทายบ้างนะครับ ผมไม่เค่ยได้ไปไหน ...ใว้เพิ่มและจะบอกนะครับ อิอิ

3217
น่ากลัวมากเลย ครับ เหอะๆๆๆๆ  :075:

3218
พ่อท่านได้วิชามา ดีแล้ว ครับ สืบทอดใว้ รุ่นต่อๆไป ครับ

3219
ไม่ทราบว่า ไปลงที่ไหน มาหรอครับ สวยจัง เกือบจะเป็นหน้าเสือ แล้ว

ผมไปลงแถวสามแยกกระจับ ราชบุรี ครับ

ขอบพระคุณทุกท่านมากเลยนะครับ ที่เข้ามา ชม  :054:

3220
งามมาก ครับ พี่หอมเชียง

3221
ขอบคุณ ครับ ใว้เจอกันที่งาน ทักทายกันได้นะครับ .....ผมน่าจะอยุ่แถวๆ กุติเจ้าอาวาส ไม่ก็ในงาน ครับ

3222
เห็นแม่นางพิมและอยากได้มั่งจัง ครับ แหะๆๆ สวย ครับ ใว้มีโอกาศไปแทงมั่ง

3225


แบ่งกันชมนะครับ อาจไม่เค่ยสวย เพราะยังไม่เต็ม ครับ แต่เอามาให้ชมก่อน
เดี๋ยวพอวันงาน มาขอถกดูในงาน คนเยอะๆ อายกว่า ครับ แหะๆๆๆ
เลยนำมาให้ดูก่อน ได้ไม่ถกกัน แหะๆๆๆ ..... ขอบคุณครับ

3226
สุดยอด ครับ บารมีหลวงปู่คุ้มคอง ครับ

3227
ขอบคุณข้อมูลพี่ปอมมากนะครับ ...แหม่ไปหามาจนได้ สาธุ อนุโมธนาด้วย ครับ

3228
ผมว่าเช่าจากวัด หรือรับกับมือดีกว่า ครับ ...ได้ไม่ต้องมานั่งคลี่ตะกรุดดูเพื่อให้หายสงสัย
ของใหม่ ก็ของใหม่ แต่ใจเรานับถือก็พอ ครับ

ตะกรุด คนสมัยโบราณ มักนิยม รับกับมือ หรือหลวงพ่อจารให้ลูกศิษ นะครับ
บางทำเนียม.. ได้จารชื่อ ของบุคคล และยันต์ดวงใว้กับตะกรุดด้วย

ตะกรุดดีทุกดอก ครับ ...อยู่ที่ใจเราศรัทธาพักองค์ไหน ของแบบนี้อยู่ที่ใจ

จะมามัวนั่งคลี่ดู ว่าตะกรุดจารอะไรใว้ เผอิญสมมุตว่า ตะกรุดเก๊ แต่ทำเก่า แถมดันจารอักขระสวยอีก
แต่ที่ไหนได้ คนทำเก๊ มีความสามารถจารอักขระได้ ก็โดนและครับ  เพราะเราไม่รู้ลายมือหลวงพ่อ
เช่น ถ้าเป็นหลายมือหลวงปู่ศุข วัดปากคลอง ท่านๆจะเก่งจนสามารถรู้หรือจำลายมือหลวงพ่อได้เลยเหรอครับ (หลวงพ่อมรณะไปนานโครตแล้ว)

ตะกรุดที่จารมือส่วนมาก มักไม่เหมือนกันทุกดอกหลอก ครับ

ไปเช่าจากวัดหรือรับกับมือดีที่สุด ครับ ผม  (ผมเชียร์เช่าจากวัดครับได้บุญอีกตางหาก) ของวัดบางพระเราก็สุดยอด ครับ

ตะกรุดบางชนิดต้องสร้างตามตำรา ทั้งเรียกสูตรเรียกนาม และกรึงยันต์ ไหนจะเสก ตอนม้วนก็ต้องมีคาถาม้วน ตอนคลี่ออกก็มีคาถาคลี่ออก
ระวังคลี่ดูมากๆ มันจะไม่ถูกต้องตรงตามตำราครูบาอจารย์นะครับ..แหะๆ และจะหนาว

3229
ถ้าหลวงพ่อพูล ต้องลองถาม พี่สิบทัศ และ ท่านอื่นดู ครับ  เป็นกำลังใจให้ ครับ

3230
สักสวยมากเลย ครับ อักขระนี่ ชัดเจนมาก ครับ  :015: อาจารย์พุทธ

3232
โห  :074: สุดยอดมากเลย ครับ เยี่ยมจริงๆ  :015:

3233
และแต่ศรัทธา ครับ ....แต่ที่วัดบางพระเราก็แน่นอน ครับ

3234
ขอแสดง ความยินดีด้วยนะครับ  สวยจังเลย ครับ

3235
ไม่ใช่อะครับ ผมยังหาหนังสือประวัติไม่เจอเลย ครับ

รูปนี้ ญาติๆ แจกให้มาตอน งานอะครับ

3236
ขอบคุณพี่ มาก ครับ และวันที่ 1 เจอกันนะครับ ...พี่น้องคนไหนสนใจเชิญไปร่วมงานได้นะครับ สาธุ ครับ

3237


 :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:

พระราชปริยัติโมลี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระงาม อดีตเจ้าคณะอ.เมืองนครปฐม อดีตลองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม(ศิษท่านนึงของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม )
ท่านคือผู้อยู่ในใจเรา .....ท่านสอนคนให้เป็นคนดี... ลูกๆหลานๆ ศิษทั้งหลาย ระลึกถึงความดีที่ท่านได้อบรมเรามา
จงปฏิบัติธรรมตามแบบอย่างของพุทธศานาเทอญ........

3239
หลวงพ่อโสธร น่าจะดีทุก องค์นะครับ
หลวงพ่อไร่ขิงดีครับ  สวย ครับ
รุ่นนี้ มีแบบ มีห่วงและไม่มีห่วงนะครับ มีเนื้อทองแดงกับกะไหล่ทอง
ประมาณปี 2519-2520 ได้ ครับ สุดยอดเลย เกจิที่มาปลุกเสกในยุค นั้น สุดยอดทั้งนั้น ครับ
น่าจะทันและปลุกเสกโดย หลวงพ่อเพิ่ม วัดกลางบางแก้ว และหลวงพ่อเต๋ คงทอง ด้วยนะครับ  :015:
 :053:


โชคดีนะเนี่ย ได้คนเกิดทันมาช่วยดู ช่วยฟันธง  ขอบคุณมากครับ   :006:

กำ 555 ผมก็เกิดไม่ทันหลอก ครับ เพียงลองเทียบดูกับ แบบ อ่านะครับ อิอิ
ผมยังไม่เก่งพอ ครับ .... พี่สิบทัศอาจารย์ผมอีกที ขานั้นแน่นอน ครับ แหะๆ

3240
บารมีคุ้มคลองจริงๆ ครับ พี่ สาธุ ครับ

3241




เหรียญหลวงพ่อรุ่ง รุ่นแรก ครับ แท้ป่าวไม่ทราบ ครับ ผม ดูไม่เป็น สึกมายมาย ครับ แหะๆ

ของเขาดีจริงๆ ครับ ..... เป็นรุ่นย้อนยุคป่าวไม่ทราบ ครับ พิจณากันต่อไป แหะๆ

3242
ชอบเหรียญปี2535สวยดี
คล้ายแบบปี24กว่าๆ
เหรียญหลวงพ่อรุ่งเป็นอีกหนึ่งเหรียญ
ที่สุดยอดทางด้านคงกระพัน
เรื่องกันไฟเคยเจอว่าเหรีญยหลวงพ่อรุ่ง(ทันหลวงพ่อ)
ที่สืบทอดมาเหรียญหนึ่งตอนนั้นบ้านผมไฟไหม้
แต่เหรียญไม่เป็นไรเลยจะด้วยสาเหตุใดไม่มมีใครทราบ
จะอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ว่าความร้อนของไฟที่ไหม้อุณหภูมิไม่ถึงก็เป็นได้ก็สุดแท้จะว่ากันไป
แต่พระเก่าอีกหลายรายการก็ไปกับไฟซึ่งเหรียญหลวงพ่อรุ่งเหรียญนี้มีอยู่เหรียญเดียวจริงๆ
แต่ปัจจุบันเหรียญนี้ไม่ได้อยู่กับตัวเองแล้ว

อยู่ที่ผมนี่แหละ ครับ แหะๆ  ขอบคุณท่านพี่มาก ครับ  แหะๆ

3243
หลวงพ่อโสธร น่าจะดีทุก องค์นะครับ
หลวงพ่อไร่ขิงดีครับ  สวย ครับ
รุ่นนี้ มีแบบ มีห่วงและไม่มีห่วงนะครับ มีเนื้อทองแดงกับกะไหล่ทอง
ประมาณปี 2519-2520 ได้ ครับ สุดยอดเลย เกจิที่มาปลุกเสกในยุค นั้น สุดยอดทั้งนั้น ครับ
น่าจะทันและปลุกเสกโดย หลวงพ่อเพิ่ม วัดกลางบางแก้ว และหลวงพ่อเต๋ คงทอง ด้วยนะครับ  :015:
 :053:

3244
ผมก็พอมี ครับ เขาว่ารุ่นนี้ มีคนแขวนลงใต้และ รอดตายมาแลนะครับ พุทธคุณสุดยอด ครับ  :015:

3245
สวยมาก ครับ ขอบคุณข้อมูล และ รูปภาพนะครับ

3246
งามแท้ๆ บาดตาบาดใจ ครับ  :015:

3248
ขอบคุณพี่หอมเชียงมาก ครับ .... ผมก็ใช้วิธีนี้แหละครับ แต่อาจไม่ถึงขั้นพี่หอมเชียง
แต่ความรู้ทั้งหมด ก็มาจากพี่หอมเชียงแหละครับ

ขอบคุณครับ

3249
สุดยอดเลย ครับ ท่านโจ ยินดีด้วยนะครับ

3250
สวยงามมากเลย ครับ ท่าน โหเยอะกว่าผมอีกนะครับ แน่นเลย

แคล้วคลาดปลอดภัย ดีแล้ว ครับ สิ่งศักสิทธิ์ คุ้มคอง ครับ

3251
สวัดดีครับ ... ตามนั้นนะครับ

3252
ของดี เลย ครับ   :053:

3253
สุดยอดมาก ครับ มะไหร่ผมจะมีวาสนาได้คลองคองบ้างจัง

3254
สุดยอด มากเลย ครับ .. ขอบคุณข้อมูลจากพี่เก่งด้วยนะครับ  :015:

3255
ไม่เป็นไร ครับ พี่ ผมความสามารถยังไม่ถึงขั้น ครับแต่เท่าที่มอง
ส่วนตัวผมว่า สวยทุกองค์เลยนะครับ  ดูแล้ว เห็นแล้ว แบบ ว่างามจับใจ
แต่ถ้าอยากให้ชัว สายตรงก็รอลุงอเมชซิ่ง พี่หอมเชียง และ พี่สิบทัศ ครับ 3 ท่านนี้ชัวจริง ครับ

3256
สวัดดีครับ ...ยินดีต้อนรับ ครับ

3257
ผมมีความเห็นว่า ห้ามกินของงานศพที่ไม่ใช่ญาติ ครับ ....สำนักผมถือใว้งี้ ครับ
แว้นญาติตัวเองทานได้  งานอภิธรรมพระก็ทานได้

ไม่ทานน้ำเต้า และมะเฟือง อะครับ

(ของสำนักผมนะครับ)

บางที่อาจไม่ได้ห้ามก็ว่ากันไป ครับ

3259
สุดยอด ครับ ...นี่แหละครับ สิ่งที่ผมตามหา ...... เยี่ยม ครับ  :015:

3260
นิสัยยยยยยยยยยยย :066: จริงๆ ครับ คนแบบนี้

3262
สุดยอดเลย ครับ เมตตามหานิยม รักหลงๆ อิอิ

3263
ขอบคุณพี่ต่ายมาก ครับ  :054:

3264
สุดยอดเลย ครับ  :053:

ชีวิตที่ไม่เครียด 555+

3265
อ่อ ขอบคุณครับพี่ต่ายผม เต่าล้านปี อาจไม่เคยได้ยิน ต้องขออภัย  :075:

อย่าพูดอย่างนั้นดิคุณเอ็ม  ผมรู้เป็นบางเรื่องเท่านั้นแหละครับ  มีตั้งหลายเรื่องที่คุณเอ็มแตกฉานกว่าผมตั้งเยอะ

ผมมันก็มีความรู้พอติดขาติดแข้งเท่านั้นแหละครับ

ขอบคุณครับ

ไม่แค่ติดแข้งติดขาหลอก ครับ ....ผมว่าพี่ต่ายนี่แน่นเลย ครับ ...บางเรื่องผมไม่สามารถรู้ก็ต้องขอคำแนะนำกันไป ครับ  :015:
พี่ๆน้องๆกันมีอะไร แรกเปลี่ยนความรู้ได้ครับ  :002:

3269
อ่อ ขอบคุณครับพี่ต่ายผม เต่าล้านปี อาจไม่เคยได้ยิน ต้องขออภัย  :075:

3270
สาธุ กระผม ขอน้อมรับ ครับ ขอบคุณครับ  :054:

3272
พุทธศาสตร์ ผมว่าฟังดูทะแม่งๆ นะครับพี่ต่าย  :075:

ไสย์ศาสต์ก็คือไสย์ศาตร์ ครับ
มีหลายประเภทเช่น ทำของใส่เพื่อทำร้าย ทำเสน่ห์  และอยู่คง เป็นต้นๆนะครับ

ส่วนพุทธศาสนาเรา คือ มีแต่ ศิล สมาธิ ปัญญา 
ไสย์ศาตร์ เป็นตัวบั่นทอนที่ทำไม่ให้ลุถึงนิพพาน
แต่ ..ก็อย่างว่าอะครับ พราหมกับพุทธ คู่กันมาช้านานแล้ว
ยิ่งการนับถือเทพเข้า เช่นดิน น้ำ ลมไฟ ..... นั้นมีมีการพุทธศาสนา นะครับ

ลองแยกแยะดีๆนะครับ จะได้ไม่ งง

แต่ขอเติมอีกนิด ครับ ศาสนาพุทธก็ใช้ไสยศาสตร์นี่หละครับ เป็นเครื่อง ใช้คำสอนของทางพุทธศาสนาซึมแทรกเข้ามาได้
เพราะคนคิดที่จะทำดีโดยไม่หวังผลมันยาก ครับ .....เฉกเช่นทำบุญก็อยากได้บุญ ทำบุญจะได้สะเดาะเคราะ อะไรประมาณนี้ ครับ
ประมาณว่าอยากได้ของให้ดี ต้องรักษาศิลและกดข้อบังคับ ไม่งั้นของไม่ขลัง ก็ถือว่าได้อีกรูปแบบนะครับ




3273
ยินดีด้วยนะครับพี่ levis  ได้มาครอบคองแล้ว

3274






หลวงพ่อโสธร พระพี่น้องกับ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ครับ
  :054:

3275


ศิลปทางเหนือพระบูชาไม้แก่นจันทร์

3276
สุดยอดเลย ครับ แหล่มเลย หนุ่มๆถึงได้ตามมาจีบกันเปงขโยง  :004:

3277
พูดได้ครับเดียว ครับ สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :015:

3278
ง่า เพื่อนกัน ครับ .......พี่berth  ไม่คิดราย คิคิ ตอนนี้ผมยังตามหารักแท้ไม่เจอเลย ครับ

หากมีโอกาศคงพาอ้อมไปนะครับ พี่ x ถ้าแฟนเขาไม่มากระทืบเอ็มซะก่อน 5555+  :095:

3279
ง่า .....งานเข้าและครับ  :075:แหะๆ

3281
เหอะๆ ผมเห็น คนสักเสือ และมาสักพระพระพิฆเนศ เยอะแยะนะครับ ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันนะครับ
พระพิฆเนศ ท่านเป็นเทพ ครับ ....ส่วนเสือเป็นสัตว์ ไม่น่าจะเกี่ยวนะครับ ผมว่า  :075:

3282
ผมมีวิธี ครับ แบบไม่ต้องใช้คาถา .... เอาบุหรี่วางใว้ข้างนอกอะครับ ไม่ต้องใส่ในซอง สัก 2 วัน ก็จืดและครับ แหะๆ  :075:

ถ้าอยากรู้คาถา รู้ถามผู้รู้ต่อไป ครับ ขอบคุณครับ

3284
ขอให้มีความสุข ทุกวันคืน ขอให้บุญบารมีปกป้องท่านจนกว่าจะลุถึงนิพพานเทอญ  :054:

3285
อู้ยยยย


ท่านเอ็มมีของดีมาอีกและ


ผมชอบมากเลยเหล็กไหล



ขอผมบ้างสิ





เอาไว้ติดตัวอ่ะครับ




คริคริ :053: :053: :053: :053: :027:

ง่าขออภัยด้วย ครับ .. ง่า แจกไปหมดแล้ว ขอโทษที ครับ

อย่างอื่นแทนได้ปะครับ .... หากงานไหว้ครูเจอผมและจะจัดอย่างอื่นให้แทน ครับ  :002:

3286
ต้องรุ๊ไห้ชัวร์น๊า..คุนเอ็มไร่ขิง

ไม่อยากไปเสยเที่ยวอีกอ่า..

เเต่ว่าสักที่อื่นมาแล้วเป็นอารัยไหมขร๊ะ  อยากรู้มั่กมาก

ขอบคุนล่วงหน้าขร๊ะ
ไม่เป็นไรจ้า ..... สักที่อื่นมาแล้วก็สักได้
ไปที่กุติหลวงพี่ญาก็ได้ นะครับ ..... อยู่ตรงหลังแผงพระอะครับลองถามคนแถวนั้นดูก็ได้ครับ ท่านสักให้ ชัว ครับ
ยิ่งถ้ามีรลอยสักมาแล้วด้วย คงไม่มีปัญหาอะครับ
พานครู ไม่น่าเกิน 60 บาท และค่าครู อีก 25 บาท
ครับผม
หลวงพี่นันก็สักสวยนะครับ ผม ..........

โชคดีเดินทางปลอดภัย ครับ  :002:

3287
เมื่อวานเราก้อไปวัดบางพระมา อยากบอกว่า^ไกลมาก^(ขี่มอไซด์ไปอ่า) พอไปถึงก้อไม่รุ๊ว่าที่สักอยู่ตรงไหน+สักไห้ผู้หญิงหรือป่าว แล้วก้ออายุเท่ารัยอยากรุ๊มากอ่าขร๊ะ  ถ้าไปวันหลังจะได้พร้อม!!!!

 :075: ถามคนแถวนั้นก็ได้ ครับ มีหลายกุติ ผู้หญิงก็น่าจะสักให้นะครับ
แหะๆ ยินดี ครับ เด็กไร่ขิงเหมือนกัน

3288
งามๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ คุณเอ็ม วัดดอนหวาย อยู่ไหนแล้วนิ จำไม่ได้ แต่คุ้นๆ นะ :068:
วัดดอนหวายอยู่ติดกับ ตลาดน้ำวัดดอนหวาย ครับ .... ม่ไกล กับ วัดไร่ขิง(พระอารามหลวงครับ)
ลองเซิด หาดู ครับ   :002:

3289




สุดท้ายเป็นเหรียญฉลองพัดยศ หลวงพ่อเชื่อม วัดเกศไชโย จ.อ่างทอง ครับ ปี 2520

ท่านใดมีข้อมูลเพิ่ม หรือติชมได้เลยนะครับ เต็มที่ ครับ ไม่ว่ากัน ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้า ครับ

3290




องค์ต่อมานี่ สุดยอดด้านโชคลาถเมตตามหานิยม จากสำนัก หลวงพ่อจืด จ.นครปฐมเรานี่แหละครับ
พระพิฆเนศ ต่อเงินทอง มหาเศรษฐี ........
องค์นี้ได้รับความเมตตาจากท่าน สิบทัศ(หรือพี่เก่งสุดหล่อเรา)  มอบให้ผมมา ครับ ขอบคุณครับ

3291




มาดูเหรียญเกจิในพื้นที่ผมบ้าง ครับ เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ละลึกพระราชทานเพลิง ของหลวงพ่อเท้ ครับ
หรือ หลวงพ่อเท้ วัดดอนหวาย เป็นเกจิอาจารย์ ที่คนแถบวัดดอนหวาย หรือ แถบ แถวบ้านผม นับถือท่านมาก ครับ
เหรียญนี้ถึงจะเป็นเหรียญที่ละลึก แต่ประสบการณ์ดี ครับ ขอบอก

3292




พระองค์แรก พระเนื้อดินโบราณ แบบพระ 3 ยืน (มีขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ)ซึ่งองค์นี้ ผมได้นำไปแห่และเช็คตามศูนย์พระ ก็ได้ข้อมูลมาว่า
พระองค์นี้น่าจะเป็นพระที่อยู่ตามวัดโบราณ มีอายุ ไม่สมัยศรีวิชัย ก็ทราวาดี นะครับ
ซึ่งเจ้าของพระองค์นี้ .ที่ได้มาเป็นช่างก่อสร้าง บูรณะวัดตามสถานที่วัดต่างๆ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าวัดอะไร
เพราะถามไม่ทัน ครับ แกตายไปนานแว้ว เหอๆๆๆๆ.................
ด้านหน้าพระองค์นี้มีลอยถลอก เนื่องจากการเก็บพระองค์นี้ไปรวมกับพระองค์อื่นเลยเกิดทำให้มีลอยถลอกนิดนึง ครับ
ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ ....หรือแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ ผิดถูกไม่ว่ากัน  หรือข้อมูลที่ผมได้มาผิดก็แจ้งทีนะครับ ขอบคุณครับ

3293
งามครับท่านเอ็ม ของเยอะนะครับช่วงนี้  :002:

น้องเอ็ม..ของเยอะมานานแล้ว...
แต่เดี่ยวนี้ขยันถ่ายรูปต่างหาก...

จาดมาอีก... จะได้จิ้ม..ขอ ได้ถนัดๆ
พี่โชว ตัวร้อนๆ เป็นไข้ต่ำๆ อีกแล้วอ่ะ.. อากาศแย่...สุขภาพเลยแย่..ตาม!


หายเร็วๆนะครับพี่สาว พักผ่อนมั่งนะครับ

3294
ปอม  ครับb. ตกลง งานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (ครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง) ครั้งที่ 1
 ขอไปร่วมงานตอนเช้าด้วยคนนะครับ
และเจอกันนะครับ พี่ปอม ...แหะๆ วันที่ 1 นัดรวมพลของเราด้วยนะครับ  งานนี้ต้องชวนเสี่ยโต้งมาด้วย แหะๆ

โชคดีครับ เบอร์ใหม่ เอ็ม ส่ง PM ไปให้และนะครับ ... ตามนั้น

3295
ยังไงก็กราบขอบพระคุณทุกท่านมากเลยนะครับ   :054:

3296
แล้วเจอกันนะครับทุกท่าน

จะไปแต่เช้าเลย

อยู่คณะเดียวกับแฟนเก่าผมเลยนะครับ แหะๆๆ

3297
น้ำมันงา ครับ  งา เป็นพีชที่น่าสนใจมาก ครับ บางประเทศบูชางาด้วย ครับ
และบางพื้นที่ยังใช้งาเสกรับประทานเพื่ออยุ่คงด้วย ครับ ...เช่นงาดำ ......... และน้ำมันอีกแบบ คงเป็นน้ำมันจันทร์ น้ำมันว่าน น้ำมันเสือโคร่ง อีกหลายหลายชนิด ครับ และแต่อาจารย์จะใช้



งา เป็นพืชล้มลุก ผลเป็นฝัก มีเมล็ดเล็กๆ สีขาวหรือสีดำ มีการเพาะปลูกมานานเพราะต้องการใช้เมล็ดงานี้เป็นอาหาร เครื่องเทศ และบีบเอาน้ำมันได้ มีการใช้เมล็ดงากันมากเป็นพิเศษในแถบตะวันออกกลาง และเอเชียเพื่อเป็นอาหาร

กลิ่นและรสของเมล็ดงาคล้ายกับถั่ว องค์ประกอบสำคัญในเมล็ดก็คือน้ำมัน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 44-60% น้ำมันงานั้นต่อต้านการเกิดออกซิไดซ์ได้ดี มีการใช้ในอาหารพวกสลัด หรือเป็นน้ำมันปรุงอาหาร และมาการีนและในการผลิตสบู่ ยา และน้ำมันหล่อลื่น และยังเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางบางชนิด

เดิมนั้นงาอาจเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย หรือตะวันออกของแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่เขตร้อน กึ่งร้อน และร้อนทางใต้ในทุกเขตทั่วโลก

ก่อนสมัยโมเสส ชาวไอยคุปต์ใช้เมล็ดงาป่นแทนแป้งธัญพืช ส่วนชาวจีนรู้จักงามาอย่างน้อยก็ 5,000 ปีมาแล้ว พวกเขาเผาเมล็ดงาเพื่อใช้ทำแท่งหมึกจีนที่คุณภาพดี ส่วนชาวโรมันบดเมล็ดงาผสมขนมปังเป็นอาหารรสดี ชาวไทยก็มีขนมที่ใช้เมล็ดงา เรียกว่า ขนมงาตัด ใช้งากวนกับน้ำตาล แล้วตัดเป็นแผ่น

ในบางถิ่นมีความเชื่อว่าเมล็ดงามีอำนาจอาถรรพณ์ และยังปรากฏในนิทานเรื่อง อาหรับราตรี ตอน อาลีบาบา กับโจรทั้งสี่สิบ ซึ่งมีคำกล่าวว่า เปิดเมล็ดงา (Open sesame)
ต้นงานั้นมีความสูงระหว่าง 0.5-2.5 เมตร ขึ้นกับสภาพที่ปลูก บางพันธุ์ก็มีกิ่งก้าน บ้างก็ไม่มี ที่แกนในแกนหนึ่งมีดอกราว 3 ดอก เมล็ดนั้นสีขาว ยาวราว 3 มิลลิเมตร เมื่อแห้ง เปลือกเมล็ดจะเปิดอ้า และเมล็ดจะหลุดออกมา การเก็บงาจึงต้องอาศัยแรงงานคนเพื่อมิให้เมล็ดงาร่วงหล่น ภายหลังเมื่อไม่นานมานี้ มีการพัฒนาพันธุ์มิให้เมล็ดแตะกระจาย ทำให้สามารถเก็บด้วยเครื่องจักรได้


3298
เหรียญหลวงพ่อวัดชลอ จำได้ว่าราวๆปี 2525 กว่าๆ พี่เขยเอามาให้ สภาพใหม่เอียมใส่ซองใสมาจากวัดเลยครับ เขาว่าเป็นเหรียญดังในพื้นที่เดี๋ยวนี้หาไม่ได้แล้วครับ :015:

โคตรเหล็กไหล เหมือนแร่เกาะล้านเลยอ่ะ  :075:

หลวงปู่ทวดไม่เคยผ่านตาอ่ะ :075:

ขอบคุณมาก ครับ พี่
เขาว่าโครตเหล็กไหล กับแร่เกาะล้าน มันคืออันเดียวกันอะครับ ผมหละงง แหะๆ

3299
งามมาก ครับ พี่หอมเชียง สุดยอดเลย  :015:
ตาถึงทุกชิ้นเลยนะครับ

3300
รับทราบ ครับ ท่าน พล้อมปฏิบัตติตามคำสั่ง

3301
ยินดีด้วยนะครับ สุดยอดเลย

3302


หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คัมภีโร วัดถ้ำแฝด (โครตเหล็กไหล แบบพล้อมทำหัวแหวน ได้มาจากวัด )  ของท่านเก่ง (สิบทัศ)
 :015:

3303


หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ไม่ทราบว่าปีไหน ครับ





ไม่ทราบปีเช่นกัน ครับ

3306
ตามเพื่อนต้น ครับ  ไป ครับ  (ขอร่วมงานช่วงเช้าอย่างเดียว ครับ)


เอ็มไร่ขิง เบอร์โทร PM ไปไม่ได้ ครับ โดนบล็อค เหอะๆๆๆ

3308
รับทราบ ครับ  :054:

3309
จะรอชมและ ขอพร เรื่องความรักให้สมหวังสักที  :054:

ขอบคุณครับ

3310
สุดยอดเลย ครับ งามหมดเลย ครับ ... :053:

3311
ผมจำได้ว่า รุ่นที่ไม่ทันท่านก็ยังมีประสบการณ์ ฟ้าฝ่าไม่ตายมาแล้ว ครับ เมือ่หลายปีก่อน

หลวงพ่อรุ่ง ดีทุกรุ่น ครับ   :053: สวย ครับ

3312
อยู่หลังโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ทะลุไปถึงวัดเดชา ออกโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ใช่ป่าวครับ :090:


ใช่ครับ ...ตามนั้น ครับ

3314
ยินดีต้อนรับ ทุกท่าน ครับ ....เดินทางไปมาปลอดภัย มีแต่โชคดีนะครับ

3315
ศิษก้นกุติ หลวงพ่อโตเลย ครับ สุดยอด  :015:

3316
เขี้ยว หมีป่าวครับท่านเอ็ม :002:

ใช่ครับ  :002:

3317


.......................




รบกวนด้วยนะครับ ผมไม่ทราบบจริงๆ ครับ ออกทีไหน ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้านะครับ  :054:

3318
สวยมากครับ :053:ไม่ทราบของสำนักไหน

คนให้มาบอก ของหลวงพ่อนก ครับ .... หรือป่าวไม่แน่ใจ
แต่มีคนตีเปงของหลวงพ่อนกนะครับ  :058:

วันนี้ผมเอาไปเลี่ยมที่แผง บอก กริ๊บๆเลยอะครับ แหะๆ

ยังไม่แน่ชัดอะครับ แต่เขี้ยวหมีแน่นอน

3319


..............



แถมเหรียญ ..ท้าวเวสสุวรรณอีก 1 เหรียญ ครับ

3320


...........




ไม่รู้วัดไหนอะครับ วัดเดียวกันหรือป่าว งงๆ ครับ - -''

3321
แจกพี่น้องบอร์ดบางพระไปหมดเกือบไม่มีเหลือติดตัว  :075: " พระอรหังขันโธ กุมภกัณฑ์ยักโข พระโมคคัลลายันติ "  :001:

ง่า ท่านพี่สิบทัศ ใจดีมาก ครับ ลูกอมของท่านเก่ง มาอยู่ที่ผมเรียบร้อยและครับ

ขอบคุณอีก ครั้ง ครับ

3323


หน้าจะเป็นเขี้ยวหมีนะครับ พี่ชายที่กรุงเทพให้มา ครับ

ขอบพระคุณพี่บอล .... ณ ที่นี้ด้วย ครับ สำหรับของที่ให้มา  :054:


3324
ยันนะ ครับ ผม  หรือยันต์ 7 ยอดน่าจะไปทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดนะครับ  :100:

3326
สวัดดีครับ ยินดีที่รู้จัก ครับ  :002:

3328
งี้ป่าวเพื่อน ...ที่ว่าลูกปืน มีดไม่ได้กินเอ็ง สุดยอดเพื่อน ..... มีเยอะปะแบ่งซักอันดิ 555+ :007:

3329
หลวงพ่อเพรช ผมมีล็อคเก็ท ครับ ยังไมได้สืบเลย วัดไหน และ จะถ่ายเอามาลงให้ดูนะครับ
ข้างหลังเป็นรูปหลวงพ่ออะไรไม่ทราบ ครับ .....

3330
ขอบคุณข้อมูล จากพี่หอมเชียงมาก ครับ ได้จำพิมใว้ ขอบคุณครับ  :054:

3331
ตามนั้น ครับ  :053:

3332
สวัดดีครับ ยินดีต้อนรับนะครับ   :002:

3333
ร้านศศิวิมลรัตน์เลยครับร้านของเอ็มไร่ขิงคับ.....โฆษณาให้แล้วนะเพื่อนเอ็ม..อิอิอิ

กำแล้ว ............โทษนะครับ เพื่อนๆพี่น้องๆ ร้านผมเป็นร้านเล็กๆ รับจำนวนคนไม่หมดหลอก ครับ
ร้านอื่นดีกว่า ครับ แหะๆ ขอบใจเพื่อนต้นมากนะ ..แหะๆ :075:

อีกอย่าง ..มันไกลจากบางพระมากเลย ครับ หาที่ใกล้ๆดีกว่านะเพื่อนต้น


3334
รับทราบครับ ท่านหัวหน้า  พวกเราพล้อมออกปฏิบัติการแล้ว  :066:

3335
เห็นด้วยครับ 7/3/52  ตอนบ่ายเหมาะมาก เพราะช่วงเช้านอกจากเสร็จพิธีไหว้ครูแล้ว
ก็ยังไม่กลับกัน หาเช่าของแต่ละกุฏิอยู่ บ้างก็อยู่แถวโรงทานกินกันแบบอิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งท้อง
ตอนบ่ายเราน่าจะมีกิจกรรมของเวบเราทำกันก็ดีนะ
ยังไงขอความเห็นจาก ท่านพี่ในเวบแสดงความคิดเห็นด้วย
กิจกรรมของเวปเอางัยดีอ่ะคับ เล่นการละเล่นพื้นบ้านดีป่ะ มอญซ่อนผ้า กินวิบาก วิ่งเปรี้ยว ล้อเล่นนะคับ..
ผมว่ารวมกลุ่มกันได้แล้ว เรามากวาดลานวัดกันไหม  เหมือนเมื่อก่อนที่มารอสักที่วัดน๊ะครับ :005:

เห็นด้วยครับ วัดของพวกเราจะได้สะอาด ...และพวกเราก็ยังได้บุญ เห็นด้วย ครับ

คิดดี ทำดี พูดดี ดีที่สุดแล้ว ครับ  :015:

3336
 :074: โหสุดยอด ครับ งามทุกชิ้น สุดๆทั้งนั้นเลย ครับ ....  :015:

3337
งามครับ ข้อมูลดี ครับ เต็ม 10 ครับ  :015:

3338
เดี๋ยวผมกับพี่เก่งบ้านดอน เป็นหน่วยพิเศษเอง ปปสตก. (ปราบปรามสาวที่แต่งกายไม่สุภาพ) ครับ .... ใครใส่มาขอเชิญไปสอบปากคำเป็นกรณีพิเศษนะครับ
  :004: 555+     :007:

ไงก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ ช่วยๆกันหน่อยครับ วัดนะครับไม่ใช่ห้าง    :058:

ให้พี่อชิตะเป็นหน่วยสืบและกัน ครับ 555 ใครจะสมัคหน่วยนี้ติดต่อ พี่สิบทัศได้นะครับ 555+ จัดไปอย่าให้เสีย
(ขำๆหนะครับ)

3341
ผมก็นับถือหลวงปู่มาก ครับ ....และยังมีเหตุการที่ผมรอดตายอีก ...
และก็รู้สึกอบอุ่นมากๆ ครับ สำหรับพี่น้องชาวบางพระ
บางทีผมอาจทำผิดไปอะไรไม่ดี ก็ขออภัย หลวงปู่  หลวงพี่ทุกรูป ตลอดเวปมาสเตอร์ และทุกๆท่าน ด้วยนะครับ :054:

3345
ศิษอาจารย์เจต สามแยกกระจับเหมือนกัน ครับ  :050:

3347
แถวห้วยพลูมีอยู่ 1 ร้านครับ แต่ไม่ค่อยใหญ่เท่าไร
ท่านาจะมีอยู่ 3 ร้านครับ
- อาป๋า
- เก้าแสน
อีกร้านจำชื่อม่ายล่ายแล้ว
แต่ผมว่าเก้าแสนก็ดีนะครับ
  
     ขอบคุณครับ

หน้าไร่ขิง ก็มีชาโค อีก1 ที่นะครับ

3348
ที่จำไม่ผิดตรงแถวๆท่านามีอยู่นะครับ

ท่านาเลยเหรอครับ มีลุ้นนะครับ น้องตั้น ท่านาอะ 555555++
 :058:

3349
เหนียว ครับ อยู่ยงคงกระพันครับ หากคนสักถูกตีล้มแล้วโดนซ้ำ ที่นี้เป็นตาเอาคืน เคยโดนกับตัวมา เอาเป็นออกแนวบู๊ครับ ฟันธง

ผมว่า หยั่งพี่คงไม่ล้มง่ายๆหลอก ครับ ......ผมว่าคนที่มาใส่พี่น่าล้มมากกว่า  :075:

3350
ดูของเพื่อนผมแล้ว มาดูของเอ็มมั่ง ครับ (ขอแจมด้วยนะเพื่อนต้น)



เสือ อิอิ :075:





สาริกางับ

3351
ไม่เสื่อมหลอก ครับ พี่ Ogofmayas

ดีแล้ว ครับ รู้จักขันติ ..........

ของแบบนี้ไม่ได้เสื่อมกันง่ายๆหลอก ครับ ดีแล้ว ครับ รู้จักอดทน และขันติใว้ 
คิดดี ทำดี พูดดี ของก็โครตยิ่งดีเลย ครับ

ผมสนับสนุนให้คนทำดี ทำบุญสร้างกุศลบ่อยๆ .....และหมั่นสวดมนใว้ ครับ หากอยากให้ขลังขึ้น

3352


ผมก้อบูชาเหล้าขาวทุกวันคับทาตรงรอยสักด้วย
[/glow]

ต้นพาเอ็มไปแทงมั่งดีอยากได้โครตเลย   ของเพื่อนต้นสวยนะ  :015:

3353
จัดไป ครับ วันเสาร์7 จัดไปอย่าให้เสีย รวมตัวที่ไหนว่าไป ครับ

3354
อยากได้มั่งอะครับ เหอๆๆๆ  สวยดี ครับ ท่านโจ

3355
หล่อดี ครับพี่ ...ปราณจิต...  แมนดี ครับ  เท่ ดี ครับ ผม เจอกันทักกันด้วยนะครับ  :050:

3356
อาเสี่ยนี่รุ่นประสบการณ์เลย ครับ ปืนยิงกรอกปากมาแล้วไม่เข้า ลูกปืนตุงที่แก้ม

รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นดังเลยก็ได้ ครับ  :053:

รุ่นนี้ส่วนมากที่ผมเห้นจะเป็นเนื้อผงนะครับ
ใว้รอพี่ๆเอารูปมาลงให้ดูนะครับ ของผมให้เพื่อนไปแล้ว

รอดูเหมือนกันครับ    แบบนี้อยากเก็บไว้ซักองค์จริงๆ  เขาสนนราคากันเท่าไหร่ได้เหรอครับ

pm  มาก็ได้ครับ    :017:


ผมก็ไม่ทราบเรื่องราคาอะครับ เคยมีคนบอกว่าที่วัดนก ยังมีอยู่ รอถามพี่เก่ง พี่หอมเชียง และลุงอเมชซิ่งและกัน ครับ

3357
อาเสี่ยนี่รุ่นประสบการณ์เลย ครับ ปืนยิงกรอกปากมาแล้วไม่เข้า ลูกปืนตุงที่แก้ม

รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นดังเลยก็ได้ ครับ  :053:

รุ่นนี้ส่วนมากที่ผมเห้นจะเป็นเนื้อผงนะครับ
ใว้รอพี่ๆเอารูปมาลงให้ดูนะครับ ของผมให้เพื่อนไปแล้ว

3358
ส่วนตัวผมว่าเป็นกุโศลบายอย่างนึง ครับ ให้คิดถึงสมัยโบราณ ครับ
ผู้หญิงกับผู้ชาย ห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน และ สมัยก่อนไม่มีโลชั่น ครับ 55555+

เหมือนการตัดเล็บตอนกลางคืนเขาว่าอายุสั้น เพราะสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า ครับ ตัดเล็บอาจเข้าเนื้อ
ได้ สมัยนี้ไฟฟ้าลึ่มเลย ครับ ...... โลชั่นมีหลายยี่ห้อนะครับ

คบแฟนหลายคนไม่เปงไรหลอก ครับ ดูอย่างขุนแผนสิ ครับ 555555
แต่อย่าไปฉุดลูกเมียเขามานะครับ มันจะบาปเอา ไปปีนต้นงิ้ว 5555(ของอาจเสื่อมได้ ยังไงเราเป็นคนไทยรักษาประเภณีไทยก็ดีครับ)

3359
เพื่อนต้นเราแน่น จริงๆ ........... :015: นับถือ

3360
ควนหลีกเลี่ยงดีที่สุด ครับ ...... หากไม่สบายใจไปเป่าใหม่ได้ ครับ แต่ไม่ควรทำบ่อย เดี่ยวจะเป่าไม่ขึ้นนะครับ
 :075:

ถ้ากอดหรือขามาทับไม่เท่าไหร่ ครับ ....แต่ถ้าผ่าไฟแดงตำรวจไม่จับ ...แต่ของอาจหลุดได้นะครับ  - -''

จงยึดศรัทธาใว้ที่ใจ ครับ ...เคร่งมาก เดี่ยวจะเป็นปัญหาครอบครัวป่าวๆ
พยายามทำบุญใว้เยอะๆ ดีที่สุด ครับ

ทุกอย่างมีทางแก้เสมอ ครับ ...... ทำบุญใว้บ่อยๆดีสุด ครับ ครูบาอาจารย์เราท่านได้รับ ท่านจะได้ชื่นใจ ครับ
หากยิ่งถือศิล หมั่นส่วนมนบ้างก็ดีนะครับ

3361
ถ.ถ.ถ.ถ.ถ.ถ.......ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบ

3362
สุดยอด ครับ ของคุณพี่โองการมาก ครับ  น่าบูชาทุกชิ้นเลย ครับ  :054:

3363
ไม่เปงไร ครับ  :075:

3364
ขอแจมด้วย ครับ ยันต์จากหลวงพี่ญา ครับ



แคล้วคลาด สุดยอดเลย ครับ กับยันต์นี้

3365
มองไม่เค่ยชัดเลย ครับ ไข่ผ่าซีกนี่ทำหลายวัดมากมาย ครับ รวมมีทั้งกรุของวัดพระรูป
วัดที่สร้าง ก็มี ที่ผมรุ้จัก อยู่ 2 วัด วัดพระรูป กับวัดป่าเลไล
แต่ในสุพรรณ ยังมีวัดอื่น ที่ออกบ้าง ครับ

ขอท่านขุนส่อง สวยงามมาก ครับ

3366
งานมีถึงวันไหนครับท่าน"เอ็ม"...{^_^}...

16-20 เดือนนี้ ครับ 

พระอุโบสถ เปิดให้เข้าไปกราบได้เฉพาะงานนะครับ พี่น้อง ......


ไปกับแม่อะครับพี่โชว  :075:

3367
ต้นมันก็ของเยอะเหมือนกันนะ ...เด็กไร่ขิงเหมือนกัน ไม่ธรรมดา

3368
สวยงามมากมาย ครับ  :053:

3369
แถมให้อีกบท ครับ ... ก่อน คล้องคอ
พุทโธล้อม
ธัมโมล้อม
สังโฆล้อม
พระพุทธเจ้ามาพล้อม สมเด็จพระพุทโธ นะโมพุทธายะ

อันนี้เพื่อนผมเคยให้ใว้สมัยเรียน ครับ

3370
เมเอ้ยแบ่งเราสักองค์ดิ

และเพื่อนต้นมะไหร่จะมาเอาอะครับ ... นานแล้วเนี่ย ไม่ไกลเลยนะ - -''

3371
ใช่ครับ ท่าน โจ หลวงพ่อเพิ่มวาจาสิทธิ์

3372
นะโม 3 จบ
พุทธธังอาราธนานัง
ธัมมังอาราธนานัง
สังฆังอาราธนานัง
พุทธังประสิทธิ์เม
ธังมังประสิทธิ์เม
สังฆังประสิทธิ์เม

แค่นี้ก็พอ ครับ

จะแขวนพระให้ขลัง ใจจะต้องนับถือพระที่แขวนด้วยนะครับ

อย่าแขวนเพราะค่านิยมเพราะแพง จงแขวนที่ศรัทธา ครับ  และจะบังเกิดผล

3373
ใครพอทราบบ้าง ครับ ขอประวัติด้วย ครับ ขอบพระคุณอย่างสูง ครับ  :054:

3375
และเจอกันนะครับพี่ๆทุกคน  :054: สวัดดีครับ ฝากตัวด้วย ครับ

3377
เอ็มไร่ขิง ครับ  สวัดดีครับ  :050:

3378
แน่นมาก ครับ พี่หอมเชียง โหเกศา สุดยอกเลย ครับ
แขวนองค์เดียว องค์นี้สุดยอดและครับ ... เหนียวสุดๆ

3379
หนุมาน เมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน ครับ เป็นนักรบแนวหน้า อะครับ
ส่วนดำดื้อ แดงเก ส่วนมากจะแน้น คงกระพันบู้ๆหน่อย ครับ

คล้ายๆ ครับ แต่ไม่เหมือน มีคนบอกว่า คนสักดำดื้อแดงเกร มักใจร้อน(แต่อาจเป้นที่คนด้วย) ครับ

ส่วนด้านหน้า ยันต์ที่หน้าอกก็จะมีเสือเผ่น เสือสามขา อะไรประมาณนี้ ครับ ลอง ถามข้อมูลจากพี่ ดูได้ครับ

3380
งานใหญ่เลยครับท่าน งานนี้มีแจกวัตถุมงคงด้วยเปล่าครับท่านเอ็ม

ไม่ทราบอะครับ ผมเดินไปไม่ทั่ว  โทษทีนะครับ หากไปตอนกลางคืน คงคึกคัก ครับ

3381
2 องค์บนไม่ผ่านตาเลย ครับ

พระชินราชสวยงามมาก ครับ  :053:

ขอบคุณครับท่านเอ็ม ดีนะครับที่แค่ไม่ผ่านตา ถ้าบอกว่า ๒ องค์แรกไม่ผ่าน !! นี่ ผมเศร้าเลยนะท่าน   :065:  :065:

ใจเย็น ครับ 5555  รอผู้รู้มาตอบ ครับ .... เป็นกำลังใจให้ ครับ ปิดตาน่าจะดีอยู่นะครับ

3382
 2 องค์บนไม่ผ่านตาเลย ครับ

พระชินราชสวยงามมาก ครับ  :053:

3383
เอาบุญมาฝากให้พี่น้อง ทุกคนด้วยนะครับ สาธุ

3385


เปิดตัวน้องชายสุดรักด้วยนะครับ (พี่จัดให้นะน้องรัก 55555++)
นายตะกรุด แห่งบอร์ดบางพระ

3386
เอามาลงกันหน่อย ครับ  รอชม ครับ  :002:




ประเดิม ครับ 555555++ โชว์ความด้าน ครับ 5555
เจอผมเล่นได้เลยนะครับ ... ไม่รุ้โจทย์ใครมั่ง 555
ถ้าจะเล่นผม บอกก่อนนะครับ ได้หนีทัน 555+

3387
ยินดีด้วย ครับ สวยมากๆเลย ครับ  :053:

3388
บรรยากาศหน้าไปมากเลย ครับ ขอบคุณครับ

3389
สวย ครับ  :053:

3390
สวย ครับ อยากได้ยันต์ตระกร้อ มั่งจัง ครับง่า

3392
รบกวนด้วยนะครับ ไม่รู้แท้ป่าวนะครับ ผมดูไม่เป็น แต่ถ้าเทียบกับบล็อค นิยมไม่เข้าเลย ครับ
แต่เห็นว่ามีหลายบล็อค ...ยังไง ช่วยพี่น้องทุกท่านช่วยดูให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

3397
และชุดออกรบจะขนาดไหน ครับ สุดยอดเลย  :075:

3398
ขอแถม แนวกระแส จตุคาม ครับ (บางส่วน)


3399
น่าอิจฉาเจงๆๆ.. 14;

ของพี่ ก็ไม่ธรรมดานะครับ โดยเฉพาะที่คอ 5555

3400
ปิดท้ายละครับ แหนบพระชินราช หลวงพ่อสมพงษ์ วัดใหม่ปีนเกลียว


3401
เข็มกลัดกรรมการย้อนยุค เนื้อเงิน 2541


3404
ต่อด้วยพระกรรมการ บางส่วน ครับ


3405
          [shake][/shake][/b][/b]
         
                 อยากจะถามว่าหน้าผากเสือที่วัดบางตอนนี้ยังมีเหลืออยู่อีกไหมครับ  ผมจะไปเช่าครับสัก 2  -  3  อันครับ  ผม
           
                                                                                        ขอบคุณครับ
                                                                                              จาก
                                                                                             อุเทน  

หมดจากวัดไปแล้ว ครับ และค่อนค่างหายาก หุหุ รุ่นใหญ่มาเองเลยเหรอครับ อิอิ

3407
ถึงพี่เด็กนอกวัด ครับ ..... หากผมเคยล่วงเกินอะไรพี่ไป และเรื่องที่ผ่านมาจะผิดหรือไม่ผิด ... ผมขอโทษนะครับ ขอโทษตรงนี้ให้พี่น้องได้เห็น
ผมเด็กกว่า อาจไม่มีสมองคิดไปล่วงเกินพี่ ..ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ .... จากจริงใจ  :054:




3408
สงสารเอ็มหวะเพื่อน
ถึงแม้น่าตาเราจะไม่ได้เรื่อง...แต่ห้องเครื่องเราสุดยอดโว้ยเอ็ม  :047: :047: :047:

มีเพื่อนที่น่ารัก อยู่เคียงข้างเราก็พอ ... จาดไปอย่าให้เสีย
รักแท้มันอยู่ที่ใจ ..... ถ.ถ.ถ..ถ.ถ.ถ.ถ....ถูกต้องนะคร๊าบ 5555++

3409
รักก็ทุกข์ ไม่รักก็ทุกข์
ชีวิตคนเราหนอช่างไม่มีอะไรแน่นอน
ความรักช่างหอมหวานและยาวนาน แต่แฝงด้วยความเจ็บปวดดั่งมีดกรีดกลางใจ
วาเลนไท คือให้เพื่อนๆพี่ๆทุกคนสมหวังในความรัก นะครับ
โดยเฉพาะพี่เด็กนอกวัด คือให้ได้รักแท้ดั่งปราณถนานะครับ
สาธุ

มาบ่นให้ฟัง ครับ 5555++

3410
วัดนี้ ของขลัง วัตถุมงคลเยอะมาก ครับ
ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ มีดหมอ รูปหล่อ ตะกรุด พระเครื่อง โหเยอะครับ ขอบอก

3411
55555555+ :004: น่าจะปรมาณนั้น ครับ พระจันทร์หิวเลือด แหะๆ

3412
สวย ครับ  ลูกอมดูยากมาก ครับ  เพราะทำคล้ายๆกัน

ของหลวงปู่อั๊บ สวยจริงๆ ครับ  :053:

3414
ขอแสดงความยินดี...ด้วย ครับ เหรียญ สวยทั้ง 2 เหรียญเลย ครับ

ด้วยความเรารพ :054:

3415
อนุโมธนาด้วยเช่นกัน ครับ สาธุ

3416



ใต้ฐาน


ผมก็มีอยู่ 1 องค์ครับ รูปหล่อแต่ไม่ใช่รุ่นแรก เป็นปี 38 ครับ ลบกวน ลุงอเมชซิ่ง พี่หอมเชียง และพี่สิบทัศ
ดูให่หน่อย ครับ แท้หรือป่าว ครับ และ มีข้อมูลเกี่ยวกับองค์นี้ใหม ครับ ขอบพระคุณมาก ครับ

ด้วยความเคารพ  :054:  :054:  :054:

3417
ล่าสุดไปเวียนเทียนที่วัดนกมา  พี่ที่วัดนกเล่าว่ามีคนมาถามหาวัตถุมงคลหลวงพ่อไสวเป็นรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก (รุ่นเข่ากว้าง)  เห็นว่ามีประสบการณ์คนขับรถแท็กซี่  โดนกระหน่ำแทง แต่ไม่เข้าครับ  อยากรู้ข้อเท็จจริงลองโทรถามที่วัดนกดูนะครับ  ( เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)  แต่โดยส่วนตัวผม  เชื่อสนิทใจเลยครับ

ผมก็เชื่อ ครับ ประสบการณ์เหรียญธงไขว้ โดนยิงไม่เข้ามาแล้ว ครับ สุดยอด

3418
ผมดูทุกวันเลย ครับ 555555 (การ์ตูนหนะครับ ) แหะๆ :075:

3419
ชอบพระปิดตามากเลย ครับ
ล็อคเก็ตก็งาม ครับ

3420
อาจารย์เอนก วัดปรีดาราม  เป็นลูกศิษหลวงพ่อตัวจริงแน่นอน ครับ
แต่ไม่ใช่เจ้าอาวาส

เจ้าอาวาส วัดปรีดาราม คือ หลวงพ่อสมชาย ครับ ...

3422
ท่านต้องกด แสดงตัวอย่าง ก่อน ครับ
เมือ่กดแล้ว จะมีช่องให้อัพรูป กดอัพรูป และรอสักพัก จะมีชื่อเวปของรุปที่เรา อัพ
ให้เราก๊อบ รูปตรงช่องนั้นมาวาง ตรงที่พิมเนี่ยแหละครับ และถึงกดตั้งกระทู้ รูปภาพถึงจาขึ้น ครับ

โดยรูปภาพลองรับฟลาย .jpg .jpeg .png .gif .bmp .tif .tiff .swf ขนาดไม่เกิน ๓๐๐ กิโลไบต์ (KB)  นะครับ

ขอบคุณครับ

3423
สุดยอดเลย ครับ บ่งบอกถึง และโดยตรงเกี่ยวกับพระพุทธองค์

3426
เหรียญกงจักร ของเก๊เพียบ ครับ แถมยังมี เสริม อีกหลายรุ่น นะครับ ...... ระวังด้วย ครับ


3427
ผมหล่อลงเบื้อย(เลื้อยลงบ่อ)ปะครับพี่ ปอม ... เดะวันที่ 1 มีนาเจอกัน ครับ

3428


แจ้งโอนแล้วนะครับ ขอบพระคุณอย่างสูง ครับ  :054: :054: :054:

3429




รบกวนด้วยนะครับ ไม่ทราบที่ แท้หรือป่าวก็ไม่ทราบ ครับ
ใครรู้ช่วยดูให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

3430
รุ่นนี้ของเก๊ยังไม่น่าจะมี ถือเป็นของดี ราคาเยาวชนครับ

ขอบคุณพี่หอมเชียงมาก ครับ ด้วยความเคารพ  :054:

3431
ขอบพระคุณมาก ครับ และเหรียญแรก แท้หรือป่าว ครับ

กราบขอบพระคุณทุกท่านมาก ครับ  :054: :054: :054:

3432
'ผมลงหมีกแล้วจะทำไงดี ครับ  :067:

3433
สวยครับท่าน  :015:

3434
ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าเลยนะครับ  :054:

3438





มีพี่ใจดีที่กรุงเทพให้มา ครับ ....

3439
ต้นมมีเหรียญรู่น4มั้งเอ็ม และก้อรู่นสร้างเขื่อนประมานนี้แหละจำไมได้อะ

สุดยอดหวะครับเพื่อน ...ไหว้ครูไปด้วยนะครับ เพื่อนอย่าทิ้งกันนะ ไม่อยากไปคนเดียว 555

3440
ผมกำลังจะเรียนเหมือนกัน ครับ ยังไงดีอ่า .....เคยถามเพื่อน ครับ บอกเส้นดีก็เข้าได้ เหอะๆ จริงป่าวไม่รู้ ครับ

3441
.ใว้ปีหน้าเค่ยไปก็ได้ครับ ยกมือบอกบารมี หลวงพ่อ แทนก็ได้ครับ  :002:

3442
สาธุ ครับ บารมีหลวงพ่อคุ้มคอง

3443
ขอแถมนิดนึงคับ  คนสามพรานไปกราบหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมคับ แต่หลวงพ่อบอกว่ามาทำไมกันตั้งไกล แถวนั้นก็มีของดีอยู่แล้วนั่นก้อหมายถึง หลวงปู่เพิ่ม วัดสรรเพชรครับ ปู่ผมเล่าให้ฟังคับบ้านปู่อยู่แถววัดสรรเพชรอ่ะคับ

ท่าทางเพื่อนต้นเรา หลวงปู่เพิ่ม วัดสรรเพชญเยอะนะ 555 
อยากได้ตะกรุด ของท่าน แต่ท่าทางหายาก เง่อออ

3444
ขอสอบถามนิด ครับ ... พระองค์นี้ เลี่ยมแบบเปิดมาก่อนหรือป่าว ครับ  อยากได้ข้อมูลนิด

3445
อนุโมธนาด้วย ครับ  :054:

3446
ขุดมาได้เนอะ เง่อ  :075: เก่ามากๆไม่ลองตั้งกระทุ้ใหม่หละครับ จะดีดีกว่านะ  :075:

3448
ฟอมดีมากเลย ครับ ...แต่อาจเป็นรุ่นหลังนะครับ เนื้อหาและมวลสาร ถือว่าแหล่ม ครับ

3449
เหรียญที่สองผมเคยมีครับ น่าจะปี 45  หรือป่าวไม่แน่ใจ ให้คนอื่นไปแล้ว ครับ

เหรียญน้ำเต้า..ผมไม่เคยเห็น ครับ แต่สวยดี ครับ

สุดท้ายรูปหล่อ ส่วนตัวผมว่าดี ครับ

ไงรอฟันธง จากพี่สิบทัศ ลุงอเมชซิ่ง  พี่หอมเชียง และ ทุกๆท่านนะครับ  :015:

3450
เลิกกินได้เป็นดี ครับ อันสุรา คือเหตุนำพาแห่งการขาดสติ เมื่อไม่มีสติก็สามารถทำให้ ศิล 5 ข้อขาดได้ง่าย
และเป็นเหตุแห่งการตกนรก...เมื่อตกนรก เสร็จ เศษแห่งบาปยังติดมายัง อีกหลายๆชาติ
สามารถทำให้เกิดเป็นสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน และ คนบ้าใบ้

โทษของสุรานั้นร้ายแรงมาก ครับ ..........คิดเอานะครับจะควรเลิกดีหรือป่าว ผมก็ยังเห็นบางคนสักเยอะแยะถอดเสื้อกินเหล้าโชว์
เหอะๆ นานาจิตตัง ครับ

3451
สุดยอดมาก เลย ครับ แต่ละท่าน สุดยอดจริงๆ...

3452
ขอบคุณพี่หอมเชียงมาก ครับ  :054: มนัสการหลวงพ่อด้วย ครับ

3453
สาธุ ครับ ต้องขอบคุณพี่เก่งมาก ที่มาพิม คำสอนของหลวงพ่อ ให้พวกเราได้อ่านกัน ครับ  :054:

3454
เข้าวัดเข้าวาสำรวมนิดนึง ควรเคารพสถานที่ด้วยครับ วัดเป็นสถานที่ๆควรโคจร มิใช่ อโคจรแบบ RCA

ถูกตามที่พี่ว่า ครับ ผมเห็นด้วย  :066:

3455
สวยงามทุกชิ้น ครับ .... แต่ละชิ้นสุดยอดเลย นับถือจริงๆ ครับ  :054:

3457
อยากไป ครับ แต่คงไม่มีโอกาศได้ไป

3458
ขอบคุณพี่เก่งมากเลย ครับ

3460
ขอบพระคุณทุกท่านมาก ครับ

3464
จองไซ้ L 1 ตัว โอนเงินและจะแจ้งให้ทราบอีกที ครับ

3466
ขอบคุณพี่หอมเชียงและลุงอเมชซิ่งสำหรับความรู้มมากครับ  :054:

3467
หนุมานก็ มีตัวเดียวอะครับเหมือนกัน หมด ไม่ว่าจะเป็น หนุมานเชิญธง ออกสึก หรืออะไร ก็คือหนุมานอะครับ  :075: :075:

3470
และสำคัญอีกข้อ... โลหะ มีความแข็งและอ่อน ตัว ....ไม่เท่ากัน ครับ ซึ่งดูจากหลายๆเหรียญ  จะไม่เค่ยเหมือนกัน ครับ

ซึ่งมีการกล่าวใว้ว่า รุ่นนี้ได้มีเนื้อเงินที่หล่อจากอัฐถิ ซึ่งไม่ใช้เงินแท้ ทำให้โลหะที่นำมาปั๊ม มีความแข็ง ปั๊มไปทำให้บล็อคเกิดความเสียหายเป็นอย่าวมากเลย ต้องเลิกปั๊มไป ครับ ผม (จากในหนังสือตำนานวัดไร่ขิง)

3471
ช่วยฟังธงเลยและกัน ครับ รบกวนด้วย ครับ  :075:

ส่วนเรื่องกลากที่เหรียญ มีคนบอกผมมานะครับ
บางทีอาจเกิดขึ้นในบล็อคได้ครับ หากบล็อคนี้ ปั๊มหลายๆเหรียญ ก็อาจทำให้บล็อคเกิดความเสียหายได้
หรือไม่บล็อคแตก หรือปั๊มไปอาจมีเศษเข้าไปในบล็อคก็สามารถเกิดขึ้นได้ครับ(ไมได้จะเป้นว่าต้องเสริมเสมอ).... ซึ่งตรงนี้ผมก็อยากทราบประเด็น ครับ ..........

3473
ผมติดใจอย่าง ครับ ....เรื่องเส้นตะเข็บเล็กๆ หรือเส้นขนแมว ...ใต้ฐานของเหรียญ และเส้นต่างๆ เช่นตรงขอบสังฆาติ
และอีกหลายที่ เหรียญผมก็มีครับ ครับ

อยากทราบอยู่อย่าง ครับ หากของผมเก๊ ... และเส้นพวกนี้ มีส่วนตัดสินใหม ครับ

3475
ลางๆมากมาย มองไม่เค่ยชัดอะครับ  :075:

แต่เรื่องพุทธคุณดีแน่นอน ครับ ท่าจะเป็นยันต์ครู สุดยอด ครับ

3476
ขอบคุณครับ เพิ่มเติม ครับ.... เหรียญปั๊มรุ่นนี้ ..แผ่นก่อนโลหะที่เอามาปั๊ม จะทำจากการเอาโลหะมาหลอมๆๆ เช่น เนื้อนี้ฝาบาตร
ก็จะเอาฝาบาตร และ โลหะอื่นๆ มาผสมบ้าง ตามและแต่ญาติโยมจะศรัทธา.... และก็เค่ยเอามารีดเป็นแผ่นๆและเค่ยปั๊ม ครับ

3477
สำหรับเหรียญรุ่นนี้ ถือว่าเป็นเหรียญปั๊ม รุ่นแรก ของทางวัดเลยนะครับ
ซึ่งจะมีเสมาออกมาก่อนรุ่นนี้ แต่ไม่ได้ออกที่วัดไร่ขิง ครับ

3478
สงสัยจะส่องเห็นทุกอย่าง   คงยังบารมีไม่ถึง

ขอทราบราคาหน่อยได้มั้ยครับ ท่านเอ็ม :058:
ถ้ามือ 1 ใหม่ กิ๊บๆ รุ่น D40 อยู่ประมาณ 3 พันกว่าบาท ครับ ผม

แต่ตอนนี้มีพี่ชายคนนึงน้ำใจงามกำลังส่งกล้องและเดินทางมาหาผมละครับ 5555+
แต่จะรุ่นไหนไม่ทราบ ..น้ำใจนี้ก็ช่างงดงาม ครับ 

3479
ผมเคยเห็น และเคยมีแบบ หลังพระปฐมอะครับ ให้คนอื่นไปแล้ว คนที่ให้ผมมาอีกทีรับมาจากหลวงพี่ติ่งอะครับ แหะๆ

3480
ของแบบนี้และแต่เวร แต่กรรม ครับ
ขนาดคนแต่งงานมีลูกแล้ว ยังเลิกกันได้เยอะแยะ
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม ครับ

3481
สุดยอด ครับ  :053:

3482








เต็มที่เลยนะครับ ผิดถูกไม่ว่ากันไม่ต้องเกรงใจ ครับ คิดว่าไงแสดงได้เต็มที่ ครับ  :002:

ดีไม่ดีก็ว่ากันไป ครับ  อยากได้เหตุผลหลาๆยเสียงๆหนะครับ

3483
อยากกลับไปซื้อตอนสมัยนั้นจัง ครับ 5555 อยากได้มักๆ  :075:

ผมไปดูในเวปของ ญี่ห้อที่ผมเอามาลงใว้ 3 พันกว่าอะครับ โหเหงและจะเปงลม

3485
เอ็มไม่มีหวะเพื่อน ยื้มรูปเขามาอีกที 555+

3487




ฝากดูองค์สุดท้ายและ และขอข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นนี้หน่อย ครับ รุ่นนี้คงไม่ทันหลวงพ่อ อยากทราบใครปลุกเสกมั่งครับ ยังไง ก็ขอขอบคุณพี่ เพื่อนๆ และ ทุกๆท่าน ที่เข้ามาตอบ เข้ามาดูเข้ามาให้ความรู้ต้องขอบพระคุณทุกท่านอย่างสูง ครับ

หมด ก๊อกและครับ5555+
  :054: :054: :054: :054:

3488
ขออภัยครับ เหรียญที่ 2 ลงรูปผิด ลงรูป ซ้ำขออภัย ครับ ....นี่ด้านหลัง ครับ


3489
สวย ครับ  :015:

3490
เอาใจช่วย ครับ ขอให้ได้เสือคู่นะครับ

3491


ยื้มรูปมาลงนะครับ


กล้องส่องพระ ZEISS D40 10X GERMANY พันธุ์ แท้ ๆ ที่สุดของ ตำนาน
กล้องตัวนี้ วงการนิยมกันมาก ครับ ...และเป็นกล้องในฝันของใครหลายๆคน

ซึ่งผมก็ได้แต่มอง ครับ 5555++ เอารูปมาให้ชมกันนะครับ กล้องที่ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา

3493
ขอบคุณครับ ผมก็นับถือหลวงพ่อเงิน มาก ครับ .... ท่านอยู่แถววัดพระงามเหรอครับ ผมน้องๆหลวงพี่แทน วัดพระงาม ครับ แหะๆ

3495
ขออนุญาติ ขุดมาฟันธง กัน ครับ องค์นี้ พี่เก่งฟังธง ให้ 1 เสียง ครับ  :002:

พี่ๆแถววัดพระงาม 2 เสียง
สนามพระ นครปฐม 1 เสียง

ทุกท่านคิดว่าไง ครับ 

ขอบคุณสำหรับ ทุกท่านเลยนะครับ ผิดถูกไม่ว่ากัน

3496
ขอบคุณครับ ท่านต้น ผมไม่เคยเห้ยเหรียญจริงๆอะครับ  เลยไม่ทราบ ขอบคุณความรู้มากนะครับ

3497
ไม่ทราบเลยครับ แต่เหรียญสุดท้ายฟอมดี ครับ  :075:

3498
ทำบุญใว้ ละลึกถึงครูบาอจารย์ผู้มีพระคุณ ทำความดี ต้องได้ดีแน่นอน ครับ ท่าน

3500
ดีทุกรูปครับ ผมรับประกันและฟันธง ..... ไปได้ทุกกุติ ครับ แล้วแต่ว่าเราชอบลายเส้นแบบ ไหน

3501




เหรียญนี้แถมมาให้ชมครับ ของ ส.ส. สร้าง รุ่นพิเศษ พระปฐมเจดีย์

3502




เหรียญที่ 2 มาจากทางใต้ (หรือป่าว) ผมดูไม่เป็นอะ ครับ รบกวนด้วยนะครับ

3503




รบกวนด้วยนะครับ ผมว่าแปลกๆ ไงขอรบกวนด้วยนะครับ

3504
ไม่ดี ครับ 1 เสียง

อาจเป็นพระใหม่ หรือไม่ก็พระโหลที่ใว้แจกอะครับ
ผิดพลาดก็ขออภัย ครับ  :075:

3505
ผมก็ดูไม่เป็นครับ เป็นกำลังใจให้ ครับ

3506
ไม่ดีครับ ฟันธงอีกเสียง ครับ  :075:

3507
สาธุด้วย ครับ

3509
สุดยอดเลย ครับ พี่หอมเชียง ขอบคุณสำหรับภาพนะครับ  :054:

3510
เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานานและครับ บ้างก้ว่า งั่งคือพระทางเขมร บ้างก้ว่าไม่ใช่

ผมขอแยกเป็น 2 ประเด็นง่ายและกัน ครับ
1.งั่งที่ทำคล้ายๆ พระ ผมถือว่าไม่ควรแขวนเอว
2.งั่งเป้นรูปผู้ชาย โชว์อวัยวะเพศ...แขวไนด้ครับ

ในรูปไม่เหมาะสม ครับ ผิดถูกก็ขออภัย ......รอผู้อื่นมาแสดงความคิดเห็นอีกที ครับ

3511


รูปสุดท้าย เสือตีนโต ครับ ...อาจไม่เค่ยสวยเท่าไหร่ ......

3512


หนุมานเชิญธง อ.เม้งสามแยกกระจับ

ผมมีแค่นี้แหละครับ ผมไม่ได้สักเยอะอะครับ  แหะๆ  อาจมีไม่เยอะเหมือนใครๆ
แต่ก็ตั้งใจเอามาให้ชมนะครับ ด้วยความเคารพ  :054:

อาจไม่สวยเท่าไหร่ อย่าว่ากันนะครับ

3513


มัจฉานุ อ.เม้ง สามแยกกระจับ .... ครับ   แหะๆแก้ตัว กระทุ้บนและกัน ครับ


3514




เหรียญสุดท้าย หลวงปู่แหวน 2517 ช่วยดูให้ทีครับ ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าเลยนะครับ

3515




เหรียญหลวงพ่อคง วัดสรรพรส แท้ปะครับ

3516




องค์แรกสมเด็จหลวงพ่อพริ้งมีในสาระบบ แท้ปะครับ ไม่เคยเห็น

3517
กระแส เนื้อออกไปทางนวะปะครับ ดำๆเงาๆ สวย ครับ 
ไงรอผู้รู้มาตอบให้อีกทีนะครับ
เป็นกำลังใจให้ ครับ

3518
ไม่เคยเห็นครับท่านแบบนี้ แต่เจ้าสัวองค์นี้ โดยรวมแล้ว คมมากๆ ครับ  :002:

3519


แถมอีกภาพ ครับ ขำๆ หากรุนแรงต่อสายตาทุกท่านก็ขออภัยด้วยนะครับ 5555

(กำลังรบกัน แหนะแอบมาทำอะไร ) รามมาเกรียน 555+

3520


หนุมานขอแต่งงาน  :007: 5555555555555

(ล้อเล่นนหะครับ ขำๆนะครับ อย่าคิดมาก)

3521
แหม.........เรื่องแบบนี้ต้องปรึกษาเอ็มคับ :095:

หนูยังไม่เคยนะ 55555++ ผมไม่ทราบเลย ครับ เรื่องแบบนี้ ผมยังเด็กขิกขุอยู่ ครับ 555

3523
พิจณาได้เต็มที่เลยนะครับ ขอบคุณทุกคำที่แวะเข้ามาชม ครับ  :054:

3525




สำหรับพิมเม็ดบัวนี้อาจไม่เค่ยสวยเท่าไหร่นะครับ แหะๆๆๆ

3527
ขุนแผนหลวงพ่อพูล รุ่นประสบการณ์จริง ครับ ใวรุ่นแถวนครปฐมยิงกันไม่เข้า ออกข่าวมาแล้ว

3528
ใช่ครับ หมึกห้ามสักอักขระทับกัน แม้แต่การเขียนยันต์ ก็ห้ามทับ ครับ

3529
หามาแต่ละอย่าง ไม่ธรรมดีๆจริงๆ ครับ .... แหะๆ :053:

จะแม่นหรือไม่ มันก็แล้วแต่คนด้วยนะครับ แหะๆ

3530
 :015: ขอนับถือ สวย งามมากๆ เลย ครับ ท่าน  :053:

3531
และแต่คนจะเรียก ครับ หนุมานยังไงก็คือหนุมาน หะนุมานะ  :002:

3532
เทพที่สูงศักดิ์ หรือญาติของตนเอง เช่น บิดามารดา ปู่ย่าตายาย กินได้ครับ ....
แต่ผีที่อื่นหรือสัมภเสสีห้าม ครับ แม้ตามของตามงานศพที่ไม่ใช่ญาติตัวเองก็ห้ามครับ (เว้นแต่งานบำเพ็ญกุศลพระสงฆ์ที่ไม่ใช่ญาติได้ครับ)
ข้าวก้นบาตรก็ทานได้

ผิดพลาดก็ขออภัย ครับ ตามความรู้ที่ได้มามีแค่นี้ ครับ ...ส่วนตัวผมไม่กินเนื้อวัว ครับอาจไม่เกี่ยวกับสักเท่าไหร่แหะๆ

3533
555555++ เรื่องธรรมชาติ ครับ ไม่หลุดหลอก ครับ 55 ไงทำไรผิดไปก็ขอขมาซะครับ

3535
น่าจะสัก ครับ ... แต่เย็นๆอาจจะต้องทำกิจของสงฆ์ ไงลองติดต่อทางวัดดูอีกที ครับ

3536
ลองขอดูครับหากได้ก็ได้ หากไม่ได้ก็รอต่อไป ..แต่ยังไงได้แน่นอน ครับ ถ้าสายบางพระ จะได้เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ความเมตตาหละครับ

3537
ก็ตามพี่ๆ เขาและกัน ครับ ....ตามนั้น
พูดได้คำเดียวผมดูไม่เป็น ครับ  :007: 555555

3539
วัดบางพระ ครับ หลวงพ่อสำองค์ทำบุญ 20 ลงได้เลย ครับ ขลังด้วย ครับ...ฟันธง

3540
เย้ มีจริงๆ ครับ ลองดู ไม่พลาด 5555555555555

ชมผ่านทาง net ได้ที่เวป http://www.me.in.th/Live/

กำลังออกรายการ ครับ ตอนนี้

3541
ผมไปมาวันเสาร์ดิคับกะจะไปสัก เวรกรรมดันลืมกระเป๋าเงินมาดีนะคับขี่มอไซด์มาใกล้ๆนิดเดียวสามพรานคับ

หัดชวนมั่งดิซุ่ม ไปมะบอก 555+

3542
มีคนชื่อนายม้า กับนายหลอด เป็นเพื่อนกันด้วย ครับ 5555+

3543


เจ้าของภาพคือท่าน ชลาพุชะ ครับ


3544
เอาไปลงอาคม เลย ครับ ...ท่าทางจะเหนียวน่าดู ฟันจรเข้เนี่ย

3545
เหอะๆๆ ถอนไมอะครับ ถอนยังไง ถอนเพื่ออะไร - -''
หากจะถอน ของ และเจ็บตัวมาแล้ว ไม่เก็บใว้ให้ดีๆหละครับ

3548
สวัดดีครับ  :002:

3549
ท่านเอ็มได้มาจากที่ไดครับนั้น
ไปค้นเจอมา ครับ เห็นแปลกๆ ไม่รู้ว่าที่ไหน ครับ แหะๆ

3550
ส่วนตัวผมว่าก็น่าจะเหมือนกันนะครับ เรื่องความขลังแล้ว
อยู่ที่ตัวท่านอาจารย์ที่สักมากกว่า ว่าเรียนวิชามา และถือศิลข้อปฏิบัติมากแค่ไหน

หากแต่การสักยันต์นั้น ไม่ได้เรียกสูตรนาม และบรรจุพลังแล้วไซร้ ก็จะขาดความขลัง ครับ

3552


ท่านพระครูภาวนา กิตติคุณ (หลวงพ่อน้อย)
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?
ชาติกำเนิด

ท่านพระครูภาวนา กิตติคุณ มีนามเดิมว่า "น้อย" มีนามฉายาว่า "อินทสโร"

เกิดที่บ้านหนองอ้อ ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เมื่อ ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 เวลา 04.00 น. ซึ่งตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามดวงชะตาในแผ่นเงินที่เก็บเป็นประวัติ ณ วัดธรรมศาลา ปรากฏดังนี้

ปีมะแม เบญจศก ปริติมาสวารอธิถสุรทิน จุลศักราช 1245วันที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2426 เวลา 04.00 น. พระลักษณาสถิต ราศรีเมษฤกษ์ที่ 7 - นาฑีฤกษ์ 52 มีนามว่าเพ็ชฒฤกษ์ จันทร์องศา 14 ลัคนา 37 พุทธรักษา ธัมมรักษา สังฆรักษา บิดารักษา พระอินทร์รักษา พระ?รักษา พระพรหมรักษา เทวดารักษา มารดารักษา "พระอาจารย์น้อย"
 

หลวงพ่อน้อย มีโยมบิดา ชื่อแสงโยมมารดาชื่อ อ่อน โยมพี่เป็นหญิง ชื่อ ปู๋ ซึ่งแต่ละท่านได้ถึงแก่ อนิจกรรมมานาแล้ว ตามที่สืบทราบมาได้ญาติคนสุดท้าย ของหลวงพ่อที่ยังอยู่บ้านหนองอ้อ คือ นายเอม มีศักดิ์เป็นหลาน

ตามความนิยมในประเพณี ของไทยแต่โบราณ วัดไม่เป็นที่พึ่งทางใจอย่างเดียว วัดเปรียบเสมือนเป็นโรงพยาบาลของชาวบ้าน ใครเป็นโรคอะไรเดือดร้อนก็ต้องวิ่งไปหาพระที่วัดช่วยเป่ารักษาด้วยเวทย์มนต์ หายกันมาส่วนมาก วัดเปรียบเสมือนโรงเรียน เด็กที่อยู่ใกล้วัดไหนก็มักจะไปเรียนหนังสือกันตามวัดมีพระเป็นครูวัดเป็นสถานที่ให้ความรู้ แก่ลูกหลานชาวบ้านมาก พร้อมกันนั้นชาวบ้านก็ช่วยเหลือถวายปัจจัย 4 แก่พระและช่วยสร้างถาวรวัตถุให้เป็นบางครั้งบางคราวจึงพูดกันเป็นบทเป็นกลอนติดปากว่า


วัดจะดี มีสถาน เพราะบ้านช่วย
บ้านจะสวย เพราะมีวัด ดัดนิสัย
บ้านกับวัด ผลัดกันช่วย ยิ่งอวยชัย
ถ้าขัดกัน ก็บรรลัย ทั้งสองทาง

ดังนั้นในสมัยที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ในเยาว์วัยโยมบิดาได้นำหลวงพ่อไปฝากไว้กับท่านพระครู ปริมานุรักษ์ (นวม) เจ้าอาวาสวัดธรรมศาลาในยุคนั้นเพื่อการศึกษา เล่าเรียนและรับการอบรม ตามความนิยมในประเพณีของไทยแต่โบราณ

การศึกษาและการบรรพชาอุปสมบท

 
ท่านพระครูภาวนา กิตติคุณ

เมื่อหลวงพ่อได้ศึกษาเล่าเรียนและได้รับการอบรมจากท่านพระครูปริมานุรักษ์(นวม)เจ้าอาวาสวัดธรรมศาลา จนมีความรู้ ความสามารถในการอ่านและเขียนภาษาไทยกับภาษาขอมได้

พอหลวงพ่อมีอายุได้ 15 ปี โยมบิดาได้นำไปฝากไว้กับท่านพระอธิการ "ชา" เจ้าอาวาสวัดสามกระบือเผือก เพื่อการศึกษาต่อ เรียนอักขระสมัยภาษาขอม ภาษาไทย ได้ดีและเขียนอ่านได้อย่างแตกฉานจนพระอธิการชา เจ้าอาวาส วัดสามกระบือเผือก เป็นที่ชอบอกชอบใจในตัวหลวงพ่อ

จากนั้นจึงได้ บรรพชาเป็นสามเณร ในระหว่างที่เป็นสามเณรนี้ได้ไปมาหาสู่ระหว่างวัดสามกระบือเผือกกับวัดธรรมศาลา เป็นประจำจวบจนกระทั่งโยมบิดาและโยมมารดาถึงวัยชรามีโรคภัยเบียดเบียน หลวงพ่อจึงได้สึกจากสามเณร มาช่วยเหลือบิดามารดา ในการประกอบอาชีพด้วยความกตัญญูกตเวที ณ บ้านหนองอ้อ อันเป็นภูมิลำเนาเดิม

เมื่อท่านมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ วัดธรรมศาลา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 มีพะอธิการทองวัดลมุด อำเภอนครชัยศรีเป็นพระอุปัชฌายะ พรครูปริมานุรักษ์ (นวม) เจ้าอาวาสวัดธรรมศาลา เป็นพระกัมมวาจาจารย์และพระสมุห์แสง วัดใหม่ อำเภอนครชัยศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีนามฉายาว่า "อินทสโร"

นับแต่หลวงพ่ออุปสมบทแล้วก็ปฏิบัติพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด มีความสมใจศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระสมถะและไสยเวทย์ ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยเป็นเบื้องต้น จากอาจารย์หลายองค์ได้แก่ พระอธิการทอง วัดลมุด พระครูปริมานนุรักษ์(นวม) พระครูทักษินานุกิจ (แจ้ง) พระสมุห์ แสงวัดใหม่ รวมทั้งอาจารย์ อู๊ด ที่เป็นฆราวาสรวมอยู่ด้วย โดยอาศัยที่หลวงพ่อ มีความรู้ภาษาขอมมาแต่เดิมและมีสมาธิมั่งคงแน่วแน่ จึงให้การศึกษาทางพุทธาคม ของท่านเป็นได้ความรวดเร็ว ร่ำเรียนวิชาชนิดไหนก็สำเร็จไปทุกอย่าง

อุปนิสัยและบุคลิกของหลวงพ่อ

อุปนิสัยของหลวงพ่อ ท่านสงบเงียบ มีความเคร่งขรึมและสำรวมอยู่เป็นเนืองนิจ ไม่ชอบแสดงออกให้ผู้ใดได้ทราบว่า หลวงพ่อนั้นมีดีอย่างไรจึงไม่มีผู้ใดทราบรายละเอียดเท่าที่รู้ๆ กันนั้นก็ในหมู่ลูกศิษย์ เป็นสิ่งที่ปรากฏการณ์มาภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การละโลภะ โมหะ โหสะ ทั้งมวล หลวงพ่อมุ่งแต่ประกอบความเจริญให้กับผู้อื่นและส่วนรวม เคร่งครัดในศีลในธรรม และประกอบด้วยความมั่งคงในพรหมจรรย์อันเป็นจริยาวัตรเป็นที่ประจักษ์แต่ผู้พบเห็นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่แสดงว่า

หลวงพ่อแก่กล้าในญาณสมาบัตินั้นเป็นที่เชื่อถือกันอยู่ทั่วไปว่า มีความแก่กล้าทันตามวัยวุฒิของหลวงพ่อในทางวิปัสสนาธุระมามากพอสมควร ดังปรากฏจากสิ่งแสดงออกหลายประการ อันได้แก่วาจาศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่เลื่องลือ การแผ่เมตตาด้วยสื่อสัมพันธ์ทางกระแสจิตจนทำให้สัตว์ป่า คือวานรที่มาอาศัยอยู่มีความเชื่องและเข้าใจประหนึ่งเป็นศิษย์ที่รู้ภาษาของหลวงพ่อด้วย รวมทั้ง นก กา ไก่ ที่มาอาศัยอยู่ในวัดหลวงพ่อให้ความคุ้มครองสัตว์ทั้งหลายในขอบเขตของวัดจนไม่อาจมีผู้ใดมาทำอันตรายได้ ดังปรากฏมีนักเลงปืนมือฉมังมาลองยิงนกในวัดอยู่เนืองๆ โดยไม่ปรากฏว่าผู้ใดได้นกไปแม้แต่ตัวเดียวข่าวนี้ได้รำลือออกไปจากลูกศิษย์จนเป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไป จากเหตุการณ์ครั้งนั้นและในระยะหลังบ้างจึงทำให้ลูกศิษย์ได้เข้าใจหลวงพ่อเกี่ยวกับกฤตยาคมมากขึ้น

บุคลิกของหลวงพ่อ

 
โดยปกติหลวงพ่อมีร่างเล็ก แกร่งแข็งแรง มีกิริยากระฉับกระเฉง ไม่อืดอาดเช่นผู้ชราบางคน มีความเมตตาต่อบุคคลและสัตว์ทั้งหมดอยู่ตลอดเวลา และเคร่งครัดต่อกิริยาบทของหลวงพ่อ จะปรากฏให้ผู้อื่นได้เห็นอยู่ตลอดเวลาในกิริยาสำรวมนี้

นอกจากนี้ หลวงพ่อท่านยังมีความนักน้อยยึดสันโดษมีความพอใจต่อสิ่งที่มีอยู่โดยแท้จริง ปราศจากความต้องการและความสุขสบายส่วนตัว แม้ในเรื่องการสร้างกุฎิให้หลวงพ่อก็เช่นกัน ลูกศิษย์ทั้งหลาย ต่างเห็นว่าหลวงพ่อท่านจำวัดในห้องเล็กๆ ทึบ อบอวล เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกับวัยชราของท่าน จึงมีความปรารถนาร่วมกันที่จะสร้างกุฏิให้หลวงพ่อใหม่ เพื่อบังเกิดความสะดวกสบายตามสังขารอันควรจะเป็นไป รวมทั้งจักได้มีที่รับรองลูกศิษย์ลูกหาให้เหมาะสมซึ่งจะมีไปนมัสการหลวงพ่อท่านเป็นประจำทุกวัน

การขอร้องในเรื่องนี้หลวงพ่อท่านไม่ยอมอนุญาตในระยะแรก โดยปฏิเสธว่าท่านจะอยู่อีกไม่นานนัก แล้วประกอบกับหลวงพ่อท่านได้พิจารณาเห็นว่า เป็นการส่วนตัวเฉพาะท่านเท่านั้น หลวงพ่อมีความปรารถนาแต่เพียง ต้องการให้สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวัดนี้ควรจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ในท้ายที่สุดหลวงพ่อท่านก็ต้องยอม โดยขัดศรัทธาความรบเร้าจากลูกศิษย์บ่อยๆครั้งอยู่ไม่ได้ หลวงพ่อจึงอนุญาตตามใจลูกศิษย์ การสร้างกุฏิ "อินทสโร"ในการปลูกกุฏินี้ปลูกทับลงที่เก่าระหว่างก่อสร้าง จึงทำเพิงที่พักให้กับหลวงพ่อเป็นการชั่วคราว

แล้วลูกศิษย์กับกรรมการช่วยกันเก็บข้าวของของหลวงพ่อออกจากพื้นที่ เพื่อการรื้นกุฏิหลังเดิมในการเก็บข้าวของนี้ได้พบซองใส่เงินอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ยังมิได้แก้ออกเลย ในซองมีทั้งปัจจัยและนามบัตรผู้ถวายบางซองกระดาษคร่ำคร่า อยู่ใต้ที่นอนของหลวงพ่ออันเป็นสิ่งแสดงว่า หลวงพ่อท่านไม่ยินดียินร้ายต่อลาภสักการะเหล่านี้ ใครเขาถวายมาก็ได้แต่เก็บรวมๆ ไว้ในการรื้อกุฏิเก่าของหลวงพ่อครั้งนั้นรวมเป็นเงินได้ประมาณสองแสนกว่าบาท คณะกรรมการจึงได้นำเงินเข้าธนาคารต่อไป

การปกครองวัดในระยะแรกที่หลวงพ่อครองวัดที่ยังมิได้มีโรงเรียนเทศบาล จะมีลานอันร่มรื่นแห่งหนึ่งที่บริเวณหน้าพระอุโบสถหลังเดิม ลานนี้จะมีต้นลั่นทมปลูกอยู่หลายต้น ในฤดูออกดอกจะมีบรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นตาชื่อใจและบริเวณพื้นที่นั้นจะโล่งเตียนอยู่เป็นเนืองนิจ เพราะหลวงพ่อรักษาให้สถานที่มีความสะอาดร่มรื่นสงัดเงียบอันเหมาะกับเป็นที่ตั้งของพระอารามในพระพุทธศาสนา โดยท่านจะคอยปรามมิให้ผู้ใดมาทำลายความร่มรื่นดังกล่าวนี้ กรณีนี้ท่านผู้รู้ให้ทรรศนะว่าอันความสงบเงียบของสถานที่ ตามพระอารามเช่นนั้นจะเป็นแหล่งอำนวยประโยชน์ในการสร้างปัญญา โดยพระสงฆ์องค์เจ้าที่มาศึกษาทั้งทางคันถธุระและวิปัสนาธุระ จะได้อาศัยในการพิจารณาหัวข้อและปัญหาธรรมทั้งมวล เพื่อความแตกฉานในภูปัญญา นอกจากนั้นสัตว์เล็กๆ ต่างก็จะได้อาศัยความร่มรื่นปราศจากภัยอันตรายเป็นที่พำนักพักพิงของนกกา

ในสมัยที่หลวงพ่อท่านยังมีความแข็งแรงโดยมิต้องมีผู้พยุงเดินนั้น หลวงพ่อท่านจะแสดงพระธรรมเทศนาอยู่เป็นประจำเพื่อสั่งสอนอุบาสกอุบาสิกา ให้ประพฤติแต่คุณงามความดีและในฤดูกาลเข้าพรรษา มีพระภิกษุนวกะมากท่านจะเปิดโอกาสให้พระบวชใหม่ได้ถามปัญหาธรรมต่างๆ ที่ข้องใจ แต่ส่วนใหญ่นั้นท่านจะใช้วิธีใกล้ชิด เพื่อให้พระนวกะเกิดความเกรงใจไม่ประพฤติปฏิบัติในหนทางที่ไม่บังควรต่อสมณเพศ เช่น ในเวลาฉันจังหันท่านก็นิมนต์พระนวกะมาฉันใกล้ๆ กับหลวงพ่อ สำหรับการฉันจังหันของหลวงพ่อนั้นก่อนอื่นท่านจะนั่งนิ่งพิจารณาเป็นครู่ใหญ่ เมื่อเวลาฉันหลวงพ่อจะเฉลี่ยโดยทั่วถึงอันสร้างความอิ่มอกอิ่มใจให้กับญาติโยมที่นำของมาถวายเป็นอย่างยิ่ง

หลวงพ่อจะฉันด้วยมือและใกล้ท่านต้องมีถ้วยใส่น้ำไว้คอยชุบมือ นอกจากหลวงพ่อจะฉันที่เป็นน้ำเช่น แกงจืด หลวงพ่อจึงจะใช้ช้อนโดยเฉพาะขนมครกหลวงพ่อชอบมาก เวลาท่านจะฉันหมาก หลวงพ่อจะให้ลูกศิษย์หรือญาติโยมที่นำมาถวาย ใส่ในตะบันและตำให้ละเอียดถ้าไม่กลับเอาข้างล่างขึ้นมาอยู่บนและตำใหม่อีกครั้งหลวงพ่อจึงจะฉัน แต่ถ้าลูกศิษย์หรือโยมบางคนไม่รู้เมื่อตำเสร็จส่งให้หลวงพ่อๆ จะไม่ฉันทั้งที่หลวงพ่อไม่ได้ดูการตำผู้เขียนเอายังงงว่าหลวงพ่อรู้ได้ยังไง

ในสมัยที่หลวงพ่อยังแข็งแรงนี้ หลวงพ่อได้มีโอกาสสั่งสอนเยาวชนที่เข้าศึกษาในโรงเรียนประชาบาลของวัดธรรมศาลานี้ ด้วยการแสดง พระธรรมเทศนาเป็นประจำทุกวันโกนเพื่อต้องการให้เยาวชนมีความประพฤติและความเพียรพยายาม ในการศึกษาเล่าเรียนเพื่อความเจริญในทางจิตใจ และก้าวหน้าในบวรพระพุทธศาสนา
ด้วยความดีพร้อมในศีลจริยาวัตรทั้งมวลของหลวงพ่อ จึงได้สร้างความเคารพยำเกรง ให้กับบุคคลทั่วไปประกอบกับเป็นที่เลื่องลือในวาจาศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ จึงเป็นผลสะท้อนทางอ้อมเกี่ยวกับการสนับสนุนในด้านการปกครองท้องถิ่นไปโดยปริยาย โดยจะไม่มีปรากฏว่าผู้ใดมาประพฤติชั่วในเขตวัดของหลวงพ่อ และลูกศิษย์บางคนที่จะคิดประพฤติชั่วในทางที่ไม่ควรลับหลังท่าน ถ้าระลึกถึงท่านได้แล้วมักจะระงับ ที่จะพฤติปฏิบัติเช่นนั้นเสีย

ดังนั้นจึงเป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าในกรณีที่ทางวัดได้ประกอบเป็นงานบุญขึ้น จะไม่บังเกิด เรื่องราวภายในวัดให้กระทบกระเทือนสถาบันทางพระศาสนา จึงมิต้องอาศัยเจ้าพนักงานของบ้านเมือง มารักษาความสงบสุข นี้ก็เป็นเพราะบุญบารมีของหลวงพ่อที่ลูกศิษย์เคารพนับถือตามคำสั่งสอนของท่าน หลวงพ่อยังได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดให้เจริญรุ่งเรือง

? หลวงพ่อได้สร้างอาคารโรงเรียนประชาบาลหลังแรกสร้างเมื่อ พ.ศ. 2495
? ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2499
? พระอุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2501
? สะพานคอนกรีต และถนนทะยอยสร้างมาราว พ.ศ. 2502
? อาคารโรงเรียนประชาบาลหลังที่ 2 สร้าง พ.ศ. 2505
? ฌาปนสถานสร้างเมื่อ พ.ศ. 2509
? ระบบน้ำบาดาล สร้างเมื่อ พ.ศ. 2510
? กุฏิสงฆ์ (อินทสโร) สร้างเมื่อ พ.ศ. 2511
? หอระฆัง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2512

ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสมานมัสการหลวงพ่อเพื่อขอพรจากท่าน หลวงพ่อมักจะแฝงการสั่งสอนธรรมะให้ด้วยเสมอๆ เป็นต้นว่ามีนักศึกษาจะไปสอบหลวงพ่อท่านก็จะให้พรขอให้สมตามความปราถนา แต่ก็ให้ขยันหมั่นเพียรดูหนังสือให้มากอย่าประมาทและผู้ที่มาขอให้หลวงพ่อเจิมรถอันมีอยู่เป็นประจำนั้น นอกจากหลวงพ่อให้พรเกี่ยวกับความปลอดภัยแล้วท่านก็จะเตือนสติให้การขับรถไว้ทุกราย ส่วนลูกศิษย์ที่เขาพบหลวงพ่อท่านเป็นประจำ ท่านก็มักจะเตือนสติไม่ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หมั่นประกอบแต่กรรมดีลักษณะดังกล่าวนี้ย่อมแสดงว่า ท่านแฝงการสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์อยู่ตลอดเวลา

การร่วมกุศลพิธีพุทธาภิเษก

โดยเฉพาะเกี่ยวกับวิชาการฝังลูกนิมิต การเสกทรายและการลงไม้หลักมงคลซึ่งใช้สำหรับการประกอบพิธิวางศิลาฤกษ์นั้น ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากจนเป็นที่ยอมรับโดยทั่วๆ ไปมานานแล้ว จนปรากฏว่าสังฆเสนาสนะทั้งหลาย ที่หลวงพ่อท่านได้สร้างแล้วนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่น่าอัศจรรย์เท่าที่รู้เห็นกันก็คือผลอันปรากฏจากผู้มีใจบาปหยาบช้า เข้ามาโจรกรรมสิ่งของมีค่าภายในปูชนียสถานวัตถุเล่านั้นก็บังเกิดความงงงวย ไม่อาจจะเล็ดลอดออกไปได้ ถึงออกไปแล้วก็ต้องกลับมาให้จับจนได้ ดังปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมไว้ในท้ายเรื่อง

ในชีวิตเบื้องปลายของหลวงพ่อท่านได้รับนิมนต์ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษก ณ ที่อื่นๆ อยู่เนืองๆ เช่นเมื่อปี พ.ศ. 2500 พระครูกัลยานุกูล( ) ได้นิมนต์หลวงพ่อไปร่วมชุมนุมพระอาจารย์ 1782 รูปเข้าพิธีพุทธาภิเษกสร้างพระสมเด็จและรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นอนุสรณ์กึ่งพุทธกาลโดยบันทึกประวัติในหนังสือชุมนุมพระอาจารย์ ความสำคัญมีว่า

พระอาจารย์น้อย อินทสโต อายุ 77 ปี พรรษา 57 เจ้าอาวาสวัดธรรมศาลา ตำบลธรรมศาลาลงทางมหาอุตย์กันกระทำ มหานิยม คลอดบุตรง่าย - ปลอดภัยกันภยันตรายต่างๆ เลี้ยงบุตรง่าย ก็เด็กขี้อ่อน กันแท้งลูก ใส่ก้งถุง - มีเงินใช้ไม่ขาด มีอำนาจ"

และในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปพระกริ่งที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง ที่วัดประสาทบุญญาวาท เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2508 หลวงพ่อท่านร่วมลงแผ่นโลหะปลุกเสกไปเข้าพิธีด้วย และปรากฏว่าแผ่นโลหะที่หลวงพ่อปลุกเสกนี้ เมื่อใส่ไปในเบ้าหลอมกลับไม่ละลายซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของพระอาจารย์ที่ปรากฏการณ์แบบเดียวกันอันเป็นที่โจษจรรย์ในอิทธิปาฏิหาริย์มาแล้วครั้งหนึ่งในหมู่ลูกศิษย์ย่อมรู้กันดี ในระยะหลังที่ได้ของดีจากหลวงพ่อไปแล้วต่างได้ประสบการณ์ในอิทธิปาฏิหาริย์ ใครมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงหวงแหนมาก
มูลเหตุการสร้างอิทธิวัตถุ

หลวงพ่อได้ศึกษาวิชาการทางพุทธคุณพร้อมกับเจริญด้วยวิปัสสนาธุระมาเป็นเวลานาน แต่ก็มิได้แสดงออกให้ผู้ใดได้ทราบ แต่จากจริยาวัตรของท่านที่เห็นแต่ภายนอกก็สร้างความศรัทธาให้กับบุคคลผู้พบเห็นจวบจนระยะวัยชรา ศิษย์ทั้งหลายต่างก็พร้อมใจกันขอให้หลวงพ่อ ได้สร้างอิทธิวัตถุเพื่อเป็นมงคลแก่บรรดาศิษย์ทั้งมวล เมื่อไปขอท่านแต่ละครั้งท่านก็ให้เหตุผลว่า สมัยนี้มีคนประพฤติชั่วกันมากของท่านหากสร้างขึ้นมาก็อาจจะมีบุคคลนำไปใช้ในทางที่ผิด แล้วความเสื่อมเสียก็จะมีมาถึงหลวงพ่ออันเป็นสิ่งไม่บังควรในสภาวะการครองสมณเพศ

แต่ในเวลาต่อๆ มา บรรดาศิษย์ทั้งหลายก็ไม่ละความพยายามที่จะขอให้หลวงพ่อท่านสร้างอิทธิวัตถุมงคลให้ได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าจัดพิธีการสร้างเพราะทุกคนต่างกลัว เกรงใจและรักเคารพต่อหลวงพ่อเป็นเคารพเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่อยากทำอะไรให้เป็นที่ขัดความประสงค์

จวบจนมาในระยะหลังๆ มีลูกศิษย์ผู้หนึ่งได้ไปพบพระเมฆพัดที่ร้านจำหน่ายพระมีไว้ให้เช่าพระเมฆพัดนี้ พิมพ์เดียวกันกับหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเป็นผู้ปลุกเสก เพื่อแจกทหารเรือในสมัยสงครามอินโดจีน มีลักษณะเป็นรูปพระสมาธิสี่ด้านและมาเรียกกันว่าพิมพ์พรหมสี่หน้าเมื่อ 30 ปีก่อนผู้เขียนก็เคยพบพระพิมพ์นี้เหมือนกัน ที่ร้านจำหน่ายพระพุทธและเครื่องบวชในสะพานหัน และเข้าใจว่าเป็นพระที่สร้างเกินจำนวนจากการสร้างถวายหลวงพ่ออี๋ในปี พ.ศ. 2433

ดังนั้นศิษย์หลวงพ่อน้อยที่มาพบพระพิมพ์พรหมสี่หน้าที่กรุงเทพฯ นี้อาจจะได้จากร้านพระพุทธรูปบูชาในสะพานหันและเสาชิงช้าก็ได้ จึงได้เช่าไปประมาณ 200 กว่าองค์ เมื่อเช่ามาได้แล้วจึงพากันไปหาหลวงพ่อ แล้วถวายหลวงพ่อเพื่อการปลุกเสก

พร้อมกับมีผู้เรียนหลวงพ้อว่าพระจำนวนนี้เมื่อหลวงพ่อปลุกเสกแล้ว จัดได้แจกจ่ายให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดทั้งหลายคงจะไม่มีผู้ใดนำไปใช้ในทางที่ผิด เพราะแต่ละคนมีความเชื่อมั่นในคำสั่งสอนของหลวงพ่อทั้งสิ้น โดยลักษณะนี้หลวงพ่อท่านจำยอมรับมาปลุกเสกให้ ในการปลุกเสกหลวงพ่อท่านทำทุกวัน เป็นระยะเวลานานพอสมควร แต่ก็ไม่มีผู้ใดจำว่านานเท่าใด จึงได้แต่เชื่อว่าประมาณ 1 พรรษาหลวงพ่อจึงนำมาแจกจ่ายให้กับศิษย์ทั้งหลาย พระชุดนี้จึงถือว่าเป็นพระชุดแรกที่หลวงพ่อท่านปลุกเสกให้

ในระยะต่อมาก็มีลูกศิษย์อีกหลายคนที่ยังมิได้รับพระปลุกเสกครั้งแรกจากหลวงพ่อ ต่างก็มาขอร้องให้ท่านสร้างหรือเหรียญเพื่อจักได้ให้เป็นที่ระลึกโดยทั่วถึง ความปรารถนาของศิษย์ทั้งหลายที่หลวงพ่อได้รับรู้นี้ ท่านได้ใช้เวลาไตร่ตรองอยู่เป็นนานพอสมควร และในโอกาสที่ท่านได้พบกับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ซึ่งมีความมักคุ้นกันมากหลวงพ่อท่านก็ได้ปรารภความปราถนาของศิษย์ดังกล่าวให้หลวงพ่อเงินทราบ หลวงพ่อเงินท่านก็สนับสนุน ควรจะตอบสนองความศรัทธา

หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อบรรดาลูกศิษย์ นำเรื่องนี้เรียนกับหลวงพ่ออีก หลวงพ่อท่านก็ไม่กล่าวความแต่อย่างใด กลุ่มลูกศิษย์จึงถือว่าท่านอนุญาตแล้วจึงเริ่มตั้งต้นการสร้างเหรียญของท่านก่อนเป็นปฐมฤกษ์

แต่ในครั้งแรกนี้ในฐานะที่แต่ละคนยังไม่เคยสร้างพระ หรือสร้างเหรียญมาก่อน จึงใช้วิธีการติดต่อช่างว่าจ้างให้สร้างเหรียญรูปหลวงพ่อขึ้นจำนวนหนึ่ง เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญรุ่นอัดพิมพ์ เนื้อโลหะผสมที่แก่ทองแดงพิมพ์เสมา มีขนาดค่อนข้างเล็ก

ด้านหน้าเบื้องบนอักษรไทยตัวนูนว่า "หลวงพ่อน้อย" ขอบด้านหน้ามีลายกนกกิ่งกลางด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ลอยเด่นอยู่ตรงกลาง มีใบหน้าหนุ่มและรู้สึกดูด้านล่างของรูปหลวงพ่อประมาณแนวอก ตัดตรงและไม่มีส่วนใดชิดเส้นขอบ

สำหรับด้านหลังเรียบมียันต์นะปถมังอยู่ตรงกลางเป็นเส้นนูนขึ้นมา ดังนั้นเหรียญรุ่นนี้จึงนับว่าเป็นรุ่นแรก ที่หลวงพ่อได้สร้างและปลุกเสกจากมูลเหตุที่จะมีการสร้างอิทธิวัตถุของหลวงพ่อขึ้นดังกล่าวมาแล้วนั้น เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าลูกศิษย์ได้ใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าหลวงพ่อจะอนุญาตซึ่งการสร้างเหรียญชุดแรกขึ้นนี้ ท่านก็คงมุ่งหวังแต่เพียงเป็นของที่ระลึกสำหรับลูกศิษย์ในกาลอนาคตที่ท่านจากไปแล้ว

ส่วนก่อนหน้านี้สิ่งที่หลวงพอกระทำอันเกี่ยวกับพุทธาคมก็มีเรื่องการลงไม้หลักมงคล การรดน้ำมนต์การเสกทราย การทำตะกุดโทน เป็นอาทิ

"อิทธิวัตถุของพระครูภาวนากิตติคุณ"

 
รูปหล่อ หลวงพ่อน้อย

หลวงพ่อน้อย อินทสโร หรือท่านเจ้าพระคุณภาวนากิตติคุณองค์นี้ได้สร้างอิทธิวัตถุอันเป็นมงคลไว้หลายชนิด ทั้งที่สร้างเป็นรุ่นๆ ในจำนวนมาก และที่ปลุกเสกเป็นการเจาะจงให้กับลูกศิษย์เป็นเฉพาะรายในจำนวนน้อย เมื่อรวมกันแล้วถึง 50 กว่าชนิด การสร้างนั้นท่านมีวัตถุประสงค์เพื่อแจกเป็นที่ระลึกให้กับบรรดาผู้ที่มานมัสการหลวงพ่อ รวมทั้งแจกในโอกาสต่างๆ เช่น งานทอดกฐิน และผ้าป่า งานสร้างศาลาการเปรียญ-สร้างพระอุโบสถ-สร้างโรงเรียน-สร้างหอระฆัง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่มีการฉลองสิ่งก่อสร้างทางสงฆ์ภายในวัดธรรมศาลา

"หลวงพ้อน้อย เป็นเกจิอาจารย์ที่เรืองด้วยวิทยาคุณ" การปลุกเสกก็มักจะเป็นไปในทำนองเกจิอาจารย์ทั้งหลายคือ มักจะปลุกเสกเพียงองค์เดียว แต่ก็ปรากฏอยู่บางครั้งเหมือนกันที่ปลุกเสกเพียงองค์เดียว แต่ก็ปรากฏอยู่บางครั้งเหมือนกันที่จัดเป็นพิธีพุทธาภิเษก อันเป็นงานใหญ่ของวัด โดยคณะกรรมการวัดได้นิมนต์พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และคุ้นเคยชอบพอกับหลวงพ่ออีกหลายแห่ง มาร่วมการปลุกเสกกับหลวงพ่อ เช่นในงานสมโภชที่หลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ที่พระครูภาวนากิตติคุณเมื่อเดือนมีนาคม 2512 เป็นต้น

นอกจากนั้นหลวงพ่อก็เคยรับนิมนต์ไปร่วมปลุกเสกที่อื่นๆ อยู่เสมอแต่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งอันควรทราบก็คืออิทธิวัตถุต่างๆ ที่ปลุกเสกนี้ หลวงพ่อจะเก็บเอาไว้นานอย่างน้อยก็ 1 พรรษา ระหว่างที่เก็บ ท่านก็จะปลุกเสกของท่านไปทุกวัน ตามเวลาจะเอื้ออำนวย กว่าจะนำเอาออกมาให้สาธุชนสักการะบูชาได้ก็ร่วมขวบปีผ่านไปแล้ว โดยลักษณะดังกล่าวนี้อิทธิมงคลวัตถุของหลวงพ่อแต่ละชิ้นจึงนับว่ามีกฤติยาคมหนักแน่นจริงๆ จนปรากฏข่าวทางอภินิหารเกิดขึ้นเสมอ ผู้เขียนเองก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อและเคยมีประสบการณ์ทางด้านคงกระพัน เมื่อสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่ช่างก่อสร้างอุเทนถวาย

 
เหรียญปั๊มหลวงพ่อน้อยรุ่นแรก เนื้อทองแดง

นอกจากนั้นอิทธิวัตถุจากที่อื่นๆ ก็มีอยู่หลายครั้งที่นำถวายหลวงพ่อให้ท่านช่วยปลุกเสก เมื่อแล้วเสร็จท่านก็มอบคืนไป และผู้รับก็มักจะแบ่งถวายหลวงพ่อท่านไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อมีใครมาขอท่านก็ให้ไปจนหมด อิทธิวัตถุเหล่านี้มีผู้มาติดตามเพื่ออยากได้อยู่หลายราย โดยเฉพาะภายหลังที่หลวงพ่อมรณะภาพแล้ว ทางวัดก็มิรู้จะหาที่ไหน สอบรายละเอียดก็มิใช่ทางวัดสร้าง แต่เขาก็ยืนยันว่ารับไปจากหลวงพ่อ กว่าจะเข้าใจเรื่องราวตรงกันก็ต้องสืบถามคนเก่าๆ อยู่นานถึงได้รู้แล้วหลวงพ่อได้แจกไปจริง

อิทธิวัตถุต่างๆ ที่สร้างนี้ในยุคแรกๆ มีทั้งเนื้อโลหะและเนื้อผง บางส่วนจัดสร้างขึ้น โดยเฉพาะภิกษุเป็นช่างกันเองภายในวัดนั้น ดังนั้นของจำพวกหล่อที่แท้จริงไปบ้างส่วนจำพวกเหรียญอัดพิมพ์( ปั๊ม) นั้นก็มีการว่าจ้างโรงงานผลิตขึ้น ความปราณีตงดงามจึงสวยกว่าเป็นไปตามแบบมาตราฐานทั่วไป ที่มาของ "เหรียญหน้าเสือ" กรณีนี้ได้เล่าสู่กันว่า เหรียญหน้าเสือและเหรียญคอน้ำเต้ายุคแรกเมื่อออกมาใหม่ๆ ลูกศิษย์ให้ความสนใจกันน้อยเพราะด้อยในความปราณีตและสวยงาม เมื่อช่างหล่อเทพิมพ์และถอดออกมาจะพบเหรียญนี้ใบหน้าจะเทไม่ค่อยติด ช่างได้บอกกับหลวงพ่อว่า "หน้าเสีย" หลวงพ่อได้ยินก็ตอบช่างว่าไม่ใช่ "หน้าเสือ" แต่เมื่อลูกศิษย์ที่นำใช้ติดตัว เมื่อประสบผลทางกฤติยาคมกันเข้า ต่างก็เสาะหา แสวงหา จนเป็นของหายากในยุคนี้ไปเสียแล้ว

 
เหรียญหล่อรุ่นแรก เนื้อทองผสม(เหรียญหน้าเสือ) หลวงพ่อน้อย 

ในกรณีที่คนไปนมัสการหลวงพ่อ เพื่อจะขอของจากท่านและแทบทุกครั้งเมื่อเขาจะเอ่ยปาก หลวงพ่อท่านเห็นท่า ท่านก็ยิ้มก่อน แล้วลุกไปนำออกมา โดยไม่ต้องรอคำขอ เมื่อเลือดได้แล้วจึงจะส่งให้หลวงพ่อท่านประสาทให้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในกรณีที่ท่านหยิบให้เองมักจะเป็นของชนิดที่ตรงกับผู้ขอมาต้องการ ซึ่งได้สร้างความแปลกใจกันในหมู่ลูกศิษย์เสมอมา

มรณกาล

เมื่อวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา 34 นาที ความเศร้าโศกก็ได้ครอบงำตำบลธรรมศาลา เมื่อได้ทราบข่าวมรณภาพของหลวงพ่อด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ 83 ปี พรรษาที่ 67 การนี้มีศิษยานุศิษย์ทั้งหลายต่างร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพ สวดพระอภิธรรมถวายทุกคืนจนครบ 100 วัน และทางวัดก็ได้ตั้งศพของท่านที่กุฏิอินทรสรจวบจนในปี พ.ศ.2516 พระอธิการบำเพ็ญปญญาโภได้สร้างวิหารจตุรมุขเมื่อวัยที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2516 เพื่อให้ศิษยานุศิษย์และผู้เคารพนับถือท่านได้มีความสะดวกมาสักการะบูชาต่อไปจวบจนทุกวันนี้
 


ข้อมูลจากเวป http://www.pra.kachon.com/pra/detail.asp?id=801

3553
ก่อนอื่นตอบขอบคุณทุกๆท่านเลยนะครับ ....ที่เคยมาตอบปัญหา และ ช่วยเหลือผมมาตลอด ครับ

ขอบคุณทุกท่านมาก ครับ  :054:

3556
ขอถามทางไปวัดบ้านแพน หน่อยสิครับ

ทราบแต่ว่าจากพระรามสอง ไปทางกาญจนาภิเษกได้

แล้วไปยังงัยต่อหล่ะครับ

หรือว่าไปทางด่วน แล้วไปลงบางปะอินดีหล่ะครับ

ผมไม่สันทัดเรื่องเส้นทางเลย ครับ เหอะๆ ตอนไปไปกับอา(อาศัยเข้าไป) เลยไม่รุ้เส้นทางเลย ครับ 555
รอผู้รุ้มาตอบนะครับ

3557
ผู้ใหญ่ให้มาก็ดีและครับ เก็บใว้ให้ดีเถอะครับ เขาให้เรามาก็แสดงว่าเอ็นดูเรา ครับ

หาที่ยาก ครับ เพราะตะกรุดหนังเสืออกหลายที่เหลือเกิน

ไม่ลองถามคนที่ให้มาหละครับ ของทีไหน ชัวกว่า ครับ

3558
Good Morning.....

ผ้ายันต์พระลักษณ์รุ่นแรก





ถ่ายรูปมาชัดฝากใครบ้างคน



โว๊ว... ถ่ายภาพมาฝากใครบ้างหละเนี่ย...

คุณเด็กนอกวัด..มีเยอะเกินไปอะป่าวคะ....หนักคอแย่เลย... :009:
ทางนี้ไม่รับฝากภาพฮ่ะ...รับฝากเฉพาะพระลักษมณ์หน้าทองลป กาหลง..องค์ขวามืออ่ะคะ...
:008:

ว่าแล้วท่องคาถาสักหน่อยดีก่า...งึมงัมๆๆๆๆ  โอมพระแลง เป็นแสงพระลักษมณ์ พระฤาษีจับปากกา พระลักษมณ์จับหน้า จับตาสวาหะ.....ยะเห็นหน้ากูอยู่มิได้ โม ร้องไห้ครวญคราง พุทกอดไว้มิใคร่วาง ธาครวญครางสะอื้นไห้ ยะหลงใหลในจิต หญิงใด ชายใด ได้เพ่งพิศ...... blah blah....งึมงัมๆๆๆ


เอาไว้ท่องให้หนุ่มๆหลงหรือจ๋า :007:

หนุ่มๆหลงและครับ ขนาดไม่ท่อง 55555+

3559
พี่เด็กนอกวัด เสน่ห์  แรงนะครับนี่ 5555

3560
ขอบคุณพี่โชว์สุดสวย ครับ .....ได้มาหลายปีและก็ไม่บอก  งามทั้งวัตถุมงคล และ เจ้าของเลยนะครับ

3561
ง่าสวยมากๆๆๆๆครับ  สุดยอดเลย ครับพี่ ....ของดีไม่ธรรมดานะครับ  :015:

3562
ยินดีด้วย ครับ ไม่ธรรมดาเลย ครับ

3563
แน่นเลย ครับ สุดยอด  :015:

3564
เหอะๆ ผมก็มีนะครับ แถวบ้านผมเรียกว่าพระท่าพระจันทร์ หรือพระนอกระบบ ครับ (ไม่เค่ยดีนะครับ)

3565
เห็นเนื้อและมวลสารแล้ว สุดยอด ครับ+พระเถระศิลบริสุทธิ์ปลุกเสกด้วยแล้ว สุดยอดจริงๆ ครับ  :054:

3566
เหรียญพิเศษหลวงพ่อวัดไร่ขิง เนื้อเงิน หลวงพ่อสายออกที่วัดหนองสองห้อง ครับ (ยืมรูปเขามาอีกที )




3567







องค์ล่างนี่หละครับพระเครื่องพันแปดไฟ ยังไงชมภาพที่เหลือจากลิ้งด้านล่างประวัติได้นะครับ


3568


หลวงปู่สาย หรือ พระครูสังวรสุตาภิวัฒน์ นามสกุลเดิม เพชรนิล เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 2 กย 2435 ปีมะโรง บิดาชือ สง มารดาชือ อุบ อาชีพกสิกรรม มีพี่น้องบิดามารดาเดียวกัน 6 คน ท่านเป็นคนที่ 3
เมื่อเยาว์วัย หลวงปู่ได้เรียนหนังสือกับหลวงปู่นิล วัดตึกมหาชยาราม สมุทรสาคร ทั้งภาษาไทยและภาษาขอม จนมีความรู้ความชำนาญในด้านภาษาไทยเทียบเท่าชั้นประถม 4 ในด้านภาษาขอม ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจนสามารถจารอักขระลงในใบลานเป็นหนังสือเทศน์

เมื่ออายุได้ 15 ปี ได้บรรพชาเป้นสามเณร ณ วัดตึก โดยมีหลวงปู่นิล เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วได้รับมอบหมายจากหลวงปู่นิล ได้เป็นผู้จารหนังสือเทศน์เป็นภาษาขอมลงในใบลานวันละหลายๆหน้า เพราะหลวงปู่มีความวิริยะอุสาหะใหนการทำงานเป้นอย่างยิ่ง ท่านเคยเล่าให้ฟังว่ากิจวัตรของหลวงปู่สมัยเป็นสามเณร เวลาเช้าก็บิณฑบาต เมื่อกลับจากบิณฑบาตก็ถวายการปรนนิบัติอุปัชฌาย์จารย์ แล้วก็เริ่มจารหนังสือขอมลงในใบลานตลอดวัน เว้นระยะฉันเช้าและเพลเท่านั้นจะหยุดพักจำวัดต่อเมื่อ 5 ทุ่มเศษ และตื่นจากจำวัตรเวลาตี 4 ของทุกวัน 
 ***อุปสมบท***.....หลวงปู่อายุได้ 20 ปี ก็เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดตึกมหาชยาราม สมุทรสาคร โดยมี หลวงปู่นิล วัดตึก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษา ณ วัดตึก ได้ 9 พรรษา ก็ได้ทำการลาสิกขาบท เพื่อไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพยังภูมิลำเนาเดิม
อุปสมบทครั้งที่ 2.......เมื่อหลวงปู่ลาสิกขาบทได้ 7 วัน จะเป็นด้วยบารมีที่หลวงปู่สั่งสมไว้หรือไม่ ท่านได้รับการเข้ารับการอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อ 9 เมย. 2468 ณ วัดใหม่โพหัก ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ ราชบุรี โดยมีพระอธิการแช่ม วัดดอนเซ่ง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมสาทิศ (แม้น) เป้นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ปลื้ม วัดโพหัก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และหลวงปู่ได้มาจำพรรษา ณ วัดหนองสองห้อง ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนที่ท่านจะลาสิกขาครั้งแรก ท่านก็ได้รับการเชิญจาก ทายก ทายิกาให้มาจำพรรษา ณ วัดหนองสองห้องก่อนแล้ว 
ความดีพิเศษของหลวงปู่สาย......
โดยปกติหลวงปู่เป็นพระที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอย่างมาก ตามที่ปรากฎเวลาที่ท่านจะไปทำธุระอะไรก็ตาม แม้จะเป็นภายในวัด ท่านมักจะนุ่งห่มอย่างเรียบร้อยและปฎิปทาอันนี้มิใช่ท่านจะปฏิบัติเฉพาะตัวท่านเอง ยังได้อบรมพระภิกษุสามเณรให้ประพฤติตามด้วยจนได้การยกยอ่งจากคนทั่วไปว่า พระเณรของหลวงปู่มีความประพฤติดี นุ่งห่มเรียบร้อย ...
หลวงปู่เป็นพระที่มีอัธยาศัยอันงาม โอบอ้อมอารีย์ ท่านจะทำกิจของสงฆ์ไม่เคยขาดคือการทำวัตร และท่านจะนำการสวดมนต์ทำวัตรเอง ให้แก่พระภิกษุสามเณร
ฌานสมาบัติ........
หลวงปู่เป็นพระเถระที่มีฌานสมาบัติสูง มีศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านหนึ่งเคยได้ยินได้ฟังกับหูตัวเองว่า.....หลวงปู่เคยถามท่านปลัดพิศาลฯ (อดีตปลัดกระทรางมหาดไทยนับถือท่านมากๆ) ว่า นั่งสมาธิ เป็นไหม ท่านปลัดตอบว่า ท่านนั่งได้ถึงขั้นโอภาส หลวงปู่สายได้ชวนท่านปลัด ให้ไปค้างคืนที่วัดสักคืน ท่านว่าจะพาปลัดฯ ไปเที่ยวสวรรค์ ถ้าหลวงปู่ฯ ไม่มีฌานสมาบัติที่สูง ก็คงทำอย่างนั้นไม่ได้เป็นแน่..... 
 วัตถุมงคลที่นิยมและมีประสบการณ์มากรุ่นหนึ่ง ของหลวงปู่สาย ก็คือ พระเครื่องพันแปดไฟ ท่านสร้างเนื่องในโอกาส แจกศิษย์ที่ไปสงครามอินโดจีนและสงครามเกาหลี ที่เรียกว่า ธาตุพันแปดไฟ นั้น เพราะ หลวงปู่ได้ใช้แผ่นตะกั่วมาลงอักขระปลุกเสกแล้วนำไปหลอม เมื่อหลอมเสร็จ เมื่อแผ่นตะกั่วเย็นก็นำมาลงอักขระอีก แล้วนำไปหลอมใหม่ ทำเช่นนี้เรื่อยๆ จนครบ หนึ่งพันกับแปดครั้ง จึงเรียกว่า พระธาตุ พันแปดไฟ สร้างประมาณปี พ.ศ. 2485-2487
ขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.g-pra.com/webboard/show.php?Category=show&No=24902

3569
ผมกลัวจดวันและเวลามาผิดจังเลย ครับ 5555 :004: ไงก็รอชมนะครับ ถ้าไม่มีก็โทษที ครับ 55555

3570
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้

พูดถึงพระขรร ที่วัดตุ๊กตาตาก็มี ครับ แกะจากไม้พญางิ้วดำ (เขาว่าไม้ชนิดนี้มีดีในตัวครับ)
(ไม่ต้องไปทรมานสัตว์ด้วยครับแหะๆ)

จารและปลุกเสก โดยหลวงพ่อเพี้ยน สวยงามมาก ครับ แต่พอดีตังไม่พอเลย อดเช่ามา ง่า ๆ
พี่น้องคนไหน สนใจไปชมที่วัด ตุ๊กตาตรงข้ามวัดกลางบางแก้วได้นะครับ เช่าแล้วไปให้หลวงพ่อเสกอีกทีก็ดี ครับ
ได้บุญด้วย ครับ สาธุ




นำภาพมาให้ชมจากเวปเพื่อนบ้าน ครับ ต้องขอขอบคุณ ณที่นี้ด้วย ครับ

http://romphosai.com/forums/23284-post9.html

3571
 :054: ขอบพระคุณพี่โองการมาก ครับ ที่ออกมาชี้แนะ

3572
สุดยอด ครับ พี่หอมเชียง

3574
พุทธศาสตร์ แท้ๆ

ท่าทางพี่ธรรมมะ ธรรมโมนะครับ อย่าลืมอโหสิให้ท่านยอดรักด้วยนะครับ เรื่องนานมาแล้ว

3575
อยากได้มั่ง ครับ 55 สุดยอด

3576
อ๋อ ถ้าแรก พ่อผมคนเล่น ผมอะครับ 55555++++ ใว้ผมเจออีกองค์ เดะจัดให้ ครับ 555+

3577
แต่รุ่นที่บอกว่า เข้าพิธีด้วยเป็นเหรียญจากท่าพระจันทร์ (เก๊)คือเหรียญ 2 หน้าอะครับ
มีคนมีเหรียญ 2 หน้า ก็เลยเอาเข้าพิธีไปด้วย ที่ถกเถียงกันว่าเข้าพิธีหรอืไม่ได้เข้ากันแน่

ส่วนเหรียญหน้าเดียว ออกวัดประสาทเลยครับ ที่ผมอ่านมาหนะครับ
ผิดพลาดก็ขออภัย

ขอบคุณพี่หอมเชียงที่นำมาให้ชมด้วยนะครับ

3578
สวยครับเอ็ม  :053: ตะกรุดมอญแลกพระทราวดีเปล่า :095:

หงะผมไม่มีพระ กรุ ยุคทาราวดี อะ ครับ และจะหาที่ไหนมาแรกอ่า  ง่า อยากได้  :070:

3579
วันที่ 3 ก.พ. 2552 นี้ สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการสักยันต์ อย่าลืมดูช่อง ไทยทีวี(ITV เก่า)
มีรายการเกี่ยวกับการสักยันต์ เวลาประมาณ 20.20 นาที จึงเรียนมาให้พี่น้องเวปวัดบางพระ ผู้ที่สนใจรอชมนะครับ

3580








ขอบคุณทุกทท่านล่วงหน้าเลยนะครับ

3581




พระรุ่นนี้ โดยสมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธาน พร้อมพระคณาจารย์ที่ล้วนทรง กิตติคุณในขณะนั้น จำนวน อีก108 รูป ปลุกเสกอธิฐานจิต ...และยังมีมวลสารเก่าจำนวนมาก ตำและผสมลงไป สำหรับองค์นี้พิมคะแนนนะครับองค์เล็ก

พิจณาได้เต็มที่เลยครับ  :002:

3582
เป็นไปตามกรรม ครับ ใครทำไงได้งั้น

3583
เดินทางไปทำงาน ปลอดภัยนะครับพี่โชวสุดสวย  :002:

3584
อ้างถึง
คนซ้ายหรือขวา ครับ ท่าน อิอิ 

 .....ซ้ายครับท่าน..... :002:

ครับ หล่อนะครับท่านนี่ ...ใว้เจอกัน และทักทายนะครับท่าน  :027:

3587
55555+++

โทษที ครับ แต่การกรวดน้ำจริงๆห้ามเอามือลองน้ำ หรือโดนน้ำที่กรวดนะครับ เพราะน้ำที่กรวดเป็นน้ำที่บริสุทธิ์
ผมสังเกตุบางคนเวลากรวดน้ำ ชอบเอานิ้วลอง เหอๆๆๆ....ผิดนะครับ ......

3588
ขอบคุณพี่เก่งมาก ครับ แน่นจริงๆ  :015:

3589
เหรียญหลวงปู่ศุข หลายกระแส ครับ ผมก็มีเหรียญนึง ครับ
คือเหรียญนี้ ปลอมจากท่าพระจันทร์ ครับ แต่ก้มีกระแสว่า ได้มีเหรียญชุดนี้เข้าพิธีใหญ่วัดแห่งหนึ่ง ครับ

แต่ทว่า จะรู้ได้ไงว่าเหรียญไหนเข้าหรือไม่เข้า 555  :007:

3590
ของที่ใส่ตอนนอนแบบซุกซนได้ นั้นมี  นางพิม ดำเซ็น และตระกรุดมอญ ยิ่งใส่ยิ่งดีโดยฉะเพราะ ตระกรุดมอญ ไม่เสื่อมแถมขลังมากขึ้นฟันธงครับ :016: :025: :015:

ตอนนี้อยากได้มาก ครับ .... 5555++

3591
เหอะๆ รูปหรือวัตถุที่สร้างแทน พระพุทธเจ้า ไม่มีคำว่าเสื่อม ครับ ...หรือพลังหมด ยังไงก็สร้างแทนพระองค์
บางคนแขวนพะเก๊ โดนยิงไม่เข้าเยอะแยะ มันอยุ่ผลบุญที่เราทำด้วยนะครับ

3592
555+

เปงไงพี่น้ำมันเสือโคร่งแรงไหมๆ

อย่าลืมเก็บแบ่งเอาไปให้พี่เก่งด้วยหละ เหอะๆ

3593
55555   แซวพี่เก่งด้วยนะครับ ...ขานั้นนิ่งแต่ลึก 555+ :004:

3595
นี่แหละครับ ส่งที่ผมอยากได้และตามหาอยู่  :004: 55555
โทษครับพิมผิด นี่แหละครับ สิ่งที่ผมอยากได้และตามหาอยู่

ผมว่าเอาไปให้พระอาจารย์ท่านจาร และบรรจุอาคมจะขลังมากๆเลย ครับ

แต่โดยธรรมดาแล้วของทนสิทธิ์มีดีในตัว ครับ ........ยิ่งเขี้ยวหมูตันหายากโครตๆ ครับ หนังดีนักแล

3596
สุดยอด ของที่สุด ครับ  :015: เป็นบุญตาแท้ ครับ .... :054:

ยินดีด้วย ครับ  แขวนเดี่ยวๆได้สบายๆเลยนะครับ  :053:

3597
สวยดี ครับ อักขระ คมชัดมาก ครับ ... :015:

3598
รอชมด้วยคนนะครับ

3599
สุดยอดเลย ครับ สำหรับประสบการณ์ ขอบคุณครับ

3600
นี่แหละครับ ส่งที่ผมอยากได้และตามหาอยู่  :004: 55555

3602
ลงรูปผมไปแล้ว 555+ :015:

คนซ้ายหรือขวา ครับ ท่าน อิอิ  :025:

3603
สวยมากครับ ......ต้องไปหาใว้มั่งแล้ว  :015:

3604
น่าจะรุ่นแรกด้วยนะครับ สวยมากๆ ครับ  :015:

3605
มวลสารจัดดีครับ ...ผมไม่เคยเห็น ครับ ไม่ทราบว่าของที่ไหน ครับ

3606
ยินดีต้อนรับ และยินดีที่รู้จัก ครับ  :002:

3607
มีส่วนเป็นไปได้ ครับ... แต่จะแท้หรือไม่ไม่กล้าฟันธง ครับ (มีช่วงนึงของปลอมระบาดในพื้นที่มากครับแทบได้ว่าปลอมจากในวัดเลย)
เพราะเบี้ยกล้าถ้าเป็นของหลวงปู่เจือ มีปลอมมาก ครับ ...และยังมีแบบคนทางวัดสร้างออกมาให้เช่าโดยเงินไม่เข้าวัดครับ
แต่หลวงปู่ก็เมตตาไม่เคยว่าอะไร ครับ ........ ทางที่ดี รับกับมือดีสุด ครับ  แต่ถ้าเข้าของหลวงปู่บุญกับเพิ่มแล้ว ไม่น่าเข้านะครับผม

ส่วนคาถา http://www.wkk.ac.th/monk2/data5.php ตามลิ้งนี้เลย ครับ ละเอียดแล้ว

สมัยหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม และพระอาจารย์ใบ(เรียกถูกป่าวไม่รู้นะครับจำไม่ได้) สมัยก่อนใครอยากได้เบี้ย ส่วนมากจะหาอุปกรณ์ไปถวายท่าน และให้ท่านทำให้ครับ ....... ซึ่ง 1 คน ก็จะได้ 1 ตัว เลยนะครับ ฉะนั้นสมัยก่อนใครมีจะหวงมาก ครับ

ขอบคุณครับ

3609
ผมไม่เคยมีเพศสัมพันธไมตรีครับ  มีแต่หลับนอน :061:อย่างเดียว 55555++ :004:

3611
ของดีเยอะนะครับ ท่าน งี้สาวๆไม่ติดทนไหวเหรอครับ 555

3612
อยู่ใกล้ๆบ้านผมครับแฮะๆ

มีเยอะมะ เอามาแจกพี่ๆ คนละองค์สิ 5555+

3614
ลองไปดู ครับ ท่าน ....อาจจะได้ตะกรุด ของดี ........  ก็เอารูปมาชมกันบ้างนะครับ

เพราะผมไม่เห็นจริงๆ และผมก็ไม่รู้เรื่องข่าวเลย ครับ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ

ผมไม่ใช่ศิษสายตรง ครับ โทษที แหะๆ  เป็นแค่คนศรัทธาอยู่รอบนอก ครับ

3615
รูปภาพวัตถุมงคล ยื้มมาจากเวปปื่น ครับ





3616
บุญญาภินิหารของ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก
หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก หรือ ?ท่านพระครูวิสุทธิ ศิลาจารย์? จัดเป็นอีกหนึ่งคณาจารย์ยุคเก่าที่มีลูกศิษย์ทุกระดับชนชั้นมากมายรวมทั้ง ?พระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์? ก็ได้เสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน หลวงพ่อพริ้ง เป็นผู้มอบกระดูกหน้าผากนางนากให้เสด็จในกรมฯ ซึ่งมีความเฮี้ยนมากจนเป็นที่กล่าวถึงของพระโอรสและธิดา ซึ่งเสด็จเตี่ยบอกว่า ไม่ต้องกลัว และความเฮี้ยนของนางนากก็ปรากฏถึง ๒ ครั้งในตำหนักนางเลิ้ง
ในเรื่องกระดูกหน้าผากของนางนากนี้ได้ปรากฏในงานเขียนประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รวบรวมโดย ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พ.ศ.2473 บรรยายไว้ว่าหลังจากที่นางนาคออกอาละวาดหนัก สมเด็จพระพุฒาจารย์ท่านรู้เรื่องจึงลงไปค้างที่วัดมหาบุศย์และเรียกนางนาคขึ้นมาคุยกัน ผลสุดท้ายท่านเจาะเอากระดูกหน้าผากของนางมาลงยันต์และทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว ผีนางนาคก็ไม่ออกมาอาละวาดอีกเลย
และในเรื่องนี้ สมบัติ พลายน้อย ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ค้นคว้าและเขียนเรื่องของแม่นาคสรุปเอาไว้ว่า กระดูกหน้าผากแม่นาคนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้ประทานให้กับ สมเด็จหม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัต) และประทานให้ หลวงพ่อพริ้ง (พระครูวิสุทธิ์ศีลาจารย์) อีกต่อ จนมาถึงกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไม่นานนักแม่นาคก็มากราบลา จากนั้นก็ไม่มีใครพบกระดูกหน้าผากของแม่นาคอีก
จึงนับได้ว่าในยุคนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้คณาจารย์ใด ๆ ในยุคเดียวกันเลย เนื่องจากหากหน่วยงานราชการในยุคนั้นมีพิธีพุทธาภิเษกที่สำคัญ ๆ แล้ว ?หลวงพ่อพริ้ง? ก็จะต้องเป็นคณาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ได้รับการนิมนต์ให้ไปร่วมพิธีทุกครั้ง ชื่อเสียงของท่านจึงขจรระบือไกล
โดยประวัติของท่านมีนามเดิมว่า ?พริ้ง เอี่ยมเทศ? เกิดเมื่อ พ.ศ. 2412 เป็นชาวบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ เริ่มเรียนหนังสือด้วยการบวชเป็นสามเณรที่ ?วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)? กระทั่งอายุครบ 20 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่ ?วัดทองนพคุณ? อ.คลองสาน แล้วจึงไปจำพรรษาที่ วัดบางปะกอก จวบกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสครองวัดบางปะกอกจนกระทั่งมรณภาพ
หลังจากเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ?หลวงพ่อพริ้ง? ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทยและบาลีจนแตกฉาน ประกอบกับเป็นผู้ที่มีความสนใจทางด้าน ?วิปัสสนากรรมฐาน? จึงทำการฝึกฝนทางด้านนี้อย่างจริงจังรวมทั้งเรียนด้านวิทยาคมเพิ่มเติมอีกกับคณาจารย์ต่าง ๆ หลายสำนัก ทำให้ท่านมีชื่อ เสียงเด่นดังทั้งทางด้าน คงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยม แถมด้วย วิชาแพทย์แผนโบราณ อีกด้วยเพื่อนำมาสงเคราะห์ต่อชาวบ้านในสมัยนั้น โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมประกอบพิธีหล่อและพุทธาภิเษก ?พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ วัดสุทัศน์ )? ซึ่งมีพระคณาจารย์ชื่อดังหลายสิบรูปมาร่วมพิธีครั้งนี้ปรากฏว่า ?แผ่นยันต์ ที่หลวงพ่อพริ้งทำการจารอักขระ? และได้นำไปใส่ในเบ้าหลอมรวมกับของคณาจารย์รูปอื่น ๆ ไม่ยอม ?หลอมละลายเลย? เกิดเป็นปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ให้เล่าขานมาถึงทุกวันนี้ โดยต้องนิมนต์ท่านมาทำการท่องมนต์กำกับแผ่นจารจึงละลายในเวลาต่อมา
หรือในสมัยที่ก่อเกิด ?สงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2? (ระหว่าง พ.ศ. 2480?85) วัดบางปะกอกก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ประชาชนทั่วไปได้มาขอพึ่งพาเป็นที่หลบภัยทั้ง ๆ ที่วัดอยู่ไม่ไกลจากอู่ต่อเรือของทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาสร้างฐานทัพในประเทศไทยเท่าใดนัก โดยช่วงนั้นฝ่ายพันธมิตรได้นำเครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อทำลายฐานที่มั่นของทหารญี่ปุ่นมากมายหลายสิบลูก แต่ไม่มีระเบิดแม้แต่ลูกเดียวที่จะหลงหลุดลอยมาถึงวัดบางปะกอกได้เลย ทั้งนี้เป็นเพราะ ?หลวงพ่อพริ้ง? ได้ทำพิธีขจัดปัดเป่าจึงทำให้บริเวณวัดบางปะกอกและใกล้เคียงรอดพ้นจากลูกหลงโดยสิ้นเชิง ทำให้ประชาชนชาวบางปะกอกสมัยนั้นต่างไม่มีใครลืมเหตุการณ์ในยุคนั้นได้เลย
ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงท่านจึงโด่งดังมากเป็นผลให้ประชาชนทั่วสารทิศทั้งใกล้ไกล ต่างมุ่งไปขอวัตถุมงคลจากท่านรวมทั้งไปให้ท่านช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งท่านก็ไม่เคยปฏิเสธผู้ใดไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่นายโตหรือประชาชนธรรมดาสามัญ หากไปขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์แล้วเป็นได้รับเมตตาช่วยเหลือเสมอเหมือนกันหมดท่านจึงทำการสร้าง ?วัตถุมงคล? ขึ้นมากมายหลายชนิดแจกจ่ายกันไปตามแต่ผู้มาขอต้องการ ส่วนที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมเสาะหาก็มีทั้ง ?ลูกอมเนื้อผง, ตะกรุด, ผ้ายันต์, เสื้อยันต์, พระพิมพ์ต่าง ๆ?


http://board.palungjit.com/showthread.php?t=88043

3617



สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เราคุยกันถึงหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอกกันบ้างครับ หลวงพ่อพริ้งท่านเป็นพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระของท่านมีทั้งเหรียญและพระเนื้อผง และเป็นที่นิยมของสังคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาครับ

ท่านพระครูประศาสน์สิกขกิจ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดบางปะกอก ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์ บูรณะ กทม. ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2413 ท่านเป็นชาวบางปะกอกโดยกำเนิด โยมบิดาชื่อเอี่ยม โยมมารดาชื่อสุ่น ท่านบวชเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่วัดพลับ โดยอยู่กับพระน้าชายชื่อพระอาจารย์ดี ต่อมาเมื่ออายุครบบวช ท่านจึงอุปสมบทที่วัดทอง นพคุณ และต่อมาท่านได้ถูกนิมนต์ให้มาอยู่ที่วัดบางปะกอก อีก 2-3 ปีต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางปะกอก หลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูวิสุทธิ์ศีลาจารย์ และเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคสงครามอินโดจีน สมณศักดิ์สุดท้ายที่ท่านได้รับก็คือ พระครูประศาสน์สิกขกิจ พระครูชั้นพิเศษ แต่ชาวบ้านมักเรียกท่านว่า หลวงพ่อพริ้งบ้าง หลวงปู่พริ้งบ้าง
พระสมเด็จพิมพ์บัวห้าเม็ด

 


การศึกษาวิชาของท่านนั้นสืบไม่ได้ว่าท่านเรียนมาจากที่ใดเข้าใจว่าท่านคงศึกษามาจากที่วัดพลับนั่นเอง หลวงพ่อพริ้งท่านมีชื่อเสียงทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม และทางหมอยา ในสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดบางปะกอกใหม่ๆ ในย่านนี้มีนักเลงหัวไม้อยู่หลายก๊กงานวัดเมื่อไรก็จะมีการตีกันอยู่เป็นประจำ ต่อมาเมื่อท่านเป็นเจ้าอาวาสแล้ว พวกนักเลงหัวไม้ต่างๆ ก็เกรงกลัวท่านไม่กล้ามาก่อเรื่องอีก บ้างก็ฝากตัวเป็นศิษย์หรือไม่ก็หายหน้าหายตาไปเลย

ในสมัยก่อนนั้นการเดินทางไปยังวัดบางปะกอกยังยากลำบาก ต้องเดินทางโดยเรือพาย แต่ก็มีผู้คนมากมายเดินทางมากราบท่านอยู่เป็นประจำ ตลอดจนเจ้านายเชื้อพระวงศ์ต่างๆ เช่นเสด็จใน กรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งท่านได้รับการบอกกล่าวมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ว่ายังมีพระอาจารย์ที่เก่งมีวิทยาคมสูงอยู่ทางบางปะกอก ซึ่งหลวงพ่อพริ้ง ครั้นต่อมาเสด็จในกรมฯ ท่านจึงได้มาลองวิชากับหลวงพ่อพริ้ง จนฝากตัวเป็นศิษย์ และนำพระโอรสมาบวชเป็นสาม เณรกับท่านถึง 3พระองค์ นอก จากนี้ทหารเรืออีกมากมายก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพริ้ง บางครั้งมีเรือจอดกันที่หน้าวัดแน่นขนัดไปหมด ผู้ที่เคารพเลื่อมใสหลวงพ่อพริ้งต่างก็มาขอของขลังบ้าง ลงกระหม่อมบ้าง รดน้ำมนต์บ้างเวลามีงานไหว้พระครูประจำปี ขบวนเรือจะจอดกันยาวเหยียดไปจนถึงปากคลอง ซึ่งจรดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นระยะทางเกือบกิโลทีเดียว
พระเนื้อผงพิมพ์พระคง

 


หลวงพ่อพริ้งท่านได้สร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไว้หลายอย่าง เช่น ลูกอมเนื้อผงเหรียญรูปท่านปี พ.ศ.2483 พระเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ เช่น พิมพ์ไพ่ตอง พิมพ์พระคง และสมเด็จพิมพ์ต่างๆ ธงผ้ายันต์เชือกคาดเอว ตะกรุด ฯลฯ เป็นต้น พระเครื่องของท่านล้วนมีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย เมื่อครั้งตอนสงครามอินโดจีนพระเครื่องและเครื่องรางของท่านก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว

หลวงพ่อพริ้งท่านมักจะได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วม พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ๆ ด้วยทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อสมเด็จพระสังฆราชแพ ท่านนิมนต์หลวงพ่อพริ้งลงแผ่นทองคำเพื่อนำไปหลอมในการสร้างพระกริ่งของท่าน ปรากฏว่าเมื่อช่างได้นำแผ่นทอง แดงของท่านลงในเบ้าหลอมรวมกับแผ่นทองแดงของอาจารย์ท่านอื่นๆ มีแผ่นทองแดงที่ไม่หลอม ละลายอยู่แผ่นหนึ่ง จึงนำขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นแผ่นทองแดงของหลวงพ่อพริ้ง จึงได้ทำการหลอมต่อ แต่ทำอย่างไรแผ่นทองแดงนั้นก็ไม่ละลาย ถึงกับต้องนิมนต์หลวงพ่อพริ้งมาจากวัด เมื่อท่านกำกับ ปรากฏว่าแผ่นทองแดงนั้นละลายไปอย่างง่ายดาย ทำให้ชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปอย่างกว้างขวาง

หลวงพ่อพริ้งท่านมรณภาพลงในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2490 ในวันที่ท่านมรณภาพนั้นท่านได้ให้ลูกศิษย์ประคองท่านลุกขึ้นนั่งแล้วท่านก็ประสานมือในท่าสมาธิ ครู่เดียวท่านก็มรณภาพลง สิริอายุได้ 78 ปี เหรียญพระเนื้อผงและลูกอมของท่านนั้นปัจจุบันหายากพอสมควรครับ


จากเวป http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538664016&Ntype=40

3619
ว่าจะไปอยู่เหมือนันครับ ได้ข่าวว่ามีตระกรุดหนังหน้าผากเสือ เลี้ยมทอง

ผมไม่เห็นนะครับท่าน หรือมีอาจหมดแล้ว หรือ ผมมองไม่ทั่ว ก็ขออภัยด้วยนะครับ คนเยอะมักๆ ครับ

3622
ที่ตั้งเทียนปะครับ เหอๆ  :075:

3623


วันนี้ได้มีโอกาศไปทำบุญ ณวัดกลางบางแก้วมา ครับ เลยนำพระรุ่นบรรจุกรุ มี 5 องค์ ทำบุญ 100 บาทมาให้ชม ครับ
โดยใช้ดิน และมวลสารเก่าของหลวงปู่บุญผสม ปลุกเสกเดี่ยว โดยหลวงปู่เจือ ครับ

ส่วนอีกองค์เป็นพระรูปเหมือนหลวงปู่บุญ ที่แจกมากับชุดดอกๆไม้ธูปเทียน ครับ

อะครับ ...และก็เอาบุญมาฝากพี่น้องชาวบางพระดว้ยนะครับ สาธุ

ใครจะไปก็ขออนุโมธนาบุญล่วงหน้าเลยนะครับ ........................สาธุ ครับ
วันนี้คนเยอะมาก ครับ เหอๆๆๆๆ

ขอโทษนะครับ ที่มได้เก็บบรรยากาศมาให้ชม ครับ เหอๆๆ คนเยอะมาก ครับ ไม่กล้าถ่าย

3625
พี่ต่ายพาไปมั่งครับ อยากไปมากๆ ครับ  :054:

3626






รบกวนทุกท่านด้วยนะครับ  :054:

3630
อยู่ที่ศรัทธา และวิบากกรรมที่เราทำมา ครับ กรรมดีก็ใช้กรรมดี กรรมชั่วก็ต้องใช้กรรมชั่ว หยุดคือความสำเหร็จ

3631
555555++แน่นอน จริงๆ ครับ คำถามยอดฮิต พี่นี่ถามตรงจุดเลยครับ 555

ผมก็ไม่อยากฟันธง ครับ แต่อาจารย์ผมบอก เรื่องไฟแดงอะครับ ระวังให้มาก
ส่วนใช้ลิ้น หากลงสาริกาลิ้นทองมา มีงานเข้า ครับ
ส่วนขึ้น ...บางท่านก็บอกไม่เป็นไร บางท่านก็ห้าม

เรื่องนี้ผมไม่ชำนาน ครับ 5555+
แต่ที่แน่นอน หากไม่สบายใจไปให้อาจารย์หรือหลวงพ่อสำอาง ปลุกให้ใหม่ก็ได้ครับ
พยายามเลี่ยงใว้เป็นดีที่สุด ......หมั่นทำบุญก็เยี่ยมและครับ  :002:

ของแบบนี้จะเสื่อมหรือไม่ ..อยู่ที่จิตใจท่านครับ รู้ดีที่สุด
เพราะสมัยนี้จุดเสี่ยงมันเยอะกว่า เรื่องที่พี่ว่าอีก ครับ เช่น เรื่องสะพานลอย ผู้หญิงมีไฟแดงกำลังข้ามหากเรารอดจะเสื่อมใหม น่าคิดนะครับ

สิ่งที่ผมถือมากที่สุด ก็คือการทำความดี ครับ หมั่นทำบุญสร้างกุศล ไม่ว่าของอะไรหรือสิ่งศักสิทธิ์ แม้กระทั้งผี ก็จะมาคุ้มครองเราเองครับหากมีบุญ อย่าว่าคนดีผีคุ้ม

ลูกเอ๋ย ก่อนเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด  เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง
คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน  เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่น
มาช่วยมิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด  เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืม
มาจนพ้นตัว..... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา  ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด
ไม่มีอะไรเหลือติดตัว  แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า  หมั่นสร้างบารมีไว้....
แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง...!
     จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นถึงเวลา..
ทั่วฟ้าจบดิน  ก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้าง
ไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า...

3632
ล้างผิวมาหรือเปล่าครับท่าน"เอ็ม"...{^_^}...


ไม่ได้ล้างนะครับ ตอนเจอมา ไม่ได้ล้าง ครับ  ........ แต่เอาแปรงขัดเอานิดหน่อย ง่า

3633
สุดยอดมากเลย ครับ

3634
ผมถอดแค่ตอนนอน กับอาบน้ำ เท่านั้น ครับ ....อย่าคิดมาก ศรัทธาอยู่ที่ใจ คิดสิ่งที่ดีๆใว้

หากถอดบ่อยๆ ระวังจาหายเอานะครับ  :004:

3635
สวัดดีครับ ยินดีที่รู้จัก ครับ  :017:

3636
ขอบคุณผมคงไม่ได้หลอก ครับ ทุกท่าน ขอบคุณพี่คนที่พิมให้ความรู้เราดีกว่าจะถูก ครับ
และขอบคุณทางเวป ครับ
ผมก็ขอขอบคุณ นะครับ ทุกท่านด้วยเช่นกัน ที่เข้ามาชม  :001:

3638



อิอิอิ...
พึ่งไปมาเมื่อวันที่ 19-01-2009 นี่เองครับ...
นิมนต์พระบูชาขึ้นหิ้ง 1 องค์ ด้วยครับ...{^_^}...


สาธุด้วยนะครับ และไม่บอกผมด้วย แหม่ๆ ...วันหลังมาก็บอกกันล่วงหน้านะครับจะไปต้อนรับถึงวัดเลย ครับ  :004:

จะแบ่งพระที่บ้านให้ แถม เลี้ยงข้าวค้วยใช่ไหมเอ็ม  :095:

555 ได้อยู่ครับ ...แต่ถ้าเลี้ยงข้าว มา สัก 20 คน ผมก็เลี้ยงนะครับ แต่พี่ๆจ่ายเองละกัน ครับ  :004:

3639
ยินดีที่ได้รู้จัก ครับ

3640
คิดเห็นว่าไง เต็มที่เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจกัน ครับ ผิดถูกไม่ว่าอยุ่แล้ว

ขอบคุณทุกท่าน ครับ

3643
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาพุทธ มีความศรัทธาในพระพุทธ พระสงฆ์ จึงได้มีการสร้างสัญลักษณ์ หรือตัวแทนความศรัทธาต่อสิ่งเหล่านี้ในรูปของ รูปภาพ รูปหล่อเหมือน เหรียญพระห้อยคอ ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เคารพบูชา ประชาชนส่วนใหญ่จะมีสิ่งเหล่านี้ไว้ในครอบครอง เพราะฉะนั้นจึงควรมีความเข้าใจความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบ การผลิต การใช้สิ่งเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน การดูแลรักษา การทำความสะอาด การเก็บรักษา ให้คงสภาพเดิมให้อยู่ได้นานเท่าที่จะนานได้
เหรียญส่วนใหญ่ที่พบในประเทศไทย จะเป็นเหรียญโลหะ ซึ่งก็มีหลายชนิด เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง ทองเหลือง ชิน เป็นต้น ซึ่งจะแยกอธิบายทีละชนิด
ทองคำเป็นโลหะหนัก มีสีเหลืองเป็นมันวาว มีสัญลักษณ์ทางเคมี (Au) มีจุดหลอมเหลวที่ 1063 องศาเซลเซียล เป็นโลหะที่เฉื่อยต่อปฏิกิริยา คือจะคงสภาพเป็นทองคำอยู่เช่นนั้น ไม่เป็นสนิมแต่ที่ผลิตเป็นเหรียญทั่วไปจะไม่อยู่ในสภาพที่เป็นทองคำบริสุทธิ 100%แต่จะมีส่วนผสมของทองแดงอยู่บ้างในปริมาณที่น้อยมากๆเพื่อเพิ่มให้เนื้อโลหะมีความแข็งมากขึ้นไม่ให้นิ่มจนเกินไป สิ่งที่เหรียญทองคำเหล่านี้จะเกิดการเสียหายก็อาจจะมาจากการใช้สอยในชีวิตประจำวัน เช่นการเสียดสีกับลำตัวโดยตรงจากการห้อยคอ มีคราบฝุ่นคราบสบู่อยู่ หรือเห็นว่าเหรียญมีความสกปรกแล้วนำไปทำความสะอาดตามร้านทองทั่วไปซึ่งทำโดยนำไปแช่ในน้ำยาล้างทองซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ กรดกัดทอง น้ำยาประสานทอง ล้วนแล้วแต่ไม่สมควรทำอย่างยิ่งซึ่งเป็นการทำลายไม่ใช่การรักษา สำหรับการเสียดสีแก้ไขโดยการใส่กรอบเสีย และถ้าสกปรกเราก็จะใช้แอลกอฮอล์เช็ดออก หรือนำไปแช่ในน้ำอุ่นแล้วก็เช็ดออกด้วยผ้าแห้งนุ่มๆ สำหรับการเก็บรักษาไม่ควรห่อรวมกับชิ้นอื่นๆ ซึ่งอาจเกิดการขัดสีกัน
เงินเป็นโลหะสีขาวมันวาว เนื้อค่อนข้างนิ่ม มีสัญลักษณ์ทางเคมี(Ag) มีจุดหลอมเหลว 961 องศาเซลเซียล เป็นโลหะที่ค่อนข้างเฉื่อยต่อปฏิกิริยาเช่นเดียวกับทองคำ แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดสนิมได้มากกว่าทองคำ ซึ่งสนิมที่กล่าวถึงอาจจะมีสีขาวเทาซึ่งเป็นสนิมที่เกิดจากคลอไรด์ เรียกว่าเงินคลอไรด์(AgCl)ซึ่งมาจากน้ำซึ่งมีอนุมูลของคลอไรด์โดยเฉพาะน้ำประปา สภาพแวดล้อมทั่วๆไปบ้าง และสนิมอีกชนิดจะมีสีออกดำเกิดจากซัลไฟล์เรียกว่าเงินซัลไฟล์(AgS) เกิดจากเหงื่อไคล สภาพแวดล้อมที่มีซัลเฟอร์ ที่มีเขม่าควันของรถยนต์ โรงงาน สนิมสีดำที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องเอาออกเพราะชั้นของสนิมมีคุณสมบัติที่เป็นฟิล์มป้องกันเนื้อเงินที่ลึกลงไป ถ้าเห็นว่าไม่สวยอยากจะเอาออกก็ไม่ควรขัดด้วยน้ำมะขามเปียกเพราะเป็นกรด ควรใช้น้ำยาขัดเงินโดยเฉพาะแต่ก็ไม่สมควรขัดบ่อยเพราะเป็นการขัดเนื้อเงินออกไปด้วย ยิ่งขัดยิ่งหายไปถ้าสกปรกจากฝุ่นละออง คราบไคล ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดออก สำหรับการเก็บรักษาควรหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมข้างต้นซึ่งอาจจะใส่กรอบพลาสติกที่ปราศจากซัลเฟอร์ แต่ก็อยู่ได้ชั่วระยะหนึ่งก็อาจจะดำได้เพราะอากาศเข้าได้ อย่าเก็บรวมกับของอย่างอื่นเพราะจะเกิดการเสียดสีกันได้
ทองแดงเป็นโลหะค่อนข้างจะออกสีแดง สามารถดึงเป็นเส้นได้ นำไฟฟ้าได้ดี มีสัญลักษณ์ทางเคมี(Cu) มีจุดหลอมเหลว 1083 องศาเซลเซียล ทองแดงสามารถเกิดสนิมหรือปฏิกิริยาได้ง่ายกว่าโลหะทองคำและเงิน เหรียญทองแดงสามารถเกิดสนิมได้หลายชนิด ที่พบส่วนมากได้แก่ สนิมของออกไชด์ เรียกว่า Copper Oxide ซึ่งจะมีสีออกน้ำตาลแดง เช่นสนิม คิวไปรท์ (Cu2O) สนิมคาร์บอเนต เรียกว่า copper carbonate จะมีสีเขียวเข้ม เช่น มาลาไคต์ Cu2CO3(OH)2 และสนิมของคลอไรด์ เรียกว่า Copper Chloride เช่น Cu2Cl(OH)3 จะมีสีเขียวออ่นเป็นขุยๆ จะเห็นได้ว่าทองแดงสามารถเกิดสนิมได้มากมาย เป็นทั้งสนิมที่ดีและสนิมที่ไม่ดี สนิมที่เกิดจากออกไซด์ และคาร์บอเนตจะเป็นสนิมที่ดีจะเกิดเป็นฟิล์มป้องกันการกัดกร่อนจากปฏิกิริยาอื่นๆได้และถ้าเป็นสนิมสีเขียวปกคลุมเสมอกันทั้งเหรียญก็จะมองดูสวยงาม สำหรับสนิมที่เกิดจากคลอไรด์จะเป็นสนิมที่อันตรายเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะกัดกร่อนเนื้อของเหรียญให้เกิดความเสียหายได้ สาเหตุส่วนใหญ่ก็จะมาจากสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น มีออกซิเจน และมีอนุมูลของคลอไรด์ เช่นใกล้น้ำทะเล เพราะฉะนั้นควรป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถทำให้กลับคืนดังเดิมได้ การป้องกันก็ควรหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมข้างต้น อาจจะทำกรอบใส่เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมโดยตรง สำหรับการทำความสะอาดก็ใช้แอลกอฮอล์เช็ดคราบไคล ไขมัน ความเป็นกรดออกและอาจจะเคลือบผิวด้วย Acrylic Polymer ก็ได้ที่สำคัญควรหมั่นตรวจดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อยๆเพราะจะได้แก้ไขทันเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ทองเหลืองเป็นโลหะที่ผสมระหว่าง ทองแดง(Cu) และ สังกะสี (Zn) โดยมีทองแดงประมาณ 80%ขึ้นไป และอาจมีโลหะอื่นผสมอยู่ด้วยในปริมาณเล็กน้อย ทองเหลืองจะมีสีออกเหลืองแดง เป็นมันวาวสามารถทำปฏิกิริยาได้เช่นเดียวกับทองแดงเพราะองค์ประกอบหลักคือทองแดง สนิมที่เกิดขึ้นมีทั้งสนิมดำ แดง เขียว การดูแลก็เช่นกันป้องกันไม่ให้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมโดยตรง การทำความสะอาดก็ใช้แอลกอฮอล์เช็ดและทำให้แห้ง อย่าใช้น้ำมะขามเปียกในการขัดให้เหลืองอร่ามเพราะจะเป็นการทำลายโดยใช่เหตุ เราอาจจะใช้น้ำยาที่ใช้เฉพาะทองเหลืองเท่านั้น แต่ก็ไม่สมควรขัดบ่อยเพราะเนื้อโลหะจะหลุดออกไปด้วย
ชินเป็นโลหะที่ผสมระหว่างดีบุก(Sn)และตะกั่ว(Pb)มีปริมาณของดีบุกประมาณ 80% โลหะจะมีสีขาวค่อนข้างมันวาวสามารถเกิดสนิมได้มีสีขาวอมเทาเรียกว่า Basic lead carbonateซึ่งสนิมนี้เกิดขึ้นแล้วอาจจะขยายตัวขึ้นทำให้ผิวโลหะแตกเป็นรอยร้าว สนิมนี้จะเปราะและแตกหักง่ายและเนื้อโลหะจะเกิดสนิมจนเป็นรูและทะลุในที่สุด สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากที่ชินได้สัมผัสกับไอกรดจำพวกAcetate ควรหลีกเลี่ยงการเก็บชินไว้ในตู้ที่เป็นไม้เพราะจะมีไอกรดเหล่านี้ทำให้ทำลายเนื้อชินโดยตรง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมนี้ และไม่ควรให้สัมผัสกับความชื้นและออกซิเจน สำหรับการทำความสะอาดก็ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดเฉพาะที่มีฝุ่นและคราบใคลเท่านั้นและอาจจะเคลือบผิวด้วย Acrylic Polymer ซึ่งเป็นการป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับสภาพแวดล้อม


เหรียญโลหะอื่นๆ
โลหะชนิดอื่นๆก็ล้วนแต่มีปัญหาของสนิมมาจากสภาพแวดลอ้มที่มีความชื้น ออกซิเจน และกรด อยู่จึงควรหลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมข้างต้น ควรมีสิ่งป้องกันไม่ให้โลหะสัมผัสกับสภาพแวดล้อมโดยตรง ไม่ควรใช้สารเคมีต่างๆกับโลหะโดยตรงเพราะอาจจะเป็นการทำลายฉะนั้นถ้าเราปฏิบัติตามที่กล่าวมาเบื้องต้นเหรียญวัตถุมงคลของเราก็จะอยู่กับเราได้อีกนานสิ่งที่สำคัญควรหมั่นตรวจดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเสมอถ้ามีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นก็หาข้อมูลเพื่อใช้แก้ไขได้ทันท่วงที


มหาผล   
ขอขอบคุณจากเวป http://mail.vcharkarn.com/vcafe/61400 มาก ครับ

และขอบคุณพี่บอล ที่เซิดความรู้ ของเวปนี้มาให้ผมลงอีกที ครับ

3644
ขอบล่างอาจจะหักบิ่นไปหน่อยนะครับ แหะๆๆ
พระรุ่นนี้ พุทธธาพิเศกโดย
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยานหอม
หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
และเกจิคณาจารย์ ในยุคนั้น ครับ ประมาณปี249 กว่าๆ หรือไงนี่แหละครับ ลืม รอพี่เก่ง บอกลายละเอียดอีกที ครับ

ขอนอบน้อบรบกวนทุกท่านพิจณาเต็มที่เลย ครับ ผิดถูกไม่ว่ากัน ครับ เพื่อเป็นการศึกษาพระ ของ จ. นครปฐม ครับ
พระของผมมีขนาดความกว้าง 1.1 ซ.ม. สูงประมาณ 2.5 ซ.ม. ครับ

3645








แบบชัดๆเลยนะครับ รบกวนด้วยนะครับ เต็มที่เลยครับ กระแสเนื้อทองผสม ครับ
ฟันธงเลยครับ :002:

3646
คุ้นๆนะครับพี่เด็กนอกวัด แหะๆ :075:

3647
อิอิอิ...
พึ่งไปมาเมื่อวันที่ 19-01-2009 นี่เองครับ...
นิมนต์พระบูชาขึ้นหิ้ง 1 องค์ ด้วยครับ...{^_^}...


สาธุด้วยนะครับ และไม่บอกผมด้วย แหม่ๆ ...วันหลังมาก็บอกกันล่วงหน้านะครับจะไปต้อนรับถึงวัดเลย ครับ  :004:

3648
ขอให้ทุกคนได้แฟนสวยๆ รวยๆ และเอาตังมาแบ่งกานมั่งนะคร๊าบ 55 :004:

ขอบคุณทุกท่านครับ รับคำอวยพร ครับ สาธุ

3650
ไม่ต่างนะครับ จะน้ำมันหรือหมึกก็ขลังเหมือนกัน อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ครับ :002:

3651
การวิเคราะห์พระหล่อโบราณ
    การดูพระหล่อโบราณนั้นต้องใช้การพิจารณาเชิงวิเคราะห์ถึงธรรมชาติพระเราต้องรู้ก่อนว่าพระองค์นี้มีวิธีการสร้างแบบไหนอย่างไร พระเครื่องของหลวงพ่อทบ ข้าพเจ้าพิจารณาจากประสบการณ์ในแวดวงพระเครื่องกว่าค่อนชีวิตและเคยเขียนบทความลงในนิตยสารพระเครื่องหลายๆฉบับมาก็หลายปี เห็นพระหล่อโบราณมาก็หลายเกจิหลายสายการพิจารณาก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ข้าพเจ้าจะให้ความสำคัญกับ กระแสพระมาเป็นอันดับต้นๆ ลองมาจะเป็นคราบเบ้า คราบนำทอง และลักษณาของการตะไบ...ส่วนพิมพ์ทรงนั้นยุติยากในพระหล่อโบราณ พระหล่อโบราณมีการแต่งพระในภายหลังก็มี บางองค์พิมพ์ผิดหมดแต่กระแสพระและธรรมชาติพระยังอยู่ เจอพระแบบนี้จะไปเหมาว่าเป็นพระปลอมก็นับว่าใจแคบเกินไป คนรุ่นหลังที่เข้ามาใหม่ได้รับข้อมูลผิดๆในที่สุดพระแท้ก็ต้องกลายเป็นพระเก็ไปอย่างน่าเสียดาย บางคนเล่นพระสไตส์เดียวตือถ้าพระไม่เหมือนของข้าต้องเป็นพระเก็ทั้งหมด ซึ้งไม่ถูกต้อง ประสบการณ์เท่านั้นครับถือว่าสำคัญ ขึ้นอยู่ที่ว่าใครเคยเห็นพระแท้ๆหลายสภาพมากกว่ากันต่างหาก ข้าพเจ้าเป็นห่วงคนรุ่นใหม่ๆที่เข้ามาพลอยทำให้ได้รับข้อมูลที่ผิดๆและหลงทางในที่สุดการพิจารณาพระหล่อโบราณต้องดูธรรมชาติของพระให้เป็นต้องพิจารณาจากหลักความเป็นไปได้และความน่าจะเป็นควบคู่กันไปอย่ายึดติดกับความรู้สึกส่วนตัวแบบเก่าๆมาเป็นเครื่องตัดสิน น้องๆที่กำลังศึกษาต้องศึกษาให้รู้ท่องแท้และศึกษาจากคนที่รู้จริงเท่านั้นไม่อย่างนั้นเราจะหลงทาง ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณทีมงานเปิดตำนานหลวงพ่อทบมากไ ที่เปิดเว็บนี้ขึ้นมาถือว่าเป็นประโยชน์มากแก่ผู้ที่สนใจพระหลวงพ่อทบนับว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องขอให้กำลังใจทีมงานทุกคนให้ทำงานต่อไปอย่าท้อถอยจะเป็นกำลังใจให้ครับ 


ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=27010&area=4&name=board8&topic=28&action=view
ขอบคุณมากครับ :054:

และอีกอันอันนี้ครับ เกี่ยวกับข้อมูลพระหลวงพ่อทบครับ
http://www.pantown.com/board.php?id=27010&area=4&name=board2&topic=173&action=view
ลองอ่านหัวข้อด้านบนดู ครับ ....ผมว่าดี ครับ ......
อยากรู้พระอะไรแท้ไม่แท้ ควร..ถามคนในพื้นที่ครับ เพราะคนในพื้นที่มักเห็นของแท้มากกว่าคนทั่วไป ครับ
ส่วนจะเก่งหรือไม่ก็อีกเรื่อง ครับ ลองอ่านดูครับ เห้นว่ามีประโยชน์ดีเลยเอามาฝากกัน ครับ

3652
คาถาขุนแผน ภาษาเขมร ที่ท่านอชิตะสอนผมไว้ ผมก็ยังใช้อยู่ทุกวันนี้เลยนะครับ.. 04;

..ออมเกรกกะยึม ...
โหมิน่า พี่ สาวๆติดกันเกรียวเลย  :004:

3653
แล้วผมจะหาของแท้จากที่ใดดีครับผม....ช่วยแนะนำทีคร๊าบผม :070:

ตามวัดไง ครับ และเกจิอาจารย์ที่เรานับถือ เพราะของเก่าๆหายาก
เอาเป็นว่าหลวงพอ่ท่านใดที่เราศรัทธา ก็ลองหาดู ครับ ว่ามีใหม ที่ไหนบ้าง อิอิ

3654
สุดยอดเกจอาจารย์เมืองขุนแผน พระงบน้ำอ้อย ของท่านคงกระพันชาตรีนักแล ที่ว่าสุดยอดเกจิแห่งสายสุพรรณเลยก็ได้ครับ

3655

เมื่อเอ่ยถึงหลวงปู่เนียม ผู้คนทั้งหลายจะต้องเรียกชื่อท่านควบกับชื่อวัดไปด้วย หรือเมื่อเอ่ยชื่อวัดน้อยนี้ก็ต้องควบชื่อท่านเข้าไปด้วยเช่นกัน เพราะในสุพรรณบุรีมีวัดที่ชื่อวัดน้อยหลายแห่งด้วยกัน แต่วัดอื่นๆ ก็ไม่ติดปากผู้คนเหมือนวัดน้อย หลวงปู่เนียม

 

วัดน้อยเป็นวัดเก่าอายุกว่าร้อยปี มีเนื้อที่ประมาณ ๓๐ ไร่สร้างโดยผู้ใดไม่ปรากฏ อยู่ในท้องที่ตำบลโตกคราม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี วัดน้อยตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคม เส้นเดียวของเมืองสุพรรณบุรี สู่เมืองบางกอก

 

สมัยเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว ก่อนจะมีถนนมาลัยแมนตัดจากนครปฐมมายังตัวเมืองสุพรรณวัดน้อยอยู่ระหว่างอำเภอบางปลาม้ากับตัวจังหวัด คิดระยะทางทางน้ำ ก็จะอยู่ห่างตัวเมืองสุพรรณราวเจ็ดแปดกิโลเมตร

 

สมัยเมื่อราวๆ ร้อยปีที่ผ่านมา วัดน้อยมีความเจริญสูงสุด เพราะครองวัดโดยพระมหาเกจิ-เถราจารย์นามกระเดื่อง ผู้เชี่ยวชาญทางคันถธุระ วิปัสสนาธุระและวิทยาคมชื่อหลวงปู่เนียม

 

ในสมัยที่หลวงปู่ครองวัดอยู่ วัดน้อยของหลวงปู่ มีพระเณรมากกว่าวัดอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง และค่อนข้างจะคลาคล่ำไปด้วยผู้ศรัทธาที่มาให้ท่านช่วยรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยยาสมุนไพร น้ำมนต์และอาคม ที่ชะงัดมากเห็นผลทันตาก็เรื่องหมาบ้าและงูพิษกัด เพียงเสกเป่าพรวดออกไปแล้วบอกว่า เอ้า ! มึงไปได้แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครตายสักราย น้ำมนต์ของท่านเล่าลือว่าศักดิ์สิทธิ์นัก

 

ถาวรวัตถุที่เชื่อกันว่าสร้างมาในสมัยหลวงปู่ที่ยังพอมีให้เห็นก็คือ มณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ ศาลาข้างสระน้ำ ซึ่งสิ่งก่อสร้างทั้งสามนี้มีสภาพเป็นซากที่ถูกทอดทิ้งใช้การไม่ได้แล้ว

 

ถนนมาลัยแมน ที่สร้างขึ้นมาเมื่อราว ๕๐ ปีก่อน ทำให้สุพรรณบุรีเป็นเมืองเปิดขึ้นมาโดยทันที แม่น้ำท่าจีนที่เคยเป็นเส้นทางคมนาคมเดียวสู่บางกอกเริ่มลดความสำคัญ การเดินทาง และการส่งสินค้าเข้าออกเมืองสุพรรณทางเรือก็ค่อยเปลี่ยนเป็นทางรถยนต์และรถไฟ หน้าวัดที่คลาคล่ำด้วยหรือแพ เริ่มน้อยลงๆ จนไม่มีเลยในปัจจุบัน ผู้คนจะไปไหนๆไม่จำเป็นต้องผ่านวัดน้อยอีกแล้ว ผู้คนที่มาทำบุญที่วัดน้อยลง คนรุ่นหนุ่มสาวที่พอมีกำลังทำบุญแทบไม่เหลือติดหมู่บ้าน วัดในตำบลโตกครามก็มีมากเสียจนผู้คนในตำบลนี้ ไม่สามารถที่จะอุปถัมภ์ได้ทุกวัด

 

ความเสื่อมโทรมของวัดน้อยค่อยๆ เริ่มขึ้นพร้อม ๆ กับความเจริญของจังหวัดสุพรรณบุรี

 

ในวัดน้อยเองขณะนี้ก็มีพระเณรอยู่ในวัดเพียงไม่ถึงสิบรูป แค่เพียงดูแลถาวรวัตถุ เช่น กุฏิ วิหาร มณฑป หอฉัน ศาลา ที่หลวงปู่สร้างไว้ ไม่ให้ผุพังไปตามกาลเวลาก็ดูจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว รายได้เข้าวัดน้อยมากสมชื่อวัด น้อยเสียจนทำอะไรไม่ค่อยได้ บางวันพระเณรต้องหุงหาอาหารไว้ฉันกันเอง ผู้คนที่จะมาที่วัดน้อยในปัจจุบันนี้ ร้อยทั้งร้อยจะแวะมาเพียงเพื่อมากราบรูปหล่อของหลวงปู่เนียมในมณฑปเท่านั้น

 

ประวัติของหลวงพ่อเนียม

 

ขุนดอน เขียนประวัติของหลวงพ่อในนิตยสารพระเครื่องชื่อ พุทโธ ฉบับเดือนพฤษภาคม- เดือนกรกฎาคม ๒๕๓๑ และคุณทนงทิพย์ ม่วงทอง เขียนในฉบับเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๕ มีเนื้อความใกล้เคียงกันว่า

 

หลวงปู่เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๒ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ท่านเป็นคนบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรีโดยกำเนิด มารดาของท่านเป็นคนบ้านป่าพฤกษ์ ตำบลตะค่า อำเภอบางปลาม้า ส่วนบิดาเป็นคนบ้านส้อง ตำบลมดแดง อำเภอศรีประจันต์ แต่ได้ย้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงตามประเพณี หลวงปู่มีพี่สาวชื่อจาด ท่านเป็นคนที่สอง มีน้องชายหนึ่งคนชื่อเสียงใดไม่ปรากฏ

 

การศึกษาของท่านก็คงเหมือนลูกชาวบ้านทั่วไปคือ เรียนอักขรวิธีและภาษาบาลีจากพระในวัดใกล้บ้าน

 

เมื่อครบบวช (พ.ศ.๒๓๙๒-๒๓๙๓) ก็บวชตามประเพณี คาดว่าคงเป็นวัดป่าพฤกษ์หรือไม่ก็วัดตะค่า

 

เล่ากันว่าเมื่อท่านอยู่ในสมณเพศแล้วท่านก็เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย มูลกัจจายนสูตร วิปัสสนา และเวทย์มนต์คาถาจากพระเถรานุเถระสำนักต่างๆ ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านมาพำนักอยู่วัดใดและเป็นศิษย์สำนักใดแน่ บ้างก็ว่าท่านมาอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ บ้างก็ว่าวัดโพธิ์ วัดทองธรรมชาติ และวัดระฆังโฆสิตาราม

 

ในสมัยนั้นเมื่อกล่าวถึงพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของวิปัสสนาธุระแล้ว ต้องยกให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หลวงปู่ช่วง วัดรังสี (ขณะนี้รวมเป็นวัดเดียวกับวัดบวรฯ) หลวงปู่คำ วัดอัมรินทร์ หลวงปู่จันทร์ วัดพลับ

 

ขุนดอนเขียนว่า ถ้าหลวงปู่มาอยู่วัดระฆังฯ ก็ต้องเป็นศิษย์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แน่ เพราะสมเด็จท่านมีพระชนม์ชีพอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๕ สำหรับคุณทนงทิพย์ เขียนว่า คุณทองหยด จิตตวีระ อดีต ส.ส. สุพรรณบุรี เคยเล่าให้คุณบดินทร์ สุประสงค์ อดีตผู้พิพากษาศาลสุพรรณบุรีฟังว่า บิดาของท่านเคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ ตอนมาอยู่ที่วัดน้อยแล้ว หลวงปู่เคยส่งคุณพ่อของท่านและศิษย์คนอื่นๆ อีกหลายคน ให้ไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดระฆังฯ เรื่องนี้น่าจะเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าหลวงปู่เนียมต้องเคยเป็นศิษย์วัดระฆังฯ ด้วย

 

เล่ากันว่าหลวงปู่พำนักเล่าเรียนอยู่ที่เมืองบางกอกถึง ๒๐ พรรษา เมื่อร่ำเรียนจนจบกระบวนการแล้ว ท่านก็กลับมาอยู่ที่วัดที่ท่านบวชชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่วัดรอเจริญ อำเภอบางปลาม้า (อยู่เยื้องลงมาทางใต้ของวัดน้อยไม่กี่ร้อยเมตร) ท่านอยู่ที่วัดรอเจริญได้ไม่นาน ชาวบ้านวัดน้อยเห็นแววของท่านก็มานิมนต์ท่านให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดน้อยที่ทรุดโทรมและกำลังจะร้าง เพราะขาดสมภารเจ้าวัด เมื่อท่านมาอยู่วัดน้อยตามศรัทธาของชาวบ้านแล้วก็ร่วมมือกับชาวบ้านสร้างหอฉัน และบูรณะโบสถ์ วิหาร จนดี มีสภาพเป็นวัดขึ้นมาอีกครั้ง วัดน้อยเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ มีพระเณรมากขึ้นทุกปี

 

เล่ากันว่าทุกก่อนเข้าพรรษาชาวบ้านทั้งในละแวกนิ่งและละแวกใกล้เคียงจะนำบุตรหลานมาให้ท่านบวชให้มากมาย และที่จำพรรษาที่วัดน้อยก็มีเกือบสิบรูปทุกปี

 

ศิษย์เอกของหลวงปู่เนียม

 

คุณมนัส โอภากุล (พ่อของคุณแอ๊ด คาราบาว) คนสุพรรณผู้เชี่ยวชาญและโด่งดังจากการรวบรวมค้นคว้าและเขียนเรื่องพระเกจิอาจารย์และพระเครื่องเมืองสุพรรณบุรีจนเป็นที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่องได้เขียนว่า

 

สุพรรณบุรีมีพระเกจิอาจารย์ดังมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ และพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ผู้ทรงวิทยาคมที่ถือว่าเป็นที่สุดยอดของพระมหาเกจิ-เถราจารย์ของเมืองสุพรรณก็คือหลวงปู่เนียม

 

คุณมนัสกล่าวว่า ลูกศิษย์ของหลวงปู่เนียมที่ดังๆ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศก็มีหลายรูปด้วยกัน ที่ท่านค้นคว้ามาได้มีหลวงพ่ออ่ำ แห่งวัดชีปะขาว อ.บางปลาม้า หลวงพ่อรูปนี้หลวงพ่อเนียมเป็นผู้บวชให้และมีศักดิ์เป็นหลานของท่านด้วย ที่ดังระดับประเทศก็คือ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน อ.สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และอีกรูปก็คือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

 

ไตรภาคี ตรีเพชร เซียนพระเครื่องท่านหนึ่งได้เขียนเรื่องของหลวงปู่เนียมและหลวงพ่อโหน่งไว้ในนิตยสารพระเครื่องชื่อ พุทโธ ฉบับที่ ๖ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ว่าหลวงปู่เนียมเป็นพระนักปฏิบัติธรรม เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน และมีวิทยาคมแก่กล้า ที่หลวงพ่อปานมาฝากตัวขอเป็นศิษย์ และได้รับการถ่ายทอดทั้งวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมไปจนหมดสิ้น ครั้นเมื่อเรียนจบแล้วก่อนจะลากลับสู่สำนักเดิม หลวงปู่เนียมยังได้ส่งเสียว่าในวันข้างหน้าถ้าติดขัดสงสัยในเรื่องคำสอนของท่าน ขอให้ไปสอบถามหลวงพ่อโหน่ง ศิษย์รุ่นพี่ (ห่างกันหลายปีและไม่ทันเห็นกันในขณะนั้น) โดยบอกว่า ถ้าข้าตายไปแล้ว หากสงสัยอะไร ให้ไปถามท่านโหน่ง วัดคลองมะดัน เขาพอแทนข้าได้

 

ใหญ่ ท่าไม้ เซียนพระ เจ้าของนิตยสารพระเครื่องดังของเมืองไทยอีกท่านหนึ่ง ได้เขียนถึงความเป็นพระอริยสงฆ์ของหลวงปู่เนียมและหลวงพ่อโหน่งศิษย์อาวุโสของท่าน ในนิตยสารพระเครื่องชื่อ มหาโพธิ์ ฉบับพิเศษ ที่ ๑๓ ว่าหลวงปู่เนียมและหลวงพ่อโหน่งเป็นพระผู้มีอภิญญาสูง รู้เวลาตายของตนเอง เพราะทั้งสองท่านมรณภาพในท่านอนพนมมือ

 

ปาฏิหาริย์และวัตถุมงคลของหลวงปู่เนียม

 

มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาถึงปาฏิหาริย์ของหลวงปู่เนียมมากมาย ประวัติและปาฏิหาริย์ของท่านได้ถูกเขียนลงในนิตยสารพระเครื่องดังๆ หลายฉบับ พระเครื่องที่ท่านทำขึ้นมาเพื่อแจกสานุศิษย์มีหลายพิมพ์ด้วยกัน ได้แก่ พิมพ์พระประธาน พิมพ์พระคง พิมพ์ปรุหนัง พิมพ์พุทธลีลา พิมพ์ขุนแผน และที่ดังมากก็คือพิมพ์งบน้ำอ้อย พิมพ์มารวิชัยเศียรโล้น และพิมพ์เศียรแหลม พระของหลวงปู่ทุกพิมพ์เป็นเนื้อชินตะกั่ว มีรูปทรงไม่สวยนัก แต่มีพุทธคุณสูงยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องคงกระพัน ขณะนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือของคนรุ่นลูก หลาน เหลนของสานุศิษย์แท้ ๆ ของท่าน ในพื้นที่บางปลาม้า ซึ่งเห็นห้อยคอเดี่ยวๆ และไม่ค่อยจะมีใครยอมปล่อยให้หลุดจากคอ พระของหลวงปู่จึงไม่ค่อยมีให้เห็นในตลาดพระ ส่วนที่เล็ดลอดออกมาบ้างก็มีสนนราคาเป็นเรือนหมื่นทุกพิมพ์

 

นอกจากพระเครื่องแล้ว ที่กล่าวตรงกันว่าศักดิ์สิทธิ์นักคือน้ำมนต์ของท่านและการรักษาพิษงูและหมาบ้า

 

รักษาพิษงูและพิษหมาบ้า

 

สมัยก่อนไม่ว่าท้องไร่ท้องนาถิ่นไหนจะมีงูชุกชุมมาก แต่ละปีจะมีผู้ถูกงูพิษกัดตายหลายราย เพราะไม่มีเซรุ่มจะฉีด เช่นเดียวกับคนโดนหมาบ้ากัดจะต้องตายทุกรายไป คุณสมบัติ พัดขุนทด (มาลา) บุตรสาวของสมุห์เหลือ มาลาอดีตสรรพากรจังหวัดสุพรรณบุรี พี่สาวของคุณวิภาวัลย์ ต้นสายเพ็ชร (มาลา) ผู้ที่พาผู้เขียนไปรู้จักวัดน้อยเล่าว่า คุณยายของท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งเป็นเด็ก ได้ถูกหมาบ้ากัดแถวๆ บ้านหลังวัดกลาง พ่อแม่ต้องพานั่งเรือพาย พายไปตามลำน้ำท่าจีน ผ่านวัดสวนหงษ์ วัดรอเจริญ และวัดอะไรต่อมิอะไรอีกหลายวัดไปให้หลวงปู่รักษาให้

 

เมื่อไปถึงท่าน ท่านก็ทักว่า มึงโดนไอ้ดำมันกัดเอาใช่ไหม มันเพิ่งวิ่งผ่านหน้ากูไปเมื่อกี้นี้เอง แล้วท่านก็เป่าพรวดๆ ให้ แล้วว่า มึงไม่ตายแล้ว อายุยืนซะด้วยนะมึง (หมาไม่ได้วิ่งไปทางวัดน้อยดอก วัดของท่านอยู่ห่างที่เกิดเหตุไปหลายกิโลเมตร ท่านคงเห็นโดยญาณ) แล้วคุณยายก็อยู่มาจนถึงอายุ ๙๓ ปี

 

น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์

 

เล่ากันว่าครั้งหนึ่งมีคนจีนคนหนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่แถววัดโพธิ์คอย ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ ไกลวัดน้อยนัก ได้พายเรือมาหาท่านด้วยความร้อนรน เนื่องด้วยลูกสาวของแกป่วยหนัก รักษาทางยามาก็มากแล้วอาการก็ไม่ทุเลา ซ้ำทำท่าจะแย่ลงทุกที (บางคนเล่าว่าลูกสาวเจ็บท้องจะคลอดลูก แต่ลูกไม่ออก เจ็บปวดทุรนทุราย)

 

มาถึงวัดก็เห็นหลวงปู่อยู่บนหลังคาศาลาท่าน้ำ กำลังช่วยพระเณรมุงหลังคากันอยู่ ด้วยความรีบร้อนก็ตะโกนเรียกหลวงปู่ให้ลงมาช่วยทำน้ำมนต์ให้หน่อย แต่ท่านก็คงให้รอก่อนหรืออย่างไรไม่แจ้ง

 

เถ้าแก่คงร้อนใจและเซ้าซี้ท่านจนน่ารำคาญ และอาจจะเป็นด้วยท่านต้องการจะแสคงอภินิหารหรือรำคาญเถ้าแก่คนนั้น ไม่มีใครเดาได้ ท่านจึงตะโกนจากหลังคาศาลาท่าน้ำว่า มึงตักน้ำที่ตีนท่านั่นแหละไป กูเสกไว้แล้ว แล้วท่านก็มุงหลังคาต่อ

 

เถ้าแก่คนนั้นไม่รู้จะทำท่าไหน คงโมโหไม่เบา นั่งมุงหลังคาอยู่เห็นชัดๆ เสกแสกอะไรกัน แต่ก็สิ้นท่าแล้ว ชีวิตลูกสาวแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะพาไปโรงพยาบาลหลวงก็อยู่บางกอกโน่น แจวเรือไปสามวันสองคืนก็ยังไม่ถึง เมื่อร้อยปีก่อนโน้นเรือเมล์แดงก็ยังไม่มี ถึงมีก็เถอะก็ต้องวิ่งกันถึงค่อนวันกว่าจะถึง

 

หมดท่าแล้ว หลวงปู่ให้ตักเอาน้ำที่หัวบันไดท่าน้ำไป ก็ต้องเอา ใจน่ะ ไม่ค่อยจะเชื่อเอาเสียเลยแต่ก็ไม่รู้จะทำท่าไหน เล่าว่าเถ้าแก่คนนั้นจ้วงตักเอาน้ำนั้นไปด้วยความโมโหและไม่เลี่อมใสว่าน้ำในแม่น้ำจะเป็นน้ำมนต์ได้อย่างไร ครั้นจะไม่เอาก็เกรงใจ เกรงว่าวันหน้าจะเข้าหน้ากันไม่ได้

 

พอพายเรือกลับ เลยหน้าวัด พ้นสายตาหลวงปู่ ก็หยิบเอาขวดหรือไหที่ใส่มา เททิ้งด้วยความโมโห และก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น คือน้ำนั้นเทไม่ออก และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คนสุพรรณต่างก็รู้กันว่า น้ำในแม่น้ำหน้าวัดหลวงปู่เนียมศักดิ์สิทธิ์เท่ากับน้ำมนต์ที่ท่านทำขึ้นมา เพียงอธิษฐานจิตคิดถึงหลวงปู่ก็เอาไปใช้ได้เช่นกัน

 

ขุนดอน เขียนต่ออีกว่า พระยาศิริชัยบุรินทร์ ปลัดเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรี เมื่อครั้งมาตรวจราชการเมืองสุพรรณบุรี ก็มาแวะกราบขอพรจากหลวงปู่ และขอให้ท่านอาบน้ำมนต์ให้ หลวงปู่ท่านก็สั่งให้ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำหน้าวัดรวมกับชาวบ้าน แม้ว่าท่านพระยาจะตะขิดตะขวงใจในเรื่องน้ำหน้าวัด ทั้งมีความเหนียมอายชาวบ้านและบริวารแต่ก็ยอมทำตาม และปรากฏว่าอีกไม่นาน ท่านเจ้าคุณพระยาก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเทศาเมืองนครสวรรค์

 

แม้หลายสิบปีหลังจากที่ท่านมรณภาพไปแล้ว พวกชาวเรือชาวแพที่ล่องผ่านหน้าวัด ก็ยังเชื่อว่าน้ำหน้าวัดใช้แทนน้ำมนต์ได้ คุณสำราญ แก้ววิชิต (อายุ ๖๘ ปี) ลูกหลานวัดน้อย และขณะนี้ก็เป็นกรรมการวัดได้เล่าว่า

 

ตอนที่แกเป็นเด็กมักจะมาเล่นกับเพื่อน ๆ ที่ศาลาท่านาหลังที่หลวงปู่สร้างไว้เป็นประจำ สมัยนั้นเรอแพยังล่องขึ้นลงไปมาเสมอ และมีเรือเมล์แดงวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างสุพรรณกับบางกอกแล้ว เมื่อเรือแจวหรือเรือโยงมาถึงหน้าวัดพวกชาวเรือเหล่านั้น (ส่วนมากเป็นคนจีน) ก็จะเริ่มจุดธูปอาราธนาขอพร เอาธูปนั้นปักไว้ที่หัวเรือ เสร็จแล้วก็คว้ากระป๋อง ตักน้ำหน้าวัด สาดขึ้นหลังคาเรือ ส่วนพวกเรือเมล์ ก็จะลดความเร็วลง แล้วผู้โดยสารทั้งหนุ่มสาวเฒ่าชราจะเอื้อมมือลงไปวักเอาน้ำหน้าวัดขึ้นลูบหัวลูบหน้าแทนน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

 

แม้ขณะนี้ก็ยังเห็นคนเฒ่าคนแก่ มาตักเอาน้ำมนต์ในตุ่มหน้าองค์ท่านไปใช้ ซึ่งก็เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ เหมือนเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่

 

ญาณวิเศษรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า

 

ไตรภาคี กล่าวถึงหลวงปู่เนียมว่า หลวงปู่สำเร็จวาโยกสิณขั้นอภิญญา สามารถล่วงรู้อนาคตและรู้ความในใจของคนที่สนทนากับท่านได้ โดยเขียนว่าหลวงพ่อปานเคยเล่าให้ศิษย์ของท่านฟังว่า

 

วันหนึ่งแมวของหลวงปู่เนียมตาย ไป วันนั้นขณะที่หลวงปู่ฉันข้าวร่วมวงอยู่กับพระลูกวัดสองรูป อยู่ดีๆ หลวงปู่เนียมก็หัวเราะก๊ากขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า เออ อีไฝของกูมันดีเว้ย มันไปเกิดเป็นคนแล้ว แล้วก็เอ่ยต่อถึงชื่อของผัวเมียคู่หนึ่งที่ท้ายตลาดคอวัง

 

พระลูกวัดที่ร่วมวงได้ยินท่านพูดและจำไว้ด้วยความสงสัย อีกหนึ่งปีต่อมาพระสองรูปนั้นก็ลองไปที่ตลาดคอวังเพื่อพิสูจน์คำพูดของหลวงปู่ โดยไปถามหาผัวเมียคู่ที่หลวงปู่เนียมพูดถึง ก็พบว่ามีลูกสาวเกิดมาแล้วอายุได้หนึ่งเดือน มีรูปพรรณตรงกับที่หลวงปู่บอกไว้ คือมีไฝที่ริมฝีปากเหมือนแมวตัวที่ตายไปเมื่อปีที่แล้วจริง พระทั้งสองรูปบอกความจริงให้สองผัวเมียทราบถึงการมาพิสูจน์ของท่าน

 

สองผัวเมียดีใจที่ลูกของตนคือแมวของหลวงปู่กลับชาติมาเกิด เมื่อเด็กอายุได้สามเดือน จึงพากันมาที่วัดแล้วเอาเด็กไปประเคนที่หน้าตัก บอกยกให้เป็นลูกหลวงปู่

 

หลวงปู่ทำท่าตกใจถามว่า พวกมึงเอาอีหนูนี่มาประเคนให้กูทำไม

 

ถามไปถามมาก็รู้เรื่องพระลูกวัดสองรูปที่ไปหาผัวเมียคู่นั้น หลวงปู่จึงให้พระทั้งวัดมายืนให้ผัวเมียคู่นั้นดูว่าเป็นพระรูปใดที่ไปหา แต่พระทั้งสองรูปได้หลบไปซ่อนตัว กลัวโดนด่าอยู่หลังวัด หลวงปู่ก็รู้ว่าไปแอบที่ไหน จึงให้พระรูปหนึ่งไปตาม แต่พระทั้งสองรูปขอให้มาโกหกว่าตามหาไม่พบ พระรูปนั้นก็กลับมาบอกหลวงปู่ตามที่สั่งกัน

 

ท่านก็สวนคำไปว่า มันจะพบได้ยังไงวะ ก็มันสั่งมึงให้มาบอกกูว่าหาไม่เจอนี่หว่า

 

เรื่องรู้เหตุการณ์ล่วงหน้านี้มีการเขียนถึงหลายคนด้วยกัน ขุนดอน เขียนว่า

 

วันหนึ่งมีพระหนุ่ม 4 รูป จากวัดสุวรรณภูมิ เข้ามากราบหลวงปู่ หลวงปู่ก็ทักว่าจะมาหาฤกษ์สึกใช่ไหมล่ะ ยังความแปลกใจให้กับพระทั้ง 4 รูปนั้นมาก หลวงปู่ก็ดูฤกษ์ให้ด้วยความเมตตา แต่สำหรับพระอีกรูปหนึ่งท่านได้ห้ามไว้ บอกว่าชะตาไม่ดี อย่างเพิงสึกตอนนี้ สึกออกไปก็ถึงตาย ท่านไม่ยอมให้ฤกษ์กับพระรูปนั้น ในที่สุดพระทั้ง 4 รูปก็ลากลับ

 

สามรูปที่ท่านดูฤกษ์ให้ ก็สึกออกไปตามฤกษ์ และพระรูปที่สี่นั้น ร้อนผ้าเหลือง ไม่ยอมฟังคำทัดท่านของหลวงปู่ ก็พลอยสึกไปด้วย แล้วกลับไปอยู่บ้าน หัวค่ำคนหนึ่ง ไม่ทันที่ผมจะยาวถึงครึ่งองคุลี ขณะที่นั่งคุยกันกับพ่อแม่พี่น้องที่ชานบ้าน ได้มีคนร้ายแอบซุ่มอยู่ข้างล่างยิงปืนเข้ามาที่กลุ่มญาติ พอสิ้นเสียงปืน ท่ามกลางความตะลึงของคนทั้งบ้าน ปรากฏว่าทิดสึกใหม่หงายหลังลงสิ้นใจทันทีเพราะลูกปืนเจาะเข้าที่หัวพอดี

 

ตั้งแต่นั้นมา เมื่อหลวงปู่พูดว่ากล่าวทักท้วงสิ่งใด ชาวบ้านจะเชื่อถือ ไม่กล้าตะแบงกับท่านอีกเลย

 

มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาอีกเรื่องว่า ท่านสามารถสื่อความหมายรู้เรื่องกับสัตว์เลี้ยงของท่าน เขาเล่ากันว่าท่านเลี้ยงไก่ หมา กับแมวไว้มากมาย บนกุฏิของท่านยั้วเยี้ยไปด้วยแมว ชาวบ้านจะเห็นว่า วันๆ ถ้าว่างจากพูดคุยกับคนท่านก็จะพูดกับสัตว์พวกนี้เหมือนดังว่ามันรู้ภาษา พอมันร้องอี๊ดอ๊าดตอบ ท่านก็พูดต่อคำกับมันเป็นเรื่องเป็นราว คนในละแวกวัดน้อยหลายคนหาว่าท่านเป็นบ้า ร้อนวิชา ที่ใช้เวลาวัน ๆ ถ้าไม่พูดกับคน ก็พูดคุยกับแมว หมา กา ไก่ ในวัดและมีวัตรแปลก ๆ อยู่เสมอ

 

คุณมงคล วงษ์ลือ (อายุ ๖๑ ปี) ลูกหลานวัดน้อยอีกคน ที่ผู้เขียนไปพบขณะแวะไปกราบหลวงพ่อครั้งที่สามเล่าถึงอภินิหารของหลวงปู่ให้ฟังอีกมากมาย น่าสนุกสนานคล้ายๆ กับที่เขียนลงในนิตยสารพระเครื่องหลายฉบับ ซึ่งถ้าคนรุ่นใหม่ได้ฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตอนที่หลวงพ่อปานเดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์นั้นน่าสนใจ

 

ท่านเล่าว่า เมื่อหลวงพ่อปานธุดงค์มาถึงวัดน้อย เห็นพระแก่ๆ ครองสบงเก่า ๆ มอมแมมทำงานวัดอยู่กับพระเณร หลวงพ่อปานก็เดินตรงเข้าไปสนทนาด้วย แล้วถามหาหลวงปู่เนียม ท่านก็บอกว่าฉันนี่แหละชื่อเนียม ถึงได้รู้กัน ก็คงมีการกราบกรานขอโทษขอโพยกันตามธรรมเนียมที่จุดไต้ตำตอ เพราะไม่คาดว่าพระแก่มอมแมมจะเป็นพระเถราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ จึงปวารณาตัวขอเป็นศิษย์ ครั้งแรกท่านก็ปฏิเสธท่าเดียว โดยถ่อมตนเองว่า เป็นลูกศิษย์ฉันจะได้อะไร คนแถวนี้เขาว่าฉันบ้ากันทั้งนั้น หลวงปู่ท่านทำไม่สนใจไล่กลับลูกเดียว แต่โดยคำแนะนำของพระลูกวัด บอกให้หลวงพ่อปานค้างคืนอยู่ที่วัดก่อน คงประกอบกับความอุตสาหะของหลวงพ่อปานด้วย ท่านก็ทำตามคำแนะนำ

 

ครั้นพอเวลากลางคืนยามดึกสงัด หลวงปู่ก็ให้พระไปตามหลวงพ่อเข้าไปพบที่กุฏิ เขาว่าหลวงพ่อปานตกใจมาก เพราะรูปร่างหน้าตาของหลวงปู่เนียมที่เห็นนั้น ผอมเกร็ง-ดำ-แก่และมอมแมม ตอนนี้ครองจีวรเรียบร้อยสะอาดสมบูรณ์ สดใส ผิดกับที่พบเมื่อตอนกลางวันเป็นคนละคนเลย นั่งอยู่เหมือนจะรอให้ท่านเข้าพบ ในที่สุดหลวงพ่อปานก็ได้เป็นศิษย์ดังที่เรารู้กัน

 

เล่าขานสืบกันมาอีกว่าตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยมีใครถ่ายรูปท่านได้ -ขุนดอน เขียนไว้ว่าเมื่อครั้งพระประมาณฯ เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน นำฝรั่งช่างรังวัด๒ คนมารังวัดที่ ในเขตเมืองสุพรรณ เพื่อออกโฉนดให้ราษฎร์ เมื่อรังวัดมาถึงท้องที่วัดน้อย ก็ได้ถือโอกาสเข้าขอถ่ายรูปหลวงปู่ โดยให้ฝรั่งเอากล้องถ่ายรูปของทางราชการช่วยถ่ายให้ ตัวคุณพระประมาณฯ นั้น เคยรู้กิตติศัพท์มาแล้วว่ามีคนเคยมาขอถ่ายรูปหลวงปู่หลายรายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จสักราย คราวนี้มีกล้องฝรั่งอย่างดีมาด้วย ก็อยากจะลองพิสูจน์สักหน่อย มันก็น่าจะติด


 

คุณพระฯ ได้นิมนต์หลวงปู่และพระทั้งวัดมานั่งเรียงลำดับแล้วถ่ายรูปหมู่และถ่ายเดี่ยวด้วย แต่จะเป็นกี่รูปไม่ทราบ ครั้นเมื่อนำฟิล์มไปล้างอัดเป็นรูปออกมา ความอัศจรรย์ก็ปรากฏคือ ในทุกภาพที่อัดออกมาไม่มีรูปของหลวงปู่ติดอยู่ด้วยเลย ที่ถ่ายเดี่ยวข้างโอ่งน้ำมนต์ก็ติดแต่ตัวโอ่ง เล่ากันว่าทั้งตัวคุณพระประมาณฯ และฝรั่งทั้งสองคนต่างก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่ยิ่งนัก และได้ปวารณาตัวฝากตัวขอเป็นศิษย์หลวงปู่

 

ถ่ายรูปไม่ติด

 

อย่างไรก็ตามท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่าแล้วรูปถ่ายที่ลูกศิษย์ลูกหาเอาใส่กรอบบูชาและที่เอาลงหนังสือกันนั้นมาจากไหน จึงขอเรียนว่า รูปของหลวงปู่ที่ได้มามีเพียงรูปเดียว เป็นรูปที่ถ่ายได้หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว คือท่าที่เขาจัดให้ท่านนอนตะแคงบนตั่งเตียง ส่วนรูปท่านั่งนั้นเล่ากันว่า ช่างได้เอารูปหน้าของท่านไปตัดต่อสวมกับส่วนลำตัวของพระภิกษุรูปอื่น โดยมีการตกแต่งส่วนใบหน้าที่ไม่ชัดขึ้นมาโหม่ ทำให้ดูเป็นหน้าค่อนข้างกลมและศีรษะล้านไปหน่อย

 

ทดสอบวิชากับหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย

 

ขุนดอน เล่าว่า วันหนึ่งท่านให้ชาวบ้านเตรียมภัตตาหารเลี้ยงพระไว้ ๕๐ สำรับ ซึ่งยังความแปลกใจให้ชาวบ้านมาก เพราะหลวงปู่ไม่เคยบอกว่าพรุ่งนี้จะมีงานอะไร วันที่ว่าก็ไม่ใช่วันพระ พระเณรในวัดก็มีแค่ไม่ถึงสิบรูป สงสัยเป็นหนักหนาก็พากันไปกามท่าน ท่านก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า พวกมึงทำมาเถอะน่า ชาวบ้านไม่กล้าซักไซ้มากกลัวท่านจะเอ็ดเอา

 

วันรุ่งขึ้นต่างก็พากันนำอาหารมาตามที่ท่านขอ ดูชุลมุนวุ่นวายราวกับมีงานใหญ่ ครั้นพอถึงเวลาเพล ก็ไม่เห็นมีพระเณรที่ไหนจะมาฉัน ต่างซุบซิบกันว่าท่านจะเล่นอะไรอีกละนี่ แต่เลยเพลมาครู่เดียวก็พากันตกตะลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ เพราะเห็นพระเณรจำนวนมาก แบกกลดเดินตามพระแก่ ๆ รูปหนึ่งเป็นแถวเข้ามาในวัด ชาวบ้านเห็นหลวงปู่ออกไปปฏิสันฐานทักทายกับหลวงพ่อองค์นั้นแบบคนรู้จักกัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน แล้วหลวงปู่ก็นำพระเณรทั้งหมดขึ้นไปบนหอฉัน ภายหลังชาวบ้านก็ทราบว่าหลวงพ่อรูปนั้นคือ หลวงปู่ปานแห่งวัดบางเหี้ย คลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของเขี้ยวเสือที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักเลงพระในปัจจุบัน ซึ่งท่านนำพระเณรสานุศิษย์เกือบร้อยรูปธุดงค์ลัดเลาะตามทางเกวียนผ่านมาเพื่อไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลย์ เมื่อจวนเวลาเพลก็ธุดงค์มาใกล้วัดน้อย และพอได้ยินกลองเพลดังขึ้น ก็เกิดลมพายุขึ้นอย่างแรงจนพระเณรที่แบกกลดพะรุงพะรังแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เล่ากันว่าหลวงปู่ปานแปลกใจในปรากฏการณ์นี้มาก ท่านยืนหลับตาสงบเงียบอยู่ชั่วครู่ แล้วก็บอกพระเณรลูกแถวของท่านว่า จะต้องแวะฉันเพลที่วัดน้อยซะแล้ว เพราะเจ้าวัดท่านนิมนต์ให้แวะ ไม่ควรขัดศรัทธา

 

และทันใดนั้นเองพายุนั้นก็สงบลงทันที

 

ห้ามฝนตกในงานวัด

 

เล่ากันว่าเมื่อต้นฤดูฝนปีหนึ่ง ท่านมีอายุครบ ๖ รอบ (ราวๆ พ.ศ. ๒๔๔๔-๒๔๔๕) ชาวบ้านร่วมใจกันจัดงานทำบุญแซยิดให้ท่าน โดยจัดเป็นงานใหญ่ มีเทศน์หลายธรรมาสน์ มีการออกร้านมีการละเล่น ลิเก ลำตัด เพลงฉ่อย หนังตะลุง ฯลฯ สมโภชฉลองกันอย่างเอิกเกริกแบบงานประจำปี มีร้านขายดอกไม้ธูปเทียน และทองบูชาหลวงพ่อในโบสถ์ มีร้านรวงขายของเล่น จับรางวัลและขายอาหารเพียบพร้อม ซึ่งบังเอิญช่วงเวลานั้นเข้าหน้าฝนแล้ว

 

พอเวลาใกล้ค่ำผู้คนก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มเมฆดำที่ก่อตัวมาจากที่อื่นถูกลมพัดพามาปกคลุมท้องฟ้าเหนือบริเวณวัดดูมืดครึ้มไปหมด แล้วฝนก็พรำๆ ลงมา ชาวบ้านเริ่มวิ่งหลบเข้าหาที่กำบังกัน ตามใต้ถุนกุฏิและศาลา ดูกลุ่มเมฆแล้วฝนต้องตกหนักแน่ ทุกคนคาดกันว่างานนี้ต้องพังแน่นอน พวกร้านรวงที่ไม่มีหลังคากำบัง ก็โกลาหลเริ่มขนย้ายข้าวของหาที่หลบฝน ขณะนั้นเองคนทั้งหลายก็เห็นหลวงปู่เดินออกมาจากกุฏิ ยืนแหงนมองดูท้องฟ้า สักพักใหญ่ๆ แล้วเดินวนไปมาแบบเดินจงกรม อีกชั่วครู่ท่านก็ตะโกนบอกชาวบ้านว่าไม่ต้องเก็บข้าวของแล้วเทวดาท่านช่วยไล่ฝนไปแล้ว

 

ชาวบ้านต่างก็แหงนมองดูฟ้าก็เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ขึ้น กล่าวคือเห็นกลุ่มเมฆหนาทึบนั้นแตกตัวลอยห่างออกไป แล้วท้องฟ้าเหนือวัดก็ค่อยแจ่มใสขึ้น เม็ดฝนที่พรำลงมาก็ขาดเม็ดไป ผู้คนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาจนเต็มงาน เล่ากันว่าเมื่องานเลิกผู้คนที่อยู่ห่างวัดออกไปสักหน่อยก็ต้องเดินท่องน้ำกลับบ้าน

 

ปราบคุณไสย

 

คุณป้าทรัพย์ เหลนชวดจาด พี่สาวของหลวงปู่ ที่ผู้เขียนไปหาเพื่อขอประวัติของหลวงปู่ เล่าว่าชวดจาดเคยคุยให้ฟังว่า หลังฤดูเก็บเกี่ยวของทุกปี จะมีคนกลุ่มหนึ่งรู้จักกันว่า เป็นพวกลาวข่าจากหมู่บ้านห่างไกล รวมกลุ่มตระเวนมาตามหมู่บ้านต่างๆ พวกนี้จะร่อนเร่มาขายเครื่องยาสมุนไพร-เครื่องรางของขลังของเผ่า หรือทั้งขาย แลก และขอข้าวสาร ข้าวเปลือก เสื้อผ้าและของอื่นใดที่เหลือกินเหลือใช้จากชาวบ้าน ตระเวนกันเป็นแรมเดือนและเข้าไปแทบจะทุกหมู่บ้านเลย ตกเย็นคนพวกนี้ก็จะมารวมพลค้างแรมกันตามวัด ซึ่งโดยทั่วไปค่อนข้างจะกว้างขวางโล่งเตียนปราศจากสัตว์ร้าย

 

วันหนึ่งที่วัดน้อยก็มีคนกลุ่มนี้มาอาศัยพักแรม รวมพลและรวมเสบียงที่ขอมาได้ ตกเย็นมีการหาปลาโดยการทอดแห วางข่ายกันแถวปากคลองข้างวัด มาประกอบอาหาร ส่วนที่เหลือก็ทำเค็มตากแห้งไว้เป็นเสบียง ที่ๆ ทำปลาและตากปลาก็คือพื้นสะพานศาลาท่าน้ำหน้าวัดหลังนั้นนั่นแหละ เป็นที่สกปรกเกะกะมาก

 

หลวงปู่มาเห็นเข้าขณะที่พวกมันกำลังทำปลาอยู่พอดี ท่านก็เอ็ดเอาว่าไอ้พวกนี้นรกจะกินหัว จับปลาหน้าวัดแล้วทำเลอะเทอะเกะกะไปหมด พระเณรจะอาบน้ำอาบท่าก็ไม่ได้ ขวางไปหมด ไปๆ พวกมึงไปทำกันที่อื่น

 

ท่านคงว่าไปมากกว่านี้ แล้วท่านก็หันหลังเดินกลับและแล้วท่านก็ต้องเหลียวขวับกลับมา เพราะมีเสียงแซกๆ มาข้างหลัง หัวปลาสดๆ ที่เจ้าพวกนั้นตัดแยกไว้เตรียมทำเค็ม กองไว้บนพื้นสะพานนั้นเอง กระดืบตามหลังท่านมาเป็นขบวน ท่านหันหลังกลับทันที ชี้มือไปที่กลุ่มลาวข่านั้นแล้วตวาดว่า พวกมึงจะทำอะไรกู หัวปลาเหล่านั้นก็หยุดอยู่กับที่ ท่านคงด่าต่อไปอีกเป็นแน่

 

เพียงครู่เดียวแล้วเจ้าลาวข่าคนสูงอายุที่เป็นจ่าฝูง ที่นั่งเฉยๆ ดูลูกเมียทำปลาอยู่ใกล้ๆ ก็ตัวงอหน้านิ่วคิ้วขมวด พวกลูกเมียและพวกบริวารทั้งหลายก็รู้ได้ทันทีว่า ไอ้ตัวจ่าฝูงโดนหลวงปู่เล่นงานกลับแล้ว ต้องกราบขอโทษขอให้หลวงปู่ถอนอาคมให้

 

ย่นระยะทาง

 

คุณป้าทรัพย์ เล่าแถมอีกสองเรื่อง เรื่องที่หนึ่งว่าแม่ของแกเล่าว่า ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้รับตราตั้งอะไรจำไม่ได้ ซึ่งต้องไปรับตาลปัตรที่เมืองบางกอก เมื่อถึงกำหนดแล้วก็ไม่เห็นหลวงปู่กระตือรือร้นที่จะไป พวกลูกหลานลูกศิษย์ลูกหาก็มาเตือนให้ไป ท่านก็ได้แต่เออๆ แต่ไม่ไปสักที เตือนแล้วเตือนอีกหลายหน เพราะกลัวว่าท่านจะลืมและเลยกำหนด มาวันหนึ่งก็มาเซ้าซี้ให้ท่านไปอีก ท่านก็บอกไปว่า กูไปรับมาแล้วโว้ย พวกลูกศิษย์ก็เถียงว่าหลวงพ่อไปเมื่อไหร่ ฉันเห็นหลวงพ่ออยู่วัดทุกวัน ท่านก็เถียงกลับว่า เออ กูไปรับมาแล้วซิวะ แล้วท่านก็เดินเข้ากุฏิถือตาลปัตรพัดยศออกมาให้ดู

 

ไปรับบิณฑบาตที่พระพุทธบาท สระบุรี

 

มีเรื่องเล่าถึงการย่นระยะทางไปมาตามที่ต่างๆ คล้ายกับที่คุณป้าทรัพย์เล่าเรื่องหลวงปู่ไปรับพัดที่เมืองบางกอก เรื่องมีอยู่ว่า ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้องอย่างไร หลวงปู่ต้องนำขบวนพระลูกวัดออกรับบิณฑบาตเป็นกิจวัดร ถ้าหน้าแล้งก็อาจเดินไปตามทางหลังวัด หรือไม่ก็ทางน้ำโดยเรือพาย อยู่มาวันหนึ่งในเดือนสาม ซึ่งเป็นหน้าเทศกาลไหว้พระพุทธบาท สระบุรี ท่านให้พระลูกวัดออกไปบิณฑบาตกันเอง

 

ครั้นเมื่อพระลูกวัดกลับมาแล้ว และตั้งวงฉันเช้า หลวงปู่ก็เอาบาตรของท่านออกมาร่วมวงด้วย เมื่อท่านเปิดฝาบาตรเท่านั้น พวกพระลูกวัดต่างก็แปลกใจมาก เพราะในบาตรนั้นมีข้าวปลาอาหารและไข่เค็มเต็มบาตร จึงพากันถามท่านว่าไปรับบิณฑบาตบ้านไหน ท่านก็ตอบหน้าตาเฉยว่า ข้าไปบิณฑบาตที่พระพุทธบาท สระบุรี

 

เหตุการณ์แปลก ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้งตอนเช้ามืดของวันหนึ่ง ท่านให้พระลูกวัดไปบิณฑบาตกันเองอีก โดยบอกว่าวันนี้ได้รับนิมนต์ไว้ แล้วท่านก็แยกเดินไปทางหลังวัด ชั่วครู่ใหญ่ ๆ ท่านก็กลับ เมื่อพระลูกวัดกลับก็ตั้งวงฉันร่วมกันเช่นปกติ คราวนี้ในบาตรของหลวงปู่มีข้าวและอาหารอื่นดีๆ ทั้งนั้นเต็มบาตรมาอีก พระลูกวัดถามท่านอีกว่าไปบ้านใครมา คราวนี้ท่านก็ตอบหน้าตาเฉยอีกว่า วันนี้พวกรุกขเทวดาที่สถิตย์อยู่แถวชายป่าข้าง หลังมณฑป มานิมนต์ไปรับบาตร

 

ใช้มนตร์บังตาข้าราชบริพารของพระพุทธเจ้าหลวง

 

เรื่องนี้เป็น เรื่องล่าสุดที่ผู้เขียนได้รับฟังมาสดๆ ร้อนๆ จากพระเดชพระคุณท่านพระครูสุมณฑ์ภาวนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า และเจ้าอาวาสวัดกลาง เมื่อวันไปทำบุญกระดูกให้สมุห์เหลือ-คุณครูบุญส่ง มาลา บิดา-มารดาของมัคคุเทศก์ที่พาผู้เขียนไปกราบนมัสการรูปหล่อของหลวงปู่เป็นครั้งแรก

 

ท่านหลวงพ่อวัดกลางเล่าว่า มีเรื่องเขียนในจดหมายเหตุว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จโดยชลมารค มาตรวจราชการที่เมืองสุพรรณบุรี เมื่อราวๆ ร้อยปีที่ผ่านมา ชาวบ้านชาวเมืองและวัดวาอารามสองฟากฝั่งลำน้ำท่าจีนตามรายทางเสด็จ ต่างประดับธงทิวรอรับเสด็จกันถ้วนทั่ว รวมทั้งวัดน้อยของหลวงปู่ด้วย

 

การเสด็จครั้งนี้ นอกจากจะแวะนมัสการหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์เป็นปฐมแล้ว พระองค์ท่านก็ได้แวะขึ้นเยี่ยมวัดบางวัดตามรายทางด้วย ในครั้งนั้นพระองค์ทรงทราบถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่เนียมเป็นอย่างดีจึงได้รับสั่งว่า เมื่อขบวนเรือถึงวัดน้อยให้แวะเยี่ยมหลวงปู่ด้วย จะเป็นเหตุใดไม่ปรากฏ เที่ยวแรกขบวนเรือแจวกันเพลิน ผ่านเลยวัดน้อยขึ้นไปจนถึงวัดถัดไป จึงเอะอะกันว่าเลยวัดไปแล้วเกือบคุ้งน้ำ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็รับสั่งให้กลับเรือ แต่แล้วก็เกิดการแจวเรือเลยวัดอีกจนได้ พวกพนักงานเรือคราวนี้เหงื่อท่วมตัวแล้วด้วยเกรงพระราชอาญา กราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษ และจะกลับขบวนเรืออีกครั้งเพื่อจะแวะให้ได้

 

แต่สมเด็จพระพุทธเอาหลวงกลับไม่คือโทษอะไรตรัสว่า ไม่ต้องแวะแล้ว เจ้าวัดเขาคงไม่ยินดีต้อนรับเราและแล้วก็เสด็จเลยไปแวะที่วัดตะค่า (วัดตะเคียนทองในปัจจุบัน) ให้ท่านสมภารรดน้ำมนต์ให้แทน และได้ถวายเครื่องอัฐบริขาร จำนวนหนึ่งให้เจ้าอาวาส ซึ่งท่านเจ้าอาวาสรูปนั้นก็เก็บรักษาไว้ไม่ยอมนำออกใช้ และเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ได้มีการค้นพบสิ่งของเหล่านั้น และเป็นเรื่องฮือฮากันในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อต้นปี ๒๕๓๙ นี้เอง

 

คราวนี้ย้อนกลับมาทางด้านวัดน้อยบ้าง มีเรื่องเล่าขานกันสืบมาว่า แม้คราวนั้นจะมีการประดับประดาธงทิวรับเสด็จตามธรรมเนียม ตามวัดทั้งหลายพระเณรจะต้องมีการสวดชยันโตถวายพระพรเมื่อขบวนเรือมากึงหน้าวัด ที่วัดน้อยก็เช่นกัน แต่พวกลูกศิษย์ลูกหาได้สังเกตเห็นหลวงปู่เก็บตัวเงียบอยู่ในกุฏิ ไม่ออกมาสวดชยันโตร่วมกับพระลูกวัด จึงเข้าไปถามกันภายหลังถึงเหตุที่ไม่คอยรับเสด็จเหมือนสมภารวัดอื่น

 

หลวงปู่ก็ว่า ก็กูมัวแต่ใจหายใจคว่ำนั่งภาวนากลัวว่าพระองค์ท่านจะแวะวัดกูนะซิวะ

 

พวกลูกศิษย์ญาติโยมก็ซักถามว่า มันเรื่องอะไรกันใครๆ ก็อยากให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแวะเยี่ยมกันทั้งนั้น

 

หลวงปู่ก็ตอบว่า พวกมึงดูซิวัดกูมีอะไร หมา-แมว-ไก่เกลื่อนไปทั้งวัด ยิ่งบนกุฏิกู มันขี้กันเกลื่อน เหม็นไปหมดแล้วจะให้กูเอาหน้าที่ไหนไปรับเสด็จพระองค์ท่าน

 

ศพของหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อย

 

มีเรื่องของหลวงปู่ในหนังสือเรื่องพระเครื่องของหลวงพ่อปาน โดยคุณบุรี รัตนา ตอนหนึ่งอ้างว่าหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพแล้ว ทางวัดได้เก็บศพของท่านไว้ระยะหนึ่ง จึงได้ทำพิธีถวายเพลิงศพของท่าน เมื่อสัปเหร่อเปิดหีบศพเพื่อประกอบพิธีกรรมตามประเพณี ปรากฏว่าศพของหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อยและไม่มีกลิ่นเหม็น หลวงพ่อปานซึ่งท่าน ได้มาช่วยงานในฐานะศิษย์ ได้ขอให้ทางวัดเก็บศพของหลวงปู่ไว้ให้สานุศิษย์ได้สักการะบูชา แต่บรรดาคณะกรรมการวัดได้ปฏิเสธท่าน โดยอ้างว่าได้เตรียมการถวายเพลิงไว้แล้ว และแขกเหรื่อก็มากันเต็มวัดแล้ว จำเป็นต้องดำเนินการไปตามกำหนดการเดิม เล่ากันว่าหลวงพ่อปานเสียใจมากที่คนพวกนั้นไม่ฟังคำทักท้วงของท่าน เราท่านลองคิดดูซิว่าถ้าศพของหลวงปู่ถูกเก็บรักษาอยู่ถึงวันนี้ วัดน้อยจะมีสภาพเช่นทุกวันนี้หรือไม่ก็เหลือที่จะเดาได้

 

ดอกเทียนตกจากท้องฟ้าวันถวายเพลิงศพหลวงปู่

 

เรื่องนี้เล่าโดยป้าทรัพย์อีก โดยบอกว่าฟังมาจากคุณแม่ของท่าน ว่างานถวายเพลิงศพหลวงปู่นั้นเป็นงานใหญ่มาก ลูกศิษย์ลูกหามากันเป็นร้อยเป็นพัน มีทั้งพวกเจ้านายขุนนางชั้นผู้ใหญ่จากบางกอก และหัวเมืองใกล้เคียง พวกพระเถรานุเถระ-พระเกจิอาจารย์ดัง ๆ ทั้งที่เป็นสหธรรมิกและศิษยานุศิษย์ของท่าน หน้าวัดคลาคล่ำไปด้วยเรือเมล์ เรือพาย เรือแจว บนศาลาวัดมีวงระนาด วงดังของบางปลาม้า สองวงประชันกัน ตกกลางคืนมีมหรสพฉลองกระดูกครึกครื้นเหมือนงานประจำปี เวลาถวายเพลิงศพท่านนั้นวันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มทั้ง ๆ ที่เป็นกลางฤดูร้อน ครั้นได้เวลาถวายเพลิงยังไม่ทันที่คนสุดท้ายจะลงจากเมรุ ฝนก็โปรยปรายลงมา แต่ก็ไม่มากนักพอได้เปียกเย็นหัวกันเท่านั้น

 

แต่ที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือ พวกที่จะลงเรือกลับบ้านได้เห็นว่าที่ท้องน้ำหน้าวัด มีดอกเทียนแบบที่หยดลงในขันน้ำมนต์ลอยเกลื่อนไปหมด ผู้คนที่เห็นพากันเอะอะลอยเรือแย่งกันเก็บดอกเทียนเป็นโกลาหล ป้าทรัพย์เล่าว่าขณะนี้ดอกเทียนที่ว่านั้นยังอยู่บนหิ้งบูชาของลูกหลานของคนบางคนที่เก็บได้มาในวันนั้น

 

แกเล่าต่อว่าพอศพท่านไหม้หมด เถ้าถ่านและเศษกระดูกของหลวงปู่ที่ไหม้ไม่หมดบนเชิงตะกอนยังไม่ทันจะเย็น สัปเหร่อก็ยังไม่ทันจะขึ้นไปทำพิธีเก็บอัฐิของท่าน พวกลูกศิษย์ลูกหาก็เฮโลขึ้นไปแย่งอัฐิที่ยังหลงเหลือบนเชิงตะกอนกันคนละชิ้นสองชิ้น บ้างก็เอาเข้าปากเคี้ยวกลืนกินจนหมดสิ้น ฉะนั้นส่วนที่เหลือบรรจุอยู่ในสถูปของท่านขณะนี้ก็คือเถ้าถ่านไม้ฟืนและอังคารธาตุของท่านเท่านั้น

 

มีเรื่องเล่าขานถึงอภินิหารของหลวงปู่มากมาย ฟังแล้วน่าสนุกเพราะผู้เล่าและผู้เขียนเรื่องของท่านถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดราวกับอัดเทปไว้ ถ้าผู้อ่านต้องการอ่านให้สนุกก็ไปหาอ่านเอาเองจากหนังสือที่ได้อ้างอิง แต่อย่างไรก็พอสรุปได้ว่าหลวงปู่เนียมนั้นเก่งกล้ามีอภินิหารเป็นที่เลื่องลือและเป็นสุดยอดของพระมหาเกจิเถราจารย์ที่คนเมืองสุพรรณรุ่นเก่าให้ความเคารพบูชามาก บางคนกล่าวเปรียบเทียบว่าท่านเป็นเสมือนท่านเจ้าประคุณสมเด็จ (โต) ของเมืองสุพรรณ

 

เรื่องเล่าขานถึงปาฏิหาริย์ของหลวงปู่มีอีกมากมาย นอกจากน้ำมนต์ท่าน้ำ แมวที่เลี้ยงไว้กลับชาติไปเกิดเป็นคน การทดสอบวิชากับหลวงปู่ปานวัดบางเหี้ย ห้ามฝนไม่ให้ตกในงานแซยิดของท่าน ก็มีเรื่องเทศนาโปรดผีสาวท้องแก่ผูกคอตายใกล้ ๆ วัด ไม่ให้มาอาละวาดหลอกหลอนพระเณรและชาวบ้าน ฟังแล้วสนุกสนานน่าทึ่งพอ ๆ กับเรื่องแม่นาคพระโขนง

 

เรื่องราวของท่านบางเรื่องก็น่าจะเป็นไปได้จริง ๆ ในสมัยนั้นยุคนั้น แต่ก็มีการเขียนเรื่องหรือเล่าแต่งเติมเอาวันเวลาและโดยเฉพาะเรื่องคำพูดคำจา ที่ถ่ายออกมาราวกับว่าถอดออกมาจากเทปหรือผู้เขียนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จนทำให้เรื่องที่เอามาเขียนดูเป็นเรื่องนิยายไป อาจไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของผู้อ่านผู้ฟังที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพราะในยุคนั้นไม่ปรากฏว่ามีพระเกจิอาจารย์ดัง ๆ เช่นในยุคก่อน จึงไม่ขอนำมาเขียนในที่นี้ และส่วนที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็รวบรวมมาจากการเขียนและคำบอกเล่ามาจากแหล่งที่เอ่ยชื่ออ้างอิงมา ทั้งนี้เพื่อมิให้เรื่องของหลวงปู่ต้องสูญหายไปกับกาลเวลา จะเท็จจริงแค่ไหนขอท่านได้วินิจฉัยกันเอาเอง

 

เรื่องปาฏิหาริย์อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเพิ่งได้ฟังและได้เห็นคือขณะที่กำลังจะไปกราบองค์ท่านเพื่อขอเก็บเถ้าธูปและดอกไม้แห้งหน้าองค์หลวงปู่ และร่อนเอาฝุ่นผงจากอิฐผุจากผนังวิหารหลังเก่าเพื่อใช้เป็นมวลสารสร้างพระเครื่องถวายให้วัดเอาไว้แจกพรรคพวกที่ผู้เขียนชักชวนมาทอดผ้าป่าเพื่อรวบรวมเป็นทุนสมทบกับผู้ใจบุญท่านอื่น ๆ ที่มาบริจาคเงินสมทบทุนสร้างมณฑปถวายหลวงปู่

 

ได้ยินชาวบ้านแถวนั้นคนหนึ่งยืนคุยกับคนต่างถิ่นที่แวะมากราบหลวงปู่ว่า อภินิหารของหลวงปู่นั้นน่าทึ่งนัก ที่โคนมะขามใหญ่มีกิ่งมะขามขนาดโตกว่าโคนขา ยาวหลายวากองอยู่ข้าง ๆ แกเล่าว่ากิ่งมะขามกิ่งนี้ปกติเคยแผ่ออกไปอยู่เหนือหลังคาศาลา อยู่ ๆ มาเกิดแห้งไปเฉย ๆ ทุกคนมีแต่ความวิตกว่าไม่วันหนึ่งวันใด ถ้ามันผุและหักลงมา หลังคาศาลาต้องพังเป็นแถบแน่ ๆ คิดจะตัดออกก่อนที่มันจะผุและหักลงมา ก็ยังไม่ได้ทำ ทุกคนได้แต่ภาวนาในใจขอบารมีหลวงปู่ช่วยให้กิ่งมะขามใหญ่ อย่าเพิ่งหักลงมาเลย เพราะหลังคาต้องพังแน่ ๆ

 

และแล้ววันนั้นก็มาถึง คืนหนึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพายุพัดมาทำให้กิ่งมะขามกิ่งมหึมานั้นหักลงมา เช้าของวันรุ่งขึ้นทุกคนต้องเกิดอาการขนหัวลุก เห็นกิ่งมะขามใหญ่ลงมากองอยู่กับพื้นดิน แต่กระเบื้องหลังคาศาลาที่ว่าไม่มีแตกแม้แต่แผ่นเดียว และทุกคนก็ไม่รู้ว่ามันหักท่าไหนจึงไม่โดนหลังคา

 

เผยแผ่ประวัติโดย อิทธิปาฏิหาริย์ พระเครื่อง
จากเวปhttp://www.itti-patihan.com/pra13.php

3656


วัดคลองมะดัน เป็นวัดโบราณไม่ปรากฏหลักฐานผู้สร้าง อยู่กลางทุ่งนา ในสมัยก่อนมีลำคลองผ่าน หน้าวัดและมีต้นมะดันขึ้นอยู่ชุกชุมมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า วัดคลองมะดัน แม้ว่าภายหลังได้มีการ เปลี่ยนชื่อเป็น วัดอัมพวัน แต่ชาวบ้านและคนใน จ.สุพรรณบุรี ทั่วๆ ไปยังนิยมเรียกชื่อเก่าว่า วัดคลองมะดัน เหมือนเดิม

หลวงพ่อโหน่ง เกิดปีขาล ตรงกับวันอาทิตย์ พ.ศ. ๒๔๐๙ (บางแห่งว่า พ.ศ. ๒๔๐๘) ณ หมู่บ้านท้ายบ้าน ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนฝั่งคลองสองพี่น้อง ฝั่งเดียวกับวัดสองพี่น้อง เป็นบุตรคนที่สอง (บางแห่งว่า เป็นบุตรคนที่ ๔) ของนายโต นางจ้อย โตงาม อาชีพทำนา มีพี่น้องร่วมอุทร ๙ คน อายุได้ ๒๔ ปี อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสองพี่น้อง โดยพระอธิการจันทร์ วัดทุ่งคอก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการดิษฐ์ วัดทุ่งคอก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ กับพระอธิการสุด วัดท่าจัด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาจากพระอุปัชฌายะว่า อินฺทสุวณฺโณ

เมื่อหลวงพ่อโหน่งอุปสมบทแล้วเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปหาพระน้าชาย ซึ่งมีสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณเปรียญ ๙ ประโยค เพื่อศึกษาธรรมวินัย หลวงพ่อโหน่งสังเกตเห็นเจ้าคุณมีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ จึงเอ่ยปากถามว่า ท่านละกิเลสหมดแล้วหรือ ท่านเจ้าคุณบอกให้หลวงพ่อโหน่งเข้าไปดูในกุฏิว่ามีอะไรบ้าง หลวงพ่อโหน่งไปเห็นโต๊ะหมู่บูชาทำด้วยมุก โต๊ะหมู่ทอง งาช้าง และสิ่งของมีค่าอีกมากมาย เมื่อออกมาจากกุฏิ หลวงพ่อโหน่งกราบลาท่านเจ้าคุณน้าชายกลับมาจำพรรษายังวัดสองพี่น้องตามเดิม แล้วเดินทางไปจำพรรษาที่วัดทุ่งคอกเพื่อศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับพระอธิการจันทร์ อุปัชฌาย์ของท่าน

หลวงพ่อโหน่งศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อจันทร์ได้ ๒ พรรษา เดินทางมาศึกษาต่อวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี จนกระทั่งมีความรู้แตกฉานเป็นที่ไว้วางใจแก่หลวงพ่อเนียมได้ เมื่อตอนหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยามาเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อเนียมพูดกับหลวงพ่อปานว่า ?เวลาข้าตายแล้ว เอ็งสงสัยอะไรก็ให้ไปถามโหน่งเขานะ โหน่งเขาแทนข้าได้?

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานปรากฏว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ หลวงพ่อโหน่ง อายุ ๔๑ ปี จำพรรษาอยู่ ที่วัดสองพี่น้อง พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด) วัดปากนํ้า ได้อุปสมบท ณ วัดสองพี่น้องและ พระสงฆ์ที่มีส่วนร่วมในการอุปสมบทในครั้งนั้นคือ หลวงพ่อโหน่ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และต่อมาหลวงพ่อสดก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโหน่งเช่นกัน นอกจากหลวงพ่อสดแล้ว ศิษย์ของท่านยังมี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) วัดโพธิ์ หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก

เมื่อหลวงพ่อโหน่งกลับไปจำพรรษาที่วัดสองพี่น้องตามเดิม จิตใจวาบหวิวชอบกล จึงเดินทางไปหาหลวงพ่อเนียมอีก ยังไม่ทันที่หลวงพ่อโหน่งจะว่าอะไร หลวงพ่อเนียมพูดขึ้นก่อนว่า ?ฮื้อ! ทำไปเองนี่นา ไม่มีอะไรหร๊อก กลับไปเถอะ? หลวงพ่อโหน่งรู้สึกสบายใจขึ้น และก็มิได้เป็นอะไรอีกเลย

เมื่อมาจำพรรษาที่วัดคลองมะดัน ท่านฉันอาหารเจ ก่อนออกบิณฑบาต นมัสการต้นโพธิ์ทุกเช้า เมื่อบิณฑบาตกลับมาใส่บาตรถวายสังฆทาน ท่านเอามารดามาอยู่ที่วัดด้วย ปรนนิบัติจนกระทั่งถึงแก่กรรม เคร่งครัดในการอบรมสั่งสอนพระเณรและลูกศิษย์วัด ไม่รับเงิน เจริญวิปัสสนากรรมในป่าช้าเป็นประจำ ถือสันโดษ ไม่สะสมทรัพย์สินมีค่าเลยแม้แต่น้อย สร้างสาธารณูปการสงฆ์เพิ่มขึ้นอีกเป็นอันมาก

จากการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้ฌานของหลวงพ่อแก่กล้า สามารถทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ พระทำผิดวินัย ท่านสามารถรู้ได้โดยไม่ต้องเห็น พระที่ไปรุกขมูลทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านก็รู้ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยไปหาหลวงพ่อโหน่งที่วัดคลองมะดันโดยไม่บอกเล่าเก้าสิบ หลวงพ่อโหน่งสั่งลูกศิษย์เตรียมจัดที่จัดทางไว้ ว่าวันนี้จะมีพระผู้ใหญ่มาหา

มีเรื่องเล่าว่า ใครนิมนต์ท่านไปไหนมาไหน ท่านต้องถามพระประจำตัวในกุฏิท่านก่อนเสมอ ถ้าพระท่านบอกไปได้ ท่านก็ไป ถ้าพระท่านบอกไม่ให้ไป ท่านก็ไม่ไป

แม้กระทั่งการสร้างพระประธานองค์ย่อม ท่านก็ถามพระว่า สร้างได้ไหม พระบอกว่าสร้างได้ ท่านก็สร้างตามนั้น แต่ท่านไม่ทราบว่าจะหาช่างปั้นช่างหล่อที่ไหน พระก็บอกให้เดินไปทางโน้นทางนี้ ท่านก็เดินตามนั้น พบช่างมาช่วยปั้นและหล่อตามที่พระบอก

เมื่อหล่อเสร็จช่างก็หายตัวไปเฉยๆ โดยไม่บอกกล่าว

ท่านก็ตกใจว่า อ้าว....เงินค่าจ้างยังไม่ได้จ่าย เป็นการเบียดเบียนเขา จึงเดินย้อนไปตามทางเดิมถึงจุดที่พบช่าง ก็บอกลักษณะหน้าตาถามชาวบ้าน ชาวบ้านบอกไม่รู้จัก คงเป็นคนถิ่นอื่น เมื่อกลับกุฏิก็ถามพระว่า จะไปตามช่างได้ที่ไหน

พระบอกไม่ต้องไปตาม เพราะช่างคนนี้ไม่ธรรมดา เป็น ช่างเทวดา มาช่วย เมื่อหมดหน้าที่ท่านก็ไปตามเรื่องของท่าน ไม่ต้องไปตามหรอก ถึงตามก็ไม่เจอ

หลวงพ่อโหน่ง เป็นศิษย์รุ่นพี่ของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ร่วมอาจารย์เดียวกันคือ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย

ก่อนหลวงพ่อเนียมมรณภาพ ท่านได้สั่งเสียกับหลวงพ่อปานว่า ถ้าข้าตาย มีอะไรขัดข้องก็ให้ไปถาม หลวงพ่อโหน่ง นะ

เมื่อหลวงพ่อเนียมมรณภาพ แล้วราวหนึ่งปี หลวงพ่อปานก็ธุดงค์มาหาหลวงพ่อโหน่งที่วัดคลองมะดัน มาถึงวัดตอนบ่ายวันหนึ่ง ท่านก็นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ คิดว่าหลวงพ่อโหน่งคงจำวัด

แต่หลวงพ่อโหน่งรู้ด้วยญาณของท่าน จึงเปิดหน้าต่างออกมา เห็นหลวงพ่อปานนั่งรออยู่ จึงว่า อ้อ มาถึงแล้วเรอะ ฉันรออยู่แต่เช้าเชียว คืนนั้น หลวงพ่อปานต่อวิชากับหลวงพ่อโหน่งในโบสถ์ ทั้งหลวงพ่อโหน่งกับหลวงพ่อปานเข้าสมาบัติเต็มอัตรา ไม่ถึงครึ่งคืนทุกอย่างก็จบสิ้นกระบวนความ

เมื่อตอนหลวงพ่อโหน่งมรณภาพ ปี 2477 หลวงพ่อปานไปสร้างวัดอยู่ลพบุรีทราบข่าว ได้สั่งกรรมการวัดคลองมะดันว่า อย่าเพิ่งเผาศพหลวงพ่อโหน่ง ถ้าร่างไม่เน่า ให้รอท่านก่อน

ปรากฏว่าร่างหลวงพ่อโหน่งไม่เน่า แต่กรรมการวัดก็รีบเผาเสีย หลวงพ่อปานมาถึงก็เทศนากรรมการวัดเสียกัณฑ์ใหญ่ว่า พวกแกอยู่กับพระอรหันต์ทุกวี่วัน ช่างไม่รู้บ้างเลย ท่านอธิษฐานทิ้งตัวไว้นะ

ต่อมาเมื่อหลวงพ่อปานมรณภาพ เมื่อปี 2481 ท่านก็อธิษฐานทิ้งตัวไม่เน่าอีกเหมือนกัน

สรุปแล้ว ตั้งแต่พระอาจารย์ใหญ่คือ หลวงพ่อเนียม ลงมาจนถึง หลวงพ่อโหน่ง และ หลวงพ่อปาน เมื่อมรณภาพแล้ว ร่างกายไม่เน่าทุกองค์ โดยไม่ต้องฉีดยาอย่างปัจจุบัน 

a8a8a8a8a8a8a8a8a8a

หลวงพ่อเริ่มสร้างวัตถุมงคลตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครนึกออก แต่มีพระดินเผาอยู่องค์หนึ่ง จารึกด้านหลังว่า พ.ศ. ๒๔๖๑ ก็น่าจะสันนิษฐานว่า พระที่ท่านสร้างนั้น คงจะเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๑ เป็นต้นไป เพราะไม่ปรากฏ พ.ศ. ที่เก่ากว่านั้นเลย ท่านทำมาเรื่อยจนถึง พ.ศ.2470 กว่า จึงยุติ พระที่ท่านสร้างขึ้นมีหลายสิบพิมพ์ เป็นพิมพ์ใหม่ที่ท่านและลูกศิษย์คิดค้นขึ้นเองก็มี ที่ถอดพิมพ์จากพระเก่าก็มาก ท่านและประชาชนพิมพ์พระเสร็จเก็บไว้ในตุ่มน้ำ ในถัง ในปีบ ในลังไม้ เป็นระยะเวลา ๑๐ กว่าปี คาดว่าเกินกว่า ๘๔,๐๐๐ องค์ พิมพ์อาจมากเป็นร้อยพิมพ์

บางตำราว่า เวลาพุทธาภิเษกของท่านแปลก คือทำพิธีตอนเผาไฟ ไม่ใช่เผาแล้วทำ พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงสมัยนั้นมาประกอบพิธีกันมากหลาย หลวงพ่อปานก็มาร่วมในพิธีพุทธาภิเษกด้วย

แต่บางตำราก็ว่า การปลุกเสกพระของหลวงพ่อโหน่งนั้นท่านปลุกเสกเดี่ยวเพียงองค์เดียวเท่านั้น และท่านจะปลุกเสกตลอดไตรมาสในช่วงเข้าพรรษา พอออกพรรษาแล้วก็จะมีการฉลองสมโภชพระที่สร้างใหม่ โดยอาราธนาพระสงฆ์ ในวัดคลองมะดันมาสวดพระพุทธมนต์ ส่วนตัวท่านเป็นประธานพิธี พอเสร็จพิธีในการสวดพุทธมนต์แล้ว ท่านจะขึ้นธรรมาสน์เทศนาสั่งสอนผู้คนที่มารับแจกพระจากมือท่าน

ในการสร้างพระเครื่องบางครั้งถ้ามีฤกษ์ดิถีที่ดี ท่านก็จะนิมนต์พระอาจารย์แก่กล้าธรรมทั้งหลาย รวมทั้ง หลวงพ่อปาน มาร่วมปลุกเสกพระที่ท่านสร้างเป็นครั้งคราวด้วย

ลักษณะเนื้อพระมีทั้งละเอียดและหยาบ เนื้อละเอียดบางองค์เหมือนพระทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร สีดง สีหม้อใหม่ แดงปนน้ำตาล สีแดงนวล สีดำปนเทา เฉพาะสีดำปนเทามีจำนวนน้อย ในเนื้อดินมักมีแก้วแกลบ (แร่ยิบซั่ม) ฝังอยู่ ลักษณะเป็นเส้นขาวทึบคล้ายกระดูกหรือแป้งฝังอยู่ในเนื้อพระ อาจจะมีบ้างแต่น้อยมาก แร่ทรายเงินทรายทองก็มี ด้านหลังบางองค์จารึกอักขระขอม บางทีก็ พ.ศ. การสร้าง ภาษาจีนก็มีจารึก

a8a8a8a8a8a8a8a8a8a

พระพิมพ์ต่างๆ ของท่านมีอาทิ พิมพ์ซุ้มกอ พิมพ์ลีลา พิมพ์พระสมเด็จสามชั้นและฐานคู่ พิมพ์จันทร์ลอย พิมพ์ปรุหนัง พิมพ์ท่ากระดาน พิมพ์พระชินราช พิมพ์งบน้ำอ้อย พิมพ์กลีบบัว พิมพ์พระตรีกาย พิมพ์โมคคัลลาน์สารีบุตร พิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์ พิมพ์พระปิดตา พิมพ์นาคปรก พิมพ์ปางไสยาสน์ พิมพ์กำแพงศอก ฯลฯ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ พิมพ์ซุ้มกอ ซึ่งออกเป็นพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ ค่านิยมก็แตกต่าง กันไปตามสภาพ

นอกจากนี้ พระพิมพ์ขุนแผนหน้าค่าย ก็ได้รับความนิยมเช่นกันแบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ฐานมีบัว และพิมพ์ฐานไม่มีบัว

ส่วนพระพิมพ์อื่นๆ ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ พระลีลาหรือพระกำแพงนิ้ว พระสมเด็จฐานคู่ และอีกหลายๆ พิมพ์ที่ไม่ได้เอ่ยนามไว้ ณ ที่นี้ ต่างได้รับความนิยมทุกๆ พิมพ์ตามสภาพความงามของพระองค์นั้นๆ

พระเครื่องที่ท่านสร้างขึ้นและเสกแล้ว ท่านจะเก็บไว้ในโอ่ง ท่านจะหยิบใส่พานตั้งตรงหน้าท่านจำนวนหนึ่ง เพื่อแจกแก่ญาติโยมไปเรื่อยๆ เมื่อข่าวหลวงพ่อโหน่งสร้างพระและแจกพระแพร่กระจาย ออกไปมีประชาชนทั้งใกล้ และไกลมารับแจกพระจากท่านเป็นจำนวนมาก ทุกๆ วัน หลวงพ่อโหน่งต้องเพิ่มกิจวัตร ในการแจกพระเป็นเวลานาน

นอกจากนี้แล้ว หลวงพ่อโหน่งยังได้นำพระอีกส่วนหนึ่ง ไปบรรจุไว้ที่ปูชนียสถาน หลายแห่งภาย ในวัดคลองมะดัน และที่วัดทุ่งคอกด้วย ส่วนที่เหลือก็แจกให้แก่ผู้ที่มาขอตลอดอายุขัยของท่าน

เมื่อหลวงพ่อโหน่งมรณภาพแล้ว พระก็ยังเหลืออยู่ อาจารย์ฉวย ปัญญารตนะ เจ้าอาวาส รูปต่อมาก็ได้ทำตามเจตนารมณ์ ของหลวงพ่อโหน่งทุกประการ คือ แจกพระหลวงพ่อโหน่งให้แก่ผู้ที่มาทำบุญเรื่อย มาจนอาจารย์ฉวยมรณภาพลง พระที่แจกก็ยังไม่หมด

อาจารย์หนำ ยะสะสี เจ้าอาวาสรูปต่อมา ก็ได้แจกพระหลวงพ่อโหน่ง ตามเจ้าอาวาสรูปก่อน พระหลวงพ่อโหน่ง จึงได้หมดไปในที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระหลวงพ่อโหน่งสร้างไว้หลายพิมพ์และมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครทราบจำนวนที่แท้จริงว่าสร้างมากเท่าไร จะรู้เพียงว่าสร้างด้วยเนื้อดินเผาทั้งหมด

นอกจากพระเครื่องชนิดเล็กๆ สำหรับห้อยคอติดตัวแล้ว หลวงพ่อโหน่ง ยังได้สร้างพระขนาดใหญ่เพื่อเอาไว้บูชาตั้ง ไว้ในบ้านอีกด้วย เช่น พระกำแพงศอกเนื้อดินเผาและพิมพ์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระรูปเหมือนหลวงพ่อโหน่ง แบบลอยองค์แบบพระบูชา เนื้อทำด้วยปูน เป็นต้น โดยท่านจะเขียนคำอวยพรไว้ด้านหลังองค์พระเป็นภาษาไทยไว้ด้วย

ส่วนการสร้างพระของบรรดาศิษย์และผู้ใกล้ชิดสร้างขึ้นไว้เป็น สมบัติส่วนตัวโดยเฉพาะโดยได้ขออนุญาตให้หลวงพ่อโหน่ง ปลุกเสกให้ แต่มีจำนวนน้อยมากยากที่จะเสาะหาในปัจจุบัน เนื่องจากพระหลวงพ่อโหน่งมีของเทียมมาก เช่าหาโปรดจงระวัง

a8a8a8a8a8a8a8a8a8a

หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๒๔๗๗ อายุ ๖๙ ปี พรรษา ๔๖ โดยท่านมรณภาพในปางไสยาสน์แบบอาจารย์ของท่านคือ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย

หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน หรือ วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีวิชาพุทธาคมอันเข้มขลังอยู่ระดับแนวหน้าของประเทศไทย กล่าวกันว่า พระเครื่องของหลวงพ่อโหน่งมีพุทธคุณเด่นทางเมตตา มหานิยมมากและแคล้วคลาด จากอันตราย เป็นเลิศ จึงเป็นที่เสาะหาของบรรดานักสะสม เพื่อเอาไว้ใช้ติดตัวเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ มาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน นับว่าหลวงพ่อโหน่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษท่านหนึ่งของประเทศไทย

 

เผยแผ่ประวัติโดย อิทธิปาฏิหาริย์ พระเครื่อง
จากเวป http://www.itti-patihan.com/pra12.php

3657
หน้าปากเสือโคร่งนี่แหละครับ ที่หลวงปู่บุญนำมาทำเป็นตะกรุด สุดยอดเลย
เขาว่าตรงหน้าผากนี่เป็นสิ่งที่ขลังที่สุดของเสือนะครับ  1 ตัว 1 แผ่นเท่านั้น

สุดยอด ครับ

3658
สวยครับ ตามสูตรวัดบางพระเลยนะครับ

3659
เมื่อก่อนแถวๆดอนยายหอมพ่อผมเล่าให้ฟังว่า
เคยมี จุดจบเจ้าคงกระพันขึ้นป้ายหน้าโรงพักเลย
เสืออะไรซักอย่าง
ของท่านหนะเหนียวจริงแต่ว่าคนที่ไปน้อยกว่า
ฝ่ายตรงข้ามมันมากกว่าก็เลยถูกจับตัวเอาไม้แทงทวาร
สติสัมปชัญญะเท่านั้นจริงที่จะธำรงตนอยู่ได้

เสือผาดปะครับ ....แหะๆหลายกระแสนะครับ เสือผาดคือโจรเหี้ยมอำหิต ฆ่าแม้กระทั่งตำรวจ ข้อมูลมางี้นะครับ
บ้างก็ว่ามอบตัว และโดนยิงประหาร ปรากฏว่ายิงไม่เข้า เพราะอมพระสิบทัศหลวงพ่อเงินใว้ ผู้คุมให้เอาพระออกได้ไม่ทรมาน และสุดท้านก็เจาะเข้าตัว และก็ตัดหัวประจาร

บ้างก็ว่า เสือผาดแขวนพระหลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม ทำให้มีวิชาหายตัว คงกระพัน ตอนหลัง พระหายหรือไงมิทราบ จะมาปล้นที่ดอนยายหอม
โดนวิสามัญเลย ครับ และก็ตัดหัวประจาร

บ้างก็ว่า สักกับหลวงพ่อเงิน และทำให้คงกระพัน ยิงไม่เข้า ทางตำรวจเลยขอให้เลิกสัก ....และวันสุดท้ายเสือย้อยจะมาปล้นที่ดอนยายหอม หลวงพ่อเงินถอดของ ของเสือผาดออก และก็โดนตำรวจล้อมยิง และก็ตัดหัวเสียบประจาร

บ้างก็ว่าเสือผาดแขวนหลวงพ่อเงินรุ่น 1 กับผ้ายันต์ ทำให้คงกระพันแคล้วคลาด สุดท้ายไม่พ้นกรรม เลย โดนตำรวจล้อมจับ ทีแรกตำรวจกระหน่ำยิง แต่ไม่เข้า เสือผาดไม่เป็นไรแต่ช้ำเลย โดนจับดดยละม่อม บ้างก็ว่ายิงไม่โดน แต่สุดท้าย โดนประหารชีวิต และเสียบหัวประจาน

หลายกระแสนะครับ แต่ที่แน่นอน เสือผาดคือจอมโจรชื่อดังมากๆๆ รุ่นก่อนตี๋ใหญ่ .....สุดท้าย ก็โดนเสียบหัวประจานหน้าองค์พระปฐมเจดีย์แน่ ครับ
และข้อมูลอีกอย่างนึง เสือผาดนับถือหลวงพ่อเงินมาก ครับ และหลวงพ่อเงิน ขอให้หยุดกรรม เสือผาดเลยบอก หมดภาระและจะขอมอบตัว

โดยตอนพูด มีตำรวจนั่งอีกฝั่ง เสือผาดนั่งอีกฝั่ง .... และหลวงพ่อเงินนั่งตรงกลาง ครับ .... หลังจากนั้นเสือผาดก็มอบตัว


ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย ครับ ........ผมเกิดไม่ทัน 555

3660
ช่วงเทศกาลตรุษจีน มักจะมีงาน ปิดทองฝังลูกนิมิตนะครับ ....งานนี้ได้บุญมาก ครับ สาธุสาธุ ทุกท่านด้วยนะครับ

3661
หนุมานนี้บางทีก็เรียก หนุมานเชิญธงจ้า บางที่ก็เรียกหนุมานแผลงศร  จะถือตรีหรือไม่นั้นไม่สำคัญครับ ยังไงก็หนุมาน
บางแบบ มีลูกศรหลายๆอัน ก็มีจ้า แล้วแต่แบบพระอาจารย์แต่ละสักให้ ไม่เหมือนกัน ครับหรืออาจจะเหมือนกันก็แล้วแต่ ครับ
ยังไงก็ หนุมาน เหมือนกัน ครับ

สำหรับพระอาจารย์ตูน ....ผมรับลองครับแน่นดีครับ .... ว่างๆก็อยากไปลงกับท่านอยู่ ครับ ....

3662
ขอบคุณครับ พี่ธีนี้ใครไปร่วมบุญ ได้บุญมากนะครับ สาธุดว้ย ครับ

3664
ของดีเยอะเลยนะครับ  :002:

ส่วนจะทำร้ายได้ใหม อยู่ที่เจตนาของเจ้าของบ้านครับ
บางบ้านอาจให้คนเก่งๆ ใว้คาถาครอบใว้หรือใช้ทรายเสก กุมารที่เรามาด้วยก็เข้าไม่ได้ ปกติก็เข้าไม่ได้อยู่แล้วครับ หากไม่บอกเจ้าที่ก่อน
(แนะนำบูชาที่บ้านจะดีกว่า หรือตามร้านค้า)
หรือบางบ้านวัวธนูที่ใช้ เป็นแบบ บุกลุยๆๆ (สมัยนี้หายาก จะมีแต่แนวเมตากับป้องกันเสียมากกว่า) รับลองครับมีกระเด็น
สังเกตุง่ายๆ หากกุมารที่เราพกในกระเป๋าเสือ หล่นลงมาหัก หรือชำรุด งานเข้าและครับ ......

ส่วนท่านท้าวเวสสุวรรณท่านไม่ดุหลอกครับใจดี ..... บูชาใว้จะมีแต่ความเป็นมงคลและพวกวิญญาณสัมภเวสีทำอะไรเรามิได้เลย ครับ

ผิดถูกประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ  :002:

ส่วนของท่านตามท่านโจบอก ครับ ต่ำไป ..ใว้สูงหน่อยก็ดี แต่อย่าใว้เทียบหรือสูงกว่ากับพระ หรือรูปพระสงฆ์นะครับ  ไม่ดีแน่ๆ


ส่วนวัวธนู ที่สุดยอดที่ผมรุ้จักมา ผมยกให้วัวธนูครั่ง หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ครับ สุดยอดและหายาก(ปลอมเยอะ) ครับ
กุมารก็ หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง และหลวงพ่อเต๋คงทอง ครับ ส่วนของวัดบางพระก็แรงไม่ธรรมดา ครับ

3665
มีดหลวงพ่อเดิม เคยได้ยินว่าสามารถใช้รักษาคนไข้ได้ครับ ไม่ใช่เฉพาะสยบวิญญาณ และพวกหนังเหนียวครับ

คนสมัยโบราณ ใช้มีดหมอใว้รักษาคนไข้พวกที่โดนของ หรือผีเข้าด้วย ครับ .... เอไม่งั้นเขาจะเรียกหมอทำไม :075:

และมีดหมอก็ใช่จะมีแต่จะทำจากพระ ฆาวาสที่เด่นไปทางอาคมพวกคุณไสย์ก็สร้างครับ
เช่นใช้ตะปูตอกฝาโลง และวัตถุอาถรรพ มาหลอมครับ
เพื่อใช้ในการเล่นของดำ ก็มีครับ อย่างที่กล่าวมา

สมัยนี้หาแท้ๆ ยาก ครับ พอไปเช่ามาเอทำไมใช้ไม่ได้ผล จะได้ผลอย่างไรหละครับ เมื่อของเก๊และของแท้ เหมือนกันแยกไม่ออก  :004:

3666
ของดีเยอะเหมือนกันนะครับ ท่านโจ

3667
จะบอกว่าหลวงพ่อองค์ใด
ก่อนอื่นต้องถาม ท่านเป็นคนที่ไหน จ.อะไร และในพื้นที่มีตะกรุดแบบไหนใหม
และท่านได้รับมาจากใคร หรือเอามาจากไหน ครับ
จริงๆแล้วตะกรุด ควรรับกับมือจะดีที่สุดครับ ...หรือเช่าที่วัดจะชัวกว่าครับ เพราะเป็นเครื่องรางประเภทบุคคล
ท่านลองสืบที่มากับคนที่ได้มาจะดีที่สุด ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

เรื่องตะกรุดนี้ดูยาก ครับ ..ขนาดคลี่ออกมาดูยังไม่รู้ที่เลย ครับ
บางที่ บางสำนัก ลักษณะเหมือนกันมาก หยั่งกะแกละ
ผมไม่กล้ายัดกรุ อะครับ

ส่วนตัวสวยดี ครับ .. :002:

ขอบคุณครับ

3668
ตัวใหญ่ สวยเลย ครับ ท่าน

3669
สวัดดีครับ ยินดีที่รู้จัก ครับ  :002:

3670
มีบ้างแป่ะแบ่งกรูบ้างสิเอ็ม :005:

ยังไม่มีเลยเพื่อนต้น หาได้และจะบอกนะ  :004:

3671
มาอ่านเรื่องประสบการณ์ มั่ง ครับ

1.มีผู้หญิงคนหนึ่งบ้านอยู่แถววัดกาหลง ครับ โดนรถชนลอยไปฟาดกับถนน นึกว่ากะโหลกจะแตก หรือขาแข้งหัก สภาพรถยับเลยครับกระจกแตกกระจาย
ชนแรงมาก ครับ ปรากฏว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย ครับ แค่เคล็ดยอกๆเท่านั้น
โดยผู้หญิงคนนั้นแขวนเหรียญหลวงพ่อสุดรุ่นเสือเผ่นเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น ครับ

เรื่องที่ 2คุณสวิง จันทรวิมล  เป็นโรคที่ตามีความจำเป็นต้องผ่าตัด ปรากฏว่า เข็มฉีดยา และมีดผ่าตัด ยังไงก็ไม่เข้า
เอาพระเครื่องและเครื่องรางออกก็แล้ว คุณสวิงจึงนึกได้ว่า ได้รับการสักน้ำมันจากหลวงพ่อสุด เลยต้องไปนิมนหลวงพ่อมาถอนของให้ครับ
การผ่าตัดจึงไปได้ด้วยดี เหอๆๆ

เรื่องที่ 3 จากคุณสมเกียรติ (ปัจจุบันบวชอยู่ครับและก็ยังไม่สึก หากพิดพลาดก็ขออภัย ครับ เพราะหนังสือหลายปีแล้ว) เป็นคนหาปลา มีอยู่วันนึงมีเรื่องกับเพื่อนด้วยกัน ปรากฏว่าพวกของคนที่มีเรื่องด้วยฟ้าสปาตาร์ฟันเข้าที่ชายโคลงดับตั๊บ พอดีจังหวะนั้นมีคนมาห้ามปรากฏว่า
พอเปิดดูมีแต่ลอยช้ำข้อเลือด   ท่านก็เล่ยเล่าให้ฟังว่า ที่ตัวมีเหรียญเสือเผ่น พ.ศ. 2517 และเคยสักหมึกกับพระครูพยนต์ สมัยท่านอยู่วัดนาขวาง
ท่านพระครูพยนต์ เป็นศิษสายตรงหลวงพ่อสุด ครับ
และยังมีเหตุการอีกหลายครั้ง ที่รอดมาได้ ครับ

ย่อๆเอาประมาณนี้นะครับ ขอบคุณครับ

ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับยันต์ตะกร้อหน่อย ครับ เคยมีคนถามว่าทำไมหลวงพ่อถึงใช้ยันต์ตะกร้อ
หลวงพ่อท่านก็ว่าเคยเห็นใหม ใครเตะตะกร้อและพังในที2ที ส่วนมากตะกร้อทนและเหนียว ใครเตะเท้าป่าวก็เจ็บเท้า
เพราะตะกร้อทนทาน นั่นเอง ครับ หลวงพ่อท่านบอกว่า เคยคิดจะเขียนยันต์อะไรดีที่ไม่ให้ซ้ำกับพระเกจิรูปอื่น
พอดีท่านหันไปเห็นเด็กในวัดเล่นตะกร้อกัน จึงนึกขึ้นมาได้ ตะกร้อมีความสวยงามและปราณีตมาก(ตะกร้อสมัยก่อน)
และยังทนทาน อีก เตะยังไงก็ไม่พัง

แหะๆๆประมาณนี้ครับ

3672
สุดยอดเลย ครับ ท่านโจ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ครับ

ใครสักที่ของลับก็อย่าเอามาโชว์ในเวปและกัน ครับ

เดี๋ยวงานจะเข้า  :004:

3673
ไม่ทราบเลยครับ พิมแบบนี้มีหลายแบบ มากครับ แบบข้างหลังกุมารก็มีครับ
ยังไม่ทราบ วัดเลย ครับ ขอบคุณครับ

3674
ถ้าไปสักไปวันธรรมดาดีกว่า ครับ คนน้อย
ถ้าขี่มอไซค์มาก็ไกลอยู่ครับ
ลองดู ครับ ว่ามีรถประจำทางหรือป่าว สะดวกกว่าหรือไม่ ถ้าไม่ก็มอไซค์และกัน ครับ

แต่ถ้าจะมาเช่าตู้วัตถุมงคล ไม่ได้สักมาวันไหนก็ได้ครับ

เรื่องเส้นทางจากปทุมธานี มา นครปฐมผมเองก็ไม่เค่ยสันทัด ครับ ลอง ถามคนชื่อ หนึ่งในบอร์ดดู ครับ 

หรือไม่ก็ท่านโจรสลัด ครับ ..........

3675
ใช้บทอาราธนาพระเครื่องธรรมดาก็ได้ครับ
พุทธธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง
พุทธธังประสิทธิ์เม ธังมังประสิทธิ์เม สังฆังประสิทธิ์เม ก็ได้ครับ สั้นๆๆ
และนึกถึงหลวงพ่อชำนาญ ครับ
 อย่างเงี้ยอะครับ ใช้ได้เหมือนกัน ครับ

ส่วนตะกรุดที่วัดมีอยู่เลื่อยๆ ครับ
ทั้งแบบเสือ และ ลูกปืน แบบข้อมือนะครับ
ประมาณ 60 บาท ครับ

ไปเช่าทั้งที่ ก็ไปลงนะกับหลวงพ่อสำอางได้นะครับ ทำบุญ 20 บาท ครับ
และเอาตะกรุดที่เช่าใส่พาน ให้หลวงพ่อเสกอีกทีก็ได้ครับ

สาธุบุญล่วงหน้าด้วย ครับ

อ่อส่วน สุนะโมโล เป็นคาถาหัวใจคุณแผน ครับ ใช้ทางด้านเมตาตา ครับ ผม

3676


ทายาทผู้สืบวิชา มากจากหลวงพ่อสุด










3677




ยันตะกร้อ สุดยอด ของวิชาหลวงพ่อสุด

3678


ประวัติโดยย่อ

หลวงพ่อเป็นชาว อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เกิดจากตระกูลชาวนา

บิดาชื่อ นายมาก
มารดาชื่อ น่างอ่อนศรี
เกิดวันที่ 7 พฤษาภาคม 2445
ในแผ่นดินของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ต่อมาเมื่ออายุ 16 ปี หลวงพ่อได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่  16 เมษายน พ.ศ. 2461 ที่วัดกลางพนมไพร
อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด พระครูเม้า เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้เป็นอาจารย์องค์สำคัญที่หลวงพ่อให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
ก่อนหน้าที่จะบวชเณร หลวงพ่อได้รับวิทยฐานะสำเร็จชั้นประถมปีที่ 3 จากโรงเรียนวัดฟ้าหยาด ต.คำไฮ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด
บวชเณรได้ระยะหนึ่ง หลวงพ่อก็เดินทางรอนแรมจากร้อยเอ็ดมุ่งเข้าสู่กรุงเทพ เพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมจากสำนักเรียนในกรุงเทพ
เข้าใจว่า หลวงพ่อคงจะมาบวชเป็นพระที่วัดกาหลง นี่เอง ทั้งนี้เพราะใน พ.ศ. 2481อายุได้ 36สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดกาหลง

ด้านการปกครอง
พ.ศ.2478 เป็นเจ้าอาวาสวัดกาหลง
พ.ศ.2479เป็นเจ้าคณะหมวด
พ.ศ.2484เป็นเจ้าคณะตำบล
พ.ศ.2495เป็นสาธารณูปการอำเภอ

ด้านการศึกษา
พ.ศ.2482เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดกาหลง
พ.ศ.2485 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม
พ.ศ.2495 เป็นกรรมการการตรวจธรรมสนามหลวง

ด้านสมณศักดิ์
พ.ศ.2490 เป็นพระครูสัญญบัตร ชั้นตรี
พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญบัตร ชั้นโท
พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญยญบัตรชั้นเอก

พระครูสมุทรธรรมสุนทร ถึงแม้ท่านมิใช่คนสมุทรสาคร  แต่ท่านก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง ของชาวทะเลเลือดสมุทร
เพราะคนในแถบจังหวัด สุทรสาครท่านก็ได้เมตตาช่วยเหลือมาตลอด และเป็นที่รักของลูกศิษลูกหา

ด้านวิชาศึกษาด้านอาคม
1.หลวงปู่เม้า วัดกลางพนมไพร(พระที่บวชให้ท่านในสมัยตอนเป็นเณร)
2.หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบื่อ (สำหรับหลวงพ่อรุ่ง ในปี 2484 หลวงพ่อสุดเป็นเจ้าคณะตำบล หลวงพ่อรุ่งได้จัดเหรียญรุ่นแรกของท่าน
หลวงพ่อสุดได้อยุ่ในการร่วมสร้างเหรียญนี้ด้วยเช่นกัน)
3.หลวงพ่อคง วัดบางกระพล้อม (เป็นพระที่หลวงพ่อสุดนับถือมาก)
อื่นๆอีกหลายท่าน

ในสมัยที่หลวงพ่อสุดนั้นยังมีสังขารอยู่ ท่านได้ร่วมกิจนิมน หลายพิธีไม่ตำกว่า 100 ครั้ง หรือมากกว่า
เช่นพิธี ปลุกเสกพระพุทธ 25 ศตวรรษ 

และในทางหนึ่งท่านตือผู้เมตตา ให้ของขลังแก่ตี๋ใหญ่ จอมโจรชื่อดัง ในช่วงปี 251 กว่า -2524

ข้อมูลจากหนังสือ หลวงพ่อสุดวัดกาหลง จ.สมุทสาคร

3680
เหอๆๆ........ รอพี่เก่ง สิบทัศ สายตรงมาตอบให้นะครับ ใจเย็นๆ ครับ

เป็นกำลังใจให้ ครับ

3681
ขอบคุณทุกท่านมากนะครับ ที่เข้ามาชม ขอบพระคุณมาก ครับ

3682
ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเอ็ม ผมไปไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงบ่อยเหมือนกัน บ้านคุณเอ็มอยู่แถวนั้นหรือป่าวครับ


ใช่และครับ อยู่แถวนั้น ครับ ผม  :002:


3683
โทษทีนะครับ รู้สึกว่าท่านสิบทัศลงไปแล้วนะครับ

ยังไงก็ขอขอบคุณ ครับ 

ขอบคุณครับ  :054:

3684
ขอแก้หน่อยครับ
พระมงคลสิทธิการ วิ (หลวงพ่อพูล อัตตรักโข) วัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง ศิษย์หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม,หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ท่านมีเมตตามากครับ
ถึงแม้ช่วงหลังๆอาจจะมีข่าวไปในทางไม่ดีอยู่บ้าง ก้อถือเป็นเรื่องปรกติครับ
วิ คือ พระอาจารย์วิปัสสนา
หง่าข่าวไม่ดีอะไรครับขอชัดชัดด้วยครูบาอาจารย์ของผม ขอบคุณครับ
ข่าวที่ไม่ดีที่ว่านี้คงไม่เกี่ยวกับหลวงปู่พูลหรอกใช่มั้ยครับขอเคลียร์ๆด้วยครับ
ด้วยความเคารพ

ข่าวในทางที่ไม่ดี ไม่น่าจะเกี่ยวกับหลวงพ่อพูลนะครับ
เพราะท่านก็ยังเป็นที่เคารพและศรัทธา ของลูกศิษลูกหาทั่วๆไปครับ

ส่วนข่าวที่ไม่ดี น่าจะไม่ใช่ท่าน เป็นใคร ผมก็พูดไม่ได้  ทุกท่านก็น่าจะรู้กันนะครับ ว่าใคร
เหอๆ


ส่วน หลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อำเภอเมือง  อาจารย์ ของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
ท่านเก่งทางด้านวิชาคงกระพัน ครับ ....ท่านสามารถใช้มือปล่าวๆ ผ้าไม้ไผ่ได้
และวิชา คงกระพัน  หลวงพ่อไสว ก็เรียนมากจากหลวงพ่อพูนนี่แหละครับ

3685





เหรียญปืนไขว้หลวงพ่อเต้าหลังหลวงพ่อแช่ม  งานที่ละฤกปิดทองฝังลูกนิมิต วัดเกาะวังไทร พ.ศ. 2519

3687




เหรียญหลวงพ่อฤาษีลิงดำ รุ่นสามัคคีมีสุข 2521

3688
เป็นประสบการณ์ ตอนหลวงพ่อธุดง ครับ บทความนี้ผมเคยอ่านในหนังสือเหมือนกัน ครับ มีหลายเรื่องๆ
ว่างๆ จะเอาเรื่องอื่นมาให้อ่าน กัน ครับ ผม  :075:

3689
หลวงพ่อทวีศักด์กับนิมิตประหลาดที่หนองน้ำแดง
            ดึกมากแล้วแสงจันทร์ส่องสกาวแต่ทำไมนอนไมหลับข่มเปลือกตาอย่างไรก็ไม่หลับแล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะ  คงจะวิตกเรื่องสร้างวัดละซี  ไม่เป็นไรน่า  แล้วค่อยคิดก่อนจะม่อยหลับไปก็คิดอยู่ว่า  หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงและบารมีจะสร้างวัดได้ก็คงจะทำได้
                ม่อยหลับไปเมื่อใดก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าในท่ามกลางแสงสกาวของดวงจันทร์นั้นได้มีนิมิตประหลาดเกิดขึ้นอันเป็นนิมิตที่ท่านเองก็ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น

            น้ำค้างพร่างพรมลมกรรโชกเป็นครั้งคราว  ร่างของพระธุดงค์นอนจำวัดนิ่งสนิทด้วยความอ่อนเพลีย  เพราะครุ่นคิดแต่เรื่องสร้างวัด  งานสร้างวัดไม่ใช่สร้างกระต๊อบ  เพราะวัดนั้นต้องมีทั้งหมู่กุฎิสงฆ์วิสุงคามสีมา  พระอุโบสถ  และองค์ประกอบอื่นๆ  อีกมากมาย

            ใกล้อรุณจะรุ่งนั้นเองพระธุดงค์รูปนั้นก็เกิดนิมิตประหลาด  ซึ่งท่านได้เปิดเผยให้ฟังดังนี้

            ?อาตมายังจำได้ดีเหมือนเมื่อเกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้  อาตมาฝันว่ากำลังนั่งพักผ่อนอยู่หน้ากลด  พลันท้องฟ้าอันมืดมิดทางด้านทิศเหนือก็ปรากฎแสงสว่างอันแพรวพราว  แสงนั้นรวมตัวกันเป็นภาพของนักรบโบราณ  สวมเครื่องแต่งกายแบบขุนศึกมีสังวาลย์และเครื่องรางต่างๆ  อันเป็นของสูงใส่กางเกงแบบสนับเพลาบนศีรษะ  สวมหมวกปีกกว้างปลายปีกหลุบลงด้านข้างในมือถือ  ดาบฝักคร่ำทองสวยงามกระชับมั่น?

            นักรบโบราณคนนั้นได้เดินตรงเข้ามายังที่ที่อาตมานั่งอยู่  พอได้ระยะพอสมควรที่จะพูดจากันได้  จึงนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งดาบในมือปลดออกวางไว้ด้านข้าง  เข่าข้างหนึ่งชันขึ้นนมัสการแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันนุ่มนวลแต่มีอำนาจว่า

            ?ท่านยังจำผมได้อยู่หรือเปล่าเล่า?

          อาตมารู้สึกมึนงงเพราะตั้งแต่อาตมาเกิดมาจำความได้จนบวชเรียนมาถึงปัจจุบันก็ไม่เคยพานพบนักโบราณผู้นี้เลย  จึงจ้องหน้าด้วยความแปลกใจไม่ตอบเพราะไม่รู้จักจริงๆ  เสียงอันนุ่มนวลแต่ทรงอำนาจก็ย้ำขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า

            ?ท่านยังจำผมได้อยู่หรือเปล่าเล่า?

            อาตมาจึงนึกว่าเป็นขุนแผนแสนสะท้านกาญจนบุรีร้องตอบไปว่า

            ?ท่านขุนแผนแสนสะท้านเจ้าเมืองกาญจนบุรีหรือเปล่าล่ะ?

          นักรบโบราณคนนั้นส่ายหน้าช้าๆ  แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า

            ?ท่านจำผมไม่ได้จริงๆ  แหละผมก็สมเด็จพระนเรศวรมหาราชผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทยไว้เมื่อ 400  กว่าปีมาแล้วยังไงล่ะท่าน  ก็น่าเห็นใจเพราะเวลาผ่านมาหลายร้อยปีจะให้ท่านจำผมได้นั้นย่อมเป็นการลำบาก?

            อาตมาปีติจนขนลุกซู่เพราะไม่นึกว่าจะได้พบกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาในค่ำคืนวันนี้  จึงกล่าวตอบไปว่า

            ?ต้องขออภัยให้อาตมาด้วยเถิดมหาบพิตร  อาตมามิอาจจำพระองค์ได้เลยเป็นความสัตย์จริงหาไม่ก็คงไม่บอกว่าเป็นขุนแผน?

            พระพักตร์อันสง่างามไม่ไว้พระมัสสุ(หนวด)  โดยเฉพาะดวงพระเนตรนั้นมีแววเด็ดเดี่ยวและเมตตาระคนกัน  อาตมาภาพยังจดจำเค้าพระพักตร์ได้ไม่ลืมเลือนพระวรกายอุดมไปด้วยมัดกล้าม  แผงพระอุระใหญ่สมชายชาตรีทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยแล้วกล่าวกับอาตมาสืบไป

            ?ท่านรู้สึกหนักใจมากนักหรือในการสร้างวัด  ผมเห็นว่าท่านมีทุกข์จึงมาหาและมาคุยกับท่านเป็นพิเศษ  ท่านรู้ไหมว่าทำไมที่ดินนี้จึงถูกยกมาให้ท่านอย่างง่ายดาย  ถ้าไม่รู้ผมจะบอกให้ที่นี่แต่โบราณเรียกกันว่าหนองน้ำแดง  ผมเคยหยุดกองทัพพักที่นี่  ผมเคยเหยียบรอยเท้าไว้เมื่อมีผู้จะสร้างวัดผมจึงมาอนุโมทนา?

            ?เจริญพรมหาบพิตร  อาตมาหนักใจมาก  เพราะเป็นเรื่องใหญ่และต้องลงทุนมหาศาลนัก  อาตมาเป็นสงฆ์จะทำได้แค่ไหนก็ไม่รู้ได้?

            ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต่อไป  ท้องฟ้าทางด้านทิศตะวันออกก็พลันปรากฎแสงสว่างขึ้นอีก  แสงสว่างนั้นรวมตัวกันเป็นนักรบโบราณ  แต่งกายชุดเครื่องรบ  สวมหมวกปีกกว้างไว้พระมัสสะ (หนวด)  ในมือถือดาบกระชับมั่น  เมื่อเข้ามาใกล้จนเห็นถนัด  อาตมาจำได้เป็นมั่นเหมาะถึงกับอุทานว่า

            ?มหาบพิตรสมเด็จพระตากสินมหาราช?

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  แสดงการคารวะต่อพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ก่อนที่จะเข้ามาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง  แล้วปลดดาบลงวางไว้ข้างพระองค์เคียงคู่กับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระราชดำริกับอาตมาว่า

            ?ที่หนองน้ำแดงนี่กองทัพกู้ชาติของผมก็เคยมาพักท่านไม่ต้องกังวล  ถ้าผมกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชคอยหนุนแล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วง  ท่านจะทำอะไรก็บอกมาเลย?

          อาตมาจึงกล่าวตอบทั้งสองพระองค์ไปว่า

            ?เจริญพรมหาบพิตร  อาตมาต้องการสร้างวัดเมื่อมีวัดก็ต้องมีโรงเรียน  มีพระอุโบสถ  มีสถานฝึกอาชีพ  และสิ่งสุดท้ายก็คือโรงพยาบาล?

          พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ทรงมีพระดำรัสว่า

            ?โครงการอย่างนั้นไม่ใช่ล้านสองล้านนะท่าน?

            อาตมาก็ชิงทูลท่านไปว่า
            ?สี่ห้าสิบล้านก็จะขอสู้หากพระบารมีคอยหนุนอยู่ละก็?

          ทั้งสองพระองค์ทรงพระสรวลเบาๆ  พร้อมๆ  กัน  พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระดำรัสว่า

            ?งานชิ้นแรกที่ท่านจะต้องทำก็คือ  ท่านต้องหาทางตัดถนนเข้ามายังที่ที่ท่านจะสร้างวัด  แต่ไม่ใช่ทำเปล่าๆ  นะท่าน  ต้องปักป้ายเอาไว้ด้วยว่า  ถนนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  นั่นแหละ  คือเส้นทางที่จะนำปัจจัยมาสู่สถานที่นี้  แต่ท่านต้องต่อสู้นะอย่าอยู่นิ่งแล้วทุกอย่างจะสำเร็จตามที่ท่านปรารถนาทุกประการ?

            สิ้นพระสุรเสียงภาพของทั้งสองพระองค์ก็กลายเป็นแสงสว่างพุ่งออกไปทางทิศเหนือทิศตะวันออกตามที่เสด็จมา  นี่คืออีกประสบการณ์หนึ่งที่อาตมาได้ประสบมา
http://m.exteen.com/blog/jantatip/read/1176619

3690
ขอบคุณครับ มนัสการหลวงปู่มี ด้วย ครับ  :054:

3693
ขอความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนะครับ

ผมคิดว่า การที่เราสักเพราะความศรัทธาใช่ใหม่ครับ ไม่ได้สักเพราะเท่หรือโชว์

ก็น่าคิดนะครับ หากคนในข่าวไม่โชว์ซะอย่าง หรือตอบว่าผมไม่เหนียวครับ

คงไม่โดนนะครับผมว่า

ก็เป็นอุทาหรสอนใจและกัน ครับ

ขอบคุณครับ

3694
ไม่เคยเห็นเลยครับ แบบนี้
รอลุงอเมชซิ่ง และ พี่หอมเชียงมาฟันธง ดีกว่า ครับ

ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

3695
น่าสงสารจิ้กจกนะครับ ง่า  :075:

3696
:015: พึ่งเห็นภาพนู๊ดที่งดงาม.............ก็ครั้งนี้แหละ  :015:

   นายแน่มาก ..............อิอิอิ

5555+ ขาสวยนะครับพี่

3697
และตะกรุดหลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรกหละครับ

รู้สึกว่าตะกรุด ลูกกลมๆ  ของท่านตี๋ใหญ่ก็ใช้ด้วยนะครับ ท่าน
 :075:

หลวงพ่อยังเคยเล่าเกี่ยวกับตี๋ใหญ่ให้ลูกศิษฟังเลย ครับ


เอหลายกระแสจริงๆ  :075:


แต่ที่แน่ๆ ชมสารคดีเกี่ยวกับตี๋ใหญ่
http://hiptv.mcot.net/player/hipPlayer.php?SelectSpeed=256k&id=17338

เจาะลึกเกี่ยวกับคนใกล้ชิตของตี๋ใหญ่ และ ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ครับ

ผมว่าดีนะครับ  ดูๆไปในหนัง กับเรื่องจริงไม่เค่ยตรงกันเท่าไหร่
ครอบครัวของตี๋ใหญ่มีพี่น้องตั้งหลายคนแหนะครับ  :075:


3698
สาธุบุญด้วย ครับ .... บูรณะกือบเสร็จและนะครับ
ตอนนั้นผมไปยังสร้างไม่เสร็จเลย ครับ แหะๆ

3699
มีดิครับ ท่าทางเยอะอยู่ครับ  :075:

3700









พิมพิเศษของวัดพระปฐมเจดีย์ ที่หาชมได้ยาก ครับ (บางส่วน)

3701
ขอบคุณทุกท่านมาก ครับ ...ขอเสริมอีกนิดครับ

พระพิมนี้เรียกว่า หล่อโบราณ พิมพระประธานพระปฐมเจดีย์  ตามแบบพิมพ์พระผงมฤคทายวัน ที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม (โชติ) ได้รับถวายไว้จากล้นเกล้า รัชการที่ 6
โดยพิมพ์นี้ มี 2 เนื้อ ครับ เนื้อทองผสม และเนื้อแร่  ...

พระพิมนี้จัดเข้าพิมชุด กรรมการ หรือพิมพิเศษของทางวัดครับ ไม่เค่ยมีให้เห็นด้วยทั่วๆไป ถือว่าหายากมาก ครับ

และยังไงผมจะเอารูปพิมพ์พิเศษ อีกหลายๆ พิมมาลงให้ชมกันนะครับ


ขอบคุณครับ

3702
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด ครับ

3703
ทั้งหมดโปรดใช้การพิจณาในการชมนะครับ ไม่ควรนำไปทำเป็นตัวอย่าง
ที่นำมาลงใว้ จุดประสงเพื่อ อยากให้ทุกท่านเข้าใจกดแห่งกรรม ครับ

ไม่ว่าจะเก่ง จะแน่แค่ไหน ทุกคนต้องตาย ครับ
ควรทำดีใว้เป็นที่สุด ครับ
ขอบคุณครับ

3704
ขอประทานโทษครับ อัพซ้ำหัวข้อ เพราะ net มันค้างหนะครับ

ยังไงขอลบกวนพี่ๆ ผู้ดูแลบอร์ด ช่วยลบ
อันทีแล้ว เพื่อให้เหลืออันเดียว ให้หน่อย ครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง ครับ  :054:

3705










ขอบคุณที่มาจากเวป (และชมภาพที่เหลือได้จากเวปนี้ ครับ )


2.สารคดีเกี่ยวกับตี๋ใหญ่
http://hiptv.mcot.net/player/hipPlayer.php?SelectSpeed=256k&id=17338

3.ละครทีวี เรื่องตี๋ใหญ่ ครับ ชมได้ที่เวป

http://www.youtube.com/watch?v=1Mh8JWkN9d4

เข้าไปชมตอนอื่นๆได้ที่เวป  -www .youtube.com/watch?v=1Mh8JWkN9d4
(มีหลายตอนนะครับ ศรราม เป็นพระเอกในเรื่อง)

3706
รูปภาพ พระเครื่อง ของวัดพระปฐมเจดีย์ ครับ



เหรียญปั๊มกลมพระธรรมวโรดม



เหรียญหล่อท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม (โชติ) รุ่นแรก สร้างเป็นที่ระลึก
ในวาระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่ พระเทพสุธี จากรัชกาลที่ ๗
เมื่อวันที่  ๖  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๑


สนใจเข้าไปศึกษาเพิ่มเติม ที่เวป http://www.geocities.com/TheTropics/Shores/7648/HTML/ie-th-holy01.htm
(ขอบคุณท่านสิบทัศ สำหรับเวปนี้ด้วย ครับ )

3707


วัด พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ยังมีเหรียญเก่าแก่อีกหนึ่งรุ่นที่เป็นที่นิยมสะสมในแวดวงนักนิยมสะสมพระ เครื่องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเหรียญพระปฐมเจดีย์ ปี 2465 ที่ได้กล่าวไปแล้ว ซึ่งต้องกล่าวถึงด้วยเช่นกัน นั่นคือ "เหรียญหล่อพระคันธารราษฎร์ใบเสมา" สร้างโดย พระธรรมวโรดม (โชติ ธัมมปัชโชติโก) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ เมื่อปี พ.ศ.2472 ครับผม

พระ ธรรมวโรดม (โชติ ธัมมปัชโชติโก) เกิดที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2423 บรรพชาเป็นสามเณรในปี พ.ศ. 2438 ณ วัดมหาธาตุ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม) เมื่อครั้งเป็นที่พระอมรเมธาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และในปี พ.ศ.2443 ได้เป็นนาคหลวงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

พระธรรมวโรดม เป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ และอุทิศตนเพื่อพระบวรพุทธศาสนาโดยแท้ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวนครปฐมและใกล้เคียง รวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เกียรติประวัติของท่านมีดังนี้ ปี พ.ศ.2445-2454 ได้รับหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมในวัดเบญจมบพิตรฯ ปี พ.ศ.2455 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระนิกรมมุนี" ปี พ.ศ.2454-2464 เป็นกรรมการสอบนักธรรมและบาลีสนามหลวง และเป็นกรรมการแปลนิบาตชาดก สันนิบาตบางวรรคอีกด้วย ปี พ.ศ.2465 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ และเป็นพระอุปัชฌาย์

ปี พ.ศ.2466 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชสุธี" ปี พ.ศ.2467 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะมณฑลนครชัยศรี ปี พ.ศ.2471 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ "พระเทพสุธี" ปี พ.ศ.2484 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ "พระธรรมปิฎก" และสมณศักดิ์สุดท้ายได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ ตำแหน่งเจ้าคณะรองสมเด็จพระราชาคณะที่ "พระธรรมวโรดม" ก่อนจะมรณภาพลงเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2497 สิริอายุ 74 ปี พรรษาที่ 54 ได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ พระเมรุวัดพระปฐมเจดีย์ ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2498

ในราวปี พ.ศ.2472 จังหวัดนครปฐมเกิดฝนแล้งอย่างต่อเนื่องโดยทั่วไป พระธรรมวโรดม (โชติ ธัมมปัชโชติโก) ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์ที่พระเทพสุธี จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปพระคันธารราษฎร์ปางขอฝนขึ้นจำนวน 150 องค์ แจกจ่ายไปยังวัดต่างๆ วัดละองค์ เพื่อนำออกมาทำพิธีบวงสรวงในยามที่เกิดฝนแล้งหรือข้าวยากหมากแพง และได้จัดสร้างวัตถุมงคลคือ เหรียญหล่อพระคันธารราษฎร์ใบเสมา เหรียญหล่อพระคันธารราษฎร์ใบมะยม และเหรียญหล่อรูปเหมือน ในคราวเดียวกัน

" เหรียญหล่อพระคันธารราษฎร์ใบเสมา" สร้างโดยใช้กรรมวิธีการหล่อแบบโบราณด้วยเนื้อโลหะผสม รูปทรงเสมาคว่ำ แกะขอบเป็นลายกระหนกทั้งด้านหน้าและหลัง ด้านหน้า ตรงกลางเป็นรูปจำลองพระพุทธปฏิมากรประทับยืนเหนืออาสนะรองรับรูปบัว แสดงปางขอฝน คือ ยกพระหัตถ์ขวาขึ้นเสมอพระอุระในกิริยากวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกาย หงายฝ่าพระหัตถ์ในกิริยารองรับน้ำฝน ส่วนด้านหลัง ตรงกลางเป็นยันต์อักขระขอม ตัวนูน

เหรียญหล่อพระ คันธารราษฎร์ใบเสมานี้ นับเป็นเหรียญเก่าแก่ที่มีความงดงาม ทรงคุณค่า และเป็นที่นิยมสะสม ด้วยความเชื่อที่ว่าจะนำความมั่งมีศรีสุขและความอุดมสมบูรณ์มาสู่ตนและครอบ ครัวครับผม

ขอบคุณที่มา http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538701269&Ntype=40

3708
ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ครับ ไม่เที่ยงแท้และแน่นอน
หากหมดบุญ แล้ว ....กรรมมาแรงแซงทางโค้ง อะไรก็ช่วยไม่ได้ ครับ

ขอบคุณพี่อชิตะมากนะครับ

3709
 :004: ขอบคุณพี่เก่งมากเลย ครับ .... ท่านเมตตา และยังมีเรื่องเล่าสนุกอีกตางหาก ขอบคุณครับ

3710
เคยมีคนเล่าให้ฟัง ครับ เข็มวิ่งทะลุตาเลย ครับ เหอๆๆๆ ตาบอด

3711
แล้วของที่ใช้ส่วนผสมแบบลามกจกเปรต ชิ้นส่วนผี ฯลฯ เรียกว่าสายใดครับท่าน :010:

สายดำ ครับพี่ ...... 
ถ้าสายพุทธคือเมตตา ครับ

พวกฝังรูปฝังลอย ทำของใส่ น้ำมันพราย ของดำทั้งสิ้น ครับ  ทำแล้วเป็นกรรมติดตัวไปหลายชาตินะครับ
ขอบคุณครับ

3713
ท่านใจดีๆมากเลย ครับ ผมเคยสนทนากับท่านหลายครั้งเหมือนกัน ครับ

3714
สายพราย ก็คือ พวกที่เล่น หรือบูชา พรายต่างๆอะครับ  พวกผีๆ อะครับ

เช่นหุ่นพราย ..... อะไรประมาณนี้อะครับ ไม่น่าใช่สายขาวนะครับ น่าจะสายดำ

ผมเองก็ไม่เค่ยถนัด ครับ แหะๆๆ

3716
วิชาคงกระพันชาตรี ความจริงแล้วแยกกันนะครับ

คงกระพัน ฟันยิงแทง ไม่เข้าแต่เจ็บ และช้ำใน ครับ
ส่วนวิชาชาตรี นั้น ฟันยิงแทงไม่เข้า แต่ไม่เจ็บเลย ครับ (ข้อเสียคือ หากโดนของเบาๆ เช่นไม้ไผ่ หรือไม้เบาๆฝาดเพียงนิดเดียว อาจถึงตายครับ)

ส่วนอีกด้านนึงมหาอุต ครับ หยุดลุกปืน
และยังมีวิชา อื่นๆอีกนะครับ

ส่วนยันต์ที่ใช้ ผมไม่ทราบอะครับ อาจจะอยู่ในบอร์ดเก่าๆ ซึ่งผมอาจไม่ทัน
รอพี่ๆน้องๆ เอามาให้ชมอีกและกัน ครับ รออชม ครับ  :002:

หากตอบไม่ตรงคำถามก็ขออภัยด้วยนะครับ   :095:

3717
หลวงพ่อเมตตามาก ครับ ผมนับถือท่านมาก ครับ

ขอบคุณพี่สิบทัศด้วยนะครับ ที่นำเอาบทความดีๆ มาให้อ่าน วันนี้รีบมาอ่านแต่เช้าเลย อิอิ

3718
ของหลวงพ่อเรานี่เอง ครับ สุดยอดมากๆ ครับพี่หอมเชียง นับถือๆ :053:

หลวงพ่อเมตตามาก ครับ

3719
5555++ ใจเย็นๆ ครับ พี่ ไม่เป็นไรหลอก ครับ   นิดๆหน่อยๆๆ ....  หากเราคิดว่าของเราอยู่ก็อยู่ครับ
หากไม่สบายใจ ก็ตั้งจิตอธิฐาฯขอขมาครูบาอจารย์ได้ครับ และไปทำบุญซะนะครับ มารมันเยอะครับ
 

ใว้เจอกัน ครับ ....pm มาบอกวันงานด้วยนะครับ ใว้วันงานเจอ ครับ 

3720
ขอบคุณมาก ครับ แหม่ พี่สิบทัศนี่ สายนครปฐม ไม่ธรรมดาเลยนะครับ สงสัย มีทุกวัด 555

3721
มนัสการด้วยนะครับ  :054:

3722
พระเครื่องของท่านประสบการณ์สูงด้านเมตตา และแคล้วคลาดๆมาก ครับ เท่าที่เคยได้ยินมา  สุดยอดลเย ครับ

ถ้ามีโอกาศต้องไปมนัสการให้ได้ครับ

3723
ท่านเอ็มครับ ผมก็ไม่รู้ว่ารุ่นไหนครับ แต่ว่าน่าจะเเจกเฉพาะ คนใหญ่ๆโตๆ สมัยนั้นนะครับ

อะครับ ขอบคุณครับ สวยงามมากๆ ครับ ถ้าจะหายากน่าดู  :015:

ขอบคุณนะครับ ที่เอามาให้ชมบุญตาเจงๆ ครับ

3724
สวยดีครับ ท่าน ไม่ทราบว่ารุ่นไหนครับ 
ลงยาด้วยสุดยอดเลย
ไม่เคยเหงมาก่อน ครับ แบบนี้

3725
สวยดี ครับ ของดีเยอะเหมือนกันนะครับท่าน  :015:

3726
มีอีกพิมนึงเอามาให้ชม ครับ เป็นเนื้อแร่เหมือนกัน ครับ ...ขอยื้มรูปจากเวปเพื่อนบ้านมา ครับ
เหรียญหล่อคันธาราฐพิมพ์ใบหอกเนื้อแร่ ครับ


 

3727
ข้อมูลคร่าวๆ เคดิตจากท่านสิบทัศ พระรุ่นแรก ปี 2472 นี้ 
มีเกจิ ที่มาพุทธาพิเศกเช่น
1.หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
2.หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
3.หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน
4.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
5.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
6.หลวงพ่ศุข วัดห้วยจระเข้
7.หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง
8.หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง
9.หลวงพ่อคง วัดบางกระพล้อม

อื่นๆอีกหลายท่าน ครับ

ซึ่งมีหลายพิม ด้วยกัน ครับ องค์นี้ของผมเป็นเนื้อแร่ ครับ ผมขนาดกว้าง 1.5 เซ็นครับ สูง ประมาณ2.1 เซ็น ครับ
ไงช่วยพิจจณาหน่อยนะครับ 

3728


ด้านข้าง ครับ



ข้างอีกด้าน ครับ



ด้านล่างครับ


รบกวนด้วยนะครับ เต็มที่เลย ครับ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้านะครับ  :054:

3729
ชมแบบเต็มรูปแบบกันเลยนะครับ กับพระหล่อโบราณ รุ่นแรก วัดพระปฐมเจดีย์ ครับ




ด้านหน้า ครับ



ด้านหลัง ครับ

3730
ขอบคุณพี่สาวสุดสวยมากนะครับ  :054:

3731
ขอบพระคุณมากเลย ครับ  :054:

3732
ลักษณะ จะเป็นนางกวัก หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม เนื้อผงใบลาน มากกว่านะครับ..

http://shopping.sanook.com/buy/buy_detail.php?nitemID=791258#imgTitle

แป่ว  555+ ขอบคุณพี่ แอ็กมาเลย ครับ  .....ผมนึกว่าหลวงพ่อจง
แบบนี้อะครับ

http://romphosai.com/forums/forum10/thread2864.html

เห็นคล้ายๆ กันอะครับ

แท้หรือป่าว รอฟันธงอีกที ครับ

3734
ข้อมูลแน่นดี ครับ อยากมีใว้สักองค์

3735
ไม่ทรายเลย ครับ แต่งามมากๆเลย ครับ เนื้อสัมฤทธิ์เงินด้วย
ตาผมไม่ถึง ครับ แต่พิมแบบนี้เคย เห็นอยู่ครับ สำหรับวัดปากทะเล

ไงรอผู้รู้ต่อไป ครับ เป็นกำลังใจให้ ครับ งามดี ครับ ท่าน

3736
พอจะทราบไหมครับว่าผ้ายันต์เป็นของ เกจิ ท่านใด
 :017:  :017:  :017:  :017:  :017:  :017:

ไม่ทราบอะครับ เปงของปู่ผมอะครับ เหอๆๆ  ใครมีข้อมูล ก็บอกกานมั่งนะครับ ผม

ปู่ผมก็เสียไปและอะครับ จะเรียกมาถามก็เกรงใจ  :002:

3737


กระดานชนวนครับ เป็นกระดานสมัยก่อน ที่พระเกจิอาจารย์ ใว้เขียนตำรายันต์และอีกขระ รวมถึง เขียนดวงเพื่อดูฤกต่างๆ ครับ

และพระเกจิ ยังใช้ กระดานนี้เขียนสูตรยันต์ เพื่อทำผงอธิเจ อันศักสิทธิ์ในการสร้างพระเครื่องด้วยครับ

รวมทั้งในสมัยหลวงพ่อโต แห่งวัดระฆัง ก็ใช้ กระดานนี้ เขียนสูตรยันต์ เพื่อสร้างผง ผสมพระสมเด็จวัดระฆังด้วย ครับ

และกระดานนี้ยังมีบทบาท ใว้ใช้สำหรับเรียนหนังสือ ในสมัยก่อนด้วย ครับ

3738



ผ้ายันต์ม้าเสพนางมหานิยม เก่าเก็บเพิ่งงัดออกจากรอบที่บ้านครับ ทำจากจีวรครับ (แกะไม่ระวังขาดเลยครับ เหอๆ)T_T

เลยเอามาให้ชม ครับ ติชมได้นะครับ
  :002:

3739
แหะๆ ทางเวปก็น่าจะมีอยุ่นะครับ ท่าน  :002:

3740
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าด้วยนะครับ ช่วยหาข้อมูลหน่อยนะครับ  :054:

3745
ดีและครับ ขออนุโมธนาด้วยนะครับ ......... สิ่งดีๆเกิดขึ้นได้เมื่อมองเห็นธรรม ครับ

ใว้มีโอกาศ ก็เค่ยไปเช่าได้ครับ ....ไม่เป็นไร ครับ เก็บความรู้สึกดีๆใว้ก็พอ ครับ

3746
บทความ บทกวี / ตอบ: สามคำสั้นๆ
« เมื่อ: 16 ม.ค. 2552, 11:23:29 »
เป็นความทรงจำที่ดี ครับ ......สำหรับตัวผมเอง ก็นึกถึงสมัยก่อนอยู่เสมอ ครับ ...

เป็นคำที่น่าคิดดี ครับ ..... สวัดดีครับ

3747
ทราบองค์เดียวครับ คือสมเด็จหลังตราโล่ตำรวจครับ
เขาว่าจะทำให้เหมือนเป็นของบางขุนพรหมรุ่นพลตร.อ. เผ่า ศรียานนท์ สร้างปี 2495
เลยเอาตราโล่ตำรวจใส่เข้าไปซะงั้น
รุ่นนั้นมีหลายพิมพ์ก็จริง แต่ด้านหลังไม่มีตราตำรวจ หรือตราใดๆทั้งสิ้น

สรุปเท่าที่ผมทราบมา ไม่น่าจะดีนะครับท่านเอ็ม และท่านโจร

องค์อื่นๆ รอผู้รู้มายืนยันอีกทีครับ 

  

หมายถึงสมเด็จเผ่าเหรอครับ เหอๆๆๆๆๆๆ

3748
เสือเหลียวหลัง ผมไม่ทราบครับ

แต่ถ้าหนุมาน หะนุมานะ เป็นคาถาหัวใจหนุมานอะครับ ใช้ได้กับหนุมานทั่วๆไป ครับ

3749
เหอๆๆๆ ไม่ทราบเลย ครับ ว่าของหลวงพ่อหรือป่าว ดูมะเปง ครับ

รอผู้รุ้มาฟันธง ต่อไป ครับ

3750
ยันต์รูปบนหน้าจะเป็นยันต์ เฑาะ นะครับ ผม  แต่ข้างล่าง และ ข้างๆที่ล้อมยันต์ ผมมองไม่ชัดอะครับ

สวยงามมากเลย ครับ

3751
น่าสนใจมากเลย ครับ  อยากฝัง ครับ  ต้องไปหาพระอจารย์ปุ้ม กับ พระอาจารย์ป้อม มั้งและครับ ขอบคุณข้อมูลดีๆนะครับ

ไงพี่ช่วย PM ค่าครูมาอบกกันมั่งนะครับ ขอบคุณครับ

3752
+ + +

นอนหลับที่ประจำผมเลยนะนั่น 555+


น้องตั้นว่างฯแวะมาหาพี่มั่งนะคับ



0.O"

พี่ก็ระวังใว้นะครับ ....555+ ทีใครทีมัน

3753
มนัสการ ครับ สุดยอดเลย ครับ .....น่าศรัทธามาก ครับ  ผมชอบสายพระแบบนี้หละครับ

ขอกราบด้วยความเคารพ ครับ  :054:

3754
ขอบคุณครับ ผมไม่ถนัดทางนี้เลย ครับ ได้ความรู้ดี ครับ อิอิ

3756
ยินดีด้วยนะครับ ของเขาดีจริงๆ ครับ  :002:

3757
ไม่น่าจะหลุดนะครับ แหะๆ หากเป็นสายพระพุทธคุณไม่ใช่สายพลาย

พิธีการสวดภานยัก เป็นพิธีขับไล่ภูตผีปีศาจ และสิ่งอัปมงคล รวมถึงคุยไสย์สายดำด้วย ครับ

เพราะภาณยัก หมายถึงยักษ์ พูด ครับ หากผีหรือวิญญาณอะไรที่ได้ฟังบทนี้แล้วควรจะออกให้ใวเลย ครับ

หากสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม พี่สิบทัศ เอามาลงใว้นะครับ ลองอ่านดู ครับ

และส่วนมากยันต์อักขระต่างๆ จะมีความหมายเกี่ยวกับพระทั้งนั้นอะครับ เช่นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์  ไม่หลุดหลอก ครับ

ของแบบนี้ไม่ได้เสื่อมหรือหลุดกันง่ายๆหลอก ครับหากไม่มีใครคัด แต่คนคัดต้องเก่งพอสมควร ครับ

ของไม่เสื่อมหลอกครับ ใจคนเสื่อม ของก็จะเสื่อมตามครับ ทำความดีใว้ ครับ

3758
ผมว่าลักษณะของหนุ่มๆชาวบางพระโดยทั้วไป รอบอก มันจะเล็กกว่ารอบเอวน่ะสิครับพี่ชาญ..

..ยันต์ทางด้านทำมาหากิน ส่งผลดีเป็นพิเศษ...

..อกได้ แต่พุงออกกันเป็นแถวเลย..

..ผมด้วย  05;..

ผมด้วย ครับ 555555

3760


ท่านอาจารย์ลำใย หรือหลวงพ่อลำใย แห่งวัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ท่านเป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีกิจวัตรอันประเสริฐยิ่ง ตลอดชีวิตแห่งการดำรงเพศพรหมจรรย์

นับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรจวบจนกระทั่งอุปสมบทเป็นพ ระภิกษุในพระพุทธศาสนา ยาวนานกว่า 60 ปี

คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสมไว้แก่พระพุทธศาสนา และสังคมประเทศชาติ มากมาย

จนมิอาจจะกล่าวได้หมดในเวลาอันสั้นนับแต่ได้รับภาระเ ป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า เป็นเจ้าคณะตำบล

เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ และเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากจะพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง ได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกรมการศาสนาแล้ว

ท่านยังสร้างวัดและร่วมพัฒนาวัดทั้งในเขตปกครองและนอ กเขตปกครองอีกกว่า 200 วัด เป็นประธานหาทุนทรัพย์สร้าง?โบสถ์?

?ศาลาการเปรียญ? อีกกว่า 100 วัด สร้าง?โรงเรียน? ทั้งมัธยม-ประถม (รวมที่ดินและอาคารเรียน) กว่า 10 แห่ง

(โรงเรียนมัธยมวัดทุ่งลาดหญ้า-หลวงพ่อลำใย อุปถัมภ์ ได้รับการยกระดับเป็นโรงเรียนมัธยมระดับตำบลเป็นแห่ง แรกของประเทศไทย)

หลวงพ่อสร้าง?สถานีอนามัย?มอบให้แก่ทางราชการทั้งอาค าร และที่ดินนับได้ประมาณ 20 แห่ง

ครั้งหลังสุดเพิ่งสร้าง?สถานพยาบาลบ้านพักคนชรา?บนเน ื้อที่ราว 70 ไร่ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท

มอบให้แก่กรมประชาสงเคราะห์ และห้องสมุดประชาชนกาญจนาภิเษก ต.ลาดหญ้า พร้อมที่ดิน มูลค่ากว่า 20 ล้าน(ที่ดินติดถนนใหญ่)

มอบให้แก่กรมการศึกษานอกโรงเรียนหลวงพ่อสร้าง?ระบบปร ะปา?มอบให้แก่หมู่บ้านต่างๆหลายสิบแห่ง

และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตรงด้านหน้าวัดทุ่งลาดหญ้า มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และอีกแห่งตรงช่วงที่ผ่านตำบลหนองบัว

มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท มอบให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ในส่วนของการ?สงเคราะห์?ผู้ยากไร้

หลวงพ่อได้กระทำอย่างต่อเนื่องนับเป็นเวลาหลายสิบปี ท่านเป็นธุระจัดหาข้าวสารอาหารแห้งให้แก่สถานสงเคราะ ห์คนชราที่ท่านสร้างขึ้น

และทุกวันที่ 14 เมษายน หลวงพ่อจะจัดงานเทกระจาด แจกข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นแก่ผู้ยากไร้

เป็นงานประจำปีที่วัดทุ่งลาดหญ้าในเขตปกครองของท่าน คืออำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นอำเภอติดชายแดน มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้ง มอญ กระเหรี่ยง และกระหร่าง เป็นอำเภอที่ทุระกันดานมาก ในช่วงเข้าพรรษา ท่านก็จะนำข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงสิ่งของจำเป็น

ไปแจกจ่ายแก่พระสงฆ์ตามวัดต่างๆอย่างทั่วถึงนับเป็นร ัอยวัด ทำให้เขตปกครองของท่านมีความสงบเรียบร้อยมาก

ซึ่งเป็นผลดีต่อบ้านเมืองจากผลงานและจริยาวัตรอันประ เสริฐของท่าน ทำให้ท่านได้การยกย่องเชิดชูจากสถาบันต่างๆมากมาย

รวมถึงได้รับพระราชทาน?เสมาธรรมจักร?ในฐานะ?คนดีศรีส ังคม?จากสมเด็จพระเทพฯ

โครงการที่ท่านกำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ คือการสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

ภายในบริเวณวัดทุ่งลาดหญ้า ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน น่าเสียดายที่ท่านด่วนจากไป 

ด้วยความดีอันมากล้นของหลวงพ่อ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามั ญ ที่ พระมงคลสิทธิคุณ

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2539 คนๆหนึ่ง พระสงฆ์รูปหนึ่ง เกิดมามีชีวิตที่ไม่สูญเปล่า สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมประเทศชาติมากมาย

ตลอดชีวิตของท่านมีแต่การให้และการเสียสละโดยไม่เห็น แก่ความเหนื่อยยากลำบากกายใดๆ ท่านได้ทำหน้าที่"พระสงฆ์"

ที่สมควรกราบไหว้จนถึงนาทีสุดท้ายแห่งชีวิต สมควรที่เราทั้งหลายจะยกย่องเชิดชูให้เป็น?ปูชนียบุค คลอันประเสริฐ


ข้อมูลจากเวป
http://romphosai.com/forums/forum15/thread4720.html

3761
ดูไม่เป็นเลย ครับ ....... แต่พื้นๆทั่วไปก็ดี ครับ

ไงรอลุงอเมชซิ่ง และพี่หอมเชียงมา ฟันธง อีกที ครับ

เป็นกำลังใจให้ ครับ

3762
พยายามเข้านะครับ สู้ ครับ

3763
ขออนุญาตลงรูปหลวงพ่อโสธร อีกทีนะครับ (แกะพลาสสติกออกเลยครับ แหะๆ เพื่อความชัดเจน)





3764




หลวงพ่อโสธร ไข่เล็ก 2509 แบบไม่ใช่ เนื้อเงินถมดำ แบบนี้มีในสาระบบ ปะครับ

ขอบคุณครับ

3765
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนในบอร์ดนี้ด้วยครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

ยินดีที่รู้จักครับ  :002:

3766





องค์ที่ 3 วัดไหนครับ แท้หรือป่าว ครับ


ช่วยดูให้หน่อยนะครับ ทั้ง 3 องค์ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าด้วย ครับ

3767




องค์ที่ 2 หลวงปู่ศุข ครับ แท้หรือป่าวครับ ออกวัดไหน ครับ มีในสาระบบใหม ครับ

3768






องค์แรกพระคันธราช แท้หรือไม่แท้ ครับ ขอบคุณครับ

3769
ขอบคุณมากเลย ครับ

3770
ขอให้หลวงปู่หายอาพาธเร็วๆด้วย ครับ สาธุ ครับ

3771


ขอสาธุ อนุโมธนาบุญทุกท่านด้วยนะครับ

3772


บอก ว่า ในอดีตที่ผ่านมานั้น เหรียญที่ระลึกในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพอันเป็นที่นิยมของนักสะสม เหรียญในอันดับต้นๆ มีอยู่ ๒ เหรียญ คือ

 เหรียญที่ระลึกของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ "เสด็จเตี่ย" สิ้นพระชนม์ ที่ ต.หาดทรายรี เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๖๖ สิริพระชนมายุ ๔๔ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๖๖

 ลักษณะของเหรียญ เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด มี ๓ เนื้อ คือ เนื้อทองคำ ค่านิยมประมาณ +-+ บาท เนื้อเงิน ค่านิยมประมาณ + บาท และเนื้อทองแดง ค่านิยมประมาณ + บาท

 
ส่วนอีกเหรียญหนึ่ง คือ เหรียญช้างสามเศียร เป็นเหรียญที่ระลึกในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ทั้งนี้ประชาชนชาวไทยได้พร้อมใจกันถวายพระนามแด่พระองค์ว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง หรือ สมเด็จพระปิยมหาราช โดยเสด็จสวรรคตเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ ปีจอ ตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในปีเดียวกัน ณ บริเวณท้องสนามหลวง 

 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ มีพระราชดำริให้นำ เหรียญเงินหนึ่งบาท ตราช้างสามเศียร ร.ศ.๑๒๗ ที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างก่อนที่จะเสด็จสวรรคต นำมาเป็นของที่ระลึกใช้พระราชทานในงาน มี ๓ ชนิด คือ

 ๑. ตลับเงินเหรียญคู่ หรือกล่องคู่ (ตลับเงินใหญ่) มีเหรียญบาทช้างสามเศียร ร.ศ.๑๒๗ จำนวน ๒ เหรียญ โดยวางสลับด้านกัน ด้านบนของตลับมีข้อความว่า "งานพระบรมศพ" ด้านล่างมีคำว่า "ร.ศ.๑๒๙" เป็นเหรียญที่พระราชทานแก่ข้าราชการฝ่ายใน ชั้นผู้ใหญ่ 


๒. ตลับเงินเดี่ยว หรือกล่องเดี่ยว (ตลับเงินเล็ก) มีลักษณะคล้ายตลับเงินเหรียญคู่ แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยฝาตลับจะมีเพียง ๑ เหรียญเท่านั้น ด้านบนของตลับมีข้อความว่า "งานพระบรมศพ" ด้านล่างมีคำว่า "ร.ศ.๑๒๙" เป็นเหรียญที่พระราชทานแก่ข้าราชการฝ่ายใน ชั้นผู้น้อย

 และ ๓. แผ่นเงินพระศพ มีลักษณะด้านหน้าเป็นรูปพระเมรุ ด้านบนเป็นรูปเมฆ ด้านล่างมีข้อความว่า "งานพระบรมศพ ร.ศ.๑๒๙" บริเวณมุมขวามีเหรียญเงิน ร.ศ.๑๒๗ อยู่ในวงกรอบกนก ด้านหลังไม่มีข้อความ หรือลวดลายใดๆ 

 ปัจจุบันตลับเงินเหรียญคู่ ตลับเงินเหรียญเดี่ยว รวมทั้งแผ่นเงินพระบรมศพ ที่สวยสมบูรณ์ หาชมได้ยากมาก และถือว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่า





 ทั้ง นี้ นายอรรถวัติได้ให้เหตุผลของค่านิยม เหรียญเสด็จเตี่ย ที่สูงกว่าเหรียญช้างสามเศียรว่า น่าจะเกิดจากเหรียญเสด็จเตี่ยเป็นเหรียญเดียวของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รวมทั้งเป็นเหรียญที่ พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ปลุกเสกก่อนที่จะนำมาเป็นเหรียญที่ระลึก

 ส่วน เหรียญช้างสามเศียร เป็นเหรียญที่สั่งมาเพื่อใช้เป็นเงินตราในการซื้อขายสิ้นค้า แต่ยังมิทันถูกนำมาใช้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเสียก่อน ขณะเดียวกัน ก็มีเหรียญชนิดอื่นที่ออกในสมัย ร.๕ จำนวนมากอยู่แล้ว

 นอกจากนี้แล้ว นายอรรถวัติ ยังบอกด้วยว่า เหรียญตาย ซึ่งหมายถึงเหรียญพระเกจิอาจารย์ ที่ลูกศิษย์สร้างขึ้นหลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว เพื่อเป็นอนุสรณ์ในคุณงามความดีของท่าน หรือสร้างไว้เป็นที่เคารพสักการะ เป็นต้น ปกติเหรียญตายจะไม่ค่อยน่าสนใจ เพราะครูบาอาจารย์ เจ้าของเหรียญได้จากไปแล้ว ค่านิยมที่แท้จริงของวัตถุมงคลที่แจกในงานศพนั้น ต้องดูกันในระยะยาว

 สำหรับวัตถุมงคลที่แจกในงานศพยอดนิยมอันดับต้นๆ ต้องยกให้ เหรียญพระครูอรรถธรรมรส หรือ "พ่อท่านซัง" อดีตเจ้าอาวาสวัดวัวหลุง และอดีตเจ้าคณะแขวงอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกท่านหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคม ที่สำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง 

 เหรียญพ่อท่านซัง เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพของท่าน เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ โดยท่านมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๔๗๘ คณะศิษย์เก็บศพของท่านไว้เป็นเวลาปีเศษ จึงขอพระราชทานเพลิงศพ

 ตอนนั้นทางวัดได้นำเหรียญรุ่นนี้วางไว้ตรงหน้าสรีระของพ่อท่าน ใครจะหยิบไปอย่างไรก็ได้ ทำบุญหรือไม่ก็ตามใจ

 เหรียญนี้ถึงแม้ว่าจะสร้างออกมาตอนที่ท่านมรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ก็ได้ผ่านการปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะด้านอยู่ยงคงกระพัน ที่มีประสบการณ์ปรากฏมาหลายครั้ง

 แม้ว่าจะเป็นเหรียญเนื้อทองแดง สภาพสวยสมบูรณ์ เช่าหากันราคาสูงถึง +-+บาท จำนวนสร้างน่าจะอยู่ในหลักพัน
ที่มา...หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข้อมูลมาจากเวป http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538708351&Ntype=40

3773
มาชมเหรียญรุ่นแรก อีกบล็อคครับ รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของหลวงพ่ออวยพร แต่ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อเงิน ครับ
ออกมาพล้อมกับเหรียญเสมา รุ่นแรก ของหลวงพ่ออวยพร ที่ว่าปืนยิงไม่ออกอะครับ

เหรียญนี้ได้เป็นของขวัญพิเศษของผม ครับ ....ได้มาจากพี่สิบทัศใจดี แห่ง วัดบางพระ ครับ

ต้องขอบคุณนะที่นี้ด้วย ครับ .....





3775
ขอให้บารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูบาอาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น ตลอดสิ่งศักสิทธิ์ ทั้งหลาย คุ้มคอง ครับ

โชคดีมีความสุข จะทำการสิ่งใดสมดั่งใจปราณถนา นะครับ

สุขวันวันเกิด ครับ ......อย่าลืมนะครับ วันเกิดคือวันที่คุณแม่เราเจ็บปวดครับ ดูแลท่านดีๆนะครับ
และไปทำบุญด้วยจะเป็นสิริมงคล อย่างยิ่ง ครับ

3776
หากผม ใช้พื้นที่ของเวปเยอะต้องขออภัยพี่ๆ เวปมาสเตอร์และผู้ดูแลด้วยนะครับ
จุดประสงฆ์ ที่นำภาพมาให้ชม เพื่อเป็นแนวทาง วัตถุมงคลของหลวงปู่อะครับ

ขอบคุณครับ

ขอเสริมเรื่องเหรียญเสมารุ่น 2 ครับ เหรียญเสมารุ่น 2 นั้นความจริงเป็นบล็อคเดียวกับเสมาใหญ่รุ่นแรก ของหลวงปู่นะครับ
เพียงแต่สร้างออกมาทีหลัง เพระเหรียญรุ่นแรก นั้นแจกไม่พอ ครับ

ประสบการณ์ เข็มฉีดยาแทงไม่เข้า ครับ สุดยอดเลย ครับ

3781
งานนี้ต้องไปสมุทสงครามเร็วๆและหละครับ

3782
ดูไม่เป็น ครับพี่
สงสัยผมต้องไปลื้อหลังคาบ้านมามั่งและครับ 5555++

3783
นั่งรถไฟก็สนุกดี ครับ .....แต่เวลาผมไปยืนเล่นตรงข้อต่อรถ เพื่อนผมเข้าห้องน้ำทีไร ปัสสวะ ฟุ้งกระจายเต็มหน้าไปหมดเลย ครับ 5555+

3784
ผมเป็นคนไม่เล่รการพนัน ครับ ..... แต้ข้อมูลดีมากเลย ครับ
เผื่อใว้ไปใช้เล่นจับรางวัล ครับ ขอบคุณครับ

3785
อยู่ที่เจตนาครับ ทำดีย่อมได้ดี ......สาธุ ครับ

3786
ผมเองก็เป็นคนนึงที่นับถือหลวงพ่อมาก ครับ หลวงพ่อท่านเมตตาจารและทำตะกรุดให้ฟรีๆเลย ครับ โดยตะกรุดดอกนี้ผมใช้ติดตัวทุกวัน ครับ

3788
โชคดีจังเลย ครับ พี่ ........สาธุบุญด้วยนะครับ แหม ได้ของดีมาอีกแล้ว ใว้ผมจะไปบ้าง ครับ

3790
ผมเคยแต่เห็นนะครับ ผมก็ไม่สามารถบอก ลายละเอียดได้ กระดาษก็คงเป็นแบบพี่ๆ ที่เขาเขียนใว้ให้ข้างบนหนะครับ

ส่วนเมจิกที่ผมเห้นจะเปงแบบ ด้ามใหญ่ๆสีน้ำเงินอะครับ

3791





ช่วยดูให้หน่อยนะครับ ทุกท่าน โทษทีครับ มือสั่น ไม่มีขาตั้งโต๊ะอ่า ครับ

รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าเลย ครับ
   :002:

3793
สักเลย ครับ เมจิก ที่ใช้ ผมเห็นเป็นแบบหัวเดียวนะครับ  และเปงสีน้ำเงิน ครับ
แต่ผมเห็นตอนสัก ลอกลายเสร็จ กว่าจะเอาไปแปะ ก็ นานพอสมควร ครับ ผมก็ไม่แน่ ใจ ครับ ขอบคุณ


และที่บอกว่าลอกลายด้วยเมจิกหมายถึง ลอกลายจากแบบเลย ครับ  ไม่ใช่ลอกลายจากแบบ และเอาเมจิกลอกลายอีกที ครับ



3794




เหรียญนี้ออกที่วัดอื่นนะครับ  ไม่ได้ออกที่วัดวัดเจติยาคีรีวิหาร ครับ อิอิ

3795
ว่าแล้วมาเข้าเรื่องพระเครื่องด้วย ครับ ..นายตะกรุด นำพระเครื่องมาให้ผมลงรูปให้ครับ ก็ช่วยพิจณากันตามระเบียบเลยนะครับ

ส่วนผม พูดได้คำเดียว ครับ ผมดูไม่เป็น 5555+




3796
สงสัย ผมท่าจะตกเทรนนะครับ ..... :075:
ฟังเพลงก็แต่แนวเศร้า กับเพื่อชีวิต
ส่วนทรงผมก็แบบคุณแม่ขอร้องอะครับ 555+ :007:

ท่าจะตามเทรนไม่ทันและครับผม 5555555

3797
ผมเคยเห็นนะครับ .... วาดแบบรูปเสร็จแล้ว จะใช้กระดาษที่มันสีขุ่นๆอะครับ และเอาปากกามีเมจิก เขียนตามแบบพิม
และก็เอาน้ำมัน มาทาที่ผิมหนัง บวกแป้ง เสร็จ ก็เอาลายในกระดาษที่เขียนด้วยเมจิก มาแปะที่ผิวหนัง
ลายที่ลอกใว้ก็จะติด และก็สักตามนั้นเลย ครับ

เอ...แต่ผมไม่ทราบว่า กระดาษที่เขาใว้ใช้ลอกลาย คือกระดาษอะไร  บางๆขุ่นๆๆ อะครับ

ส่วนตัวผม แบบเดิมๆ อะดีและครับ ขลังดี  :002:

3798
ผมก็ไม่เค่ยเห็นมีใครสักยันต์ยักนะครับ แต่ก็อาจจะมี ครับ ไม่แน่ใจ ส่วนมากจะเห็นแบบเป็นผ้ายันต์เสียมากกว่า
ส่วนหนุมาน กับ ยัก ถ้าจะสัก สักหนุมานดีกว่า ครับ เพราะเวลารบกัน หนุมานชนะเสมอ ครับ  :002:


ส่วนท่านท้าวเวศสุวรรณ

  ท้าวกุเวร หรือ ท่านท้าวเวสสุวรรณ นั้น ส่วนมากเราจะพบเห็นในรูปลักษณ์ของยักษ์ ยืนถือกระบองยาว หรือ คทา (ไม้เท้าเป็นรูปกระบอง) กันซะส่วนใหญ่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีรูปเคารพของท่านในรูปของชายนั่งในท่า มหาราชลีลา มีลักษณะอันโดดเด่นคือ พระอุระพลุ้ย อีกด้วย กล่าวกันว่า ผู้มีอาชีพสัปเหร่อ หรือ มีอาชีพประหารชีวิตนักโทษ มักพกพารูปท้าวเวสสุวรรณ สำหรับคล้องคอเพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัย จากวิญญาณร้าย ที่จะเข้ามา เบียดเบียน ในภายหลัง ภาพลักษณ์ของท้าวกุเวร ที่ปรากฎในรูปของชายพุงพลุ้ย เป็นที่เคารพนับถือ ในความเชื่อว่า เป็นเทพแห่งความร่ำรวย แต่ท้าวกุเวรในรูปของท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งมาในรูปของยักษ์ เป็นที่เคารพ นับถือว่า เป็นเครื่องราง ของขลัง ป้องกัน ภูติผีปีศาจ

?สารานุกรมไทย? ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน เล่มที่ 3 หน้า 1439

กล่าวถึง ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ ไว้ว่า กุเวร-ท้าว พระยายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ มียักษ์ และคุยหกะ (ยักษ์ผู้เฝ้าขุมทรัพย์) เป็นบริวาร ท้าวกุเวรนั้น บางทีก็เรียกว่า ท้าวไวศรวัน (เวสสุวรรณ) ภาษาทมิฬ เรียก กุเวร ว่า กุเปรัน ซึ่งมีเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์ว่า เป็นพี่ต่างมารดาของ ทศกัณฐ์ และทศกัณฐ์ไปแย่งบุษบก ของท้าวกุเวรไป ท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการ ผิวขาว มีฟัน 8 ซี่ และมีขาสามขา (ภาพท้าวเวสสุวรรณจึงมักเขียนท่ายืนแยงแย ถือไม้กระบองยาว อยู่หว่างขา) เมืองท้าวกุเวร ชื่อ อลกาอยู่ บนเขาหิมาลัย มีสวนอุทยานอยู่ไหล่เขาแห่งหนึ่ง ของเขาพระสุเมรุ ชื่อว่า สวนไจตรต หรือ มนทร มีพวกกินนร และคนธรรพ์เป็นผู้รับใช้ ท้าวกุเวรเป็นโลกบาล ประจำทิศเหนือ จีน เรียกว่า โต้เหวน หรือ โต้บุ๋น ญี่ปุ่น เรียก พสมอน

ท้าวกุเวรนี้ สถิตอยู่ยอดเขายุคนธรอีสานราชธานี มีสระโกธาณีใหญ่ 1 สระ ชื่อ ธรณี กว้าง 50 โยชน์ ในน้ำ ดารดาษไปด้วยประทุมชาติ และคลาคล่ำไปด้วย หมู่สัตว์น้ำต่างพรรณ ขอบสระมีมณฑป ชื่อ ภคลวดี กว้างใหญ่ 12 โยชน์ สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ปกคลุมด้วยเครือเถาภควดีลดาวัลย์ ซึ่งมีดอกออกสะพรั่งห้อยย้อยเป็นพวงพู ณ สถานที่นี้ เป็นสโมสรสถาน ของเหล่ายักษ์บริวาร และยังมีนครสำหรับเป็นที่แปรเทพยสถานอีก 10 แห่ง ท้าวกุเวรมียักษ์ เป็นเสนาบดี 32 ตน ยักษ์รักษาพระนคร 12 ตน ยักษ์เฝ้าประตูนิเวศ 12 ตน ยักษ์ที่เป็นทาส 9 ตน

นอกจากนี้ยังมีกล่าวว่า ท้าวเวสสุวรรณยังมีกายสีเขียว สัณฐานสูง 2 คาวุต ประมาณ 200 เส้น มีอาวุธเป็นกระบอง มีพาหนะ ช้าง ม้า รถ บางทีปราสาท อาภรณ์มงกุฎประดับรูปนาค ดำรงอิสริยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์ มีบริวารแสนโกฏิ ถือโล่แก้ว ประพาฬ หอกทอง

ลัทธิความเชื่อของพราหมณ์

กล่าวถึงประวัติของท้าวเวสสุวรรณไว้ว่า ทรง เป็นโอรสของ พระวิศรวิสุมนี กับ นางอิทาวิทา แต่ในมหาภารตะว่า เป็นโอรสของพระปุลัสต์ ซึ่งเป็นบิดาของ พระวิศรวัส กล่าวว่า ด้วยเหตุที่ท้าวกุเวร ใฝ่ใจกับท้าวมหาพรหม เป็นเหตุทำให้บิดาโกรธ จึงแบ่งภาคเป็น พระวิศวรัส หรือ มีนามหนึ่งว่า เปาลัสตยัม ซึ่งรามเกียรติ์ไทยเรียกว่า ลัสเตียน

ท้าวลัสเตียน หรือ พระวิศวรัสซึ่งเป็นภาคหนึ่งของ พระวิศรวิสุมนี นั้น ได้นางนิกษา บุตรีท้าวสุมาลีรักษา เป็นชายา มีโอรสด้วยกันคือ ทศกัณฐ์ กุมภกรรณ พิเภก และ นางสำมะนักขา ดังนั้น ท้าวกุเวร จึงเป็นพี่ชายต่างมารดา และร่วมบิดาเดียวกับทศกัณฐ์ เหตุที่ท้าวกุเวรผิดใจกับผู้เป็นพ่อ เพราะไปฝักใฝ่กับท่านท้าวมหาพรหม ซึ่งเป็นเทวดา ทำให้ผู้เป็นพ่อ คือ พระวิศรวิสุมนีโกรธ เพราะถือทิฐิว่า ตนเป็นยักษ์ ที่เป็นเทวดาต่ำศักดิ์กว่า ไม่ควรไปยุ่งกับเทวดา ที่บนสวรรค์ชั้นสูงกว่า เห็นคนอื่นดีกว่าพ่อของตน ก็เลยแบ่งภาคออกไปมีเมียใหม่ ลูกใหม่ ซะเลย ที่ท้าวกุเวร มีใจฝักใฝ่กับท่านท้าวมหาพรหมนั้น เป็นเพราะท้าวกุเวรนั้น ต้องการบำเพ็ญตบะบารมี หรือ สร้างสมความดี ด้วยการเข้าฌาน และบำเพ็ญทุกรกิริยา นานนับพันปี จนท่านท้าวมหาพรหมโปรดปราน ประทานบุษบกให้ อันบุษบกนี้ หากใครได้ขึ้นไปแล้ว สามารถล่องลอยไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ

เดิมทีนั้น ท้าวกุเวรครองกรุงลงกา ซึ่งมีพระวิศกรรม เป็นผู้สร้างให้ แต่นางนิกษา ได้ยุยงให้ทศกัณฐ์ ชิงกรุงลงกา มาจากท้าวกุเวร ทั้งยังชิงเอาบุษบกอันพระพรหมได้ประทานแก่ท้าวกุเวรมาด้วย ดังที่ได้บอกเอาไว้แล้วว่า บุษบกนี้ สามารถลอยไปไหนมาไหนได้ดังใจนึก แต่มีข้อห้ามมิให้หญิงที่ถูกสมพาส (แปลว่า การอยู่ร่วม การร่วมประเวณี) จากชาย 3 คน นั่ง ซึ่งต่อมานางมณโฑ ได้นั่งบุษบก จึงไม่สามารถ ที่จะลอยไปไหนมาไหน ได้อีกเลย สำหรับ นางมณโฑ ที่แต่เดิมเป็นนางฟ้า ที่พระอิศวรประทานให้กับทศกัณฐ์ ต้องกลายมาเป็นหญิงสามผัว ด้วยเหตุที่ว่า เมื่อทศกัณฐ์ได้รับตัวนางมณโฑจากพระอิศวรมาแล้ว ก็อุ้มพานางเหาะกลับมายังกรุงลงกา ขณะที่เหาะข้าม มาระหว่างทาง ได้เหาะข้ามเมืองขีดขิน ซึ่งมี ?พาลี? เป็นเจ้าเมือง พาลีโกรธ ที่ทศกัณฐ์บังอาจ อุ้มหญิงสาว เหาะข้ามหัว โดยไม่เกรงใจ จึงเหาะขึ้นไปรบกับทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์สู้ไม่ได้ เพราะพาลีได้รับพร จากพระอิศวรว่า หากรบด้วยผู้ใด ศัตรูผู้นั้นจะมีกำลังลดลงครึ่งหนึ่ง หรือมีความสามารถลดน้อยกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง เมื่อทศกัณฐ์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จึงถูกพาลีแย่งชิงเอานางมณโฑไปเป็นมเหสี ต่อมา เมื่อพาลีคืนนางมณโฑ ให้กับทศกัณฐ์แล้ว เมื่อตอนที่หุงน้ำทิพย์ ?หนุมาน? ได้เข้าไปทำลายพิธี โดยปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ แล้วร่วมสังวาส กับนางมณโฑ นางมณโฑ จึงเป็นหญิงที่ผ่านการสมพาสชายมาถึง 3 คน คือ พาลี ทศกัณฐ์ และ หนุมาน เมื่อทศกัณฐ์ ให้นางมณโฑ ขึ้นนั่งบุษบกนี้ทีหลัง บุษบกก็เกิดการขัดข้องทางเทคนิค ไม่ลอยไปไหนมาไหน ตามต้องการ เหมือนเก่า

ครั้นเมื่อท้าวกุเวรต้องเสียกรุงลงกาไปแล้ว ท้าวมหาพรหมท่านก็สร้างนครให้ใหม่ ชื่อ ?อลกา? หรือ ?ประภา? อันตั้งอยู่ที่เขาหิมาลัย มีสวนชื่อ ?เจตรรถ? อยู่บนเขามันทรคีรี อันเป็นกิ่งแห่งเขาพระสุเมรุ บ้างก็ว่า ท้าวกุเวร อยู่ที่เขาไกรลาส ซึ่งพระวิษณุกรรมเป็นผู้สร้างให้

   
     
   

ความเชื่อตามพระพุทธศาสนา

ในพระสูตรที่ชื่อว่า ?อาฏานาฏิยะ? กล่าวว่า ท้าวกุเวร ตั้งเมืองอยู่ในอากาศ ข้างทิศที่อุตรกุรุทวีป (เหนือ) และ เขาพระสุเมรุ ยอดสุทัศน์ (ที่เป็นผาทอง) ตั้งอยู่ มีราชธานี 2 ชื่อ คือ อาลกมันทา และ วิสาณา มีนครอีก 8 นคร

ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณนั้น ยังมีชื่ออีกหลายชื่อ เช่น ธนบดี หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์ ธเนศวร หมายถึง ผู้เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ อิจฉาวสุ หมายถึง มั่งมีได้ตามใจ ยักษ์ราชหมายถึง เจ้าแห่งยักษ์ มยุราช หมายถึง เป็นเจ้าแห่ง กินนร รากษเสนทร์ หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในพวกรากษส ส่วนในเรื่องรามเกียรติ์ เรียกท้าวเวสสุวรรณว่า ท้าวกุเรปัน

ในทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงอดีตชาติของท้าวกุเวร เอาไว้ใน พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม 3 ภาค 2 - หน้าที่ 151 ว่า ในสมัยที่โลกยังว่าง จากพระพุทธศาสนา ไม่มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จอุบัตินั้น มีพราหมณ์ ผู้หนึ่ง นามว่า กุเวร เป็นคนใจดีมีเมตตากรุณา ประกอบสัมมาชีพ ด้วยการทำไร่อ้อย นำต้นอ้อย ตัดใส่ลงไปในหีบยนต์ แล้วบีบน้ำอ้อยขายเลี้ยงชีวิตตน และบุตรภรรยา ต่อมากิจการ เจริญขึ้น จนเป็นเจ้าของ หีบยนต์สำหรับบีบน้ำอ้อยถึง 7 เครื่อง จึงสร้างที่พักสำหรับ คนเดินทาง และบริจาคน้ำอ้อย จากหีบยนต์เครื่องหนึ่ง ซึ่งมีปริมาณน้ำอ้อยมากกว่าหีบยนต์เครื่องอื่น ๆ ให้เป็นทาน แก่คนเดินผ่านไปมา จนตลอดอายุขัย ด้วยอำนาจ แห่งบุญกุศลที่บริจาคน้ำอ้อยให้เป็นทานนั้น ทำให้กุเวรได้ไปอุบัติเป็นเทพบุตร บนสวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา มีนามว่า"กุเวรเทพบุตร" ต่อมากุเวรเทพบุตร ได้เทวาภิเษกเป็นผู้ปกครองดูแล พระนครด้านทิศเหนือ จึงได้มีพระนามว่า "ท้าวเวสสุวรรณ"

ตามหลักฐานในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ยืนยันว่า "ท้าวกุเวร" หรือ "ท้าวเวสสุวรรณ" เทวราชพระองค์นี้ ได้สำเร็จเป็น พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันเมื่อครั้ง "จุลสุภัททะ ปริพาชก" เกิดความสงสัยในความเป็นมาแห่ง องค์สมเด็จ พระพุทธเจ้า ท่าน "ท้าวเวสสุวรรณ" องค์นี้แหละ ที่ได้เสด็จไปร่วมต้อนรับด้วย และ ยังเป็นประจักษ์พยาน เรื่องพระมหาโมคคัลลานะ ใช้เท้าจิกพื้นไพชยนตวิมาน ของพระอินทร์จนเกิดการ สั่นสะเทือนไป ทั้งดาวดึงส์ เทวโลก อันเป็นการเตือนสติสักกะเทวราชอีกด้วย และก็เชื่อกันตาม ฎีกามาลัยเทวสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม 1 ภาค 2 - หน้าที่ 435 ว่า "คทาวุธ" ของ "ท้าวเวสสุวรรณ" นั้น เป็นยอดศัสตราวุธ มีอานุภาพสามารถทำลายโลกใบนี้ให้เป็น จุณวิจุณภายในพริบตา

จะเห็นได้ว่า ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณนั้น ท่านเป็นเทพที่สำคัญยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง ที่พิทักษ์รักษา พระพุทธศาสนา ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ท่านท้าวสักกะเทวราช หรือ พระอินทร์เลยทีเดียว ตามวัดวาอารามต่าง ๆ จะมีรูปปั้นยักษ์ 1 ตน บ้าง 2 ตนบ้าง ยืนถือกระบองค้ำพื้น ส่วนมากจะมี 2 ตน เฝ้าอยู่หน้า ประตูโบสถ์ หรือ วิหารที่เก็บของมีค่า มีพระพุทธรูป และโบราณสมบัติล้ำค่าของทางวัดบรรจุอยู่ ด้านละ 1 ตน หรือไม่ก็บริเวณลานวัด หรือที่ที่มีคนผ่านไปมาแล้วเห็นโดยง่าย บ้างก็สร้างเอาไว้ในวิหาร หรือ ศาลาโดยเฉพาะก็มี ซึ่งยักษ์เหล่านั้น ถ้าเป็น ตนเดียว ก็จะหมายถึง รูปเคารพของท้าวเวสสุวรรณ แต่ถ้าเป็น 2 ตนก็จะเป็นบริวารของท่านท้าวเวสสุวรรณ คอยทำหน้าที่ ปกปักรักษา ดูแลบริเวณวัด

ข้อมูลจากเวป  http://www.phuketvariety.com/thai/vaisravana/index.htm

3799


ภายหลังมรณภาพจากที่ท่านตกเครื่องบิน บริเวณทุ่งรังสิต จ.ปทุมธานี ขณะที่กำลังเดินทางไปเจริญพุทธมนต์ในพระบรมมหาราชวัง ภายหลังประชุมเพลิงอัฐิท่านได้แปรเป็นพระธาตุ
 
สนใจชมภาพและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวป http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13002

3800



พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย  ศิษสายหลวงปู่มั่น ครับ.


พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ท่านมีชื่อที่แท้จริงว่า จวน นามสกุล นรมาส เกิดเมื่อวันเสาร์แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ที่บ้านเหล่ามันแกว ตำบลดงมะยาง อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี

โยมพ่อของท่านมีอาชีพทำนา แต่ก็เป็นผู้ที่มีความรู้ในทางด้านสมุนไพร และรักษาแผนโบราณ เรียกได้ว่า เป็นหมอประจำหมู่บ้านก็ว่าได้ ซึ่งเป็นที่รักใคร่นับถือของบรรดาเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง

เพราะว่า บรรดาเพื่อนบ้านเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็มักจะได้อาศัยโยมพ่อของท่านพระอาจารย์จวน ได้รักษาจนหายป่วยหายไข้ นอกจากว่าจะเป็นหมอประจำหมู่บ้านไปด้วยในตัวแล้วก็ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย

โยมพ่อของท่านชื่อ สา และโยมแม่ของท่านซึ่งมีบรรพบุรุษอพยพ มาจากทางเวียงจันทน์ เป็นอุปราชของทางเมืองเวียงจันทน์ เมื่อมีภัยสงครามเกิดขึ้นจนกระทั่งเวียงจันทน์แตก

อุปราชผู้เป็นต้นตระกูลก็ได้พาครอบครัวอพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลหนองวัวลำภู และต่อมาก็ได้ย้ายถิ่นฐานบ้านช่อง มาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี จนได้มาพบกับโยมพ่อของท่าน และได้อยู่ร่วมครอบครัวเดียวกัน

โยมแม่ของท่านชื่อ แหวะ นามสกุลเดิม วงศ์จันทร์ ท่านพระอาจารย์จวน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖

หมู่บ้านตามชนบทในสมัยก่อนนั้นการศึกษาเล่าเรียนนับว่าลำบากมากพอสมควรทีเดียว เพราะโรงเรียนนั้น ไม่ได้มีไปทุกหมู่บ้าน บางโรงเรียน จะเป็นที่รวมกันของหมู่บ้านใกล้เคียง หลายๆ หมู่บ้าน ซึ่งแต่ละหมู่บ้าน บางทีต้องเดินไปเรียนหนังสือกันเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร ดังนั้นเด็ก ๆ ที่จะได้ไปเรียนหนังสือตามหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไปนั้นก็จะต้องโตพอสมควร

ท่านพระอาจารย์จวนได้มีโอกาสเข้าเรียนหนังสือที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง จนกระทั่งท่านเรียนหนังสือจบชั้นประถม ๓ โรงเรียนที่ท่านเรียนอยู่นั้นก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ บ้านโคกกลาง ซึ่งติดกับบ้านเหล่ามันแกว ใกล้ ๆ กับบ้านของท่าน

และที่โรงเรียนนี้เอง ท่านพระอาจารย์จวนจึงได้มีโอกาสเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ซึ่งในสมัยนั้นถือว่า เป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนตามชนบทนั่นเอง

ท่านพระอาจารย์จวนเป็นเด็กที่ฉลาดและขยันหมั่นเพียรเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ชั้นประถม ๑ จนถึงชั้นประถม ๖ นั้น ท่านสอบไล่ได้ที่ ๑ มาโดยตลอด

ได้รับคำยกย่องชมเชย จากครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านความประพฤติและด้านการเรียนจนเป็นที่เชื่อถือรักใคร่ของครูบาอาจารย์

ในปีที่สุดท้ายก่อนที่ท่านพระอาจารย์จวนจะออกจากโรงเรียนนั้น ได้มีพระธุดงค์องค์หนึ่งมาปักกลดอยู่ใกล้ ๆ บ้านของท่าน ท่านพระอาจารย์จวนได้ไปที่กลดของพระธุดงค์องค์นี้อยู่เสมอ

เมื่อไปสนทนากับพระธุดงค์นี้ครั้งใดก็จะบังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ถึงกับตั้งปฏิธานไว้ว่า ต่อไปจะต้องบวชอย่างท่านบ้าง

และด้วยความสนใจฝักใฝ่ในทางพระพุทธศาสนาของท่านพระอาจารย์จวน พระธุดงค์องค์นั้นจึงได้มอบหนังสือ ไตรสรณาคมน์ ซึ่งพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยคโม วัดป่าสาลวัน นครราชสีมาได้บรรยายไว้ให้

ซึ่งหนังสือนี้เป็นหนังสือที่สอนให้ได้รู้จักการเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้อย่างแท้จริง และสอนให้รู้จักวิธีการปฏิบัติภาวนาด้วย และนี่เองท่านพระอาจารย์จวน จึงได้เกิดความคิด ความเลื่อมใสศรัทธาที่จะลองปฏิบัติไปตามหนังสือนั้นดู

พระอาจารย์จวนได้เริ่มฝึกหัดสวดมนต์ ไหว้พระ และทำวัตร ตลอดจนนั่งสมาธิบริกรรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ จนกระทั่งปรากฏว่า จิตของท่านในขณะนั้นรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอารมณ์

จิตกับกายแยกกันไม่เหมือนกัน จิตอยู่เฉพาะจิต กายอยู่เฉพาะกาย เวทนาใดก็ไม่มีปรากฏเลย ท่านพระอาจารย์จวนเล่าว่า

 เวลานั้นก็ไม่รู้จักอะไรลึกซึ้ง เพราะว่าหัดเอง ทำเอง ตามลำพังแต่เพียงคนเดียว ไม่มีผู้รู้ผู้ใดมาสอนให้ก้าวหน้าขึ้น ก็ได้แต่รู้สึกว่า เมื่อได้นั่งสมาธิแล้วก็สบายดี กายเบา จิตขาวนิ่มนวลผ่องใส เหมือนนั่งนอนอยู่บนอากาศอันนิ่มนวล ทำให้จิตใจดูดดื่มมาก

 นึกอยากจะภาวนาอยู่เสมอ ๆ วันใดถ้าจิตใจไม่สบายเป็นต้องเข้าที่นั่งภาวนาให้จิตสงบอยู่เสมอ ๆ

 ท่านพระอาจารย์จวนได้ฝึกหัดปฏิบัติภาวนาพุทโธตามแบบฉบับในหนังสือ ไตรสรณาคมน์ ของท่านพระอาจารย์สิงห์นี้จนกระทั่งท่านเรียนจบ และออกมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพแล้ว ท่านก็ยังได้ฝึกหัดปฏิบัติอยู่เช่นนั้น

 เพราะโดยนิสัยส่วนตัวของท่านแล้ว ท่านพระอาจารย์จวนก็เป็นผู้ที่ฝักใฝ่ในทางวัดวามาตั้งแต่เด็ก ๆ นิสัยทางด้านของเรื่องการสร้างบาปสร้างกรรมของท่านนั้น ไม่มีเลย

ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สัตว์เล็กสัตว์น้อยท่านก็ไม่เคยทำ หรือจะเป็นการหยิบฉวยลักขโมยสิ่งของแต่อย่างใด จนแม้อาจจะกล่าวได้ว่า เข็มสักเล่มเดียวก็ไม่เคยลักไม่เคยหยิบของใครเลย

อายุของท่านย่างเข้า ๑๘ ปีในตอนนั้น ท่านพระอาจารย์จวนก็ได้มีโอกาสเข้าทำราชการที่กรมทางหลวงแผ่นดิน ในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่กรมทางหลวงแผ่นดินนี้ ท่านก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือของท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ชื่อ จตุราลักษณ์

ท่านพระอาจารย์เสาร์ได้บรรยายไว้ เกี่ยวกับเรื่องของมรณานุสติ เมื่ออ่านไปทำให้จิตใจของท่านพระอาจารย์จวนมีความสลดสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง ความสลดใจนั้นเกิดขึ้นจากคำบรรยายเป็นธรรมะของท่านพระอาจารย์เสาร์

ซึ่งได้ย้ำถึงเรื่องกรรมว่า คนเรานั้นย่อมมีกรรมเป็นของ ๆ ตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้เป็นบุญหรือเป็นบาปเมื่อยังมีชีวิตอยู่ กรรมนั้นจะเป็นทายาท ให้เราได้รับผลกรรมนั้นต่อ ๆ ไป   

 คือ หมายความว่า กรรมย่อมจำแนกสัตว์ ให้เป็นไปต่าง ๆ นานา ให้เลว ให้ดี ให้ชั่ว ให้ประเสริฐ เมื่อได้อ่านไปถึงตอนนี้ จิตใจของท่านพระอาจารย์จวนก็ยิ่งบังเกิดความสลดสังเวชใจอย่างยิ่งว่า

คนเรานั้นก็ต้องมีตายอยู่นั่นเอง ถ้าเกิดมาไม่ประกอบคุณงามความดี ก็ไม่มีประโยชน์แก่ชีวิตของตน และไม่มีโอกาสที่จะได้รับความสุขต่อไปในชาติหน้าอีก

ในขณะนั้นเองจิตใจของท่านพระอาจารย์จวนได้เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก ระหว่างนั้นเองถึงกับสละเงินที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานอยู่ที่กรมทางหลวงทั้งหมดรับเป็นเจ้าภาพสร้างมหากฐินเพียงคนเดียว นำเงินไปสร้างพระประธานสร้างส้วมในวัดจนหมด

จนกระทั่งท่านอายุได้ ๒๑ ปี ก็ได้ลาออกจากกรมทางหลวงแผ่นดินเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ ซึ่งยังเป็นฝ่ายมหานิกาย ที่วัดเจริญจิต บ้านโคกกลาง ตำบลดงมะยาง อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี พระอุปัชฌาย์ชื่อ บุ พระกรรมวาจาจารย์ชื่อ พระมหาแจ้ง และได้รับฉายาว่า กลฺยาณธมฺโม

ในขณะนั้น เมื่อบวชแล้วท่านพระอาจารย์จวน ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนนักธรรม จนสอบได้นักธรรมตรีในพรรษานั้นเอง

ในการบวชของท่านพระอาจารย์จวนนั้นเรียกกันได้ว่า เป็นพระบ้านแต่ท่านพระอาจารย์จวนก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะออกเดินธุดงค์ เพื่อเจริญรอยตามพระธุดงค์กรรมฐานที่ท่านพระอาจารย์จวนได้เคยไปกราบนมัสการเมื่อตอนที่ท่านยังเป็นเด็กอยู่

ดังนั้นเมื่อไปขอลาพระอุปัชฌาย์ก็ไม่ยอมให้ออกไปธุดงค์ ท่านพระอาจารย์จวนจึงตัดสินใจลาสิกขาบท สึกออกมาเป็นฆราวาสก่อนเป็นการชั่วคราว

หลังจากที่ได้ลาสิกขาบทเป็นฆราวาสแล้ว ท่านพระอาจารย์จวนก็ได้เดินทางไปแสวงหาพระอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน จนกระทั่งได้ไปถึงที่ สำนักวัดป่าสำราญนิเวศน์ อำเภออำนาจเจริญ ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ ๒๔ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๖

โดยมีท่านพระครูทัศนวิสุทธิ (มหาดุสิตเทวิโธ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ซึ่งเป็นศิษย์กรรมฐานของท่านพระอาจารย์มั่น พระอุปัชฌาย์รูปนี้ท่านเพิ่งได้รับแต่งตั้ง และมาบวชท่านพระอาจาย์จวน เป็นองค์แรก

ได้ตั้งฉายาให้ท่านพระอาจารย์จวนว่า กุลเชฏฺโฐ ซึ่งแปลความหมายได้ว่า พี่ชายใหญ่ที่สุดของวงศ์ตระกูลนี้ ส่วนพระภิกษุองค์ที่ ๒ ที่พระอุปัชฌาย์ รูปนี้ได้บวชให้ในเวลาภายหลัง นั่นคือ พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร แห่งวัดป่าแก้ว บ้านชุมพลนั่นเอง...

พรรษาต่อมา พระอาจารย์จวนได้ชวนพระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต ไปพำนักปฏิบัติภาวนาที่ดงหม้อทองอีก พรรษานี้มีพระเณรร่วมเดินทางไปพำนักด้วยถึง ๔ องค์ สัตว์ป่าก็ดูจะคุ้นเคยไม่เป็นข้าศึกแก่กัน

จนกระทั่งออกพรรษาแล้วก็ได้วิเวกไปทางดงศรีชมภู ทางเขตอำเภอโพนพิสัย ได้ไปพบสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ กับ ซากเมืองเก่าบริเวณแห่งนี้มีต้นจันทน์มากมาย

พระอาจารย์จวนจึงได้ขอให้ญาติโยมช่วยปลูกเป็นร้านเล็ก ๆ และ ที่ถ้ำจันทน์นี้อยู่ห่างจากบ้านคนมาก มีบ้านของพวกข่าอยู่ ๒ หลังคาเรือน ซึ่งห่างไปประมาณ ๑๐๐ เส้นทางที่จะไปบิณฑบาตนั้นเป็นทางที่ช้างเดิน กว่าจะถึงทางเกวียนต้องเดินไปอีกไกลโขทีเดียว

พอพวกญาติโยมกลับไปแล้วพระอาจารย์จวนก็อยู่เพียงองค์เดียว ตกกลางคืนได้ยินเสียงเสือมาคำรามอยู่ใกล้ ๆ บางคืนก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ตามพลาญหินก็มี บางวันก็ได้ยินเสียงเหมือนคนสวดมนต์ไหว้พระทำวัตรอยู่ที่ถ้ำจันทน์นั้น

ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ด้วยเลย

ที่ถ้ำจันทน์มีวัตถุโบราณเป็นพระโบราณฝังอยู่ในดิน เมื่อขุดดูก็ได้ปรากฏว่าพบเศียรพระ แขนพระ และองค์พระ ซึ่งแต่ก่อนถ้ำจันทน์นั้นเป็นที่อยู่ของบรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย ระยะแรกที่พระอาจารย์จวนไปปักกลดอยู่นั้นก็ได้อาศัยบิณฑบาตจากข่า ๒ ครอบครัวนั้นเองมาประทังเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ตลอดมา

การปฏิบัติบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำจันทน์นี้ แม้จะอยู่เพียงองค์เดียว แต่ก็เป็นสัปปายะในการภาวนาเป็นอย่างยิ่ง พระอาจารย์จวนท่านเล่าว่าจิตรวมดี การค้นคิดพิจารณาในร่างกายก็เป็นไปอย่างดี ท่านได้บำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างไม่ลดละ

หลังจากออกจากพรรษาแล้วท่านก็เกิดอาพาธหนักด้วยไข้ป่าอีก ไม่มียาจะรักษาก็ได้ปล่อยให้ธาตุขันธ์รักษาตัวเองไปตามธรรมชาติอยู่อย่างนั้น

ระหว่างที่เป็นไข้อยู่นั้น วันหนึ่งขณะจะเคลิ้มหลับไปก็ได้นิมิตเห็นโยมพ่อซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่ที่ท่านพระอาจารย์จวนอายุได้ ๑๖ ปี โยมพ่อซึ่งเป็นหม้อกลางบ้านนั้นได้เข้ามาหาและได้ถวายฝนยาให้พระอาจารย์จวนดื่ม กลิ่นของยาหอมน่าดื่มจริง ๆ หลังจากนั้น อาการเจ็บป่วยก็ได้หายสนิทลง ร่างกายก็มีกำลังฉันอาหารได้เป็นปกติ และตั้งแต่นั้นมาอาการเจ็บป่วยในลักษณะนั้นก็ไม่เคยได้เกิดขึ้นอีกเลย ท่านพระอาจารย์จวนได้พำนัก บำเพ็ญเพียรอยู่ที่ถ้ำจันทน์เป็นเวลาถึง ๓ พรรษาด้วยกัน แต่ถ้านับปีก็นานถึง ๔ ปี ในระยะหลังก็ได้มีบรรดาชาวบ้านพากันอพยพเข้าไปตั้งบ้านเรือนอยู่กันเป็นจำนวนมาก เพราะเหตุว่า ในภายหลังบรรดาชาวบ้านได้ไปเห็นว่าเป็นที่อันอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก มีน้ำดี ดินดี

ท่านพระอาจารย์จวนเห็นว่า เมื่อมีผู้คนอพยพมาอาศัยอยู่กันมาก ๆ ทำให้สถานที่นั้นไม่สงบเป็นการรบกวนต่อการทำสมาธิภาวนาท่านจึงคิดที่จะโยกย้ายไปหาที่อันสงบสงัดวิเวกเพื่อทำความเพียรต่อไป

ออกจากถ้ำจันทน์ พระอาจารย์จวนได้มุ่งหน้าไปยังภูสิงห์ ในเขตอำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ได้ขอให้ญาติโยมพาไปดูสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นภูเขาลูกหย่อม ๆ ระหว่างภูสิงห์ใหญ่และภูทอกใหญ่ เขาลูกนี้เรียกชื่อว่า ภูสิงห์น้อย หรือ ภูกิ่ว ตามลักษณะคอดกิ่วของภูเขานั้น

ระยะแรกที่ พระอาจารย์จวนไปพำนักอยู่นั้น ภูสิงห์น้อยยังเป็นป่าที่รกมากมีถ้ำเงื้อมหินอันสงบสงัด มีน้ำซับตามธรรมชาติ ได้ปลูกเสนาสนะหลังหย่อม ๆ อยู่เป็นการชั่วคราว  โดยอาศัยญาติโยมจากบ้านนาสะแบงบ้าง บ้านนาคำภูบ้างมาช่วยกันยกกระต๊อบเป็นเสนาสนะอย่างหยาบ ๆ และพระอาจารย์จวนได้เล่าว่าที่ภูสิงห์น้อยนี้การทำความเพียรได้ผลดีมาก แม้การบิณฑบาตก็ไม่ลำบากไม่ขาดแคลนพออาศัยยังชีพไปได้วันหนึ่ง ๆ

ในพรรษานี้มีพระติดตามท่านมาด้วยองค์หนึ่งและมีเณรอีกองค์หนึ่ง ผ้าขาวผู้ชราอีกคนหนึ่ง ก็ได้ไปบิณฑบาตที่บ้านคำภู ซึ่งอยู่ห่างจากเชิงเขาไปถึงหมู่บ้านประมาณ ๓ กิโลเมตร ต่างองค์ต่างก็แยกกันอย่างขะมักเขม้นยิ่งยวดตลอดทั้งพรรษา

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระอาจารย์จวนกำลังเดินจงกรมอยู่นั้น ได้กำหนดจิตภาวนาบริกรรมไปโดยตลอด ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้จะค่ำแล้ว ก็รู้สึกว่าได้กลิ่นเหม็นอยู่ชอบกล พระอาจารย์จวนได้ตั้งจิตถามไปจิตก็ได้ตอบว่า

เป็นกลิ่นของเปรต

พระอาจารย์จวนก็ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ กลิ่นนั้นก็ได้จางหายไปในที่สุด พอรุ่งเช้าได้พบปะพูดคุย กันกับพระอาจารย์สอนที่ไปด้วยนั้นท่านก็ว่าได้กลิ่นเหม็นเหมือนกัน

และในคืนนั้นเอง พระอาจารย์จวนก็ได้นิมิตอย่างประหลาด คือเห็นเปรต ๒ ตน เป็นผู้หญิง นุ่งแต่ผ้าไม่ใส่เสื้อเปลือยตลอด ผมยาว ผิวดำคล้ำเศร้าหมอง

เมื่อได้สอบถามดูก็ได้ความว่า เป็นเปรตอยู่ที่ภูสิงห์นี้มานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์ก็ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ผู้เป็นพี่ชื่อนางเสาทา ผู้เป็นน้องชื่อนางเสาสี

ได้เอาตัวไหมตัวหม่อนซึ่งมีฝักรังใหม่อยู่ข้างในมีตัวอ่อนอยู่ข้างในมาต้มในน้ำร้อนเพื่อสาวเอาใยใหมมาทอผ้า และด้วยบุพกรรมอันนี้พอตายจากมนุษย์ก็ได้กลายเป็นเปรตไป ดังนี้

พระอาจารย์จวนท่านกล่าวว่า ถ้าจะเปรียบเทียบกับสถานที่ต่าง ๆ ที่ท่านได้เคยไปมาแล้วนั้น ที่ภูสิงห์น้อยนี้นับว่าเป็นสถานที่ ที่เป็นสัปปายะที่สุด เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนาของท่าน แม้ที่ดงหม้อทองจิตจะรวมง่าย แต่ปัญญาก็ไม่แก่กล้า

ท่านพึ่งมาได้พิจารณาคิดค้นกายอย่างหนัก พึ่งจะเริ่มกระจ่างมาเป็นลำดับก็ที่ภูสิงห์น้อยนี่เอง ในระหว่างพรรษานี้ พระอาจารย์จวนได้เร่งทำความพากเพียรอย่างเต็มความสามารถ

ได้พิจารณาร่างกายอันเป็น กายาคตาสติ ไม่ให้จิตรวมไม่ให้จิตพัก ได้พิจารณาไปพอสมควร พอสงบก็พิจารณาค้นในร่างกาย พิจารณาทวนขึ้นและตามลงเป็นปฏิโลมและอนุโลม พยายามพิจารณาร่างกายให้รู้เห็นตามเป็นจริงไป

พอออกพรรษาแล้วพระอาจารย์จวนก็ได้ไปพำนักปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ถ้ำบูชา ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านแห่งนั้นไป ๑๐ กิโลเมตร ในที่นี้การบิณฑบาตลำบากมาก

พระอาจารย์จวนได้ขอให้ญาติโยมช่วยกันตัดทางจากบ้านดอนเสียดขึ้นไปบนภูวัวไปถ้ำบูชา ได้ช่วยกันทำอยู่ ๓ เดือนจึงสำเร็จเป็นทางที่รถและเกวียนพอจะเดินขึ้นไปได้

พรรษาแรกนั้นได้มีพระไปอยู่พำนักด้วย ๕ องค์ มีเณร ๒ องค์ ต่างองค์ก็ต่างแยกย้ายกันหาที่วิเวกได้ปรารภความเพียรกันอย่างไม่ประมาท

อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่พระอาจารย์จวนท่านได้นั่งภาวนาอยู่นั้นก็ได้นิมิตขึ้นว่า ท่านกำลังค้นหาพระแต่หาไม่เห็น ในขณะนั้นได้มียักษ์ผู้หญิง รูปร่างสูงใหญ่มีร่างกายดำสนิท ผมยาวรุงรัง นุ่งผ้าอยู่เพียงท่อนล่าง ส่วนท่อนบนนั้นเปลือยกาย ท้องก็อ้วนใหญ่ อยู่ในน้ำตกสะอาม

พระอาจารย์จวนได้เข้าไปถามว่าเป็นใครทำไมถึงได้มาอยู่ในที่นี้ ยักษ์นั้นก็ได้ตอบว่า เป็นยักษ์อยู่ที่น้ำตกสะอาม เพราะแต่ก่อนได้เคยทำบาป คือในชาติที่ได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นได้เกิดมาเป็นภรรยา ของท่านอาจารย์

แต่เป็นผู้ทุจริตประพฤติผิดมิจฉากาม ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามีคือท่านอาจารย์ ไปคบชายอื่นเป็นชู้ เมื่อสามีจับได้ก็ล่อลวงปิดบังไว้ และด้วยบาปอกุศลกรรมอันนั้นก็จึงทำให้ต้องมาเกิดเป็นยักษ์อยู่ในที่นี้

พระอาจารย์จวนได้ถามต่อไปว่า มีพระพุทธรูปโบราณอยู่ที่ถ้ำสะอานนี้ใช่ไหม ยักษ์ก็บอกว่ามีอยู่จริง แต่ยักษ์นั้นก็ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน เพราะเหตุว่า ยังเกลียดชังท่านพระอาจารย์ที่ได้ทิ้งยักษ์ไปตั้งแต่ชาติที่เคยเป็นคน และเป็นสามีภรรยากันนั่นเอง

พระอาจารย์จวนก็ได้บอกญาติโยมว่า อย่าเข้าไปหาพระพุทธรูปโบราณนั้นเลย ไม่เห็นหรอก เพราะเขาไม่ให้เห็น

ในพรรษาต่อมาพระอาจารย์จวนได้กลับลงมาพำนักอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ขาวที่วัดถ้ำกลองเพล ได้ปฏิบัติหลวงปู่ ได้ฟังเทศนารับการอบรมจากหลวงปู่ขาวอย่างใกล้ชิด พอออกพรรษาแล้ว ก็ได้กราบลาหลวงปู่ขาวกลับไปวิเวกที่ภูวัวอีก

ระยะที่พำนักวิเวกอยู่ที่ภูวัวได้ ๑ เดือน คืนวันหนึ่งขณะที่นั่งทำความเพียรอยู่นั้นก็ได้เกิดนิมิตขึ้นว่า ได้มีปราสาท ๒  หลังหนึ่งเล็ก อีกหลังนั้นมีความสวยงามวิจิตรมาก ตั้งอยู่ทางด้านเขาภูทอกน้อย และภูทอกใหญ่ เมื่อมองจากภูวัวจะปรากฏเห็นชัดเจนทีเดียว

ในนิมิตนั้นพระอาจารย์จวนได้เหาะขึ้นไปบนปราสาทหลังนั้น แต่บังเอิญประตูเข้าปราสาทนั้นปิดอยู่ ท่านไม่สามารถจะเข้าไปข้างในได้ ก็จึงได้ตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าหากว่าท่านมีบารมีแรงกล้าแล้ว ขอให้ประตูนั้นเปิดออกมาให้ท่านเข้าไปข้างในได้

ในทันใดนั่นเองประตูปราสาทหลังเล็กนั้นก็เปิดออก พระอาจารย์จวนก็จึงได้เข้าไปภายในปราสาทนั้น ในห้องมีความวิจิตรพิสดารงดงามเป็นอย่างยิ่ง มีหญิงสวยงาม ๔ คนด้วยกันเฝ้าอยู่ในปราสาทนั้น

ได้นิมนต์ท่านพระอาจารย์จวนให้อยู่ร่วมด้วย แต่ท่านไม่ยอมตกลง เพราะเป็นพระจะอยู่ร่วมกับผู้หญิงไม่ได้ พระอาจารย์จวนจึงลงจากปราสาทหลังนั้น พอจิตถอนออกมาท่านจำนิมิตนั้นได้ติดตา พร้อมทั้งจำทางขึ้นทางลงได้อย่างแม่นยำ

ดังนั้นพระอาจารย์จวนจึงเดินทางจากภูวัว ไปยังภูทอกน้อยเพื่อพิสูจน์นิมิตนั้น พอไปถึงก็เดินทางขึ้น ไปบนภูเขาระยะทางที่ผ่านไปนั้น เหมือนดังในนิมิตอยู่ทุกประการ

ได้สำรวจดูเขาชั้นต่าง ๆ ก็ได้เห็นเป็นโตรก เป็นซอก เป็นถ้ำ เป็นหินผา อันสูงชัน มีภูมิประเทศที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะบูรณะให้เป็นสถานที่สำหรับพระภิกษุสามเณรจะได้อาศัย เป็นที่ปฏิบัติบำเพ็ญเพียรภาวนาธรรมต่อไป

ดังนั้นเองท่านพระอาจารย์จวน จึงได้ตัดสินใจอยู่บูรณะและก่อสร้างเป็นวัดขึ้น และขณะนั้นก็ประกอบเข้าด้วยกับว่าบรรดาชาวบ้านนาคำแคน บ้านนาต้องได้พากันอาราธนาให้ท่านพระอาจารย์จวนได้อยู่โปรด พวกเขาเป็นหลักยึดเหนี่ยวต่อไปอีกทางหนึ่งด้วย

ท่านพระอาจารย์จวนได้เริ่มขึ้นไปอยู่บนภูทอกนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ระยะแรกที่ขึ้นไปอยู่นั้นอยู่กันเพียง ๒ องค์กับท่านพระครูสิริธรรมวัฒน์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสามัคคีอุปถัมภ์ ในอำเภอบึงกาฬนั้น กับผ้าขาวน้อยองค์หนึ่งเท่านั้น ได้อาศัยอยู่ที่ตีนเขาซึ่งเป็นโรงที่ต่อกับโรงครัวในปัจจุบัน

บริเวณโดยรอบยังเป็นป่าทึบ และรกชัดมาก มีสัตว์ป่าเป็นจำนวนมากทีเดียวสมัยนั้น ความเป็นอยู่ต้องอดน้ำ ต้องอาศัยน้ำฝนที่ค้างขังอยู่ตามแอ่งหิน

และเรื่องการบิณฑบาต ก็ต้องอาศัยจากชาวบ้านนาคำแคน ซึ่งอพยพเข้าไปอยู่กันใหม่ ๆ ประมาณ สัก ๑๐ หลังคาเรือน จึงทำให้การบิณฑบาตขาดแคลนมาก พอที่จะได้อาศัยฉันไปตามมีตามได้

พอเข้าหน้าแล้งท่านก็ได้ขอให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างทำนบกั้นน้ำ และได้ปลูกกระต๊อบไว้ชั่วคราว ที่โขดหินตีนเขาบนชั้นที่ ๒ นั้นเอง

ในปีแรกที่ไปพำนักจำพรรษาอยู่ที่ภูทอกนั้น มีพระอยู่ด้วยกัน ๓ องค์ ได้พากันปลูกกระต๊อบขึ้นพอที่จะอาศัยทำความเพียรกันได้ ๔ หลังด้วยกัน พระทุกองค์ต่างก็ทำความเพียรกันอย่างเต็มที่ 

พอตกค่ำพระอาจารย์จวนจะขึ้นไปจำวัดอยู่บนชั้น ๕ โดยปีนขึ้นไปตามเครือของเถาวัลย์ตามรากไม้ ปัจจุบันบนชั้น ๕ นั้นเป็นถ้ำวิหารพระ ซึ่งในสมัยก่อนยังเป็นป่าทึบมีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น

แต่ด้วยความอุตสาหะของท่านพระอาจารย์จวนระหว่างกลางพรรษาที่ ๒๗ นั่นเอง พระอาจารย์จวนได้ชักชวนญาติโยมให้ทำบันไดเวียนขึ้นไปบนเขาชั้นที่ ๕ และชั้นที่ ๖ จนสำเร็จ ได้ทำอยู่ประมาณแค่ ๒ เดือน กับ ๑๐ วันเท่านั้นจึงเสร็จเรียบร้อยดี

การสร้างบันไดนี้เสร็จในกลางพรรษาโดย ได้อาศัยศรัทธาญาติโยมช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยกันด้วยกำลัง เรื่องกำลังทรัพย์นั้นหายากเพราะต่างก็เป็นคนยากจน มีแต่ศรัทธาความเชื่อ ความเลื่อมใส และใช้กำลังเป็นที่ตั้งเท่านั้น

มาในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ระหว่างกลางพรรษานั้นเอง พระอาจารย์จวนได้นิมิตไปว่า ท่านได้เดินอุ้มบาตรลัดเลียบ ไปตามหน้าผาที่ภูทอกใหญ่ อ้อมไปเรื่อย ๆ ก็ได้เห็นหน้าต่างปิดอยู่ และตามหน้าผานั้นมองไม่เห็นใครเลย

ท่านจึงหยุดยืนรำพึงว่า ?ทำไม จึงมีแต่หน้าต่างปิด ไม่เห็นคนออกมาใส่บาตรเลย? ครู่หนึ่งก็ได้เห็นคนเปิดหน้าต่างออกมาใส่บาตรกัน ท่านจึงตั้งจิตถามขึ้นมาว่า ?นี่เป็นใครกัน? เขาก็ได้ประกาศขึ้นมาว่า ?พวกผมนี้เป็นพวกบังบดขอรับอยู่กันที่ภูทอกใหญ่ หรือภูแจ่มจำรัสนั่นเอง?

พวกบังบดนี้ท่านพระอาจารย์จวนได้อธิบายว่า คือพวกภูมมเทวดาที่มีศีล ๕ ประจำ และพวกนี้ก็ได้อธิบายต่อไปว่า ชื่อเดิมของภูทอกใหญ่นี้คือ ภูแจ่มจำรัส ซึ่งแต่ก่อนมีฤาษีชีไพรมาบำเพ็ญพรตภาวนากันอยู่ที่ภูแจ่มจำรัสมากมาย

เมื่อใส่บาตรเสร็จเรียบร้อยพระอาจารย์จวนได้ถามว่า ?ทำไมจึงรู้ว่าอาตมามาบิณฑบาต? เขาก็พากันยิ้ม ๆ แล้วตอบว่า

รู้ครับ รู้ด้วยกลิ่น กลิ่นของพระผู้เป็นเจ้า

พระอาจารย์จวนก็ซักต่อไปว่า  ?กลิ่นนั้นเป็นอย่างไร? เขาก็ตอบว่า ?กลิ่นหอมขอรับ ถูกกลิ่นพระผู้เป็นเจ้าก็เลยพากันมาเปิดหน้าต่างมาใส่บาตรพระผู้เป็นเจ้ากัน เพราะว่าท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีควรแก่การบูชา พวกเราจึงได้พร้อมใจกันมาใส่บาตร?

พอเขาใส่บาตรเสร็จท่านก็กลับมา ขณะนั้นก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้พิจารณาดูนิมิตนั้นก็เห็นว่าแปลกดี เช้าวันนั้นอาหารที่บิณฑบาตได้ก็รู้สึกว่าจะมีรสเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้มีคนอื่นมาใส่บาตรเลย มีแต่ชาวบ้านเท่านั้น และอาหารก็เป็นอาหารพื้นบ้านธรรมดา ๆ นั่นเอง

ในพรรษาแรกพระเณรที่ไปอยู่นั้นพากันเจ็บไข้กันมาก บางองค์ก็บอกว่าเทวดาประจำภูเขามาหลอกหลอนดึงขาปลุกให้ลุกขึ้นทำความเพียรบ้าง บางทีก็ไล่ให้หนีเพราะพากันมาแย่งวิมานของเขา พระอาจารย์จวนได้พยายามตักเตือนพระเณรให้มีศีลที่บริสุทธิ์ บำเพ็ญความเพียรแผ่เมตตาให้ทำความเพียร อย่าได้ประมาท

ภายหลังอยู่ต่อมาวันหนึ่ง พระอาจารย์จวนได้นิมิตว่ามีเทวดามาหาท่านแล้วบอกว่า ?ขอน้อมถวายภูเขาลูกนี้ให้แก่พระผู้เป็นเจ้า ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดรับไว้รักษาพวกข้าพเจ้าจะลงไปอยู่ข้างล่าง? และยังให้ท่านประกาศแก่มนุษย์ที่จะมาเที่ยวบนเขาลูกนี้ว่า

ขออย่าได้กล่าวคำหยาบ อย่าได้ส่งเสียงดังอึกทึก อย่าถ่มน้ำลายลงไปข้างล่าง อย่างขว้างปา หรือทิ้งเศษขยะเอาไว้บนเขาเลย

เมื่อพระอาจารย์จวนออกจากนิมิตนั้นแล้ว ก็ได้พิจารณาคำขอร้องของเทวดาก็เห็นว่าเป็นแยบคายดี น่าจะเป็นข้อที่บรรดาสาธุชน ทั้งหลายควรจะปฏิบัติอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดีในวันต่อมาได้มีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังว่า พวกเขาก็ได้พากันฝันไปว่ามีคนมามอบภูเขาให้พระอาจารย์จวนรักษาไว้ และพวกเขาก็จะลงไปอยู่ข้างล่างแทนช่างน่าบังเอิญอะไรเช่นนั้น ที่ทุกคนต่างก็มาฝันตรงกัน

ท่านพระอาจารย์จวน ได้มาพำนักบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูทอกนี้และได้ก่อสร้างจนกระทั่งภูทอกนี้เป็นสถานที่อันเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนาของผู้สนใจในการปฏิบัติธรรม เพื่อทำความสงบให้เกิดขึ้นในจิตในใจ

ด้วยจิตกราบบูชา


ข้อมูลจากเวป http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-chuan-hist.htm


3801


หลับปุ๋ยเลย นายตะกรุดเรา 55555+

3802
555555555+++ ชอบครับ อะไรเค็มๆ 55+

3803
สุดยอดมากเลย ครับ
ผมชอบลูกอมเสือเดือน 9 มากเลย ครับ ประสบการณ์ไม่ธรรมดาจริงๆ

3804
สวยงามมากเลย ครับ ท่านโจ

สุดยอดเลย ผมเองก็อยากได้ครับ 5555555 :095:

3805
ขอบคุณมากเลย ครับ ใว้มีลูกเมื่อไหร่จะไปตั้ง ครับ
ไม่รุ้ใครจะมีก่อนกันนะครับ 55555

3806
ขอบคุณครับ พวกเพื่อนพี่ๆ  ผม ก็ฝัง ครับ เข็มวิ่งได้ด้วย ครับ สุดยอดเลย ครับ

3808
ขอเสริมอีกนิด ครับ ตอนผมได้ไปเข้าค่ายที่วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี
ผมได้กราบเรียนถามพระอาจารย์เกี่ยวกับพระยอดขุนพล พิมต่างๆ ครับ

ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟัง ครับ สมัยยุคสงครามอินโอจีน ทหารที่ไปออกรบ คนที่แขวนพระ ของหลวงพ่อขันธ์ไปไม่มีใครเป็นอะไร สักคน ครับ
รอดตายกลับมาทุกคน

และยังมีเหตุการ ที่รถชนพังยับทั้งคัน แต่คนขับกลับไม่เป็นอะไรเลยเป็นแค่แผลถลอกนิดๆหน่อยๆ ครับ

พระยอดขุนพล มีหลายพิม ครับ เช่น พุทธกวัก และอื่นๆทั้ง หมด 5 พิม ครับ

ปัจจุบัน ทางวัดยังมีครับ แต่รุ่นใหม่ แต่ผมได้สอบถามทางวัดแล้ว ทันท่านแน่นอน ครับ
ไงก็ร่วมไปทำบุญที่วัดได้นะครับ

3809


กรุวัดท้ายตลาด หรือวัดโมลีโลก เป็นแหล่งกำเนิดพระพิมพ์อันทรงวิจิตรตระการตาเลิศล้ำด้วย พุทธศิลป์จากฝีมือช่างหลวง แห่งราชสำนักในวัง และเข้มขลังเอกอุจากพระเวทยาคมของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ขุน) เมื่อกว่า 150 ปี ก่อน จากจำนวนกว่า 50 พิมพ์
มีอยู่พิมพ์หนึ่งซึ่งปรากฎพบจากกรุวัดท้ายตลาด เท่านั้นและมีจำนวนน้อยนับองค์ได้นั่นคือพิมพ์พุทธกวัก

ด้วยความที่เป็นที่เป็นพิมพ์แปลกมีพบจากที่นี้เท่านั้นทั้ง ที่กรุอื่นก็น่าจะมีบ้าง เพราะเป็นปางหนึ่งในพุทธประวัติ และจำนวนที่พบก็น้อยทำให้ นักสะสมรุ่นเก่าลองนำมาอารธนาบูชาติดตัว เป็นการทดสอบพุทธคุณว่าจะแปลกโดดเด่นหรือไม่ และแล้วก็จริงดังคลาดพระพุทธกวัก

กรุวัดท้ายตลาด มีพุทธคุณที่เลิศล้ำทางโชคลาภอย่างเด่นชัด บูชาติดตัวแล้วเหมือนมีแม่เหล็กดูดทรัพย์ เรียกเงินทอง ให้โชคให้ลาภและส่งผลเกื้อหนุนให้ทำมาค้าขึ้นมีความเจริญรุ่งเรือง พลิกตัวเองเป็นเศรษฐีในพริบตา เวลาพระพิมพ์นี้หลุดเข้าไปในตลาดพระให้ยลโฉม เซียนใหญ่ น้อย จึงแย่งกันซื้ออุตลุด ใช่ เพราะจ่ายแค่นิดหน่อยแต่เรียกทรัพย์ได้อื้อซ่า ใครเล่าจะไม่สน ?


ข้อมูลจากเวป http://www.banphra.com/reviews/reviews01_015.htm

สำหรับทุกท่าน ที่ชอบพระพิมพ์นี้ หากหาพระกรุไมได้ ผมก็แนะนำ ให้ใช้วัดอื่นแทนได้ ครับ
เช่น ของหลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ จ. ราชบุรี  สุดยอดเหมือนกัน
     หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร จ.นครปฐม
     และวัดอื่นๆ ครับ เด่นโชคลาภเหมือนกัน 

3810
เดี๋ยวไปฝากตัวเป็น ศิษพี่เก่งและครับ    ขอบคุณข้อมูลมาก ครับ แน่นดี ครับ           

3811
สุดยอดเลย ครับ ท่านโจ ได้ของดีมาอีกแล้วนะครับ  :015:

3812
กราบมนัสการ ครับ .... ขอบคุณภาพมากเลย ครับ

3813
ยินดีด้วย ครับ ได้ของดีมาอีกและครับ

3814
รุ่นนี้ ออก วักโคกเขมาปะครับ รุ่น  พระอธิการเปิ่น

ยังไง รอผู้รู้อีกที ครับ

3815
สวยงับ

3816
ของแรงนะครับ    

ลองชมจากนี่และพิจณาดู ครับ http://www.bookskanessporn.com/content_437_5904_TH.html3  ข้อมูลเวปจากพี่บอลสุดหล่อ ครับ

ชมภาพและให้เพื่อนๆ ช่วยพิจณา อีกที ครับ
ของคุณพ่อผมอ่ะคับ ท่านถ่ายรูปเอามาให้ดู

ครับเนื้อจัดมาก ครับ .... องค์นี้ไม่ธรรมดา ครับ.... แต่ผมไม่กล้าฟันธงอะครับ ว่าของ วัดระฆัง หรือวัดไหน
แต่เนื้อจัดจ้านมาก ครับลักกับทองยังอยู่เลย เหอๆๆ .... ไงช่วยๆกันดู ครับ

3817
ผมเองก็ไม่ใช่เซียนนะครับ  :075:
มีรูปด้านหลังมาให้ชม ครับ 



ขอบคุณข้อมูลจากพี่บอลสุดหล่อ ครับ

3820
ของแรงนะครับ     

ลองชมจากนี่และพิจณาดู ครับ http://www.bookskanessporn.com/content_437_5904_TH.html3  ข้อมูลเวปจากพี่บอลสุดหล่อ ครับ

ชมภาพและให้เพื่อนๆ ช่วยพิจณา อีกที ครับ

3821
รับทราบครับ ......

ผมหน้าด้าน ครับ ไงก็ขอจะอยู่ต่อ  :002:

3822
สวยดี ครับ...

3823
เหนียว ครับ คงกระพัน แน่นอน ครับ

3824
ร่วมใว้อาลัย ครับ

3825
เหรียญ สุดท้ายผมยังหาที่มาไม่ได้เลยครับ ว่าของที่ไหน ผมก็มีอยู่ เหรียญ ครับ

ไงรอลุงอเมชซิ่ง และพี่หอมเชียงมาฟันธงให้ดีกว่า ครับ .... และรอผู้รุ้จากทุกท่านด้วยนะครับ

เป็นกำลังใจให้ ครับ

3826
ขอบคุณมาก ครับ ....

3827
เป็นกำลังใจให้ครับ ...ผมว่าถ้าได้สร้อยสังวาลด้วย จะสวยงามมากๆเลย ครับ

3828
สวยครับพี่ปราณจิต ..... และเค่ยมาลงความคิดเห็นกันอีกที ครับ  แบบนี้สวยดีครับ  :015:

3829
อยากได้มั่งอ่า..แต่กลัวเจ็บ  :004:

3830
ไม่เคยได้ยินเหมือนกันครับ ครอบครูขุนแผน..

..ผมเคยแต่สักนะ หัวใจขุนแผนครับ..



ถ้าทางพี่ จะเจ้าชู้มิเบานะครับ แบบนี้  :095:

3831
ผมชอบแนวของพี่ปราณจิตจัง ครับ ....ฝีมือดี ครับ  :053:

3832
ขอให้ได้ยันต์พ่อแก่นะครับ ...เป็นกำลังใจให้ ครับ  :089:

3833
ไม่ทราบเลย ครับ ลองเอาเบอร์ไป 0-3423-XXXX และ 0-9173-XXXX
ผมว่าน่าจะยังมีอยู่นะครับ ลองดู ครับ  :075:

เห็นว่ามีพระขรร ด้ามสวยๆด้วยนะครับ ง่า

3834
ไม่พลาด ครับ จัดไป ครับ พี่เก่ง  :002:

3835
ไหนๆ ไปวัดทั้งที ไปกราบหลวงปู่เพี้ยนด้วยนะครับ ท่านก็เก่ง ครับ เป็นพระสมาถะ ครับ
วัตถุมงคล ขึ้นชื่อของท่านคือ ลูกอมสีชมพู กับตุ๊กตาเทพ ครับ
ลูกอม ทางเมตตาแคล้วคลาด
ตุ๊กตา แนวกุมานทอง แต่เป็นเทพ ครับ

ประสบการณ์ เคยมีคนเอาตุ๊กตาทองไปแขวนหน้ารถ มีโจรที่มาปล้นจะมางัดรถ ดันเห็นเด็ก 2 คนนั่งอยุ่ในรถ เลยตกใจหนีไป ครับ
ด้านคุ้มคลองด้วยนะครับ

3836
ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาทำบุญ ปิดทองสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญ ถ่ายชีวิตโคกระบือ ณ วัดตุ๊กตา ต.บางกระเบา
อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

วันที่ 24 ม.ค.-1ก.พ. 2552 นี้นะครับ วัดอยู่ตรงข้าม วัดกลางบางแก้ว

พระครูวิบูลสิริธรรม หลวงพ่อเพี้ยน เจ้าอาวาส วัดตุ๊กตา รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เป็นประธานจัดงาน

3838
อยากไปมาก ครับ ยังไม่มีโอกาศได้ไปเลย ครับ สุดยอด ครับ

3839
ครับ ไม่เป็นไร ครับ จะเป็นกำลังใจให้เสมอ ครับ ล้มและต้องลุก ครับ ลุกและต้องสู้ เกมส์กีฬาย่อมมีแพ้ชนะเป็นของธรรมดา ครับ

สู้ต่อไปนะครับ พี่เก่ง  :015:

3840
ขอบคุณทุกท่านครับ ..... ท่านโจไปเที่ยวมาคงหนุกดิ ครับ ฮ่าๆ

3841
น่าจะเป็นงานะครับ แหะๆๆ

3844



ท่านพระครูสุนันทวิริยาภรณ์ หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ จ.สมุทรสงคราม   

หลวงพ่อเก๋ สุนันโท ท่านเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด เกิดที่บ้านสระพัง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดาชื่อ จู๋ โยมมารดาชื่อ แป้น นามสกุล ตรีเพชรคง มีพี่น้อง  ๖ คน

หลวงพ่อเก๋ท่านเป็นคนที่ ๓ อุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ วัดวชิรคาม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีพระครูธรรมวิถีสถิต (หลวงพ่อโต) วัดคู้ธรรมสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุตาภิรัต (หลวงพ่อรอด) วัดบางขันแตก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อทองอยู่ วัดแม่น้ำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์...

 

หลังจากหลวงพ่อเก๋ สอบนักธรรมตรีได้และมีความสามารถในเชิงช่างไม้ หลวงพ่อทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำจึงขอตัวท่านให้มาช่วยงานที่วัดแม่น้ำ

สมัยนั้นหลวงพ่อทองอยู่ท่านมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณ เก่งสมุนไพร ว่านยา ทำให้หลวงพ่อเก๋ได้ศึกษาวิชาการต่างๆเหล่านี้จากหลวงพ่อทองอยู่ไว้จนหมดสิ้น

ต่อมาหลวงพ่อทองอยู่จึงได้นำท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์?หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต? และ ?หลวงพ่อรอด วัดบางขันแตก? ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมขลัง



นอกจากนี้ท่านยังได้ฝากตัวเข้าเป็นศิษย์ของ?หลวงพ่อคง ธมมโชติ วัดบางกะพ้อม...? สมัยนั้นวัดบางกะพ้อม ถือว่าเป็นสำนักเรียนวิชาอาคมที่มีชื่อเสียง

บางท่านถึงกับกล่าวกันว่า วัดบางกะพ้อมแห่งนี้นัยว่าเป็นสำนักวัดประดู่ทรงธรรมของอยุธยาเลยทีเดียว ศิษย์พี่ที่มีชื่อเสียงร่วมสถาบันวัดบางกะพ้อมแห่งนี้คือ ?หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท? หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า ?คุณพ่อเนื่อง? แห่งวัดจุฬามณีครับ



?หลวงพ่อเนื่องท่านมีลูกศิษย์เยอะ คนส่วนมากมักจะไปหาท่านเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องเงินๆ ทองๆ

ยิ่งวันหวยออกคนแน่นวัดจุฬามณี เขาว่าท่านให้หวยแม่น ก็ว่ากันไป แต่ว่าห้ามท้านะเสร็จท่านทุกราย แม่นจริงๆ?

พวกผมเคยหยอกล้อหลวงพ่อเก๋ว่า เคยได้ยินคนเขาเล่าลือมาเหมือนกันว่า ท่านเก๋ วัดแม่น้ำก็แม่นไม่เบา เห็นท่านอมยิ้มพลางพูดเบาๆ ด้วยสำเนียงเหน่อๆ...



?อยากฉิบหายให้เล่นหวย....?

?คนเราที่วุ่นวายทุกวันนี้ เพราะมีความโลภเป็นนิสัย ตัดความโลภไปได้ ชีวิตก็จะสบาย บางคนเห็นคนอื่นมี ก็อยากมีอย่างเขา..

พวกเอ็งลองมองดูตัวเองซิ ถ้าทำอะไรได้ไม่เหมือนเขาก็อย่าไปทำเลย มันจะทำให้พวกเอ็งและครอบครัวเดือดร้อนเปล่าๆ...?

ว่ากันว่าถ้า ?ความสามารถ? เป็นตัวปั่นกำไร  ?การรู้จักใช้? เป็นตัวปั่นความเชื่อ เมื่อสองอย่างนี้มารวมตัวกันเมื่อไหร่ ก็จะเกิดเป็นพลังงานมหาศาล ยากที่จะเปลี่ยนแปลง...



?จงอย่าไปทำตามอย่างคนอื่น จงทำและจงใช้ ตามความสามารถของตนเอง และจงเป็นผู้ที่รู้จักรักษาสมบัติของตนเองที่มีที่หาได้ นั่นแหละพวกเอ็งก็จะไม่เดือดร้อน...?

หลายสิบปีของการเรียนรู้วิชาอาคมและฝึกปฏิบัติ การออกเดินธุดงค์เป็น ?โอกาส? สำคัญ..

เป็น"มหาวิทยาลัยชีวิต"ที่สอนหลักสูตรภาคเร่งรัดให้พระภิกษุสงฆ์ได้สั่งสมประสบการณ์



?สมัยก่อนเดินธุดงค์ลำบากมาก ถนนหนทางก็ไม่ดี บ้านเรือนก็น้อย บางวันได้ฉันอาหารนิดเดียว บางวันก็ไม่ได้ฉัน บางทีเดินทั้งวันไม่เห็นบ้านคนสักหลัง..

แต่การเดินธุดงค์มันดีเพราะมันเป็นการชำระจิตใจให้ห่างไกลจากกิเลส..

ข้าไปมาหมดแล้วภาคเหนือ ภาคอีสาน เฉพาะแถวภาคกลางนี่เดินหลายปีเลย ไปพระพุทธบาท อยุธยา ถ้าใต้สุดก็ประจวบ....?

หลวงพ่อเก๋ ท่านได้ออกเดินธุดงค์แสวงหาสัจธรรมและความรู้ด้านต่างๆอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้ท่านได้หลายสิ่งหลายอย่างติดตัวเป็น ?ต้นทุน? สำหรับวันข้างหน้าที่ตัวท่านเองมุ่งมั่นลึกๆเสมอมาว่า วันหนึ่งจะต้องถึงเวลากลับไป ?ทดแทน? พระพุทธศาสนาและครูบาอาจารย์..

ท่านหยุดเดินธุดงค์ ด้วยว่าหลวงพ่อทองอยู่ ได้ขอร้องให้ท่านหยุดเดินและช่วยดูแลวัด เนื่องจากหลวงพ่อทองอยู่ท่านชราภาพมากแล้วและต้องการให้ท่านสอนนักธรรมแก่พระเณร...

 

?เป็นพระสงฆ์ต้องมีธรรมะ ศีล สมาธิ ปัญญา หากพระภิกษุสงฆ์รูปใดขาดซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว จะเป็นผู้ที่หาความเป็นพระไม่ได้

จะว่าไปสมัยนี้พระที่ไร้ศีล ไร้สมาธิ และใช้ปัญญาในทางที่ผิดยังมีอีกมากจริงๆ...?

คำสอนของหลวงพ่อเก๋ ผมว่าไม่ใช่เฉพาะพระเท่านั้นที่ควรปฏิบัติ มนุษย์อย่างเราๆท่านๆ ก็สามารถนำคำสอนของท่านมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน...

สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเมื่อคนเรามีศีล ทำให้เรามีสมาธิ พอเรามีสมาธิ สติปัญญาจะตามมาเอง เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีปัญญาแล้ว เราย่อมจะทำอะไรต่ออะไร หรือเราจะตัดสินใจทำอะไรได้อย่างมีเหตุผล...

ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่พวกผมเคยกราบนมัสการ มักสอนพวกเราอยู่เสมอว่า เมื่อ?นั่งสมาธิ?แล้วอย่าลืมเอา?สติ?ตามไปด้วย

หรือบางองค์ก็ว่า ?สมาธิเป็นบ่อเกิดของดวงตาธรรม...?

เพื่อนผมในกลุ่มถามท่านว่าเวลานั่งสมาธิหลวงพ่อเห็นอะไร..



?เวลาที่ข้านั่งสมาธิ ข้าเห็นธรรม คนอื่นจะนั่งแล้วเห็นอะไรข้าไม่รู้ แต่ว่าข้าเห็นธรรม คนเราถ้าขาดธรรมแล้ว ย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน..?

ว่ากันว่าท่ามกลางความมี?ชื่อเสียง?ของมนุษย์ มนุษย์มักเลือกที่จะนำเอาชื่อเสียงเข้าแลกกับ?ความสบาย? แต่นั่นย่อมไม่ใช่มนุษย์ที่ชื่อว่าหลวงพ่อเก๋

เนื่องเพราะไม่ว่าชื่อเสียงหรือฐานันดรทางพระจะเสกสรรปั้นแต่งให้ท่านเป็นอย่างไร หลวงพ่อเก๋ท่านก็ไม่เคยมีความคิดที่จะบัญญัติคำว่า ?ความสบาย? ลงใน"ประมวลกฎหมายของชีวิต.."



?คนเราจะเอาอะไรกันมาก พระพุทธเจ้าท่านมีแค่บาตรกับผ้าไม่กี่ชิ้น ท่านยังประกาศคำสอนได้ทั่วโลก....?

ฟังแล้วได้ใจครับ..หากว่าเรามองพุทธเจ้าของเราเป็นเช่นคนธรรมดา พระองค์ก็เป็นคนธรรมดาที่มี?ชื่อเสียง?มาก ชื่อเสียงของพระองค์เป็นที่รู้จักกันทั่วไปของคนบนโลก..

แต่พระองค์ท่านก็ยังอยู่ห่างไกลจากคำว่า ?ความสบาย? หลายต่อหลายเท่านัก การที่พระองค์ทรงดำเนินออกสั่งสอนผู้คน พระองค์ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรเลย นอกจาก?บาตรใบเดียว...?

ธรรมะก็ว่าไปแล้ว คราวนี้มาเข้าเรื่องของคาถาบ้าง....



สายน้ำแม่กลองเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านทอดยาวเข้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม สองฝั่งของลำน้ำแม่กลอง"อุดมสมบูรณ์"ไปด้วยพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายองค์

เช่นหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ฯลฯ

ซึ่งหลวงพ่อ หลวงปู่เหล่านี้ในอดีตที่ผ่านมา ทุกท่านล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป และก็เป็นโชคดีของพวกเราครับ ไม่ทันเกจิรุ่นปู่แต่มีโอกาสได้สัมผัสเกจิรุ่นหลาน...



?สมัยก่อนอยากได้วิชา ก็เลยไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับครูบาอาจารย์ในละแวกนี้ เดินไปบ้าง ติดเรือเขาไปบ้าง..?

?โชคดีที่มีอาจารย์หลายองค์ แต่ละองค์ก็เป็นหนึ่งในแต่ละด้าน มีดีกันคนละอย่าง บางองค์เก่งหมอยา บางองค์เก่งตะกรุด..?

บรรดาครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเก๋ ไม่มีองค์ไหนเลยที่จะสอนให้หลวงพ่อมีความละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ..

ดูเหมือน?เคล็ดลับ?ความสำคัญที่สุดที่หลวงพ่อเก๋ท่านได้รับการปลูกฝัง มิใช่จำนวนปริมาณหรือคุณภาพของวิชาที่เรียน หากแต่เป็น...?คุณธรรมที่อยู่ในหัวใจ...?



?ข้าเรียนทั้งวิชากระทำและวิชาแก้ ครูบาอาจารย์สอนว่าวิชาที่เรียนไม่ได้มีไว้ให้ทำร้ายคน สอนไว้ให้ช่วยสงเคราะห์คน..?

มีเรื่องจริงที่เล่าขานกันทั่วลำน้ำแม่กลองว่า เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นเด็กชอบเที่ยว ชอบทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ พ่อแม่ว่าก็ไม่เชื่อ เรียนหนังสือก็เพื่อกันตำรวจจับโดยเอาโรงเรียนอาชีวะที่ตนเองเรียนบังหน้า

พอตำรวจจับก็บอกว่าตนเองเป็นนักเรียน ตำรวจก็ไม่อยากทำ เพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป เจ้าเด็กคนนี้ชอบยกพวกไปเที่ยวไล่ตีกับคนอื่น..



จนในงานวัดแห่งหนึ่ง ระหว่างที่เด็กหนุ่มคนนี้แยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน คู่อริเห็นเข้าเลยพาพรรคพวกไล่ฟันเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยมีดสะปาต้า ว่ากันว่าฟันแบบไม่เลี้ยง เล่นเอาเสื้อผ้าขาดกระจุย กว่าตำรวจจะมาถึง เจ้าเด็กคนนี้ก็น่วมไปทั้งมีดและไม้ แต่น่าอัศจรรย์คือเมื่อตำรวจให้พ่อแม่ของเด็กนำส่งโรงพยาบาล



หมอที่รักษาหาแผลไม่เจอสักแผล พบแต่รอยฟกช้ำเท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าขาดยับเยินไม่มีชิ้นดี ตำรวจสงสัยเลยขอดูว่ามีของดีอะไรในตัว ก็เลยพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเพียงสายเชือกร่มที่ห้อยคอพร้อมเหรียญหลวงพ่อเก๋เท่านั้น ที่ทำให้เขารอดตาย เหรียญรุ่นนี้ก็เลยเรียกกันติดปากว่า ?เหรียญจิ๊กโก๋?

 

หลวงพ่อเก๋ สร้างวัตถุมงคลครั้งแรกในลักษณะของเหรียญสามแบบ เมื่อพ.ศ.๒๔๙๐  คือ เหรียญหลวงพ่อวิหาร และเหรียญรูปเหมือนท่าน ทรงเรือบดไว้สำหรับแจกผู้หญิง

และที่มีประสบการณ์ตามเรื่องจะเป็นทรงรูปไข่ จะขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ไว้แจกผู้ชาย ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า ?เหรียญจิ๊กโก๋..?



สำหรับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีวัตถุมงคลชุดนี้ติดตัว มีมากมายเหลือเกิน เช่นแคล้วคลาด คงพระพัน เมตตาและปัองกันผี ซึ่งน่าจะเกิดจากงานปลุกเสกเหรียญชุดนี้มีครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อเก๋มาร่วมปลุกเสกหลายองค์

เท่าที่หลวงพ่อเคยบอกพวกผมก็จะมี หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ฯลฯ องค์ไหนที่อยู่ใกล้ๆ ท่านจะใช้วิธีเดินทางไปนิมนต์ด้วยตนเอง องค์ไหนที่อยู่ไกลๆ ใช้นั่งเรือขนทรายไปนิมนต์...



ปัจจุบันนี้เหรียญหลวงพ่อวิหารและเหรียญรูปท่าน ทรงเรือบด ยังพอหาได้ในแวดวงพระเครื่อง แต่ทรงจิ๊กโก๋ นานๆ จะมีโผล่มาให้ผู้ที่สนใจน้ำลายไหลเล่นๆ ด้วยความอยากได้...

แต่เห็นหลวงพ่อเก๋ เสกพระได้เหนียวๆอย่างนี้เถอะ ใครอย่าได้แหยมไปถามท่านเป็นอันขาดว่าอยากหนังเหนียว เพราะเพื่อนผมบางคนเคยโดนท่านตำหนิว่า..



?ข้าเป็นพระศีล ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่พระนักเลง...?

ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ ท่านก็พูดของท่านอย่างถูกต้องว่าตัวท่านเป็น?พระศีล ปฏิบัติธรรม? แต่หากย้อนหลังตรวจสอบประสบการณ์ที่เกิดจากผู้ที่มีเหรียญของท่าน บางคนเคยโดนยิงหงายท้องตกลงกลางคูสวน

แต่เขาผู้นั้นไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย ปรากฏการณ์อย่างนี้ไม่เรียกว่า ?เหนียว? ก็คงเรียกใหม่ว่า ?สุดเหนียว..?แหละครับ

แถมท่านยังบอกกับพวกเราด้วยว่าพระของท่านต่อให้สร้างมาดี เสกอย่างดี จึงใช้คุ้มครองเฉพาะคนดี ถึงกระนั้นก็ดี ต่อให้เป็นคนดีก็ยังต้องตาย..ท่านว่า



?มันเป็นเรื่องของเวรกรรม..

ใครสร้างกรรมใดไว้ก็ต้องรับกรรม หากกรรมนั้นยังมีบุญคุ้มอยู่ ก็ยังสามารถป้องกันได้เมื่อยังมีบุญวาสนา

หากเมื่อหมดบุญวาสนาเมื่อไร..เมื่อนั้นแหละกรรมจะส่งผลให้ได้รับความทุกข์อย่างสาหัส...?

พักเรื่องเหนียวซึ่งเป็นเรื่องของความรุนแรง มาว่ากันในเรื่องเมตตามหานิยม ใครเห็นใครรัก ใครทักใครชอบกันบ้าง

ของเมตตาที่ขึ้นชื่อว่าแน่สุดๆของหลวงพ่อเก๋ ก็คือ ?ดอกบานไม่รู้โรยเสก..? ซึ่งลูกศิษย์ตลอดจนญาติโยมละแวกวัดรู้ดีว่า นั่นแหละเป็น?ของเมตตาชั้นเยี่ยม..?

สอบถามพระที่นั่งข้างๆหลวงพ่อได้ความว่า...



?สมัยก่อนหลวงพ่อยังไม่ได้สร้างวัตถุมงคล ลูกศิษย์ต่างอยากได้ของที่หลวงพ่อเสก หลวงพ่อเก๋ จึงได้ให้พวกเขาเหล่านั้นไปเก็บดอกบานไม่รู้โรยมาให้ท่าน เพราะท่านจะเสกให้เป็นของเมตตา..

ท่านว่า...ดอกบานไม่รู้โรยเป็นของดี นามของดอกไม้นี้ก็บอกแล้วว่า ?บานไม่รู้โรย? ฉะนั้นความมั่งมีมันจะไม่โรยรา....?

ครั้งหนึ่งผมเคยถาม?หลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา? ว่า ตอนนี้มีพระเกจิอาจารย์องค์ไหนที่เก่งๆบ้าง หลวงปู่บอกผมว่า..

?หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ..?

ท่านว่า หลวงพ่อเก๋เวลาเสกตะกรุด เมื่อเสกเสร็จแล้วลืมตามาดู ตะกรุดที่อยู่ในพานมักจะหายไปเสียทุกที..ค้นหาขนาดพลิกแผ่นดินวัดแม่น้ำแล้วก็ยังไม่พบ แต่อนิจจา....



ตะกรุดที่ท่านเสกมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มันลอยไปอยู่บนต้นมะพร้าว ต้นตาล ที่มีอยู่ในสวนข้างๆวัด และผู้ที่พบก็ไม่ใช่ผู้วิเศษที่ไหนทั้งนั้น กลับเป็นคนงานชาวสวนที่ต้องปีนขึ้นไปบนยอดต้นมะพร้าวเพื่อหักปลิดขั้วมะพร้าวให้ตกลงมาจากต้น..

เจอครั้งที่หนึ่งไม่แปลก แต่เจอครั้งที่ขึ้นหลักสิบ จึงรีบมารายงานกับเจ้าของสวนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ  ทำให้ทราบว่าตะกรุดอันนั้นเป็นตะกรุดของวัดแม่น้ำ ที่หลวงพ่อเก๋ ท่านเสกในตอนกลางคืนและได้หายไปนั่นเอง...

หลวงปู่เมี้ยน บอกผมว่า นั่นแหละเขาเรียกว่า ?สำเร็จกสิณลม..?

ครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิทางด้านนี้ยังกล่าวรับรอง แล้วกับคนภูมิแพ้เรื่องของขลังอย่างเราจะรีรอได้ยังไงเล่าครับ...ย้อนกลับมาพ่นเรื่องของ ?กสิณ? กันหน่อย...



คำว่า ?กสิณ? สำหรับตัวผมแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมโหฬาร เนื่องจากตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก เท่าที่สมองน้อยๆ ระดับเด็กอนุบาลพอทราบก็คือว่า...

กสิณ คือ เรื่องของการ?เพ่งมอง?เพื่อทำให้จิตเป็นสมาธิ จัดว่าเป็นกรรมฐานชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการนำจิตให้เข้าไปยึดติด มีส่วนช่วยส่งผลทำให้จิตเป็นสมาธิไว มีอานุภาพมาก

ดังนั้นการฝึกกสิณจึงเป็นการฝึกสมาธิวิธีหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวิธีฝึกจิตแบบหนึ่งเรียกว่า "เจริญสมถกรรมฐาน"



ส่วนเรื่องของกสิณจะมีกี่อย่างอันนี้ด้อยปัญญาจริงๆครับ แต่เท่าที่รู้จะต้องมี ?ปฐวีกสิณ? กสิณดิน คือ การเพ่งดิน ?อาโปกสิณ? กสิณน้ำ คือ การเพ่งน้ำ ?เตโชกสิณ? กสิณไฟ คือ การเพ่งไฟ และ?วาโยกสิณ? กสิณลม คือ การเพ่งลม ทำนองนี้แหละครับ

กล่าวกันว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เราเรียกว่า ?ธาตุทั้งสี่? เป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตคนในโลกของความเป็นจริงที่มีคุณค่าและไม่น้อยหน้า ดิน น้ำ ลม ไฟ ตาม"นัยของกสิณ..."

จะให้ไม่สำคัญยังไงเล่าครับ ก็ในเมื่อหลวงพ่อทองอยู่ พระหมอโบราณเคยสอนหลวงพ่อเก๋ไว้ว่า..

?ความผิดปกติของชีวิตกับเลือดลม? มีสาเหตุมาจากธาตุทั้งสี่ ซึ่งถือว่าเป็น?ปัจจัยภายในตัวของเราเอง.....?



?ชีวิตคนเราประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ปัถวี อาโป วาโย เตโช ดิน น้ำ ลม ไฟ ปัถวีคือดินอยู่ที่เท้า อาโป คือน้ำลาย น้ำเหลือง วาโยคือลมหายใจ

เตโช คือไฟธาตุที่ให้ความอบอุ่นในกายเราอยู่ทุกวัน ดังนั้นคนเราจึงตายเมื่อไฟธาตุแตก เพราะร่างกายเสียสมดุล....?



?ธาตุทั้งสี่ในร่างกายคนเราเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา ตอนเช้าอาจจะยังดีอยู่ ตอนเที่ยงเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง มันเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที

โบราณจึงกล่าวกันว่า ความไข้ที่จะเกิดแก่ร่างกาย มันไม่เลือกวันเวลา เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น...?

ตำรายาโบราณบันทึกไว้ว่า..

?เมษายน คนมักเป็นไข้รากสาด เดือนสิบสอง ลมว่าวพัดลงมา ท่านเรียกว่าไข้หัวลมหรือไข้หวัด พอช่วงหน้าฝนคนมักเจอมาลาเรีย และช่วงที่คนเราไม่สบายกันมากก็คือช่วงที่ฤดูกาลมาเจือจุนกัน นั่นคือการที่ความร้อนและเย็นมากระทบกัน...?



?ฤดูกาลเปลี่ยนก็ส่งผลกระทบต่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายคนเราว่าจะสามารถคงความสมดุลอยู่ได้หรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กันไปหมด...ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยภายนอก..?

ว่ากันว่า?การค้นพบตัวตน สำคัญคือต้องผ่านการแสวงหาด้วยตนเอง...?

เช่นเดียวกันครับ หลวงพ่อเก๋ ท่านเรียนวิชาการต่างๆ มามาก ทั้งช่างไม้ หมอยา คาถา ฯลฯ เป็นที่รู้กันในกลุ่มของผู้ที่มีคตินิยมในแนวทางนี้ว่า การทำของให้ขลัง ให้เกิดความเสถียร นอกจากวิชาการต้องเข้มแข็งแล้วยังคงต้องพึงพา ?ความจริง? ที่มีชื่อว่า ?เคล็ดลับ...?



?ทุกสิ่งในโลกนี้สำเร็จด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คาถาทั้งหลายทั้งหมดจะต้องใส่ด้วยธาตุทั้งสี่ จึงจะได้ผล..?

หลวงพ่อเก๋ สุนันโท หรือท่านพระครูสุนันทวิริยาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มี?วิชาอาคมเก่งกล้า? พอๆกับ ?ความเมตตาที่กล้าแข็ง?

ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปนานแล้วครับ ศพของท่านถูกบรรจุอยุ่ในโลง ตั้งอยู่บนกุฎิเพื่อให้ลูกศิษย์และญาติโยมที่เคารพในตัวท่านได้กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเอง..



บันทึกน้อยของผมตอนนี้เขียนระลึกถึงบุญคุณและคุณงามความดีของท่าน ที่ได้สั่งสอนอบรมธรรมะแก่ชาวบ้าน พัฒนาวัดแม่น้ำให้มีความเจริญรุ่งเรือง..และแรงบันดาลใจอีกประการหนึ่งคือท่านเป็นพระสหธรรมมิกองค์สำคัญของ?ครูบาอาจารย์? ของผมอีกหลายองค์ ซึ่งคำว่า

?คนคอเดียวกัน ย่อมรู้ใจกัน..?

เป็นนิยามที่ดีที่ใช้อธิบายถึงความสัมพันธ์อันนั้น...ขออนุญาตปิดบันทึกน้อยตอนนี้ด้วยคำสอนของหลวงพ่อเก๋ สุนันโท ครับ



?คนเราเกิดมามิได้พบพระพุทธเจ้าเลย...

แต่ว่าถ้าได้ดำเนินชีวิตของตนเองให้ตรงทางจริยมรรคแปดประการ ถูกต้องตามแบบแผนในการปฏิบัติโดยไม่ทอดทิ้ง และทำอย่างจริงๆ ก็สามารถสำเร็จมรรคผล เป็นอริยบุคคลได้...?  สวัสดีครับ



ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับข้อมูล คุณณัฐวุฒิ เลิศวนานนท์ กับรูปภาพประกอบเรื่อง เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำที่มีคุณค่า และไม่อาจลืมคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้อย่างสม่ำเสมอ..

 

3846
ขอให้พี่สิบทัศชนะ ผ่านฉลุย ครับ .... สาธุ

3848
รบกวนทุกท่านด้วยครับ ขอบคุณครับ ......................

และขอบคุณทุกคนด้วยนะครับ  :054:

3852
ขอขอบคุณทุกท่านเลยนะครับ  :002:

ขอฝากพระสมเด็จ อีกจังหวัดนึงด้วย ครับ ใครมีข้อมูล บอกกันบ้างนะครับ





พระสมเด็จวัดสุวรรณรัตนาราม พ.ศ. 2516 หลังยันต์ 5 ครับ ใครมีข้อมูลบอกกันบ้างนะครับ ขอบคุณครับ

3854
เหรียญที่ 2 มาจาก หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำสมุทสงคราม  ปี 2517





3855
รบกวนทุกท่านด้วยนะครับ ....เหรียญแรกมาจาก กาญจบุรี 
หลวงพ่อบ้อง รุ่นแรก ครับ



3856
สาธุด้วย ครับ พี่เก่ง ขอบคุณครับ

3857
 :002: ปีใหม่ที่จะถึงวันพรุ่งนี้ ข้าพเจ้า ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ ร่ำรวยๆๆๆๆ มีสุขภาพจิตที่ดี
ใครที่ยังไม่มีแฟน ก็ขอให้มีแฟน สวยๆๆ หล่อๆๆ นิสัยดีๆๆๆ เป็นคนดีของสังคมครับ
ใครที่กำลังหาวัตถุมงคล ก็ขอให้ได้แต่ของดีๆๆๆ เป็นเครื่อง ยึดเหนียวจิตใจกันนะครับ

สวัดดีครับ

3860
ภาษามคธ เป็นภาษาของจักรวาล

แท้จริง ภาษาเอง ก็เป็นสมมติบัญญัติขึ้นมา เพื่อจุดประสงค์ต่างๆกัน

พระพุทธเจ้า ใช้ภาษามคธหรือบาลี เพราะเป็นภาษาท้องถิ่นของชาวบ้าน ที่ชาวบ้านเข้าใจได้ทันที

ในขณะที่พรามณ์ใช้ภาษาสันสฤต ยึดถือกันเป็นภาษาที่รู้กันเฉพาะวรรณะตน
ถือกันเป็นภาษาสูงส่ง เป็นของเทพ ทำให้ชาวบ้านเข้าถึงได้ยาก

โดยแท้จริง การสืบต่อพุทธพจน์ จำเป็นต้องสืบทอดให้ทรงไว้ด้วยอรรถและด้วยธรรม
ดังนั้น จึงต้องใช้ภาษาดั้งเดิมที่ได้แสดงไว้ในสมัยนั้น
การแปลเป็นภาษาอื่น ย่อมทำให้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความเข้าใจ ภูมิธรรมของผู้แปล

ดังนั้น การดำรงไว้ ซึ่งพระธรรม ตามที่ได้แสดงไว้
ให้ถูกต้องนั้น สำคัญจริงๆ

แต่อย่ายึดติดในภาษา อันเป็นสื่อที่พระพุทธเจ้าได้แสดงผ่านอักษรเหล่านั้นเลย

ศึกษาผ่านสมมติ เข้าใจผ่านสมมติ เห็นผ่านสมมติ
เพราะแท้จริงแล้ว สมมติก็เป็นเพียงทางผ่านไปสู่ความจริงเท่านั้น

ขอท่านจงเข้าใจความมุ่งหมายของเราเถิด
มิได้มีจุดมุ่งหมายอื่นใดเลย



 ขอขอบคุณ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=suppanut&date=28-01-2006&group=1&gblog=10

3861
ในหัวข้อนี้ กระผมจะขอกล่าวเป็นหัวข้อสุดท้ายนะครับ ท่านจะเชื่อผม หรือไม่เชื่อผมก็ไม่ทราบ ผมไม่รู้ ถือว่าผมมาบ่นให้ฟังและกัน ครับ

การเจริญสมาธิ และกรรมฐาน สิง่ที่สำคัญของผมก็คือ ศิลที่บริสุทธิ์ การเจริญพรหมวิหาร 4 ไม่ให้คลาดเคลื่อน และการใช้ปัญญา ครับ
ศิล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น ถึงจะทำให้หลุดพ้น จงเดินทางสายกลาง และ ใช้ปัญญาพิจณาเป็นเหตุ

อย่าหลงกับตำรามากจนเกินไป อย่าปฏิบัติจนไม่ลืมหูลืมตา จนมากเกินไป ให้พอดีๆ ครับ
เช่นเมือ่อ่าน แล้ว ผมเชื่อว่าหนังสือทุกเล่ม ล้วนเป็นขั้นพื้นฐานทั้งนั้น เป็นพื้นฐานหรือแบบอย่างให้เราก้าวไป

ใช่ว่าอ่านหนังสือ แล้ว จะบรรลุธรรม โดย ไม่ปฏิบัติ หรือ ไม่ใช้ปัญญาในความคิดไตร่ตรองในความเป็นจริง
เพราะตำรา หนังสือ ก็จะบอกใว้ว่า หากท่านทำแบบนี้ นั่งแบบนี้ ปฏิบัติแบบนี้ ก็จะเป็นบรรลุญาณขั้นนี้ๆ
หากเชื่อตำราโดยไม่ใช้ปัญญา เราก็ไม่ต้องมานั่งปฏิบัติกันแล้ว หละครับ แค่อ่านก็บรรลุแล้ว เหอๆๆ

เพราะพระพุทธศาสนา สอนธรรมมะให้เกิดปัญญา ครับ และพ้นจากอวิชา (อวิชา แปลว่า ไม่รู้ หรือ ผิดหลงในทางผิด)
อย่าลืมศาสนามีมา 2500 กว่าปี แน่นอนย่อมมีเบือน ไปตามการเวลา
เพราะตำราบางตำรา .... สอนให้คนเส้นชีวิตถวายชิวิตหรือสังเวย ก็จะพ้นทุกข์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นอวิชาครับ
แต่ก็มักมีเหตุผลอ้างว่า ก็เขาบันทึกมากล่าวมา ว่าอย่างนี้ หากผู้บันทึกบันทุกผิดๆ เราก็เช่อในสิง่ที่ผิดสิครับ
เพราะฉะนั้น ปัญญา ศิล สมาธิ เป็นเหตุสำคัญ และ ท่านต้องเชื่อมั่นในพระพุทองค์เท่านั้น

และที่แน่นอน หากท่านรู้ ว่าการเจริญกรรมฐานอย่างนี้ จะได้ญาณแบบนี้ หากท่านคิดหรือมีความอยากที่จะบรรลุญาณก็จะไม่บรรรลุ
เพราะท่านมีความอยาก  อยากคือความโลภ ก็จะไม่สามารถที่จะบรรลุได้

เพราะฉะนั้นสิง่ที่สำคัญ คือ ปัญญา ศิล และสมาธิ ครับ .........................
ปัญญาควรใช้ไตร่ตรอง อย่าได้หลงเพราะเขาว่ามา
ศิล เป็นข้อปฏิบัติ เพื่อไม่ทำให้เกิดความเลว หรือกรรมเลว จนเกิดเป็นกรรมที่มาขวางกั้นจนเราไม่ให้บรรลุ
สมาธิ การฝึกสมาธิ พิจณา เพื่อให้เกิดปัญญา

ปัญญา ศิล สมาธิ พรหมวิหาร4  พระพุทธองค์ มรรค 8 การปล่อยวาง คือเส้นทางเท่านั้นแห่งความสำเหร็จ

สมัยพระพุทธกาล พระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่ได้มานั่งจำจี้จ้ำไช ว่าทำแบบนี้นะต้องให้เป็นแบบนี้นะ ถึงจาแบบนี้
แต่ท่านให้ ธรรมมะ และเหตุผล แห่งการบรรลุ และให้แยกไปหาความวิเวก ทำสมาธิ เพื่อเกิดปัญญาในธรรมมะนั้นๆที่พระพุทธองค์ทรงสอน



สำหรับผมผมชอบคำนี้มากเลย ครับ วิชชา ดับ อวิชา ของพี่ เณรน้อย 


สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเพียงที่ผมบ่นให้ฟังเท่านั้นครับ หากผิดพลาด หรือเป็นการกล่าวให้ธรรมมะของพระพุทธองค์ทรงผิดเพี้ยนไป
ก็ขออภัยด้วย  และผมไมได้มีเจตตนาร้าย หรืออวดอ้างว่าข้าเก่งแต่อย่างใด
อย่าลืม ผมก็เป็นคนธรรมดาที่เข้าใจ ธรรมมะแค่เปลือก เท่านั้น  ต้องขออภัยนะที่นี้และล่วงหน้า ด้วย ครับ

3863
ต้องขอบคุณพี่ Kanya  และทุกท่านครับ ที่นำเอาความรู้มาเผยแพร่กัน
ข้อมูลของทุกๆท่านมีประโยชน์มาก ครับ และยิ่งของพี่ Kanya  ตรงที่สุดและครับ

ขอบคุณครับ

3864
อาจารย์เม้ง สามแยกกระจับ บ้านโป่ง ราชบุรี คร๊าบ

3866
กราบสวัดดีปีใหม่ ครับ ทุกๆท่าน  :054:

3867
ขอบคุณครับ
ในความหมายของผม ผมหมายถึงภาษาที่ใช้ครับ ไม่ใช่หมายถึงผมปฏิบัติเอง และรู้เอง ครับ

หากจะอธิบาย แบบภาษาตามที่ท่านกล่าวมา คนธรรมดาที่ไม่รุ้ภาษาบาลี ก็จะงง และไม่เข้าใจ ครับ

ส่วนเรื่องที่ผมอธิบายมา เป็นภาษาแบบ ของผมเอง ที่ได้รำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ ครับ

เพราะครูบาอาจารย์ ที่สอนผมมา ....ก็เอามาจาก พระไตรปิฎกและวิสุทธิมรรค และจากครุบาอจารย์ที่สอนกันมา ครับ

แต่ความหมายที่บอกว่าไมได้อ้างอิงมาจากตำราใด หมายถึงภาษาในการอธิบาย ครับ

ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย ครับ เพราะผมเป็นเภทว่า รู้แต่เปลือก ครับ ยังไม่ลึกซึ้งพอ ไงขออภัยด้วยนะครับ

3868
ขอบคุณท่าน donutv  ศิษหลวงพ่อจรัญด้วยนะครับ   ผมก็นับถือท่านเช่นกัน ครับ
หลวงพ่อจรัญก็เก่งมาก ครับ ผม พระอริย์สงฆ์ อีก นึงองค์ที่ยังมีสังขารอยู่


กรรมฐานหากเราพูดภาษา ชาวบ้าน แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ครับ
1.ฝึกสมาธิ เพื่อให้จิตเกิดสมาธิ  อย่างที่พี่donutv  ได้บอก เป็นหัวข้อนี้ ครับ
ทำให้ตนเองมีสมาธิ รู้อยู่ว่ากำลังจะทำอะไร  เพื่อเกิดสติ ในความไม่ประมาท ครับ

2.การฝึกเพื่อ ปล่อยวาง และสำรวมในกาย ครับ ให้มองหลักความจริงของมนุษย์  ให้มองถึงกงล้อกรรมและความเป็นจริง
สิง่มีชีวิตบนโลกนี้ครับ เช่น ความตายเป็นสิง่ที่แน่นอน คนเราก็ต้องตายทุกคน ครับ นี่คือความจริง 
(วิธีที่ 2 คือแนวทางไปสู่นิพพาน ครับ พูดตามภาษาชาวบ้าน เมื่อเรารู้ความจริง การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นทุกข์ ครับจะทำอย่างไร เพื่อให้หลุดพ้นได้ จะทำอย่างไรให้เราไม่ต้องมาเกิดอีก (ต้องละกิเลสออกให้หมด )

ผมไม่ได้อ้างอิงหรือคัดลอกมาจากหนังสือบทใด แต่ที่กล่าวมาคือภาษาแบบชาวบ้าน ที่ผมได้ศึกษามาด้วยตนเอง
หากท่านที่ต้องการจะเรียนรู้  ควรทำด้วยตนเองจะดีที่สุด ครับ ไม่มีใครจะดีไปกว่าตนเอง

สิ่งเหล่านี้ รู้ได้เฉพาะตน 

หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย ครับ เพราะความโง่ของผม อาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ต้องขออภัยในความโง่ของผมด้วย ครับ

ขอเสริมเรื่องการภาวนา ครับ อย่างที่บอก การภาวนาว่า สัมมาอะระหัง พุทโธ ยุบหนอพองหนอ 
การเจริญกรรมฐานอย่าไปยึดติด ครับ เพราะสิ่งที่พระท่านสอนให้ภาวนา ล้วนเป็นอุบายให้มีสติและสมาธิ ครับ

ถ้าใครเคยชิน ว่าพุทธ โธ ก็ได้ครับ หรือพองหนอ ยุบหนอ ก็ไม่ผิด ครับ


หากมีเวลาน้อย ทำอยากทำสมาธิ แบบง่ายๆ
ให้แบมืออก 2 ข้าง หายใจเข้ากำมือ หายใจออกแบมือ ก็ได้ครับ
หรือการทำงาน ก็คือสมาธิเช่นกัน ครับ


เหมือน ท่านที่กำลังอ่าน บมความอยุ่นี้ถ้าอ่านจนหมดไม่วอกแวก นี่ก็คือสมาธิ ครับ

3869
พระอาจารย์อเนก ก็เก่ง ครับ ประสบการณ์พอมีแล้ว ครับ สำหรับวัตถุมงคลของท่าน
ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อไสว ครับ แต่ไม่ใช่เจ้าอาวาส

เจ้าอาวาส คือหลวงพ่อสมชาย ครับ ซึ่งผมก็นับถือ ท่านเป็นพระสายปฏิบัติ และ พัฒนา ครับ

3871
ขอบคุณสำหรับปีใหม่ ครับ ...ผมว่าเราควรจะสามัคคีกัน และช่วยเหลือกัน ครับ
ขนาดสัตว์ ...ยังมีน้ำใจ และช่วยเหลือกันขนาดนี้ ผมว่ามนุษย์ จะต้องช่วยเหลือกัน และน่าจะอายสัตว์ ครับ

ขอบคุณครับ ด้วยความเคารพ

3872
ตามที่ท่านโจบอกก็ดี ครับ ...แต่อย่าลืมสมาชิกเวปเราไม่ใช่น้อยๆ ของที่ละฤก ก็คงจำนวนเยอะ และ งบประมาณก็คงเยอะตามไปด้วยนะครับท่าน  :075:

3873



เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐ เดิมชื่อสังเวียน เป็นบุตรคนที่ ๓ ของนายควง นางสมบุญ สังข์สุวรรณ เกิดที่ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้อง ๕ คน เมื่ออายุ ๖ ขวบ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่ออายุ ๑๕ ปี เข้ามาอยู่กับท่านยายที่บ้านหน้าวัดเรไร อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ในสมัยนั้น และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ อายุ ๑๙ ปี เข้าเป็นเภสัชกรทหารเรือ สังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ พออายุครบบวช

อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ วัดบางนมโค โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิหารกิจจานุการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เล็ก เกสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อายุ ๒๑ ปี สอบได้นักธรรมตรี อายุ ๒๒ ปี สอบได้นักธรรมโท อายุ ๒๓ ปี สอบได้ นักธรรมเอก

ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๑ ได้ศึกษาพระกรรมฐาน จากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิเช่นหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค, หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก, พระอาจารย์เล็ก เกสโร วัดบางนมโค, พระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน, พระครูอุดมสมาจารย์ วัดน้ำเต้า, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) และหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ

พ.ศ. ๒๔๘๑ เข้ามาจำพรรษาที่วัดช่างเหล็ก อำเภอตลิ่งชัน ธนบุรี เพื่อเรียนบาลี ต่อมา สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดอนงคาราม หลังจากนั้นได้เป็นรองเจ้าคณะ ๔ วัดประยูรวงศาวาส เป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค และย้ายไปอยู่อีกหลายวัด

พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงมาอยู่วัดท่าซุง บูรณะซ่อมสร้างและขยายวัดท่าซุง จากเดิมมีพื้นที่ ๖ ไร่เศษ จนกระทั่งเป็นวัดที่มีบริเวณพื้นที่ประมาณ ๒๘๙ ไร่

พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระสุธรรมยานเถร"

พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

มรณภาพ
ตุลาคม ๒๕๓๕ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ได้อาพาธด้วยโรคปอดบวมอย่างแรง และติดเชื้อในกระแสโลหิต เข้ารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช และมรณภาพที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕ เวลา ๑๖.๑๐ น.

ตลอดระยะเวลาที่อุปสมบทอยู่ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้ทำหน้าที่ของพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ

ทางด้านชาติ ได้สร้างโรงพยาบาล , สร้างโรงเรียน , จัดตั้งธนาคารข้าว , ออกเยี่ยมเยียน ทหารหาญของชาติและตำรวจตระเวณชายแดนตามหน่วยต่างๆ เพื่อปลุกปลอบขวัญและกำลังใจ และ แจกอาหาร , ยา , อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และวัตถุมงคลทั่วประเทศ

ทางด้านพระศาสนา ได้สั่งสอนพุทธบริษัทศิษยานุศิษย์ให้มุ่งพระนิพพานเป็นหลัก โดยให้ประพฤติปฏิบัติกาย , วาจา , ใจ , ในทาน , ในศีลและในกรรมฐาน ๑๐ ทัศ และมหาสติปัฏฐานสูตร ได้พิมพ์หนังสือคำสอนกว่า ๑๕ เรื่อง และบันทึกเทปคำสอนกว่า ๑,๐๐๐ เรื่อง นอกจากนี้ยังได้แสดงธรรม เทศนาทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เป็นครั้งคราว นอกจากนี้ ยังเดินทางไปสงเคราะห์คณะศิษย์ในต่างจังหวัดและต่างประเทศทุกๆ ปี

ทางด้านวัตถุ ท่านได้ช่วยสร้างพระพุทธรูปและถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนามากกว่า ๓๐ วัด รวมทั้งการบูรณะฟื้นฟูวัดท่าซุงด้วยเงินกว่า ๖๐๐ ล้านบาท ได้สร้างพระไตรปิฎก , หนังสือมูลกัจจายน์ และถวายผ้าไตรแก่วัดต่างๆ ปีละไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ไตร

ทางด้านพระมหากษัตริย์ท่านได้สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการจัดตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ศูนย์ฯ นี้ได้ดำเนินการสงเคราะห์ราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ งานของศูนย์ฯ รวมทั้งการแจกเสื้อผ้า , อาหาร และยารักษาโรคแก่ราษฎรผู้ยากจน , การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ , การส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย , การให้ทุน นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน , การบริจาคทุนทรัพย์ให้แก่มูลนิธิและโรงพยาบาลต่างๆ ฯลฯ

นับได้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นปูชนียบุคคลผู้อยู่ด้วยความกรุณา เป็นปกติ พร่ำสอนธรรมะและสิ่งทีเป็นประโยชน์และสงเคราะห์เกื้อกูลมหาชนด้วยเมตตามหาศาลสมกับ เป็น ศากยบุตรพุทธชิโนรส แท้องค์หนึ่ง


ขอขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.dhammathai.org/monk/sangha47.php

3875




ไกลออกไปจากเมืองหลวงเมื่อหลายสิบปีมาแล้วบริเวณทุ่งแถบนั้นเต็มไปด้วยต้นข้าวที่กำลังออกรวงเหลืองอร่าม ข้าวแต่ละรวงเบ่งบานและอวบโต จนลำต้นไม่อาจทานน้ำหนักของเมล็ดข้าวได้ ต้องโน้มทอดลงสู่พื้นดิน บริเวณนั้นมีชื่อเรียกว่า ?บ้านไผ่เดาะ? อยู่ในตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนี้เองนับแล้วก็คืออู่ข้าวอู่น้ำของเมืองไทยก็คงไม่ผิด
บ้านไผ่เดาะ เป็นชุมนุมชนที่หนาแน่นพอสมควร อาชีพหลักของผู้คนที่นั่นคือการทำนา อันเป็นอาชีพดั้งเดิมที่บรรพบุรุษได้มอบให้ไว้ เนื่องจากเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ ทำนาได้ผลมากมาย ความสงบสุขจึงปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วไป
ณ. ที่นี่แหละ คือถิ่นกำเนิดของเด็กคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ? เป้า ? เด็กชายเป้าผู้นี้ เมื่อเติบใหญ่ได้กลายเป็นผู้ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมาก น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นขอให้เราย้อนกลับไปสู่ครั้งปฐมวัยของเด็กน้อยผู้นี้กันก่อนเถอะ
เด็กชายเป้าเป็นบุตรของชาวนาโดยตรงผู้หนึ่ง บิดาชื่อว่า ?นายช้าง? มารดาชื่อว่า ?นางเปรม? มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น ๘ คน เป้าเป็นบุตรคนที่ ๕ เมื่อเป้าเกิด ทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้อง ก็รู้ว่าเป้าไม่ใช่คนแข็งแรงอะไรนัก เพราะเป้าเป็นเด็กผอม พุงป่อง และเจ็บออดๆ แอดๆ เสมอ แต่ว่าอาการนั้นก็ไม่หนักหนาอะไร คงเลี้ยงดูกันได้เรื่อยมา ชีวิตในวัยเด็กนั้นเป้าก็เหมือนกับเด็กอื่นๆทั่วไป คือชอบเล่นฝุ่นสนุกซุกซนตะลอนๆ ไปตามชายทุ่ง และดำผุดดำว่ายอยู่ในคลองบึงที่ไม่ห่างจากบ้านนัก ทั้งๆ ที่เป็นเด็กซึ่งพ่อแม่ออกจะเป็นห่วงอยู่ เพราะเกรงว่าโรคภัยจะแทรกแซง เนื่องจากความอ่อนแอ แต่เป้าก็คงซุกซนและเจริญวัยเรื่อยมา พร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เป้าก็เริ่มมีภาระเล็กๆ น้อยๆ คือติดตามผู้ใหญ่ออกไปทำนา ตามแรงความสามารถเท่าที่จะทำได้ ซึ่งถือว่าเป็นการสอนวิชาชีพที่จะกลายเป็นสมบัติติดตัวไปข้างหน้าวิธีหนึ่ง
 
  หลวงพ่อขอม ( อนิโชภิกขุ )
 
แต่กับพ่อกับแม่ของเป้าแล้วคิดไปไกลกว่านั้นอีก คือชีวิตของชาวนาจะมีอะไรมากไปกว่า ตื่นเช้าออกสู่เส้นทุ่งกว้าง เย็นลงก็กลับบ้าน วิชาความรู้อย่างอื่นนั้นคงไม่มี ในเมื่อหาเวลาที่จะร่ำเรียนมิได้ ความคิดที่วูบขึ้นมาเช่นนั้น ในขณะนั้น ทำให้พ่อแม่ของเป้าตัดสินใจส่งลูกชายน้อยๆ ไปขอรับวิชาความรู้ จากแหล่งรวมของสรรพวิชาทั้งหลาย นั่นก็คือวัด วัดแรกที่เป้าได้ร่ำเรียนคือวัดใกล้ๆ บ้านนั่นเอง เป้าได้รับรู้ธรรมเนียมใหม่ กล่าวคือเป้าต้องรับใช้ปรนนิบัติพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์ด้วย หลังจากเลิกเรียนแล้ว ซึ่งก็หาได้ทำให้เด็กน้อยเบื่อหน่ายไม่ การรับใช้อาจารย์ก็เหมือนรับใช้พ่อแม่ ดังนั้นเป้าจึงมิได้รังเกียจ ตรงกันข้ามกลับมีความกระตือรือร้น เมื่ออาจารย์เรียกหา
ความรู้ในด้านอ่านออกเขียนภาษาไทยของเด็กชายเป้าก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนอ่านเขียนได้คล่องแคล่ว และด้วยความกระตือรือร้นของเด็กผู้นี้ ทำให้อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาบังเกิดความเมตตา สอนเด็กชายเป้าให้รู้จักอ่านเขียนภาษาขอมต่อไป
ว่ากันว่าใครก็ตามในสมัยนั้นยุคนั้น ถ้าเรียนภาษาขอมก็ถือว่าเป็นการเรียนในชั้นสูง แต่เรียนไปได้ไม่นาน เป็นก็จำต้องย้ายวัดเพื่อการศึกษาต่อไป ตามธรรมเนียมของนักเรียนใหม่ พระอาจารย์ย่อมจะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้เป้าจึงต้องย้อนเรียนภาษาไทยอีกครั้งเป็นการทบทวน ดูเหมือนว่าความรู้ในภาษาไทยที่เป้ามีอยู่แล้ว จะเป็นที่รับรองของพระอาจารย์ เป้าจึงได้ก้าวต่อไปสู่ชั้นสูงคือเรียนภาษาขอมอีกครั้ง
และในครั้งนี้เด็กน้อยผู้นี้ได้แสดงความสามารถให้ประจักษ์อีกครั้งหนึ่งเพราะชั่วเวลาไม่นาน เป้าก็อ่านเขียนหนังสือขอมเลยหน้าเด็กๆ รุ่นเดียวกันจนเป็นที่เลื่องลือยกย่อง อาจารย์เองก็ถึงกับออกปากชมไม่ขาดปากเลย เพื่อนๆ ของเป้าถึงกับออกปากอย่างล้อเลียนว่า เป้าน่ากลัวไม่ใช่คนไทย แต่เป็นขอม จึงอ่านเขียนหนังสือขอมได้คล่องแคล่วนัก และแล้วฉายาว่า ?ขอม? ก็ปรากฎขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่เมื่อเรียกกันไปนานๆ ชื่อเป้าก็ชักเลือนหายไปทุกทีๆ เพื่อนฝูงและผู้รู้จักมักคุ้น ตลอดจนคนที่สูงอายุกว่า ต่างยอมรับเอาฉายาขอมเข้าไว้อย่างสะดวกปาก คำหนึ่งก็ขอมสองคำก็ขอมที่สุด ชื่อเป้าอันเป็นชื่อเดิมของเด็กน้อยผู้นี้ ก็สูญหายไปจากปากอย่างเด็ดขาด กลายเป็นเด็กชายขอมขึ้นมาแทนที่
กล่าวถึงการศึกษาที่วัด อันเสมือนโรงเรียนสำหรับยุคนั้นเปรียบได้กับการศึกษาของนักเรียนประจำในยุคนี้ กล่าวคือต้องพำนักอยู่ที่วัดตลอดไป โดยมีอาจารย์ที่เป็นทั้งครูและผู้ปกครองไปพร้อมๆกัน แต่นั่นก็หาใช่ว่านักเรียนของวัดจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน ที่จริงเมื่อถึงเวลาอันสมควร นักเรียนวัดก็กลับบ้านกันทั้งนั้น เป้า หรือบัดนี้มีชื่อใหม่ตามความนิยมว่า ? ขอม? ก็กลับบ้านเหมือนกัน เมื่อถึงบ้านความซุกซนแบบเดิมๆ ที่เป้าเคยเล่นซุกซนก็หายไป เป้าหรือขอมกลายเป็นเด็กที่มีระเบียบ รู้จักการปรนนิบัติรับใช้ผู้สูงอายุกว่า การพูดจาก็ฉาดฉาน จะอ่านจะเขียนก็คล่องแคล่ว สร้างความชื่นใจให้กับผู้ที่เป็นพ่อแม่เป็นอย่างยิ่ง จนทำให้นายช้างและนางเปรมลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ตนนั้นได้แก้วไว้ในมือแล้ว สมควรที่จะได้รับการเจียรไนต่อไป ดังนั้นหลังจากที่ศึกษาอยู่ ณ วัดบางสามได้ระยะหนึ่ง ขอมก็ถูกส่งตัวเข้ากรุง ซึ่งเป็นการเผชิญชีวิตครั้งใหญ่สำหรับเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลเกินกว่าวัดบางสาม แต่การไปครั้งนี้หมายถึงอนาคตที่จะชี้บอกว่า ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ดังคำเปรียบเทียบที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกันหรือไม่ แทนที่จะเป็นเพียงชาวไร่ชาวนาดังบรรพบุรุษของตน และแน่ล่ะกรุงเทพฯ ช่างเป็นคำที่หวานหูเสียนี่กระไร สวรรค์สำหรับทุกคน ใครได้ไปแล้วมักไม่ยอมกลับกัน
ขอมถูกพ่อแม่พามาฝากไว้วัดสระเกศ เนื่องจากมีภิกษุที่รู้จักคุ้นเคยกับทางบ้านจำพรรษาอยู่ที่นั่น วัดสระเกศก็เลยได้เป็นบ้านที่สองของเด็กขอม พร้อมๆ กับการเข้าโรงเรียนประถมศึกษาซึ่งตั้งอยู่ที่วัดนั้นด้วย บัดนี้แทนที่จะเรียนแบบแผนเก่า แต่ขอมได้เรียนหลักสูตรการศึกษาแบบใหม่ ที่หลวงท่านกำหนดให้อนุชนได้เล่าเรียน ชีวิตอันเป็นประจำวันของขอม ในกรุงเทพฯ ก็เริ่มต้นด้วยการตื่นแต่เช้าตรู่ หาอาหารใส่ปากใส่ท้องแต่พออิ่ม แล้วก็มุ่งหน้าไปยังโรงเรียน คร่ำเคร่งอยู่กับการเรียนไปจนบ่ายคล้อยจึงกลับวัด คอยปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์ที่ขอมอาศัยอยู่ด้วย และได้อาศัยข้าวก้นบาตรของพระอาจารย์นั้นเอง เป็นอาหารยังชีพเรื่อยมา
เวลาผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน และจากเดือนเป็นปี ขอมคงปฏิบัติตนเสมอต้นเสมอปลายกับการศึกษา ขณะที่การรับใช้พระอาจารย์ก็รักษาไว้ มิให้ขาดตกบกพร่อง เป็นอยู่เช่นนี้ล่วงได้ 3 ปี ขอมจบการศึกษาในชั้นประถมปีที่ 3 ก็เดินทางกลับคืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่อีกครั้งหนึ่ง
ขอมกลับบ้านอย่างคนที่ไปชุบตัวในเมืองหลวงมาแล้วเมื่อย่างก้าวไปทางใด ก็มีแต่คนนิยมชมชอบ จะพูดจาก็มีคนนับถือ และแม้ว่าชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่ม ซึ่งหมายถึงวัยแห่งความกระตือรือร้น และการเที่ยวเตร่สนุกสนานเฮฮากับเพื่อนฝูงและสาวพื้นบ้านเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่หนุ่มน้อยขอมก็ไม่ยอมปล่อยใจให้ล่องลอยไปเกินกว่าขอบเขต สิ่งที่ขอมคิดมากในขณะนั้นคือ ทำนาช่วยภาระของพ่อแม่ แต่คนเรานั้นหาได้เป็นคนโดยสมบูรณ์ไม่หากยังไม่ได้บวชเรียน ดังนั้นเมื่อขอมอายุครบบวช พ่อแม่ก็จัดการบวชให้ที่วัดบางสาม อันเป็นวัดใกล้บ้านและสถานศึกษาเดิมของขอม เพราะระยะเวลานี้ ขอมมีนิสัยไปในทางรักสันโดษ ชอบพินิจพิเคราะห์ตรึงตรองต่างกว่าเพื่อนวัยเดียวกันคนอื่นๆ
พิธีอุปสมบทขอมจัดทำกันอย่างเต็มที่ เท่าที่ฐานะจะอำนวยได้ และท่ามกลางความชื่นชมของทุกคน เนื่องจากพ่อแม่ของขอมเป็นผู้ที่กว้างขวางมีคนไปมาคบหาด้วยจำนวนมาก การบวชคราวนี้จีงมีพระครูวินยานุโยคแห่งวัดสองพี่น้อง เป็นองค์อุปัชฌาย์ พระอาจารย์กอนวัดบางสาม เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เผือก วัดบางซอ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ขอมได้รับฉายาที่พระอุปัชฌาย์ตั้งให้คือ ?อนิโชภิกขุ?
นวกะภิกษุอนิโช หรือ เด็กชายเป้า ที่เพื่อนๆ เรียกกันว่า ? ขอม? ก็ได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ตั้งแต่บัดนั้นพระขอม หรือ อนิโชภิกษุ เมื่อจำพรรษาอยู่ที่วัดบางสาม ก็ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และได้ปฏิบัติตนในศีลจารวัตร เป็นอย่างดี อยู่หลายปีจนกระทั่งเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง ยังมีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า ? วัดไผ่โรงวัว? ที่นี้ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ทีสมควรได้ตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ไม่มีท่านใดเหมาะเท่า พระขอม เมื่อลงความเห็นกันดังนี้ ต่างก็พากันกันไปนิมนต์ อนิโชภิกษุ หรือ พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัวก่อน พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่น ไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา 2 ปี
ชีวิตของท่านอนิโชในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนา เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ ขาดสถานศึกษาเล่าเรียน สิ่งนี้ทำให้พระขอมได้พิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำพรรษาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดประตูสารใกล้ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป 3 ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ
คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่งอย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารกิจให้พระศาสนาเต็มที่ ดังได้กล่าวแล้วว่าวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ความใหม่นี้เอง เป็นความใหม่ที่ยังไม่ถึงพร้อมกล่าวง่ายๆ คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน กุฏิที่อยู่จำพรรษาของภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง 2 หลัง ศาลาการเปรียญที่จะเป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงโรงทำด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลาน่าอนาถใจยิ่ง
ภาระของพระขอมคือ ปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัดเสียก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นชั้นที่สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดินไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวนี้เป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใด น้ำท่วมทุกปีและท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้ เมื่อถมดินเสร็จท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำและดื่มน้ำของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า ? วัด? ศรัทธาของประชาชนก็เพิ่มมากขึ้น
นับตั้งแต่พระขอม สละเพศฆาราวาสมาสู่พระพุทธศาสนา ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่ามโนปณิธานเรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า ?..อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใส ได้สร้างพระพุทธรูป จะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลยจนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..? ด้วยมโนปณิธานนี้เองทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้างพระพุทธโคดมด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พ.ศ. 2500 ท่านขอมก็เริ่มบอกบุญแก่ญาติโยมใช้เวลา 2 ปีกว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด 12 ปีด้วยกัน จนแล้วเสร็จ พ.ศ. 2512 หลังจากนั้นท่านขอมก็เริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่างอาทิเช่น สังเวชนียสถาน 4 ตำบล แดนสวรรค์ นรกภูมิ เมืองกบิลพัสดุ์และอีกหลายๆ อย่างด้วยกันดังที่เห็นกันอยู่กันเท่าทุกวันนี้ถ้าถามว่าหลวงพ่อขอมจะสร้างสิ่งก่อสร้างไว้มากมายเพื่ออะไร ท่านก็ตอบว่าอาตมาสร้างไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธาและอนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติ นอกจากงานก่อสร้างแล้วหลวงพ่อขอมท่านก็ยังเป็นนักเขียน นักแต่ง ที่มีความสามารถไม่ยิ่งไม่หย่อนไปกว่าด้านงานก่อสร้าง ผลงานของท่านปรากฎอยู่หลายเรื่องเฉพาะที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปแล้วก็มีเรื่อง ธรรมทูตเถื่อน พุทธไกรฤกษ์ สมถะและวิปัสสนา
จนมาถึงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เวลา ๑๖.๕๕ หลวงพ่อขอมก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๘๘ ปี ๖๘ พรรษา ทำให้นึกถึงคำปฏิญานของท่านอนิโชที่กล่าวไว้ ๕ ข้อคือ ๑. ชีวิตของเราที่เหลือขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย ๒. เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก ๑ บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ๓. เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี ๔. โอ..โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน ๕. เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเราบัดนี้ท่านอนิโชนั้น ได้ทำคำปฏิญานของท่านให้สมบูรณ์แล้วทุกประการ ท่านพระครูผู้นี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กชายเป้าในอดีต ซึ่งบัดนี้สละทุกสิ่งเพื่อเจริญรอยบาทพระพุทธองค์ ท่านคือศิษย์พระตถาคตผู้มุ่งมั่น

3876
บทความ บทกวี / ตอบ: เย ธมฺมา
« เมื่อ: 28 ธ.ค. 2551, 11:07:37 »
ขอบคุณครับ

3877
ขอขอบคุณทุกท่านเช่นกัน ทุกๆท่านล่วงหน้าเลยนะครับ ที่เข้ามาอ่านบทความไร้สาระของผม ขอบคุณครับ  :054:

3878
เสริมอีกนิดครับ ....เป็นการพิจณาหลังจากพิจณาร่างกายแล้ว
1.เราต้องพลัดพรากจากของหรือสมบัติที่รักเราจะทำอย่างไร
2.หากคนที่เรารักจากเราไปจะทำอย่างไร หรือเป็นโรคร้ายจะต้องตาย จะทำอย่างไร
3.หากทุกๆคนที่เรารู้จักจากและพลัดพรากจากเราไปจะทำไง
4.หากแฟนเราที่คบกันมานานแสนนานต้องพลัดพรากหรือเลิกกับเรา หรือตายไปก่อนเรา เราจะทำไง
5.เมือเราตาย และทุกคนจะทำอย่างไร
6.สมบัติ ทุกๆอย่าง ที่เราสะสมมา ด้วยทางกายก็ดี ทางเงินก็ดี หากเราตายแล้วเอาไปไม่ได้จริงใหม



ชีวิต สมบัติ ลาภยศ เป็นของไม่เที่ยงล้วนแต่ต้องมีการจากพลัดพรากจากสิ่งที่ชอบ เป็นกฏของความจริง เราควรยอมรับความจริงให้ได้เสียก่อน
และท่านก็จะเห็นธรรมนั้น เอง และก็จะปลง

ตามที่กล่าวใว้ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
แต่กรรมมี 2 ประเภท กรรมคือการกระทำ
1.หากท่านทำดี ใว้ท่านก็ได้กรรมดี
2.หากท่านทำชั่ว ท่านก็จะได้รบผลนั้น

เช่นท่านฆ่าสัตว์ ตายเท่าใด ท่านก้ต้องมาเกิดเป็นสัตว์นั้นมาให้เขาฆ่า
ชีวิตหมุนไปตามกงล้อ ......

มีทางเดียวที่จะหยุดได้ ....นั่นคือนิพพาน นิพพานหากท่านผู้ใดเชื่อว่ามีจริง นิพพานไม่ศูนย์
ขอให้ท่านทั้งหลายได้เห็นนิพพานนั้นเถิด สาธุ


กระผมไม่ใช่คนเก่งอะไร เป็นผู้มีความรู้น้อยนิด แต่ที่ได้กล่าวมาก็หวังว่าจะเป็นประโยนช์แก่ท่านเล็กๆน้อยๆก็พอใจแล้ว
หากมีอะไรผิดพลาด เพราะผมยังมีความรู้น้อย ยังโง่อยู่ ก็ขอให้ทุกท่านได้โปรดให้อภัยด้วยละกัน ครับ

ขอบคุณทุกท่าน

3879
การเจริญกรรมฐานนั้น ...เป็นการฝึกสมาธิครับ ให้กำหนดลมหายใจเข้าออก  หรือหาอะไรทำก็ได้ครับ ให้เกิดสมาธิ
เช่น นั่งสมาธิ หรือจะนอนสมาธิ เดินจงกลม ก็ไม่ว่ากัน ครับ  ถ้าหากท่านเป็นผู้มีเวลาน้อยหรือไม่สะดวกก็ให้นอนสมาธิก็ได้ครับ
เพราะการนอน เป็นการทำให้ร่างกายเราผ่อนคลายสบายที่สุด เหมาะกับการทำสมาธิครับ 
ให้นอน และกำหนดรู้ลมหายใจเข้าช้าๆ หายใจให้เต็มปอด และเค่ยๆ ปล่อยออกไม่ต้องรีบ ...........เค่ยๆผ่อนลมหายใจครับ
จะภาวนาว่า  เข้า พุทธ ออกโธ  หรือ เข้า ยุบหนอ ออกพองหนอก็ได้ครับ แล้วแต่เรา จะภาวนาได้เหมือนกันหมด
ถ้าแบบง่าย ตามที่พระเจ้าอยู่หัวท่านเคยตรัสใว้ เข้าให้ภาวนาว่า 1 ออกภาวนาว่า 1 และเข้าอีกครั้งภาวนาว่า2 และออกภาวนาว่า2 ก็ได้ครับ
ทำไปเลื่อยๆ ครับ... หากสมาธิไม่นิ่ง ไม่ต้องฝืนหรือเกร็งนะครับ ให้พักก่อนแล้วเค่ยทำใหม่ สบายๆ ครับ ที่สำคัญอย่าเกร็งหรือฝืนเป็นเด็ดขาด
หากเมื่อย ก็ให้เปลี่ยนมาเป็นท่านั่ง ดู  หรือพักก่อนเค่ยทำใหม่ ใจเย็นๆ ครับ เค่ยๆทำไปเลื่อยๆ ไม่ต้องรีบ

เมื่อทำไปเลื่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชิน

ข้อสำคัญของการทำสมาธิ
1.ควรปล่อยวางเรื่องทั้งหมดออก ไป อย่าไปสนใจมัน
2.อย่าฝืน หากสมาธิไม่นิ่งพักก่อนเค่ยๆทำไปเลื่อยๆ


วันแรกอาจสัก 2 นาที วันที่ 2 ก็ 5 นาที วันที่ 3ก็10 นาทีเค่ยๆเพิ่มไปเลื่อยๆ ครับ

เมื่อจิตใจสงบดีแล้ว ก็ให้มองตัวเองพิจณา ครับ ผม ฟัน หนัง เล็บ ร่างกายทุกส่วน
ว่าสักวัน ผมเราก็ต่องหงอก
สักวันหนังเราก็เหี่ยว
เล็บก็ยาวดำไม่มีประโยชน์อันใด
ร่างกายของเราทุกส่วน ล้วนแต่ มีสิ่งสกปรก ต้องกินต้องถ่าย
เมื่อเกิดมาก็ต้องตาย เมื่อตายร่างกายก็ต้องเน่าเหม็นสลายไป
เงินทองเอาไปไม่ได้สักบาทเดียว มีบุญที่สร้างเท่านั้นเอาไปได้
ให้พิจณา เกี่ยวกับตัวเรา ครับ  ย้ำตัวเราเท่านั้น คนอื่นอย่าไปสนใจใครจะเป็นอย่างไรช่างมานเอาตัวเราก่อน

จะดีได้เราต้องดีก่อนครับ ............

เมื่อพิจณาแล้ว ก็นึกถึงธรรมมะใว้ คนเราตายก็ต้อง วนเวียนว่ายตายเกิด น่าเบื่อเหลือเกินเกิดก็มาก็ต้องใช้กรรมอีกเลื่อยๆ จะทำไงหนอไม่ให้มาเกิดอีก

แค่นี้ก่อน ครับ ลองทำดู หัดปลงสังขารบ่อยๆและจาดีเอง ครับ
ถ้าพอมีเวลา ก็หาหนังสือธรรมมะมาศึกษา แต่หนังสือธรรมมะบางทีเป็นภาษาบาลีหากเราไม่เข้าใจก็ลองปรึกษาผู้ที่มีความรู้ เค่ยๆศึกษาไม่ต้องรีบ ครับ



ทุกอย่าล้วนไม่แน่นอนไม่เที่ยง บางคนเกิดมาอยุ่ได้เพียง 5 วันก็ตาย บางคนเรียนจบปริณญาใหม่ๆงานยังไม่ได้ทำก็ตาย
บางคนกำลังมีอนาคตที่ดีก็ตาย  บางคนก็แก่ตาย บางคนก็เป็นโรคตาย
ไหนๆเราก็ต้องตาย ทำความดีสร้างผลบุญใว้ ชีวิตได้ไม่ตายปล่าว ยังมีบุญที่สร้างใว้บ้างก็ดี
อะไรก็ไม่แน่นอน ทำความดีใว้เถิดทุกท่านเอย

ทุกอย่างไม่เที่ยงหนอ แต่ความตายและผลของกรรมนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน

3880
อยากไปมั่งจัง ครับ ....ง่า ขอบคุณสำหรับภาพและข่าวสาร ครับ

3881









เรื่องของหอยที่คนไม่ค่อยจะรู้จัก : หอยเบี้ย
วันนี้กระผมนายหอยเฒ่าก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับหอยๆ  มาให้ท่านๆ  ทั้งหลายได้สดับรับชมกันอีกสักเรื่องหนึ่ง วันนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหอยเบี้ยขอรับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรขอเชิญท่านๆ  ทั้งหลายร่วมสดับรับชมได้ในบัดเดี๋ยวนี้ขอรับ


เราๆ  ท่านๆ  ทั้งหลายคงจะคุ้นหูกับคำพูดติดปากบางคำเช่น ?เบี้ยน้อยหอยน้อย? หรือไม่ก็ ?เบี้ยเลี้ยง? ซึ่ง คำเหล่านี้เชื่อว่าในปัจจุบันคงมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร  ถ้าคนแก่จะบอกว่ามีที่มาจากเรื่องหอยหอยอีกนี่จะเชื่อกันหรือไม่ขอรับ อย่างที่ทราบกันว่าหอยนั้นมีมากมายหลายชนิด เรียกได้ว่ามีจำนวนชนิดมากเป็นอันดับสองรองจากสัตว์พวกแมลงเลยเชียว ในจำนวนชนิดที่มากมายเหล่านี้ หอยทะเลในกลุ่ม ?หอยเบี้ย? หรือที่คนโบราณเรียกว่า ?เบี้ยจั่น? ได้ถูกนำมาใช้แทนเงินตราในอดีต ส่วนใหญ่เป็นเบี้ยที่มาจากหมู่เกาะมัลดีฟในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ จากการศึกษาทางด้านโบราณคดี มีรายงานว่า หอยเบี้ยได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ อันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะทางสังคม  และใช้เป็นเงินตราในการแลกเปลี่ยนสินค้ามาตั้ง แต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว  และมีการใช้อย่างแพร่หลายในชุมชนโบราณบริเวณรอบทะเลสาบคาลิเบียน เยอรมัน ลิธัวเนีย ชายฝั่งทวีปอเมริกา อินโด-แปซิฟิก จนถึงแอฟริกา โดยหอยเบี้ยที่นิยมนำมาใช้เป็นเงินตรา คือหอยเบี้ยชนิด Cypraea moneta ซึ่ง  ถ้าเราดูคำแสดงคุณลักษณะจำเพาะ (specific epithet) ของหอยเบี้ยชนิดนี้ก็จะไม่แปลกใจ เพราะคำว่า moneta เป็นคำภาษาลาติน แปลว่าเงินตรา (money) อยู่แล้ว แสดงให้เห็นว่าคนที่ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้กับหอยเบี้ยชนิดนี้ คงทราบว่าเป็นหอยที่ใช้แทนเงินตราในอดีตกระมัง แม้กระทั่งชื่อสามัญ (common name) ของหอยชนิดนี้ก็เรียก money cowrie  และอีกชนิดหนึ่งที่มักพบว่าใช้แทนเงินตราร่วมกับ C. moneta เสมอ คือ C. annulus ซึ่ง คนไทยเรียกว่า เบี้ยวแก้ว ฝรั่เรียก gold-ring cowrie ขอรับ พูดถึงเรื่องเงินๆ  ทองๆ  แล้วอดนึกถึงเรื่องการปั่นราคาเบี้ย ที่พอนึกดูแล้วก็ไม่ต่างกับการปั่นราคาหุ้นในสมัยนี้เลย เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการนำเข้าเบี้ยมาเป็นหาบๆ  ทำให้บรรดาเหล่าพ่อค้านายทุนทั้งหลายมีการกักตุนเบี้ยเพื่อปั่นราคา หรือในบางครั้งเบี้ยก็เกิดการขาดแคลน ดังเช่นในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ  ให้ทำดินเผาตีตราขนาดต่างๆ  ขึ้นใช้แทนเบี้ย เรียกว่า ?ประดัน? เหตุเหล่านี้ทำให้ราคาเบี้ยมีการไกวตัวมาก จากเดิมที่มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 800 ตัวต่อเฟื้อง ผันผวนไปได้ถึง 1600 ตัวต่อเฟื้อง ดูไปก็คล้ายกับการซื้อขายหุ้นสมัยนี้ยังไงก็ไม่รู้นะขอรับ จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้กำหนดพระราชอาญาเอาโทษกับผู้ที่ขายเบี้ยในราคาเกินกว่า 400 ต่อเฟื้องเชียวขอรับ


และต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเช่นกัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  ให้ผลิตเหรียญดีบุกผสม เรียกว่า กะแปะจีน  และโสฬสขึ้นใช้ เบี้ยจึงได้หายไปจากระบบการเงินของไทย
   เอาล่ะไหนๆ ก็พูดถึงหน่วยเงินตราโบราณ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าในสมัยนั้นมีอัตราการแลกเปลี่ยนกันอย่างไร อืม.....จะว่ายังไงดีล่ะขอรับ มันอธิบายยากมากถึงมากปานกลาง เอาเป็นว่ากระผมขอยกตัวอย่างอัตราการแลกเปลี่ยนเงินในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน เพราะกระผมเองก็มีข้อมูลอยู่เพียงแค่นี้แหละเหมือนกัน อัตราการแลกเปลี่ยนเงินในหน่วยต่างๆ  มีดังนี้ขอรับ

๘๐๐  เบี้ย          เป็น    ๑    เฟื้อง               
๕๐    เบี้ย          เป็น    ๑    โสฬส(สิบหก)    ๑๖    โสฬส              เป็น     ๑     เฟื้อง
๒     โสฬส          เป็น    ๑    อัฐ(แปด)        ๘      อัฐ                   เป็น     ๑     เฟื้อง
๒     อัฐ           เป็น    ๑    เสี้ยวหรือไพ          ๔      อัฐ                 เป็น     ๑     เฟื้อง
๒     เสี้ยวหรือไพ  เป็น   ๑   ซีก          ๒     เสี้ยวหรือไพ    เป็น       ๑     เฟื้อง
๒    ซีก เป็น          เป็น   ๑   เฟื้อง         ๘     เฟื้อง              เป็น       ๑     บาท
๒    เฟื้อง เป็น      เป็น    ๑   สลึง           ๔    สลึง                เป็น       ๑     บาท
๑    มายนหรือมะยง  เป็น   กึ่งบาท หรือ ๒ สลึง           
๔    บาท          เป็น   ๑   ตำลึง               
๒๐  ตำลึง          เป็น   ๑   ชั่ง               
๘๐  ชั่ง           เป็น  ๑   หาบ               
(อัตรานี้อ้างอิงจาก : www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/krasab/index1.htm)

   นอกจากเบี้ยจะถูกใช้แทนเงินตราแล้ว หอยเบี้ยยังถูกนำมาเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม และความเชื่อต่างๆ  มากมายเช่นกัน ดังเช่นในเรื่องของประเพณีฝังศพของคนโบราณ พบหลักฐานว่ามีการนำเบี้ยใส่ในหลุมฝังศพด้วย เช่น ในหลุมฝังศพของมนุษย์ในลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสัก ในแหล่งโบราณคดีบ้านใหม่ชัยมงคล พบว่ามีการ นำเบี้ยที่ตัดหรือขัดฝนด้านโป่งออก แล้ววางไว้ด้านข้างศพ  แต่พบเพียงชิ้นหรือสองชิ้นในลักษณะที่ไม่ได้เป็นการร้อยเป็นเครื่องประดับ ในขณะที่กลุ่มวัฒนธรรมบ้านเชียงที่บ้านนาดี พบว่ามีการร้อยหอยเบี้ยเป็นสร้อยคอ สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นเครื่องประดับมีค่า และเป็นของหายากจากแดนไกลก่อนที่จะใช้แลกเปลี่ยนสินค้า นอกจากนี้ในต่างประเทศได้มีรายงานว่า ในอารายธรรมโบราณ หอยเบี้ยถูกใช้เป็นของแสดงสถานะทางสังคม และมีบทบาทในทางความเชื่อด้วย เช่น พบหอยเบี้ยใส่ในกล่องสำริดหรือภาชนะสำริด บางแห่งมีมากกว่า 20,000 ตัวในหลุมฝังศพคนรวย ในเรื่องของ เซ่นสรวงบูชานั้นเล่า ก็มีปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น อิเหนา ขุนช้างขุนแผน หรือที่เก่าแก่ที่สุดเห็นจะเป็นโครงกระทู้ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ว่า

ทู บาจุดธูปเบี้ย      บวงสรวง
สุ รภีพิกุลพวง         พู่ห้อย
มุ หน่ายกระแจะจวง      เจิมต่อ ศาสนา
ดุ สิตเทพให้คล้อย      เคลื่อนฟ้ามาสม

ในเรื่องการบนบานศาลกล่าว ก็พบว่าหอยเบี้ยถูกนำเข้าเกี่ยวข้องกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหลายพื้นที่ เช่น การยกเบี้ยขึ้นอธิษฐานแล้ววางบนศาล การเอาเบี้ยเหน็บฝาเรือน เป็นต้น แม้ แต่ในตำราช้าง ก็ว่าเมื่อช้างไม่ลงน้ำ ให้เอาเบี้ยสามเบี้ย หมากสามคำ ข้าวสุกสามกระทงไปพลีต้นผักครอบ แล้วเอาผักมาเคี้ยว ทามือ และเอายีตาช้างเจ็ดที ช้างก็จะยอมลงเล่นน้ำ หรือ ความเชื่อที่ว่าการแขวนเบี้ยจั่นจะสามารถป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย และฟันผุได้ บ้างก็ว่า เอาไปฝนละลายกับน้ำมะนาว ช่วยแก้โรคปัสสาวะไม่ออกได้ หรือการพก ?เบี้ยแก้? อันเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าทำจากเบี้ยจั่นที่บรรจุปรอทแล้วเปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่า  ถ้าพกเบี้ยชนิดนี้ไว้กับตัวเวลาเดินทางรอนแรมในป่า จะช่วยป้องกันไข้ป่า รวมถึงป้องกัน และแก้ไขภยันอันตรายจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ เรื่องเหล่านี้จริงเท็จอย่างไรคงต้องพิสูจน์กันเองแหละขอรับ เอาล่ะขอรับเรื่องของหอยเบี้ยกับคน กระผมคงขอเล่าเพียงแค่แล้วกัน จริงๆ  แล้วมีอีกเยอะ แต่กลัวว่าท่านๆ  ทั้งหลายจะเบื่อเสียก่อน ไว้ ถ้ามีโอกาสกระผมจะมาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องนี้ใหม่ขอรับ
  ขอปิดท้ายด้วยเบี้ยจั่นที่น่าจะ "แพงที่สุดในโลก" ในภาพที่นำมาให้ยลกันนั้น หมายเลข 1 เป็นเบี้ยจั่นธรรมดาขอรับ ราคาก็ไม่กี่สลึงเฟื้อง ส่วนหมายเลข 2  และ 3 นั้น ฝรั่งเขาเรียกว่า rostrate money cowrie คือส่วนหัวท้ายจะยกสูงขึ้น ในวงการนักสะสมเปลือกหอยนั้น เขาว่ากันว่า รูปทรงแบบนี้สวยที่สุด และหายากมาก ราคาจึ่งแพง ท่านๆ  ลองเดาดูขอรับว่าราคาเท่าใด ลองคิดตัวเลขในใจไว้ก่อน แล้วค่อยดูเฉลยนะขอรับ

ราคาของเปลือกหอยหมายลข 2 กับ 3 นั้น ราคาอยู่ที่เปลือกละ 25 ล้านบาท (เอง) ขอรับ ไม่ทราบว่าท่านใดทายถูกมั่ง หึ หึ ขอบคุณทุกท่านที่เพียรพยามอ่านขอรับ



ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป
http://www.siamensis.org/board/8060.html

3882
วัตถุมงคลน่าสนใจมากครับ

3883
ขอบคุณท่านก๊อตสำหรับข้อมูลมาก ครับ ..... และขอบคุณพี่เก่งด้วย ครับ

3884
ขอบคุณครับทั้ง 2 ท่าน ขอเราเสริมเกี่ยวกับพระพิฆเนศ ของวัดนี้ด้วย ครับ ที่รูปหล่อองค์ใหญ่ๆอะครับ .....เจอมากับตัวและครับ
พอดีถ่ายรูปท่านอะครับ ปรากดว่าถ่ายไม่ติด เลยลองหันไปถ่ายทางอื่นปรากฏว่าถ่ายติดครับ เลยหันไปถ่ายใหม่ ก็ไม่ติด ลองหลายรอบเลย ครับ
เลยยกมือไหว้ขอขมา ขอถ่ายรูป จึงถ่ายติดครับ .....สุดยอดเลย ครับ วันนี้ หลวงพ่อโตก็ศักสิทธิ์ ครับ

3885
ขอบคุณพี่เก่งมาก อีกทีนะครับ สรุปของผมเป็นปูนนะครับ .....และได้ข้อมูลมาว่า หลวงพ่อเหว่าให้มาครับ ลายมือน่าจะเป็นของหลวงพ่อเหว่าครับ
หลวงพ่อเหว่า ท่านฝากน้องสาวย่าผม มาให้ย่าผมอีกที ครับ .....แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าหลวงพ่อแช่ม ปลุกเสกด้วยหรือป่าว 

3886
ขอบคุณข้อมูลพี่ซินมาก ครับ....แต่ผมคงไม่มีโอกาศได้ไป ไงฝากอนุโมธนาบุญด้วย ครับ

3888






เหรียญ หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง ..... 2509 ช่วยพิจณา ด้วย ครับ อิอิ :002:

3889
ขอบคุณพี่เก่งมาก ครับ ข้อมูลแน่นเลย ครับ สำหรับพี่เก่ง บ้านดอน

3890
สุดยอดเลย ครับ พี่ซิน อยากไปมั่งจัง ครับ .....ขอบคุณสำหรับภาพนะครับ

3891
สวยงามมาก ครับ แหมพี่ซิน ......ดีจังเลย ครับ ผมอยากไปกราบหลวงพ่ออวยพรอีกจัง ครับ

3893


ประวัติพระครูอุทัยธรรมสาคร (หลวงพ่อมาลัย)

 ชาติกาล

ข้าพเจ้าเป็นคนกรุงเทพมหานคร เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 8 กันยายน 2483 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ณ บ้านเลขที่ 63 หมู่ 8 ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร คุณย่าตั้งชื่อว่า ไอ้หมา มีนามสกุลว่า แตงอ่อน บิดาชื่อ นายบุญธรรม แตงอ่อน มารดาชื่อ นางกิม แตงอ่อน มีพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น 6 คน รวมข้าพเจ้าด้วย เป็นผู้หญิง 5 คน และผู้ชายมีคนเดียวคือข้าพเจ้า ดังนี้

1. พี่บุนนาค แตงอ่อน
2. พี่ทับทิบ แตงอ่อน
3. พี่สุดใจ แตงอ่อน
4. นายมาลัย แตงอ่อน
5. นางทองอยู่ แตงอ่อน
6. นางสมรักษ์ แตงอ่อน

? ชีวิตวัยเยาว์

ตอนเป็นเด็กอายุประมาณ 10 ขวบ คุณแม่พาไปอยู่ที่บ้านคุณน้าทุเรียน คุณน้าแป้นและคุณเนย (มีศักดิ์เป็นน้องของคุณแม่) ที่โกรกกรากในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ โดยนั่งเรือจากมหาชัยมาขึ้นหน้าวัดโกรกกรากนอก ข้าพเจ้ามาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยๆอยู่บ้านบางกระดี่บ้างมาอยู่สมุทรสาครบ้าง จนกลายเป็นคน 2 จังหวัด

คุณย่าของข้าพเจ้าท่านชอบดูลิเก ถ้าท่านรู้ว่างานไหนมีลิเก ท่านมักจะชวนหลานๆไปดูลิเกด้วย บางครั้งก็เดินไป บางคร้งก็ไปทางเรือ ขอให้รู้ว่ามีลิเกเท่านั้น คืนนั้นคุณย่าพาหลานไปดูลิเกงานบวชที่บ้านขอม คณะบุญเชิญ ท่วมศิริ ข้าพเจ้านั่งดูลิเกอยู่ใกล้ย่า ลิเกแสดงตลกย่าหัวเราะ พอนางเอกลิเกแสดงบทโศก ย่าก้อเอาผ้าสไบเช็ดน้ำตา ข้าพเจ้าก็หัวเราะ ย่าทุบข้าพเจ้าดังอั๊กหลบแทบไม่ทัน

เมื่อวัยหนุ่มอายุ 17 ปี ข้าพเจ้าชอบร้องเพลงเป่าออแหละกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน ไปเที่ยวตามงานวัดใกล้ๆบ้านเช่นวัดแสมดำ, วัดบางกระดี่, วัดลูกวัว ในปีนั้นข้าพเจ้าประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ชื่อเพลง ลั่นทม ซึ่ง โฆษิต นพคุณ ขับร้องไว้ ข้าพเจ้าได้รางวัลมา 1 กล่อง ข้างในกล่องมีอะไรกล่องใหญ่ด้วย พอเปิดกล่องออกมาดู พบว่ามีผ้าห่มผืนใหญ่ 1 ผืน ข้าพเจ้าดีใจมาก และคืนต่อมาคือคืนที่สอง ข้าพเจ้านัดกับเพื่อนๆเอาไว้ว่าพรุ่งนี้ไปอีกสักคืน เมื่อถึงกำหนดข้าพเจ้านำเสื้อกางเกงหย่อนลงไปใต้ถุนบ้าน เพื่อไม่ให้พ่อ-แม่-พี่-น้อง รู้ว่าจะไปเที่ยวงานประจำปีวัดแสมดำ ช่างเคราะห์ร้ายจริงๆโยมพ่อของข้าพเจ้าทานเหล้าเมามาตั้งแต่ 6 โมงเย็น นอนขวางประตูทางออกเหมือนกับจะรู้ว่าข้าพเจ้าจะหนีไปเที่ยวงานวัดแสมดำ เพื่อนที่นัดกันเอาไว้ว่า 1 ทุ่มจะลงเรือจ้างหน้าบ้านมาเคาะอยู่ใต้ถุนบ้านใกล้ๆกับโยมพ่อของข้าพเจ้าที่นอนเมาขวางประตูทางออกอยู่ ข้าพเจ้าเหงื่อไหลออกมายังกับคนเพิ่งอาบน้ำ พอได้ยินโยมพ่อพูดขึ้นมาว่า คืนนี้คนแสมดำกับคนเกาะโพนัดว่าจะตีกันในงาน พวกมึงอย่ามาชวนลูกกูไปเลย พวกมึงไปกันเถอะ ข้าพเจ้าหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะไม่ได้ไปเที่ยวงาน ซ้อมร้องเพลงไว้อย่างดีน่าเสียดายจัง

? เมื่อถูกเกณฑ์ทหาร

ข้าเจ้าถูกหมายเรียกเกณฑ์ทหารเมื่ออายุ 21 ปี ที่วัดบางขุนเทียน ข้าพเจ้าจับได้ใบแดง มีน้องสาวคือคุณทองอยู่ ติดตามข้าพเจ้าไปด้วย โยมพ่อ-โยมแม่ไม่ได้มาด้วย พอจับได้ใบแดงน้องสาวข้าพเจ้าร้องไห้ ข้าพเจ้าพูดว่า "ร้องไห้ทำไม จะบ้าหรือไงไม่อายชาวบ้านหรือ" ข้าพเจ้าทุบหัวน้องสาวไปหนึ่งครั้งแล้วก็นำเสื้อผ้ามาใส่เหมือนเดิม กลับมาถึงยังไม่ทันขึ้นบ้านเลย พอลงจากรถไฟสาย มหาชัย-แม่กลอง ข่าวมาเร็วมาก ได้ยินเสียงแว่วมาว่า "กูบอกมึงแล้วว่าให้จุดธูปเทียนบอกผีบ้านผีเรือน มึงไม่เชื่อกู ให้มึงกลับมาก่อน กูจะล่อมึง" ข้าพเจ้างงไปหมดโดนทั้งขึ้นทั้งร่อง ข้าพเจ้าไม่กลับไปบ้านเพราะพ่อ-แม่ เตรียมไม้ตะพดเอาไว้ มีคนส่งข่าวมาว่าอย่าเพิ่งเข้าบ้านน้ำกำลังเชี่ยว คืนนั้นข้าพเจ้าหนีไปนอนบ้านเพื่อน ที่บ้านตามหาข้าพเจ้าทั้งคืน มีคนไปบอกโยมพ่อ-โยมแม่ ว่าข้าพเจ้านอนอยู่บ้านคุณสำรวย เท่านั้นเอง โยมพ่อ-โยมแม่ ย่องไปจับข้าพเจ้าออกมา โดนตีหลายที ย่าผู้หวังดีเคยพาข้าพเจ้าไปดูลิเกพูดออกมาว่า "พวกมึงตีมันทำไมกัน ลูกพวกมึงแต่มันเป็นหลานกู" บรรยากาศเงียบ ข้าพเจ้าโดนไม้ตับจากตีเป็นแนวไปหมดตั้งแต่หลังจนถึงเท้า แนวระบมไปทั้งตัว คืนนั้นนอนหงายไม่ได้ต้องนอนตะแคง เจ็บหลัง ย่าฝนไพลสดด้วยฝาละมีทาหลังข้าพเจ้า ถามข้าพเจ้าว่าแสบไหมหลาน

? การศึกษาเล่าเรียน

ข้าพเจ้าเข้าเรียนตั้งแต่ป.เตรียม จนถึงป.4 จัดว่าเป้นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง ซึ่งในสมัยนั้นไปโรงเรียนบ้างขาดเรียนบ้างเนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน ประกอบอาชีพ ทำนา ตัดจาก ตัดฟืน รับจ้าง ข้าพเจ้าเป็นโรคหลายอย่าง ทั้งโรคผิวหนัง โรคไทฟอยด์ ผอมไม่ค่อยมีแรง แต่โชคดีที่ข้าพเจ้ามีโอกาสเป็นลูกศิษย์วัดรับใช้พระสงฆ์ สามเณร อยู่หลายปีจนเรียนภาษารามัญแตกฉานพอสมควร

? ทำบาปไม่ขึ้น

วันหน่งข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าข้าพเจ้าทำบาปไม่ขึ้น เรื่องมีอยู่ว่า ข้าพเจ้าไปสุ่มปลาด้วยกันกับเพื่อนหลายคน แต่น่าประหลาดใจที่ข้าพเจ้าจับปลาได้ไม่กี่ตัว แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันได้มาเต็มตะข้อง จึงทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกท้อใจว่าดีเหมือนกันที่ตัวเองทำบาปไม่ขึ้น เพราะว่าถ้าทำบาปขึ้น ข้าพเจ้าคงจะไม่ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ คงเป็นตาแก่วกๆเงิ่นๆอยู่กลางทุ่งนาแน่ๆ

? ความจำที่ไม่มีวันลืม

วันนั้นเป็นวันลงแขกเกี่ยวข้าว ข้าพเจ้าไปเกี่ยวข้าวกลับมาเห็นคนเขาเชือดคอไก่เพื่อเลี้ยงคนที่มาร่วมงานในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นข้าพเจ้านอนไม่หลับตลอดทั้งคืน บวกกับเสียงดังของพ่อที่นั่งทานเหล้ากับพวกในโรงนาจนเกือบตีหนึ่ง ข้าพเจ้าบอกกับท่านว่าพ่อดึกแล้วนอนกันบ้างเถิดพรรุ่งนี้ค่อยทานกันใหม่ก็ได้ เท่านั้นเองพ่อโกรธและนำไฟฉาย 2 ท่อน ปรี่เข้ามาตีศีรษะของข้าพเจ้าจนเซเห็นดาวระยิบระยับเต็มไปหมด จนกระทั่งข้าพเจ้าได้สติ จึงฉวยไม้คมแฝกวิ่งไปหาพวกเพื่อนๆพ่อที่มาทานเหล้ากับพ่อในคืนนั้น แต่ว่าไหวตัวทันและกลับไปเสียก่อน ในคืนนั้นข้าพเจ้านอนไม่หลับเพราะได้ยินว่า "อย่าให้กูเจออีกทีนะ" เช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าไปลงแขกเกี่ยวข้าว พอตกเย็นข้าพเจ้าเดินเลาะริมคลองมาเรื่อยและเห็นเพื่อนพ่อ 2 คน นั่งทานเหล้าอยู่ ข้าพเจ้าเดินไปหาพร้อมกับเคียวที่พันด้ายดิบเอาไว้อย่างดี ข้าพเจ้าถามทั้งสองคนนั้นว่าเมื่อคืนใครบอกว่า "อย่าให้กูพบ กูมาแล้วไง" แต่ทั้งสองคนไม่มีใครตอบหรือแสดงอาการอย่างไรออกมา ข้าพเจ้าจึงพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ถ้าคิดฆ่ากู ต้องฆ่าให้ตาย ถ้าฆ่ากูไม่ตาย มึงสั่งลูกเมียมึงได้เลย กูต้องฆ่ามึงถึงมุ้งเลย มึงจำเอาไว้"

? มางานบวชหมู่บ้านกำพร้า

วันหนึ่ง แม่ได้นำข้าพเจ้ากับน้องอีกสองคนนั่งเรือโดยสารจากมหาลัย วิ่งเข้ามาในคลองบางหญ้าแพรก สมัยนั้นคลองบางหญ้าแพรกแคบและคดเคี้ยวมาก ไม่กว้างเหมือนในสมัยนี้ ถ้าลงน้ำจะเชี่ยวมาก พอถึงสะพานข้ามคลองบางหญ้าแพรก มีแม่ค้าซื้อผักมาขายทุกวัน แต่วันนั้นแดดร้อนน้ำเชี่ยวแรง ข้าพเจ้ามองไปที่หัวเรือลำหนึ่งเห็นผู้หญิงสองคนเถีนงและตบกันจนตกน้ำไปทั้งคู่ ข้าพเจ้าจึงถามแม่ว่าที่นี่คือที่ไหน แม่บอกข้าพเจ้าว่าหมู่บ้านบางหญ้าแพรก ข้าพเจ้าเลยพูดออกไปว่า "คนที่นี่ดุจัง ให้ผมมาอยู่มีเงินเดือนด้วยผมก็ไม่เอาเพราะเป็นหมู่บ้านคนดุ" แม่เลยพูดออกมาว่า "เอ็งจำเอาไว้ด้วยว่าเอ็งจะไม่มาอย่ที่นี่" ทำให้ข้าพเจ้าลืมคำนี้ไม่ลงและฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่าข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

 ข้าพเจ้าบวชเมื่อวันที่

ข้าพเจ้าบวชเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2509 เวลา 13.00น. ณ วัดบางกระดี่ ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมื่ออายุ 25 ปี พระเทพณานมุนี วัดราชโอรสาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์สง่า การวิโก วัดบางกระดี่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สงวน อาสโภ วัดกำพร้าเป็นพระอนุสาวนาจารย์

? อุปสมบท

ข้าพเจ้าตั้งใจเอาไว้ว่าจะบวชพรรษาเดียวแล้วจะสึกเพราะฐานะทางบ้านยากจนและไม่มีใครช่วยพ่อ-แม่ ส่วนพี่ๆก็มีเหย้ามีเรือนกันไปหมดแล้ว เหลือน้องๆอีก 2 คน

? มาเที่ยววัดบางหญ้าแพรก

ครั้งขณะที่ข้าพเจ้าบวชเป็นพระ พรรษาแรกข้าพเจ้าก็สวดพระปาฏิโมกข์ภาษารามัญได้ชัดเจน จนเพื่อนๆพระด้วยกันขอคำแนะนำข้าพเจ้าหลายรูป แต่ก็ล้มเหลว วันหนึ่งมีคุณสุนทร เขาแกร่ง บ้านเดิมเขาอยู่บางกระดี่ ท่านบวชอยู่ที่วัดบางหญ้าแพรกและท่านชวนข้าพเจ้ามาเที่ยวที่วัดบางหญ้าแพรกด้วยกันกับเพื่อนพระด้วยกัน ในขณะนั้น พระครูสาคร อรรถโกวิท เป็นเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรกอยู่ อายุท่านประมาณเกือบ 70 ปี วันรุ่งขึ้นพระสุนทรท่านลาสิขาบทข้าพเจ้าเห็นกางเกง เสื้อสวยๆก็อยากสึกกับเขาบ้าง ท่านอาจารย์มหาจำนงค์คล้ายกับจะรู้ใจของข้าพเจ้าว่าอยากสึก จึงออกอุบายชวนให้ข้าพเจ้าอยู่สวดปาฏิโมกข์ด้วย ขณะนั้นข้าพเจ้าก็แบ่งรับแบ่งสู้ไม่รับปากทีเดียว จนทนการขอร้องไม่ได้ก็เลยรับปากว่าจะอยู่ช่วย ในปีแรกก็สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก โดยไม่เคยตกชั้นเลย

...คิดถึงวัด คิดถึงบ้าน...

? วันที่กลับวัดบางกระดี่

ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะเข้าพรรษาที่ 5 ข้าพเจ้าอยากลาสิขาบท โดยตัดเสื้อ กางเกง เอาไว้ 2 ชุดกว่า 3 ปี ไปถึงบ้านเวลาประมาณ 19.00น. ตั้งใจจะแจ้งให้พ่อ-แม่ได้ทราบ พอนั่งเสร็จเรียบร้อยญาติโยมมารออยู่ในบ้านประมาณ 6-7 คน เป็นเพื่อนของคนมอญซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน อาราธนาศีล 5 ครั้นเสร็จแล้วพ่อก็เริ่มพูดก่อน เสร็จแล้วแม่ก็เริ่มพูดบ้าง พี่บ้างโยมที่ร่วมฟังบ้าง คืนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้พูดเรื่องลาสิขาบทแม้แต่คำเดียวเป็นฝ่ายนั่งฟังพ่อ-แม่ พี่ๆญาติที่มาร่วมคืนนั้นพูดจนกลับประมาณ 21.00น. พอรุ่งเช้าก็มีโยมแหยบ โยมที่ให้ความช่วยเหลือข้าพเจ้ามาเล่าให้ฟังว่าอาจารย์ท่านพระมหาจำนงค์เขาจะปรึกษาเรื่องสำคัญ เมื่อจะสึกก็ไม่ว่าแต่ขอให้ไปพบท่านด้วย ขอร้องเถอะ ข้าพเจ้าได้ฟังคำขอร้องจากโยมที่มีบุญคุณเช่นนั้นก็คล้อยตามลงเรืออวนดุลมาด้วยกัน

? คำสั่งเสียของคุณพ่อ

หลังจากที่ข้าพเจ้าตามโยมแหยบมาที่วัดแล้ว ท่านอาจารย์ก็เรียกข้าพเจ้าไปพบ ซึ่งในปีนั้นสุขภาพท่านไม่ค่อยดี หมอที่โรงพยาบาลมหาชัยลงความเห็นว่าเป็นไทรอยด์ เสียงไม่ดี เสียงขัดทั้งปี ท่านอาจารย์บอกกับผมว่า คุณสึกออกไปโรคไทรอยด์คุณหายหรือเปล่า ผมคิดขึ้นได้ว่าคงไม่หาย และในปีนั้นพ่อกับโยมเกิดเขามาพบกันและถูกคอกันมาค้างอยู่หลายคืน และก่อนที่พ่อจะกลับพ่อสั่งโยมเกิดไว้ประโยคหนึ่งว่า "ช่วยดูแลพระลูกชายผมด้วย ผมคงไม่ได้มาเพราะสุขภาพไม่ค่อยดี" หลังจากที่พ่อลงเรือโดยสารกลับไปข้าพเจ้าก็ขึ้นหอฉันในวัด และนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวจนเกือบพลบค่ำ สมัยนั้นไฟฟ้าไม่มีข้าพเจ้ารู้สึกหงอยเหงาว้าเหว่ซึมเศร้าเหมือนคนไร้สติ เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดอะไรสักอย่าง จึงมีความรู้สึกออกมาอย่างนั้น คิดถึงพ่อคิดถึงแม่-พี่-น้อง ที่เคยอยู่ด้วยกันมาต้องมาอยู่ห่างกัน และในปีนั้นเองพ่อป่วยหนักมากด้วยโรคตับแข็งเพราะทานเหล้ามากจนเสียชีวิตลงเมื่อต้นปี และโยมแม่ก็เสียชีวิตลงในปลายปีเดียวกัน ทำให้ข้าพเจ้าคิดหาทางออก ไม่ได้ทำศพพ่อแม่ โดยเก็บท่านไว้ทั้งสองคน ทำตามบุญตามประเพณีของคนมอญ หลังจากที่ผมกลับมาจากวัดบางกระดี่ ท่านอาจารยืคง พูดกับข้าพเจ้าเหมือนรู้ใจว่า "คุณมาลัย คุณมีอะไรให้ผมช่วยเหลือ บอกมาอย่าเกรงใจ คุณเสียพ่อแม่ของคุณปีเดียวกันถึงสองคน ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วย" น้ำตาผมไหลพรากออกมาต่อหน้าท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ก็ทำตาแดงคล้ายกับข้าพเจ้าเหมือนกัน เสร็จแล้วข้าพเจ้าก็ขึ้นพักบนหอฉัน นอนนึกถึงคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของคุณพ่อ จนพล่อยหลับไป

? จำพรรษาที่วัดบางหญ้าแพรก

สมัยนั้นมีพระจำพรรษาไม่มาก ไม่เกิน 9 รูปทั้งวัด ข้าพเจ้าขึ้นแสดงพระปาฏิโมกข์ มีโยมฝั่งมอญ โยมเป๊อะ โยมแหยบที่มาคอยสังเกตการณ์และเอาใจใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่เคยลืมพระคุณท่านเหล่านี้เลย

? อาจารย์พระมหาจำนงค์ลาสิขาบท

มีปัญหาเกิดขึ้นภายในวัด พระอาจารย์ท่านลาสิขาบทจากเจ้าอาวาสโดยเข้าอุโบสถหลังเก่าและกล่าวคำลาต่อหน้าพระประธาน ข้าพเจ้าได้ถือถุงเสื้อผ้าของท่านและนั่งรอที่หน้าอุโบสถ ข้าพเจ้ามีความสลดใจมากที่ท่านทำลายตัวเองซึ่งเกิดความน้อยใจและไม่ยุติธรรม


ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2517 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พระเทพสาครมุนี (หลวงพ่อแก้ว) วัดสุทธิวาตวราราม (ช่องลม) มอบตราตั้งเจ้าอาวาสแก่ข้าพเจ้าโดยให้ดูแลพระภิกษุ สามเณร ภายในอาวาสให้เรียบร้อย นี่ถ้าหากข้าพเจ้าไม่เชื่อฟังคำครูอาจารย์ เป็นไปตามเพื่อนศิษย์ด้วยกันแล้วบัดนี้คงจะเป้นตาแก่อยู่บางกระดี่หรือมิฉะนั้นคงเป็นตาแก่เฝ้าบ้านมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองอย่างแน่นอน บางครั้งเมื่อข้าพเจ้าหวนรำลึกถึงชีวิตตอนนั้นยังสงสัยอยุ่ว่าเพราะอะไรเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าซังกะตายมาอยู่ทุกวันนี้

? ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าฉลอม

ซึ่งสมัยนั้นพระครูโกมุทธรรมธาดา (พระมหาสมัย) วัดป้อมวิเชียรโชติการามเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองได้พิจารณาว่าในตำบลท่าฉลอม วัดใดที่มีเจ้าอาวาสที่ดำรงตำแหน่งก่อน ซึ่งข้าพเจ้าเป็นเจ้าอาวาสวัดอื่นๆจึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลมาจนถึงทุกวันดวงชะตาดีก็มีผู้มอบให้

ข้าพเจ้าเป็นพระฐานานุกรมมา 2 ครั้ง เป็นพระครูวินัยธร เป็นพระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ของหลวงพ่อพระวิสุทธิวงษาจารย์ เจ้าคณะภาค 14 วัดเทพธิดาราม กรุงเทพฯ และมอบให้ท่านกำนันวิเชียร อากาศ ทำงานพระพุทธศาสนา

? อุบัติเหตุครั้งสำคัญในชีวิต

เมื่อข้าพเจ้าเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ ครั้งหนึ่ง มีกิจนิมนต์ที่จ.อยุธยา คนขับรถขับรถเร็วมากพุ่งลงไปในครองชลประทาน ซึ่งลึกพอสมควร รถค่อยๆจมลงไป ข้าพเจ้าติดอยู่ในรถคันนั้นด้วยและเปิดประตูออกมาไม่ได้เพราะน้ำข้างนอกมากกว่าข้างในรถ แต่คงยังไม่ถึงคราวจมน้ำตาย บังเอิญรถไปค้างอยู่บนตอไม้ที่มีใครไปแช่น้ำเอาไว้ คนขับทุกกระจกออกมาจึงรอดตายมาได้

ครั้งที่ 2 มีผู้ไม่หวังดีนำดินระเบิดใส่แป๊บยาวประมาณ 60 ซ.ม. 2 กระบอกจ่อไว้ตรงศีรษะของข้าพเจ้าห่างไปประมาณ 1 เมตร โดยใช้ธูปเป็นชนวน แป๊บจะระเบิดเวลาประมาณ 24.00 น. แรงระเบิดทำให้ฝากุฏิแบบโบราณพังลงมาทั้งแถบ ข้าพเจ้านอนเฉย...

? คำเตือนของเทพยดา

อีกประการหนึ่งของการจัดตั้งมูลนิธิครั้งนี้ ก็ด้วยมานึกถึงคำตัดเตือนของเทพยดาตนหนึ่ง ที่ได้มากราบทูลพระพุทธเจ้า ในเรื่องการทำทรัพย์สมบัติของตนที่มีอยู่ให้เกิดความยั่งยืนว่า "ในขณะนั้นที่ไฟไหม้บ้านเรือน ทรัพย์สมบัติที่เจ้าของเรือนหอบออกมาไว้ด้านนอกเท่านั้น จึงจะมีประโยชน์ ส่วนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในเรือนที่ถูกไฟไหม้หามีประโยชน์ไม่เพราะย่อมย่อยยับไปกับกองไฟ เพราะเหตุนี้ ผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นสังขารนี้ ที่ถูกไฟราคะ โทสะ โมหะ เผาไหม้อยู่ ถูกไฟคือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เผาไหม้อยู่ เป็นเสมือนเรือนที่ถูกไฟไหม้ จึงรีบขนทรัพย์สมบัติออกไว้นอกเรือนด้วยการแปรทรัพย์ภายนอกให้เป็นทรัพย์ภายในที่ไฟไหม้ไม่ได้ เขาย่อมใช้สอยทรัพย์ภายในนั้นทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า"

3894
สวยงามมากรอยจารข้างหลังใครจาร


ไม่ทราบเหมือนกัน ครับ ใครจาร ได้มาสมัยหลวงพ่อเหว่า วัดวังน้ำขาวอะครับ ..... ญาติผมที่เป็นคนใกล้ชิดหลวงพ่อเหว่าให้มาอะครับ บ้านอยู่หน้าวัดวังเลย เลยไม่รู้ว่าทันหลวงพ่อเงินหรือป่าว หรือออกทีหลังอะครับ ...ต้องรอพี่เก่งมาตอบ ครับ สายตรง ........


3895
โล่อันนี้คุณย่าบอกว่าได้มาจาก วัดวังน้ำขาว ครับ ไม่ทราบว่าทันหรือป่าว  ปีสร้างบอก ปี 2506 อะครับ ยังไงรบกวนพี่เก่ง และ ทุกท่านด้วยนะครับ

3897
กราบขอประทานโทษ ครับ กระผมไม่ได้ไปเก็บภาพเลย ครับ คนเยอะมากมาย ครับ ต้องขออภัยด้วย เพราะดูทีวีอยู่บ้านเหมือนกัน ครับ
ยังไงก็เอารูป จากเวปเพื่อนบ้านเราไปชมก่อนนะครับ

















ขอบคุณจากเวป http://www.siamnava.com/fff/index.php?topic=1670.0

อิอิ น่าจะเปลี่ยนจากดูสาวไร่ขิง มาดูหนุ่มไร่ขิงบ้างนะครับ :004:

3898
ขออภัย ครับ แก้ไขนิด ท่านมรณะภาพ สิริอายุโดยรวม 99 ปี ครับ ........ :054:

3899




ปี 2514 เนื้อเมฆพัด ครับ เนื้อเมฆพัดของวัดเทียนดัดเป็นสูตรโบราณ ของวัดครับ อาจไม่เงาวาวเหมือนวัดอื่นแต่ถ้าตกอาจทำให้พระเสียหาย
แฉกเช่น พระเมฆพัดสำนักอื่น  ขนาดมาตรฐาน ของพระกริ่ง รุ่นนี้ ฐานกว้าง 0.90 ซม. และ 1.60 ซ.ม. ความสูง 2.90 ซ.ม.

จะมีเลขไทย 82 กับ ด เด็กซึ่งเป็นอักษรย่อของวัด ครับ .........

โดยทั้งหมดที่กล่าวมาและ ที่เคยได้กระทำมา โดยหลายๆกระทู้ ไม่ได้มีเจตนา อวดโชว์แต่อย่างใด เพียงแต่ ศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทาน
แก่ชนรุ่นหลัง ครับ ด้วยความเคารพ หากมีอะไรผิดพลาด ข้าพเจ้า ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

3900


รวมรูปวัตถุมงคลหลวงปู่ครับ



พระกริ่งโปร่งฟ้าอันลือลั่นประสบการณ์แน่น ครับ พ.ศ. 2521



พระกริ่งรุ่นแรก ของหลวงปู่ครับ มี 2 แบบ ออกปีเดียวกัน ประสบการณ์ เหล็กคูชาร์ปแทงเสื้อเป็นรูแต่ไม่เข้า
ปลุกเสกพล้อมกัน กับชุดพระผง และอื่นๆ ด้วย ครับ ที่ไม่ได้เอามาลง ต้องขออภัย

3901


  พระเทพเสด็จ ครับ



ภาพแปลก เต่าที่หลวงปู่ผลได้สลักชื่อ และ ปล่อยไปนานแล้ว ก็กลับขึ้นมากจากน้ำเอง หลังจากหลวงปู่มรณะภาพไปได้แค่ไม่กี่วัน
เต่ามาเคารพสักการะ สังขารหลวงปู่ครับ สุดยอดมาก ครับ ....ได้มาอยู่บริเวณ โรงสังขารของหลวงปู่ประมาณ15-16 วัน และ
ก็ได้เดินกลับ ลงน้ำไปตามเดิม ..

3902








  พระครูอาทรพิทยคุณ  ชื่อเดิมของท่านคือ ผล นามสกุล แสงโสภา บิดาเป็นคน อยุทธยา  มารดาเป็นคนจังหวัดนครปฐม อาชีพทำนา มีพี่น้อง 8 คน  ท่านเป็นคนสุดท้อง
ท่านเกิดปีขาล วันเสาร์ ขึ้น 24 ค่ำ เดือน12 พ.ศ. 2433
ท่านอุปสมบท พันธเสมา วัดเทียนดัด โดยมี
พระอาจารย์แสง วัดนางสาว เป็นพระอุปปัชฌาย์
พระอธิการคง วัดนางสาว เป็นพระกรรมวาจารย์
พระปลัดใจวัดเชิงเลน  เป็นพระอนุสาวจารย์
ต่อมาได้ไปศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดมหาธาตุ โดยอาศัยพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตาราม ธนบุรี เมื่อสอบได้
นักธรรมชั้นตรีแล้วก็ได้มาเป็นครูสอนปริยัตธรรมที่วัดเทียนดัด และ วัดต่างๆหลายวัด เพราะสมัยนั้นหาครูผู้รู้ยากมาก ท่านได้ไปๆมาๆที่วัดระฆังเสมอ เพราะท่านต้องการเรียนวิชาต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนวิปัสสนากรรมฐานท่านก็สนใจเป็นอย่างดี นอกจากนั้นท่านเป็นพระที่ชอบไขว่เรียนรู้วิชาต่างๆไม่ว่าจะเป็น  คาถาอาคม และวิชาไสย์เวทต่างๆ และที่สำคัญท่านเป็นพระสหายธรรมกับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม  สมัยที่ท่านยังหนุ่มๆ
ท่านไปมาหาหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมเพื่อนสนทนาธรรม และแรกเปลี่ยนวิชาต่างๆ โดย หลวงพ่อเงิน บางทีท่านได้ไป เรียนชาเพิ่มเติมจากอาจารย์ใด ก็มักชวนหลวงพ่อผล วัดเทียนดัดไปด้วยเสมอ ......โดยท่านทั้ง 2 รูปนี้สนิทกันมาก ครับ ...
หลวงพ่อผล ก่อนที่ท่านจะบวชก็ได้ศึกษาวิชาขอม และ วิชาต่างๆ จากโยมพ่อ และอาจารย์ ในตอนนั้น
ทำให้ท่านเป็นพระ ที่มี อาคม ก่อนที่ท่านจะบวชเสียอีก  สมัยที่ท่านยังหนุ่มๆ  ได้มีลูกศิษย์ มาขอขึ้นครูให้ท่านสัก
ซึ่ง ก็มีประสบการณ์ทางด้าน ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก มานักต่อนัก ทำให้หน่อยราชการ มาขอให้ท่านหยุดสัก
เพราะสมัยนั้น พวกโจรเสือ เยอะมาก ท่านก็เลยหยุดสัก นับแต่นั้นมา ....

บอกเสือโจรให้กลับใจ

ในสมัยนั้นพวกเสือโจรเยอะมาก ได้มีกลุ่มเสือโจรระแวกบางกระทึก และวัดเทียนดัด ได้รวมกลุ่มกันเพื่อที่จะเข้าปล้น บ้านคหบดี แถววัดเทียนดัด แต่ยังไม่ทันปล้น ก็เกิดฝนตกหนัก พวกโจรกลุ่มนั้นได้เข้ามาหลบฝนในวัดเทียนดัด ขณะนั้นเอง พวกโจรกำลังประชุมเรื่องแผนปล้น หลวงพ่อผลก็เดินมาได้ยินพอดี จึงได้ขอร้องบอกให้พวกโจรกลุ่มนั้นให้เลิกปล้นกลับตัวเป็นคนดีซะเถอะ เพราะจะทำให้เขาเดือดร้อนมันเป็นบาปกรรม และให้ล้มเลิกความตั้งใจเสีย และหลวงพ่อก็ได้สอนธรรมให้กับพวกโจรกลุ่มนั้น จนพวกโจรกลุ่มนั้นได้กลับใจ
ส่วนใครที่ไม่ฟังที่หลวงปู่สอน ส่วนมากติดคุกหมด

ปราบจระเข้ หน้าวัด
สมัยก่อนนั้นที่หลวงปู่ผลมาจำพรรษาที่วัดใหม่ๆ หน้าน้ำวัดเทียนได้เป็นน่าน้ำลึก จึงมักมีจระเข้ มาอาศัยอยู่เป็นประจำ จนทำให้ชาวบ้านกลัวและเดือดร้อน  พวกชาวบ้านจึงไปขอให้หลวงพ่อผลช่วย  หลวงปู่ผลจึงถามชาวบ้านว่า เคยเห็นตัวจระเข้ไหม ชาวบ้านบอกเคยเห็นครับ มันมี ตัวใหญ่มากพวกผมกลัวมันจะขวางเรือทำให้เรือคว่ำ
ไม่ช้า มันก็กัดกินชาวบ้านแน่ๆๆๆๆ  หลวงพ่อผลจึงบอกว่า มันก็อยู่ของมันที่ท่าน้ำนี้ แต่ก็ไมได้ทำอะไรใครไม่ใช่เหรอ  ชาวบ้านก็บอกว่า ถึงยังงั้นยังไงพวกผมก็กลัว ขอให้หลวงพ่อผล ช่วยด้วยเถอะครับ  หลวงพ่อผลจึงรับปาก

หลังจากชาวบ้านกลับไปหมดแล้ว หลวงพ่อก็ได้เดินไปที่ท่าน้ำ ของวัดและก็ได้ร่ายคาถาอาคมที่ได้เรียนมา ประมาณ5นาที จระเข้ก็ตวักน้ำโผล่หัวขึ้นมา น้ำกระจาย หลวงพ่อผลเลยได้แผ่เมตตาจิตให้มัน และบอกกับมันว่า
 (นับแต่นี้ต่อไป ขออย่าได้ไปปรากฏตัวให้ใครเห็นเพราะเขากลัวกัน ถ้าจะอาศัยอยู่หน้าวัด อยู่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นอีก เพราะเขากลัว ทำให้เดือดร้อนจะเป็นบาป หากหิวก็ ให้โผล่หัวมา และจะให้พระเณรที่เห็นหาอาหารมาให้กิน ) ซึ่งก็น่าแปลก เวลาจระเข้หิวก็มักโผล่หัวมา ให้พระเณรเห็นและ พระเณรก็จะหาอาหาร เท่าที่หาได้มาให้มันกินอยู่เสมอ

น้ำมนต์หลวงพ่อผล
ในบริเวณชุมชนวัดเทียนดัด ได้มีผัวเมียอยู่คู่หนึ่งทะเลอะกันเป็นประจำ จนเป็นที่รำคาณของชาวบ้าน เพราะสามีเป็นคนขี้เมา และชอบหาเรื่องทะเลอะกับภรรยาเป็นประจำ จนบางทีเอามีดมาไล่ฟันก็มี
ภรรยาจึงเดินไปกราบหลวงพ่อผล และก็เล่าให้หลวงพ่อฟัง
เมื่อหลวงพ่อได้ฟังท่านจึงถาม เวลาสามี เขามาหาเรื่องโยมไปเถียงเขาเหรอ  (ค่ะหลวงพ่อมันเมาชอบหาเรื่อง
อดไม่ไหวเลยเถียงและก็ทะเลอะกันทุกที หลวงพ่อช่วยหน่อยนะค่ะ)
หลวงพ่อผลท่านก็บอกว่า งั้นโยมเอาน้ำมนต์ในตุ่มไปอม เวลาสามีกลับบ้าน และเมาหาเรื่อง
อมจนกว่าสามีโยมจะเลิกบ่นเลิกว่า และกัน

ภรรยาคนนั้นก็ได้ทำตามที่หลวงพ่อบอก  พอตกเย็นสามีเมากลับบ้านมา ก็ได้หาเรื่องทะเลอะแต่แปลกทำไมวันนี้ภรรยาตนจึงไม่เถียงสวนมา
พอเห็นก็เห็นแก้มภรรยาอูม จึงนึกสงสารเลิกบ่นเลิกด่า และไปช่วยงานบ้านจนเสร็จ
ภรรยาก็อมมาตลอด จนถึงวันที่ 7 ก็ได้ไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกโยมไม่ต้องอมและหละ ลองกลับไปบ้านใหม่

พอสามีกลับมาเจอ จึงถามภรรยาว่า อ่าวแก้มที่เป็นคางคูมหาหายและเหรอ ภรรยาก็ตอบว่าปล่าว อมน้ำมนหลวงพ่อ
ตั้งแต่นั้นมา ทำให้สามีคิดได้ว่า เราไม่น่ากินเหล้าเมาและหาเรื่องภรรยาเลยเพราะมันไม่มีความสุข  และเลิกกินเหล้า ขยันทำงาน จนปัจจุบัน เป็นคนมีฐานะ จนทุกวันนี้


ประสบการณ์ ทางด้านวัตถุมงคล ก็มีให้เห็นจนเป็นที่ศรัทธาของชาวเทียนดัดและคนในระแวกนั้น มีทั้งคนที่ถือคลิสและพุทธต่างกับนับถือหลวง
พ่อเป็นที่พึ่งเสมอ เพราะคนแถวนั้น เป็นคลิสก็เยอะ แต่ก็ศรัทธาหลวงพ่อไม่ต่างจากชาวพุทธเลย เพราะท่านเป็นผู้เมตตา และเมื่อใดมีคนมาขอบูชาวัตถุมงคลท่าน ท่านก็จะสอนธรรมมะเสริมให้อีก

ท่านบอกว่า วัตถุมงคลของท่านสร้างเพื่อ
1.ทำให้คนเข้าวัด พระจะได้มีโอกาศสั่งสอน
2.แขวนพระแล้วจะได้มีจิตละลึกไม่ได้ทำความชั่ว
3.เพื่อคุ้มภัย (ถ้าเชื่อว่าคุ้มได้เพราะมั่นใจ)
4.จะได้นำปัจจัยมาพัฒนาวัดให้เจริญๆ

หลวงปู่ผลท่านมรณะภาพโดยอาการอันสงบ เมื่อเวลา4.00 (ตี4) วันพฤหัสบดี ที่ 14 มกราคม 2532 อายุ94 ปี ณ โรงพยาบาลบางไผ่


ทั้งหมดได้ย่อมาจากหนังสือ อนุสรณ์ 101 ปี หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด หากข้าพเจ้าพิมขาดตกบกพ่อง ก็ขอให้อภัย ณ ที่นี้ด้วย...

3903
ขอบคุณครับ

3904
ดูแล้วน่าจะใช่นะครับ ยังไงรอพี่สิบทัศอาจารย์ผม มาฟันธงอีกทีดีกว่า ครับ

3905
แล้วแต่ความสบายใจเลย ครับ ....หากมีคนทักมา ก็ลองเอาหนุมาน มาใว้ตรงกลาง ก็ได้ครับ

แต่หากปู่องค์ใหญ่ ไม่สามารถ มาแขวนข้างๆได้ ก็ใว้ตรงกลาง และอธิฐานบอกท่านดู ครับ

3906
ดำ ดื้อ กับแดงเก จะแนวบู้ๆ ครับ ออกทางคงกระพัน ...แต่เจ้าแสบคือไรผมไม่เคยได้ยิน ครับ ไงลองผู้รุ้มาตอบเรื่องเจ้าแสบต่อไป ครับ

3907
ขอเชิญพี่น้อง ที่สนใจเที่ยวงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน วันที่ 20-21 ธันวาคม 51
ณ วัดมงคลจินดาราม หรือ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)



ข้อมูลจากหนังสือพิม ข่าวสด

การแข่งเรือพายเป็นประเพณีเก่าแก่มาแต่ก่อนของชาวลุ่มน้ำ เริ่มมาจากการไปทำบุญไหว้พระในยุคอดีต ที่ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะไปวัดทางน้ำ ระหว่างทางเกิดการพายเรือแข่งกันว่า ใครจะไปถึงวัดก่อน ในที่สุดก็เกิดเป็นประเพณีขึ้น

แต่ต่อมาในยุคสมัยปัจจุบัน การคมนาคมใช้กันแต่ทางบกเป็นส่วนใหญ่

อีกทั้งคูคลองก็ตื้นเขินบางแห่งบางจุดก็ถูกปิดบดบังไม่สะดวก

วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยพระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ (เจ้าคุณแย้ม กิตตินธโร ป.ธ.3) เจ้าคณะอำเภอพุทธมณฑล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้ดำริให้ฟื้นฟูประเพณีการแข่งขันเรือพายขึ้น ณ แม่น้ำท่าจีนหน้าวัดไร่ขิง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ส่งเสริมประเพณีอันดีงามในวิถีชีวิตของคนไทยที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำ และศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างสัมพันธ์ระหว่างคนไทยในแต่ละภาคแต่ละจังหวัด

นายจำรัส ตั้งตระกูลธรรม นายกเทศมนตรีเมืองไร่ขิง จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม กำหนดจัดการแข่งขันเรือพายประเพณี ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขึ้น

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองไร่ขิง นายจำรัส พร้อมคณะผู้บริหาร, นายขวัญทอง สอนศิริ กรรมการบริหารสมาคมเรือพายแห่งประเทศไทยพร้อมผู้แทนเรือยาวจากทั้ง 4 ภาค ได้ร่วมกันแถลงข่าว "การแข่งขันเรือพายประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานฯ" พร้อมจับสลากคู่การแข่งขัน
 


นายจำรัส กล่าวว่า การแข่งขันเรือพายประเพณี ชิงถ้วยพระราชทาน ซึ่งวัดไร่ขิง เทศบาลเมืองไร่ขิง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม โดยมีพระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอพุทธมณฑล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เป็นประธานที่ปรึกษาในการจัดงาน วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ส่งเสริมประเพณีอันดีงามในวิถีชีวิตของคนไทยที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำ และศรัทธาในพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครปฐม ซึ่งจะมีเรือยาวจากทั่วทุกภาคของประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน ในวันที่ 20-21 ธันวาคม 2551 ณ บริเวณสะพานมงคลรัฐประชานุกูล กลางแม่น้ำท่าจีนหน้าวัดไร่ขิง

เรือที่มาร่วมการแข่งขันประกอบด้วย ประเภทเรือยาวใหญ่ (41-55 ฝีพาย) จำนวน 8 ลำ ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท ประเภทเรือยาวเล็ก (30 ฝีพาย) จำนวน 16 ลำ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท นอกจากนี้ ทางวัดยังจะมีพระเครื่องที่ระลึกมอบแก่ทุกฝีพาย พร้อมเหรียญรางวัลที่ออกแบบโดยเฉพาะในการแข่งเรือพายครั้งนี้ของวัดไร่ขิง
 


พระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ ประธานที่ปรึกษาในการจัดงาน และคณะกรรมการจัดการแข่งขัน มั่นใจว่า การแข่งขันเรือยาวประเพณี ณ วัดไร่ขิง ครั้งที่ 1 จะประสบผลสำเร็จ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม และแข่งขันเรือยาวไม่น้อยกว่า 3 หมื่นคน ทั้งนี้ วัดไร่ขิงมี "หลวงพ่อวัดไร่ขิง" ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นที่เคารพและศรัทธาของประชาชนในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก นอกจากจะได้มาชมการแข่งขันเรือยาวประเพณีแล้ว ยังได้มากราบไหว้นมัสการหลวงพ่อวัดไร่ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวด้วย

สำหรับประเภทเรือยาวใหญ่ (41-55 ฝีพาย) ที่เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย เรือเจ้าแม่ประดู่ทอง กองทัพเรือ เรือเจ้าแม่ประดู่เงิน กองทัพเรือ เรืออัครนาวา กองทัพเรือ เรือชาละวัน สิงห์นาวา 1 จ.พิจิตร เรือศรสุวรรณ วัดสุวรรณราชหงส์ จ.อ่างทอง เรือเทพหงส์ทอง วัดหอมเกร็ด จ.นครปฐม เรือหงส์นคร วัดเกาะหงส์ จ.นครสวรรค์ และเรือนางคำปิว วัดบ้านยาง จ.อุบลราชธานี

ประเภทเรือยาวใหญ่ (30 ฝีพาย) ที่เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 16 ลำ ประกอบด้วย เรือเพชรวัดประดู่ เทศบาลตำบลวัดประดู่ จ.สุราษฎร์ธานี เรือนครสุราษฎร์ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี เรือย่าบุญโฮม จ.อุบลราชธานี เรือชาละวัน สิงห์นาวา 3 จ.พิจิตร เรืออัครโยธิน กองทัพบก เรือจ้าวนาง วัดเคียนซา จ.ปราจีนบุรี เรือพรพระแก้ว วัดพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี เรือนางพญาผาแดง จ.อ่างทอง เรือคนสวยเมืองเพชร จ.เพชรบุรี เรือสาวเมืองเพชร จ.เพชรบุรี เรือศรีพรชัย จ.ราชบุรี เรือเจ้าแม่สายชล วัดหนองดินแดง จ.นครปฐม เรือมงคลสาคร วัดประชานาถ จ.นครปฐม เรือดาราวรรณ วัดประชานาถ จ.นครปฐม เรือสายวารี หนองดินแดง จ.นครปฐม และเรือเทพประทานพร วัดหอมเกร็ด จ.นครปฐม

นอกจากนี้ ยังมีเรือยาวจากท้องถิ่นที่ไม่ได้กล่าวถึง เข้าร่วมแข่งขันด้วยอีกจำนวนมาก โดยวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2551 จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันตั้งแต่เวลา 14.00 น. ถึง 16.00 น. ทางทีวีช่องไทยพีบีเอสด้วย และทั้งสองวันของการแข่งขันจะได้พบกับทีมพากย์ ทีมบรรยายช่วงการแข่งขันเรือยาวประเพณีมืออาชีพ

เป็นที่รู้จักในวงการแข่งขันเรือยาวของไทย

3909
แบบนี้ผมก็มี ครับ ..... สุดยอดมากครับ  .....สวยงามจริงๆ ครับ ท่าน  :015:

3910
จากประสบการณ์ทีได้ยินมา เหนียว +แคล้วคลาดดีมากเลย ครับ และเมตตามหานิยมก็ไม่ธรรมดา ...... :015:

3911
สวยมากครับ อยากได้มั่งจัง

3912
สวยดีครับดูขลัง แต่ผมไม่กล้าฟันธงครับว่าที่ไหน .....แต่สวยมาก ครับ


3914
ผมก็อยากฝัง ครับ พี่ปอม ไปด้วยกัน ครับ อิอิ

3915
แฮปปี้ ย้อนหลังด้วย ครับ ขอให้พี่มีความสุขมากๆ ครับ    :017:

3916
ยินดีด้วยครับ ......เดินทางปลอดภัย ....ได้ของดีมาแล้วก็เก็บใว้ดีๆนะครับ

3917
สวยดีครับ

ไม่ทราบว่า สมเด็จ วัดไหนเหรอครับ .... ขอบคุณครับ

3918
พี่ๆเพื่อนๆ ครับ พิมนี้ มีหลายบล็อค นะครับ ทั้ง ภ นูน ภ ลึก ภ กลับ หัว
ผมไม่รู้ว่าพิมที่เอามาให้เทียบนี้ เป็น พิมเดียวกับของผมหรือป่าว ......และเนื่องจากป่นเป็นผงตอนอยู่ในกรอบพลาสสติก ก่อนแกละออกมา
เลยเอากาวเคลือบ ใว้อาจทำให้พิมเลื่อนอะครับ :075:

ไงช่วยพิจณาให้หน่อยนะครับ .....ผิดถูกไม่ว่ากัน ครับ ..

ขอบคุณครับ

3919





วัดอะไร ครับ ......ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้า ครับ

3920
ขอบคุณครับพี่

นี่ภาพที่มาด้วย ครับ



พระเกจิที่มาปลุกเสกพระรุ่นนี้ น่าสนใจมาก ครับ
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อประพัน วัดดอนยายหอม
หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม
หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว
หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน
หลวงปู่ทิม วัดพระขาว

 และ อีกหลายท่าน ครับ .................

ของวัดห้วย รุ่น 111 ปี ปีนี้ก็น่าสนใจมาก ครับ ...........

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ

3923
ฟันธง ครับ ....พระปิดตาองค์นี้เป็นของ พระครูทักษิณานุกิจ (หลวงพ่อเสงี่ยม อาริโย) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน วัดห้วยจระเข้
รุ่นฉลอง 100 ปี วัดห้วยจรเข้ ปลุกเศกโดย เกจิอาจารย์ 108 รูป เนื้อเมฆพัด ครับ .... มีทั้งหมด 3 พิม (ข้อมูลจากหนังสือ สมโภช วัดห้วยจระเข้ 100ปี )

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจเสมอมา ครับ

3924
ถึงไม่ได้ไป ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ

3925
ขอบคุณครับ ท่าน praw007   บางคนก็บอกว่า สายวัดห้วยครับแต่รุ่นหลังๆ .....
รอคำตอบต่อไป ครับ .....ขอบคุณทุกท่าน ล่วงหน้าเลยนะครับ


3926
รบกวนถามอีกข้อ ครับ ......แบบนี้ที่เรียกว่าเนื้อเมฆพัดปะครับ ขอบคุณครับ

3927
ขออนุญาติพี่ๆ เวปมาสเตอร์และทุกท่าน ลงรูปอีกรอบ ครับ

พี่ๆเพื่อนๆ ท่านใด พอทราบพระปิดตาองค์นี้ใหมครับ  ว่าวัดไหน ขอบพระคุณ ครับ









 :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:

3929
ขออนุญาติพี่ๆและเพื่อนๆ ที่เคารพ นอกเรื่องสักนิดครับ ...พอดีถ่ายภาพแปลกๆ ได้เลยเอามาให้ชมครับ แปลกดี



เรื่องราวระหว่างพี่จกกับพี่แก ครับ หุหุ

3930
แปลกดีครับ เหมือนของเผ่าอะไรซักอย่างเลย เหอๆๆ

3931
ถ้าเดาไม่ผิด เป็นรุ่นแรก ด้วยนะครับ อิอิ

3933
ชอบมีดหมอมากเลยครับพี่ สวยทุกชิ้นเลย ครับ   :053:

3934
ขอบคุณครับ ที่นำมาให้ชมกัน

3935
ที่วัดพระงามยังมีหลวงตาอีก 2 รูปที่เก่งนะครับ หลวงปู่ธร กับหลวงปู่เทียบ ครับ .....

หลวงปู่ธรเมตตามากครับ ...หลวงปู่เทียบก็เช่นกัน

ผมเคยเข้าไปขอ ชาญหมาก หลวงปู่ธร แต่ท่านให้ธรรมมะฝังใจมาแทน ครับ สุดยอดจริงๆ


3936
สุดยอดเลย ครับ ท่าน ......เหนียวสุดๆ  :053:

3937
ผมก็ไม่ทราบครับ ไม่เคยได้ยิน ....ยังไงรอผู้รุ้มาตอบนะครับ เป็นกำลังใจให้ต่อไป

3938
สุดยอด ครับ  :053:

3940
ว่างๆลองไปเที่ยวดู ครับพี่แอ๊ก ที่วัดพระงาม ชื่อท่าน ก็ชื่อเดียวกับที่นายตะกรุดบอกหละครับ ลองถามได้
ไปวัดพระงาม ก็แวะ วัดห้วยจรเข้ วัดไผ่ล้อม องค์พระปฐมเจย์ดี เลยครับใกล้ๆกัน  ......อิอิ

3941
น่าสนใจมาก ครับ ท่าน  :053:

3942
ขึ้นคอได้สบายเลย ครับ แบบนี้ เหนียวๆสุดๆครับ .....ประสบการณ์เขาว่าเขี้ยวสุนัขไม่ได้กินเลือดมาและ ครับ   :053:

3943
น่าไปด้วยจังเลย ครับพี่แอ๊ก อิอิ น่าอิจฉามีพี่สุดสวยไปด้วยตลอดเลย ครับ 

ขอบคุณสำหรับภาพ ครับ น่าสนใจดี ครับ

3944
ขี้เหล็กไหลครับ
พอดีเมื่อวานเพิ่งได้เจอมาพอดี
ถึงคุณ เอ็มไรขิง  ด้วยความเคารพ วัดถ้าแฝด ถ้าจำไม่ผิด หลวงพ่อสัมฤทธ์ ไหม ครับไม่แน่ใจ
ผิดพลาดประการได ขออภัย ด้วย ครับ


ใช่ครับ พี่หลวงพ่อสัมฤทธ์ ครับ ตอนนี้เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เป็นหลวงพ่อวัชระ ครับ เก่งเหมือนกัน ครับ

สมัยก่อนไปบ่อยอะครับ ....ก็พอมี บ้างเล็กๆน้อยๆ ครับ

3945
สุดยอดครับ ท่าน ....หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และหลวงพ่อแพ ผมก็เคารพท่านมาก ครับ เก่งทุกท่านเลย ครับ

3946


เอาแปลงปัดและครับ = ='

3948
ขอบคุณครับ พระต้องขยันส่องขยันขัดดูครับ แล้วจะดูง่ายเอง  :095:
ไม่กล้าขัดครับ เก็บใว้เดิมๆดีและครับ 5555+ ใช้กล้องส่องก็ผ่านและครับ ขัดมาเดี่ยวชัดเกิน 555+

3949
สดๆ ร้อนๆเลยนะครับ ท่าน

3950
ขอบคุณสำหรับข่าวมาก ครับ ร่วมใว้อาลัยด้วย ครับ

3951
สุดยอดครับ ผมเองก็นับถือหลวงพ่อไสว มากเลย ครับ พี่ซิน

3952
ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องกราบขอบพระคุณ พี่เก่ง สิบทัศ และ พี่บอล ผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหรียญต่างๆด้วยนะครับ .....ขอบคุณครับ

 :054:

3953




สวัดดีครับพี่ๆน้องๆชาวบางพระ ..วันนี้เรามาดูตำหนิ เหรียญวัดไร่ขิง 2482 กัน ครับ .........
จากที่ผมได้ศึกษา จากหนังสือรวมเหรียญทางวัดก็ดี จากคนรุ้จักก็ดี ...และได้เห็นเหรียญแท้ๆหลายๆเหรียญ
ก็ได้ข้อสรุปดังนี้ครับ ....ทั้งนี้ผมไม่เอาเหรียญผมมาลงนะครับ เพราะ
1.เหรียญของผมสภาพใช้ครับ ลอยตำหนิอาจจางลงบ้างแต่ก็มีให้เห็น ครับ
2.ก้องผมซูมไม่ชัดถ่ายได้แต่ก็ลางๆ  ซึ่งถ่ายออกมาแล้วทำให้ไม่เห็นลอยตำหนิ
3.จึงขอยืมรูปจากเวปเพื่อนบ้านมาครับ ก็ขออภัยด้วยนะที่นี้ .............

ขอบ ครับ ขอบเหรียญรุ่นนี้บางครับ ...และจะมีลอยตะไบด้วยเลื่อยจากมือครับ
เหรียญพิมนี้ เกะพิมและสร้างจากช่างในพื้นที่ครับ เป็นงานฝีมือล้วนๆ ครับ
ดูตำหนิใว้นะครับ ...ที่ทำลูกศรชี้ ปกติธรรมชาติของเส้นบล็อคเกิน จะบางครับ ไม่หนา ทั้งใต้ฐานทั้ง 2 เส้น
ข้อสำคัญไม้เอก ตรงคำว่าพ่อจะชนกับเส้นบล็อคเส้นล่างหรือเส้นที่ 2 พอดี ครับ
ด้านหลัง ตำหนิจุดตายอีกจุดครับ ของปลอมปกติจะไม่มี และหรือไม่ก็หนา หรือยาวจนไม่งามตาครับ

เหรียญรุ่นนี้ เป็นเหรียญปั๊ม รุ่นแรก ของทางวัดเลย ครับ ที่ออกที่วัด .......
 ....เหรียญนี้สร้างโดยพระอาจารย์ เฉย กิตติสาโร อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 6
มี 3 เนื้อ ครับ ทองแดง เงินที่สร้างจะโกตกระดูก(ไม่ใช่เงินแท้) และเหรียญทองฝาบาตรครับ ......
ซึ่งส่วนมาก จะพบแต่เหรียญทองแดง ส่วนเหรียญทองฝาบาตร และ เงิน ไม่เค่ยพบเห็น ครับ


ทั้งนี้ทั้งนั้น ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ ..........ขอบคุณด้วยความเคารพ

3954
แก้วขนเหล็ก มีอยุ่จริง ครับ  เป็นคล้ายๆค้างคาวแต่ตัวใหญ่กว่า และมันมีความพิเศษกว่าค้างคาวทั่วไปครับ มันจะอยุ่ในถ้ำที่มีเหล็กไหล ...ลองไปพิสูจดู ครับ ที่วัดถ้ำแฝด จ.กาญจบุรี   ...... ลองถามเจ้าอาวาสดูครับ 


ป.ล. ขอบคุณพี่แอ๊กเรื่องโป่งขามมากครับ

3955
หลวงพี่แทนวัดพระงามก็ดีครับท่าน
ใช่แล้วครับพี่โจ


เหอะๆ อยากแนะนำ แจ่เจ้าของสีผึ้งคงไม่อยากให้แนะนำ
พระอาจารย์รูปหนึ่งครับ ที่วัดพระงาม  จ.นครปฐม
ใช้ได้ผลมาชะงักอีกทั้งสาริกาก็สุดยอดที่สู๊ดเลย......ครับผม

รู้สึกว่ามีคนแนะนำแล้วนะครับ ใช่วัดเดียวกันหรือปล่าวครับ ....  :089:

ที่เดียวกันครับ ท่านโจ ......แต่สีผึ้ง(มีน้อยครับส่วนตัวผมมีอันเดียวให้คนเคารพไปแว้ว) ลูกศิษสร้างถวายหนะครับ .....ส่วนสาลิกา(ลูกศิษถวาย)มีแจกเลื่อยๆ ครับ ......

ประสบการณ์ เพื่อนๆ ผมเจอกันมาหลายคนละครับ ... สุดยอดอยู่

ผมมาพิมในนี้ก็กลัวโดนเอ็ดอยู่ครับ ...หุหุ เพราะท่านไม่ชอบให้ไปประกาศเปิดตัว ..... ก็และแต่ศรัทธานะครับ .......ลองถามพี่ปอม โนเนมหรือเฮียงเซียงตี้ดูคนในละแวกนั้น ครับ

3956
พระซุ้มกอ ครับ แต่ไม่น่าใช่พระกรุ พิมไม่ใช่ครับ เนื้อก็ไม่น่าถึง ครับ ที่สำคัญพิมนี้มีน้อยมากเลยครับเท่าที่ทราบมา .......... อาจจะเป็นออกวัดใดวัดหนึ่ง ..... (รูปถ่ายมาไม่ชัดครับ  ลองถ่ายมาใหม่ ครับ)
พระชุดเบญจภาคี ดูรูปเต็มๆ และ แบบสวยๆ ที่พิพิธพันธ์ พุทธมณฑลสาย 2 ได้ครับ

3957
สวยมาก ครับ ท่าน

3958
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ๆมาก ครับ ...... สำหรับพิมที่เอามาให้ชม พิมนี้มีคนปั่นในวงการอยู่ครับ ว่าไม่ได้ออกที่วัดดอนยายหอม ซึ่งพิมนี้ ไม่น่าจะมีในสาระบบ ขอบคุณ พี่ๆ ทั้ง  2 ท่านมาก ครับ ....เพื่อเป็นวิทยาทานสืบต่อไป

3959




รบกวนพี่สิบทัศ ....และพี่น้องชาวบอร์ดวัดบางพระ มาฟันธง กัน ครับ 

3960
เหรียญนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนก็ไม่ทราบครับ ท่าน

3961
ขอบพระคุณพี่เก่งมาก ครับ ...ใว้จำพิม เป็นวิทยาทานสืบต่อไป ครับ

3962
ช่วยดูให้หน่อย ครับ อยากทราบ เพื่อเป็นวิทยาทาน (ไม่ใช่ของผมนะครับ เห็นพิมสวยดี )




3963
ขอบพระคุณ พี่แอ๊กมากครับ

3964
ขอบคุณครับ พี่ berth1999  เหมือนเบี้ยแก้อะครับ ...แบบสวยงามมากๆของเกจิดังแห่งยุค ซึ่งราคาสูง เลยพนันและพิสูจกันดู พอเปิดออกมา ตะกั่วที่หุ้มมีลอยจาร ว่า รักนะเด็กโง่ 555++++++

3965
ห้ามถุยน้ำลาย ....นั้น ถ้าลงสาริกาลิ้นทองอะครับ ห้าม

ส่วนอย่างอื่นผมตอบไม่ได้ครับ  ถามผู้รู้ต่อไป 555+++

3966
ท่านเอ็มไร่ขิง รับ
ขอบคุณนะครับ  อิอิ ไฟไม่ติดเนื้อ ชี้แนะหน่อยครับ
ผมเช่ามาเห็นเก่าดีเลยเก็บเอาไว้เวลาได้รู้ที่มาแล้ว ขอคำชี้แนะด้วยครับ

คือผมเคยอ่านหนะครับ ...ตลาดแถวกรุงเทพ เกิดไฟใหม้ ได้มีเจ้าของร้านขายหมู โดนไฟครอกครับเสียชีวิตโดยสูดควัญไฟเข้าไปเยอะ
(แต่ที่แปลก บริเวณรอบๆไฟใหม้ไม่มีหลือ แต่สภาพศพเจ้าของเขียงหมู กับไม่มีลอยไหม้ไฟเลย จึงทำให้ฮือฮา เพราะที่เอวมีตะกรุดพอกครั่งของหลวงพ่อทองสุข ครับเพียงดอกเดียว จึงทำให้ฮือฮามาก เพราะไฟไม่ไหม้เนื้อ หรือ ไฟไม่ติดเนื้อ ครับ ) ....

ประมาณนี้อะครับ เคยลงของไทยรัฐอยู่

3967
ท่านเอ็ม ตุ้นไว้กี่องค์ครับ

มีองค์เดียว จริงๆ ครับ พี่ซิน ... แหม ถ้ามีหลายองค์คงดีสิครับ  :004:

3968
ครับ รุ่นนี้ หากันให้ควักครับ  :095: เหรียญก็มีคนตามหาเยอะครับ จัดว่า แจ่มแจ๋วอีกรุ่นเลยก็ว่าได้

องค์นี้สวยมากครับ ห่มจีวร ด้วยสิครับ สวยจริงๆ ครับ กริ่ง วัดบวร ก็ไม่แพ้กัน มีหลายเนื้อเลยนะครับ

4 เนื้อครบ เลยไหมครับนี่ ไม่แน่ใจ ดูไม่ออกครับ แต่น่าจะเป็น ทองแดง เงิน กะไหล่ทอง นวะ ...
  :089:

น่าจะเป็นนวะทั้ง 2 องค์นะครับ อิอิ ท่านโจ อิอิ :002:

ขอบคุณทุกท่านด้วย ครับ

3969
พระกริ่ง ชัยสุวรรณรัตน์ รุ่นพระเทพเททอง  27 พ.ค. 2518 วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี


3970
อยากไปกราบท่านสักครั้ง ครับ ยังไม่มีโอกาศเลย

3971
สาธุบุญด้วย ครับ อิอิ

3972
สุดยอดเลยนะครับพี่ ....... หลวงพ่อทองสุข ไฟไม่ติดเนื้อ แน่นอน ครับ .......

3973
แบบที่เจอในกรุหีบที่ปลวกกิน แต่พระกับไม่เป็นไร ครับ .......

สังเกตุ จะมีคราบปลวกเกาะฝังแน่นมาก ครับ ..... อันนี้คือที่เพิ่งเจอ





3974
เอาของเก๊มาเปรียบเทียบให้ดูอะครับ .......





ขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.pantown.com/board.php?id=10697&area=1&name=board4&topic=14&action=view

3976
ปกติ สัก 9 ยอดแล้ว ก็สัก 7 ยอดได้ครับ .......ความจริงยันต์ เป็นคนละแบบ กันนะครับ ผม
ปกติ 7 ยอดที่ผมเห็น จะเป็นยันต์ นะ ..อยุ่ตรงกลางและล้มด้วยหัวใจพระสีวะลี ครับ .....

หากผมผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ เหอๆๆๆ

3977
เข้ามาชมครับ ไม่ทราบครับ แต่ดูงามและขลังมาก ครับ ........

3978
ขอร่วมอนุโมธนาสาธุ ด้วย ครับ

3979
พระกริ่งหลวงพ่อโสธร รุ่น 80 ปี กลมตำรวจ เนื้อเงินพ่นทราย ครับ .......
รุ่นนี้เป็นพระรุ่นที่พิธีใหญ่พิธีหนึ่ง ของวัดโสธร เลย ครับ ผม







ต่อไปพระกริ่งบารมี 84 พระสมเด็จญาณังวร  วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2540 ครับ


3980
พี่เก่งอย่าลืมเตือนด้วยนะครับ น้องเอ็มสมองปลาทอง ครับ ไงพี่ช่วยเตือนด้วยนะครับ

3981
อะครับ ดีใจด้วย ครับ ของหลวงพี่ติ่ง เมตตามหานิยม สุดยอดมาก ครับ

3982
สวยดีครับ ....ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ครับ ขอเป็นกำลังใจให้ และรอผู้รุ้ต่อไป ครับ

3983
ขอบคุณด้วย ครับ พี่พีชไปซะไกล ยังหาคาถาดีๆมาฝากพี่น้องชาวบางพระอีก ครับ

3984
ขอบคุณพี่ ซินมาก ครับ ข้อมูลดีมากๆเลย ครับ  :053:  นี่แหละครับที่ผมกำลังตาหาอยู่เลย

3985
สวยงามมากเลย ครับ ท่าน  :053:

3987
 จัดสร้างโดย วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลกสมัยพระอาจารย์ ถนอม เขมจาโร และพระครูบวรชินรัตน์
โดยมีสมเด็จพระวันรัต (ปุ่ ปุณณสิริ) ซึ่งค่อมาเป็น สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นประธานฝ่าย
สงฆ์และทรงจุดเทียนชัย พระอาจารย์ ไสว สุมโน เป็นเจ้าพิธี พระครูวามเทพมุนี เป็นประธานฝ่ายพราหมณาจารย์ และพล
โท สำราญ แพทยกุล แม่ทัพภาพที่ 3 เป็นประธานฝ่ายฆราวาสและหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ทำพิธีดับเทียนชัย

วัตถุประสงค์

                    เพื่อจัดหาจตุปัจจัยในการสร้างพระอุโบสถวัดนางพญา เพื่อเป็นสถานที่ประกอบสังฆกรรมแห่งสงฆ์ โดย
เริ่มต้นดำเนินการเมื่อวันพุธ ที่ 29 มกราคม 2512 เวลา 9 นาฬิกา 12 นาที เป็นปฐมฤกษ์ตามพระฤกษ์สร้างพระอุโบสถที่ได้
รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกมหาจักรพรรดิ์ตราธิราชตามจารีต
ประเพณีโบราณาจารย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2514 ในวิหารวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

                    เจ้าอาวาสวัดนางพญาเล่าว่าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนั้นต้องเรียกว่าเป็นอภิมหาพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด
ในยุคนั้นมีสุดยอดเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศร่วมพิธี อาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ ฉิมพลี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ผาง
หลวงปู่แหวน หลวงพ่อเกษม หลวงพ่อแพ เป็นต้น มีการถ่ายทอดเสียงออกอากาศทางสถานีวิทยุไปทั่วประเทศตลอดวัน
ตลอดคืน เริ่มตั้งแต่เวลา 06.05 น.ประกอบพิธีบวงสรวงครูบาจารย์ และอดีตเจ้าอาวาสตามด้วยพิธีถวายเครื่องสักการะบูชา
พระพุทธชินราช พิธีถวายเครื่องสักการะบูชาบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิธีถวายเครื่องสักการะบูชาพระคุณ
พระรัตนตรัย พิธีบวงสรวงเทพยดาและพิธีบวงสรวงบูชาฤกษ์ เวลา 16.00 น. สมเด็จพระวันรัต ประธานฝ่ายสงฆ์ ทรง
อธิษฐานจิตจุดเทียนชัย พระคณาจารย์จากทั่วประเทศนั่งปรกรอบมณฑลพิธีภาวนาปลุกเสกตลอดเวลา เวลา 19.30 น. จุด
เทียนชัยมหาพุทธาภิเษก เวลา 02.00 น. เริ่มต้นสวดคาถาพระจักรพรรดิ์ตราธิราช พระคณาจารย์นั่งปรกเจริญภาวนาปลุก
เสกตลอดรุ่ง และหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมได้กระทำพิธีดับเทียนชัย ณ เวลา 06.05 น. ในครั้งนั้นวัดนางพญาได้จัด
สร้างวัตถุมงคลหลายรายการที่สำคัญ คือ พระนางพญาเนื้อดินเผาที่พบอยู่ในขณะนี้ ตามประวัติการสร้างเป็นพระนางพญา
ที่ถอดพิมพ์และผสมเนื้อพระนางพญาจากกรุพระนางพญามี 2 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ (เข่าโค้ง) และ พิมพ์เล็ก (สังฆาฏิ) โดย
อัญเชิญพระฤกษ์ พระราชทานประดิษฐานด้านหลังพระนางพญารุ่นนี้ทุกองค์ ปั้นกดพระด้วยมือและใช้ใบเลื่อยตัดออกทีละ
องค์ๆ สันนิษฐานว่าสร้างจำนวน 84,000 องค์





ข้อมูลจากเวป http://www.siris-----------

3989
ส่วนตัวผม ไม่น่าจะใช่นะครับ ดูจากลายมือแล้ว .......... ขอบคุณ ครับ

3990



ปีไหน
รุ่นไหน
พระอาจารย์ท่านใดปลุกเสก
นี่รูปภาพประกอบ ครับ ใครรู้ช่วยบอกที ครับ ขอบคุณ ครับ

3991
พูดถึงไก่  ใครพอรู้จักเครื่องรางรูปไก่ วัดยาง ซอยเพชรเกษม 28 กรุงเทพ อยากทราบว่าใช้ทางด้านไหน ครับ

3992
รบกวนถามครับ ไม่ทราบว่าวัวธนูของหลวงพ่ออวยพร
วัดดอนยายหอมท่าน ตอนนี้ราคาเท่าไหร่หรือครับ
แล้วเป็นแบบบูชา หรือว่าแบบพกติดตัวครับผม

หน้าจะ 200 นะท่านก๊อต(แบบขนาดห้อยคอ) เห็นและ ผมชอบเลย ครับ อิอิ
แบบบูชาไม่ทราบนะครับ เห็นพี่สิบทัศบอก น่าจะหมดลงไปแล้ว ครับ กับขนาดบูชารุ่นแรก

3994
สุดยอดจริงๆ ครับ ท่านพี่โยมน้า

3995
ไม่ทราบว่า รูปนี้เคยลงในบอร์ดของเราหรือยัง หากลงแล้วก็ขออภัยด้วย ครับ ......



 :054: :054: :054: :054: :054: หลวงปู่ของเรา เมตตาสุดยอดเลย ครับ

ขออนุญาติยืมรูปมาจากเวป http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/lofiversion/index.php?t47.html ด้วย ครับ

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6