ผู้เขียน หัวข้อ: กรรม...ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักที่พบบ่อยที่สุด...  (อ่าน 4179 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่ง คือ.......

" ถ้ารักกันแล้วเราขาดกันไม่ได้ " ยกตัวอย่างกรณีที่เราจะพบเสมอ ทันทีที่รู้ว่าคน (ที่เรา) รักจากไปสู่ที่ชอบๆ

...คือไปอยู่กับคนที่เขาชอบมากกว่าเรา และที่ชอบของเขาเป็นที่ไม่ชอบของเรา
ไม่ว่าหญิงหรือชายจะเกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะเป็นจะตาย หลายรายถึงกับสำเร็จความตายด้วยตนเอง...คิดว่าเป็นการบูชาความรัก

ตัวอย่าง คนไข้สาวรายหนึ่ง
แฟนหนุ่มมีอันต้องจำพรากจากไป...อยู่กับสาวอื่นแทน เธอพรอดพร่ำรำพันต่อหน้าจิตแพทย์
"หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก แล้ว หนูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา "

เธอลืมไปว่าก่อนที่จะมีเขา เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ " หนูรักเขามากค่ะ...คุณหมอขา คุณหมอคงเข้าใจใช่ไหมคะว่าหนูรักเขามากแค่ไหน"
ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูจากปากของเธอ ขณะที่กระแสน้ำตาที่คลอเบ้าหลั่ง ล้นท้นท่วม จนกระดาษทิชชูที่มีอยู่ไม่เพียงพอ
จิตแพทย์เริ่มคิดถึงวัสดุผ้าที่มีคุณสมบัติในการซึมซับของเหลวได้มากกว่า...

" คุณเข้าใจผิดเสียแล้วล่ะครับ คุณไม่ได้รักแฟนคุณหรอก "
จิตแพทย์พูดบ้าง หลังจากฟังมานาน

" คุณหมอหมายความว่ายังไง ก็หนูเพิ่งพูดไปแหม่บๆ ว่าถ้าขาดเขาเสียแล้วชีวิตของหนูก็อยู่ไม่ได้ "

น้ำเสียงเธอแสดงความไม่พอใจ จิตแพทย์พยายามอธิบาย "สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดไม่ได้เรียกว่าความรักหรอกครับ เขาเรียกว่า...ภาวะกาฝาก ตราบใดที่คุณยังต้องพึ่งใครสักคนเพื่อความอยู่รอดของคุณ คุณก็ทำตัวเหมือนพยาธิ ในลำไส้ของเขา... มันทำให้ชีวิตคุณไม่มีทางเลือกและขาดอิสรภาพ มันกลายเป็นภาวะจำเป็นมากกว่าความรัก "

คนไข้สาวช็อคไปชั่วขณะ นึกว่าจะได้รับคำปลอบใจที่มีคุณภาพสูงกว่า ที่เคยได้จากเพื่อนๆ ...
แต่ยังพูดต่อทั้งๆ ที่คนไข้กำลังนั่งนิ่งตะลึงด้วยความมึนงง เหมือนจงใจ " ซ้ำเติม " ปัญญาสู่จิตอันขลาดเขลา
"ความรักที่แท้ต้องมีอิสรภาพ...คนสองคนจะรักกันได้ก็ต่อเมื่อเขาทั้ง สองสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามลำพังอย่างไม่เป็นทุกข์ แต่เขาทั้งสองก็เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อความสุขที่มากขึ้น "

ฉับพลันทันใดในดวงใจของหญิงสาว...พุทธิปัญญาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างพวยพุ่ง ดวงตาเห็นธรรมเป็นแสงสว่างส่องทางชีวิตให้หลุดพ้นจากหุบเหวห้วงอารมณ์อันมืดมิด... :017:

เธอใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่ง สีหน้าเริ่มสงบ คิ้วผ่อนคลายขมวดรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปาก ก่อนเปล่งวาจา
"คำพูดของคุณหมอเปรียบเสมือน แสงตะวันที่สาดส่องทะลุทำลายกำแพงเมฆหมอกแห่งมิจฉา ทิฐิของดิฉันบัดนี้ดิฉันได้เห็นแล้วซึ่งสัจธรรม ต่อแต่นี้ไปจะขอดำเนินชีวิตที่เหลือตามรอยแห่งพุทธะ...สาธุ "

จิตแพทย์ที่กล้าพูดเตือนสติแทนการพูดประคองใจท่านนี้ คือ Dr.Scott Peck ซึ่งได้เขียนบรรยายเหตุการณ์เรื่องนี้ในหนังสือขายดิบขายดีชื่อ
The Road Less Traveled (หนังสือธรรมในบ้านเราใช้ได้มากมายมหาศาล) :002:

ซึ่งท่านได้ให้แนวคิด เรื่อง "ภาวะพึ่งพิง " (Dependency) ไว้ด้วยความหมายว่า
เป็นภาวะที่เราไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจากการดูแลเอาใจใส่จาก บุคคลอื่น ในภาวะปกติเราอาจต้องพึ่งพิงขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในกรณีที่เรา ได้รับบาดเจ็บ หรือกำลังป่วย แต่หากเรามีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้วยังต้องพึ่งพิงผู้อื่นทางจิตใจ เพื่อช่วยให้ เราเป็นสุขี


แสดงว่าสุขภาพทางจิตของเรากำลังย่ำแย่ เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ เวลาที่ผ่านไป จะช่วยเยียวยาบาดแผลให้สมานจนหายสนิท พร้อมภูมิต้านทานทางใจที่มากขึ้น...

คนที่มีสุขภาพจิตดีจะให้ความรักแก่ตัวเองเป็น และดำเนินชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงใคร แต่อาจพึ่งพาในบางกรณี เพราะคนเราไม่ได้เก่งหรือทำเป็นหมดทุกอย่าง แต่ถ้าคุณถึงขั้น " ขาดเขาไม่ได้ " ...จงอย่าเอาคำว่า " รักเขามากเหลือเกิน " มาลวงหลอกใจตัวเอง ยิ่งต้องถึงคิดฆ่าตัวตาย
...ยิ่งแสดงว่า " แม้แต่ตัวเอง ก็ยังไม่รัก "

หลายคนคิดว่าถ้าฉันฆ่าตัวตาย จะทำให้เขารู้สึกผิดกับการกระทำของเขาที่ทิ้งเราไป ตั้งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมว่า " เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต" ...คิดอย่างนี้ส่วนใหญ่มักตายฟรี
ปัจจุบันผู้หญิงไทยมีการศึกษา มีการงานและความสามารถไม่แพ้เพศชาย ไม่จำเป็นต้องอาศัยเพศชายเป็นผู้นำของชีวิตเหมือนหญิงไทยสมัยโบราณ...

การอยู่เป็นโสด เป็นหม้าย หรือหย่าร้าง ไม่มีผลถึงกับทำให้วิญญาณต้องหลุดออกจากร่าง
ผู้หญิงทั้งหลายจึงสามารถใช้ชีวิตด้วยตนเองได้อย่างมีความสุขและ ภาคภูมิใจ ในเกียรติของผู้หญิง และหากได้พบชายใด ที่เราเห็นว่าทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น และดีขึ้นกว่าการ อยู่คนเดียว
คุณก็อยู่ในฐานะที่มีโอกาสเลือก...ไม่ใช่จำเป็นต้องเลือก หรือจำใจเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิต

ขอกล่าวทวนประโยคเดิมที่จิตแพทย์ Dr.Scott Peck พูดกับคนไข้ด้วยภาษาต้นฉบับ
" Love is the free exercise of choice. Two people love each
other only when they are quite capable of living without
each other but choose to live with each other "


ที่มา
http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=336
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มิ.ย. 2554, 08:07:31 โดย ทรงกลด »
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ดุด่าพระสงฆ์

    วันนี้ผมมีเรื่องหนึ่งมาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนในและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงครับ

เริ่มเรื่องเลยนะครับ มีอดีตกำนันคนหนึ่งครับ จริงๆแล้วแก่ชอบเข้าวัดฟังธรรมอยู่เสมอ แต่เวลาแกไปวัดทีไรชอบหาเรื่องดุด่าพระภิกษุและสามเณรเป็นประจำ และเรื่องที่แกด่าก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นเข้าไม่สนใจวันไหนที่แกเข้าจะนำเรื่องต่างๆข้างนอกมาว่ากล่าวหรือด่าพระและเณรเป็นประจำ จนชาวบ้านคนอื่นๆเข้าเบื่อหน่ายกับการกระทำของแกเลย และไม่นานมานี่เองแกก็ไม่สบายหนักบ้านใกล้เรือนเคียงก็ไม่มีคนไปสนใจ มีแต่ลูกหลานเพียงไม่กี่คนคอยดูแล แกทานข้าวไม่ได้เพราะปากแกเป็นแผลและโรคหลายอย่างรวมกัน แกทรมานแบบนี้เป็นเวลาหลายเดือน และตอนนี้แกก็เสียชีวิตไปแล้ว

การที่แกทรมานอยู่หลายเดือนนันคือแกใช้กรรมที่แกทำมาคือ ดุด่าพระภิกษุและสามเณร ดังนั้นเวลามีเรื่องอะไรที่ไม่สมควรก็บอกพระภิกษุหรือสามเณรก็ได้ไม่ต้องด่าให้มันรุนแรง เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้าหรอกครับ ทำชาตินี้เห็นผลชาตินี้เลย กรรมมันเร็วเหมือนติดจรวดใครทำกรรมใด้ก็จะได้รับผลนั้น ทำแต่ความดีเถอะครับอย่าสร้างกรรมสร้างเวรอีกเลย


ที่มา
http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=338

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
กฎแห่งกรรม : เจ็บป่วยบ่อย เพราะชอบฆ่าสัตว์

    การฆ่าสัตว์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมามีอายุสั้น การเบียดเบียนสัตว์เป็นสาเหตุทำให้เกิดมามีโรคภัยไข้เจ็บมาก สิ่งเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ที่หากผู้ใด ล่วงเกินลงไป ย่อมได้รับผลเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ให้ศาลมาตัดสิน กฎเกณฑ์ของธรรมชาติย่อมให้ผลเอง และเท่าเทียมกันกับทุกคน ไม่มีคำว่าสองมาตรฐานอย่างแน่นอน ผู้ใดทำกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลกรรมนั้น

  ต่อไปนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของหนุ่มผู้หลงผิด ชอบฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ เพราะความมัวเมาสนุกสนานของตน จนเป็นเหตุให้ต้องประสบกับชะตากรรมอันน่าสะพรึงกลัว และยากที่จะลืมเลือนไปตลอดชีวิต

   นฤพน เป็นลูกชาวนา อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านของเขามีป่าอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เขาชอบเข้าป่าล่าสัตว์ อาวุธสำคัญที่นฤพนชอบเป็นชีวิตจิตใจ ก็คือปืน และเขาเป็นคนที่ยิงปืนแม่นมาก ถึงขั้นที่ว่าสามารถยิงถูกหัวนกที่จับอยู่ปลายไม้ได้อย่างไม่พลาดในแต่ละวัน ชายหนุ่มจึงเข้าป่าล่าสัตว์ แต่บางครั้งก็ไม่ได้ล่ามาทำอาหาร แต่เพื่อฝึกซ้อมฝีมือยิงปืนเท่านั้นเอง

   ความสุขของนฤพนจึงกลายเป็นความทุกข์ของสัตว์จำนวนมากในป่า ทุกครั้งที่เขาเข้าป่า บรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยเหมือนจะรู้ว่าเพชฌฆาตกำลังเดินเข้ามาหา มันจะพากันวิ่งหนีทันที แม้แต่นกทั้งหลายก็บินหนีไปหมด แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะนั่นเป็นปกติธรรมดาของสัตว์ ทั้งหลายอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าภัยมาถึงตัวก็ต้องรีบหาทางเอาตัวรอดไว้ก่อน

   ถึงแม้ว่าสัตว์น้อยใหญ่จะพยายามหลบหลีกอย่างไร แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของนฤพนไปได้ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ ในการล่าสัตว์มาก ทุกครั้งที่แบกปืนเข้าป่า จะต้องได้สัตว์กลับออกมา ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่ชาวบ้านเห็นเขาแบกสัตว์ป่ากลับมา ทุกคนก็จะยกย่องชมเชย ว่าเขาเป็นคนเก่ง ที่สามารถล่าสัตว์ได้เยอะกว่าคนอื่น นฤพนจึงหลงยินดีไปกับคำยกยอสรรเสริญนั้น ทำให้เขายิ่งมีความขยันและฝึกฝนกลยุทธ์ต่างๆ ในการล่าสัตว์ให้ได้มากขึ้นทุกวัน

   สัตว์ที่เขาล่ามาได้นั้น บางครั้งก็เอามาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านได้ปรุงเป็นอาหารบ้าง บางครั้งก็ชวนเพื่อนๆ วัยรุ่น มาร่วมวงกินเหล้าและกับแกล้มกันอย่างสนุกสนาน นฤพนหลงผิดอยู่กับการกระทำความชั่วอย่างนั้นอยู่นานหลายปีทีเดียว โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่า สิ่งที่ตนได้กระทำลงไปนั้นมันจะย้อนกลับมาหาตัวเองอย่างไร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีแต่ได้รับคำชมว่า เป็นคนเก่ง คนมีฝีมือ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา

   ด้วยความที่อวิชชาได้ปิดบังดวงตาของชายหนุ่มอย่าง แนบสนิทนี้ ทำให้เขาได้ทำกรรมจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไว้มากมาย หากนับรวมๆแล้ว สัตว์ที่ถูกเขาฆ่าคงไม่น้อยกว่าพันๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นกระรอก กระต่าย นก งู และอีก สารพัด เรียกว่าหากไปพบสัตว์ชนิดใดเข้า เขาก็จะยิงทันที โดยไม่เคยคิดสงสารและไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งนั้นเป็นกรรม ที่จะย้อนกลับมาหาตัวเอง

  ต่อมานฤพนถูกสลัดรักจากหญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้าน ความอกหักทำให้เขาอยากหนีจากชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ จึงขอแม่มาหางานทำที่กรุงเทพ นั่นนับว่าเป็นครั้งแรกที่นฤพนได้วางมือจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
  หลังจากนฤพนมาอยู่กรุงเทพฯได้สองปี ผลแห่งกรรมที่เขากระทำไว้ ก็เริ่มจะแสดงฤทธิ์ออกมาทีละเล็กละน้อย เขาเริ่มเจ็บป่วยเป็นโน่นเป็นนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหายสักที เดี๋ยวก็ป่วยเป็นโรคนั้น ป่วยเป็นโรคนี้ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นประจำ


  ทุกครั้งที่นฤพนนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เขาจะนึกถึงกรรมชั่วที่ตนเคยกระทำไว้ตลอด นึกถึงภาพแห่งความ เจ็บปวดทุกข์ทรมานของสัตว์ทั้งหลายเวลาถูกเขายิง ภาพเหล่านี้ทำให้ชายหนุ่มน้ำตาไหล และรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สัตว์เหล่านั้นจะมาทวงคืนสิ่งที่เขาทำกับพวกมัน ทุกวินาทีของนฤพนจึงเต็มไปด้วยความหวาดผวา กลัวว่ากรรมเหล่านั้นจะตามมาให้ผลกับเขาในชาตินี้

แต่สิ่งที่เขากลัวก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็น การกระทำที่เขาก่อขึ้นเอง ย่อมให้ผลเองตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ

วันหนึ่ง..ในระหว่างที่เขาเดินออกไปจากโรงพยาบาลนั้น เขารู้สึกหน้ามืดเหมือนกับว่าจะเป็นลม แต่เขาก็พยายามประคองตัวเดินต่อไป แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ล้มลงจนร่างไปเสียบเข้ากับเหล็กชิ้นหนึ่ง แถวบริเวณที่ก่อสร้างริมถนน แต่นับว่ายังโชคดีที่ยังไม่โดนหัวใจ!!

เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวัน ชายหนุ่มนอนมองบาดแผลที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า การที่เขาล้มลงถูกเหล็กเสียบนั้น ก็คงเป็นเพราะกรรมที่เขาเคยยิงสัตว์ไว้มากนั่นเอง ตัวแล้วตัวเล่าที่เขายิงที่ลำตัวของมัน กรรมนั้นคงตามให้ผลแล้ว

  ทุกครั้งที่นฤพนหลับตาลง ภาพกรรมเก่าที่เคยทำไว้ ก็มาปรากฎหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา จิตใจของเขาไม่มีช่วงเวลาแห่งความสุขเลย กรรมชั่วนั้นช่างมีผลมากมายเสียจริงๆ ชาตินี้เขาได้เผชิญกับกรรมชั่วของตนเองทั้งทางกายและทางใจ จึงประจักษ์ชัดแล้วว่า กรรมชั่วนั้น หากใครหลงผิดไปทำแล้ว ย่อมได้รับผลเป็นความทุกข์อย่างแน่นอน

  นฤพนได้ประสบกับความทุกข์ด้วยตนเองอย่างนั้นแล้ว จึงตั้งใจที่จะทำความดีและอุทิศบุญกุศลไปให้กับเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้น หลังจากเขาออกจากโรงพยาบาล ก็ได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ๗ วัน และทำบุญตักบาตรอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรม นายเวรที่เขาได้กระทำไว้ เพราะเขาชื่อว่า ผลบุญนี้ จะทำให้ผลแห่งกรรมชั่วของเขาเบาบางลงไปได้

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน นฤพนยังคงมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้น ที่ได้ทำความดีอยู่ทุกวัน เพื่อชดเชยกับความชั่วที่เขาสั่งสมมานานหลายปี หากเขาไม่พบแสงแห่งธรรมเลย ชีวิตของเขาคงจะพบกับความทุกข์ทรมานมากกว่านี้อีกหลายเท่า

ทุกวันนี้ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ตกอยู่ในความมืดของอวิชชา ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าได้จุดแสงสว่างแห่งธรรมขึ้นมาบนโลกนี้หลายพันปีแล้ว คนที่ได้รับแสงสว่างแห่งธรรม ย่อมดำเนินชีวิตไปอย่างราบรื่น บนเส้นทางแห่งความสุข ส่วนคนที่อยู่ในความมืด ย่อมดำเนินชีวิตไปบนคราบน้ำตา


(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 119 ตุลาคม 2553 โดย มาลาวชิโร)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ที่มา
http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=335

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
กรรมติดจรวด
ผู้มีกรรม

ดิฉันจะขอเล่าโดยสรุปนะคะ
1. ดิฉันชิงสุกก่อนห่ามและมีลูกก่อนแต่ง ทำให้แม่เสียใจ ทำให้สามีดิฉันนอกใจมีเมียอีกคนและทำให้ดิฉันทุกข์แสนสาหัสปางตาย และมีผลยืดเยื้อถึงปัจจุบัน
2. เมียน้อยทำให้บังคับสามีไม่ให้กลับมาดูแลดิฉันตอนท้องจนกระทั่งคลอด ทำให้ตอนที่เค้าท้องต้องกลับไปอยู่ต่างจังหวัด สามีดิฉันไม่ดูแลเช่นกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดิฉันนะคะ เป็นไปตามกรรมของเค้าเอง
3. เมียน้อยไม่ยอมเลิกและเริ่มไม่มีความกลัวบาปกรรมเหมือนสิ่งที่เค้าสะสมทางจิต ว่ามันไม่ถูกต้องแต่ก็ทำ มันทำให้เค้ารู้สึกเป็นรองดิฉันตลอด เห็นได้จากการโทรมาด่าว่าดิฉัน ส่งข้อความมาด่า อยู่ไม่เป็นสุขร้อนรน และถึงขึ้นโทรมาต่อว่าตัดพ้อที่บ้านสามีดิฉัน
4. ที่เห็นเด่นชัดคือ การงานเค้าไม่ค่อยรุ่ง ทำแล้วเลิกตลอดค่ะ
5. ดิฉันพยายามทำใจให้สงบด้วยการสวดมนต์ตามแบบที่หลวงพ่อจรัญ แนะนำ คือสวดพาหุงมหากา ทุกครั้งที่สวดติดต่อกันเป็นประจำ ทำให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่านและช่วงที่สวดสามีจะพูดรู้เรื่องดูเห็นอกเห็นใจดิฉัน และลูกก็ไม่ดื้อเชื่อฟังดิฉันค่ะ
****** ปัจจุบันพยายามทำใจปล่อยวาง และสวดมนต์ ทำให้ไม่ทุกข์เท่าตอนแรกค่ะ จึงอยากแชร์ประสบการณ์ตรงค่ะ ********

ที่มา
http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=332

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ดอกมะลิอัศจรรย์

......ในครั้งพุทธกาลก็มีผู้กระทำมาแล้วย่อมมีผลานิสงส์อย่างอเนกประการ คือ นายสุมนมาลากร
มีเรื่องอยู่ว่านายสุมนมาลาการนี้ เก็บดอกมะลิมาถวายพระเจ้าพิมพิสารวันละ ๘ ทะนาน และรับเงิน ๘ กหาปณะต่อวัน ขณะที่เขาเก็บดอกไม้อยู่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออก บิณฑบาตภายในพระนคร พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป เป็นบริวาร นายสุมนมาลาการเห็นก็เกิด จิตเลื่อมใสคิดอยากจะทำบุญแก่พระตถาคต แต่ไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากดอกไม้ จึงเอาดอกไม้เหล่านั้น บูชาพระองค์ โดยไม่เกรงกลัวพระราชาจะทรงกริ้วโกรธ ถึงแม้จะถูกพระราชาประหารชีวิตก็ยอมตาย

   การบูชาดอกไม้ของนายมาลาการได้กระทำซัดดอกไม้ขึ้นไปในเบื้องบน ของพระตถาคต ๒ กำมือ ดอกไม้เกิดอัศจรรย์ขึ้นไปประดิษฐานเบื้องบนเป็นเพดานกั้นพระเศียรพระตถาคต แล้วก็ซัดไปทาง พระหัตถ์ขวา ๒ กำด้านพระปฤษฎางค์ ๒ กำ พระหัตถ์ซ้าย ๒ กำ รวมทั้งหมด ๘ กำดอกไม้เหล่านั้นได้ เกิดอัศจรรย์แวดล้อมพระตถาคตอยู่ตลอดเวลานายมาลาการเห็นดังนั้นก็ยินดียิ่งนัก ได้ถือกระเช้าเปล่า ไปเรือนฝ่ายภรรยาเห็นไม่มีดอกไม้ในกระเช้านายมาลาการบอกแก่ภรรยาว่าได้เอาดอกไม้บูชาพระตถาคตแล้วนางได้ตอบว่าธรรมดาพระราชาเป็นผู้ดุร้าย กริ้วคราวเดียวก็ทำความพินาศให้ถึงความตาย

ดังนั้นความพินาศนี้พึงมีแก่เรา เพราะเธอได้ทำกรรมไว้ นางได้อุ้มลูกไปเฝ้าพระราชาทูลขอหย่ากับ นายมาลาการกับพระองค์
พระราชาทรงทราบความต่ำทราม แห่งจิตของนาง แล้วก็ทำเป็นกริ้วและอนุญาต ให้นางหย่ากับนายมาลาการ แล้วพระราชาได้เสด็จไปสู่สำนักพระศาสดาถวายบังคมทูลอาราธนา พระศาสดาไปรับภัตตาหารในพระราชวังพระศาสดาทรงทราบพระราชหฤทัยของพระราชา พระองค์ทรงรับอาราธนาแล้วเสด็จไปสู่พระราชวังของพระราชา แต่พระศาสดาทรงพระประสงค์ จะประทับที่พระลานหลวง จะประกาศคุณงามความดีของนายมาลาการพระราชาทรงอังคาส พระศาสดาพร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามส่งเสด็จพระศาสดาไปสู่วิหารเสด็จกลับมาตามนายมาลาการ ถวายถึง สาเหตุที่ถวายดอกไม้แด่พระศาสดา
พอทราบเรื่องแล้วทรงพระราชทานรางวัลอย่าง ๘ ชนิด
มีช้าง ๘ เชือก ม้า ๘ ตัว ทาส ๘ คน ทาสี ๘ คน กหาปณะ ๘ พัน นารี ๘ นาง และเครื่องประดับอย่าง
ละ ๘ และบ้านส่วยอีก ๘ หมู่บ้านเป็นอันว่ากรรมดีได้สนองผลให้แก่นายสุมนมาลาการในวันนั้นเอง

ที่มา
http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=329
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มิ.ย. 2554, 08:25:42 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อะไร ? ทำให้คนใจดำ เปลี่ยนแปลงตัวเอง
โกอ้วน

อะไร ? ทำให้คน ใจดำ เปลี่ยนแปลงตัวเอง.....เพราะอะไร??
เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อย แต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมา แกกินแหลกครับแต่ แม่แกบอกมันบาปนะลูก (แต่ลูกไม่สนใจ)

เมื่อราว 15 ปีก่อน มีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไป ครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งครับมันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่บ่อยๆแต่ กรณีหมาขี้เรื้อนแกบอก 'กูกินไม่ลงว่ะ'

แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า แต่มันรอดได้ทุกครั้ง (สงสัยมีของ) มันไปหาของกินทีบางทีก็ได้บางทีก็ไม่ได้

คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไป พอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุนๆไป แกเดือดทันทีครับวิ่งตามไป คราวนี้ทันครับเพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก

แกทุบไปทีเดียวหมานั่นล้มลงชักทันที (แกบอกว่าหากตีตรงจุดแค่ไม้บรรทัดก็ตาย) แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับแต่จะทำกินตรงนั้น จึงกลับบ้านไปเตรียมของ (แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน) ให้ผมเฝ้าไว้ (ยังเด็กอายุแค่12) ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู (ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย) มันไปจริงครับหายวับไป พี่ชิตแกโกรธมากคงอยากเตะผมเต็มแก่ แต่ลุงผมแกเป็นนักเลงใหญ่และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้ ก็ต้องวิ่งตามอย่างเดียวพร้อมบ่น 'ทำไมมันไม่ตายวะ'

พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่า
แกตามทันทีพอไปถึง ภาพที่เห็น ..............................................

หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง 5 ตัวครับ วัยกำลังหย่านมบางตัวยังกินนมอยู่ บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก (เห็นกับตา) ที่มันยังไม่ยอมตายเพราะต้องกลับไปให้นมลูก แม้น้ำนมแห้งกรัง เอาอาหารไปให้ลูกมัน

เรียกลูกๆเพื่อให้นม ให้อาหาร เป็นครั้งสุดท้าย แม่หมาพยายามอย่างดีที่สุด

มันมองผมกับพี่ชิตอย่างขอร้อง ขอให้มันให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย
ไม่อยากเชื่อนั่นคือน้ำตาของหมาขี้เรื้อน มันแค่ต้องการให้นมลูกก่อนตาย

พี่ชิตไม้หล่นลงกับพื้น เดินเข้าไปดูแม่หมานั่น ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูก แกไม่พูดอะไรทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอสายตาอ่อนโยนลง

ลูกหมาตัวหนึ่งวิ่งไปหาแกกระดิกหางให้ แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า 'ขอโทษ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย เราช่วยกันฝังแม่หมา
แกรับเลี้ยงหมานั่นไว้ ทั้ง5ตัวตั้งแต่นั้นแกกลายเป็นคนใจดีไม่ไล่ยิงนกยิงหมายิงแมวอีกแกบอก 'มันอาจมีลูกรออยู่ก็ใด้'

เมื่อ 12 สิงหา 2 ปีที่แล้ว แกเอามะลิร้อยเป็นพวงไปให้แม่ทั้งๆที่ไม่เคยทำ พูดกับแม่ว่า 'แม่ตอนผมอายุ16 แม่สอนผมยังไงนะสอนอีกหนใด้ไหมครับ'

แม่แกน้ำตาคลอพูดไม่ออก ไม่อยากเชื่อแม่หมาขี้เรื้อนตายไป1ตัว กลับทำให้คนใจดำอย่างแกเปลี่ยนไปขนาดนี้

… รักแม่ . . .


ที่มา
http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=327

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
หลากหลายเรื่องราวของ กรรมติดจรวด 36; 36;
                                   
ขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้สาระความรู้มากๆครับผม  :016: :015:
 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบคุณครับผม) :033: :033:
   
 

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ