ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อเต๋ (พระผู้ประเสริฐ...แห่งธรรม)  (อ่าน 3150 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นามมงคล

  • บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ
  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 145
  • เพศ: ชาย
  • ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ
    • ดูรายละเอียด






อภิญญา บารมีธรรม ? หลวงพ่อเต๋ คงทอง

หลวงพ่อเต๋ คงทอง

วัดอรัญญิกการาม (วัดสามง่าม) อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม


หลวงพ่อเต๋ นับเป็นพระอภิญญาผู้ซึ่งมีจิตตานุภาพสูงยิ่ง แม้วัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ท่านสร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้ญาติโยมและผู้เคารพศรัทธา จะเป็นที่เลื่องลือว่ามีอิทธิเดชออกไปในทางคงกระพันชาตรีบ้าง แคล้วคลาดบ้าง หรือบันดาลให้มีโชคลาภบ้าง แต่ก็เป็นความเชื่อ ความศรัธทาของผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลเหล่านั้นไปเป็นการเฉพาะตัว


เพราะแท้ที่จริงแล้ว หลวงพ่อเต๋ คงทอง มิใช่ต้องการให้ผู้หนึ่ง ผู้ใดเกิดความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์เป็นสรณะ ท่านเคยกล่าวเอาไว้มีความหมายโดยรวมว่า


?เรื่องฤทธิ์เรื่องเดชมันเป็นของไม่จีรังยั่งยืน มีได้ก็เสื่อมได้ ถ้าอยู่ยงคงกระพันดีจริง ๆเจ้าของก็ไม่ต้องเจ้าไข้ไม่ต้องตายสิ จริงอยู่ที่ว่าอิทธิฤทธิ์นั้นพออาศัยได้ ถ้าอาศัยเมื่อถึงคราวจำเป็นก็คงไม่ผิดหรอก แต่ไม่ใช่จะอาศัยอยู่เรื่อย ๆ ที่แน่นอนและยั่งยืน ก็คือธรรมะอย่างเดียวเท่านั้น ใครก็ตามแม้จะมีของดี ของวิเศษสักแค่ไหน ถ้าทำแต่ความชั่วก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้


เขาก็ต้อง ได้รับผลกรรมนั้นตามสนองในวันหนึ่ง และถ้าทำแต่คุณงามความดี รู้จักกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ครูอาจาร์ยและผู้มีพระคุณ แม้มีผ้านุ่งแม่โพกหัวก็ออกรบได้ชัยชนะได้??

หลวงพ่อเต๋ คงทอง มีความสนใจในเรื่องปฎิบัติกรรมฐานเป็นทางสายเอก
โดยมีพระอาจาร์ยคนแรก คือ หลวงลุงแดง วัดกาหลง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งอบรมสั่งสอนท่านมาตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ หลังจากบวชก็มี หลวงพ่อทา (พระครูอุตรการบดี) วัดพะเนียงแตกจังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ถ่ายทอดข้อธรรมในการปฏิบัติภาวนาให้อย่างลึกซึ้ง

จากนั้นท่านก็ไปถวายตัวเป็น หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จังหวัดนครปฐม สำหรับวิชาไสยเวท
วิทยคุณ ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องอาศัยจิตตานุ เป็นพื้นฐาน ท่านได้รับการถ่าย ทอดจากครูเขมรแห่ง เขาตะลุง จังหวัด กาญจนบุรี

ครูเขมรผู้ขมังเวทซึ่งเป็นฆราวาสคนนี้ หลวงพ่อเต๋เล่าว่า ท่านดั้นด้นเดินธุดงค์เข้าป่าเมืองกาญจน์ไปยังเขาตะลุงเป็นเวลาหลายวัน เส้นทางที่ไปนั้นเป็นป่าดิบดงลึก อับชื้นแทบว่า


แสงตะวันส่องลงมาไม่ได้ ตลอดทางพบเห็นบ้าน เรือนอยู่อาศัยเพียง ๒-๓ หลังเท่านั้น หลังจากเจอตัวครูเขมรแล้ว ท่านได้ขอเล่าเรียนไสยเวทวิทยาคุณ เป็นเวลานานพอสมควรกระทั่งเจนจบ


สำหรับครูเขมรคนนี้ อดีตเป็นนายทหารระดับนายพล และเป็นแม่ทัพกองทัพเขมร หลังจากเขมรสูญเสียเอกราชให้แก่ฝรั่งเศลจึงได้ออกจากราชการ เดินทางเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมัยแผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕

โดยอาศัยอยู่อย่างสงบสมถะบนเขาตะลุง เรื่องราวของหลวงพ่อเต๋ คงทอง ที่จะนำมาเล่าไว้ ณ ที่นี้ก็คือเรื่องที่ท่านเข้าไปข้องเกี่ยวกับ พวกโจร ผู้ประพฤติมิจฉาชีพหลายครั้งหลายคราข้องเกี่ยวอย่างไร ขอเชิญติดตามดังนี้...

.




ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อเต๋ คงทอง จาริกธุดงค์ ผ่านไปทางจังหวัดพิจิตร
ที่จังหวัดนี้มีลูกศิษย์ และผู้เคารพ ศรัทธาท่าน เป็นจำนวนมาก

เมื่อทราบว่า หลวงพ่อเต๋ธุดงค์มาปักกลด อยู่ที่ชายทุ่ง จึงพากันมากราบนมัสการ
ไม่ขาดสาย และขออาราธนาให้ท่านอยู่หลายวัน เพื่อที่พวกเขาจะ
ได้มีโอกาส ประกอบกุศลบ้าง ซึ่งท่านก็รับนิมนต์

ระหว่างที่ปักกลดอยู่ที่นี่ ลูกศิษย์ได้ถวายปัจจัยเพื่อร่วมบริจาค ให้ท่านนำ
ไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดสามง่าม ซึ่งชำรุดทรุดโทรม เป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่ที
เดียว

ข่าวที่หลวงพ่อเต๋มีเงินบริจาค ติดตัวจำนวนมาก ทำให้พวกโจรกลุ่มหนึ่ง
คิดแย่งเอาเงินจำนวนนั้นไปง่าย ๆ ดังนั้นในตอนกลางคืน คืนหนึ่ง กลุ่มคน
ใจบาปซึ่งประพฤติชั่วเป็นอาจิณ พร้อมอาวุธครบมือจึงมาปรากฏตัว ที่กลด
ของหลวงพ่อเต๋ ไอ้คนเป็นหัวหน้า ชักปืนออกมาแล้ว ขุ่มขู่ให้ ท่านมอบเงิน
ทั้งหมดให้มัน

หลวงพ่อเต๋ มิได้ตระหนกตกใจ และมิได้มีอารมณ์โทสะ ที่คนใจบาป
หยาบช้ามาแสดงกิริยาคุกคามจะปล้นพระ จิตของท่านเปี่ยมด้วยความเวทนา
และเมตตาต่อผู้ที่เห็นผิด เป็นชอบถึงเพียงนี้ ท่านจึงกล่าวกับโจรเหล่านั้นว่า

''เงินจำนวนเล็กน้อยที่ญาติโยมบริจาคให้มานี้ เขามีเจตนาให้ไปสร้างกุฏิ
เมื่อพวกเธอเอาไปแล้ว พระเณรจะเอากุฏิที่ไหนอยู่อาศัย เพื่อปฏิบัติธรรมเล่า''

แล้วท่านได้แสดงเหตุผลทางธรรมด้วยถ้อยคำกินใจอีกหลายคำ โจรเหล่า
นั้นก็พลันบังเกิดความสำนึกผิด มองเห็นผลแห่งบาปบุญ คุณโทษขึ้นมา
อย่างไม่น่าเป็นไปได้

แต่ละคนรีบเก็บอาวุธร้าย แล้วก้มลงกราบหลวงพ่อเต๋ โดยพร้อมเพรียงกัน
ยิ่งกว่านั้นโจรทุกคน ต่างควักเงิน ที่ติดตัวออกมา ถวายให้กับหลวงพ่อ เพื่อร่วม
บริจาคสร้างกุฏิคนละ เล็กน้อย หลวงพ่อเต๋ได้กล่าว คำอนุโมทนาให้เกิดปีติ
และพรมน้ำ พระพุทธมนต์เป็นสิริมงคลก่อนที่ พวกโจรกลับใจ จะกราบลาไป



อีกครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อเต๋ คงทอง เกี่ยวเนื่องกับพวกโจร

เช้าวันนั้น พวกเสือปล้นหลายสิบคน ยกขบวนมาชุมนุมกันในป่าหลัง
วัดสามง่าม กำลังรอฤกษ์ชัยจะเข้าปล้นตลาดเกาะแรด ตอนบ่าย
ข่าวเสือปล้นล่วงรู้ ถึงหลวงพ่อเต๋เข้า ท่านจึงให้ลูกศิษย์ชาวบ้านมาช่วย
กันหุงข้าวต้มแกงขึ้น แล้วให้ไปตามหัวหน้าเสือปล้นมาพบ

เมื่อหัวหน้าโจรนำบริวารมาที่วัด หลวงพ่อเต๋ก็จัดการเลี้ยงดูจนอิ่มหนำ
สำราญดี แล้วท่านก็ถามว่า ''จะขอบิณฑบาตทุกคน มาเป็นลูกศิษย์จะ
ยินยอมไหม หากเป็นลูกศิษย์แล้วจะให้ของดี''

พวกโจรยอมถวายตัวเป็นลูกศิษย์ โดยพร้อมเพียง

เมื่อให้สัจวาจาเป็นศิษย์หลวงพ่อเต๋ เรียบร้อยแล้ว แล้วก็มอบของดี
ให้แก่ทุกคนตามสัญญา ของดีของท่านคือ พระธรรมคำสั่งสอน ของพระ
พุทธเจ้า ที่สอนให้ ยึดมั่นต่อ การกระทำความดี ละเว้นความชั่ว
หลวงพ่อเต๋ แสดงธรรมชี้ทางสว่าง ให้บรรดาเสือปล้นฟัง
พอสมควรแก่เวลา จึงได้ยุติ


เป็นอันว่าเสือปล้นก๊กนั้น เลิกล้มแผนการปล้นตลาดเกาะแรด
โดยเด็ดขาด แล้วแยกย้ายกันกลับถิ่นของตนไปจนหมด ทำให้
ชาวตลาดและ ชาวบ้านรอดพ้นจากภัยโจรไปได้อย่างหวุดหวิด
ด้วยบารมีธรรม ของหลวงพ่อเต๋ คงทอง เพียงรูปเดียว

ในยุคสมัยนั้น บ้านเมืองยังไม่เจริญ เส้นทางคมนาคมมีเพียง
ถนนสายหลักไม่กี่สาย พื้นที่นอกเขตกรุงเทพมหานครหากไม่เป็น
ท้องทุ่งท้องนา ก็เป็นป่าดงหนาแน่น ชุมชนหมู่บ้านอยู่อาศัยรวมกัน
เป็นกลุ่ม และแต่ละหมู่บ้านก็อยู่ห่าง ๆ กัน

การติดต่อคมนาคม ระหว่างชุมชนต่อชุมชน ต้องอาศัยทางน้ำ
เป็นทางสัญจร ด้วยเรือพายเรือแจว หากเป็นทางบก ก็ต้องเดินไป
หรือใช้เกวียนไปมาหาสู่กัน และเสียเวลาเป็นวัน ๆ กว่าจะถึงที่หมาย

และในสมัยนั้น เกิดมีเสือปล้นโจรร้ายตั้งเป็นก๊ก เป็นเหล่าขึ้นมา มากมาย
ประกอบกับการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นไปอย่างยากลำบาก

เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนกำลังไปโดยสะดวก รวดเร็ว เป็นช่องทางให้พวกโจร
กำเริบเสิบสานยกพวกเข้าปล้น สะดมสุจริตชนอย่างไม่หวั่นเกรง
อาญาบ้านเมือง ผู้มีฐานะมั่งคั่ง ร่ำรวยจึงมักตกเป็นเหยื่อ ของเสือปล้นเหล่านี้
แทบทุกราย บางหมู่บ้านถึงกับถูกปล้น ยกหมู่บ้านกันเลยทีเดียว
สร้างความเดือดร้อน ทุกข์เข็ญ ให้แก่ราษฎร เป็นอย่างยิ่ง

บ้านสระพัง จังหวัดนครปฐม ก็เป็นอีกหมูบ้านหนึ่งที่ถูกโจรปล้น
ทั้งหมู่บ้านหนึ่ง ชาวบ้านสระพัง หวาดกลัวภัยโจรถึง กับอพยพ โยกย้าย
ไปอาศัยญาติพีน้องอยู่ที่อื่นหมด ปล่อยให้หมู่บ้านทิ้งร้างว่างเปล่าอย่าง
น่าสังเวช



มีชาวบ้านสระพังรายหนึ่ง มาอ้อนวอนให้หลวงพ่อเต๋ ซื้อเรือนไม้ฝากระดาน
ของตนในราคาถูก ๆ เพราะตั้งใจไม่หวน กลับมาอีก ตลอดชีวิต หลวงพ่อเต๋
ก็ซื้อไว้ แล้วให้ลูกศิษย์นำเกวียนหลายเล่มไปรื้อบ้านหลังดังกล่าวเพื่อขนกลับ
มาสร้างกุฏิพระ เมื่อขบวนเกวียนไปถึงหมู่บ้าน พวกโจรก็กรูกันเข้ามาล้อม
หมาย จะปล้น เอาทรัพย์สิน เงินทองแล้วยึดเอาเกวียนเอาวัวเทียมไปให้หมด

ลูกศิษย์หลวงพ่อเต๋พากัน ตื่นตะลึงคิดไม่ถึง ว่าจะมีพวกโจร มาอาศัยอยู่
ในหมู่บ้าน ร้าง แต่ก่อนจะมีอะไรเกิดขึ้น หลวงพ่อเต๋ก็เดินดุ่ม ตรงเข้ามาโดย
ไม่มีใครว่าท่าน มาจากไหน พวกเสือปล้นหันไปดู พอเห็นว่าเป็นหลวงพ่อเต๋
วัดสามง่าม ก็พากันทรุดลง นั่งประนมมือ เป็นแถวด้วยความเคารพ เลื่อมใส
ในกิตติคุณ ของท่าน บางคนเป็นกลุ่มโจรมี วัตถุมงคลของท่านคล้องคออยู่
ก็เท่ากับศิษย์โดยปริยาย

เมื่อเสือปล้นรู้ว่าหลวงพ่อเต๋ จะมารื้อบ้าน ไปสร้างกุฏิ พวกโจรก็ช่วยกัน
กับลูกศิษย์ หลวงพ่อ รื้อบ้านหลังดังกล่าว มาใส่เกวียนจน เสร็จเรียบร้อยใน
เวลาไม่นานนัก

จากนั้นพวกโจร ก็พากันฝากตัวเป็นศิษย์ และขอของดีไว้ปกป้อง คุ้มครอง
ตน หลวงพ่อเต๋ก็เมตตานำเหรียญบ้าง ตะกรุดบ้าง จากในย่ามออกมาแจกให้
ทุกคน พร้อมกับเตือนสติและนำ ให้บรรดาเสือปล้น คนร้ายจดจำเอาไว้ว่า

เครื่องมงคลของท่าน จะเข้มขลังมีประสิทธิผลได้ สำหรับผู้ประพฤติดี
ประพฤติชอบเท่านั้น หากได้ของดีจากท่านไปแล้ว แต่ไม่ยึดมั่นศีล๕
ยังตั้งหน้าประกอบกรรมชั่ว คอยแต่เบียดเบียน ทำร้ายผู้อื่นไม่ย่อมหยุดไม่
ยอมเลิกรา ของมงคลก็จะเสื่อม ไปจากตัวในที่สุด

พวกโจรทุกคน ต่างก็สาธุ รับคำจะนำคำสอน ของท่านไปปฏิบัติ โดยพร้อม
เพรียงกัน

เป็นอันว่าการรื้อบ้าน ในถิ่นเสือปล้น นำมาปลูกกุฏิได้สำเร็จ ลุล่วงไป
โดยไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น ขบวนเกวียนบรรทุกไม้ ที่รื้อบ้าน เป็นชิ้นส่วน
เดินทางกลับวัดสามง่าม โดยสวัสดิภาพ





สำหรับหลวงพ่อเต๋ คงทอง ท่านได้เดินตามขบวนเกวียนมาจนถึงวัด
เพราะตลอดชีวิตที่ครองสมณะ หลวงพ่อเต๋ จะไม่ยอมนั่งพาหนะที่ใช้สัตว์
ลากจูง เป็นอันขาด เพราะไม่ต้อง การสร้างบาป เพียงเล็กน้อย
ด้วยการ เพิ่มความทุกข์ ยากให้สัตว์ เหล่านั้นเข้าไปอีก

นี่คือปฏิปทาส่วนหนึ่งของ หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดอรัญญิการาม
(วัดสามง่าม) ต.สามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม...




ที่มา : พิมพ์จากหนังสือโลกหน้ามีจริง



เขา..ผู้สูญสิ้นทรัพย์สินไป           เขา..สูญเสียมากเหลือเกิน
เขา..ผู้สูญสิ้นเพื่อนไป               เขา..สูญเสียมากกว่า
เขา..ผู้สูญสิ้นความศรัทธา           เขา..ผู้นั้น.. สูญเสียยิ่งกว่าใครๆ

ออฟไลน์ SCOFIELD

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 62
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: หลวงพ่อเต๋ (พระผู้ประเสริฐ...แห่งธรรม)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 06 ก.พ. 2552, 01:15:48 »
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ^^
ทำได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ !!

ออฟไลน์ motana2008

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 70
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: หลวงพ่อเต๋ (พระผู้ประเสริฐ...แห่งธรรม)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 06 ก.พ. 2552, 02:06:38 »
 :054:

อนุโมทนา ครับ สาธุ สาธุ
อยากไปกราบท่านซักครั้ง

ออฟไลน์ ตามพรลิงค์

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 314
  • เพศ: ชาย
  • ชาวนคร ก่อกรรมดี มีมานะภาคเพียร ไม่เบียดเบียนผู้ใด
    • MSN Messenger - minivet27@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: หลวงพ่อเต๋ (พระผู้ประเสริฐ...แห่งธรรม)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 06 ก.พ. 2552, 02:16:33 »
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ