ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกธรรม...๑ ก.ย.๕๒...ทบทวนความทรงจำ ๒ ...  (อ่าน 1057 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตั่งแต่ตืนนอนมา....
ใช้เวลาอยู่กับการทบทวนระลึกนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา
ซึ่งวันนี้ก้าวหน้ากว่าเมื่อวาน เพราะมีประสพการณ์มาแล้ว
จึงทำได้ง่ายกว่าที่ผ่านมาเพราะว่าเรารู้ทางแล้ว
วันนี้เลยกล้าลงไปทำวัตรเช้า-เย็นที่ศาลา
กล้าที่จะออกไปเดินดูงานการก่อสร้างและสนทนากับพระกับโยม
เพราะว่าเราจำทางเดินของจิตได้แล้ว ว่าจะต้องตั้งอารมณ์อย่างไร
เพื่อให้จิตไปสู่จุดนั้น อารมณ์ที่เราต้องการ และการอธิษฐานจิต
ออกไปตลาดเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำพระ
ซึ่งหมดลงพอดีและจำเป็นที่จะต้องใช้ในวันนี้
เพราะถ้าของขาดไปก็ต้องหยุดพักการทำพระกัน
และแผนกทำพระทำวัตถุมงคลนั้นกำลังมีศรัทธา
เรียกว่าเครื่องกำลังร้อน กำลังเพลิน กำลังเข้าที่
ถ้าหยุดพักไปอารมณ์ของท่านเหล่านั้นจะไม่ต่อเนื่อง
ต้องมาเริ่มสร้างอารมณ์กันใหม่ ซึ่งกว่าจะเข้าที่ก็ต้องใช้เวลา
ซึ่งจัดว่าโชคดีที่งานหลวงก็ไม่ขาด งานราษฎร์ก็ไม่เสีย
ทันเวลาได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ส่วนตัวและส่วนรวม
เหมือนกับคำที่ว่า"ทุกข์ไม่มา ปัญญาไม่มี บารมีไม่เกิด"
คือถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นให้สะเทือนใจแล้ว
เราจะกินแต่ของเก่า รักษาทรงไว้แต่ของเก่า
ไม่ได้สร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาไม่ได้พัฒนาทางจิต
แต่พอมีเรื่องให้คิด ให้พิจารณา มีปัญหาให้แก้ไข
เราได้ฝึกจิตตัวใหม่ขึ้นมาทุกครั้งและเป็นอย่างนี้ตลอดมา
ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติธรรมมา เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด
"ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม" คือคติธรรมประจำใจ...
 :059:ขอบคุณเหตุการณ์ทั้งหลายที่สอนให้ได้พัฒนาทางธรรม :059:
                เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
              รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๓ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๑.๔๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ก.ย.๕๒...ทบทวนความทรงจำ ๒ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 03 ก.ย. 2552, 08:59:55 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ได้อ่านแล้วทำให้ผมมีพลังที่จะต่อสู้กับความอ่อนแอในการปฎิบัติธรรมของผมได้มากเลยครับ เพราะช่วงนี้การปฎิบัติของผมไม่คืบหน้าเลยครับ นั่งสมาธิก็นั่งได้ไม่นาน(ตอนนั่งคิดว่านาน) ถ้านั่งนานหน่อยก็จะง่วง เดินจงกรมก็ไม่ค่อยมีสมาธิ คงต้องตั้งสติฝึกจิตให้มีความมุ่งมั่นมากกว่าช่วงนี้ รบกวนขอให้พระอาจารย์แนะนำด้วยครับให้โยมตี๋ย้อนกลับไปอ่าน
กระทู้เก่า เรื่องการฝึกสมาธิอย่างเรียบง่ายสบายๆ ทุกบท ที่เคยได้เขียนไว้ เพราะได้อธิบายไว้แล้วในกระทู้นั้นๆ  และเมื่อการปฏิบัติธรรมของเราไม่เจริญก้าวหน้า ก็ให้กลับไปอ่านดู แล้วจะรู้จะเข้าใจ ว่าทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้น...ขอเจริญพร..และขอให้เจริญในธรรม...สาธุ...สาธุ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 ก.ย. 2552, 09:45:28 โดย RaveeSajja »

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ Lizm Club

  • “The one thing you cannot teach a person is COMMON SENSE.”
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 309
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ก.ย.๕๒...ทบทวนความทรงจำ ๒ ...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 03 ก.ย. 2552, 01:31:33 »
เวลาที่เรานั่งสมาธิเราต้องเจริญภาวนาไปพร้อมๆกันรวมทั้งตั้งจิตให้ปล่อยวางด้วยใช่ไหมค่ะ....................ขอบคุณค่ะ
"ก่อนทีท่านจะว่าผู้อื่น ลองหันมองดูตัวเองก่อนเถิดว่าตัวเองนั้นเป็นเช่นไร ถ้าเราไม่ได้ดีกว่าเขาก็อย่าว่าเขาเลย".......

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ก.ย.๕๒...ทบทวนความทรงจำ ๒ ...
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 04 ก.ย. 2552, 10:26:34 »
เวลาที่เรานั่งสมาธิเราต้องเจริญภาวนาไปพร้อมๆกันรวมทั้งตั้งจิตให้ปล่อยวางด้วยใช่ไหมค่ะ....................ขอบคุณค่ะ
เราต้องภาวนาให้จิตสงบนิ่งจริงๆเสียก่อน แล้วจึงถอนจิตขึ้นสู่การพิจารณา เข้าสู่อารมณ์วิปัสสนา
การปล่อยวางนั้น คือการที่ไม่เข้าไปยึดถือในอารมณ์ต่างๆ เพียงแต่ตามดู ตามรู้ ตาเห็น แต่จิตไม่ไปหยุดปรุงแต่ง
เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของอารมณ์ทั้งหลาย เข้าในในกฏพระไตรลักษณ์ของความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
รู้ด้วยปัญญาว่า"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง มันเป็นเช่นนั้นเอง" แล้วจิตเราจะไม่เข้าไปยึดติดในอารมณ์เหล่านั้น
...ปล่อยวางจากการปรุงแต่งของจิต...ขอเจริญพร...