ผู้เขียน หัวข้อ: การเดิมจงกรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  (อ่าน 9637 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
การเดินจงกรม คือการเดินภาวนา เพื่อเป็นอุบายให้สงบใจ เดินกลับไปกลับมาพร้อมกับกำหนดคำบริกรรมภาวนาเหมือนวิธีการนั่งสมาธิ คำอธิษฐานก็ใช้แบบเดียวกัน เปลี่ยนแต่ตรงคำว่า “นั่งสมาธิภาวนา” เป็น “เดินจงกรมภาวนา” เวลาจะเดินจงกรม ให้กำหนดทิศทางที่จะเดิน แล้วไปยืนตรงต้นทาง ยกมือประนมขึ้นระหว่างคิ้วกล่าวคำอธิษฐาน ครั้นจบแล้ววางมือลง เอามือขวาทับมือซ้ายวางทาบไว้ใต้สะดือ ทอดตาลงเบื้องต่ำไม่แลซ้ายแลขวา ทำท่าสำรวมกาย ก้าวเดินขาขวาบริกรรมคำภาวนาว่า “พุท” ก้าวเดินขาซ้ายบริกรรมคำภาวนาว่า “โธ” บริกรรมภาวนา “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” ๓ หนแล้ว ให้กำหนดเอาคำบริกรรมภาวนาว่า “พุทโธ” แต่เพียงคำเดียว ครั้นพอถึงปลายทางที่เรากำหนดไว้แล้ว หมุนตัวกลับไปทางขวามือ เดินภาวนากลับไปกลับมา การกำหนดคำบริกรรมภาวนานั้น จะกำหนดอยู่ที่เท้าเวลาเดินก็ได้ หรือกำหนดไว้ในใจก็ได้ตามชอบ ไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับแต่ประการใด


ส่วนการกำหนดทิศทางเดินจงกรมนั้น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านกล่าวไว้ว่า “ทางเดินจงกรมตามที่ท่านกำหนดรู้ไว้ และปฏิบัติตามเรื่อยมานั้นมีสามทิศด้วยกัน คือตรงไปตามแนวตะวันออก – ตะวันตกหนึ่ง ไปตามแนวทิศตะวันตกเฉียงใต้หนึ่ง และไปตามแนวตะวันออกเฉียงเหนือหนึ่ง การเดินจงกรมก็เดินไปตามแนวทั้งสามที่กำหนดไว้ในแนวใดแนวหนึ่ง

ความสั้นยาวของทางจงกรมแต่ละสายนั้น ท่านว่าตามแต่ควรสำหรับรายนั้นๆ ไม่ตายตัว กำหนดเอาเองได้ตามสมควร แต่อย่างสั้นท่านว่าไม่ควรให้สั้นกว่าสิบก้าว สำหรับเวลาอยู่ในที่จำเป็นหาทางเดินมิได้” “การเดินไม่พึงเดินไกวแขน ไม่พึงเดินเอามือขัดหลัง ไม่พึงเดินเอามือกอดอก ไม่พึงเดินมองโน้นมองนี้อันไม่เป็นท่าสำรวม”


การนั่งสมาธิภาวนา หรือการเดินจงกรมนั้น เราจะทำที่ไหนก็ได้ ที่วัด ที่บ้าน ในที่ทำงาน ในร้านอาหาร ในช๊อปปิ้งมอลล์ ทำการทำงานทุกสิ่งทุกอย่าง ทำภาวนาได้ทั้งนั้น มีสติระลึกขึ้นมาได้ก็กำหนด “พุทโธ” ทันทีเลยไม่ต้องรอให้เสียเวล่ำเวลา ก้าวขาขวา “พุท” ก้าวขาซ้าย “โธ” เรียกว่าภาวนาได้ทุกเมื่อไม่มีกาลเวลา จึงสมดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “อกาลิโก” ไม่มีกาล ไม่มีเวลา ไม่มีฤดู ทำได้เสมอ


ขอจบลงด้วยโอวาทธรรมของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร “เมื่อเหล่าท่านทั้งหลายได้พากันสดับตรับฟังแล้ว ในโอวาทศาสนีย์ธรรมะคำสั่งสอนนี้ ซึ่งแสดงโดยย่นย่อพอเป็นเครื่องปฏิบัติ ประดับสติปัญญาบารมีของท่านทั้งหลาย ให้พากันโยนิโสมนสิการ กำหนดจดจำ นำไปประพฤติปฏิบัติฝึกหัดตนของตน ให้เป็นไปในศีล เป็นไปในธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่นี้ต่อไป พวกท่านทั้งหลายจะประสบแต่ความสุข ความเจริญงอกงาม ดังได้แสดงมา เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้”


ขอบคุณที่มาจากเวป http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=jit-apinya&month=10-10-2009&group=5&gblog=2
หากเคยมีคนมาลงแล้วก็ขออภัยด้วยครับ