กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 26 ก.ย. 2554, 05:37:26

หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๕ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 26 ก.ย. 2554, 05:37:26
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๕ กย. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
จันทร์ที่ ๒๖ กันยายน  พ.ศ. ๒๕๕๔
            ช่วงนี้ฝนหยุดตกมาสองวันแล้ว ตื่นตามเวลาปกติ ทำกิจวัตรส่วนตัวเสร็จแล้ว
ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิเจริญภาวนา จนได้เวลาจึงลงไปทำกิจวัตรของสงฆ์ในภาคเช้า
เสร็จกิจวัตรในภาคเช้า เก็บสบง จีวร อังสะ ผ้าอาบน้ำฝนไปซัก เพราะที่ผ่านมานั้นครึ้มฟ้าครึ้มฝน
ไม่มีแสงแดดมาหลายวัน วันนี้อากาศดีจึงถือโอกาศเก็บผ้าทั้งหมดไปซัก เสร็จจากซักผ้าตากผ้าแล้ว
กลับขึ้นที่พัก อ่านหนังสือพระไตรปิฏก ฟังธรรมะบรรยายของครูบาอาจารย์ เขียนบทความบทกวี
ตอนเที่ยงกว่าๆมีญาติโยมขึ้นมาเยี่ยม ๒ คณะ สนทนากันพอประมาณ เสร็จธุระจึงลากลับกันไป
วันนี้ไม่ได้ทำงานก่อสร้างหยุดพักกันหนึ่งวัน จึงได้มีเวลาพักผ่อน อ่านหนังสือ ฟังธรรมเขียนหนังสือ
 ตอนเย็นลงไปทำกิจวัตรของสงฆ์ตามปกติ หลังจากไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเย็นแล้ว ก็กลับที่พัก
มาเจริญสติภาวนาต่อ เสร็จจากการเจริญภาวนาก็มาเขียนบทความบทกวีแล้วจึงได้จำวัตรพักผ่อน....
          ได้มีเวลาค้นคว้าศึกษาพระไตรปิฏก ทำความรู้ความเข้าใจในหัวข้อธรรม ที่ยังสงสัย
ไม่เข้าใจในภาษาธรรม ปรับให้เป็นภาษาพูดเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ในการที่จะเอาไปนำเสนอเผยแผ่
เพราะถ้าใช้คำศัพท์ภาษาธรรมนั้น จะทำให้ผู้ฟังจะเข้าใจได้ยาก บางครั้งฟังแล้วยิ่งเกิดความสงสัย
ไม่เข้าใจมากขึ้น เพราะติดอยู่กับความหมายของคำศัพท์ในภาษาธรรม และบางครั้งก็อาจจะตีความ
แปลความหมายของคำศัพท์นั้นผิดพลาดไป จึงต้องใช้ภาษาที่เรียบง่าย เพื่อให้ฟังสบายๆง่ายแก่การ
ที่จะเข้าใจและทำให้ดูว่าไม่เป็นพิธีการจนเกินไป การฟังธรรม พิจารณาธรรม ทำให้เข้าใจสภาวะธรรม
            จิตปรุงแต่งในกิเลส คือจิตเริ่มคิดก่อน คิดชอบ คิดไม่ชอบ เมื่อความคิดเกิดจึงปรุงแต่งให้เกิด
กิเลส ความโกรธ โลภ หลง เมื่อกิเลสเกิดขึ้นและเราไม่มีสติสัมปชัญญะพอจะดับกิเลส มันก็ปรุงแต่งจิต
ให้คิดวุ่นวายไปเรื่อย ไม่ผ่องใส พอจิตมันคิดปรุงแต่ง มันก็จะปรุงให้กิเลสเพิ่มขึ้นๆ จนกว่าเราจะได้สติ
มันจึงจะหยุดปรุง.......
           การปฏิบัติธรรมนั้น อย่าไปอยากรู้อยากเห็นอยากเป็นในสิ่งใดๆ ให้มันรู้อยู่อย่างเดียว มีอะไรก็ช่าง
รู้อยู่อย่างเดียว ความอยากนั้นทำให้จิตวุ่นวาย หลุดออกจากสมาธิ เราปฏิบัติเพื่อความปล่อยวาง เพื่อจะละ
จะลดซึ่งความยึดมั่นถือมั่นต่างๆให้เบาบางลง เพื่อละความยินดียินร้าย เราเป็นผู้ดูไม่ใช่ผู้บังคับให้มันเป็น
           การมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะจิตนั้น เรียกว่ากำลังทำความเพียร กำลังปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นว่า
จะต้องนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมจึงจะเรียกว่าปฏิบัติธรรมทำความเพียร ถ้าไม่มีสติระลึกรู้ ฟุ้งซ่านคิดไปเรื่อย
ก็ไม่เรียกว่าทำความเพียร แม้จะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมอยู่ก็ตาม เมื่อไหร่ที่จิตนั้นมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่
ไม่ว่าจะยืน จะเดิน จะนั่งจะนอน ก็ได้ชื่อว่ากำลังปฏิบัติธรรมทำความเพียรอยู่.......
       เป็นการกระตุ้นเตือนสติอยู่ทุกขณะจิต ในสิ่งที่คิดและในกิจที่ทำ เพื่อความเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต
เป็นเรื่องกระบวนการทางจิต ที่ต้องฝึกฝนอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สติและสัมปชัญญะนั้นมีกำลังเพิ่มขึ้น
ให้ระลึกรู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของความเป็นสมณะเพศ ในสิ่งที่ควรคิดลิจที่ควรทำ ตอกย้ำจิตสำนึกนั้น
อยู่ตลอดเวลา ถึงคุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ทำให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เรานั้นจะทำได้......
                              เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                                   รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๕ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๕ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 26 ก.ย. 2554, 05:49:47
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ :054: :054:
                                   
ขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ สำหรับคำสอนดีๆ ที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                   
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :033: :033:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๕ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: boomee ที่ 26 ก.ย. 2554, 07:52:13
กราบนมัสการครับพระอาจารย์ :054: :054:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๕ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 26 ก.ย. 2554, 01:08:20
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ :054:

อ้างถึง
จิตปรุงแต่งในกิเลส คือจิตเริ่มคิดก่อน คิดชอบ คิดไม่ชอบ เมื่อความคิดเกิดจึงปรุงแต่งให้เกิด
กิเลส ความโกรธ โลภ หลง เมื่อกิเลสเกิดขึ้นและเราไม่มีสติสัมปชัญญะพอจะดับกิเลส มันก็ปรุงแต่งจิต
ให้คิดวุ่นวายไปเรื่อย ไม่ผ่องใส พอจิตมันคิดปรุงแต่ง มันก็จะปรุงให้กิเลสเพิ่มขึ้นๆ จนกว่าเราจะได้สติ
มันจึงจะหยุดปรุง.......

ของผมเกิดขึ้นบ่อยมากๆ
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๕ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: yout ที่ 26 ก.ย. 2554, 06:30:43
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ.............. :090: :090: :114: :090: :090:..................