ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกธรรม...๑๙ ก.ย.๕๒...การอธิษฐานจิตวัตถุมงคล...  (อ่าน 2684 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
วันนี้เป็นวันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
ญาติโยมมาทำบุญตักบาตรที่วัดพอประมาณ
ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้าแล้วญาติโยมรับศีลถวายสังฆทาน
รับสังฆทาน สนทนาธรรม ให้พรญาติโยม เสร็จแล้วฉันอาหารเช้า
เสร็จพิธีที่ศาลาหอฉันเวลาประมาณ  ๐๙.๐๐ น. จึงกลับขึ้นศาลาที่พัก
ญาติโยมทานข้าวเสร็จแล้วลงไปช่วยกันขนทรายปรับพื้นหอพระหอธรรม
ขนทรายปรับพื้นเสร็จเรียบร้อยเวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น. ญาติโยมลากลับ
สรงน้ำแล้วออกไปลงอุโบสถฟังพระปาฏิโมกข์ร่วมกับพระทั้งตำบล
เพื่อพบปะพูดคุยและทำสังฆกรรมร่วมกันของพระที่จำพรรษาในเขตตำบลเดียวกัน
กลับจากลงอุโบสถฟังพระปาฏิโมกข์แล้วเข้าโบสถ์ขออยู่ปริวาสกรรม เข้ากรรมฐาน
เพื่อชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์ โดยจะอยู่ปริวาสกรรม เข้ากรรมฐาน ๑๕ วัน
ซึ่งจะครบกำหนดออกอัพภาน ออกกรรมฐานในวันขึ้น ๑๔ ค่ำหน้า ก่อนวันปวารณา
เพราะว่าหลังออกพรรษาจะต้องออกไปบรรยายธรรม สอนกรรมฐานและไปร่วมงานพุทธาภิเสก
เราจึงต้องเข้าอยู่ปริวาสกรรม เข้ากรรมฐาน เพื่อชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์เสียก่อน
และเพื่อที่จะได้ประพฤติปฏิบัติทบทวนสภาวะธรรมทั้งหลายที่จะต้องใช้ในการบรรยาย
เร่งความเพียรเคี่ยวจิต เพิ่มกำลังสมาธิ ทบทวนฝึกจิตในเชิงพลังงาน ให้กลับมาเหมือนเดิม
ย้ายลงไปจำวัตรปฏิบัติในพระอุโบสถ เดินจงกรม นั่งสมาธิ อธิษฐานจิตวัตถุมงคล
การอธิษฐานจิตวัตถุมงคลนั้น เราต้องจำภาพนิมิตรของวัตถุมงคลที่จะอธิษฐานจิตทุกชิ้นให้ได้ทุกชิ้น
รูปทรงสัณฐาน อักขณะเลขยันต์ สีสรรค์ มวลสาร และเจตนาในการสร้างว่าวัตถุมงคลนั้นเพื่อด้านใด
เป็นวัตถุมงคลทางเมตตามหานิยม เมตตามหาลาภ แคล้วคลาด คุ้มครอง หรือมหาอุด คงกระพัน
เพราะว่ารูปยันต์ อักขระคาถา และรูปพรรณสัณฐานของวัตถุมงคลแต่ละอย่างนั้นแตกต่างกัน
การปลุกเสกในสมัยโบราณก่อนนั้น ทางเจ้าภาพเขาจะเตรียมวัตถุมงคลที่จะปลุกเสกใส่พาน
ถวายตั้งหน้าครูบาอาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกทุกท่านเพื่อให้รู้ว่าต้องอธิษฐานจิตวัตถุอะไรบ้าง
และวัตถุแต่ละอย่างควรจะไปในทิศทางใด ให้เด่นด้านไหน เพราะเมื่อท่านได้เห็นวัตถุมงคลแล้วท่านจะเข้าใจ
เพื่อที่จะได้อธิษฐานจิตไปในทิศทางเดียวกันในแต่ละคาบ ซึ่งมีสัญญาญเสียงฆ้องเป็นตัวกำหนด
เริ่มเดินจิตจากอ่อนโยนคือเดินจิตจากเมตตามหานิยม เมตตามหาลาภ แคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันคุณไสย์
มหาอุด คงกระพัน แล้วกลับมาสู่เมตตามหานิยมอีกครั้งก่อนถอนจิตออกจากอารมณ์สมาธิจบการอธิษฐาน
ซึ่งมีการเรียกรูปอาการ ๓๒ เดินธาตุ เสริมธาตุ ปลุกธาตุ เชิญเทวดามาช่วยรักษาวัตถุมงคลนั้นๆทุกชิ้น
จบด้วยการอธิษฐานจิตประจุตรึงพลังงานเพื่อป้องกันการคัดของ การสลายพลังงาน มิให้พลังงานนั้นเสื่อมถอย
และในสมัยก่อนนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะเป็นสายเดียวกัน ศิษย์อาจารย์เดียวกัน หรือมีภูมิธรรมสมาธิที่สูง
การปลุกเสกอธิษฐานจิตจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพราะท่านมีภูมิธรรมและสมาธิที่แก่กล้าเสมอกัน
แต่ปัจจุบันงานพุทธาภิเสกส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อสร้างภาพเพื่อหวังผลเชิงพาณิชย์เป็นธุระกิจเสียส่วนมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือการสร้างจตุคามเมื่อครั้งที่ผ่านมา หาครูบาอาจารย์ไม่ได้ก็สร้างและเชียร์เกจิใหม่ขึ้นมา
จึงมีแต่เพียงภาพ แต่ขาดซึ่งคุณภาพและพลังงาน ทำให้เกิดการเสื่อมศรัทธาโดยเร็วไว เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ
จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจแก่ท่านทั้งหลายให้คิดและพิจารณา....
           :059:ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต :059:
             รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๒๐ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๑๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ cho presley

  • ------> I'm Cho Presley
  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 2049
  • เพศ: หญิง
  • สุดท้ายก็กาหลง!
    • MSN Messenger - cho.khalong@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - เมืองเสน่ห์กาหลง
    • Yahoo Instant Messenger - มหาเสน่ห์+เมตตา+มหานิยม
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.khalong.com
ไม่ทราบว่ากรรมจากความหลอกลวงนำวัตถุมงคลที่ไม่ได้ปลุกเสก หรือผ่านพิธีนั้นหนักหนาเพียงใด.. แต่การที่นำศรัทธาของปวงชนมาหลอกลวง สังคมใดจะให้อภัย...แล้วผู้คนเช่าหานำไปใช้หละ?... แทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้.. คนเราเดี่ยวนี้จิตใจทำด้วยอะไร.. ไม่ชอบคนใจร้ายเลย..

ไม่กี่วันได้ข่าวผัวเมียทำธุรกิจแชมพูปลอมที่บ้าน โดยหาซื้อขวดแชมพูเปล่าๆ มากรอกแชมพูปลอมใส่เพื่อนำไปขายตามตลาดนัด สุดท้ายผู้บริโภคไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คันหัวกบาล ผมร่วง ตาย ตาย ตาย..ตายจริง.. คนใจร้ายมีดาษดื่น ทำได้ลงคอ.. เจ้าของแบรนด์แชมพูก็ได้หางเลขไป..ระนาว.. ทางแก้อีกทาง ใครทิ้งขวดแชมพูกรุณาทำลายด้วย..

Beautiful Sunday..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ก.ย. 2552, 07:41:40 โดย cho presley »

cho presley       

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

รอติดตามนางพญาเสน่ห์ทั้ง๕นะครับ :002:

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

รอติดตามนางพญาเสน่ห์ทั้ง๕นะครับ :002:
ต้องรออีกสักนิดนะครับ กำลังรวบรวม มวลสาร ว่านมงคลอยู่ครับ
ขอจันทร์แดงหลวงพ่อเอ็นไว้แล้ว ออกพรรษาจะลงไปเอา
นางพญามหาเสน่ห์ที่จะสร้างนั้น ใช้ว่านเมตตาและว่านที่มีชื่อมงคลล้วนๆ
เช่น ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ,แดง,เหลือง,เขียว และจันผา ว่านจูงนาง ว่านสาวหลง
ว่านช้างประสมโขลง ไม้แหย่แย้ พุทธรักษา ธัมมะรักษา สังฆะรักษา แก่นจันทร์หอม
เอามาทั้ง ๕ คือต้น ใบ ดอก ราก และผล มาตากแห้งแล้วบดทำผง ผสมกับผงอิทธิเจของครูบาอาจารย์
ที่สะสมไว้และให้ครูบาอาจารย์ช่วยอธิษฐานจิตให้อีกครั้งหนึ่ง พร้อมเจาะจงขอเมตตามหาลาภ มหานิยมล้วนๆ
แล้วหาฤกษ์ยามที่เป็นมงคลทำพิธีบวงสรวงขอบารมีเทวดาครูบาอาจารย์ให้ท่านช่วยคุ้มครองรักษาแล้วจึงลงมือสร้าง
เมื่อสำเร็จเป็นองค์พระแล้วก็ต้องมาเรียกรูปเรียกนาม เรียกอาการ ๓๒ ตั้งธาตุ เสริมธาตุ ปลุกธาตุแล้วจึงอธิษฐานจิต
ให้เป็นเมตามหาลาภ มหานิยม จบด้วยการเชิญเทวดามาคุ้มครองรักษาองค์พระทุกองค์ แล้วอธิษฐานจิตตรึงพลังงานให้คงไว้
ไม่ให้เสื่อมสลายไป โดยใช้วิชาที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาของสายหลวงพ่อท่านคล้ายซึ่งพระอาจารย์จำเนียรสืบทอดมา
คือวิชาการเสกด้วยโลกุตรจิต (หลังจากอธิษฐานจิตแล้ว ทำจิตให้เป็นโลกุตรจิต ) ซึ่งจะเป็นความว่างแต่เมือเราอธิษฐาน
ขอบารมีหรือมีเหตุการณ์เกิดขึ้น จะมีพลังงานขึ้นมาทันที วิชานี้ป้องกันนักเลงจิตที่ชอบดูดพลังงาน สลายพลังงานของผู้อื่น
และป้องกันการคัดของ เพราะว่าถ้าเสกและอธิษฐานด้วยวิธีนี้ของจะไม่มีวันเสื่อม(พ่อท่านคล้ายวัดสวนขันบอกพระอาจารย์จำเนียร)
ซึ่งท่านเก่งคงต้องรออีกสักระยะกว่าจะรวบรวมมวลสารว่านได้ครบ กว่าจะหาฤกษ์ยามที่เหมาะสม ทีมงานพระที่พร้อม
ทุกอย่างต้องลงตัวจึงจะทำสำเร็จได้ เพราะไม่ได้ทำตามกระแสความต้องการของตลาด แต่เป็นการสร้างการทำเพื่อใช้กันเอง
จึงต้องเน้นเรื่องคุณภาพเป็นพิเศษเพราะเราทำใช้กันเอง จึงต้องให้มั่นใจแล้วจึงสร้าง...
 :059:หมายเหตุ...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๖ ตุลาจะลงไปรับลงใต้ ไปกราบหลวงพ่อเอ็น วัดเขาราหู พลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือฯ
หลวงปู่สุภา ที่ภูเก็ต เตรียมตัวเอาไว้นะครับ แล้วจะแจ้งใหม่อีกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ก.ย. 2552, 01:13:08 โดย RaveeSajja »

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ.. :054:

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาบอกเล่า เรื่องการอธิฐานจิต ครับ...

....อ่านถึงเนื้อหามวลสารที่รวบรวมมาสร้างพระแล้ว อยากได้พระนางพญามหาเสน่ห์จังเลยครับ.... :002:

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
“ปริวาส” เป็นชื่อของสังฆกรรมประเภทหนึ่งที่สงฆ์จะพึงกระทำ

ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งการอยู่
ปริวาสเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “การอยู่กรรม”จึงนิยมเรียก
รวมกันว่า “ปริวาสกรรม”

"ปริวาส” หมายถึง “การอยู่ใช้” หรือ “การอยู่รอบ”
หรือเรียกสามัญว่า “การอยู่กรรม”(วุฏฐานวิธี) คือ อยูู่่ให้ครบ
กระบวนการ สิ้นสุดกรรมวิธีทุกขั้นตอนของการอยู่ปริวาสกรรม
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้อยู่ใช้กรรมหรือความผิดที่ได้ล่วงละเมิดพระวินัย
ต้องอาบัติ  “สังฆาทิเสส” ซึ่งอาจจะล่วงละเมิดโดยความตั้งใจ
หรือไม่ได้ตั้งใจ หรืออาจล่วงละเมิดโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดีนั้น
ให้พ้นมลทิน หมดจดบริสุทธิ์ไม่มีเหลือเครื่องเศร้าหมอง
อันจะเป็นอุปสรรคในการประพฤติปฏิบัติบำเพ็ญในทางจิต
ของพระภิกษุสงฆ์

ปริวาสกรรมมีเพื่อสำหรับบุคคล ๒ ประเภท คือ

๐  ปริวาสกรรมสำหรับคฤหัสถ์ หรือพวกเดียรถีย์
๐  ปริวาสกรรมสำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่บวชอยู่แล้วในพระพุทธศาสนาแต่ต้องครุกาบัติ

ปริวาสสำหรับพระภิกษุสงฆ์

                     

ปริวาสกรรมสำหรับพระภิกษุสงฆ์นี้ เป็นปริวาสตามปกติสำหรับภิกษุผู้บวชอยู่แล้วในพระพุทธศาสนา
แต่ไปต้อง “ครุกาบัติ”  จึงจำเป็นต้องประพฤติปริวาสเพื่อนำตนให้พ้นจากอาบัติ ตามเงื่อนไขทาง
พระวินัยและเงื่อนไขของสงฆ์  เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การประพฤติวุฏฐานวิธี”

“การประพฤติวุฏฐานวิธี”

วุฏฐานวิธี คือ กฎระเบียบเป็นเครื่องออกจากอาบัติ หมายถึง ระเบียบวิธีปฏิบัติสำหรับภิกษุผู้จะเปลื้องตนออกจาก
ครุกาบัติสังฆาทิเสส มีทั้งหมด ๔ ขั้นตอน คือ

๑.  ปริวาส หรือ อยู่ประพฤติปริวาส หรือ อยู่กรรม (โดยสงฆ์เห็นชอบที่ ๓ ราตรี)
๒.  มานัต ประพฤติมานัต  ๖ ราตรี หรือ นับราตรี ๖ ราตรีแล้วสงฆ์สวดระงับอาบัติ
๓.  อัพภาน หรือ การเรียกเข้าหมู่ โดยพระสงฆ์  ๒๐  รูป สวดให้อัพภาน
๔.  ปฏิกัสสนา ประพฤติมูลายปฏิกัสสนา (ถ้าต้องอันตราบัติในระหว่างหรือการชักเข้าหาอาบัติเดิม)

ทั้ง  ๔  ขั้นตอนนี้รวมกันเข้าเรียกว่า “การประพฤติวุฎฐานวิธี” แปลว่าระเบียบหรือขั้นตอนปฏิบัติตน
เพื่อออกจากอาบัติ อันได้แก่ “สังฆาทิเสส”

ส่วนประกอบของการประพฤติวุฏฐานวิธีประกอบด้วยสงฆ์ ๒ ฝ่าย

ขั้นตอนการ ประพฤติวุฎฐานวิธี นั้น จะต้องประกอบด้วยสงฆ์ที่ทำสังฆกรรม คือ ประกอบด้วยคณะสงฆ์ ๒ ฝ่าย
ซึ่งคณะสงฆ์ทั้งสองฝ่ายนั้นมีหน้าที่ดังนี้ คือ

๐  พระภิกษุผู้ประพฤติปริวาส หรือ ภิกษุผู้อยู่กรรม หรือ พระลูกกรรม คือ สงฆ์ที่ต้องอาบัติ แล้วประสงค์
    ที่จะออกจากอาบัตินั้น จึงไปขอปริวาสเพื่อ ประพฤติวุฏฐานวิธี ตามขั้นตอนที่พระวินัยกำหนด
๐  พระปกตัตตะภิกษุ หรือคณะสงฆ์พระอาจารย์กรรม (หรือพระพี่เลี้ยง)ซึ่งเป็นสงฆ์ฝ่ายที่พระวินัย
    กำหนดให้เป็นผู้ควบคุมดูแลความประพฤติของสงฆ์ฝ่ายแรกผู้ขอปริวาส ซึ่งสงฆ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแล
    อนุเคราะห์เกื้อกูลนี้ ทำหน้าที่เป็น พระปกตัตตะภิกษุ หรือ ภิกษุโดยปกติพระภิกษุผู้มีศีลไม่ด่างพร้อย

ปริวาสมีทั้งหมด ๔  อย่าง คือ

๑.  อัปปฏิจฉันนปริวาส คือ ปริวาสสำหรับผู้ต้องครุกาบัติแล้วไม่ปิดไว้
๒.  ปฏิจฉันนปริวาส  คือ ปริวาสสำหรับผู้ต้องครุกาบัติแล้วปิดไว้ ซึ่งนับวันได้
๓.  สุทธันตปริวาส คือ ปริวาสสำหรับผู้ต้องอาบัติแล้วปิดไว้ มีส่วนเท่ากันบ้าง  ไม่เท่ากันบ้าง
๔.  สโมธานปริวาส คือ ปริวาสสำหรับผู้ครุกาบัติแล้วปิดไว้ ต่างวันที่ปิดบ้าง ต่างวัตถุที่ต้องบ้าง

ขั้นตอนการอยู่ประพฤติปริวาส  คือ การอยู่ใช้ การอยู่กรรม หรือ การอยู่รอบ นี้มีการนับ
ราตรีมีอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของปริวาสนั้นๆ ว่าสงฆ์ผู้ต้องอาบัติขอปริวาสอะไร
ซึ่งลักษณะและเงื่อนไขของปริวาสแต่ละประเภทนั้นพอจะสังเขปได้ คือ

อ่านต่อ
http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ