แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - อ้อ

หน้า: [1]
1

รูปภาพหน้าปก


หนวด อยู่คง

2
เวลานี้อาจารย์หนวดสักอยู่มีเมืองจีนครับ กลับประมาณวันที่ 24 ครับ ปกติถ้าอยู่เมืองไทยจะมาสักที่วัดวันเสาร์อาทิตย์ครับ ถ้าเล่นเฟสก็จะติดตามได้ชัดเจนครับ

3
ความกลัวทำให้เสื่อม


.....................นอกจากนี้ ในเอกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระพุทธองค์ยังได้อธิบายถึง ความเสื่อมที่เลวร้าย ความเจริญที่เป็นยอดเพื่อแสดงให้เห็นว่า ปัญญา มีความสำคัญสูงสุด หากเสื่อมจากปัญญา จึงนับว่าเป็นความเสื่อมที่สุด ในทางตรงข้าม หากมีปัญญาเจริญ ก็นับว่าเป็นความเจริญสูงสุด ดังนี้

๑. ความเสื่อมจากญาติ ยังนับว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมที่นับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ก็คือ ความเสื่อมจากปัญญา
๒. ความเจริญด้วยญาติ ยังนับว่าเป็นความเจริญเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญที่เรากล่าวว่าเป็นยอด คือความเจริญด้วยปัญญา. เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้เจริญด้วย ปัญญาวุฑฒิ (ความเจริญด้วยปัญญา) ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
๓. ความเสื่อมจากโภคทรัพย์ ยังนับว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมที่นับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ก็คือความเสื่อมจากปัญญา
๔. ความเจริญด้วยโภคทรัพย์ ยังนับว่าเป็นความเจริญเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญที่เรากล่าวว่าเป็นยอด คือความเจริญด้วย ปัญญา. เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้เจริญด้วย ปัญญาวุฑฒิ (ความเจริญด้วยปัญญา) ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
๕. ความเสื่อมจากยศ ยังนับว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมที่นับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความเสื่อมทั้งหลาย คือความเสื่อมจากปัญญา
๖. ความเจริญด้วยยศ ยังนับว่าเป็นความเจริญเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญที่เรากล่าวว่าเป็นยอด คือความเจริญด้วย ปัญญา เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้เจริญด้วย ปัญญาวุฑฒิ (ความเจริญด้วยปัญญา) ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
...................

4
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตามนั้น
« เมื่อ: 27 ส.ค. 2557, 05:30:32 »
            ..บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ..


                   

5
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: 00001
« เมื่อ: 13 มิ.ย. 2557, 10:34:18 »
สาธุ             

6
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 00001
« เมื่อ: 13 มิ.ย. 2557, 10:27:40 »
ขอบคุณเจ้าของภาพ



                                   




                                 

7
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / พี่ฝากมา
« เมื่อ: 09 พ.ค. 2557, 05:11:57 »
                         

8
            ทันและแท้ครับ ปลุกเสก 2 วาระครับ

9
               



                  พระอาจารย์จะมาประมาณวันที่ 8 มกราคมครับ

11
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: 2556
« เมื่อ: 19 ก.ค. 2556, 10:14:34 »





ขอบคุณ

12
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: 2556
« เมื่อ: 18 ก.ค. 2556, 09:40:12 »




สาธุ

13
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 5 ธันวาคม
« เมื่อ: 04 ธ.ค. 2555, 09:24:19 »
ทรงพระเจริญ


   

14
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / พอมีบ้าง
« เมื่อ: 02 ก.ย. 2555, 11:51:30 »


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

15
                                           

16
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / โลกธรรม
« เมื่อ: 20 ก.ค. 2555, 09:02:11 »
                                   


                               






                                                      กราบคารวะหลวงพ่อเจ้าคุณนรฯ

17
                            :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

18
วันนี้คณะศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ได้นำปัจจัยที่ได้จากการทอดผ้าป่าไปถวายท่านพระครูสรพาจน์โฆสิต ( พระอาจารย์มนตรี ฐิตโสภโณ ) วัดบางแวก เพื่อสมทบทุนสร้างพระอุโบสถกลางน้ำ สำนักปฎิบัติธรรมสวนป่าดอนวิเวก อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นจำนวนเงินปัจจัยทั้งสิ้น 140,000 .- ( หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน ) ขอให้ผลแห่งการร่วมสร้างบุญครั้งนี้ จงเป็นตบะ เตชะ พลวปัจจัยให้ทุกท่านถึงพร้อมด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปิติธนสารสมบัติ เทอญ..... —


19
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 07.11.2011 06.30 am
« เมื่อ: 07 พ.ย. 2554, 06:53:38 »















20
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 06.11.2011 06.30 am
« เมื่อ: 06 พ.ย. 2554, 06:50:14 »























21
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 05.11.2011 06.30 am.
« เมื่อ: 05 พ.ย. 2554, 06:51:57 »





22

















23
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 04.11.2011 06.30 am
« เมื่อ: 04 พ.ย. 2554, 06:45:48 »
น้ำขึ้นทุกวัน















24
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 03.11.2011 06.00 am.
« เมื่อ: 03 พ.ย. 2554, 06:40:43 »







25
เมื่อเย็นนี้ถนนก่อนถึงวัด






26
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 1.11.2011 6.25 am.
« เมื่อ: 01 พ.ย. 2554, 06:27:56 »
today





27
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: 31.10.2011 06.30
« เมื่อ: 31 ต.ค. 2554, 07:35:37 »
เวลา 19.30 น.






28
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 31.10.2011 06.30
« เมื่อ: 31 ต.ค. 2554, 06:35:00 »







29












30
วันนี้













31
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 28.10.2011
« เมื่อ: 28 ต.ค. 2554, 06:41:05 »
วันนี้ 06.00 น.










32
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 22/10/2554
« เมื่อ: 22 ต.ค. 2554, 06:30:11 »
เวลา 06.00 น.








33
เมื่อเช้า






35


     



                          อนุโมทนาด้วย

36
เพิ่มเติม

คุณศิรภา  วาระเลิศ                               50,000.-

37
เพิ่มเติม
**อ.เจต สามแยกกระจับ(บ้านโป่่ง)+คณะศิษย์ทุกท่าน        8,920.-

38
เพิ่มเติม
คุณสุภิญญา  ทองประเสริฐ                       2,000.-(พระ อจ.ตั๊ก)

39
เพิ่มเติม
คุณวิชัย (ชมรมมอเตอร์ไซด์)               3,200.-
เสน่ห์เอ+เสน่ห์กวาง             1,000.-               

40
เพิ่มเติมครับ
อาจารย์หวอ  1.แกงเลียง 2.ปลาดุกย่าง 3.น้ำพริกกะปิ 4.ชะอมทอดไข่
เจ้สร้อย สรรพาวุธ 1.มัสมั่น
ศิษย์สายหัวตะเข้ 1.ทอดมัน
คณะศิษย์หลวงพ่อเปิ่น 1.ปลานิล
คุณพัชรี 1.ส้มตำ
คุณต้อม 1.กระเพราะปลา
คุณตี้กะหมวยและชาวคณะ 1.น้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋
อาจารย์เอ้ วัดดอกไม้        หมูย่าง
                                          ขออนุญาติเพิ่มเติมครับ(ย้ายมาจากกระทู้เก่าของผม)
รายนามผู้ร่วมทำบุญวันที่12สิงหาคม ศิษย์ชาวมาเลเซีย(สายอาจารย์หวอ)

              May                                2468 RM
              Lim Eng Hooi & Family       600 RM
              Chin Yueh Kim                   300 RM
              Yip Fu Hang Enterprise       950 RM +1640 Baht
              Lam See Moy                   2000 Baht

              คุณพี่จาตุรงค์                        800 บาท

              พระเทพฤิทธิ์    ทองคำโสภา     2000 บาท
            **อาจารย์หนวด   ซอง 21073.03   +  11534.50
             นางรวิวรรณ อิ่มสุขสมบูรณ์
            นายภูธร์รัตน์  ใจงาม                            800.-

          เพิ่มเติม พระอาจารย์ต้อย                         5,000.-
รายชื่อผู้ทำบุญ วันที่ 12 สิงหาคม 2554
ยอดยกมา 
พระอาจารย์ต้อย       30,000 บาท
                              12,870 บาท
                              29,620 บาท
อาจารย์หนวด       42,980 บาท
         23,994 บาท
คุณชัยชุมพล-ธัญญ์นภัส พันธุ์ภักดี         300 บาท
คุณเฉลียว กระจ่าง–น้องแม็คร้านทอง   1,500 บาท
คุณปัญญพัฒน์ (เชษฎ์ ศรีราชา)      2,000 บาท
อุทิศให้คุณแม่จำปี ดีรอด        5,000 บาท
ไก่-เปิ้ลภรรยา น้องภรรยา อาจารย์หนวด 1,500 บาท
คุณมนตรี ทองเพชร คุณมานพ วิเศษชุมพล คุณจุทามาศ ทองเพชร    800 บาท
นายอเนก จันทรเทียน (Ronaldo2007)    1,000 บาท
คุณพา ยศปัน และครอบครัว-คุณฉัตรชนก เรืองสินทรัพย์-คุณจาตุรงค์ ลำประดิษฐ์    900 บาท
ผู้การเสือ      1,800 บาท
คุณบอล ราหู คุณมะนาว     1,800 บาท
คุณธานี ไตรโพธิ์      2,000 บาท
คุณจักรพล-คุณอุบลวรรณ-คุณรัฐธีย์ คณากิจไพศาล พร้อมครอบครัว (Frist-android) 800 บาท
คุณอาจารย์ดอน     1,000 บาท
คุณธีรพัฒน์ สารทองและครอบครัว (ที-lowrider)      1,000 บาท
คุณ Act   800 บาท 
ยอดซองทำบุญ   62,020 บาท



เพิ่มเติม
คุณเกษราภรณ์  วิริยะ           3,000.-
คุณจ๊อบ@love                                        400.-

คุณพงษ์ ดิษฐกระจัน                        2,000.-(อาจารย์หนวด)     

41
เพิ่มเติมครับ
อาจารย์หวอ  1.แกงเลียง 2.ปลาดุกย่าง 3.น้ำพริกกะปิ 4.ชะอมทอดไข่
เจ้สร้อย สรรพาวุธ 1.มัสมั่น
ศิษย์สายหัวตะเข้ 1.ทอดมัน
คณะศิษย์หลวงพ่อเปิ่น 1.ปลานิล
คุณพัชรี 1.ส้มตำ
คุณต้อม 1.กระเพราะปลา
คุณตี้กะหมวยและชาวคณะ 1.น้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋
อาจารย์เอ้ วัดดอกไม้        หมูย่าง
                                          ขออนุญาติเพิ่มเติมครับ(ย้ายมาจากกระทู้เก่าของผม)
รายนามผู้ร่วมทำบุญวันที่12สิงหาคม ศิษย์ชาวมาเลเซีย(สายอาจารย์หวอ)

              May                                2468 RM
              Lim Eng Hooi & Family       600 RM
              Chin Yueh Kim                   300 RM
              Yip Fu Hang Enterprise       950 RM +1640 Baht
              Lam See Moy                   2000 Baht

              คุณพี่จาตุรงค์                        800 บาท

              พระเทพฤิทธิ์    ทองคำโสภา     2000 บาท
            **อาจารย์หนวด   ซอง 21073.03   +  11534.50
             นางรวิวรรณ อิ่มสุขสมบูรณ์
            นายภูธร์รัตน์  ใจงาม                            800.-

          เพิ่มเติม พระอาจารย์ต้อย                         5,000.-
รายชื่อผู้ทำบุญ วันที่ 12 สิงหาคม 2554
ยอดยกมา 
พระอาจารย์ต้อย       30,000 บาท
                              12,870 บาท
                              29,620 บาท
อาจารย์หนวด       42,980 บาท
         23,994 บาท
คุณชัยชุมพล-ธัญญ์นภัส พันธุ์ภักดี         300 บาท
คุณเฉลียว กระจ่าง–น้องแม็คร้านทอง   1,500 บาท
คุณปัญญพัฒน์ (เชษฎ์ ศรีราชา)      2,000 บาท
อุทิศให้คุณแม่จำปี ดีรอด        5,000 บาท
ไก่-เปิ้ลภรรยา น้องภรรยา อาจารย์หนวด 1,500 บาท
คุณมนตรี ทองเพชร คุณมานพ วิเศษชุมพล คุณจุทามาศ ทองเพชร    800 บาท
นายอเนก จันทรเทียน (Ronaldo2007)    1,000 บาท
คุณพา ยศปัน และครอบครัว-คุณฉัตรชนก เรืองสินทรัพย์-คุณจาตุรงค์ ลำประดิษฐ์    900 บาท
ผู้การเสือ      1,800 บาท
คุณบอล ราหู คุณมะนาว     1,800 บาท
คุณธานี ไตรโพธิ์      2,000 บาท
คุณจักรพล-คุณอุบลวรรณ-คุณรัฐธีย์ คณากิจไพศาล พร้อมครอบครัว (Frist-android) 800 บาท
คุณอาจารย์ดอน     1,000 บาท
คุณธีรพัฒน์ สารทองและครอบครัว (ที-lowrider)      1,000 บาท
คุณ Act   800 บาท 
ยอดซองทำบุญ   62,020 บาท



เพิ่มเติม
คุณเกษราภรณ์  วิริยะ           3,000.-
คุณจ๊อบ@love                                        400.-

43
***







ขอบคุณครับ

44
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / นำเสนอ
« เมื่อ: 05 ก.ค. 2554, 05:44:41 »

45
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / wellcome
« เมื่อ: 06 ม.ค. 2554, 05:50:08 »
มาแล้วครับ


46
000000000000000000น้าเผือกมาเราก็ดีใจ
                                       น้าเผือกไป  อะไร  ๆ   ก็ดีขี้น :006: :006:

47
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 3 หลวงพ่อ
« เมื่อ: 23 พ.ย. 2553, 03:26:06 »
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม




หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม



หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ




                                                         ขอบคุณ

48




         วันลอยกระทงตรงกับวันขึ้น 15 คำ เดือน 12 ประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยประมาณ 700 ปีมาแล้ว

           ประเพณีลอยกระทงได้เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ พ.ศ. 1800 ดังปรากฏในหนังสือนางนพมาศ ผู้เป็นพระสนมเอกของพระร่วงเจ้าว่า "ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่างๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้ป็นลวดลาย..." เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงมีพระราชโองการฯให้จัดพิธีลอยกระทงเป็นประจำทุกปี ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองพระราชพิธีนี้จึงได้ถือปฏิบัติเป็นประจำจนกระทั่งบัดนี้
 




 
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/loykratong/index.htmlขอบคุณ

50
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / รุ่นเก่า
« เมื่อ: 18 ต.ค. 2553, 09:44:29 »
เป็นที่ระลึกถึง อาจารย์ถวิล












รูปไม่ขึ้น

51
น้องทอม อย่าซีเรียส

52
***************พระอาจารย์หนึ่ง ได้เดินทางไปปฏิบัติธรรมพรรษานี้ ที่ ภูถ้ำพระ จังหวัดมุกดาหาร
คงจะมาโปรดญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหา น่าจะเป็นงานไหว้ครูปีหน้า

                                                                     ขอบคุณ

53














ขอบคุณภาพจาก google

54
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: wellcome back
« เมื่อ: 27 มิ.ย. 2553, 09:32:03 »
วันนี้


55
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / wellcome back
« เมื่อ: 24 มิ.ย. 2553, 08:50:29 »
เสาร์-อาทิตย์นี้
อ.หนวด กลับมาแล้ว
ที่เดิม :027:

56
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: เสาร์ ๕
« เมื่อ: 16 มี.ค. 2553, 07:56:40 »
***มีก๋วยเตี๋ยว และหอยทอดเลี้ยงด้วยในวันนั้น
                      โดย เจ๊แมว สุรินทร์ แห่งร้าน รุ่งเจริญไพศาลเป็นเจ้าภาพ
                                                                  ขออนุโมทนาบุญด้วย
                                                                     ขอบคุณ

57
สุขสันต์วันเกิด จ้า

58
**มียอดเพิ่มเติมอีก5,760.บาทรวมเป็น 31,260.บาท
วันนี้พระอาจารย์หนึ่งนำไปถวายที่วัดโพธิ์เผือกแล้ว
และวันที่ 14 เมษายน 2553 ก็จะได้อนุโมทนาบุญอีกครั้ง

                                 สาธุสาธุ
                                    ขอบคุณ

59
ในวันเสาร์๕ ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม 2553
ทราบข่าวมาอย่างไม่เป็นทางการว่า ที่วัดบางพระ
จะทำพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลเสาร์๕
ท่านใดทราบรายละเอียดช่วยยืนยันด้วย
                                       ขอบคุณครับ

60
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / หนุมาน
« เมื่อ: 01 ก.พ. 2553, 08:46:10 »
หนุมานพิมพ์เก่า ๆ

                   

63
พระผงรุ่นเสาร์ ๕ อยู่ในชุดสร้าง โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น ประมาณ พ.ศ.2534
เหรียญแท้ ทัน แต่ไม่ทราบผู้สร้าง
                 ผิดพลาดขออภัยด้วย
                               ขอบคุณ

64
วัดบางพระ กุฎิหลังใหญ่ มีทั้งทันหลวงพ่อ และไม่ทัน   โทร.034 389 333
วัดนก ยังพอมีอีกหลากหลายรุ่น ทันหลวงพ่อลองสอบถามดู โทร. 02 410 78 49 / 02 410 77 55

65

Information "คริสต์มาส" คือ อะไร?

วันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุด ของชาวคริสต์ทั่วโลกเป็นวันฉลอง ที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซู มิใช่เป็น แต่เพียงมนุษย์ ธรรดาๆ ที่มาเกิดเหมือนเด็กทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และมี พระธรรมชาติเป็น พระเจ้า และเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การบังเกิดของพระองค์ จึงเป็นเหตุการณ์ พิเศษ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน



ประวัติการประสูติพระเยซูเจ้า

ใน เวลานั้น จักรพรรดิออกัสตัส รับสั่งให้ราษฎรทุกคน ในอาณาจักรโรมัน ไปลงทะเบียนสำมะโน ประชากร โยเซฟและมารีย์ ซึ่งมีครรภ์แก่ จึงต้องเดินทาง ไปยังเมืองเบธเลเฮม อันเป็นเมืองที่ กษัตริย์ ดาวิดประสูติ พอดีถึงกำหนด ที่มารีย์จะคลอดบุตร เธอก็ได้ คลอดบุตรชายหัวปี เธอเอาผ้าพันกาย พระกุมารแล้ว วางไว้ใน รางหญ้า เนื่องจากตามโรงแรมไม่มีที่พักเลย คืนนั้น ทูตสวรรค์ของ พระเจ้า ปรากฎแก่ พวกเลี้ยงแกะ พวกเขาตกใจกลัวมาก แต่ทูตสวรรค์ปลอบ พวกเขาว่า "อย่ากลัวไปเลย เพราะ เรานำข่าวดีมาบอก คืนนี้เอง ในเมืองของ กษัตริย์ ดาวิด มีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็น พระคริสต์พระเป็นเจ้า นี่จะเป็น หลักฐานให้พวกท่านแน่ใจคือ พวกท่านจะพบพระกุมาร มีผ้าพันกาย นอนอยู่ในรางหญ้า" ทันใดนั้น มีทูตสวรรค์อีกมากมาย ร้องเพลง สรรเสริญ พระเจ้าว่า " Gloria in Excelsis Deo ขอเทิด พระเกียรติพระเจ้า ผู้สถิตย์ในสวรรค์ ชั้นสูงสุด สันติสุขบนพิภพ จงเป็นของผู้ที่พระองค์ทรง พอพระทัย


ทำไมจึงฉลองคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม?

ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ (ลก.2:1-3) บันทึกไว้ว่าพระเยซูเจ้าบังเกิด ในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้ง แผ่นดิน โดยมีคีรินิอัส เป็นเจ้าครองเมืองซีเรีย ซึ่งในพระคัมภีร์ ไม่ได้ บอกว่า เป็นวัน หรือเดือนอะไร แต่นักประวัติศาสตร์ให้เหตุผลว่า ทื่คริสตชน เลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองคริสต์มาส ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียน ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลอง วันเกิดของสุริยเทพ ผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างสง่า และถือเสมือนว่า เป็นวันฉลอง ของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะพระจักรพรรดิ ก็เปรียบเสมือน ดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิ โรมันรู้สึกอึดอัดใจที่จะฉลอง วันเกิดของสุริยเทพ ตามประเพณีของ ชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ และ อย่างเปิดเผย เนื่อง จากก่อนนั้น มีการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรง (ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 64-313) ทำให้คริสตชนไม่มีโอกาสฉลองอะไรอย่างเปิดเผย


ความสำคัญของวันคริสต์มาส

คริสต์มาส เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่ง ในศาสนาคริสต์ มิใช่เป็นวันสำคัญฝ่ายร่างกาย จัดงาน รื่นเริงภายนอกเท่านั้น ซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอก ของการฉลองคริสต์มาส แต่แก่นแท้อยู่ที่ ความรัก ของพระเจ้าที่ มีต่อโลกมนุษย์ นั่นคือ พระเจ้าทรงรักมนุษย์ มากจน ถึงกับยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียว ของพระองค์ ให้มาเกิดเป็น มนุษย์ มีเนื้อหนังมังสา ชื่อว่า "เยซู" การที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติ ลงมาเกิด เป็นมนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น จากการเป็นทาส ของความชั่ว และบาปต่างๆ นั่นเอง ดังนั้น ความสำคัญของวันคริสต์มาส จึงอยู่ที่การฉลองความรัก ที่พระเจ้ามีต่อโลกมนุษย์ อย่างเป็นจริง เป็นจัง และเห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น


ประวัติวันคริสต์มาส

คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เรา เฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษ โบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณีสำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรก ในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เรา ได้ฟัง บ่อย ๆ ในเทศกาล นี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และ ความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับ สันติสุข และ ความสงบ ทางใจ เนื่องใน โอกาสเทศกาลคริสต์มาส ส่วนภาษาไทยใช้อวยพรด้วยประโยคว่า "สุขสันต์วันคริสต์มาส
Merry Christmas "


การร้องเพลงคริสต์มาส

เพลงคริสต์มาสที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศอังกฤษเป็น ส่วนใหญ่ เพลงที่มีเสียงมากได้แก่ Silent Night, Holy Night เป็นภาษาไทยว่า "ราตรีสวัสดิ์ ราตรีสกัด" ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวัน คริสต์มาส ของปี ค.ศ. 1818 คุณพ่อ Joseph Mohr เจ้าอากาสวัดที่Oberndorf ประเทศออสเตรเลีย ได้ข่าวว่าออร์แกน ในวัดเสีย ทำให้วงขับไม่สามารถ ร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อเองตั้งใจจะแต่งเพลงคริสต์มาส หลังจากแต่งเสร็จก็เอาไปให้เพื่อน คนหนึ่งชื่อ Franz Gruber ที่อยู่หมู่บ้านใกล้ เคียงใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษ วัดใกล้ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้ง แรก โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็น เพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก


เทียนและพวงมาลัย

ในสมัยก่อนมีกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในเยอรมัน ได้เอากิ่งไม้มาประกอบ เป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้นในตอน กลางคืนของวันอาทิตย์ แรกของเทศกาลเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะมารวมกัน ดับไฟ แล้วจุดเทียนเล่มหนึ่ง สวด ภาวนาและร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกัน เขาจะทำดังนี้ทุก อาทิตย์จนครบ 4 อาทิตย์ก่อน คริสต์มาส ประเพณีนี้เป็นที่นิยม และแพร่หลายในที่หลายแห่ง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งต่อมา มีการเพิ่ม โดยเอาพวงมาลัยพร้อมกับเทียนที่จุดไว้ตรง กลาง 1 เล่มไป แขวนไว้ที่หน้าต่างเพื่อช่วย ให้คนที่ผ่าน ไปมา ได้ระลึกถึงการเตรียมตัวรับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา และพวงมาลัยนั้นยังเป็น สัญลักษณ์ที่คน สมัยโบราณใช้หมายถึงชัยชนะ แต่ในที่นี้หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างครบ บริบูรณ์ตามแผนการณ์ ของพระเป็นเจ้า


ทำมิสซาเที่ยงคืน

เมื่อพระสันตะปาปาจูลีอัสที่1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) แล้วในปี นั้นเองพระองค์และสัตบุรุษ ได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำบลเบธเลเฮม ยังถ้ำที่พระเยซูเจ้าประสูติ พอไปถึงก็เป็น เวลาเที่ยงคืน พระสัน ตะปาปาก็ทรงถวายบูชา ณ ที่นั้น เมื่อเสร็จแล้วก็กลับมาที่พักเป็นเวลาเช้ามืดราวๆ ตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซาอีกครั้ง และ สัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ แต่ก็ยังมีสัตบุรุษหลายคนที่ไม่ได้ไป พระสันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อ สัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระ สันตะปาปาจึงทรงอนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติ ของพระองค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมี ธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวันคริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ใน โอกาสวันคริสต์มาสเช่นเดียวกัน


ซานตาครอส

ตัว จริงของซานตาครอสคือนักบุญนิโคลัสซึ่งเป็นบาทหลวงในตุรกีช่วงคริสต์ศตวรรษ ที่สี่ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องความใจดีโดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมาท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์ในชื่อ "ซินเตอร์คลาส" ราวค.ศ.1870 ชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น"ซานตาคลอส" ตั้งแต่แรกจนถึงค.ศ. 1890 ภาพของซานตาคลอสเป็นชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง เจนนี ไนสตรอม ศิลปินชาวสวีเดน เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของซานตาครอสอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยวาดภาพลงในบัตรอวยพรคริสต์มาส ภาพเหล่านี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เมื่อชาวสวีเดนอีกคนชื่อ แฮดดอน ซันด์บลอม นำภาพวาดของไนสตรอมสวมชุดขาว


ที่มาhttp://www.thainewyork.com/find-420.html



                                                             

66
ขอเสริมนิดนึง
 โปรดระวังมิจฉาชีพ และดูแลทรัพย์สินส่วนตัวให้ทั่วถึง
 ถ้ามีเด็ก ๆ มาให้อยู่รอบนอกดีืั้ที่สุด ในกรณีมีเด็กควรหลีกเลี่ยงหลังประรำพิธี
 

67
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / หลวง ตูน
« เมื่อ: 16 ธ.ค. 2552, 10:55:56 »
2 อาทิตย์แล้ว ไม่เจอหลวงตูนเลย
ไม่ทราบว่า อาทิตย์ที่จะถึง หลวงตูน จะมาเหรอเปล่า  :062:

68
ลองสอบถามพระอาจารย์ตูุน
เคยได้ยินท่านคุยกันว่า  ทำเข็มให้พระอาจารย์ที่วัด
ผิดพลาดขออภัยด้วย

69
ไม่มีคนตอบเลยครับ - -"


ผมตอบให้แล้วกัน

ปรกติแล้ว อาจารย์ประคองท่านไม่ใด้เมตตาฝังในโอกาสธรรมดา เนื่องจากปีนี้ท่านอายุมากขึ้น

แต่พระอาจารย์มนตรี ฐิตโสภโณ (อาจารย์หนุ่ม)วัดบางแวก ศิษย์ที่ศึกษามาจากอาจารย์ประคองโดยตรง ท่านยังฝังอยู่ วัน อังคาร,พฤหัส,เสาร์ ที่ไม่ตรงกับวันพระ

อาจารย์ประคองท่านจะเมตตาฝังเฉพาะ วันไหว้ครู หลวงปู่พิม มาลโย วัดหุบมะกล่ำ ปรมาจารย์สายวิชา


ยังไม่ทราบว่าปีหน้าท่านยังจะไหวหรือป่าวด้วยนะครับ




ด้วยความเคารพ



ตามนั้น ยืนยัน

70
ยังสักอยู่ที่หอสวดมนต์ ควรไปเช้า ๆ ท่านลงสักสาย
แต่ไม่ได้สักทุกวัน บางครั้งสักหมดคน ท่านก็หยุดเลย
ถ้าสักกับท่านต้องอดทน เส้นสายคมชัดสวยงาม
ถ้าสักกับองค์อื่นมา   บางทีท่านก็ไม่สักต่อให้
คงเหตุเพราะความสวยงาม สมาธิดี เป่าปลุกเป็นขึ้นแทบทุกคน
                  ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย  ขอบคุณ

71
แมว อาจารย์ตูน



72
ทราบมาว่าอาจารย์หนวดกำหนดเดินทางกลับใน
วันที่ 18 เดือนนี้ จากมาเลย์เซีย
เวลายังไม่ชัดเจน

73
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / อ.ตูน
« เมื่อ: 03 ต.ค. 2552, 06:07:36 »
สักที่วัดคณิกาผล

                     


74
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: 3 มุม
« เมื่อ: 29 ก.ย. 2552, 07:10:27 »
                                           

75
บทความ บทกวี / มนุษย์
« เมื่อ: 20 ส.ค. 2552, 07:23:55 »
หลักการพิสูจน์ตนของตน (๑)
พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
 
วันนี้มีความรู้สึกปีติยินดีที่ได้มาพบท่านทั้งหลาย และได้แสดงธรรมสู่ท่านทั้งหลายฟัง ธรรมะที่จะแสดงไม่ใช่ธรรมะของผู้บรรยาย เพราะว่าไม่ใช่ธรรมะของผู้บรรยายแต่ผู้เดียว ธรรมะของท่านทั้งหลายก็มีด้วย
ถ้ามาตั้งปัญหาถามตนเองว่าธรรมะคืออะไร เราจะได้คำตอบว่า "ธรรมะคือกายกับใจ" ทำไมจึงว่าธรรมะคือกายกับใจ ก็เพราะเหตุว่ากายกับใจเป็นสภาวธรรม สภาวธรรมนี้เป็นสิ่งที่เป็นมาโดยธรรมชาติ ธรรมชาติของมนุษย์ บิดามารดาเป็นมนุษย์ ลูกหลานเกิดมาก็เป็นมนุษย์ อันนี้คือธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ สิ่งที่มีกายกับใจอย่างอื่น เช่นสัตว์เดรัจฉานเป็นต้น พ่อแม่เขาเกิดมาเป็นอย่างไร เขาก็เกิดมาเช่นนั้นโดยธรรมชาติ เมื่อเรามีกายกับใจเป็นสมบัติของเรา เราก็มีธรรมะกันทุกคน มีธรรมะเป็นสมบัติของตัวเอง ในเมื่อเรารู้ว่าธรรมะเป็นของเราคือกายกับใจ โดยลำดับต่อไปเราจะปฏิบัติต่อธรรมะของเราอย่างไร
กายกับใจเมื่อเกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนแล้วก็มีความเจริญขึ้น โตขึ้น ในเมื่อโตเต็มที่แล้วมันก็เจริญลง ในที่สุดมันก็เจ็บ ตาย นี่คือความเป็นไปของธรรมะของคนเรา ความเจริญอันนี้หลักธรรมะท่านว่ามันอนิจจัง มันไม่เที่ยง คือพอมันเกิดมาแล้วตัวเล็กๆ มันจะอยู่เพียงตัวเล็กๆ แค่นั้นไม่ได้ เพราะกฎธรรมชาติของมันจะต้องเจริญเติบโต พอโตเต็มที่แล้วมันก็โทรมลง คือแก่ลงๆ ร่างกายเคยโตสูงใหญ่มันก็หดเล็กลงๆ ทุกที ในที่สุดเมื่อสิ้นสุดอายุไปแล้ว มันก็เจ็บตาย นี่คือความเป็นจริงของธรรมะของเราคือกายกับใจ ธรรมะนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "สภาวธรรม" สภาวธรรมนี้เป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติ ดังนั้น การศึกษาธรรมะนี้ท่านจึงให้เอาใจนี้ค้นคว้าดูสภาวะความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เริ่มต้นตั้งแต่มันเจริญเติบโตขึ้น แล้วก็แก่ลงๆ ตามสภาพความเป็นจริง ในที่สุดก็ต้องสลายตัวคือตาย ความเปลี่ยนแปลงอันนี้ใครจะชอบใจก็ตามไม่ชอบใจก็ตาม โดยธรรมชาติของมันจะเป็นอย่างนั้น เราทุกข์เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย เราทุกข์เพราะความแก่เราก็ไม่ชอบ ความเจ็บเราก็ไม่ชอบ ความตายเราก็ไม่ชอบ ลองคิดดูว่า สิ่งที่เราไม่ชอบนั้น เราปรารถนาให้มันอยู่ มันอยู่ได้ไหม ในเมื่อมันอยู่ไม่ได้ ความรู้สึกของเรานี่มันฝืนสภาพความเป็นจริง ทั้งๆ เราก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่ามันไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่เป็นไปตามความต้องการของเรา แต่เราก็อดที่จะฝืนกฎธรรมชาติของมันไม่ได้ เพราะเหตุที่เราจะฝืนกฎธรรมชาติของมันไม่ได้นี่เองจึงเป็นทุกข์ เพราะไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย อันนี้คือความเป็นจริงโดยธรรมชาติ ในฐานะที่เราท่านทั้งหลายตั้งใจศึกษาธรรมะ อยากรู้ความจริงของธรรมะ คือต้องการรู้ความจริงของกายและใจของเรานั่นเอง หลักพิสูจน์ความเป็นตัวของตัวเราเอง คนเรามีโอกาสที่จะเป็นได้หลายๆ อย่างในตัวคนๆ เดียวนั้นเอง ในความรู้สึกของเรา เรารู้ว่าเราเป็นคนโดยสมบูรณ์ อันนี้เป็นความจริง เพราะรูปร่างหน้าตาของเราก็เหมือนกับคนอื่นๆ เขา แต่ในตัวคนๆ หนึ่งหรือมนุษย์คนหนึ่ง ตั้งแต่เช้าจนถึงปัจจุบันนี้ เราได้คอยเอาใจใส่พิจารณาตัวเองบ้างหรือไม่ว่าเราเป็นอะไรมาแล้วสักกี่อย่าง ดังนั้น ในหลักธรรมะท่านได้วางหลักให้พิสูจน์ตัวเองมีอยู่ ๔ ประการ 
 
 
 
๑. มนุสสมนุสโส กายเป็นมนุษย์ จิตใจก็เป็นมนุษย์
๒. มนุสสติรัจฉาโน กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเดรัจฉาน
๓. มนุสสเทโว กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเทวดา
๔. มนุสสเปโต กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเปรต
กายเป็นมนุษย์จิตใจเป็นมนุษย์ โดยปกติแล้วมนุษย์เป็นผู้มีจิตใจสูง มนะแปลว่าใจ อุษย์หรืออุสโส แปลว่า สูง ฉะนั้น มนุษย์จึงแปลว่า ผู้มีจิตใจสูง สูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์นี้เป็นสิ่งสูงสุด เป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ผู้สามารถใช้ความฉลาดนั้นไม่มีอะไรเหนือมนุษย์ มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง มนุษย์สามารถสร้างได้แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า พระพรหม เทพ เปรต อสุรกาย ทั้งสัตว์เดรัจฉาน อยู่ในตัวมนุษย์นี้ทั้งนั้น เมื่อพูดถึงตัวของมนุษย์ เรามีกาย มีรูปร่างเป็นมนุษย์ เราทดสอบดูจิตใจของเราเองว่าเราเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์หรือไม่ โดยนิสัยของมนุษย์จะต้องมีความเมตตา มีความปรารถนาดีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตด้วยกัน นี้เป็นประการหนึ่ง มนุษย์มีความปรารถนาที่จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากลำบากให้คนอื่นและสัตว์อื่น นี้เป็นคุณสมบัติของมนุษย์เมื่อสรุปแล้วมนุษย์ผู้มีศีล ๕ สมบูรณ์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก ใครก็ตามมีศีลมีธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีความรัก ความปรารถนาดีในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้นั้นร่างกายเป็นมนุษย์ ใจก็เป็นมนุษย์สมบูรณ์ ตามหลักพระศาสนาท่านว่า ศีล ๕ คือ มนุษยธรรม คือธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นมนุษย์ 
 
ที่มาhttp://www.geocities.com/thaniyo/phraputto0345.html

76
jam ได้มาเหมือนกัน พระอาจารย์...ใจดีมาก ขอบคุณ


                                     

77
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: test
« เมื่อ: 06 ส.ค. 2552, 11:46:55 »
 

ศาสตร์องเมียวโดที่นักพรดองเมียวจิยึดปฏิบัติ

          องเมียวโดเป็นศาสตร์เวทมนตร์แขนงหนึ่งของญี่ปุ่นซึ่งผสมผสานมาจากวิทยา ศาสตร์ธรรมชาติและศาสตร์เวทมนตร์ มีรากฐานมาจากปรัชญาธาตุทั้งห้า (ดิน น้ำ ไฟ ไม้ เหล็ก) และปรัชญาหยินหยาง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจากลัทธิเต๋าของประเทศจีน และพัฒนาจนกลายเป็นรูปแบบเฉพาะตัว วิถีองเมียวโดได้เข้าสู่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงราวๆ ศตวรรษที่ 6 และได้รับการยอมรับในด้านโหราศาสตร์ โดยที่ศาสตร์นี้ยังได้รับอิทธิพลของ ลัทธิเต๋า ศาสนาพุทธ และลัทธิชินโต ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาจนกลายมาเป็นวิถีองเมียวโดอย่างที่เห็นปัจจุบันในปลายศตวรรษที่ 7 จนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 19 องเมียวโดได้ถูกต่อต้านเนื่องจากเชื่อว่าเป็นเรื่องงมงาย และอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบจักรพรรดิอีกที

 

คำว่า "องเมียว" ใน ภาษาญี่ปุ่น เขียนเหมือนกับคำว่า "หยินหยาง" ในภาษาจีน ซึ่งมีความหมายเหมือนกันคือศาสตร์เกี่ยวกับโหราศาสตร์และและศาสตร์ของลัทธิ เต๋า องเมียวโด สามารถอ่านอีกแบบได้ว่า องโยโด

 

         องเมียวจิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น คือ อาเบะ โนะ เซเมย์ เป็นองเมียวจิสมัยช่วงกลางๆ ยุคเฮอัน เรื่องราวของเขาส่วนใหญ่มักจะปรากฏอยู่ในรูปแบบตำนานมากกว่าเป็นบันทึกที่ แน่นอนทางประวัติศาสตร์ แต่ก็มีศาลเจ้าเซเมย์ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่องค์จักรพรรดิได้สร้างขึ้นเมื่อเซเมย์เสียชีวิต ปัจจุบันศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ในเกียวโต

 

ศาลเจ้าเซเมย์ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

 

ศาสตร์ขององเมียวจิที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์

           หยินหยาง เป็นปรัชญาลัทธิเต๋าของจีน มีหลักแนวคิดว่า ในของสิ่งหนึ่งจะต้องมีด้านตรงข้ามกันเสมอ และแม้หยินกับหยางจะมีลักษณะตรงกันข้ามกัน แต่ทั้งสองก็รวมกันเป็นสิ่งเดียว และรักษาสมดุลซึ่งกันและกัน เช่น ร้อน - หนาว, น้ำ - ไฟ ทำนองเดียวกับวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเมื่อแยกออกจากกันแล้ว ก็จะประกอบด้วยสิ่ง 2 สิ่ง คือ สสารกับพลังงาน

           หลัก 5 ธาตุ เป็น ศาสตร์ปรัชญาของจีน โดยทั้ง 5 ธาตุนี้ได้แก่ น้ำ - มีธรรมชาติเปียกชื้นและไหลลงสู่ที่ต่ำ ไฟ - มีลักษณะเป็นเปลวพุ่งขึ้นสู่ที่สูง ไม้ - มีลักษณะโค้งงอหรือตั้งตรง เหล็ก - มีลักษณะที่อาจถูกหลอมและเปลี่ยนรูปร่างได้ ดิน - ใช้เพาะปลูกและเก็บเกี่ยว

 

รูปแบบความสัมพันธ์ของธาตุทั้งห้า

 

       หนังสือ อู่ ซิง ซวอ ซึ่งเป็นหนังสือโบราณ กล่าวถึงธาตุทั้ง 5 ไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากธาตุทั้ง 5 และธาตุทั้ง 5 นี้เป็นส่วนประกอบของทุกสิ่งในโลก ซึ่งศาสตร์ต่างๆ ของประเทศจีนจำนวนมากล้วนมีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์นี้ ซึ่งอธิบายได้ว่า ทุกสิ่งจะมีธาตุหลักของตน หากจัดความสัมพันธ์ให้ถูกต้องย่อมนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ รุ่งเรือง (อาศัยหลักแบบ น้ำดับไฟ ไฟหลอมเหล็ก เหล็กตัดไม้ ไม้ทำลายดิน และดินกั้นน้ำ) เมื่อ ใช้ความคิดนี้อธิบายสิ่งต่างๆ เช่น ฮวงจุ้ย ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ เคมี ว่าเอาอะไรผสมอะไรแล้วเกิดเป็นอะไร ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศฝั่งตะวันออกจึงได้ถือ กำเนิดขึ้นมา

 

อ้างอิง

http://en.wikipedia.org/wiki/Abe_no_Seimei

http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_science_and_technology_in_China

http://en.wikipedia.org/wiki/Onmyoji

http://en.wikipedia.org/wiki/Wu_Xing

http://en.wikipedia.org/wiki/Yin_and_yang

http://en.wikipedia.org/wiki/Image:Yin_and_Yang.svg

http://paipu.justblog.jp/photos/uncategorized/2008/01/28/08012802.jpg

http://static.flickr.com/101/290402511_b2d3f2f31a.jpg

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/5a/Abe_Seimei.jpg

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/0/07/FiveElementsCycleBalanceImbalance.jpg

78
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / test
« เมื่อ: 06 ส.ค. 2552, 10:18:48 »
test

                   

79
jam ด้วย

เลือกที่จะรัก :090:
แต่ไม่รักที่จะเลือก

81
เกจิอาจารย์รุ่นก่อน ฯ










ขอขอบคุณ google

82
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ
บางอย่างอ่านแล้วหลังพิงเก้าอี้เงยหน้าหลับตาเห็นภาพในอดีตที่คล้ายคลึง
โอ้แม่เจ้าเราคงเก่ากว่านิดนึง
คิดถึงไทยไดมารู โรงหนังลิโ้ด้ฯลฯ
และก็คิดถึงบาร์อินเตอร์ ถนนเพชรบุรี
หลังเลิกเรียน ก็ต้องไปโลลิต้า ถนนราชดำเนิน
คิดถึงร้าน sometime ราชประสงค์ที่สุด
โอ้ความหลัง ขอบคุณอีกครั้ง ทำให้รู้สึกดี ๆ กับวันวานในเศษเสี้ยวของ
ปัจจุบันที่สับสน ขอบคุณ :114: :114: :114:

83
jam ด้วย



                               

                                                     

                                                                               


                                                                                  b  y  e

84
ขออนุญาติ :090:


86
                                   
                                               พนักงานผู้ดูแล ทำความสอาด กุฏิหลวงปู่ ฯลฯ










แอบถ่าย







ขอบคุณ และ ขอบคุณ

87
                                     




                                   
                                                         พระอาจารย์ผู้ดูแลวัตถุมงคลทั้งหมดของวัดบางพระ

88
                               
                                                 วันนี้บุหรี่หาย หรือ หมดก็ไม่รู้


                               
                                                นั่งรับแขก


                               
                               
                                                วัตถุมงคล

89
 :054: :054:

                                                                                                                                :054: :054: :054:   

90
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ภาพเก่า
« เมื่อ: 18 มิ.ย. 2552, 09:18:37 »
 :054:
 :054:
 :054:

91
                                                 
                                                 
                                                 




                                                                                                      :090:ขอบคุณ :090:

92
 :001:
 :001:
 :001: :001:
 :001: :001: :001:
 :001: :001: :001: :001:

93
กะทู้ท้าย กรอบรูปแนวนี้ คุ้น ๆตาจังเลย


พระเนื้อเที่ยนชัย ของคุณนก หายากมากครับจำนวนสร้างก็ไม่มาก
ชุดเที่ยนชัยนี้ มี 2 พิมพ์ อีกพิมพ์เป็นพระปิดตา(ยังค้นไม่เจอ)
ถ้าค้นเจอแล้วจะนำมาให้ศึกษาและชมกัน เผื่อไปเจอโดยบังเอิญ
จะได้ไม่พลาด
ขอบคุณคุณนก ทีนำมาให้ชมอีกครั้ง
เห็นพระเก่า ๆ แปลก ๆ ของหลวงปู่ครั้งใด ก็คิดถึงท่านตลอดเวลา

ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับภาพสวย ๆ และการสะสมที่บ่งบอกถึงศรัทธาอย่างแท้จริง :053: :053:

94
 :001:
 :001:
 :001:

                                  :001:




                                                                              ขอบคุณทุกความเห็น :090:

96
done

                                               


                                                                                          :114: :114: :114: :114: :114: :114:

97
ตะกรุดนี้น่าจะเรียกว่า ไตรสรณคม
เพราะท่านบอกว่าลงด้วย หัวใจศีล
คือ พุทธะสังมิ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย

102
วันเสาว์นี้ไปแน่นอน


106
ปี้เด็กนอกวัด  นิดนึงอย่าโกรธกัน น๊า
วันที่ 7 คงไม่มีพวกปี้ ๆ ประมาณว่าไม่เกิน 100 คน
ยังมีญาติโยมอีกมากมาย ปี้เด็กนอกวัดจะจัดการกับผู้คน ยังไง
ให้ทุกคนไม่รู้สึกว่า น้อย กว่า หรือ มาก กว่า  เป็นห่วง
และที่สำคัญ พี่กินเหลือแล้วไปใส่ตู้ทำบุญดีกว่า มาถวายอาจารย์(เปลี่ยนเป็นบริจาคเป็นทุนอาหาร หรือบริจาคทาน  แทนนะครับ) :001:


เด็กนอกวัด ให้ผมมาช่วยแก้ไขข้อความให้แล้วนะครับ[/si/color]











outside temple "***wait you555

107
:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:




108
สวยงามมากโดยเฉพาะสมเด็จ :114: :114: :114:

112
ไปแน่นอน
ผ้ายันต์ที่แจกสวยมาก
วันนี้ไปวัดนกมา
เห็นแล้ว ชอบมาก ขอบอก :085: :085: :085: :034: :034: 33; 33;

113
happy birthday
:090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :114:
ขอให้มีความสุขและสมปราถนาดั่งตั้งใจใฝ่ปอง
อยู่คู่วัด พระศาสนา และเวปนี้ตราบนานเท่านาน
:089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089: :089:

114
คิวออกแล้วครับ
                                                                                    PM มาเวลา


1. santa                                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๑๓:๔๔:๔๒ .
2.<<<เอ็มไร่ขิง>>>                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๑๔:๔๔:๒๔
3.นายต้นน้ำ                                                                         เมื่อวานนี้ เวลา ๑๕:๐๐:๑๒
4.nontaburi                                                                       เมื่อวานนี้ เวลา ๑๖:๒๙:๕๘
5.nutagul                                                                           เมื่อวานนี้ เวลา ๒๐:๕๕:๒๐
6.Chotipat                                                                          เมื่อวานนี้ เวลา ๒๑:๕๐:๑๘
7Chotipat                                                                                                                                                       
8 .สิบทัศน์                                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๒๗:๒๘
9.หอมเชียง                                                                           เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๕๗:๓๑
10.thong.yong                                                                    เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๕๗:๕๒
11.Pujchong                                                                       เมื่อวานนี้ เวลา ๒๓:๓๑:๐๙
12.Pujchong   
13.Pujchong 
14.noppkun                                                                        วันนี้ เวลา ๐๐:๒๔:๐๗
15.tom(u-Like)                                                                   วันนี้ เวลา ๐๐:๓๐:๔๘
16.DEKDOY                                                                         วันนี้ เวลา ๐๙:๕๓:๕๖
17.gottkung                                                                        วันนี้ เวลา ๑๑:๕๐:๒๔
18.kaitip                                                                              วันนี้ เวลา ๑๒:๐๔:๐๔
19.seaghost                                                                        วันนี้ เวลา ๑๓:๒๒:๔๙
20.Noname                                                                         วันนี้ เวลา ๑๓:๒๕:๔๗


98.~♣~โจรสลัด~♣~
99.ack01
100.ack01
***บางคนพาเพื่อนมาด้วยเลยมีชื่อซ้ำ  พี่ท่านใดยังไม่PM ถือว่ายังไม่ได้ลงทะเบียนนะครับ***



เพื่อไม่ให้ทุกคนผิดหวัง  พระอาจารย์ทำเต็มที่ เพื่อหลวงพ่อเปิ่น และพวกเราทั้งหลาย ขอให้ตรงเวลา
และไม่ต้องกังวลว่า ของที่ระลึกไม่พอ แจ้งให้ทราบล่วงหน้า เย็นวันที่ 6 ด้วย(พระอาจารย์ฝากมา)


ได้กาแฟสักถ้วยก็ดี

115
สอบถามแล้ว วันไหว้ครู ยังพอมี :077:

118
หวัดดีครับ ต้องถามว่าดูเป็นไหม ถ้าไม่เป็นก็ ระวังของปลอมให้ดีครับ เมื่อวาน วันที่ 9 ก.พ. ผมเห็นอยู่หนึ่งเหรียญ ที่วัดครับรับประกันความแท้....สภาพสวยมาก..ไม่ได้โม้..ให้บูชาอยู่ที่ 8500 บาทเงินส่วนนี้ถวายเข้าพิพิธพันหลวงพ่อครับ..ไม่มีบอกเกินราคา....
ผมก็ได้เหรียญหลวงปู่ปี19จากที่กุฏิใหญ่ในวัดครับ :016:


ตามนั้น

119
แล้วมีบูชาที่ไหนอีกจ๊ะ

120
:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:
happy valentine


รักนี้ประหลาดนัก
ฤ จะหักก็กำศรวล
ร้อนผ่าว ฤทัยครวญ
ชละด้าว ฤดีดาย


บาปใด ณ เคย ทำ
ตละนำ มนาดูร
รักข้าฯ บ่ เกื้อกูล
จะโทษใคร ก็ ใจ เรา

(จำเค้ามา)

:090: :090: :090: :090: :090:

121
วันที่ 14 กุมภาพันธ์
ติดกิจนิมนต์ กทม.
กลับวัดเวลาประมาณ 14.00 น.

122
ขอแนะนำ อาจารย์หนวด
พระคเณศ สักได้งดงามมาก

123
ขอด้วย วันอาทิตย์ไปรับ ขอบคุณค่ะ

124










ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

126
ขอแสดงความอาลัย


รูปเมื่อคืนก่อนสวดพระอภิธรรม








127
แล้วแต่อาจารย์ท่านนั้นจะลงให้ครับ? ;D




128
ยินดีต้อนรับจ้า

130
 :027:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

131
 :002:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

132
 :016: :016: :016: :016:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

133
บางที วันไหว้ครู อาจได้ชมกันบางส่วน

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

135
เมื่อคืน คุณต้น พาชม สวยงามมาก


ของส่วนตัวหลวงปู่บางส่วน

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

136
 :062:
http://www.budpage.com/bt85.shtml

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

137
วันมาฆะบูชา


ความหมาย
วันมาฆบูชาหมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์

ความสำคัญ
วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูปมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส

ประวัติความเป็นมา
๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าหลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ

๑. วันนั้นเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้ นัดหมาย
๓. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖
๔. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจ้าเพราะเหตุที่มีองค์ประกอบสำคัญดังกล่าว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต และในโอกาสนี้พระพุทธเจ้า ได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประกาศหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธ-ศาสนา

๒. การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทยพิธีวันมาฆบูชานี้ เดิมทีเดียวในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ว่าเกิดขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงถือตามแบบของโบราณบัณฑิตที่ได้นิยมกันว่า วันมาฆะบูรณมี พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์เป็นวันที่พระอรหันต์สาวกของ พระพุทธเจ้า ๑,๒๕๐ รูป ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาตพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เป็นการประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์จึงถือเอาเหตุนั้นประกอบการสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ๑,๒๕๐ รูปนั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสการประกอบพิธีมาฆะบูชา ได้เริ่มในพระบรมมหาราชวังก่อนในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำ เสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่อง มนัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไปมี สวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วย สวดมนต์จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนา โอวาทปาติโมกข์ ๑ กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย เครื่องกัณฑ์ มีจีวรเนื้อดี ๑ ผืน เงิน ๓ ตำลึง และขนมต่าง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซึ่งสวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรับการประกอบพระราชกุศลเกี่ยวกับวันมาฆบูชาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปีมิได้ขาด สมัยต่อมามีการเว้นบ้าง เช่น รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกเองบ้าง มิได้ เสด็จออกเองบ้างเพราะมักเป็นเวลาที่ประสบกับเวลาเสด็จประพาส หัวเมืองบ่อย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชา ในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีก ส่วนหนึ่งต่างหากจากในพระบรมมหาราชวังเดิมทีมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไป ให้พุทธบริษัทได้ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบันมีการบูชา ด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ส่วนกำหนดวันประกอบพิธีมาฆบูชานั้น ปกติตรงกับวันเพ็ญเดือน ๓ หากปีใดเป็นอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนจะเลื่อนไปตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔ หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติหลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติได้แก่ โอวาทปาติโมกข์ หมายถึงหลักคำสอนคำสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกัน และแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น หรือคำสอน อันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้ หลักการ ๓
๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลดละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็นความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติ ผิดในกามความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียดการพูดเพ้อเจ้อ ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกามการทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวานพูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะการทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละการไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและปรารถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
๓. การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึง
ความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่
๑. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
๓. ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
๔. ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ
๕. ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดีความชั่ว ว่ามีผลจริงหรือไม่

วิธีการทำจิตให้ผ่องใส ที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการละบาปทั้งปวงด้วยการถือศืลและบำเพ็ญกุศล ให้ถึงพร้อมด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา จนได้บรรลุอรหัตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริงอุดมการณ์ ๔
๑. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกาย วาจา ใจ
๒. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
๓. ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
๔. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด

ในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘
วิธีการ ๖
๑. ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
๒. ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๓. สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎกติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม
๔. รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหารหรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
๕. อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
๖. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพคุณภาพ และประสิทธิภาพที่ดี

ข้อมูลจาก  : หนังสือวันสำคัญโครงการปีรณรงค์วัฒนธรรมไทยฯ ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ

 
 
http://www.9anant.com









138
 :100: :100:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

139
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ของเก่า
« เมื่อ: 03 ก.พ. 2551, 05:18:00 »
ลายมือหลวงปู่ ยุคต้น ๆ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

141
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: อ
« เมื่อ: 22 ม.ค. 2551, 06:52:47 »
อาทิตย์นี้ อ หนวดก็ไม่อยู่นะครับ  มีเจ้าภาพเชิญไป มาเลย์เซียอีกแล้ว

142
วิทยาทาน

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

147
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 9 พยัคฆ์
« เมื่อ: 15 ม.ค. 2551, 05:39:52 »
วันนี้ วัตถุมงคลชุดเจ้าพยัคฆ์
มีให้บูชาเป็นวันสุดท้าย ที่วัดบางพระ
หลังจากวันนี้ ผู้สนใจสอบถามตามศูนย์พระทั่วไป

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

148
น้องกุ้ง
ขอแนะนำไปเช้า ๆ เอาวางไว้ที่หน้าสรีระหลวงพ่อ
เพราะจะต้องไหวัตรงนั้นก่อน อธิษฐานให้ดี ๆ
แล้วใช้เศียรนั้น  ของเราเอวครอบ
อยากให้พระอาจารย์องค์ไหนครอบก็ได้ แล้วแต่ศรัทธา

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

149
หลวงพ่อปื้ด   วัดห้วยขวาง กทม.

พระอาจารย์หนุ่ม  วัดบางแวก

พระอาจารย์เอ  วัดตะโน

พระอาจารย์ต้อม   วัดโพธิ์เผือก อยุธยา

พระอาจารย์หมี(จะมาช่วยในวันไหว้ครู)


150
ใช่แผ่นปั๊มฤาษีหน้าเสือปี 45 รึเปล่าคับท่าน ๐๐๐งามมั่กๆครับ
HAPPY? NEW? YEAR? 2008? ทุกๆท่านด้วยครับ

....................................
รู้จักพอ? ก่อสุข? ทุกสถาน

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

151
ถ่าบรูปที่กุฎิหลวงพี่ญา
แต่ไม่ใช่หลวงพี่นันต์
ฝีมือลูกศิษย์ หลวงพ่อติ่ง






155
บทความ บทกวี / ตอบ: สาระ
« เมื่อ: 20 ธ.ค. 2550, 06:58:02 »
ฤาษี

ผู้ที่อยู่สันโดษ คนที่ขังตัวเองอยู่ในป่า ถ้ำหรือกุฏิ มักจะเป็นนักปราชญ์หรือผู้รอบรู้ ส่วนใหญ่เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์และในนิทานของไทยเรื่องอื่นๆ เขามีความสามารถในการแสดงพลังวิเศษ  โดยปกติเป็นผู้บำเพ็ญทุกรกิริยาหรือผู้ที่อาศัยอยู่สันโดษในถ้ำ ได้แสดงมีเคราและสวมขนเสือ บางครั้งได้แสดงคล้ายคลึงและเกี่ยวข้องกับพระวิษณุในศาสนาฮินดู ด้วยหลายเศียร หลายแขน และถือของประจำตัวบางอันอย่างเดียวกัน เช่น สังข์และจักร (รูป) นอกจากนั้นยังได้แสดงเป็น ฤาษีหน้าเสือ คือผู้ที่อยู่สันโดษซึ่งมีหัวเป็นเสือแต่ร่างกายเป็นคน (รูป) จึงอ้างถึงการอวตารที่สี่ขอลงพระวิษณูซึ่งในภาษาสันสกฤตเรียกว่า นาราสิงหะ (นาระสิงห์) บางครั้งบางคราวยังสามารถพบฤาษีได้ในปัจจุบัน (รูป)



ฤาษีหน้าเสือ

ผู้ที่อยู่สันโดษซึ่งมีหัวเป็นเสือแต่ร่างกายเป็นคน ฤาษีแบบนี้ได้แสดงมีหัวเป็นเสือแทนการสวมเสื้อผ้าขนเสือ เปรียบได้กับนาราสิงหะ


http://www.thailex.i







156
บทความ บทกวี / สาระ
« เมื่อ: 20 ธ.ค. 2550, 06:50:52 »

Posted by :.. วัน/เวลา :21/6/2549

 
 
http://www.sala-sara.net

 
 

 
 
ไสยศาสตร์ ศาสตร์ทั้งหลายบนโลกนี้แบ่งแยกได้เป็น 2 ศาสตร์ใหญ่ๆคือ 1 พุทธศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการตื่น เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและ การกระทำต่างๆที่สามารถแสดงและพิสูจน์ให้ผู้อื่นรู้จริงเห็นแจ้งชัดสามารถแสดงให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้ทุกขั้นตอนอย่างเป็นหลักการ เช่น วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น 2 ไสยศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการหลับ เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและ การกระทำต่างๆที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้อย่างเป็นหลักการทุกขั้นตอน แต่สามารถให้ผลลัพธ์ ให้คุณ แสดงผล และแสดงคุณของไสยศาสตร์ได้ตามความต้องการของผู้กระทำได้ และแม้ว่าไสยศาสตร์จะหมายถึงการ หลับใหล ก็ตามแต่ก็ หมายความว่าเป็นเพียงการหลับของร่างกายสังขารเท่านั้น โดยนัยยะ จริงๆก็คือเป็นการหลับเพียงร่างกายเท่านั้นแต่ ?จิต? เป็นผู้ กระทำนั่นเอง ดังนั้น ไสยศาสตร์ จึงสรุปได้ว่าคือการกระทำให้สำเร็จได้ด้วยจิตโดยไม่สามารถพิสูจน์หรือแสดงขั้นตอนการกระทำหรือชี้แจงหลักการของความเป็นไปของการกระทำได้นั่นเอง(ยกตัวอย่างเช่น การฝังรูปฝังรอย ที่ใช้วิธีนำเอาดินมาปั้นเป็นรูปคนสองคนแล้วนำมามัดเข้าด้วยกันเพื่อให้รักกันนั้นหากมองในทางไสยศาสตร์ก็คือวิชชาเสน่ห์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผลกันมานานนับร้อยๆปีแต่หากมองในแง่พุทธศาสตร์แล้วกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าการที่นำดินสองกองมาปั้นเป็นรูปคนแล้วนำมาผูกกันจะเกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะให้คนสองคนนั้นมารักกันได้ เป็นต้น) ไสยศาสตร์ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 สาย คือ 1 ไสยวิชชา หมายถึงวิชาหรือพิธี,วิธี ที่ได้รับการสั่งสอน อบรมสั่งสอนหรือมอบให้(บางคนเรียกว่าครอบให้)ต่อๆกันมาแบ่งออกเป็น 1.1 วิชชาไสยขาว โดยทั่วไปหลักการของวิชชาไสยขาวจะต้องมีหลักการหรือหัวใจสำคัญคือต้องใช้ไปในทางช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น 1.2 วิชชาไสยดำ หลักการโดยทั่วไปของวิชชาไสยดำจะแตกต่างจากวิชชาไสยขาวโดยสิ้นเชิงคือมุ่งเน้นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเป็นหลักสำคัญโดยไม่ต้องมีแรงจูงใจหรือหลักการใดๆทั้งสิ้น (ยิ่งมีผู้เดือดร้อนกับการกระทำของผู้เรียนวิชชาไสยดำมากเท่าไหร่พลังของผู้ที่ศึกษาของวิชชานี้ก็จะยิ่งแกร่งและแก่กล้าขึ้นมากเท่านั้น) 2 ไสยอวิชชา หมายถึงวิชาหรือพิธี,วิธี ที่คิดค้นขึ้นเองโดย ผู้ทำพิธี ซึ่งต้องอาศัยอำนาจของสิ่งที่ มีพลัง มีฤทธิ์ มีอาถรรพ์ นำมาเป็นปัจจัยหลัก (ในบางกรณีมักมีการ กล่าวอ้างว่าไสยศาสตร์ คือเดียรฉานวิชานั้น เป็นความเข้าใจที่ผิดๆเพราะคำว่าเดียรฉานแปลว่าสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังขนานกับพื้นซึ่งตรงข้ามกับคำว่านิรฉานซึ่งหมายถึงสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับพื้น คำว่าเดียรฉานวิชาจึงอาจหมายถึงการด่าหรือต่อว่า ประณาม หยามเหยียดซะมากกว่า) ครูบา อาจารย์ ไสยศาสตร์ คือผู้สั่งสอนและถ่ายทอดวิชชาไสยศาสตร์ให้สืบต่อตกทอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า หรือ อาจหมายถึงสิ่งอันทรงอานุภาพ ทรงศักดิ์ ทรงฤทธิ์ มีอำนาจในการประทานอำนาจเพื่อให้ผู้ที่ประกอบพิธีสามารถทำพิธีได้สำเร็จก็ได้ ครูบา อาจารย์ไสยศาสตร์ที่สำคัญๆมีหลายพระองค์ดังจะยกตัวอย่างพอสังเขปดังนี้คือ 1 องค์พระศุกกราอาจารย์(พระ-ศุก-กรา-อา-จา-ระ-ยะ) หรือฤาษีศุกร์ และอีกนามหนึ่งคือครูอสูร ผู้ซึ่งเป็นคุรุ หรือครูของเหล่าอสูร ยักษ์ ทั้งหลาย เป็นบุตรแห่ง(มหาฤาษีภฤคุผู้ทรงเป็นหนึ่งในเจ็ดมหาสัปตะฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง7) ฤาษีศุกร์ เชี่ยวชาญในมนตรา วิชา ทุกแขนง ที่สันทัดเป็นพิเศษคือ การกำหนดปลุกฟื้นคืนชีพและการทำลายชีวิตศัตรูแบบช้าๆด้วยความทรมานด้วยสารพักศาตราและโรคา การกดดวงชะตาให้ตกต่ำไม่มีผู้ค้ำจุน หรือการทำลายฐานดวงให้ชีวิตพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก ในทางกลับกัน ก็เชี่ยวชาญในการแก้ไขเช่นเดียวกันด้วย พระฤาษีศุกร์ มีลูกศิษย์คนสำคัญๆยกตัวอย่างเช่น โสมเทพ(พระจันทร์) ราหู (พระราหู)เป็นต้น ฤาษีศุกร์ถือเป็นฤาษีที่อยู่ในศักดิ์ เทพฤาษี อันเป็นชั้นที่ 2 ของระดับชั้นของฤาษีเบื้องบน(ฤาษีแบ่งเป็นฤาษีเบื้องบนคือชั้นฟ้าและฤาษีเบื้องล่างคือชั้นดิน) ในชั้นที่แรกสุดของฤาษีชั้นฟ้าคือราชฤาษี ชั้นที่2คือเทพฤาษี ชั้นที่3คือพรหมฤาษี และชั้นสูงสุดคือมหาฤาษี 2 องค์พระฤาษีอังคีรส(พระ-อัง-คี-รส) หรือฤาษีพฤหัส และอีกนามหนึ่งคือคุรุเทพ เป็นคุรุหรืออาจารย์ของเหล่าเทพทั้งหลายยกตัวอย่างเช่น พระสุริยเทพ(พระอาทิตย์) องค์อมรินทราเทวาธิราชเจ้า(พระอินทร์)เป็นต้น เป็นฤาษีชั้นฟ้าในระดับเทพฤาษี เป็นบุตรของ(มหาฤาษี อังคีระสะ หนึ่งในมหาสัปตฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง7) ฤาษีพฤหัส เป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกแขนงมนตรา วิชา และที่ถนัดเป็นพิเศษคือวิชาในการ ให้สติปัญญา สร้างจิตสำนึกที่ดี เปลี่ยนแปลงแก้ไขความชั่วร้ายทั้งหลายให้กลายเป็นความดีงาม สร้างความรักความเข้าใจในสามีภรรยา และครอบครัว และองค์กรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 3 ฤาษีตาวัว หรืออีกชื่อหนึ่งคือฤาษีหน้าวัว พระนามที่จริงคือ พระนนทิ (พระ-นน-ทิ) นั่นเอง เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นบริวารองค์สำคัญและยังเป็นพระราชพาหนะของ (องค์พระสดาศิวะมหาเทพ) เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี การร้อง ฟ้อน รำ เต้น มีศิลปะในการพูดจา เจรจาได้น่าฟังเป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยกย่อง อีกทั้งเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีเสน่ห์ ดึงดูดใจเพศหญิงเป็นอย่างดีในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือดาวสีเหลือง ศีรษะ เป็นวัวหนุ่ม สีขาว สวมประคำหินสีดำ 4 ฤาษีหน้าเสือ หรือพระนามที่จริงคือ ท่านท้าว หิมวัต (หิม-มะ-วัต) เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นพระราชบิดาของ(องค์พระแม่ปารวตีมหามาตาอุมาเจ้า) เป็นหนึ่งในคณะปติบริวารสำคัญ ของ องค์พระสดาศิวะมหาเทพ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการปราบและกำราบศัตรูเก่งกาจในเรื่องการรบ และการปกครองบริวาร ควบคุมดูแลบริวารได้อย่างดีเยี่ยมในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือโคร่งสีเหลือง ศีรษะเป็นเสือโคร่ง สวมประคำ รุทรากษะ 5 ฤาษีสุตะ เป็นฤาษีในชั้นดิน เป็นศิษย์เอกของ(มหาฤาษีวยาสะหนึ่งในคณะอาจารย์แห่งฤาษีชั้นฟ้าและชั้นดิน) ฤาษีสุตะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขับอ่านโศลก และแตกฉานเชี่ยวชาญในปุราณะ ทั้ง 27 ปุราณะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะปุราณะซึ่งแบ่งออกเป็น 24,000 บาท แยกย่อยได้อีกเป็น 7 สัมหิตา (เรื่องราวโดยสังเขป) ฤาษีสุตะมีรูปกายเป็นชายในสังขารราว60-70ปี ผิวกายขาว ร่างกายทาด้วยขี้เถ้า ไว้เหนวดเครายาวเสมอ อก ผมยาวมุ่นเป็นมวย ผมเผ้าหนวดเคราเป็นสีดำสนิท นุ่งห่มผ้าสีเหลือง,ส้ม คล้องประคำ รุทรากษะ 6 ฤาษีกษิโรธ เป็นฤาษีในชั้นเทพฤาษี ถือได้ว่าเป็นเสมือนบิดาของ(องค์พระมหาลักษมีมาตาเทวีเจ้า ผู้เป็นพระชายาในพระมหาวิษณุผู้เป็นเจ้า) เป็นผู้สันทัดในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ด้วยสมบัติ อันมากมาย ฤาษีกษิโรธ ภาคนี่มีรูปเป็นมนุษย์ ศีรษะเป็นพญานาค ผิวกายสุกสว่างเป็นสีขาว นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับล้ำค่าดั่งกษัตริย์เป็นสีขาว คล้องประคำไข่มุกสีขาว 7 ฤาษีศิลาท เป็นฤาษีในชั้นดิน เป็นบิดาของ(พระนันทิน หรืออีกนามหนึ่งคือ พระนันทิเกศวร ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะปติของ องค์พระสดาศิวะมหาเทพ) ฤาษีศิลาท เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่า มีบุตรอันยอดเยี่ยม และยิ่งใหญ่ เป็นอภิชาตบุตร อันหาที่เสมอเหมือนมิได้ ฤาษีศิลาท มีรูปกายเป็นมนุษย์ สูงใหญ่ผิวแดง หนวดเคราหนาสีดำสนิท แข็งแรง คล้องประคำรุทรากษะ นุ่งห่มผ้าสีเหลือง,ส้มผมยาวมุ่นเป็นมวย สีเทา 
Posted by :ก็อปใครมาอย่าลืมให้เครดิตเขาด้วยสิ วัน/เวลา :30/1/2550 14:37:01
 


 
 

158
 :002:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

159
 :001:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

160
 :001:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

161
ทรงพระเจริญ



http://www.nn.nstda.or.th/king/image/ordain/D03.html

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

162
นานแล้ว




163
แล้ว ตะกุดหอมเชียง ที่ไหนพอหาได้บ้าง
ขอบคุณล่วงหน้า :114:

164
มีให้บูชาที่ไหนบ้าง  วัดนก หมดแล้ว
น่าเสียดาย

166
หลวงพ่อติ่ง ครอบครู ในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๑
เหมือนทุก ๆ ปี

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

167
ผมอยากได้ที่ประสบผลสำเร็จด้านการเรียนครับ
? ?
? ?
? ? ? ? ตั่งใจเรียน ครับ สำเร็จ แน่นอน


สุ จิ ปุ ลิ

168
พิธีพุทธาภิเษก
จะมีในวันที่ ๑+๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
ณ  อุโบสถวัดบางพระ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

169
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5954727/Y5954727.html

 งานหล่อพระประธานหน้าตัก 80 นิ้ววันที่ 28 ตุลาคม 2550 ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน
งานหล่อพระประธานหน้าตัก 80 นิ้ววันที่ 28 ตุลาคม 2550 ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

170
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5955073/Y5955073.html


ความเป็นมาของ ? วันมหาปวารณา?

วันมหาปวารณา เป็นวันสุดท้ายของการเข้าพรรษา
ซึ่งพระภิกษุจะต้องประชุม ทำปวารณากันในโบสถ์ และต้องอยู่จำพรรษาที่อารามนั้นๆ อีก ๑ คืน จนกระทั่งรุ่งอรุณของวันใหม่
จึงได้ชื่อว่า สิ้นสุดการเข้าพรรษา หรือออกพรรษาที่แท้จริง
ทั้งนี้คนในปัจจุบันสับสน เพราะคนทำปฏิทินสับสนและเข้าใจผิด



พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุทำปวารณา คือ

ยอมให้ว่ากล่าวตักเตือนซึ่งกันและกัน หรือ ยอมมอบตนให้สงฆ์ว่ากล่าวตักเตือน ในข้อบกพร่องที่ภิกษุทั้งหลายได้เห็น ได้ยิน หรือมีข้อสงสัย ด้วยจิตเมตตา

เพื่อให้สำรวมระวังปรับปรุงแก้ไขตนเอง เพื่อความเจริญในพระธรรมวินัย และความผาสุกในการอยู่ร่วมกัน


ที่มา คือ ครั้งหนึ่ง ภิกษุจำพรรษาในแคว้นโกศล ตั้งกติกาไม่พูดกัน ใช้วิธีบอกใบ้ หรือใช้มือแทนคำพูด
เมื่อออกพรรษาแล้วไปเฝ้าพระศาสดา พระองค์ทราบความแล้ว ทรงติเตียน และทรงอนุญาตการปวารณา

คือการอนุญาตให้ภิกษุอื่นว่ากล่าวตักเตือนกันได้ โดยภิกษุจำพรรษาแล้วปวารณาด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ
๑. โดยได้เห็น ๒. โดยได้ยิน ได้ฟัง ๓. โดยสงสัย

( ปวารณาขันธกะ วิ. ม. สมันตาปาสาทิกา มก. ๖/ ๕๖๘ , มจ. ๔/ ๓๓๑)


 
 


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกระทำปวารณาต่อหมู่สงฆ์

น่าสังเกตว่า แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้วยังมีการทำปวารณาซึ่งกันและกัน แสดงให้เห็นว่า การทำปวารณาของสงฆ์นั้น เป็นสิ่งจำเป็นทั้งระดับบุคคลและหมู่สงฆ์ ดังนี้

คราวหนึ่งในพระวิหารบุพพาราม กรุงสาวัตถี
พระศาสดาประทับอยู่กับพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป ในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ
เพื่อจะทรงทำปวารณา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่เหล่าภิกษุนั้นว่า

จะติเตียนการกระทำทางกาย ทางวาจาของพระองค์บ้างหรือไม่

พระสารีบุตรทูลตอบปฏิเสธ จากนั้นพระสารีบุตรก็กล่าวปวารณาให้พระศาสดาติเตียนท่าน

พระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวปฏิเสธ เพราะพระสารีบุตรเป็นบัณฑิต เป็นผู้มีปัญญามาก

พระสารีบุตรทูลถามอีกว่า พระองค์จะไม่กล่าวติเตียนการกระทำทางกาย ทางวาจา ของเหล่าภิกษุบ้างหรือ

พระองค์กล่าวปฏิเสธ เพราะเหล่าภิกษุนี้ได้บรรลุวิชชา ๓ อภิญญา ๖ ได้อุภโตภาควิมุตติ และได้ปัญญาวิมุตติเป็นพระอรหันต์

( ปวารณาสูตรสัง. ส. วังคีสสังยุต มก. ๒๕/ ๓๒๕, มจ. ๑๕/ ๓๑๒)





อานิสงส์การอยู่จำพรรษา

ส่วนเมื่อออกพรรษาแล้ว นั่นหมายถึง พระภิกษุอยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ย่อมได้อานิสงส์พรรษา ๕ ข้อ คือ

๑.เที่ยวไปไหนโดยไม่ต้องบอกลา

๒.ไม่ต้องถือไตรจีวรครบสำรับ

๓.ฉันคณะโภชน์ได้ (ฉันอาหารรวมกันเป็นกลุ่มได้)

๔.ทรงอดิเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา และ

๕. จีวรที่สาธุชนถวายมานั้น สามารถรับเป็นของตนได้ตามความจำเป็น โดยไม่ต้องส่งเข้ากองกลางให้เป็นของสงฆ์
(วิ.ม. มก.๗/๑๙๓, มจ.๕/๑๔๕)


ด้วยอานิสงส์ทั้ง ๕ ข้อนี้ ทำให้เกิดความสะดวกในการบำเพ็ญสมณะธรรมอย่างมาก เพราะช่วง ๓ เดือนในพรรษา
เป็นเสมือนการศึกษาภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติโดยมีอุปัชฌาย์อาจารย์คอยดูแลชี้แนะข้อบกพร่อง

เมื่อออกพรรษาจึงต่างแยกย้ายกันหาที่สงัดสงบและวิเวก เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรมให้เข้มข้นด้วยตนเอง อีก ๙ เดือน
ก่อนที่จะกลับมารวมตัวกันใหม่พรรษาหน้า เพื่อเช็คสอบความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมและรับการชี้แนะต่อไป





[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

171
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5955126/Y5955126.html


เทโวโรหนะ ? วันพุทธเจ้าเปิดโลก?

ในวันออกพรรษชาวไทยมี

? ประเพณีตักบาตรเทโวโรหนะ?

ซึ่งแปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลกของพระศาสดา มีเรื่องราวบันทึกในพระไตรปิฎกเช่นกัน
( ขุ. ธ. พุทธวรรค มก. ๔๒/ ๓๑๖, มจ. ๒๕/ ๘๙)



เหตุการณ์ในวันนั้น คือ

? พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้พุทธานุภาพเปิดโลก?

เริ่มจากเมฆที่มีมากมายหายไป
ท้องฟ้าเริ่มเปิดออก มีลำแสงฉัพพรรณรังสีพุ่งออกมา
ท้องฟ้ากลวงเข้าไป เหมือนไม่มีท้องฟ้า
ท้องฟ้าเปิดจนมอง เห็นสวรรค์
ในลำแสงนั้นก็จะเห็นเหล่าทวยเทพทั้งหลายในภพ ๓ เต็ม ไปหมดเลย
ยกเว้นอรูปพรหม ๔ ชั้น และอสัญญีสัตตาพรหม หรือพรหมรูปฟัก ที่ไม่ได้มา นอกนั้นมาหมดเลย



ท้าวมหาราชทั้ง ๔ พร้อมด้วย นาค ครุฑ ยักษ์ คนธรรพ์ โดยเฉพาะคนธรรพ์จะร้องรำทำเพลง ประโคม ดนตรีตลอด เวลา

พลุสวรรค์หลากสี ดังเป็นเสียงดนตรีสวรรค์ ดอกไม้ทิพย์สวยสดงดงาม หอมฟุ้ง ตลบอบอวลไปทั่ว

บริเวณสองข้างทาง ก็เต็มไปด้วยทวยเทพทุกชั้น เทพอัปสร เรียงกันลงมาเป็นกระบวน

ถัดจากนางเทพอัปสรก็จะมีเหล่าเทวดายืนเรียงรายกันเต็มไปหมดเลย

มีบันไดทองคำใส บันไดแก้ว เพชร บันไดเงิน ทอดลงมาจากดาวดึงส์จนถึงพื้นโลกมนุษย์



พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จ อยู่ตรงกลางบันไดแก้วเพชรที่มี หลากสี ทั้งม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง

ตามหลังมาด้วย ปัญจสิกขเทวบุตร และมาตุลีเทพ สารถี


ส่วนบันไดทองคำใส เป็นของเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่

มีท้าวสุยามาผู้ปกครองสวรรค์ชั้นยามา ถือพัดวีชนี

ท้าวสักกเทวราชหรือ พระอินทร์ถือปาริฉัตกะ ถัดมาเป็น

ท้าวสันตดุสิต ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดุสิต

ท้าวนิมมานรมิต ผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นนิมมานรดี ถัดมาก็

ท้าวปรนิมมิต ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี และ

ตามด้วยเหล่า เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ทั้งหลาย


บันไดเงินเป็นของพรหมผู้มีศักดิ์ใหญ่ ทั้ง ๑๖ ชั้น ซึ่งล้วนแต่งชุดขาว มีอานุภาพมาก ผู้มีศักดิ์ ใหญ่มากที่สุดก็อยู่ข้างหน้า เนรมิตฉัตรสีขาว ๙ ชั้น ลอยอยู่เบื้องบน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปล่งฉัพพรรณรังสี สว่างไสว เนรมิตพระวรกายให้ใหญ่ กว่าเทวดาและพรหม
ในระดับที่มนุษย์เห็นพอดี ใกล้หรือไกลก็เห็นเท่ากันด้วยพุทธานุภาพ


 
   
 
 
 

จากคุณ : เดินไปสู่ความสุข  - [ 25 ต.ค. 50 23:36:23
   
 
 
 


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

172
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5946153/Y5946153.html




http://fcmx.net/vec/get.swf?i=003702


http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5946153/Y5946153-0.swf

173
บทความ บทกวี / บทความดี ๆ
« เมื่อ: 24 ต.ค. 2550, 05:29:26 »
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5947402/Y5947402.html



.........................อยากให้อ่านกันค่ะ โดยเฉพาะลูกผู้หญิง................(ขอนอกประเด็นซักวัน)
ตั้งไว้ในเฉลิมไทย  แล้วมันก็กำลังจะตกแล้วค่ะ   เลยเอามาตั้งไว้ห้องนี้บ้างเพราะอยากให้อ่านกันค่ะ  โดยเฉพาะผู้หญิง


นี่เป็นจดหมายจากปู่และย่าของเราที่เขียนให้เมื่อตอนวันเกิด   ท่านอยากให้เอามาเผยแผ่  จะได้ระวังตนกันไว้



อย่าลบกระทู้หนูน้าค้า  >.<

.................................................................

ถึง........หลานรัก



     ปู่กับย่าเป็นคนโชคดีที่มีลูกทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนและหน้าที่การงาน  เพราะเมื่อ 40 ปีที่แล้วมา ขณะที่ลูกๆอยู่ในช่วงวัยรุ่นนั้นสุงคมไม่วิปริตอย่างทุกวันนี้  แต่ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงไปมากอันเนื่องจากคนในสังคมติดวัตถุนิยมอย่างยิ่ง  ปู่-ย่าจึงเป็นห่วงหลานอย่างที่สุด ด้วยกลัวว่าหลานจะไหลไปตามกระแสสังคมปัจจุบันด้วยขาดสติสัมปชัญญะ จึงเมื่อปู่ได้อ่านหนังสือ "ปัญญารัตนะ" ของ วสิน อินทสระ  จึงเก็บใจความจากหนังสือมาแนะนำหลานเพื่อป้องกันมิให้หลานตกไปสู่ทางอันไม่พึงประสงค์



     ปู่-ย่ามีเรื่องที่จะเตือนสติหลานมากเรื่อง เช่น เกี่ยวกับการเรียน ขอให้หลานตั้งใจเรียนอย่างดีทุกวิชา แต่ละวิชามีประโยชน์ทั้งนั้น เราเสียเงินไปแล้วขอให้เอาวิชาแลกคืนมาให้ได้  เงินนั้นไม่เสียไปกับซื้อวิชาก็ต้องเสียไปทางอื่น เช่น เสื้อผ้า อาหาร อันเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืนอะไร แต่วิชาความรู้เป็นสิ่งยั่งยืนติดตัวไปจนตาย ใช้เท่าไหร่ไม่หมด ยิ่งขุดยิ่งพบ  การใช้เงินแลกวิชาความรู้บัณฑิตจึงสรรเสริญ  ขอให้ระลึกเสมอว่าเงินแต่ละบาทนั้นเป็ฯหยาดเหงื่อแรงงานของพ่อแม่  พยามเอาชนะตนเองอย่าฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย  เมื่อมีเวลาต้องหาปัญญาใส่สมอง  ปัญญาใส่สมองนั้นไม่มีโทษ  ส่วนอาหารใส่ท้องนั้นใส่พอประมาณ



      หลานอาจเคยได้ยินเพื่อนเปรียบเทียบตอนกับคนอื่นว่าของใช้ของคนนั้นดีกว่า  คนนั้นคนนี้มีของใช้ราคาแพงๆแต่ของเราราคาไม่ถึงครึ่งของเขา เพื่อนที่พูดอย่างนี้ถ้าพ่อแม่เขารู้ พ่อเขาอาจถอนใจใหญ่ เอามือก่ายหน้าผากปวดร้าวอยู่ลึกๆ  แม่เขาอาจกรีดน้ำตาก็ได้  หลานต้องรู้จักประมาณตัวรู้จักฐานะแห่งครอบครัวตน อย่าเอาอย่างเพื่อนประเภทนี้



      หลานอันเป็นที่รักของย่า-ปู่ ถ้าหลานสังเกตคงเห็นแล้วว่าเพื่อนบางคนวางท่าเฉิดฉาย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณราคาสูงแต่ไม่สนใจว่างตัวให้น่ารัก น่าชื่นชม เพื่อนเช่นนั้นย่อมสู้เพื่อนที่แต่งกายเรียบร้อย สุภาพ แต่เป็นผู้ที่มากไปด้วยเมตตา กรุณา มีแววตาส่อความปราณีไม่ได้  แววตาที่อ่อนโยน  กิรินา ที่สุภาพ ว่าจาที่อ่อนหว่า และใจที่เปี่ยมด้วยพรหมวิหารนั้นเป็นเสน่ห์ดึงดูดคนทั้งหลายให้รักใคร่เคารพ ยำเกรงไม่จืดจาง  เป็นเสมือนที่ราบลุ่มและร่องลึกเป็นที่ไหลมาแห่งน้ำ



       เราอาจมีทรัพย์ค่อนข้างน้อย  แต่ขอให้ไม่น้อยใจในความดี ไม่จนในความดี เราอาจจะไม่มีเกียรติในหมู่เพื่อนในสังคม  แต่ขอให้หลานอยู่ในท่ามกลางแสงสว่างอันเรื่องรองแห่งสติปัญญาและภูมิธรรม

       ในการเรียน การวางตัว หรือการใดๆก็ตามอย่าประมาท  การวางตัวต่อเพื่อนฝูงอย่าให้สูงเกินไปจะเป็นที่หมั่นไส้ และถ้าวางตัวต่ำเกินไปเขาจะดูหมิ่น  ขอให้พอดีๆ กับครูบาอาจารย์นั้นขอให้อ่อนน้อม เพราะท่านว่า

                      "  เอาชนะผู้สูงศักดิ์ด้วยการอ่อนน้อม

             เอาชนะผู้ที่ต้ำต้อยด้วยการสงเคราะห์เอื้อเฟื้อ

       เอาชนะผู้ที่เสมอด้วยกันด้วยความเพียรพยายาม

    เอาชนะผู้ที่แกล้วกล้าในสงครามด้วยการยุให้แตก  "



          สำหรับการวางตัวในเพศตรงข้าม ผู้ชายเกรงผู้หญิงที่วางตัวดี  ไม่จองหองจนเกินไป  ไม่ปล่อยตัวเกินไป  กิริยาพาทีเป็นผู้ดี  สุภาพเรียบร้อย  ไม่พูดเล่นเกินวิสัยหญิง เมื่อเป็นเช่นว่านี้ ผู้ชายย่อมเกรงใจและนิยมยกย่อง  เกี่ยวกับเพศตรงข้ามต้องเชื่อตามโบราณอย่างเคร่งครัดคือ

"อย่าชิงสุกก่อนห่าม" หรือสุนทรภู่กล่าวไว้ในสุภาษิตสอนหญิงว่า "เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น" ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายนั้น  ผู้ชายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย แม่-พ่อ-ปู่-ย่า หวั่นใจในลูกผู้หญิงว่าจะไปเสียทีเขา  ราคีนั้นจะติดตัวไปจนตลอดชีวิต  ถึงแม้จะมีครอบครัวในภายหน้านั้นราคีก็หาลบไปไม่  ขอให้หลานกลัวในเรื่องนี้ด้วย



         ย่า-ปู่ มีความตั้งใจว่า จะให้หลานทุกคนเรียนจนถึงที่สุดเท่าที่หลานอยากจะเรียน  เพราะการเรียนเป็รเครื่องเชิดชูเกียรติ  ทำคนต่ำต้อยให้เป็นคนสูง  การนำเอาความรู้ที่เรียนไปใช้ให้เป็นประโยชน์นับเป็นอาภรณ์อันล้ำค่า



         นอกจากเรียนหนังสือเรียนในหลักสูตรแล้ว หลานต้อง ขยันอ่านหนังสือที่ดีทั่วไปด้วย  หมั่นบันทึกจดจำ  อ่านมากทำให้กว้างขวาง  การเรียนทำให้แม่นยำ  หมั่นตรึกตรองขบคิดทำให้ลึกซึ้ง



          วิชาแต่ละวิชามีคุณอยู่แล้วในตัว  ถ้ารอบรู้หลายวิชาก็เป็นการเก็บเอาคุณนั้นๆมารวมไว้ในตัวเรา  ประวัติศาสตร์ทำให้รอบรู้เพิ่มพูนไหวพริบ  วรรณกรรมทำให้หลักแหลมและรื่นรมณ์ คณิตศาสตร์ฝึกคนให้ละเอียดถี่ถ้วน  จริยธรรมหรือศีลธรรมทำให้คนรักสงบ



           คนเราจะดีได้ นอกจากต้องมีการศึกษาแล้ว ต้องมีการอบรมที่ดีด้วย ดูเหมือนประการหลังจะมีความสำคัญกว่า



           การอบรมที่สำคัญคือบ้านหรือครอบครัว  หลานถึงพร้อมในข้อนี้แต่ที่สำคัญอย่ายิ่งคือการคบเพื่อน  เรื่องนี้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "คบคนเช่นใดมักเป็นคนเช่นนั้น (ยัง เว เสวติ ตาทิโส)" หลานต้องพยายามคบหาสมาคมกับคนดีเพื่อจะได้ถ่ายทอดลักษณะที่ดีของเขา ซึ่งจะเป็นคุณประโยชน์กับเราไปตลอดชีวิต  คนดีเมื่อเราเข้าใกล้ ทำให้เราอยากเป็นคนดี คนสงบ



          นอกจากอาศัยคนอื่นในการึกอบรมแล้ว  การฝึกฝนตนเองจัเป็นการสำคัญอย่างยิ่งยวด  คืดฝึกฝนตนเองให้เอาชนะอำนาจฝ่ายต่ำ  ไม่ยอมทำในสิ่งที่ฝืนมโนธรรมของตน  คนที่ชนะตนเองได้เป็นคนประเสริฐอย่างแท้จริง



          หลานต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนขยันหมั่นเพียร โดยถือหลักของพระพุทธเจ้าที่ว่า "ขยันมีชีวิตอยู่ปีเดียว ประเสริฐกว่าคนเกียจคร้านมีชีวิตอยู่ถึงร้อยปี" จงใช้เวลาให้เป็ฯประโยชน์  คนขยันเมื่อมีชีวิตล่วงไปก็นำประโยชน์นั้นติดไปด้วย  คนทำงานมาอาจไม่ได้เป็นคนสำคัญทุกคน  แต่คนสำคัญทุกคนต้องทำงานมากและขยันเสมอ



         ความจริง ความสำคัญของชีวิตเพื่อความถูกต้องยังมีอีกมาก แต่เอาเท่านี้ก่อน  ถ้าหลานอบรมตนให้เป็นไปตามอย่างที่ว่านี้  ประโยชน์ต่างๆไม่ตกอยู่เพียงกับหลานเท่านั้น  แต่ตกถึงคนรอบข้างอันมี แม่-พ่อ ปู่-ย่า พี่และน้องอีกด้วย  ขอให้หลานจงสำเร็จประโยชน์ที่ถูกต้องโดยธรรมทุกเมื่อ

                                 ด้วยความรักและห่วงใย

                                             ปู่-ย่า
.....................................................................


174
แก้ LINK ให้ใหม่

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5914091/Y5914091.html




ขอบคุณ ครับ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

175
ทรงพระเจริญ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

176
ทรงพระเจริญ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

177
พระขุนแผน ขอเชิญที่ตู้วัตถุมงคลวัด
ยังมีอยู่ ทันหลวงปู่ปลุกเสกแน่นอน

178
อ มี
ครับ
พระอาจารย์ฝากคิดถึง ไม่มาเยี่ยมวัดบ้างเลย
ปีหน้า ไหว้ครู ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๐

179
ไม่ใช่เขี้ยวเสือ ครับ เป็นเลซินหล่อรูปเสือ มีของที่ทำเรียนแบบเยอะเหมื่อนกัน?
ของหลวงพ่อ ก็สร้างรูปหล่อเรซินออกมาเหมื่อนกันครับ การได้มาของรูปหล่อต้องมีประวัติเป็นมา
อย่างแน่นอน จึงจะมั้นใจได้
ผมก็มี รูปหล่อเสือเรซิน แบบนี้ ได้มาจากพระ ที่วัดสิตาราม (วัดหมู) เขตพระนคร กทม. ทางวัด
ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ พร้อมรูปหล่อเรซินด้วย มีหลวงพ่อเปิ่น ร่วมปลุกเสกในพิธี


ถูกต้องนะครับ
สมัยก่อนวัดแถวบางนาก็เคยสร้าง
วัดบางพระก็เคยสร้าง
หลวงพ่อเสกแล้วใช้ได้ทุกวัดละครับ

180
ทรงพระเจริญ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

181
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5914091ภูมิพลมหาราชวรสฺส ชยมงฺคลคาถา
*************************

ภูมิพโล มหาราชา.........................นวโม จกฺกิวํสิโก

รฏฺฐปฺปสาสเน พฺยตฺโต....................นีติจาริตฺตโกวิโท

สมฺพุทฺธมามโก อคฺโค....................สาสนสฺสูปถมฺภโก

ธมฺมิโก ทสธมฺเมหิ........................รชฺชํ กาเรติ สพฺพทา

สวีริโย สมุสฺสาโห.........................ทีฆทสฺสี วิจกฺขโณ

ทยฺยานํ วุฑฺฒิเปกฺโข โส.................สนฺติมคฺนิโยชโก

เตสํ ทุกฺขปเนตา จ.......................สทา สุโขปสํหโร

สพฺพตฺถ สพฺพทยฺยานํ......................อติปฺปิโย มโรหโร

สพฺเพเปเต ปิยายนฺโต.....................ปิยปุตฺเต ปิตาริว

สพฺพทยฺยานมตฺถาย........................ฐาเนสุ จรมตฺตนา

สมฺมาอาชีวโยคสฺส........................วิธึ วิเนติ โยนิโส

ยา เจสา โลกนาเถน.....................ภาสิตา สมชีวิตา

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา.....................อนุยุญฺชติ ตํ สทา

ทยฺยานํ รฏฺฐปาลีนํ.......................เอตญฺเจวานุสาสติ

ภิกฺขูนํ สิกฺขกามานํ......................ปิฏกตฺตยสิกฺขนํ

สุพฺพตํ สิกฺขุสงฺฆญฺจ......................ภิยฺโญโส อุปถมฺภติ

อิทาเนโส มหาราชา.....................ทยฺยานํ รฏฺฐวฑฺฒโน

สฏฺฐิวสฺสานิ ธมฺเมน.....................รชฺชํ กาเรติ โสตฺถินา

อีทิเส มงฺคเล กาเล.....................เทมสฺส ชยมงฺคลํ

รตนตฺตยานุภาเวน.......................รตนตฺตยเตชสา

จิรญฺชีวตุ ทีฆายุ.........................ทยฺยานํ ธมฺมขตฺติโย

วณฺณวา พลสมฺปนฺโน...................นิรามโย จ นิพฺภโย

อิจฺฉตํ ปตฺถิตํ ยํ ยํ......................ตํ ตํ ตสฺส สมิชฺฌตุ

สทา ปสฺสตุ ภทฺรานิ....................จิรํ รชฺเช ปติฏฺฐตูติ ฯ

สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง.....แต่ง

มหาเถระสมาคมตรวจแก้

จากคุณ : แมวเหมียวตัวลาย  - [ 13 /Y5914091.html#6



*************************************************************************************************************



คำแปล

พระคาถาถวายพระพรชัยมงคล

แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

เนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

********************************

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรม

ราชจักรีวงศ์ ทรงพระปรีชาสามารถในการบริหารประเทศ ขนบธรรมเนียม

ราชประเพณี ทรงเป็นพุทธมามกะเป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงเป็นพระธรรมมิกมหาราชเจ้า

เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติด้วยทศพิธราชธรรมเสมอมา พระองค์ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ

มีพระวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงพระปรีชาสามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง

ทรงมุ่งหวังความเจริญรุ่งเรืองแก่พสกนิกรชาวไทย แนะนำแนวทางสมานฉันท์

ทรงบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ เป็นที่เคารพเทิดทูนของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า

พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรประดุจบิดาเอื้ออาทรต่อบุตรผู้เป็นที่รัก

ฉะนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่าง ๆ

เพื่อประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงวางพระองค์เป็นแบบอย่าง

และได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง

ที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า สมชีวิตา

แก่พสกนิกรและรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

พระองค์ทรงพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงแก่คณะสงฆ์ไทย และยกย่องเชิดชูพระสงฆ์

ผู้ประพฤติดีปฏบัติชอบไว้ในสมณฐานันดรศักดิ์ตามสมควรแก่ฐานานุรูป


บัดนี้ จวบมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชเจ้า

ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

*อาตมภาพทั้งปวง ขอถวายพระพรชัยมงคล*

ด้วยเดชานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยสมบูรณ์ ปราศจากโรคาพาธ และภัยพิบัติอุปัทวันตราย ทั้งสิ้น

ทรงมีพระราชประสงค์สิ่งใดๆ ขอสิ่งนั้นๆ จงพลันสำเร็จ ขอพระองค์ทรงพบสิ่งที่ดีงาม

ของจงดำรงมั่นในมไหศวรรยราชสมบัติ ตลอดจิรัฏฐิติกาลเทอญ.

จากคุณ : แมวเหมียวตัวลาย  - [ 13 ต.ค. 50 22:39:19 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 8   

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

จากคุณ : yariv_80   - [ 14 ต.ค. 50 09:38:05 ] 
   
 
 
 

คำแปล

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

จากคุณ : yariv_80   - [ 14 ต.ค. 50 09:38:05 ] 
   
 
 
 


***********************************************************************************************************************



182
ยันต์ครู ตำหรับ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
โดย พระอาจารย์ตูน




184
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ศิลป
« เมื่อ: 06 ต.ค. 2550, 10:25:19 »
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=63603
 พระขู่ฟ้อง ศิลปินแห่งชาติ ร่วมตัดสินให้'รางวัล'สันดานกา
พระขู่ฟ้อง ศิลปินแห่งชาติ ร่วมตัดสินให้'รางวัล'สันดานกา [ไทยรัฐ 6 ต.ค. 50 - 04:48]


จากกรณีที่องค์กรทางพระพุทธศาสนา 53 องค์กร เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) ถอดภาพ ?ภิกษุสันดานกา? ออกจากงานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และถอนรางวัลของผู้วาดภาพดังกล่าว แต่ไม่เป็นผลนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. เวลา 11.00 น. ที่ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พระภิกษุ แม่ชี และฆราวาส ประมาณ 100 ชีวิต ในนามองค์กรทางพระพุทธศาสนา 53 องค์กร นำโดยพระมหาโชว์ ทสฺสนีโย รอง ผอ.สำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริหารสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)  และนายเสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เดินทางมายื่นหนังสือต่อ นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เพื่อคัดค้านการแสดงภาพเขียน ?ภิกษุสันดานกา? และ ?หมา-นุษย์? ของนายอนุพงษ์ จันทร อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่จัดแสดงอยู่ในงานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม โดยมี นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือ

จากนั้นนายเสถียรกล่าวว่า ต้องการให้ รมว.ศึกษาธิการ สอบสวนอธิการบดีและผู้บริหาร มศก. และผู้ที่เกี่ยวข้องกรณีจัดแสดงภาพภิกษุสันดานกา และภาพอื่นๆที่ลบหลู่ พระพุทธศาสนา พร้อมทั้งเรียกร้อง ศธ.ดำเนินการให้ มศก.ระงับการนำภาพดังกล่าวออกจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ และยุติการเผยแพร่ภาพในรูปแบบต่างๆ โดยวันที่ 9 ต.ค. เวลา 10.00 น. องค์กรทางพระพุทธศาสนา จะเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นจะไปยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสิน และนายอนุพงษ์ รวม 18 คน ต่อศาลอาญา เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายอาญา มาตราที่ 206 ที่ระบุว่าผู้ใดที่ดูหมิ่น ทำลายพระพุทธศาสนา จะต้องระวางโทษ 1 ปี ถึง 7 ปี และปรับ 2,000-10,000 บาท และกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 79 รัฐจะต้องให้การอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา 

ส่วนพระมหาโชว์กล่าวว่า เมื่อมีการนำภาพ ?หมา-นุษย์? ออกมาเปิดเผยเพิ่ม ทำให้มีผู้ออกมาเรียกร้องมากขึ้น มจร. และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) แสดงเจตนาชัดเจนแล้วว่าจะร่วมคัดค้านด้วย และในวันที่ 9 ต.ค.นี้ จะมีพระนิสิตจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลอาญานั้น นอกจากจะมีการยื่นฟ้องในนามองค์กรทางพระพุทธศาสนาแล้ว สำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ (พศ.) ได้แจ้งมาว่าจะร่วมยื่นฟ้องด้วย ซึ่งจะถือว่าเป็นการยื่นฟ้องร้องต่อศิลปินแห่งชาติ ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินภาพในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ

จากนั้นกลุ่มองค์กรทางพระพุทธศาสนา ได้ออกไปที่หน้า ศธ.  และสวดบังสุกุลให้กับคณะกรรมการตัดสินภาพฯ นายอนุพงษ์คนวาดภาพ เพื่อให้ไปสู่สุคติ ทั้งยังเผารูปพร้อมพวงหรีดที่ติดรูปนายอนุพงษ์ด้วย

ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 มีศิลปินแห่งชาติร่วมด้วยได้แก่ นายถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ. 2544 และนายประหยัด พงษ์ดำ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) พ.ศ.2541 ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายประหยัด ถึงเรื่องการฟ้องร้อง ได้รับคำตอบว่า ไม่กังวลหากจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี คณะกรรมการยังคงยืนยันในหลักการการตัดสินเดิมที่พิจารณาไปแล้ว ขณะที่นายอนุพงษ์ จันทร เจ้าของผลงานอื้อฉาว ก็กล่าวว่า ไม่กังวลหากจะถูกดำเนินคดีเช่นกัน

ด้านนายญาณวิทย์ กุญแจทอง รักษาราชการแทนอธิการบดีฝ่ายศิลปกรรม มศก. กล่าวว่า กำลังเร่งจัดพิมพ์ข้อคิดเห็นผลงานศิลปะ ?ภิกษุสันดานกา? ที่สอบถามพระเถระชั้นผู้ใหญ่และนักปราชญ์ รวมทั้งศิลปินแห่งชาติ พิมพ์ 1,000 เล่ม เสร็จในวันที่ 8 ต.ค.นี้ และจะนำไปมอบให้กับนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งให้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเผยแพร่ ส่วนการจะฟ้องร้องเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่ มศก.จะไม่หยุดแสดงภาพดังกล่าว และเรียกรางวัลคืนจากนายอนุพงษ์ เพราะทางมหาวิทยาลัยต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนและมีมาตรฐาน


http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=63603


 
   
 
 
 



[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

187
สวยงามมาก
งานแกะแบบนี้เหมือนของหลวงพ่อเปิ่น
s u r e

188
ของแท้แน่นอน
ดีใจด้วยนะ ที่ได้ของดี

189

 
 
              ฉันอยากให้เพื่อนมนุษย์ของฉันทุกคน คิดปัญหาข้อที่ว่า ถ้าเราจะไม่เป็นคนชนิดที่เหมือนกับเขา แต่จะเป็นอย่างของเรา เราจะต้องเป็นอย่างไรจึงจะไม่ขาดทุน.

              บางคนคงจะย้อนถามฉันว่า การเป็นคนอยู่ทุกวันๆ นี้ ต้องลงทุนด้วยหรือ? เห็นมีแต่ลงทุนเรียน ลงทุนค้า หรืออะไรทำนองนี้ทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครลงทุนในการเป็นคนเลย.

              ฉันจะต้องขอโทษ ในการที่ฉันมีความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการทำ หรือเป็นการรับผลของการทำ ล้วนแต่เป็นการลงทุนในการเป็นคนไปหมด เราลงทุนลงแรงวิ่งแล่นไปในวัฏสงสาร ลงทุนมาเกิดเป็นคน ลงทุนในการดำรงชีพเป็นอยู่, ต้องหัวเราะ ต้องร้องไห้ อิ่ม หิว รัก โศก เพลิน หงอย ไปห้องน้ำ ไปห้องส้วม ฯลฯ ป่วยไข้ หาย สบาย กระทั่งตาย เพื่อเกิดใหม่ในที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นการลงทุน เรียนเพื่อรู้ แล้วเข็ดหลาบในการที่จะไม่ต้องวิ่งมาวนเวียน เป็นเช่นเดียวกันต่อไปอีก ฉันเห็นว่า ทั้งการกระทำ และการรับผลของการกระทำทั้งดีและชั่วทั้งหมดนั้น ล้วนแต่เป็นการถูกธรรมชาติบังคับให้เราทำและเป็นไป. เป็นการ ลงทุนเรียน เพื่อให้เรากลายเป็นผู้สามารถขึ้นอยู่เหนือกฏเหล่านั้นคือ นิพพาน! ถ้าเราไม่ลงทุนด้วยการลองมาเป็นคนดูเสียก่อน เราก็จะไม่มีความรู้อะไรเลย ในการที่จะถอนตัวขึ้นให้พ้นจากการที่จะต้องเป็นคน (หรือเป็นสัตว์) ไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด, เราลงทุนด้วย การทนเป็นคน เพื่อเรียนรู้และ สอบไล่ ให้ได้ถึง ขั้นที่จะไม่ต้องเป็นคน อีกต่อไป. การตายช่วยอะไรเราไม่ได้ในข้อนี้ เพราะมันกลับมาเกิดอีก, เว้นไว้แต่เราจะเป็นคนให้ครบถ้วนตามหลักสูตรเสียก่อน คือเป็นคนชนิดที่มีกำไร ไม่ขาดทุน. หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ศึกษาให้รู้จักการเป็นคนด้วยการเคยเป็นคนเสียอย่างเต็มที่ จนตนสามารถเอาชนะอยู่เหนือการเป็นคนของตนเอง ได้นั่นเอง. เราจะเป็นผู้มีกำไรประจำวัน ทุกๆ วันได้ ด้วยการที่เรามีทุกข์กะใครไม่เป็น ไม่ว่าเหตุการณ์อย่างใดจะเกิดขึ้น และเราจะงบยอดมีกำไรเด็ดขาดในขั้นสุด ในการที่เราเข้าถึงขีดที่ความทุกข์ไม่อาจเกิดขึ้นอีกต่อไป.

              บางคนคงจะถามว่า ถ้าเกิดมาทำงานได้รับผลสำเร็จร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุขด้วยเกียรติและทรัพย์แล้ว ยังจะว่าขาดทุน ในการเป็นคนอีกหรือ ?

              ฉันตอบว่า การสมบูรณ์พูนสุขนั้น ก็เป็นเพียงการลงทุนอย่างหนึ่ง หรือตอนหนึ่งของการลงทุนในการเป็นคนเท่านั้น คือ เป็นการลงทุนเพื่อให้เราได้เรียนรู้ว่า มันก็เป็นของหลอกๆ เช่นเดียวกับการตกระกำลำบากเหมือนกัน. ครั้นเรารู้จักมันอย่างถูกต้องแล้ว เราก็จะเป็นคนมากขึ้นอีก จนกระทั่งเป็นคนที่เต็ม (Perfected) โดยทุกๆ ทาง ในการที่จะบริสุทธิ์ สว่างไสว และสุขเย็น. ความสมบูรณ์พูนสุขจึงเป็นเพียงการลงทุนเท่านั้น ยังหาใช่ผลกำไรแห่งการเป็นคนไม่ ก็ถ้าใครหลงเอาต้นทุนมาใช้จ่ายเสีย อย่างกะว่ามันเป็นผลกำไรแล้ว คนนั้นก็จะหมดกระเป๋าเลย! แล้วเขาก็จะต้องฟุบหน้าร้องไห้กับพื้นดิน ตรงที่เขายืนนั่นเอง, ไม่เชื่อใครลองใช้ความสมบูรณ์พูนสุข ในฐานเป็นผลกำไรของชีวิตดูเถิด!

              เชิญท่านลอง ค้าการเป็นคน ของท่านดูเรื่อยๆ ไปเถิด ท่านจะเห็นเอง.

              พุทธทาส อินทปัญโญ

              หอสมุดธรรมทาน ไชยา ๑๙ มีนาคม ๒๔๘๖ 

   
 
   
http://www.mindcyber.com/home/index.php?news=255





[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

190


สมัยนี้ ไปวัดไหนๆ ก็มีตู้ใส่วัตถุมงคลให้เช่าหากัน เลยไม่ต้องมีพิธีรีตอง

แต่หากจะไปกราบขอจากครูบาอาจารย์จริงๆ ควรเตรียมมีดอกไม้ ธูป เทียน น๊ะเจ้าค่ะ

 เห็นด้วยเป็นที่สุด

191
ธรรมะ / ตอบ: หลวงพ่อจรัญ
« เมื่อ: 26 ก.ย. 2550, 07:19:18 »
แถม







http://www.budpage.com/cartoon18.shtml

192
ธรรมะ / หลวงพ่อจรัญ
« เมื่อ: 26 ก.ย. 2550, 07:13:24 »
http://www.jarun.org/v3/42-06.htm
ธรรมบรรยาย

ความสำคัญของ ?สมาธิ?

พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)

เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

พุพุทโธโลยี

42-06

 

            การฝึกสมาธิทางพระพุทธศาสนา ถือว่า จิตสงบ เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดแสงสว่างให้แก่โลก เป็นบ่อเกิดพลังอันยิ่งใหญ่แก่ชีวิต เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาของมวลมนุษยชาติทั้งโลก และเป็นความสุขที่มีค่าสูงสุดแก่ผู้ปฏิบัติ ดังพุทธวจนะ นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง สุขอื่นใดจะเท่าใจหยุดนิ่งไม่มีอีกแล้ว ความสุขอันเกิดจากจิตสงบนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมนุษย์

 

            พจนานุกรมให้คำนิยาม ?สมาธิ? อธิบายว่า ความตั้งมั่นแห่งจิต ความสำรวมจิตใจ ความแน่วแน่ของจิต การตรึกตรองเคร่งเครียดในสิ่งใด คำอธิบายเหล่านี้ล้วนแต่แสดงลักษณะของสมาธิ ให้เห็นความหมายและความสำคัญที่มีอยู่ในสมาธินั่นเอง เพียงแต่ความตั้งมั่นแห่งจิต ซึ่งเป็นคำอธิบายท่อนแรกก็มีความหมายลึกซึ้งและแสดงให้เห็นว่าสมาธินั้นเกี่ยวกับจิตเราแท้ ๆ เพราะว่า ความตั้งมั่นจะมีได้ต้องตั้งอยู่ที่จิต

 

            การทำจิตให้มั่นคง ไม่ให้ฟุ้งซ่าน ไม่ให้กวัดแกว่ง ให้ตั้งอยู่ในอารมณ์ไม่เกาะเกี่ยวด้วยสิ่งอื่น ไม่ให้เป็นไปตามกระแสของสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ประสบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตรงนี้สำคัญมาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้ง ๖ นี้ มีชื่อตามหลักธรรมในทางพุทธศาสนาว่า ?อินทรีย์? คำว่า อินทรีย์นั้นแปลว่า เป็นใหญ่ คือ เป็นใหญ่ในหน้าที่ของตน ตาเป็นใหญ่ในการดู หูเป็นใหญ่ในการฟังความถูกต้อง ใจเป็นใหญ่ในการรู้ ดู ฟัง เป็นหน้าที่ของอินทรีย์ทั้ง ๖ แต่ละอย่าง จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย ถ้าขาดไปสักอย่างหนึ่งก็ทำให้คนนั้นไม่สมบูรณ์ไม่ครบวงจร

 

            สมมติว่าตาบอดไปข้างหนึ่ง ก็ทำให้และเห็นไม่ถนัด และ ทำให้ขาดความสวยงามไปด้วย ยิ่งกว่านั้น ถ้าตาบอดเสียทั้ง ๒ ข้าง ก็แลไม่เห็นอะไรเลย ทำให้ความเป็นคนบกพร่องไป และความเป็นคนยังไม่เต็มที่ มิหนำซ้ำจะเรียนหนังสือกับเขาก็ไม่ได้ เพราะการเรียนหนังสือต้องใช้อินทรีย์ คือ ตา เป็นส่วนสำคัญกว่าส่วนอื่น หูก็เหมือนกัน ถ้าสมมติว่าหูหนวกก็ไม่ได้ยินเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงของมนุษย์หรือของสัตว์ว่าเป็นอย่างไร แล้วคงขาดประโยชน์ในการเล่าเรียนไปอีกทางหนึ่ง จมูก ลิ้น กาย ถ้าพิการไปเสียก็ไร้ประโยชน์ตามหน้าที่ไปอย่างหนึ่ง และจิตใจซึ่งเป็นอินทรีย์ ๖ เป็นอันดับสุดท้าย ก็มีหน้าที่ที่จะจำอยู่อย่างสำคัญในการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อันเกิดจากอินทรีย์ทั้ง ๕ ข้างต้น ถาขาดไปเสียก็เหมือนคนหมดสติ กลายเป็นบ้าเป็นบอ เพราะไม่รู้เรื่องอะไร จะดีหรือร้าย ทำการวิปริตผิดแปลกจากคนผู้มีอินทรีย์ทั้ง ๖ ครบบริบูรณ์

 

            อินทรีย์ทั้ง ๖ ประการนี้ จึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งทีทำให้คนเป็นคนสมบูรณ์ และเป็นหลักสำคัญนำสมาธิให้มีได้ ทำให้เกิดสมาธิได้ไว สมาธินั้นได้แก่ ความตั้งมั่นอยู่ในเรื่องที่ต้องการ ให้ใจตั้งไว้เพียงเรื่องเดียว ไม่ให้จิตฟุ้งซ่านออกนอกไปจากเรื่องที่ต้องการ

 

            ความตั้งใจนี้เป็นความหมายทั่วไปของสมาธิ แล้วก็จะต้องมีกิจการที่จะต้องทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรียนศึกษา หรือว่า การงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการเล่าเรียนศึกษา จะอ่านจะเขียนเรียนหนังสือ ก็ต้องมีสมาธิในการเขียน จะฟังคำสอนคำบรรยายของครูอาจารย์ก็มีสมาธิในการฟังดังที่เรียกว่า ตั้งใจอ่าน ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟัง

 

            ในการตั้งใจดังกล่าวนี้นั้น ก็ต้องมีอาการของกายและใจประกอบกัน เช่น ในการอ่าน ร่างกายก็ต้องพร้อมที่จะอ่าน เช่น เวลาเปิดหนังสือตาก็ต้องดูหนังสือ ใจก็ต้องอ่านด้วย ไม่ใช่ตาอ่านแล้วใจไม่อ่าน ถ้าใจไปคิดเรื่องอื่นเสียแล้ว ตาจับอยู่ที่หนังสือก็จะค้างอยู่อย่างนั้น เรียกว่า ตาค้าง จะมองไม่เห็นหนังสือ จะไม่รู้เรื่อง ใจจะต้องอ่านด้วย และเมื่อใจอ่านไปพร้อมกับตาที่อ่าน จึงจะรู้เรื่องที่อ่าน ความรู้เรื่องเรียกว่าเป็นปัญญาอย่างหนึ่ง คำว่าเป็นปัญญา ในตัวอย่างหนึ่งคือ ได้ปัญญาจากการอ่านหนังสือ ถ้าหากว่าตากับใจอ่านหนังสือไปพร้อมกัน ก็จะอ่านได้เร็ว รู้เรื่องเร็ว และจำได้ดี ใจที่อ่านนี่แหละ คือ ใจที่มีสมาธิดี หมายความว่า ใจต้องอยู่ที่การอ่าน

 

            ในการเขียนหนังสือก็เหมือนกัน มือเขียนใจต้องเขียนด้วย การเขียนหนังสือจึงสำเร็จด้วยดี ถ้าใจไม่เขียนหนังสือ หรือ ใจคิดไปในเรื่องอื่น ๆ ฟุ้งซ่านออกไปแล้ว จะเขียนหนังสือไม่สำเร็จ ไม่เป็นตัว ใจจึงต้องเขียนด้วย คือ ตั้งใจเขียนไปพร้อมกับมือที่เขียน

 

            การฟังก็เหมือนกัน หูฟังใจก็ต้องฟังไปพร้อมกัน หูฟังแต่ถ้าใจไม่ฟัง แม้เสียงมากระทบหูก็ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ใจจึงต้องฟังด้วย ใจจะฟังก็ต้องมีสมาธิในการฟัง คือ ตั้งใจฟัง ดังนี้จะเห็นได้ในการเรียนหนังสือ ในการอ่านหนังสือ การเขียนจะต้องมีสมาธิ ในการทำการงานทุกอย่างก็เหมือนกัน ไม่ว่าเป็นการงานที่ทำทางกาย วาจา แม้ใจจะคิดอ่านการงานต่าง ๆ ก็ต้องมีสมาธิอยู่ในการงานที่ทำนั้น เมื่อเป็นดังนี้จึงจะทำการงานสำเร็จได้

 

            ตามนัยนี้ จะเห็นว่าสมาธิเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีในการทำงานทุกอย่าง เป็นการแสดงว่าจำเป็นต้องมีสมาธิในการเรียน ในการงานที่พึงทำทุกอย่าง ถ้าเราไม่มีสมาธิ ก็ไม่มีโอกาสทำการงานสำเร็จได้

 

            ต่อจากนี้ จะได้กล่าวถึงการฝึกหัดทำสมาธิ ก็เพราะว่าความตั้งใจให้เป็นสมาธิดังกล่าวนั้น จำเป็นจะต้องมีวิธีฝึกหัด ประกอบด้วยจิต จึงจะเป็นสมาธิได้โดยง่าย สมาธิที่มีมาตามธรรมดาเหมือนอย่างที่ทุกคนมีอยู่ยังไม่เพียงพอ ก็เพราะว่ากำลังใจที่ตั้งมั่นยังอ่อนแอ ยังดิ้นรนกวัดแกว่ง กระสับกระส่าย โยกคลอน หวั่นไหวไปในอารมณ์ คือ เรื่องต่าง ๆ ได้โดยง่าย

 

            เราทุกคนก็จะต้องพบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้าไปเป็นอารมณ์ให้เกิดกับใจ ได้แก่ เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยู่เป็นประจำ เมือเป็นเช่นนี้ จึงได้มีความรักใคร่บ้าง ความฟุ้งซ่านบ้าง ความหลงบ้าง ความชังบ้าง เมื่อจิตใจมีอารมณ์อ่อนไหว และมีเรื่องทำให้ใจหวั่นไหวเกิดขึ้นมาอีก อันสืบเนื่องมาจากอารมณ์ดังกล่าวก็ยากที่จะมีสมาธิในการเรียน ในการทำงานตามที่ประสงค์ได้

 

            ดังจะฟังเห็นได้ว่า ในบางคราวหรือหลายครั้งที่เรารวมใจให้มาอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และ ฟังคำสอนไม่ค่อยได้ เพราะว่าจิตใจฟุ้งซ่านอยู่ในเรื่องนั้นบ้าง เรื่องโน้นบ้าง ที่ชอบบ้าง ที่ชังบ้าง ที่หลงบ้าง จนรวมใจเข้ามาไม่ติด เมื่อเป็นดังนี้ ก็ทำให้ไม่สามารถจะอ่าน จะเขียน จะฟัง เฉพาะเรื่องนั้น ๆ อย่างเดียวได้ จึงทำให้การเรียนไม่ดี

 

            ในการทำงานก็เหมือนกัน เมื่อจิตใจกระสับกระส่ายไปด้วยอำนาจของอารมณ์ และ ภาวะที่เกิดสืบจากอารมณ์ที่เรียกว่า กิเลส คือ ความรัก ความชัง ความหลง เป็นต้น ดังกล่าวนั้นก็ทำให้ไม่สามารถทำการงานได้ดีได้เช่นเดียวกัน ใจที่ไม่ได้หัดทำสมาธิก็จะเป็นเช่นนั้น และแม้ว่าจะยังไม่มีอารมณ์อะไรเข้ามารบกวนให้เกิดความกระสับกระส่าย ดังนั้น ความตั้งใจก็ยังไม่สู้จะแรงนัก ฉะนั้นจึงสู้ฝึกหัดทำสมาธิไม่ได้

 

            ในการฝึกหัดทำสมาธิ มีอยู่ ๒ ประการคือ ๑. ฝึกหัดทำสมาธิเพื่อแก้อารมณ์และกิเลสของจิตใจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน บางคราวก็เป็นอารมณ์รักซึ่งจะชักใย ชักใจ กระสับกระส่าย เมื่อเป็นดังนั้นก็ต้องสงบใจจากอารมณ์รัก จากความชอบนั้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อการศึกษา ต่อการงานที่จะพึงทำ ตลอดจนถึงศีลธรรมอันดีของสาธุชนนี้ เป็นวิธีหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คือ หัดเอาชนะใจให้สงบจากอารมณ์เหล่านั้นให้จงได้ บางคราวก็เกิดอารมณ์โกรธ ความโกรธอันทำใจให้ร้อนรุ่ม กระสับกระส่ายก็เป็นอันตรายอีกเหมือนกัน เพราะทำให้เสียสมาธิ

 

            ฉะนั้นก็ต้องหัดทำสมาธิ คือ หัดสงบใจจากอารมณ์โกรธ จากความโกรธนั้น ในบางคราวก็มีอารมณ์หลง ความหลงซึ่งมีลักษณะเป็นความง่วงเหงา เคลิ้ม มีลักษณะเป็นความฟุ้งซ่าน รำคาญใจบ้าง มีลักษณะเป็นความเคลือบแคลงสงสัยบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องหัดทำสมาธิกำหนดจิต หัดสงบจิตสงบใจจากอารมณ์หลง จากความหลงนั้น ๆ

 

            วิธีสอนทำสมาธิตามวิธีพุทธศาสนา เมื่อจะทำสมาธิให้สงบใจจากอารมณ์รัก โกรธ หลง ดังนั้นก็จะต้องเปลี่ยนอารมณ์ให้แก่จิตใจขึ้น เท่าที่ทราบแล้ว คือ อารมณ์รักทำให้เกิดความชอบ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์รักมาเป็นอารมณ์ที่ไม่รัก ไม่ชอบ ความโกรธก็เหมือนกัน ก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์โกรธมาเป็นอารมณ์ไม่โกรธ หรือให้เปลี่ยนมาเป็นอารมณ์รัก แต่ว่าเป็นความรักที่ประกอบด้วยเมตตาคือ เป็นความรักที่บริสุทธิ์อย่างญาติมิตร มีความรักซึ่งกันและกัน หรือเป็นความรักระหว่างบิดามารดากับบุตรธิดา ความหลงก็เหมือนกัน ต้องเปลี่ยนอารมณ์ที่หลงมาเป็นอารมณ์ที่ไม่หลง เพราะว่าภาวะของจิตใจจะเป็นอย่างไรนั้น สุดแต่ว่าจิตใจตั้งอยู่ในอารมณ์อะไร เมื่อจิตใจตั้งอยู่ในอารมณ์รัก ความชอบก็เกิดขึ้น ถ้าจิตใจไม่ตั้งอยู่ในอารมณ์รัก แต่ว่าตั้งอยู่ในอารมณ์ที่ตรงกันข้ามก็เกิดความสงบ ใจโกรธก็เหมือนกัน ก็เพราะตั้งอยู่ในอารมณ์โกรธ เมื่อเปลี่ยนอารมณ์ให้จิตใจตั้งอยู่ในอารมณ์ที่ตรงกันข้ามก็เกิดความสงบ ความหลงก็เช่นกัน เมื่อตั้งอยู่ในความไม่หลงก็สงบ

 

            พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสเอาไว้ว่า อารมณ์เช่นไรควรจะต้องหัดใจไว้ให้ตั้งอยู่ในเวลาไหน กำหนดจิตอย่างไร ตั้งสติไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การที่หัดจิตใจไว้ก็จะทำให้รู้ลู่ทาง ตั้งสติสัมปชัญญะไว้ที่จะสงบจิตใจของตนเองอย่างนี้ ก็จะทำให้สามารถกำหนดจิตใจของตนเองได้ดี นี่นับว่าเป็นจุดมุ่งหมายของการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ที่ต้องหัดเอาไว้ให้จงได้

 

            ประการที่ ๒ นั้น ฝึกหัดสมาธิเพื่อให้เกิดพลังใจที่ตั้งมั่นมากขึ้น คือ ให้มีพลังขึ้น ก็เหมือนอย่างการที่ออกกำลังกายเพื่อให้กายมีกำลังเรี่ยวแรง เมื่อหัดออกกำลังกายอยู่บ่อย ๆ กำลังกายก็จะดีขึ้น จิตใจก็จะเหมือนกัน เมื่อหัดทำสมาธิอยู่บ่อย ๆ แล้ว โดยที่ปฏิบัติอยู่ในหลักของสมาธิเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้พลังจิตใจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่นเดียวกับการออกกำลังกายที่ทำให้พลังกายเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นนี่คือสมาธิในการฝึกหัด

 

            สำหรับสมาธิในการใช้ก็มี ๒ ประการคือ

 

๑.        ฝึกสมาธิเพื่อใช้ระงับอารมณ์และระงับกิเลสที่เป็นปัจจุบันดังกล่าวข้างต้น คือ ผู้ที่ฝึกหัดทำสมาธิตามสมควรแล้วจะสามารถระงับจิตใจได้ดี จะไม่ลุอำนาจของอารมณ์ของกิเลสที่เป็นความรัก และ ความชัง และ ความหลงทั้งหลาย จะสามารถสงบจิตใจตัวเองได้ รักษาจิตใจตัวเองให้สวัสดีได้ อารมณ์และกิเลสเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อการเรียน ต่อการงาน ต่อกฎหมาย และต่อศีลธรรมอันดีงาม

 

๒.       ฝึกสมาธิเพื่อใช้ประกอบการงานที่พึงทำทั้งหลาย ตั้งต้นการเรียน การอ่าน การเขียน การฟัง เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้การเรียนดี จะทำให้การทำงานดีขึ้น นี่คือสมาธิในการใช้ ตามที่กล่าวมานี้เป็นการแสดงให้เห็นลักษณะของการทำสมาธิทั่วไป

 

การหัดทำสมาธิและการใช้สมาธิ การฝึกหัดสมาธิ หรือ ที่เรียกว่าการอบรมจิต หรือ การฝึกหัดแบบพุทธศาสนานั้น ปัจจุบันนี้ เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายไปเกือบทั่วโลก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าองค์กร องค์การ และสมาคมต่าง ๆ ทางพุทธศาสนาได้จัดให้มีโครงการผลิตตำราพุทธศาสนาเป็นภาษาต่างประเทศ เผยแผ่มากขึ้น นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงการก่อสร้างวัดพุทธศาสนาในต่างประเทศต่าง ๆ ทำให้โครงการเผยแผ่พุทธศาสนาของคณะกรรมการประสบผลสำเร็จได้ดีกว่าแต่ก่อนมาทีเดียว

 

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดยิ่งกว่าอื่นใดก็คือ พระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นอมตะ ธรรมที่สูงค่า ยิ่งศึกษาค้นคว้าก็ยิ่งน่ารู้ และ ท้าทายต่อการติดตาม และ การพิสูจน์ให้เห็นผลจริงผลจังมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นที่น่าแปลกเลยว่า บรรดาชาวต่างประเทศที่มาจากนอรเวย์ แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ได้หลั่งไหลเข้ามาบวชเรียน และปฏิบัติธรรมในประเทศไทยมากขึ้น ข้อสังเกตส่วนใหญ่รอบรู้แตกฉานในพระไตรปิฎกฉบับภาษาต่างประเทศมาแล้วทั้งสิ้น

 

ดังนั้นวัตถุประสงค์ที่สำคัญก็คือ เพื่อศึกษาและค้นคว้าความจริงจากการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะชาวต่างประเทศต้องการปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะ ภาคทฤษฎีก็ได้เรียนจบมาแล้วในพระไตรปิฎก และเป็นที่น่าปีติอย่างยิ่งที่บางท่านบวชเรียนมาแล้ว ๒๐ พรรษา และมีความชำนาญในการฝึกสมาธิมากอย่างยอดเยี่ยม อีกหลายอย่างได้นำความรู้และความมหัศจรรย์ ที่ได้จากการปฏิบัติฝึกวิปัสสนากรรมฐานทางพระพุทธศาสนา ไปเผยแผ่ยังบ้านเกิดเมืองนอนของตนได้ผลเกินคาด

 

การฝึกสมาธิในทางพระพุทธศาสนานั้น ถือว่า จิตสงบเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดแสงสว่างให้แก่โลก เป็นบ่อเกิดพลังอันยิ่งใหญ่แก่ชีวิต เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาของมวลมนุษยชาติทั้งโลก และเป็นความสุขที่มีค่าสูงสุดแก่ผู้ปฏิบัติ ดังพุทธวจนะบทหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง สุขอื่นใดจะเท่าใจหยุดนิ่งไม่มีอีกแล้ว ใจหยุดนิ่งแห่งความสงบ เป็นสุขอย่างยิ่ง เมื่อใจอยู่นิ่งก็เกิดความสงบขึ้น และเมื่อสงบก็เป็นสุขมาก ความสุขเกิดจากจิตสงบนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมนุษย์

 

จิตเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดของร่างกาย จิตเป็นผู้นำ ส่วนร่างกายเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของจิต อุปมาดังม้ากับคนขี่ หากผู้ขี่คุมบังเหียนบังคับม้าด้วยความชำนาญ ก็จะเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น ถ้าหากว่าผู้ขี่ไม่ได้รับการฝึกอย่างชำนิชำนาญ หรือตั้งอยู่ในความประมาทเกินไป ก็จะเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายด้วยความลำบาก

 

ความสุขของจิตที่แท้จริง จะเกิดขึ้นกับบุคคลผู้หมั่นฝึกฝน หรืออบรมจิตอยู่เสมอทุกวันไม่ได้ขาด การฝึกจิต หรือ ฝึกสมาธิในทางพุทธศาสนา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระกรรมฐาน พระกรรมฐาน แปลว่า การกระทำให้ฐานะดี พระกรรมฐานจึงถือเป็นที่ตั้งของการกระทำที่แบ่งออกเป็นวิธีปฏิบัติได้ ๒ ประการคือ

๑.     สมถะกรรมฐาน แปลว่า การทำจิตให้สงบ หรือทำสมาธิตามอุบายที่กำหนดให้

๒.    วิปัสสนากรรมฐาน แปลว่า การฝึกจิตให้รู้แจ้งเห็นจริงในชั้นสูง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ทำปัญญาให้เกิดรู้แจ้งเห็นจริงตามสภาพความเป็นจริงนั่นเอง

 

แต่ในที่นี้จะเสนอแนะเพียงแนวทางการฝึกทำสมาธิเบื้องต้นทั้ง ๒ อย่างนี้ สมถะกรรมฐาน แปลว่า อุบายที่กำหนดให้ทำสมาธิในเบื้องต้น วิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายเรืองปัญญา ทำให้ผู้ปฏิบัติมีปัญญาเห็นแจ้งเห็นจริง เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นปัญญาภายนอกภายใน เห็นวินัยภายในภายนอก เห็นความจริงของชีวิต มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นแก่ท่านเอง นั่นแหละเป็นการปฏิบัติธรรมชั้นสูง สร้างความจริงของชีวิต เป็นการปกครองตน ปกครองชีวิต ปกครองครอบครัวได้ แต่สมถะ เป็นการศึกษาแสวงหาความรู้ข้อเท็จจริงในตัวของตัวเองตามลำดับขั้นตอนของเบื้องต้น

 

ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ท่านมาปฏิบัติ พระกรรมฐานเป็นคำกลาง การปฏิบัติใช้แนวสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกของพระพุทธเจ้า ท่านทรงชี้แจงแสดงมาให้เราทราบว่า ทางสายเอกนั้น ทำให้เดินไปสู่จุดมุ่งหมาย มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางเดินทางไปหาที่สุดแห่งปัญญา รอบรู้ในกองการสังขาร จะได้อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น จะได้เห็นตัวตาย จะได้คลายทิฏฐิ จะได้ดำริชอบ จะได้ประกอบกุศล ได้ผลอนันต์เป็นหลักฐานสำคัญ ตรงนี้เป็นจุดหมายอันนี้

 

เพราะฉะนั้น ท่านสาธุชนทั้งหลายที่เรามาปฏิบัติ ณ วัดอัมพวันนั้น ไม่ใช่มาหลับตา หนอ ๆ แหน ๆ มีอายตนะธาตุอินทรีย์เป็นหลักปฏิบัติของท่านโดยเฉพาะ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในสมาธิเบื้องต้น ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส ท่านต้องปฏิบัติโดยใช้สติกำหนดอยู่ที่จุดนี้ให้จงได้ จะรู้จริง รู้แจ้ง เห็นจริงในตัวของท่านเอง จึงจะอ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น ไม่ใช่มาหนอ ๆ แหน ๆ มาพองหนอ ยุบหนอ ซ้ายย่าง ขวาย่าง ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นอิริยาบถที่ต้องปฏิบัติโดยละเอียด ตาเห็นรูป กายรับรู้ จิตกำหนด หูได้ยินเสียง จิตกำหนด จมูกได้กลิ่น กำหนดจิตทางจมูก ลิ้นรับรสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม กำหนด หวานหนอ ๆ เค็มหนอ ๆ ท่านถึงจะทราบของจริงได้ เสียงหนอ ๆ ท่านได้ยินเสียงหนอท่านก็นิ่ง ท่านก็ไม่เคยกำหนด ถ้าท่านไม่เคยกำหนดแล้ว ท่านจะรู้ได้อย่างไร รู้แต่ของปลอม รับประทานอาหารก็ไม่กำหนดเคี้ยว ไม่มีสติ ท่านจะได้ของปลอมแน่นอน กายสัมผัสร้อนหนาว อ่อนแข็ง ท่านไม่กำหนด ท่านก็ไม่มีสติ ท่านจะได้ของปลอมแน่นอน

 

มีเวทนาก็ไม่กำหนด ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างน่าเสียดาย หายใจเข้าก็ไม่รู้ หายใจออกก็ไม่รู้ น่าจะรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นประการใด ท่านกลับไม่รู้อีก ท่านจะรับรู้แต่ของปลอม รู้ของจริงแต่ประการใด ของจริงอยู่ในตัวท่าน แต่เสียใจเหลือเกินของจริงไม่ชอบกลับชอบของปลอม ที่ได้ไม่เอากลับไปเอาที่ไม่ได้ ท่านจะไปเอาของที่ไหนที่ยังไม่ได้ อยู่ใกล้มือเอาก่อนได้ไหม ท่านจะเอาอะไรมาเป็นหลัก แล้วมานั่งจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ ไม่ได้อะไร

 

นี่แหละพระพุทธเจ้าสอนที่เราปฏิบัติทั้ง ๒ ประการ ยืนหนอ ๕ ครั้ง ก็เป็นสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พองหนอ ยุบหนอ ก็เป็นสมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน ทั้ง ๒ ประการนี้ ไม่ใช่วิปัสสนาอย่างเดียว หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ ก็เรียกว่าสมถะ เป็นอุบายเบื้องต้นให้จิตสงบ พอจิตสงบแล้วจะรู้ของจริง พองหนอ ยุบหนอ รู้แล้ว พองเป็นรูป ยุบเป็นรูป จิตกำหนดรู้เป็นตัวนาม ก็กลายเป็นวิปัสสนากรรมฐาน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสียงหนอ เสียงหนอ อุปาทานยึด ก็กำหนดเสียงหนอ เป็นสมถะกรรมฐาน อุบายวิธีเกิดขึ้น กำหนดเสียงหนอ พอเสียงกำหนดได้ หูกับเสียงเป็นอันเดียวกันไหม หูกับเสียงเป็นคนละอัน ในเมื่อ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสียงก็กลับไปหาเขา หูก็อยู่กับเราถึงจะเป็นวิปัสสนา เข้าใจแจ้งชัดในตัวกำหนดนี้ เสียงหนอ หนอนี้เป็นอะไร เสียงเป็นอะไร อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม ถึงจะเรียกว่า วิปัสสนาญาณ เรามีสติครบเหมือนมีทรัพย์ ตามีทรัพย์ หูมีทรัพย์ มีสติสัมปชัญญะ เสียงนั้นก็กลับไปหาเขา เราก็จะทราบได้ว่า เสียงนั้นเขาโกหกจึงจะเป็นวิปัสสนา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

 

สมาธิก่อให้เกิดความสุขจากความสงบที่เราหามาได้ด้วยราคาถูกแท้ ๆ แต่อย่าลืมว่ามีคุณค่ามหาศาลยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติพัสถานใด ๆ แน่นอนที่สุด การปฏิบัติพระกรรมฐาน ต้องพยายามฝึกต่อไปเถิดประเสริฐที่สุด อาตมาจำคำสอนของยายได้ ยายบอกว่า ยากแท้หลาน เราไม่เคย ถ้าเคยแล้วก็ง่ายแท้ เราไม่เคยฝึกเลย เอะอะก็พูดว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนากันไม่ได้ แต่เสียใจด้วย พายเรือก็ไม่เป็น มีแรงก็จ้ำได้หรือ นั่งเรือก็ไม่เป็น เรือก็จะล่มแล้วจะไปแข่งเรือได้อย่างไร ต้องฝึกต้องหัด ฝึกฝน ต้องอบรมด้วย ทำไม่ได้ไต้องทำไม่ต้องนั่งเฝ้า บางคนบอกหลวงพ่อนิมนต์ไปนั่งเฝ้าเขาหน่อยซิ เฝ้าอย่างไรถึงจะดีได้ คนดีไม่ต้องไปเฝ้า หนามแหลมใครไปเสี้ยม มะนาวกลมเลียงใครไปกลึง

 

น่าเสียดายเสียใจที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์โสภาภาคย์ เกิดมาก็ยากเหลือเกิน พยายามทำความเป็นมนุษย์ให้บริสุทธิ์หน่อย และอีกประการหนึ่ง เราเกิดมามีอายุถึงขนาดนี้ก็ยาก บางคนอยู่ในท้องไม่ทันร้องก็ตายแล้ว เรามีอายุถึงปูนนี้แล้วก็น่าภูมิใจแล้ว ส่วนผู้ใดได้มีโอกาสฟังธรรมก็นับว่าโชคดีแล้ว เราพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามาตรัสในโลก เราได้ฟังธรรมปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นการทดแทนคุณบิดามารดา ถือว่าบวชในพระพุทธศาสนาเหมือนกัน ถ้าใครปฏิบัติไตรสิกขา ๓ ศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้ ถือว่าใช้ค่าป้อนน้ำนมแม่ได้ เพราะพระกรรมฐานเป็นพระอภิธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔ รับรองใช้ค่าป้อนนมแม่ได้แน่นอน ไม่ต้องเป็นผู้ชายนุ่งเหลือง ห่มเหลือง  การที่จะสนองพระเดชพระคุณบิดานี้แสนยากมาก ไม่มีใครจะทดแทนคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณได้

 

ท่านทั้งหลาย โปรดอย่าได้ประมาท คิดว่าเราจะอยู่อีกนาน เราก็ไม่แน่นอนไม่ทราบว่าจะตายเมื่อไร เราทุกคนเกิดมาเพื่อรอเวลาตาย ได้มาเพื่อรอเวลาเสีย มีเพื่อรอเวลาหมด เจอกันเพื่อรอเวลาจาก เดี๋ยวก็จะจากกันไปแล้ว พบกันระหว่างสามีภรรยา รอเวลาที่จะต้องพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก เป็นของที่ชอบไปด้วยกันทุกคน  นี่แหละเป็นของตายของแน่นอน ของจริงอยู่ตรงนั้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของจริง อยู่ตรงนั้น ผู้ที่ต้องพลัดพรากพเนจรจะจากจร จำต้องจากเป็นของจริง อยู่ก็ไว้ในใจ จะตายก็คิดถึงรำพึงรำพัน ไม่มีใครจะอยู่รอดปลอดภัยในโลกมนุษย์นี้ไปได้ จิตใจท่านต้องหนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นหนึ่ง ใจอย่าเป็นสองเป็นสาม สัจจะ เมตตา สามัคคี มีวินัย ท่านจะแก้ไขปัญหาชีวิตได้อย่างสมคาดปรารถนาทุกประการ

 

193
สุดยอดยันต์หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
ก็คือ ยันต์ตะกร้อ

194
เสือ ลายมือหลวงพ่อเปิ่น ยุควัดโคกเขมา


195
บทความ บทกวี / news
« เมื่อ: 26 ก.ย. 2550, 08:51:09 »
 
ปีที่ 58 ฉบับที่ 18145 วันพุธ ที่ 26 กันยายน 2550  เกี่ยวกับไทยรัฐ     มูลนิธิไทยรัฐ     ศูนย์ข้อมูลไทยรัฐ   
 
 
 
:. หน้าแรกไทยรัฐ .:  ข่าวประจำวัน คอลัมน์ประจำวัน เดลี่@เวบ  สายตรงต่างแดน ร่วมงานกับไทยรัฐ ติดต่อโฆษณา 
 

 
 
   
ท้วงภาพลบหลู่สงฆ์ 'ภิกษุสันดานกา'-ย่ำยี ชนะประกวดงานศิลป์ [26 ก.ย. 50 - 04:28]
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กทม. พระนิสิตจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) นำโดยพระมหาโชว์ ทัสสนีโย รอง ผอ.สำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ พร้อมด้วยพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน ประมาณ 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือ ขอ ให้ระงับการแสดงภาพ ?ภิกษุสันดานกา? ต่ออธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เนื่องจากเห็นว่าภาพดังกล่าวเป็นการลบหลู่พระสงฆ์  โดยมีนางสุพรรณี  ฉายะบุตร  รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ  มหาวิทยาลัยศิลปากร  เป็นผู้รับหนังสือแทน

ทั้งนี้ นายเสถียร วิพรมหา เลขาธิการเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กล่าวว่า ตามที่มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดประกวดผลงานศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 53 ประจำปี 2550 นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศให้ภาพ ?ภิกษุสันดานกา? ของนายอนุพงษ์ จันทร อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 เหรียญทองประเภทจิตรกรรม แต่ทางองค์กรชาวพุทธเห็นว่าภาพดังกล่าวมีการสะท้อนเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ไม่เหมาะสมหลายประการ  ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เอาหัวชนกันหลับตาทั้ง 2 รูป มีปากแหลมเหมือนปากของอีกา ซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน โดยพระทั้ง 2 รูป กำลังแสดงกิริยาแย่งด้ายสายสิญจน์และตะกรุดในบาตร ทำให้สังคมเข้าใจว่าพระสงฆ์สอนให้ประชาชนงมงาย ขณะที่บริเวณร่างกายของพระภิกษุ มีการสักยันต์เป็นรูปกบอยู่ในท่าผสมพันธุ์ ทั้งยังมีภาพตุ๊กแกอยู่ในท่ากำลังผสมพันธุ์ด้วย ส่วนในย่ามในภาพดังกล่าวมีลูกกรอกแสดงถึงความเป็นเพศชายและเพศหญิง โดยผู้หญิงกำลังถ่างขาอยู่ 

?คณะสงฆ์ได้ศึกษาพระไตรปิฎกเกี่ยวกับภิกษุสันดานกาแล้ว ไม่ได้มีการกล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์กันอย่างถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ องค์กรชาวพุทธพิจารณาแล้วเห็นว่า มีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาโดยตรง เป็นการดูหมิ่นและเหยียดหยามพระสงฆ์ไทย เป็นการสื่อให้เห็นว่า พระสงฆ์มีพฤติกรรมเป็นเหมือนในภาพ เป็นการสอนสังคมให้เกิดความลุ่มหลงต่อไสยศาสตร์แบบหลับหูหลับตาโดยไม่ใช้ปัญญา องค์กรชาวพุทธขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยศิลปากรระงับการแสดงภาพดังกล่าวทุกสถานที่ ถ้าหากว่าไม่มีการระงับการแสดงภาพดังกล่าว องค์กรชาวพุทธทุกองค์กรจะได้ยื่นเรื่องถึงศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาระงับอย่างเป็นทางการ รวมทั้งจะได้ส่งเรื่องและภาพถึงคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อให้ช่วยพิจารณาต่อไป? นายเสถียรกล่าว

พระธีรวิทย์ ฉนฺทวิชฺโช ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์ พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในพระไตรปิฎกในเรื่องภิกษุสันดานกา เป็นการเปรียบเทียบว่าพระสงฆ์ที่ประพฤติตัวไม่ดี ว่าเหมือนกาเท่านั้น ไม่ได้ มีการระบุภาพถึงการผสมพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ ที่เหมือนภาพของนายอนุพงษ์ อีกทั้งยังพบว่าในการวาดภาพดังกล่าว ยังใช้จีวรของพระสงฆ์ขึงในการเขียนภาพ ถือว่าเป็นการเหยียบย่ำเครื่องนุ่งห่มของพระสงฆ์ การนำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ เหมือนกับจะบอกว่าพระสงฆ์ของไทยมีลักษณะเช่นเดียวกับภาพวาดดังกล่าว 

ด้านนางสุพรรณี ฉายะบุตร รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยศิลปากรได้เห็นภาพดังกล่าว และแจ้งกับคณะกรรมการศิลปกรรมแห่งชาติในที่ประชุมคณบดีฝ่ายศิลปกรรมพิจารณาแล้ว เชื่อว่าศิลปินไม่ได้มีเจตนาหลบหลู่ ทางศาสนา แต่วาดตามสิ่งที่ได้อ่านในพระไตรปิฎก และหนังสือเล่มอื่นๆ ซึ่งขอย้ำว่าทางมหาวิทยาลัยศิลปากรไม่ได้ นิ่งนอนใจในภาพดังกล่าว และทางคณะกรรมการจะมีการชี้แจงให้สาธารณชนทราบภายหลังว่า จะยุติการนำเสนอภาพในงานนิทรรศการศิลปกรรม แห่งชาติครั้งที่ 53 หรือไม่ต่อไป

ส่วนนายญาณวิทย์  กุญแจทอง  รักษาการรองอธิการบดี ฝ่ายศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวถึงตัว ผู้วาดภาพนี้ว่า นายอนุพงษ์ทำงานศิลปะในแนวนี้มาโดยตลอด  เชื่อว่านายอนุพงษ์มีเจตนาที่ดี และต้องการเตือนสติ พระสงฆ์ที่ประพฤติผิด อีกทั้งคณะกรรมการที่ตัดสินผลงานมีระดับศิลปินแห่งชาติถึง 5 ท่าน ซึ่งการทำงานของศิลปิน ต้องผ่านการศึกษามาอย่างดีแล้ว มีการศึกษาจากวินัยของสงฆ์ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจ อีกทั้งชื่อของผลงานก็เป็นชื่อเดียวกันกับที่ระบุในพระธรรมวินัย จึงเรียกได้ว่าผลงานดังกล่าวเป็นภาพประกอบของวินัยสงฆ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ทางคณะกรรมการศิลปกรรมแห่งชาติจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการโดยเร็วที่สุด ว่าจะมีการนำเสนอภาพดังกล่าวต่อไปหรือไม่

สำหรับภาพ ?ภิกษุสันดานกา? จัดแสดงอยู่ในงานการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยศิลปากรร่วมกับกรมศิลปากร ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม  โดยงานแสดงมีขึ้นมาตั้งแต่วันที่  7  ก.ย.  ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดงานในวันที่ 29 ต.ค. นี้

 
 

   

 
 
 
   
   
 
 



 
     
 
   
   
 

 

 http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=62416
 

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

197
เหรียญรุ่นนี้นับเป็นเหรียญรุ่นแรก ของหลวงปู่หงส์
ด้านหลังมี ๓ พิมพ์ ออกที่วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์
ค่บูชาแรกเริ่ม ๓๐ บาท น่าใช้ และน่าสะสม
วัดสร้างเอง

198
ไม่เป็นไร หรอกจ้า อย่าซีเรียด

199
อยากทราบว่า วัตถุมงคลชิ้นนี้ ได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อเปิ่นรึเปล่าครับ? ถ้าใช่ อยากรบกวนข้อชี้แนะครับว่า มีวิธีดูว่าแท้ได้รึเปล่าครับ? คือว่าผมอยากจะมีของหลวงพ่อเปิ่นไว้บูชาบ้างครับ พอดีไปเจออันนี้เข้า รู้สึกชอบครับ แต่ไม่กล้าตัดสินใจครับ


แท้ และทัน แน่นอน จ้า

200
ตะกรุดมอญ(ปราบเมีย) งานไหว้ครู พระอาจารย์หนุ่ม

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

201
 
18 กรกฎาคม 2550

เตรียมพร้อมรับกฎหมาย ?e? ก่อนที่คุณจะกลายเป็นผู้กระทำผิด
Special Report โดย eWEEK เวลา 17:20 น.

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (18 กรกฎาคม 2550 ) รู้ให้ทันและเข้าใจเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองอย่างถูกต้อง กับบทความจากeWEEK ได้เคยนำเสนอข้อมูลและตีพิมพ์ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา


9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นับเป็นวันแห่งการเปิดศักราชด้านการป้องกันการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบ ?ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์? หลังจากที่รอคอยกันมานานถึง 9 ปีนับแต่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้จัดทำร่างกฎหมายด้านอิเล็กทรอนิกส์เมื่อปี 2541

พรบ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ฉบับที่สองของประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ได้ออก พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้วเมื่อปี 2544 และมีผลบังคับใช้เมื่อ วันที่ 3 เมษายน 2545 ซึ่งได้รวมเอาลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในฉบับดังกล่าวด้วย

ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อยู่ระหว่างรอลงพระปรมาภิไธย ก่อนที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 30 วัน

สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค) ผู้อยู่ในคณะทำงานด้านกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์มาตลอด กล่าวกับ eWEEK เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมว่า ?คาดว่าจะใช้เวลาราวๆ 90 วันนับจากนี้ที่จะได้ใช้กฎหมายดังกล่าวโดยกฎหมายมีเจตนารมณ์เพื่อกำหนดฐานความผิดและบทลงโทษ รวมทั้งการกำหนดเกี่ยวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงหน้าที่ของผู้ให้บริการ?

?นับว่าเป็นร่างพรบ.ฉบับที่มีความสมบูรณ์มาก เพราะมีร่างประกาศออกมาพร้อมกันด้วย ซึ่งร่างประกาศจะเป็นส่วนสนับสนุนพรบ. เช่น จัดทำประกาศเกี่ยวกับผู้ให้บริการและข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จัดทำประกาศเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติพนักงานเจ้าหน้าที่ และจัดทำประกาศเกี่ยวกับบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมแผนสร้างความรับรู้ต่อสาธารณชนด้วย?

ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งยกระดับความมั่นคงของประเทศไทย ที่ให้เห็นถึงความพร้อมรับกับปัญหาหากเกิดภัยคุกคาม โดยประเด็นที่เป็นข้อห่วงใยของสังคมปรักอบด้วย 4 เรื่องหลักดังนี้

ประการแรก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นทางเทคนิคทั้งในลักษณะของการกระทำความผิดและลักษณะของการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ ประการที่สองการสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสังคมและคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ประการที่สามการควบคุมการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้กฎหมายนั้นสามารถใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระกับผู้ให้บริการ/ผู้ประกอบการมากเกินไป โดยมีจุดยืนสำคัญในการให้ความคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของประชาชน

ประการสุดท้าย ผลกระทบหรือความเสียหายจากการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ (เช่น การก่อการร้ายรูปแบบใหม่ๆ หรือ Cyber Terrosism) หรือเสถียรภาพทางการเงิน (ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่านับล้านล้านบาท หรือมีมูลค่าสูงขึ้นทุกขณะ) หรือกระทบต่อบริการสาธารณะ

ด้าน ปริญญา หอมเอนก ผู้คล่ำหวอดในวงการไอทีที่เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัย ให้ความเห็นว่า การผ่านร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของสนช. ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสังคมไทยและประเทศชาติ ที่เราได้มีกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรคอมพิวเตอร์หรือแฮกเกอร์โดยตรง มีบทลงโทษที่ชัดเจน ทำให้สามารถมีข้อกฏหมายที่จะเอาผิดกับแฮกเกอร์ได้ ไม่ยากลำบากเหมือนตอนที่ยังไม่มีกฏหมาย ดังนั้น กฏหมายฉบับนี้จึงมีประโยชน์อย่างมากมายกับสังคม ซึ่งอาจมีผลกระทบกับองค์กรบ้าง แต่สรุปได้ว่า ?ได้มากกว่าเสีย?

มองอย่างผู้เชี่ยวชาญ

ปริญญา กล่าวว่า เมื่อกฏหมายมีผลบังคับใช้ ย่อมมีผลกระทบในวงกว้างต่อวงการไอทีบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป, องค์กร, สถาบันศึกษา ผู้ให้บริการทั่วไป เช่น ISP หรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ตลอดจนผู้ผลิตคอนเทนต์ เช่น SANOOK, KAPOOK, PANTIP เป็นต้น เราจึงควรทำความเข้าใจในตัวบทกฎหมายเพื่อที่จะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้

ด้านผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องระวังการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่นการ Forward email ที่สร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่นหรือประชาชน ในกฎหมายระบุโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือสำหรับผู้ที่ชอบเจาะระบบผู้อื่นก็จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 5 ถึง มาตรา 10 โดยตรง

ส่วนผลกระทบต่อผู้ให้บริการในมาตรา 26 ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้นั้น หมายความว่าผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท

ดังนั้นผู้ให้บริการจึงจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมสารสนเทศยุคใหม่ที่แนวคิดเรื่อง ?IT Governance?  กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในมาตรา 26 เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผู้รักษากฏหมายหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสืบสวน และ สอบสวนค้นหาหลักฐานซึ่งอยู่ในรูปแบบของไฟล์ที่เป็นดิจิตอลฟอร์แมต มีลักษณะการจัดเก็บปูมระบบ หรือ ?Log  file? ที่ได้จากกิจกรรมต่างๆในระบบที่กฏหมายเรียกว่า ?ข้อมูลจราจร? หรือ ?Traffic Data? ซึ่งกฏหมายกำหนดให้เก็บเฉพาะ ?เท่าที่จำเป็น? แปลว่า ไม่ต้องเก็บข้อมูลจราจรทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระบบ (เพราะเป็นไปไม่ได้ในทางปฎับัติ) เช่น ควรจัดเก็บเฉพาะ Source IP address, Destination IP address, Date, Time และ User Name (ถ้ามี) เพื่อที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์หลักฐานด้วยวิธี ?Computer Forensic? ได้ และสามารถสืบค้นย้อนหลังได้สูงสุดถึงหนึ่งปี ในกรณีที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีระยะเวลามากกว่า 90 วัน จึงเป็นที่มาของความจำเป็นซึ่งกลายเป็นความรับผิดชอบที่ทุกองค์กร โดยเฉพาะผู้ให้บริการต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของกฏหมายฉบับนี้

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบในเชิงการลงทุน ซึ่งหากวิเคราะห์ในมุมมองของการลงทุนในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่จำเป็นต้องใช้ในการเก็บข้อมูลจราจร ในลักษณะ ?Centralized Log? แล้ว องค์กรหรือผู้ให้บริการควรจัดสรรงบประมาณแตรียมไว้จำนวนหนึ่งเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว

?ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า องค์กรต้องเตรียมจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาลงทุนในการซื้ออุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลจราจร หรือ ?Log? ของระบบต่างๆได้อย่างเป็นระเบียบ เพื่อง่ายต่อการค้นหาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์เก็บ Log ควรแยกต่างหากจากอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อไม่ให้แฮกเกอร์สามารถลอบเข้ามาแก้ไข Log File ได้ การเก็บ Log ไว้ที่เครื่องที่มีกิจกรรมที่ทำให้เกิด Log นั้นเป็นหลักการที่ผิด เพราะแฮกเกอร์สามารถเข้ามาแก้ไขได้ ตลอดจน System Admin ถ้าคิดไม่ซื่อ เราก็ยากที่จะตรวจสอบ?

ปริญญา ทิ้งท้ายว่า ที่น่ากังวลคือความไม่เข้าใจในตัวบทกฎหมายอย่างถ่องแท้ และไม่เข้าใจเจตนารมย์ที่แท้จริง ในการร่างกฎหมายนี้มากว่า 3 ปีกว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ ดังนั้นหัวใจหลักของการแก้ปัญหาดังกล่าวก็คือ การจัดฝึกอบรมสัมมนาให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป ตลอดจนผู้ให้บริการ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนให้เกิดความเข้าใจกฎหมายได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ไม่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันในที่สุด

ไขแนวคิด ?ณัฐศักดิ์?

ณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซี่ยน ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น เอเชียแปซิฟิก และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ไขความเห็นผ่าน eWEEK ในความเบื้องล่าง
แนวความคิดของกฎหมายฉบับนี้ถือว่าดีในด้านของการควบคุมการใช้สื่อให้อยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง โดยต้องมีหน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นกลางทำหน้าที่วินิจฉัยหรือพิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ โดยภาคเอกชน อาทิ บริษัทไอทีต่างๆ อาจให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลหรือตัวอย่างสถานการณ์ต่างๆ ที่เคยมี หรือให้คำปรึกษาด้านเทคนิคแก่หน่วยงานนั้น
 ในอีกมุมมองหนึ่งด้านการลงทุน พรบ. นี้อาจช่วยให้ผู้ประกอบการต่างๆ มีแนวทางปฏิบัติให้รัดกุมและมีความรับผิดชอบต่อธุรกิจและสังคมมากขึ้น
 องค์กรต่างๆ หรือแม้แต่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเองก็ตามต้องมีการศึกษาและทำความเข้าใจกับพรบ. ฉบับนี้อย่างจริงจัง โดยอาจใช้แนวทางปฏิบัติเดียวกับ corporate governance หรือหลักธรรมาภิบาลเข้ามาช่วย  สำหรับส่วนบุคคลอาจต้องใช้วิจารณญาณในรูปแบบเดียวกับ ?การหมิ่นประมาทหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล? ซึ่งเมื่อทั้งผู้ใช้ องค์กรและผู้ควบคุมกฎมีภาพของพรบ. นี้ชัดเจนจะทำให้ข้อขัดแย้งต่างๆ หมดไป
 ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ควบคุมกฎจำเป็นต้องเป็นกลาง ไม่ขึ้นอยู่กับฝ่ายใด อยู่ภายใต้อาณัติของใคร ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งในความโปร่งใสหรือในการพิจารณาต่างๆ ได้
 ?บนพื้นฐานแนวคิดของพรบ. ฉบับนี้เกิดจากการให้ทุกคนได้ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตอย่างมีเสรีภาพ ภายใต้การเคารพในสิทธิของผู้อื่นโดยมีกฎหมายควบคุม ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้, องค์กร, ผู้ให้บริการไปจนถึงผู้ควบคุมกฎก็คือการใช้วิจารณญาณที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง โปร่งใส? ณัฐศักดิ์ กล่าว
 โดยสิ่งที่องค์กรจะได้จากพรบ. ฉบับนี้ก็คือแนวทางที่ชัดเจนขึ้นในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจมีความยุ่งยากบ้างในระยะแรกที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจกับกฎหมายนี้ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย จะทำให้สังคมเกิดสำนึกและเคารพในสิทธิและหน้าที่ของตนและผู้อื่นอย่างชัดเจนในที่สุด

ISP ฉายความคิด

ด้าน ปรีธยุตม์ นิวาศะบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความเห็นในฐานะผู้ให้บริการ หรือไอเอสพีซึ่งมองในหลายๆมุมไว้ดังนี้

ในแง่ของผู้ใช้งาน พรบ. นี้จะช่วยสร้างกรอบและเป็นเหมือนข้อบังคับที่ทำให้ผู้ใช้งานมีวินัย และมีความรับผิดชอบต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์มาก แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับการใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยง ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น คือการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และควรระมัดระวังและดูแลคอมพิวเตอร์ของตนเอง เพื่อไม่ให้ไปเป็นเครื่องมือของผู้อื่นในการกระทำผิด 

ส่วนในแง่ของผู้ให้บริการ ปรีธยุตม์ บอกว่า ได้รับผลกระทบจากการออก พรบ ฉบับนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์  ซึ่งจากข้อกำหนดดังกล่าว ยังผลเกิดผลกระทบในแง่การลงทุนอุปกรณ์  บุคลากร เพื่อให้รองรับการปฏิบัติงานตามที่กฎหมายระบุไว้ รวมถึงการรับผิดของไอเอสพี ในส่วนที่ผู้เช่าช่วงบริการของบริษัท แล้วนำเอา บริการดังกล่าวไปให้บริการต่อ แล้วมีการใช้งานในทางที่ผิ

ด้านร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ก็ต้องเตรียมรับมือเช่นกัน ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการต่อบุคคลที่สาม ก็มีหน้าที่
 
 
 ด้านร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ก็ต้องเตรียมรับมือเช่นกัน ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการต่อบุคคลที่สาม ก็มีหน้าที่ต้อง ดำเนินการให้มีวิธีการระบุและยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้บริการผ่านบริการของตนเองด้วย อาจจะเป็นในลักษณะวงจรปิด  หรือทำสมุดลงทะเบียน  เป็นต้น

ตลอดจนผลกระทบเชิงการลงทุน เมื่อมองในภาพรวมแล้ว  ผู้ให้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น  operator, content/service provider หรือผู้ที่นำบริการมาให้บริการต่อ อย่างเช่น ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรืออื่นๆ จะต้องมีการลงทุนเพิ่มทั้งในส่วนของอุปกรณ์ที่จะมารองรับการตรวจสอบการส่งข้อมูล  ขั้นตอนการทำงาน และ/หรือจำนวนพนักงานที่ดูแลงานในส่วนนี้

?สำหรับแปซิฟิค อินเทอร์เน็ต ปัจจุบัน log ต่างๆ มีการเก็บไว้เป็นปกติอยู่แล้ว  แต่ว่า จาก พรบ ดังกล่าว ข้อมูลที่ต้องทำการเก็บ ระยะเวลาที่เก็บ ตลอดจน ปริมาณในการเก็บ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราต้องจัดเตรียมความพร้อมในหลายด้านด้วยกัน? ปรีธยุตม์ พร้อมเสริมว่า

แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต เตรียมปรับปรุงและอาจต้องลงทุนเพิ่มในส่วนของอุปกรณ์ ที่นำมาให้บริการกับลูกค้า ต้องจัดสรรพนักงานที่จะมาดูแลงานตรงส่วนนี้เพิ่มขึ้น และต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนข้อสัญญา หรือเงื่อนไขในการดำเนินงานที่จะได้รับผลกระทบจากส่วนนี้ นอกจากนี้งานภายในก็ยังต้องปรับปรุงนโยบายการใช้งานคอมพิวเตอร์ในองค์กรมากขึ้น เข้มงวดกับการใช้งานให้มากขึ้น
 
ปรีธยุตม์ ย้ำว่า อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรต้องมีวิธีการดำเนินการในการควบคุมให้ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญ หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการสั่งการ ได้มีการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อย่างครอบคลุมถี่ถ้วน ก่อนที่จะออกคำสั่งใดๆ ให้ไอเอสพีหรือ ผู้ประกอบการประเภทอื่นๆ ปฏิบัติตาม  เนื่องจาก ที่ผ่านมาการสั่งการดังกล่าวยังไม่ชัดเจน และก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างพอสมควร   

มรกต กุลธรรมโยธิน รองกรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือไอเน็ตได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของ พรบ. จากการที่ได้มีส่วนร่วมเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการ พรบ.ฉบับนี้ มองว่า การบังคับใช้จะเป็นเสมือนการจัดระเบียบการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการจัดการการกระทำความผิดบนโลกไซเบอร์ที่เกิดขึ้น 

ความเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นอย่างชัดเจนคือ การเปลี่ยนกติกาการทำงานและการใช้งาน เพราะว่า พรบ.นี้จะชี้แจงว่าผู้ให้บริการเป็นใครและต้องมีภาระหน้าที่อย่างไร ซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้จะต้องรอประกาศจากรัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีถึงการแบ่งประเภทของผู้ให้บริการ และภารกิจหน้าที่ในรายละเอียด

ในส่วนของผู้ให้บริการนั้น ผู้บริหารจากไอเน็ตมองว่า จะต้องมีการวางแผนเพื่อการจัดเก็บข้อมูล  ซึ่งคงมีการจัดเก็บอยู่แล้วบางส่วน ก็ต้องดูว่าที่เก็บอยู่แล้วกับกฎตรงกันหรือไม่ซึ่งต้องเก็บให้ตรง

?ที่กังวลมากคือ ผู้ให้บริการที่เป็นหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ โรงเรียน หน่วยงานราชการ  เป็นต้น ทั้งหมดเลยที่เป็นองค์กรและมีบริการอินเทอร์เน็ตสำหรับบุคคลกร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่ไม่เคยต้องเก็บมาก่อน ก็จะมีผลกระทบมาก ต้องปรับตัวมาก รวมทั้งอาจจะต้องมีการลงทุนในเรื่องอุปกรณ์ด้วย? มรกต กล่าว

จากกระบวนการเก็บข้อมูลตามข้อบังคับนี้ จะส่งผลให้ ผู้ใช้งานทุกคนอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบางอย่างแก่ผู้ให้บริการ เพื่อแลกกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ฟรีอินเทอร์เน็ตตามสถานที่ต่างๆ จะมี
ระบบที่ยุ่งยากมากขึ้น หรืออินเทอร์เน็ตแบบพรีเพด อาจต้องนำระบบลงทะเบียนมาใช้

 ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนการประกาศใช้ โดยแยกเป็นกลุ่มๆ ไป  เพื่อทำความเข้าใจ สร้างความตระหนักในบทบาทต่าง ๆกัน รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้แก่ประชาชน ซึ่งปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการบังคับใช้ ก็คือ เจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามากำกับดูแล เรื่องนี้ยังมีจำนวนน้อยคงต้องรอดูว่ารัฐจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างในเรื่องดังกล่าว เพราะ การมีข้อมูลเป็นเพียงเส้นทางในการตามจับผู้กระทำความผิดได้ง่ายขึ้น  แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะจับได้  เป็นเพียงการเพิ่มโอกาสและหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนเท่านั้น 

แน่นอนว่าองค์กรจะได้รับผลกระทบเรื่องการลงทุนอย่างแน่นอน เพราะการเก็บข้อมูลเหล่านี้ ก็จะต้องมีอาศัยอุปกรณ์ และซอฟต์แวร์การบริหารจัดการ แต่ไม่ได้หมายถึง ว่าองค์กรจะต้องลงทุนเรื่องนี้เองทั้งหมด ซึ่งรูปแบบของการเก็บข้อมูลอาจเป็นการเช่าหรือ รับฝาก ก็ได้ เหมือนการฝากเก็บเอกสาร ถ้าองค์กรใหญ่มีบริการที่หลากหลายก็ มีข้อมูลต้องเก็บเยอะมาก ธุรกิจแบบนี้อาจมีให้เห็นได้ในอนาคต

@@@@@@@@@

 
http://www.arip.co.th

202
นอกจากตะกรุดมอญแล้ว ยังมี
แหวน จิ้งจก ปลัดขิก  อ,ประคองเสกให้อ,หนุ่มหลายอย่าง

203
ไม่เป็นไร ไม่เสื่อม คับ :027:

204
อีกองค์ คือ หลวงพ่อปื้ด วัดห้วยขวาง
แต่ไม่ทราบท่านรับฝังเข็มหรือไม่

205
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / เข็มทอง
« เมื่อ: 06 ก.ย. 2550, 05:08:58 »
เข็มทองสายหลวงพ่อพิมมาลัย ปัจจุบันสืบสายอยู่ ๒ แห่ง
*พระอาจารย์หนุ่ม วัดบางแวก สืบต่อจาก อ.ประคอง
*พระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง สืบต่อจากหลวงพ่อสวัสดิ์

206
หลวงพี่ติ่งท่านสักให้แต่น้ำมันนะครับ ท่านไม่สักหมึกให้แล้วเมตตาของหลวงพี่ติ่งดีหมดแหละครับ ท่านให้อาไรก็ดีหมดจ้า หรืออยากได้อะไรเป็นกรณีพิเศษก็ให้ขอกับท่านได้เลย ไม่
ส่วนถ้าจะไปหาท่านก็ไปช่วงตั้งแต่เช้าถึงเย็นแหละครับ ท่านน่าจะอยู่วัดทุกวันแหละยเว้นท่านจะติดกิจนิมนต์แหลครับถึงจะไม่อยู่ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดวงดูหล่ะครับ ส่วนถ้าจะไปก็ไม่ต้องไปเตรียมอาไรปเลยก็ได้ครับ ค่าครูก็จะมีดอกไม้กับบุหรี่แล้วก็เงิน 25 บาท ดอกไม้กับบุหรี่ไปซื้อเอาหน้ากุฏิก็ได้จ้าไม่ต้องเตรียมไปหรอก
เบอร์โทรศัพท์สอบถาม 034239070

207
ของปู่วร เวลาใช้
ถวายด้วย บูหรี่  1  มวน น้ำ 1 แก้ว  ขนมเปี๊ยะ 1 อัน
ได้ผลมาแล้วมากมาย

209
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: test photo
« เมื่อ: 05 ก.ย. 2550, 07:50:52 »
ให้อีกบท


210
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: test photo
« เมื่อ: 04 ก.ย. 2550, 02:29:31 »
 :001: :001:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

211
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / test photo
« เมื่อ: 04 ก.ย. 2550, 02:26:15 »
 :001:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

212
00

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

213
 :001:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

214
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: past times
« เมื่อ: 31 ส.ค. 2550, 11:12:54 »
jam

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

215
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: past times
« เมื่อ: 31 ส.ค. 2550, 11:09:59 »
jam

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

216
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: past times
« เมื่อ: 31 ส.ค. 2550, 11:07:30 »

217
**หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร**
ปกติพระบวชก็จะได้ฉายาเป็นชื่อทางสงฆ์ มังค๊ะ

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ? เป็นสมณศักดิ์ของ (หลวงพ่อ สำอางค์)
เมื่อมียศฐาบรรดาศักดิ์ มีชั้น มียศ ก็จะมีสมณศักดิ์ที่....? ตามชั้น ตามยศ มังค๊ะ
ถูกต้องแล้วครับ

218
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: past times
« เมื่อ: 30 ส.ค. 2550, 06:31:09 »
test02

219
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: past times
« เมื่อ: 30 ส.ค. 2550, 03:37:06 »
test

221
ไปหา หลวงพ่อติ่งเลยครับ 
สมใจนึก

222
ไปแน่นอน
แล้วเจอกัน นะครับ
หลวงพ่อเสือ วัดบางแวก ศักดิ์สิทธิ์มาก ขอแนะนำ

223
ช่วยกันทำทรงไทยหลวงปู่มี

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

224
เพื่อน ๆ ไปทำบุญมา เล่าว่าพระเสร็จแล้ว
บูชาได้เลย

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

225
ใจเสื่อมหรือเปล่า

227
ปีที่แล้ว
ค่าครู 99
ฝังเข็ม 199
ฝังตะกรุดมอญ 500

229
หลวงพ่อบอกว่า บูชานำฤกษ์แล้วเปิดจองเนื้อต่าง ๆ
ส่วนบูชาไดเลยมีชุดผ้าป่า ฯลฯ
มีเสื้อยันต์รุ่นพิเศษด้วย

230
แล้วองค์ธรรมดาต้องสั่งจองหรือว่า มีให้เช่าที่วัดครับ แล้วเปิดให้บูชาองค์ธรรมดาเมื่อไรครับ บอกด้วยนะครับ รบกวนหน่อยครับ
ผมก็สนใจครับอย่างทราบรายละเอียดทั้งหมดครับรวมไปถึงการเช่าบูชาพระเครื่องด้วยพร้อมราคาทั้งหมดครับ
มีจ้า

232
ดวงเป็นอะไร
ทำไมต้องหนุนเง็ง

233
log in ก็ช้า
log out สุดยอด
ช้าด้วย ไม่ out
ด้วย   คุณแวป------- คุณแอ---------คุณโอมกาน....
ช่วยดูแลด้วยเจ้า ข้า

234
วันที่ 2 กันยายน 2550
เวลา ประมาณ 10.00น.

236
ต่อนะค้า

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

237
รายการ


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

239
โบรชัวร์ ค่า

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

240
++++ตัวอย่าง  นะค้า++++

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

241
ขอเชิญเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคั วัดบางแวก ซ.จรัญสนิทวงศ์ ๑๓ จะได้รับจตุคามรรามเทพ
รุ่น โชคอนันต์ เป็นที่ระลึก
รายละเอียดโทร.สอยถามได้ที่  081-6168578///0868532717///08699645544///0846823141///0840885544////0813402489///และพระปลัดอุดม087-0676535
หลวงพ่อฝากข่าวมาเอง
รายได้ สมทบกองทุนสร้างวิหารหลวงพ่อเสือ
            สมทบกองทุนก่อตั้งมูลนิธิหลวงพ่อพิมพ์มาลัย มาลโย
              สมทบกองทุนสร้างถาวรวัตถุ ณ สวนป่าเฉลิมพระเกียรติ ดอนวิเวก จ.เพชรบุรี

242
ดีจัง ช่วยกันสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่
จะได้เสร็จเร็ว ๆ
หลงพ่ออางค์ คงเหนื่อยมากหาปัจจัยมาทำพิพิธภัณฑ์  สาธุ สาธุ สาธุ จ้า :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:

244
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: test
« เมื่อ: 21 เม.ย. 2550, 12:23:44 »
ขอบคุณ และขอบคุณ จากใจ :008: :008: :008: :008: :008:

245
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / test
« เมื่อ: 20 เม.ย. 2550, 07:50:47 »
มาใหม่ครับ ฝากตัวด้วยนะคับ พี่ ๆ อา ๆ ลุง ๆ เจ๊ ๆ :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:

หน้า: [1]