แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - joker

หน้า: [1]
1
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / วันหยุด
« เมื่อ: 09 ม.ค. 2554, 06:22:27 »




2
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ไทเป
« เมื่อ: 18 ส.ค. 2553, 03:59:34 »
อ.หนวด






3
**ประมาณปลายเดือนสิงหาคม ศิษย์และผู้ที่คุ็ุ้้้้้้้้นเคย กับพระอาจารย์หนึ่งจะขี้นไปเยี่ยมเยียน
และทำบุญกับท่าน ผู้ที่จะร่วมทำบุญติดต่อได้ที่ หลวงพี่ญา หลวงพี่มาร์ค หลวงเจ๊ อาจารย์หวอ
คุณเอ บางแค คุณกุ้งขายดอกไม้
                                                                                            


                                                                              ขอบคุณ
                                                                                  888

4
12สิงหาคม2553  กำหนดการดังนี้

10.30 น.  พระเถราจารย์ 10 รูปเจริญพระพุทธมนต์

11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุสงฆ์ประมาณ 100 รูป

เสร็จแล้วร่วมอนุโมทนาเป็นอันเสร็จพิธี


ขอเชิญท่านที่มีความประสงค์จะร่วมเป็นเจ้าภาพ ถวายโต๊ะจีนและย่ามแก่พระภิกษุสงฆ์ ร่วมทำบุญได้

โต๊ะจีน - โต๊ะละ 1,000 บาท

ย่าม - ใบละ 500 บาท

สำหรับเจ้าภาพโต๊ะจีนมีจะมีของที่ระลึกมอบให้ ส่วนจะเป็นอะไรนั้น

จะนำรายละเอียดมาแจ้งให้ทราบและนำรูปมาลงชมให้เร็วๆนี้ครับ

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

เอ...บางแค



ของที่ระลึกสำหรับเจ้าภาพโต๊ะจีนครับ
*สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาจะร่วมทำบุญสามารถติดต่อได้ที่พระอาจารย์ติ่ง พระอาจารย์ต้อย พระอาจารย์ญา หรือจะติดต่อผ่านทางท่านโองการและผมก็ได้ครับตามแต่ความสะดวก*

รายนามผู้บริจาคทรัพย์ร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญหลวงพ่อเปิ่น ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553

1พระอาจารย์ต้อย              24,790.-
2อ.หนวด(2 ครั้ง)17,000.-+12,000.-=29,000.-
3พระอาจารย์ติ่ง(ร่วมทำบุญย่าม)               5,000.-
4พระอาจารย์ต้อย(2)                            5,000.-
5หลวงตาจันทร์ วัดบางพระ                      2,000.-
6 miss may [kl]                               8,031'-
7อาจารย์หวอ                                     11,904.-
8คุณเชง ซ.เลิศพัฒนาใต้(นำส่ง)               1,500.-
9คุณโอ๊ต วังน้อย(นำส่ง)                         3,320.-
10คุณวรารัตน์(ธงชัย)                            1,000'-
11ศิยษ์อาจารย์ต้อย                                 400.-
12คุณมงคล ทับเที่ยง                            1,000.-



เพิ่มเติม
14พระอาจารย์ต้อย(3/19)                   30,000.-

15 คุณเก่ง(ศิษย์ อ.ตูน)+แม่จุน+พี่คน(นำส่ง)      6,385.-


เพิ่มเติม

16นางสาว ภ่ารดี  ศิริภิญโญสุข                  1,000.-(โต๊ะจีน)
17คุณภาณุพงศ์ เหมพิทักษ์(tong-lomsak)1,000'-(โต๊ะจีน)
18คุณเกษม นาคทั่ง และครอบครัว
   คุณอนุศักดิ์ นาคแดง และครอบครัว
   นางสาวผกากรอง กิจบำรุง                     1,000.-(โต๊ะจีน)



เพิ่มเติม
19คุณสุพจน์ สุริยวรรณ                          1,000.-(โต๊ะจีน) (ศิษย์หลวงพ่อติ่ง)
20คุณวันชัย สุขเกษม                            1,000.-(โต๊ะจีน) (ศิษย์พระอาจารย์หนึ่ง)

5
รายนามผู้บริจาคทรัพย์ร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญหลวงพ่อเปิ่น ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553

1พระอาจารย์ต้อย              24,790.-
2อ.หนวด(2 ครั้ง)17,000.-+12,000.-=29,000.-
3พระอาจารย์ติ่ง(ร่วมทำบุญย่าม)               5,000.-
4พระอาจารย์ต้อย(2)                            5,000.-
5หลวงตาจันทร์ วัดบางพระ                      2,000.-
6 miss may [kl]                               8,031'-
7อาจารย์หวอ                                     11,904.-
8คุณเชง ซ.เลิศพัฒนาใต้(นำส่ง)               1,500.-
9คุณโอ๊ต วังน้อย(นำส่ง)                         3,320.-
10คุณวรารัตน์(ธงชัย)                            1,000'-
11ศิยษ์อาจารย์ต้อย                                 400.-
12คุณมงคล ทับเที่ยง                            1,000.-



เพิ่มเติม
14พระอาจารย์ต้อย(3/19)                   30,000.-

6
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 12 สิงหาคม 2553
« เมื่อ: 30 มิ.ย. 2553, 09:50:58 »
รายนามผู้บริจาคทรัพย์ร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญหลวงพ่อเปิ่น ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553

1พระอาจารย์ต้อย              24,790.-
2อ.หนวด(2 ครั้ง)17,000.-+12,000.-=29,000.-
3พระอาจารย์ติ่ง(ร่วมทำบุญย่าม)               5,000.-
4พระอาจารย์ต้อย(2)                            5,000.-
5หลวงตาจันทร์ วัดบางพระ                      2,000.-
6 miss may [kl]                               8,031'-
7อาจารย์หวอ                                     11,904.-
8คุณเชง ซ.เลิศพัฒนาใต้(นำส่ง)               1,500.-
9คุณโอ๊ต วังน้อย(นำส่ง)                         3,320.-
10คุณวรารัตน์(ธงชัย)                            1,000'-
11ศิยษ์อาจารย์ต้อย                                 400.-
12คุณมงคล ทับเที่ยง                            1,000.-


7
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / มหาชัย
« เมื่อ: 22 มิ.ย. 2553, 08:57:02 »
ไหว้พระแล้วสบายใจ



8
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / อย
« เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 08:41:13 »
ไหว้พระแล้วสบายใจ



9
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / อยุธยา
« เมื่อ: 12 พ.ค. 2553, 05:59:59 »
อยุธยา




10
กลับมาแล้ววันนี้ พร้อมรางวัลที่น่าภาคภูมิใจ







11
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ในความทรงจำ
« เมื่อ: 18 มี.ค. 2553, 06:35:08 »

12
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / comeback
« เมื่อ: 01 มี.ค. 2553, 03:50:24 »
ดีใจกันมากมาย



                                                                                                 ขอบคุณ

13
หลวงพี่หนึ่งจะลงมาโปรดลูกศิษย์ลูกหา ท่านแจ้งว่าจะลงมาหลังปีใหม่ประมาณวันที่ ๓ หรือ ๔ มกราคม
ขณะนี้ธุดงค์ปฏิบัติอยู่ที่โคราช

                                       


                                                                                            ขอบคุณ

14
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ร อ ย สั ก
« เมื่อ: 25 พ.ย. 2552, 07:57:56 »
ลายมือหลวงปู่ เก่า มาก ๆ

                       


                       

                       


            กราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ให้ถ่ายภาพมาเป็นวิทยาทาน
           (ภาพสุดท้าย ลิง ๓ หาง น้อยคนนักที่หลวงปู่จะสักให้ในสมัยนั้น)

15
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / เร็ว ๆ นี้
« เมื่อ: 25 พ.ย. 2552, 07:49:05 »
เร็ว ๆ นี้

                   


                                                          ขอบคุณ

16
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ขอบพระคุณ
« เมื่อ: 19 พ.ย. 2552, 07:49:22 »
กราบขอบพระคุณ หลวงพี่ทอง แห่งวัดนก ที่ได้มอบ
หนังเสือดาว(ของเก่าปลุกเสกโดยหลวงปู่เปิ่น)
เพื่อเป็นประโยชน์และอานิสงฆ์ แห่งเจตนาอันเป็นกุศล
อันตั้งใจมอบมา เพราะเหตุนั้นจึงได้ คุณอ๊อด(เทอร์โบ) บางแค
นำไปมอบให้แด่วัดบางพระโดยตรง โดยหลวงพี่พิเชษฐ์
เป็นผู้รับ และจะจัดทำตะกรุดหนังเสือต่อไป
สำหรับผู้ที่จะประสงค์บูชาหนังเสือเก่าชุดนี้
โปรดติดตามจากทางวัดโดยตรง ได้ที่หลวงพี่พิเชษฐ์(ผู้ดุแลวัตถุมงคลของทางวัด)
กราบขอบพระคุณในกุศลเจตนาอีกวาระหนึ่ง

                               

17
บทความ บทกวี / สุภาษิต
« เมื่อ: 11 ต.ค. 2552, 08:16:29 »
ที่มาhttp://janthana.212cafe.com


พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

          ไพ และ ตำลึง เป็นอัตราเงินโบราณ   ๑ ไพมีค่าเท่ากับ ๓ สตางค์   ส่วน ๑ ตำลึง มีค่าเท่ากับ ๔ บาท.  เมื่อเทียบกันแล้ว  ๑ ไพ จึงมีค่าน้อยกว่า ๑ ตำลึง มาก.

          เบี้ย เป็นเปลือกหอยทะเลชนิดหนึ่ง คนโบราณนำมาใช้เป็นเงิน และใช้หมายถึงเงินด้วย. สองไพเบี้ย หมายถึง เบี้ยหรือเงินจำนวนหนึ่งซึ่งมีค่าเท่ากับ ๒ ไพ

          สำนวน พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง เป็นการเปรียบเทียบว่าบางเรื่องนั้นจะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้น เหมือนกับได้เงินเพียงแค่ ๒ ไพ  แต่ถ้านิ่งไว้จะดีกว่า เหมือนกับได้ทองถึง ๑ ตำลึง เช่น ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ฝ่ายใดผิด  ไม่ออกความเห็นดีกว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

18
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ***ขอเชิญ***
« เมื่อ: 31 ส.ค. 2552, 05:00:05 »
************1  กันยายน 2552 ขอเชิญร่วมฟังสวดพระอภิธรรม พระครูสุภัทรคุณ(พวง) เจ้าอาวาสวัดตะโน
ณ ศาลาการเปรียญวัดตะโน  ในเวลาประมาณ 19.00 น.
                                                                             ขอบคุณ

19
ที่มาhttp://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003851.htm


นื้อความ :

    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

    เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ
    เรากล่าวเจตนาว่าคือกรรม

    เจตนา คือ ความตั้งใจ ความมุ่งใจหมายจะทำ
    เจตน์จำนง ความจำนง ความจงใจ

    ในการกระทำก็ตาม ความคิดหรือคำพูดของคนเราก็ตาม
    ทั้งหลายทั้งปวงนี้ จะประกอบอยู่ด้วยเจตนาคือความตั้งใจ
    อย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ หากปราศจากเจตนาที่จะคิดแล้ว
    ความคิดก็มีไม่ได้ เกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากเจตนาที่จะพูด
    คำพูดก็มีไม่ได้ เกิดไม่ได้ หากปราศจากเจตนาที่จะ
    กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว การกระทำนั้นๆ
    ก็เกิดขึ้นมาไม่ได้

    ครูบาอาจารย์เล่าว่า ทุกครั้งที่มีกรณีที่จะต้องสรุปหาทางออก
    ของเรื่องราวใดๆ อาทิเรื่องข้อพระวินัยต่างๆ เมื่อเกิดเรื่องราว
    ใดๆ ขึ้นมา พระพุทธองค์จะทรงตรัสถามตัวเจ้าของกรณีว่า
    "เธอมีเจตนาอย่างไร" ในการกระทำนั้นๆ

    ทรงถามเช่นนี้ ก็เพราะว่า เจตนานี้เองคือตัวกรรม
    กล่าวคือ ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ ก็ไม่นำให้เกิดเป็นกรรมไม่ดี
    และหากเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก็ย่อมนำให้เกิดเป็นกรรมไม่ดีซึ่ง
    ย่อมจะส่งผลในภายหน้าไม่เร็วก็ช้า ถ้าเจตนาเป็นกุศลยิ่ง
    ก็เป็นกรรมที่ดียิ่ง ย่อมจะให้ผลเป็นความสุขต่อๆ ไป

    ยกตัวอย่างเช่น ปัดมดตาย คนหนึ่งปัดเพราะเห็นแล้วรำคาญ
    ว่ามาขึ้นอาหารทำไม ตายเสียเถอะ!  แล้วก็ปัดพรวดเดียวตายสมใจ
    กับอีกคนมองไม่เห็นมด ปัดมือกวาดๆ ไปโดนมดตายโดยไม่เห็น
    และไม่ได้ตั้งใจ

    คนแรกนั้นมีเจตนาชัดเจนว่าอยากให้เค้า (มด) ตาย
    คนหลังนั้น ตอนนั้นใจแค่คิดจะปัดมือออกไปเพราะเมื่อย
    เจตนาแค่อยากเปลี่ยนอิริยาบถให้หายเมื่อเท่านั้น
    ไม่มีเจตนาหรือจุดมุ่งหมายใดๆ เกี่ยวกับมดตัวนั้นเลย

    อันนี้เอง ที่สมมุติหากมีกรณีเกิดขึ้นเช่นนี้ และคนทั้งสองในตัวอย่าง
    ถูกกล่าวหาว่าบาปเพราะฆ่ามดตาย พระพุทธองค์ก็คงจะทรง
    ถามทำนองว่า "ขณะที่ปัดมือนั้น เธอคิดอย่างไร เธอตั้งใจอย่างไร"
    อะไรทำนองนี้ ซึ่งความหมายก็คือ หากขณะปัด มีเจตนาอยาก
    ปัดไปโดนมดให้เค้าตาย ก็เป็นเจตนาที่เป็นบาป เป็นอกุศล
    เป็นกรรมไม่ดี ที่จะส่งผลให้ต้องได้รับทุกข์โทษภัยต่อไปได้
    แต่ถ้าหากเจตนาคือจะปัดมือเฉยๆ เพราะเมื่อย เป็นต้น
    แล้วไปโดนมดตายเอง อันนี้ นับได้ว่าไม่ได้มีเจตนาใดๆ ที่เป็นบาป
    เป็นอกุศล ไม่ได้คิดจะฆ่าเขา ไม่ได้คิดจะทำให้เขา (มด) ต้อง
    เดือดร้อนเป็นทุกข์ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไป

    แม้แต่เรื่องของวาจาก็เช่นกัน ใจต้องคิดก่อน อยากก่อน
    แล้วคำพูดต่างๆ จึงจะสามารถหลุดออกมาจากปากได้
    ในศีลข้อ ๔ พระพุทธองค์จึงทรงแจงไว้โดยละเอียดเกี่ยวกับ
    เรื่องของการประพฤติผิดทางวาจาไว้ถึง ๔ อย่างคือ
    การกล่าวมุสา การพูดยุยงส่อเสียด การพูดคำหยาบและ
    การพูดเพ้อเจ้อโปรยประโยชน์ ทั้งหมด ๔ อย่างนี้
    (มุสาวาท ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ) ล้วนเริ่ม
    มาจากจิตคิดจะทำ มีเจตนาจะปล่อยให้ความคิดนั้น
    ล่วงออกมาทางคำพูด

    ผู้มุ่งเพียรเพ่งฝึกสติ ทำความเพียรระลึกรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เนืองๆ
    ในกาย วาจา ใจ นั้น ยิ่งสติเฉียบคมยิ่งขึ้นเท่าไหร่ การระลึกรู้
    ถึงเจตนาที่ยังคงอยู่ในระดับความคิดก็ตาม เจตนาที่อยากจะ
    ปล่อยให้ล่วงออกมาเป็นคำพูดหรือปล่อยล่วงออกมาเป็น
    การกระทำต่างๆ ทางกายก็ตาม ก็จะฉับไวขึ้น คือ เมื่อจะคิด
    เป็นกุศลหรืออกุศล ก็รู้ได้เร็ว มีสติรู้ทันอาการของความคิด
    ต่างๆ นั้น หากความคิดนั้นเป็นกุศล ก็อาจจะคิดต่อ และหาก
    ความคิดนั้นเป็นอกุศล เมื่อสติไประลึกรู้ได้ทัน สัมปชัญญะและ
    ปัญญาก็จะเกิด รู้ตัวว่ากำลังมีเจตนาอันเป็นบาป เป็นโทษ
    เมื่อรู้ด้วยปัญญาเช่นนี้ ก็จะทำให้ความคิดอกุศลหรือความคิด
    อันเป็นบาปนั้น หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ไม่เลยเถิดล่วงออกมา
    ทางวาจาหรือทางกายได้

    แต่หากสติรู้ไม่ทันขณะยังเป็นเพียงความคิดหรือเจตนาตรงความคิด
    จนเกิดปล่อยล่วงออกมาทางคำพูดหรือการกระทำแล้วก็ตาม
    และสติมาระลึกรู้ได้ทันโดยรวดเร็วว่ากำลังพูดไม่ดีหรือกำลัง
    ใช้กายกระทำสิ่งที่ไม่ดี เมื่อสติเกิดทันเมื่อไหร่ รู้ตัวเมื่อไหร่
    ปัญญาก็จะเกิด เตือนตนว่ากำลังพูดไม่ดีหรือกำลังทำไม่ดี
    ก็จะสามารถหยุดคำพูดหรือการกระทำไม่ดีนั้นๆ ไว้แค่นั้น
    ไม่ปล่อยให้พูดหรือกระทำไม่ดียิ่งกว่านั้นต่อๆ ไป ให้เป็นบาป
    เป็นอกุศลสะสมเข้าไปใหญ่ ได้

    ดังนั้น ด้วยสติหรือด้วยการฝึกสติปัฏฐานสี่ ฝึกรู้ตัวทั่วพร้อม
    ให้บ่อยๆ เนืองๆ เป็นนิจสิน อยู่ในทุกขณะชีวิตประจำวันนี้เอง
    ก็จะช่วยให้บาปทางกายก็ตาม บาปทางวาจาก็ตาม
    และที่สำคัญที่สุดบาปทางใจ ก็จะไม่สามารถเกิดได้หรือเกิดได้
    น้อยลงและน้อยลงไปตามระดับกำลังของสตินั่นทีเดียว

    ในแง่ปฏิบัตินั้น ทุกครั้ง ทุกขณะ ที่สติเกิดนั้น อกุศลหรือบาปหรือ
    กรรมไม่ดี คือ ความโลภ ความโกรธ และ ความหลง ก็เกิดไม่ได้
    เพราะเป็นสิ่งตรงกันข้ามกัน คือ สติและปัญญา อันเป็นกุศลนั้น
    เป็นสิ่งตรงข้ามกับความโลภ ความโกรธและความหลงความ
    ไม่รู้ตามความเป็นจริง ดังนั้น เมื่อมีสติอยู่ขณะใด
    ในขณะนั้นๆ เจตนาใดๆ ที่ไม่ดี ความคิด คำพูดหรือการกระทำ
    ใดๆ ที่ไม่ดี ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หรือเกิดขึ้นได้ก็เพียง
    แว่บเดียว ชั่วขณะเดียวหรือชั่วขณะสั้นๆ แล้วก็จะ
    ระงับไปเมื่อสติเข้ามารู้เท่าทัน

    เรียกว่า รู้ตัวได้เร็ว รู้ตัวได้ทันเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องสร้างกรรมไม่ดี
    ที่เป็นบาป เป็นอกุศล ที่จะส่งผลเป็นความทุกข์ต่อไปในอนาคต
    แก่ตนเอง ได้มากขึ้นเท่านั้น

    นอกไปจากนี้ เมื่อเจตนานี่เองคือกรรม เราก็มีวิธีที่จะสามารถ
    สร้างแต่กรรมดี ทำเจตนาที่ดีๆ ให้เกิดให้มากๆ บ่อยๆ เนืองๆ
    ด้วยการพยายามฝึกตนให้ทำ พูด คิด แต่ในเรื่องดีๆ สิ่งดีๆ ที่สวยงาม
    บริสุทธิ์ เป็นกุศล และหลีกเลี่ยงการกระทำ การพูด หรือการคิดใดๆ
    ที่ไม่ดี ที่เป็นบาป เป็นอกุศล ก็จะช่วยได้อีกทางหนึ่ง

    ส่วนวิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถช่วยให้ลด-ละ-เลิกและในที่สุดคือ
    จะช่วยตัดกิเลสตัดอกุศลให้ขาดสะบั้นลงได้ ก็คือ การเจริญสติ
    การฝึกสติ การมีชีวิตอยู่กับสติปัฏฐานให้บ่อยๆ เนืองๆ
    เป็นกิจวัตร เป็นนิจสิน ดำรงตนให้มีสติอยู่เป็นนิจในทุกๆ ขณะ
    ที่ตื่นอยู่ นั่นเอง

    เจริญในธรรม

    :)

 จากคุณ : deedi [ 7 ธ.ค. 2544 / 11:37:45 น. ]


**เห็นว่ามีประโยชน์ดี**

20
good day




                 

                                 

                                                 


21
รูปภาพและวีดีโอสายวัดบางพระ / old
« เมื่อ: 22 ก.ค. 2552, 11:06:30 »
old

22
*1*

                                   





23
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / again
« เมื่อ: 04 ก.ค. 2552, 11:21:16 »
again
                     
                                      


                                               



                                                             

24
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / old pic01
« เมื่อ: 03 ก.ค. 2552, 08:58:24 »
last time
             
           

25
เริ่มเลยละกัน เรียกน้ำย่อย                     
                                                     

                                                     
                                                     
                                                     

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

26
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / test Zoom
« เมื่อ: 18 มิ.ย. 2552, 05:05:57 »
                               
                               
                               
                                                                             

                                                                         thankyou :090:

27
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / photo
« เมื่อ: 17 มิ.ย. 2552, 04:34:26 »
                                                  :114:


                  :090:


                  :090:

28
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 003
« เมื่อ: 16 มิ.ย. 2552, 04:16:52 »




29
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 002
« เมื่อ: 15 มิ.ย. 2552, 03:09:40 »
002





30
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 001
« เมื่อ: 14 มิ.ย. 2552, 05:57:34 »
001





31
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / `send to poepoeag ayuthya
« เมื่อ: 13 พ.ค. 2552, 08:51:59 »









sorry now mycom can"t thaifront

32
ขอเชิญร่วมเข้าพิธี ครอบครู พระฤาษี ฯลฯ
ณ วัดโพธิ์เผือก (ทุ่งมะขามหย่อง) อยุธยา
ในวันเวลาดังกล่าว โดยพระเกจิอาจรย์อาวุโส สายกรุงเก่า
 หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา

33
 :053:


                                 


                                 


                                 

34
ในระหว่างเวลานี้ก่อนเข้าพรรษา
หลวงพี่หนึ่งจะไปช่วย  หลวงพ่อปื๊ดสัก ที่วัดห้วยขวางระยะหนึ่ง
ญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหา ทราบแล้ว ก็ไปเยี่ยมเยียนท่านบ้าง
ฝากพี่ โองฯ กับ พี่โคมฯ ช่วยดูแลท่านด้วย

                     

35
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / โคราช
« เมื่อ: 18 มี.ค. 2552, 06:28:21 »
วัดป่าสาลวัน

                             


                             


                             



                           

36
หลวงพี่หนึ่ง






37
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ไหว้ครู 2552
« เมื่อ: 27 ธ.ค. 2551, 06:33:53 »
ตามนั้น





39
ได้มา






40
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / โปรดทราบ
« เมื่อ: 30 ต.ค. 2551, 07:02:46 »
วันที่ ๓๑ ตุลาคม และ ๑ พฤศจิกายน พระอาจารย์ต้อย ไม่อยู่วัดนะครับ ท่านไปทอดกฐินที่แม่สอด
วันที่ ๑ พฤศจิกายน อ.หนวด เดินทางไป มาเลย์เซีย
ตามนั้น

41
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / สวยมาก
« เมื่อ: 14 ต.ค. 2551, 06:55:41 »
http://www.oknation.net/blog/somboontiew/2008/09/07/entry-1

42
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / post
« เมื่อ: 29 ก.ย. 2551, 06:21:14 »
post

43
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / อ.หนวด
« เมื่อ: 27 พ.ค. 2551, 02:54:03 »
ลายมือ อ.หนวด



44
oo1

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

45
http://www.dhammajak.net/audio/prayer/index.php

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

46
อาจารย์แป๊ว

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

47
บทความ บทกวี / ของดี ๆ
« เมื่อ: 23 พ.ย. 2550, 05:41:12 »
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOakl6TVRFMU1BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd055MHhNUzB5TXc9PQ==




 จำนวนคนอ่านล่าสุด 16 คน  วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6203 ข่าวสดรายวัน


พรขอกันได้ไหม

ธรรมะใต้ธรรมาสน์

ไต้ ตามทาง



ดูอย่างนางวิสาขาขอพร พระพุทธเจ้า 10 ประการคือ

ขอให้ตนมีโอกาสถวายสิ่งต่างๆ แก่พระสงฆ์ เช่น พระภิกษุกำลังจะเดินทาง, พระภิกษุอาคันตุกะ, พระภิกษุไข้, พระภิกษุผู้พยาบาลภิกษุไข้, ถวายยารักษาโรคแก่ภิกษุไข้, ถวายข้าวยาคูประจำ, ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่ภิกษุ และภิกษุณี

ล้วนแต่ขอโอกาสให้ได้ "กระทำ" เหตุที่จะให้เกิดสิ่งที่ดีงาม อันจะตามมาภายหลัง มิได้ขอ "ผลโดยไม่อยู่บนพื้นฐานของการกระทำ"

พระอานนท์ ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งพุทธอุปัฏฐากประจำพระพุทธองค์ ก็ขอ "พร" ไว้แปดประการ คือฝ่ายอย่า 4 ฝ่ายจง อีก 4

- 1-4. อย่าพาไปในที่ทรงรับนิมนต์แล้ว, อย่าให้อยู่ในพระคันธกุฎีของพระพุทธองค์, อย่าประทานอาหารอันประณีตแก่ท่าน, อย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ท่าน

- 5-8. จงพาไปฟังด้วยถ้าเสด็จไปเทศน์ที่ไหน, จงแสดงซ้ำให้ฟังด้วย ถ้าท่านไม่มีโอกาสไปฟัง, จงเปิดโอกาสให้ทูลถามทันทีเมื่อเกิดความสงสัย, จงอนุญาตให้พาอาคันตุกะแต่ไกลเข้าได้ทันที พรสี่ข้อข้างต้น เพื่อป้องกันครหาว่า ท่านพระอานนท์รับตำแหน่งเพราะเห็นแก่อามิส สี่ข้อสุดท้าย เพื่อป้องกันพระเกียรติยศของพระพุทธองค์ และตัวท่านเองด้วย เขาจะกล่าวหาว่า อยู่กับพระพุทธเจ้า ยังไม่รู้อะไรเลย สูตรนี้ตรัสแก่ใครที่ไหน ถามอะไรไม่รู้สักอย่าง, หรืออาจครหาว่า พระพุทธเจ้านี่อะไร กระทั่งศิษย์รับใช้ใกล้ชิดก็ไม่สอนอะไร แล้วจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร

พร หรือการขอพรอย่าง ขอให้ได้โอกาส ที่จะกระทำสิ่งที่ดีงาม ที่พึงประสงค์ ผู้ให้พร ก็ให้โอกาสให้ผู้ขอได้กระทำเหตุอันที่จะอำนวยผลในทางดี ในทางที่พึงประสงค์นั้น

พร และการขอพร ในแง่พระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้จริงนั้น ไม่ขัดกับหลักกรรม คืออยู่บนพื้นฐานของการกระทำของผู้นั้นเอง การให้พร ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาได้ทำเอง หรือสนับสนุนให้กำลังใจเท่านั้น

พูดเรื่องพร ขอโยงไปถึง บารมี บารมีเดิมแปลว่า คุณสมบัติหรือคุณธรรมที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทาง คุณธรรมเหล่านี้เราต้องกระทำ ต้องบำเพ็ญด้วยตัวเราเอง จนกระทั่งครบสมบูรณ์ ท่านจึงเรียกบารมีสมเด็จพระเทพฯ เมื่อทรงทำวิทยานิพนธ์เรื่องทศบารมีในคำสอนเถรวาท พระองค์ทรงตั้งข้อสังเกตไว้ว่า

บารมี เดิมเป็นเหตุให้ถึงความเต็มเปี่ยม เป็นแนวทาง ต่อมาบารมีกลายมีความหมายเป็น ความเต็มเปี่ยม เป็นจุดหมายเสียเอง (ในพระบาลีท่านเรียกบารมีสอบว่า พุทธการกธรรม-ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า มิใช่พุทธธรรม ธรรมของพระพุทธเจ้า)

ข้อนี้น่าคิด ในเรื่องพรนี้ก็เช่นเดียวกัน เดิมเป็นการเลือกที่จะกระทำสิ่งที่ดีงาม เพื่อให้ได้ผลที่ดีงาม หรือเลือกที่จะสร้างเหตุ ที่จะอำนวยผลในทางที่ดีงาม ผู้ให้พร ก็คือผู้เปิดโอกาสให้ผู้นั้นๆ ได้เลือกกระทำตามปรารถนา และ/หรือเป็นผู้ให้กำลังใจเท่านั้น

แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงไปเป็น การขอในสิ่งดีๆ ที่ตนอยากได้ คือขอตามที่ตนอยาก ไม่อยู่บนพื้นฐานของการกระทำ เข้าข่าย การอ้อนวอนร้องขอ ดุจคนขอทานขอข้าวขอเงินทองจากคนอื่น อันเป็น "แนวคิด" ของลัทธิที่เชื่อถือพระเจ้า เชื่อในอำนาจสูงสุดของพระเจ้า

สรุปแล้ว พรแบบพุทธ เดิมก็สอดคล้องกับหลักการพึ่งตน หลักกรรม ทำเหตุเพื่อให้ผลที่สอดคล้องกับเหตุ กลายมาเป็นขอในสิ่งที่อยากได้ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ กลายจากแนวคิดของพุทธแท้ เป็นพุทธผสมพราหมณ์ฮินดู

ดีอยู่หน่อยที่ไม่ขอในสิ่งที่เป็นอกุศล ขอในสิ่งที่จะเป็นการเบียดเบียนรังแกคนอื่น ดังลัทธินับถือเทพเจ้า ดังกรณีนนทุก ผู้เฝ้าประตูสวรรค์ ถูกเทวดาชั้นผู้ใหญ่เขกศีรษะทุกครั้งที่เข้าเฝ้าพระอิศวร เจ็บใจ จึงไปขอพรให้มีนิ้วเพชรจากพระอิศวร พระอิศวรก็มิได้ถามไถ่ว่าขอไปทำไม เอาไปเพื่อสร้างสรรค์หรือทำลาย ก็ให้ไป พอได้นิ้วเพชรแล้วก็ชี้เทวดาที่ทำให้ตนเจ็บใจ ตายเป็นเบือ

ถึงการขอพรของชาวพุทธยุคหลังจะเพี้ยนไปจากแนวคิดเดิม ก็ไม่เพี้ยนขนาดขอพรเพื่อไปทำลายคนอื่น สัตว์อื่น ไม่มีการสาปการแช่งในพระพุทธศาสนา นอกจากให้แสดงเมตตาอย่างเดียว ข้อนี้เป็นลักษณะเด่นและดีงามยิ่งของพระพุทธศาสนา

พูดถึงเมตตา และการแผ่เมตตา เพื่อให้สอดคล้องกับเรื่องพร และให้พร เราจะเห็นว่า นี้เป็นวิธีการขอพรและให้พรอย่างหนึ่ง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ให้แผ่เมตตา แล้วจะได้ผลดีหลายประการ เช่น นอนเป็นสุข หลับเป็นสุข ไม่ฝันร้าย ใบหน้าผ่องใส เทวดารักใคร่ มนุษย์ทั้งหลายรักใคร่ ไม่ต้องอาวุธ ยาพิษ หรือไฟไหม้ จิตเป็นสมาธิเร็ว ไม่ใหลตาย (คือตายด้วยอาการสงบ) ถ้าไม่บรรลุคุณธรรมชั้นสูง ตายไปอย่างน้อยก็เกิดในพรหมโลก

การจะแผ่เมตตาได้ หรือมีคุณสมบัติจะพึงแผ่เมตตา ต้องขอพร คือเลือกที่จะกระทำเหตุที่สมควรแก่การแผ่เมตตา และได้รับผลดังกล่าว

อันนี้ก็คือ ขอโอกาสตัวเอง และให้โอกาสตัว ที่จะสร้างคุณสมบัติพอที่จะแผ่เมตตาและรับผลของเมตตา เช่น

จะต้องเป็นผู้อาจหาญ, ซื่อตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่มีอติมานะ (ความถือตัว), สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีกิจธุระวุ่นวายน้อย, ปฏิบัติเบากายเบาจิต, สำรวมอินทรีย์, มีปัญญา, ไม่คะนอง, ไม่พัวพันในตระกูลทั้งหลาย, ไม่ทำการที่วิญญูชนติเตียนได้

เมื่อเลือกที่จะปฏิบัติดังข้างต้นและได้ปฏิบัติแล้ว (คือเมื่อขอพรและให้พรตนเอง) จากนั้นก็ให้แผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทำได้อย่างนี้ผลที่พึงปรารถนาจึงจะเกิดขึ้น

ที่นี้ การขอพร การให้พรนั้น มองให้กว้างให้ลึก จะเห็นว่า สอดคล้องกับการปฏิบัติธรรม พระพุทธองค์ตรัสว่า ธรรมที่ปฏิบัตินั้น ต้องปฏิบัติให้หลักการกับเป้าหมายสอดคล้องกัน ดังคำว่า "ธัมมานุธัมมปฏิปันโน" = ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม, ปฏิบัติธรรมน้อยคล้อยธรรมใหญ่, ปฏิบัติธรรมให้สอดคล้องกันระหว่างหลักการและเป้าหมาย"

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป้าหมายคือความร่ำรวย มั่นคงทางเศรษฐกิจ หลักการปฏิบัติก็ต้อง อุ.อา ก.ส. (ขยันหา-เก็บออม-คบคนดีเกื้อกูลแก่อาชีพ-เป็นอยู่เหมาะสมแก่ฐานะ)

การให้พร ที่พระท่านให้นั้น ท่านจะบอกเป้าหมายก่อน แล้วบอกการกระทำที่ให้บรรลุเป้าหมายนั้น และเน้นตลอดว่า จะได้ตามนั้น ต้อง "ขอพร" คือเลือกปฏิบัติอะไรบ้าง

เช่น ในจูฬกัมมวิภังคสูตรตรัสว่า

อยากอายุยืน ต้องไม่ฆ่าสัตว์

อยากสุขภาพดีไม่มีโรค ต้องไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น

อยากผิวพรรณงาม ต้องไม่มักโกรธ

อยากมีอำนาจมาก ต้องไม่มักอิจฉา

อยากร่ำรวย ต้องไม่ตระหนี่ ให้ทานเสมอ

อยากเกิดในตระกูลสูง ต้องไม่เย่อหยิ่งจองหอง

อยากฉลาดมีปัญญา ต้องหมั่นเสวนาผู้รู้ สนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ

คือต้องทำเหตุให้สอดคล้องกับผล และต้องทำจริงๆ จึงจะได้ผลนั้น

เวลาท่านให้พร ท่านไม่กล่าวในทำนอง "ขอร้อง" หรือ "อ้อนวอน" ท่านจะสอนหลักแห่งการกระทำให้ทำตามนั้น แล้วผลจะมีมาเอง ดังคำอวยพรที่พระท่านให้ประจำคือ

อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน

จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ

อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่ผู้ที่นบไหว้เสมอ

มีปกติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในตระกูลเป็นนิจ

ให้สังเกตว่า ท่านใช้ปัจจุบันกาล (ย่อมเจริญ) ไม่ใช่ในทำนองขอร้อง (จงเจริญ) แต่ปัจจุบัน มีผู้เปลี่ยนให้เพี้ยนไปเป็น "จงเจริญไปก็มี เท่ากับทำแนวคิดเดิมให้เขวไป

หน้า 29

 

 
 
 
 

 

 

 

 
   
   
 
 
Copyright © by Matichon Public Co.,Ltd. All Rights Reserved

48
 :002:http://www.budpage.com/bfun10.shtml

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

49
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ลูกเด๋า
« เมื่อ: 07 พ.ย. 2550, 05:30:43 »
แด่ พี่เจียบ(ลูกเต๋า)

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

50
บทความ บทกวี / ผ่อนคลาย
« เมื่อ: 02 พ.ย. 2550, 06:00:25 »
http://www.budpage.com/budlife.shtml
      "วัคซีนป้องกันโรคอกหัก"

             "โรคอกหัก" เป็นโรคที่ระบาดไปทั่วสังคมไทย โดยเฉพาะคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและหนุ่มสาวจะเป็นโรคนี้กันได้ง่าย อย่างในยุคอินเดอร์เน็ตนี้ บางคนอกหักแทบทุกวันเพราะมีอาการป่วยชนิดพิเศษที่เขาเรียกว่า"อกหักออนไลน์" เกิดจากการเล่น chat หรือ ICQ
             โรคอกหักนี้เวลาเป็นขึ้นมาแล้ว จะมีอาการเจ็บกลัดหนองในหัวอกมากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ความลึกของหลุมรักที่ตกลงไป คนที่อกหักส่วนใหญ่มักจะมีอาการซึมเศร้า บางคนก็เที่ยวหาคนปลอบใจรอบข้าง บางคนต้องเปิดเพลง PoP ฟังเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ (บางทียิ่งเจ็บหนักเข้าไปอีก) ถ้ามีอาการหนักหน่อยก็อาจจะคิดทำร้ายตัวเอง หรือ หนักข้อยิ่งไปกว่านั้นบางคนถึงกับ"โดดตึก"ขอลาโลกนี้ไปเลยก็มี
             "สำนักข่าวชาวพุทธ" จึงขอนำบทความพิเศษ เรื่อง "วิธีคิดป้องกันความพลาดหวังจากความรัก" หรือ "วัคซีนป้องกันโรคอกหัก" มานำเสนอแด่ผู้อ่านทุกท่าน เพื่ออาจจะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ขอเชิญติดตามได้เลยครับ

51












อ้างอิง   www.pantip.com            /ศาสนา

52
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / พักสายตา 2
« เมื่อ: 11 ต.ค. 2550, 10:14:54 »







53








พระอาจารย์สั่งให้ post

54
อ่านข่าวแล้วสลดใจ เมืองพระเมืองพุทธทำไมทำกันอย่างนี้

http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod.php




 
 Home  มติชน  ข่าวสด  ประชาชาติธุรกิจ  มติชนสุดสัปดาห์  ศิลปวัฒนธรรม  เทคโนโลยีชาวบ้าน  เส้นทางเศรษฐี 
 
 
 
 








 

  วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6147

ทหารพม่าบุกวัด จับพระ700รูป

ยังลุยปราบเดือด! นักข่าวญี่ปุ่นสังเวย




นาทีปราบ- ทหารพม่าเข้าปะทะและยิงเข้าใส่ฝูงชน ระหว่างการสลายผู้ชุมนุมกว่าหมื่นคน โดยประกาศให้กลับบ้านภายใน 10 นาทีไม่เช่นนั้นจะยิง จากนั้นทางการแถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 9 ราย รวมถึงนักข่าวชาวญี่ปุ่น 1 ราย เมื่อ 27 ก.ย.

 
ทหารพม่าเมินเสียงประณามจากทั่วโลก ยกกำลังบุกวัด 3 แห่ง ปฏิบัติการสุดโหดไร้มนุษยธรรม รุมทำร้ายยิงทุบตีก่อนจับพระสงฆ์ไปกว่า 700 รูป พอตกบ่ายยกขบวนยืนเรียงหน้า กราดกระสุนใส่ฝูงชนที่มาชุมนุมนับหมื่นคน นักข่าวชาวญี่ปุ่นถูกลูกหลงดับคาที่ เป็นชาวต่างชาติรายแรกที่สังเวยเหตุการณ์นี้ ขณะที่รัฐบาลพยายามปิดหูปิดตาชาวโลก สั่งปิดร้านอินเตอร์เน็ตและการสื่อสาร ท่ามกลางประชาชนนับหมื่นที่ยังชุมนุมท้าทายเคอร์ฟิวอยู่ทั้งที่เจดีย์ซูเล และชเวดากอง ออสซี่จี้อาเซียนคว่ำบาตร งดความช่วยเหลือกับรัฐบาลพม่า และเตรียมใช้มาตรการเข้มงวดกับการเข้าเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐบาลด้วย การบินไทย-ทหารพร้อมส่งเครื่องบินรับคนไทยกลับหากฉุกเฉิน ราชทัณฑ์คุมเข้มห้ามเปิดข่าวให้นักโทษพม่าดู ด้านการค้า-ท่องเที่ยวชายแดนซบเซา คาดเสียรายได้วันละหลายสิบล้าน "แอ้ด"แนะดึงจีน-สหรัฐแก้ปัญหาพม่า ชี้ลำพังอาเซียนทำอะไรไม่ได้มาก

-สุดโหดบุกวัดทำร้าย-จับพระ

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ในประเทศพม่าว่า รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าไม่สนใจแรงกดดันและเสียงประณามจากประชาคมโลก เดินหน้าปฏิบัติการกวาดล้างสลายกลุ่มชุมนุมต่อต้าน ที่มีพระภิกษุสงฆ์เป็นแกนนำ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยในช่วงเช้ามืด ส่งทหารบุกวัด 3 แห่งในกรุงย่างกุ้ง ไล่ทุบตีจับกุมพระไป 700 กว่ารูป ทิ้งคราบเลือดปรากฏเป็นหลักฐานเปรอะเปื้อนเต็มวัด พอตกบ่ายตั้งแถวกราดยิงเข้าใส่ฝูงชนนับหมื่นแตกกระเจิง ขณะที่คนญี่ปุ่นกลายเป็นชาวต่างชาติศพแรก ที่ต้องจบชีวิตเพราะถูกลูกหลงจากเหตุปราบปราม

เว็บไซต์ข่าวอิรวดี สื่อต่อต้านรัฐบาลพม่า รายงานว่า ช่วงเช้ามืดวันที่ 27 ก.ย. ทหารและตำรวจปราบจลาจลพม่าบุกวัดอย่างน้อย 3 แห่งในกรุงย่างกุ้ง มีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้พระกลับเข้าไปเป็นแกนนำเดินขบวนประท้วงรัฐบาลพม่า โดยวัดแรกที่เกิดเหตุ คือ วัดเนยายาน ซึ่งเมื่อปี 2531 เคยเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลพม่าเช่นกัน ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ทหารขับรถพังประตูวัดเข้าไปด้านใน จากนั้นลงมือทุบตีเตะต่อยและจับกุมพระไปประมาณ 200 รูป ปลอกกระสุนตกเกลื่อนพื้น

วัดแห่งที่สอง โมออง มีพระถูกจับ 500 รูป ซึ่งพระที่หนีรอดไปได้และย้อนกลับมาที่วัด เล่าว่า พื้นวัดเต็มไปด้วยคราบเลือด ส่วนวัดมะขิ่น เป็นวัดแห่งที่สามที่ตกเป็นเหยื่อการปราบปราม ภายหลังจากทหารจับเจ้าอาวาสและพระลูกวัด 4 รูป และยังจับเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ที่พักรักษาตัวอยู่ในวัดไปอีก 4 คน นอกจากนั้นทหารพม่ายังไปจับตัวนายมิ่น เทง โฆษกและสมาชิกพรรคฝ่ายค้านเอ็นแอลดี รวมถึงแกนนำกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอื่นๆ อีกหลายคน แต่ไม่รู้ว่าทางการพม่านำตัวบุคคลเหล่านี้ไปคุมขังที่ใด

-ปิดร้านเน็ต-ตัดขาดสื่อต่างชาติ

ซีเอ็นเอ็นแจ้งว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งพระและประชาชนจากเหตุปราบปรามช่วง 2 วันที่ผ่านมา มี 10 ราย นอกจากนี้ทางการพม่ายังปิดร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและมือถือ เพื่อพยายามตัดขาดการสื่อสารระหว่างผู้ชุมนุมกับโลกภายนอก อย่างไรก็ตามสื่อของรัฐบาลทหารพม่า เช่น หนังสือพิมพ์นิวไลต์ออฟเมียนมาร์ ตอบโต้ว่า มีชาวบ้านตายเพราะปะทะกับเจ้าหน้าที่เพียง 1 รายเท่านั้น ขณะที่สื่อต่างชาติกำลังจงใจบิดเบือนข่าวเพื่อยุยงให้ชาวพม่าลุกฮือก่อประท้วงครั้งใหญ่

-ทหารไล่ยิง-ม็อบนับหมื่นกระเจิง

สำหรับสถานการณ์บริเวณเจดีย์ซูเล 1 ใน 2 ศูนย์กลางการเดินขบวน พระและประชาชนนับหมื่นคนยังคงออกมาชุมนุมเต็มท้องถนน ท้าทายคำสั่งเคอร์ฟิวและห้ามชุมนุมเกิน 5 คนของรัฐ ทำให้ทหารประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขู่ให้ประชาชนสลายตัวภายใน 10 นาที ไม่เช่นนั้นจะใช้มาตรการเด็ดขาด ก่อนเปิดฉากยิงปืนใส่ฝูงชนจริงๆ ตามคำขู่ เป็นเหตุให้ม็อบแตกกระจาย คนหลายพันคนล่าถอยหนีไปตั้งหลักในเขตตามวย ซึ่งทหารได้แยกกำลังเข้าล้อมม็อบกลุ่มนี้ ก่อนยิงขู่และยังไม่ทราบชะตากรรม ว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตมากน้อยขนาดไหน ส่วนที่เจดีย์ชเวดากอง ศูนย์กลางการชุมนุมอีกแห่งนั้นบรรยากาศค่อนข้างสงบ เพราะทหารตรึงกำลังอย่างหนาแน่น

นายวิน มิน หนึ่งในกลุ่มอดีตแกนนำนักศึกษาพม่าผู้จัดชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปี 2531 วิเคราะห์ว่า การประท้วงครั้งใหม่ ซึ่งมีพระสงฆ์เป็นแกนนำ คงจะไม่ยุติง่ายๆ แม้รัฐบาลพม่าจะใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากความกล้าหาญของพระและแนวร่วมจะเป็นแรงจูงใจให้ชาวพม่าทั่วประเทศได้เห็นความโหดร้ายของรัฐบาลและลุกขึ้นมาร่วมต่อสู้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตะวันตกมองว่า การที่รัฐบาลทหารพม่าปล่อยให้การชุมนุมต่อเนื่องหลายวันก่อนส่งทหารเข้าสลาย น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลใช้เวลาระหว่างนั้นส่งสายลับเข้าแทรกซึมเพื่อให้ได้ข้อมูลแกนนำจัดการชุมนุมตลอดจนเครือข่ายของกลุ่มผู้ประท้วง เพื่อนำไปสู่การจัดการปราบปรามขั้นเด็ดขาดต่อไป
ฆ่านักข่าว- นายเคนจิ นางาอิ อายุ 52 ปี นักข่าวญี่ปุ่นจากสำนักข่าวเอพีเอฟ พยายามบันทึกภาพเหตุการณ์ ก่อนจะเสียชีวิต ระหว่างทหารพม่าล้อมปราบม็อบพระสงฆ์และประชาชนกลางนครย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 27 ก.ย.

 


-ฆ่าต่างชาติรายแรก-นักข่าวญี่ปุ่น

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า มีชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากเหตุจลาจลบริเวณเจดีย์ซูเล 1 คน ต่อมา คนของสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงย่างกุ้งได้เดินทางไปพิสูจน์ศพที่โรงพยาบาลและพบว่าผู้ตาย คือ นายเคนจิ นากาอิ ชาวญี่ปุ่น วัย 50 ปี นักข่าวสำนักข่าวเอพีเอฟ ส่งผลให้นายเคนจิเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ต้องสังเวยชีวิตเพราะเหตุประท้วง

-ออสซี่จี้อาเซียนคว่ำบาทพม่า

ขณะเดียวกันที่กรุงโตเกียว นายฮิโตชิ คิมูระ รมช.ต่างประเทศ เตรียมเรียกตัวนายฮลา มินท์ เอกอัครราชทูตพม่า เข้าพบ เพื่อแสดงความไม่พอใจรัฐบาลพม่าที่ใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งญี่ปุ่นจะติดตามสถานการณ์ในพม่าอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจว่าจะมีมาตรการลงโทษพม่าหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้ยกเลิกให้ความช่วยเหลือแก่พม่าตั้งแต่ปี 2546 หลังจากนางออง ซาน ซู จี ผู้นำประชาธิปไตยถูกจับกุมตัวไปกักขัง แต่ก็ยังจัดตั้งกองทุนสำหรับความต้องการฉุกเฉินอย่างโครงการเกี่ยวกับสุขภาพให้แก่พม่า นอกจากนี้ปัจจุบันในพม่ามีชาวญี่ปุ่น 615 คน และบริษัทญี่ปุ่น 74 แห่ง

สำหรับปฏิกิริยาของนานาชาติภายหลังจากรัฐบาลพม่าใช้อาวุธปืนสลายม็อบ นายจอห์น ฮาวเวิร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ออสเตรเลียจะออกมาตรการลงโทษทางการเงินแก่พม่า และจะเข้มงวดในการตรวจลงตราหนังสือเดินทางของเจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่าด้วย และตนเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ทั้งรัฐบาลจีน อินเดีย รวมถึงสมาชิกประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จะต้องใช้อิทธิพลที่มีอยู่กดดันรัฐบาลพม่าให้ยุติการใช้ความรุนแรงปราบผู้ประท้วง ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศจากกลุ่มอาเซียน ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก สหรัฐ ระบุว่า เตรียมเปิดประชุมนอกรอบเพื่อหารือถึงปัญหาพม่า นอกจากนั้นยังมีข่าวว่า สหภาพยุโรป (อียู) เตรียมเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อพม่าให้หนักขึ้นด้วย

-น.ศ.เผารูปบิ๊กพม่าหน้าสถานทูต

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าสถานทูตพม่า ประจำประเทศไทย ถ.สาทร มีกลุ่มนักศึกษาพม่า 30 คน เดินทางมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและประท้วงรัฐบาลทหารพม่า ที่ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามพระสงฆ์และประชาชน ที่ร่วมกันเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทหารพม่าให้ปล่อยตัว นางอ่อง ซาน ชูจี พร้อมกับกล่าวโจมตีก่อนร่วมกันร้องเพลง จากนั้นกลุ่มนักศึกษาพม่าได้เผารูปของพล.อ.อาวุโส ตานฉ่วย ประธานพีเอสดีซี พร้อมกระทืบด้วยความเกลียดชัง

นอกจากนี้มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ นำโดยน.พ.เหวง โตจิราการ นางประทีป อึ้งทรงธรรม และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย มายื่นหนังสือประท้วงด้วย เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าเคารพในสิทธิมนุษยชนของพระสงฆ์ และประชาชนชาวพม่า ที่ร่วมกันชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย โดยมีกำลังตำรวจสน.ยานนาวา และตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรอง เข้าร่วมดูสังเกตการณ์ กระทั่งเวลา 11.00 น. กลุ่มนักศึกษาพม่าได้พากันสลายการชุมนุม แต่ได้นัดรวมตัวกันอีกในวันที่ 28 ก.ย. เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก

-ทหาร-บินไทยพร้อมขนคนไทยกลับ

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า รัฐบาลพม่าได้ประกาศจุดยืน ซึ่งหลังจากประกาศเคอร์ฟิว มีการให้กำลังทหารเข้ามาเสริมในการสลายม็อบ ซึ่งจากสรุปรายงานไม่มีเหตุการณ์ใดรุนแรง เมื่อถามว่าจะมีปัญหากระทบตามแนวชายแดนประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะแนวชายแดนอยู่ไกลกับเหตุการณ์คงไม่มีผลกระทบอะไร

ส่วนจะดำเนินการอพยพคนไทยในพม่ากลับสู่ประเทศไทยอย่างไร พล.อ.สนธิกล่าวว่า ได้คุยกับพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.แล้วว่า กองทัพอากาศพร้อมสนับสนุนเครื่องบินไปรับคนไทย ในส่วนของพม่านั้นผู้ช่วยทูตทหาร เอกอัครราชทูตได้คุยกัน และประสานกับคนไทยทุกคนที่อยู่ในพม่า หากมีเหตุการณ์ขึ้นมาคงจะมีการประสาน เพื่อนำคนไทยกลับประเทศ เมื่อถามว่าทางพม่าให้การดูแลคนไทยที่อยู่ในประเทศอย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ได้รับการประสานจากผู้ช่วยทูตทหารว่าเรื่องในภาพรวมมีความปลอดภัยไม่มีผลกระทบ

พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีความพร้อมเต็มที่หากสถานการณ์ในพม่ามีความรุนแรง และต้องอพยพคนไทยและนักธุรกิจไทยในพม่า โดยกำลังรอการประสานงานคมช. หากเห็นว่าต้องมีการนำคนไทยกลับ การบินไทยก็จะเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับ ขณะที่สายการบินอื่นๆ ก็จะให้ความช่วยเหลือเช่นกัน รวมทั้งจะขอความร่วมมือจากกองทัพในการใช้เครื่องซี-130 นำคนไทยกลับประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

-การบินไทยเปลี่ยนตารางบิน

วันเดียวกัน การบินไทยปรับเปลี่ยนตารางการบินสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางไปยังพม่าระหว่างวันที่ 27-29 ก.ย. คือ เที่ยวบินที่ทีจี 305 กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง เดิมออกเดินทางจากกรุงเทพฯ 18.10 น. ถึงย่างกุ้ง 19.00 น. เปลี่ยนเป็นออกจากกรุงเทพฯ 16.30 น. ถึงย่างกุ้ง 17.20 น. เที่ยวบินที่ทีจี 306 ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ เดิมออกจากย่างกุ้ง 20.00 น. ถึงกรุงเทพฯ 21.45 น. เปลี่ยนเป็นจากย่างกุ้ง 18.20 น.ถึงกรุงเทพฯ 20.05 น. สามารถโทรศัพท์ติดต่อ ได้ที่การบินไทย 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

-สั่งคุกห้ามเปิดข่าวจลาจลในพม่า

นายอาทร เครือรัตน์ ผบ.เรือนจำสมุทรสาคร เปิดเผยถึงการควบคุมดูแลผู้ต้องขังชาวพม่าว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขังชาวพม่าประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่คดียาเสพติดและคดีอาญาทั่วไป ซึ่งกรมราชทัณฑ์สั่งให้จับตาดูความเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ก่อความวุ่นวายภายในเรือนจำ โดยให้จัดโทรทัศน์ในแดนคุมขังที่มีชาวพม่าอยู่ ห้ามเปิดข่าวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วงในพม่าอย่างเด็ดขาด จะอนุญาตให้เปิดเฉพาะข่าวบันเทิงเท่านั้น และจะปิดโทรทัศน์ไม่เกินเวลา 21.00 น.ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ และคงไม่ต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวด อย่างไรก็ตามผู้ต้องขังชาวพม่าเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องการบ้านการเมืองนัก เพียงแค่ต้องการเงินส่งกลับไปให้ญาติพี่น้องทางบ้านและเลี้ยงตัวเองไปวันๆเท่านั้น

ด้านนายประเสริฐ ป้ำกระโทก ผบ.เรือนจำกลางสมุทรสงคราม กล่าวว่า ผู้ต้องขังชาวพม่าในเรือนจำกลางสมุทรสงครามมีอยู่ทั้งสิ้น 64 คน โดยเป็นผู้ต้องขังที่ถูกจับในคดีหลบหนีเข้าเมืองและยาเสพติด ขณะนี้ได้สั่งเจ้าหน้าที่จับตาดูความเคลื่อนไหวอย่าให้มีการจับกลุ่มของผู้ต้องขัง และปิดกั้นข่าวสารเกี่ยวกับประท้วงในพม่า เพื่อป้องกันก่อความวุ่นวายในเรือนจำ

-การค้า-ทัวร์วูบวันละ30ล.

นายอำพล ฉัตรไชยาฤกษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า แม้พม่าไม่ปิดด่านชายแดน ด้านอ.แม่สอด จ.ตาก ก็เหมือนปิด ส่งผลกระทบต่อสินค้าประเภทเครื่องอุปโภค-บริโภค ยารักษาโรคและน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากผู้ประกอบการค้าในพม่าไม่มั่นใจในสถานการณ์ ปิดกิจการหมดทั้งประเทศ งดสั่งสินค้าจากไทยไปย่างกุ้ง เพราะกลัวถูกปล้นระหว่างทางในการขนส่ง ทำให้สินค้าจากไทยด้านอ.แม่สอดตกค้างอยู่ในโกดัง ทำให้ไทยเสียโอกาสการค้าวันละกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปนานเท่าไร นอกจากนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินจ๊าต เหลือเพียง 2.50 บาท จากเดิม 2.60 บาท ต่อ 100 จ๊าต

ด้านจ.เชียงราย ล่าสุดการสั่งจองทัวร์ไปตามเส้นทางแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-เมืองลา โดยเฉพาะเส้นทางไปเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ห่างจากชายแดนแม่สายประมาณ 168 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบแล้ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวถอนหรือยกเลิกทัวร์ อย่างไรก็ตามผลกระทบถือว่าไม่เลวร้ายมากนักเนื่องจากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ขณะที่ด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ยังคงเปิดตามปกติ

-"แอ้ด"แนะดึงจีน-สหรัฐแก้ปัญหาพม่า

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาเกิดขึ้นในพม่า ซึ่งไทยมักหนีไม่พ้นเพราะอยู่ในอาเซียน ซึ่งจะต้องมีปฏิกิริยาอะไรในนามของอาเซียนออกไปหรือไม่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ได้คุยกันทั้งประเทศที่อยู่นอกอาเซียน กับประธานาธิบดีสหรัฐ โดยบอกว่าในส่วนของไทยเราไม่มีทรัพยากร มาตรการอะไรที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาพม่าดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราคงต้องการความช่วยเหลือ ต้องการความร่วมมือจากมิตรประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดว่ามีความจำเป็น เพราะพลังและศักยภาพของเราที่จะเข้าไปดำเนินการนั้น คงมีไม่พอ คำพูดหรือความร่วมมือก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะเปิดช่องทางสำหรับการพูดคุยกัน นั่นจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา แต่ถ้าเราไม่มีช่องทางที่จะคุย โอกาสนั้นคงไม่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จีนและอินเดียจะเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาพม่าได้อย่างไร และอาเซียนจะถูกมองว่ากำลังปล่อยให้กลุ่มที่มีอำนาจเหนือกว่านอกอาเซียนเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของการแทรกแซง แต่จะทำให้สถานการณ์ไม่ไปสู่ความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ทั้งจีนและอินเดียคงจะระมัดระวังในการดำเนินการ คงไม่ใช้วิธีการที่พม่ายอมรับไม่ได้ คิดว่าส่วนต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ทำ การจะแก้ปัญหาให้หมดไปภายใน 1-2 สัปดาห์เป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก และปัญหาที่สำคัญอย่างที่ประเทศตะวันตกมองคือ เรื่องของประชาธิปไตย เรื่องการควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี ซึ่งเป็นมุมมองของทางตะวันตกว่าไม่ควรเป็นอย่างนั้น แต่ในส่วนของอาเซียนเราก็เห็นด้วยว่าไม่ควรควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี เป็นเวลานานๆ แต่การแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ เรามีศักยภาพพอหรือไม่ที่จะไปให้ข้อสังเกต ข้อเสนอ แล้วพม่าเองก็ยอมรับ เราคงไม่มีศักยภาพพอที่จะไปผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายให้เกิดขึ้นได้ ถ้าหากว่าประเทศที่เป็นเจ้าภาพไม่เห็นด้วย

-นัดชุมนุมเรียกร้องสันติวิธี

ด้านนายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า การปราบปรามผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง จนบาดเจ็บล้มตายไป รัฐบาลไทยควรร่วมกับกลุ่มประเทศอาเซียน ในการกดดันรัฐบาลพม่า โดย 1.ขอให้รัฐบาลพม่าทบทวนนโยบายขึ้นราคาน้ำมันและเศรษฐกิจด้านอื่นๆ โดยคำนึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน และ 2.ขอเรียกร้องรัฐบาลพม่าให้ยุติการปราบปรามประชาชน และหาทางทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ทำให้รัฐบาลพม่าเร่งเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย

ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ได้รับการแจ้งจากเครือข่ายสันติวิธี และกลุ่มผู้สนับสนุนสันติวิธีว่าจะมีการนัดชุมนุมกันที่สถานทูตพม่าในวันที่ 28 ก.ย.เวลา 10.30 น.โดยผู้เข้าร่วมชุมนุมจะนัดกันนุ่งขาวห่มขาว เพื่อเจริญสติภาวนาเพื่อสันติภาพในพม่า และในเวลา 19.00 น.วันเดียวกัน จะมีการจุดเทียนแสดงพลังแห่งแสงสว่างเพื่อสันติภาพในพม่า เป็นการสนับสนุนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนด้วยสันติวิธี และเรียกร้องรัฐบาลทหารพม่ามิให้ใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้ประชาชนชาวพม่า

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ตัวแทนเครือข่ายพุทธิกา และตัวแทนองค์กร 17 องค์กร กล่าวภายหลังยื่นหนังสือถึงมหาเถรสมาคมว่า ต้องการเรียกร้องให้กรรมการมหาเถรสมาคม แสดงท่าทีต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับชาวพุทธในพม่า เนื่องจากมีพระสงฆ์รวมทั้งประชาชนเสียชีวิต จึงต้องการส่งความปรารถนาไปถึงรัฐบาลพม่าให้ใช้วิธีอหิงสาและสันติวิธี ในการจัดการกับปัญหาหรือความเดือดร้อนต่างๆที่เกิดขึ้นด้วย

-แม่ทัพ3เผยเตรียมพร้อมรับมือ

พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 เตรียมสถานที่พักชั่วคราว เพื่อดูแลความปลอดภัย สำหรับชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยที่ได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ เหมือนในอดีตที่เราให้ที่พักพิง เมื่อเหตุการณ์สงบก็ผลักดันกลับไป โดยเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 ได้เตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดนไว้ตลอดเวลา ซึ่งระดับการป้องกันใช้แค่ระดับปกติ อย่างไรก็ตามพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ไม่ได้เน้นย้ำเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่มีการโทรศัพท์ติดตามสถานการณ์ตลอด จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ยังไม่จำเป็นที่จะต้องประสานไปยังผู้นำทางทหารพม่าแต่อย่างใด

-คาดคนพม่าหนีร้อนพึ่งเย็น

นายโคทม อารียา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพม่าจะกระทบต่อคนไทยมากน้อยแค่ไหนว่า อาจเป็นผลให้คนไทยที่อยู่ในประเทศพม่าได้รับอันตรายและอาจจะทำให้ สถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ในประเทศพม่าเลวร้ายลง ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการจุดประกายความร้อนแรง และจะทำให้มีคนหนีความร้อนแรงมาสู่ที่ร่ม และอาจจะเป็นผลให้ประชาชนพม่าอพยพเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นไทยไม่ควรที่จะให้ความทุกข์ของคนอื่นมาเป็นความสุขของเราเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลไทยควรแสดงจุดยืนอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของเพื่อนบ้าน นายโคทมกล่าวว่า ควรจะทำทั้งทางตรงทางอ้อม ทางตรงควรพูดผ่านเอกอัครราชทูตไทยประจำพม่า หรือเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย รวมไปถึงการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน ทางอ้อมคือ จะต้องใช้เวทีระหว่างประเทศหรือมิตรประเทศที่มีบทบาทต่อประเทศพม่า ซึ่งรัฐบาลก็ควรที่จะแสดงจุดยืนออกมาให้เป็นรูปธรรมชัดเจน

เมื่อถามว่าศักยภาพของไทยในการที่จะไปเจรจากับประเทศพม่าจะมีน้ำหนักหรือไม่ นายโคทมกล่าวว่า อาจมีแต่มีน้อย แต่ว่าในฐานะที่ประเทศไทย และพม่าเป็นสมาชิกในองค์กรระหว่างประเทศร่วมกัน อาจทำให้ประเทศพม่าฟังได้บ้าง

หน้า 1

 


 
 
 
 ? แลกเปลี่ยนความรู้ - แสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่นี่ ?
 โดยคุณ:   
อีเมลล์:   
ความเห็นท้ายข่าว:
? ? ? ? ? ? 
   

     
   หน้าที่ : [1] 

 
ความคิดเห็นที่ : 1           โดยคุณ : กำถั่ว

♣  ท่านโคทมเขามีหู เขาก็ฟัง แต่เขาไม่ทำตามหรอกเชื่อเหอะ ใครจะยอมสละอำนาจง่ายๆ ไม่ใช่บังธิวีรบุหลุดของไทยนี่ แค่ปีเดียวก็พอแล้ว



58.9.76.163
หากความเห็นนี้มีคำไม่เหมาะสมโปรดคลิกที่นี่!....
--------------------------------------------------------------------------------
 
 
 
     
 
 
 
 

 
 




 













 
 
 
 |  มติชนรายวัน |  ข่าวสดรายวัน |  ประชาชาติธุรกิจ |  มติชนสุดสัปดาห์ |  ศิลปวัฒนธรรม |  เทคโนชาวบ้าน |  เส้นทางเศรษฐี |  ศูนย์ข้อมูล |  สำนักพิมพ์  | 
E-mail : webeditor@matichon.co.th 
Copyright © by Matichon Public Co.,Ltd. All Rights Reserved. Design by Computer Department Matichon Information Center.   
 

55
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / อาจารย์หนวด
« เมื่อ: 07 มี.ค. 2550, 01:26:00 »
วันเสาร์ที่ 10 มีนาคมนี้
ท่านอาจารย์หนวด จะทำพิธีบูชาครูที่ บ้าน ตำหนักหนองปรือ
ศิษย์ท่านใดสนใจร่วมงาน
ออกเดินทางจากวัดบางพระประมาณ 05.30 น.
พาหนะจัดเองตามอัทธยาศัย

56
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / จตุคาม
« เมื่อ: 10 ก.พ. 2550, 06:23:41 »
จตุคาม

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

57
ถ้าไปครอบครู เสียค่าครอบเท่าไหร่ครับ
และถ้าครอบแล้ววันไหว้ครูต้องไปอีกหรือเปล่าครับ
เพราะเห็นว่ามีพิธี 2 วัน

58
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ปรึกษาคับ
« เมื่อ: 13 ธ.ค. 2549, 08:36:46 »
เวลาเราไป ครอบครู ทำไงบ้างครับ ขอถามคับ

หน้า: [1]