ผู้เขียน หัวข้อ: ทนายมาเฟีย และ ทนายเทวดา  (อ่าน 21488 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ~เสน่ห์โจรสลัด~

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 7913
  • เพศ: ชาย
  • " ถ้ามุ่งมั่นจะเป็นที่หนึ่งคุณจะเป็นที่หนึ่ง "
    • ดูรายละเอียด
ทนายมาเฟีย และ ทนายเทวดา
« เมื่อ: 11 ม.ค. 2552, 09:56:58 »
ทนายมาเฟีย-ทนายเทวดา

กับหนังสือย้อนรอยกรรม ระลึกชาติ สื่อวิญญาณ

: มือที่มองไม่เห็น


"ทนายมาเฟีย" และ "ทนายเทวดา" เป็นฉายาของ "นายสุกิจยตน์ พูนศรีเกษม" ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ การศาสนาและศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร

สำหรับที่มาของฉายา ทนายเทวดา นั้น ทนายสุกิจยตน์ บอกว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เป็นคนตั้งให้ เพราะไปช่วยวัด 3 แห่ง ว่าความฟ้องร้องกรรมการวัด จนได้เงินกลับคืนวัดหลายสิบล้านบาท โดยปัจจุบันนี้เป็นนิติกรประจำวัด 3 แห่ง คือ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ วัดจุฑาทิศธรรมสภาราม อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี และวัดถ้ำเขาชะอางค์โอน อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ส่วนที่มาของฉายา ทนายมาเฟีย นั้น ทนายสุกิจยตน์ บอกว่า ได้มาเพราะไปเป็นทนายแก้ต่างและฟ้องให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น เป็นทนายฟ้องและแก้ต่างให้ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊บ ในคดีรื้อโบ๊เบ๊ และบาร์เบียร์ โดยเฉพาะในคดีรื้อโบ๊เบ๊ เสธ.แอ๊บได้มอบอำนาจให้แจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้การกองปราบฯ ในข้อหาเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้อง เสธ.แอ๊บต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เรียกค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท ศาลยกฟ้อง

ขณะเดียวกัน ยังเป็นทนายให้แก่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กรณี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ฟ้อง เสธ.แดงกับพวก เรียกค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ยกฟ้อง เป็นทนายฟ้อง พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง.ในความผิดฐานยึดและอายัดทรัพย์สินโดยมิชอบ ศาลสั่งให้คืนทรัพย์สินทั้งหมด เป็นทนายให้กับทายาท พ.ต.สมจิตร ศรีกรด โดยเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้อง จ.ส.ต.ชาตินวภพ สมกำลัง และสิบตำรวจตรีสวัสดิ์ สุวรรณโณ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลพิพากษาประหารชีวิตตำรวจทั้งสองนาย

นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นทนายแก้ต่างให้กับแม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย แม่ชีคนดังแห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทนายความแก้ต่างให้กับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นทนายฟ้องให้กับนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รมช.พาณิชย์ กรณีเกี่ยวกับคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์เขียนข่าวหมิ่นประมาท เป็นทนายฟ้องและแก้ต่างให้กับ น.พ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล คดีรถยนต์ปาเจโร่ และเป็นทนายให้กับชาวเนเธอร์แลนด์ ในคดีฟอกเงิน ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ ปปง.คืนทรัพย์สินกว่า 30 ล้านบาท

แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นนักกฎหมาย แต่ทนายสุกิจยตน์ บอกว่า ไม่ชอบอ่านหนังสืออะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลย รวมทั้งหนังสือเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะนักกฎหมายต่างก็เอาช่องว่างของกฎหมายมารังแกกันเอง ในขณะที่นักการเมืองก็เอาช่องว่างของกฎหมายมาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว ที่เป็นเช่นนี้ เพราะกฎหมายมันดิ้นได้ ด้วยเหตุนี้ จึงเลือกอ่านหนังสือแนวอื่นแทน และหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกให้อะไรกับชีวิตได้มากมาย คือ หนังสือย้อนรอยกรรม ระลึกชาติ สื่อวิญญาณ ซึ่งเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับชีวประวัติของแม่ชีมโนรา เขตภูเขียว

ประวัติของแม่ชีมโนรานั้นทนายสุกิจยตน์ เล่าว่า ท่านเป็นอุบาสิกาผู้หนึ่งที่มองเห็นวัฏสงสารอันทุกข์ยาก ได้ฝึกปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เพื่อตัดวิบากกรรมให้หมดสิ้นในภพชาติ จึงได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ชาติศักดิ์ ถาวรธัมโม หรือครูบาหนุ่ม ยิ่งยืน รวมทั้งเรียนรู้การฝึกปฏิบัติกรรมฐานและพลังกสิณไฟ มาอย่างเชี่ยวชาญจนเกิดอำนาจบารมี สามารถย้อนระลึกชาติ สื่อวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรโดยคอยช่วยเหลือญาติธรรม ให้การแนะนำในการชี้แนะแก้ไข ช่วยสงเคราะห์ญาติธรรมให้พ้นทุกข์ภัยที่เกิดขึ้น สานุศิษย์จึงเรียกท่านว่า อาจารย์แม่

ในช่วงที่เป็นฆราวาสของแม่ชีมโนรานั้น ท่านเองก็เคยประสบปัญหาต่างๆ เช่นเดียวกับคนทั่วๆ ไป แต่ท่านเลือกที่จะดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระพุทธองค์ คือ ตั้งกายและใจอยู่ในสมาธิภาวนา กรรมใดๆ ให้คิดว่าเกิดจากเหตุที่เราเคยทำไว้ในอดีตชาติ จึงอย่าไปได้ยึดติด เลิกจองกรรมจองเวรซึ่งกันและกัน ควรมั่นฝึกฝนสวดมนต์ภาวนา แล้วสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลาย ก็จะมลายหายไปได้

"เมื่อเราหลงความดี จึงหลงเกลียดความเชื่อ เมื่อเราหลงความถูก จึงหลงเกลียดความผิด เมื่อเราหลงเรา เราจึงหลงเขา เราจึงเป็นทุกข์ร้อยแปดพันประการ ทำงานสุจริตมีประโยชน์จนลืมเวลา ผู้นั้นคือผู้กินเวลาอย่างมีความสุข สงบเย็น ทำงานใดหงุดหงิด งานรอเวลา ผู้นั้นกำลังถูกเวลากิน อย่างทรมานใจ" นี่คือบางส่วนของเนื้อหาในหนังสือที่ทนายสุกิจยตน์ บอกว่าจำได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม จากการได้อ่านหนังสือกฎหมายนับเล่มไม่ถ้วน และหนังสือที่เกี่ยวข้องกับกฎแห่งกรรมก็ไม่น้อย ทั้งนี้ ทนายสุกิจยตน์ได้เปรียบเทียบการใช้กฎหมายลงโทษคนผิด กับคนทำผิดที่ถูกลงโทษด้วยกฎแห่งกรรมไว้อย่างน่าคิดว่า "กฎหมายจะลงโทษคนได้เมื่อต้องมีโจทก์และจำเลยรวมทั้งสืบหาพยานหรือผู้กระทำผิดนั้นสารภาพ โทษอาจจะหนักเบาแตกต่างกันไปตามความผิดที่กระทำ ในขณะที่กฎแห่งกรรมไม่มีโจทก์มีแต่จำเลย บาปกรรมที่ทำจะติดตัวไปตลอดชีวิต และอาจจะส่งผลถึงชาติหน้า"

ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายมีสิ่งหนึ่งที่ทนายนายสุกิจยตน์ อยากแนะนำนักเขียน คือ คิดหมิ่นประมาทด้วยการเขียนโฆษณานั้นถือว่าเป็นคดีรกศาล ปัจจุบันนี้มีคดีนับหมื่นๆ คดีที่รอการไต่ส่วนพิจารณา การฟ้องร้องเป็นเพียงแค่ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งหมิ่นประมาทต่อไป เมื่อคดีสู่ในชั้นศาลสุดท้ายศาลตัดสินก็รอลงอาญา เสียค่าปรับความเสียหายตามสมควรที่ศาลพิจารณา แต่ผู้กระทำผิดบางคนไม่กลัวความผิดไม่กลัวศาล ในระยะหลังๆ เราจะเห็นว่าศาลจะตัดสินจำคุกทันที โดยไม่รอลงอาญาเหมือนในอดีต

"แม้ว่าการอ่านจะมีความสำคัญกับทุกๆ คน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การเขียน งานเขียนบางชิ้นสามารถเปลี่ยน สามารถพลิกผันชีวิตคนอ่านบางคนได้ สามารถสร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ได้มากมาย

นักเขียนถือว่ามีส่วนในการสร้างโลก อย่างน้อยก็ช่วยสร้างโลกนักอ่าน" ทนายสุกิจยตน์ กล่าวทิ้งท้าย 0

ออฟไลน์ อชิตะ

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 3218
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - aston_25@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ทนายมาเฟีย และ ทนายเทวดา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 12 ม.ค. 2552, 12:33:33 »
อ่านเพลิน เลย 

ขอบคุณท่านโจร ครับ มีเด็ดๆ ทุกที    :016: