กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 05 ต.ค. 2553, 09:21:01

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 05 ต.ค. 2553, 09:21:01
(http://img692.imageshack.us/img692/4924/copyof22.jpg)

ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
  ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
                   อากาศหนาว ฝนตกหนัก ลมพัดแรง ทุกอย่างมาพร้อมกัน ที่เรียกกันว่า " ฝนสั่งฟ้า "
เพราะเมื่อสิ้นฝนก็ต้นหนาว เป็นช่วงเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ตื่นตั้งแต่ตีสองกว่าเพราะว่าอากาศนั้น
มันหนาว ตื่นขึ้นมาเพื่อหาชุดกันหนาวมาสวม หมวกไหมพรม ถุงเท้า ถุงมือ เสื้อยืดแขนยาวกันหนาว
เปิดตู้ค้นหาผ้าห่มนวมกันหนาว เรียกว่าขนมาครบชุด ปีนี้ฤดูหนาวมาเร็วมากและอุณหภูมิลดลงเร็วมาก
ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้าแล้ว นั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา ปลุกธาตุปรับธาตุให้กับตัวเอง เพื่อให้ร่างกาย
ปรับสภาพกับความหนาว  กลางวันอยู่แต่บนศาลาลงไปล่างไม่ได้เพราะฝนตกหนักตลอดทั้งวัน หาอะไรทำ
ไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ร่างกายอยู่นิ่ง เป็นการเจริญสติ ดูสัมปชัญญะการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อเพิ่มกำลัง
ของสติและสัมปชัญญะ เอาไม้มาเหลามาเจาะทำเหล็กจาร ตัดหัวน๊อตเอามาฝนให้แหลมเป็นปลายเหล็กจาร
เสร็จแล้วเข้าเน็ตเปิดดูในบอร์ด ดูกระทู้ต่างๆ จนกระทั่งถึงตอนเย็นได้เวลาจึงพักไปไหว้พระทำวัตรสวดมนต์เย็น
นั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนาจนสมควรแก่เวลา จึงได้จำวัตรพักผ่อน
.....รอยธรรม.....
                     การเจริญจิตตภาวนานั้น เราสามารถที่จะทำได้ในทุกอิริยาบท คือ ยืน เดิน นั่ง นอน เพราะเป็นเรื่อง
ของการมีสติ คือการทำที่จิต แต่ในอิริยาบทต่างๆนั้น จะมีผลต่างกัน เช่นการเจริญสติภาวนาในท่านอนนั้น ทำได้ง่าย
เข้าสมาธิได้เร็ว แต่จะไม่ตั้งอยู่นาน เพราะนิวรณ์จะเข้ามารบกวนได้ง่ายคือนิวรณ์ตัวถีนมิทธะ อาการง่วงเหงาหาวนอน
สมาธิจะกล้าแต่สติจะมีกำลังน้อย มันจะทำให้เผลอหลับไป ส่วนในอิริยาบทยืนนั้นจะทำได้ยากกว่าการนั่ง เพราะต้องทรง
ร่างกายให้ตรงเพื่อไม่ให้ล้ม และในอิริยาบทเดินนั้นทำได้ยากที่สุด แต่ถ้าเข้าสมาธิได้แล้ว จะตั้งได้อยู่นาน ทรงได้อยู่นาน
เพราะว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จึงต้องใช้กำลังของสติเป็นอย่างมาก ในการจดจ่ออยู่กับองค์ภาวนาอยู่ตลอดเวลา
การรักษาศีลนั้นคือการเจริญสติ เพราะผู้ที่รักษาศีลนั้นต้องมีสติอยู่กับกายและจิต ในการที่จะคิด จะพูดและจะทำ เรียกว่า
ต้องสำรวมอินทรีย์อยู่ทุกขณะจิต เพื่อไม่ให้ล่วงละเมิดข้อห้ามของศีลที่รักษา ศีลจึงคือที่มาของสติพละ และสิ่งที่ได้มา
ควบคู่กับสติในการรักษาศีล ก็คือองค์แห่งคุณธรรม " หิริและโอตตัปปะ " สิ่งนั้นก็คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
เพราะการที่เราไม่กล้าที่จะล่วงละเมิดข้อห้ามของศีลนั้น เพราะเรามีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปเป็นตัวกระตุ้นเตือน
เพื่อให้เกิดจิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ดั่งคำพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ว่า..."ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ศีลเป็นพื้นฐาน เป็นที่
รองรับคุณอันยิ่งใหญ่ ประหนึ่งแผ่นดินเป็นที่รองรับและตั้งลงแห่งสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่มีชีพและหาชีพมิได้ เป็นต้นว่า พฤกษา
ลดาวัลย์ มหาสิงขร และสัตว์จตุบาท ทวิบาทนานาชนิด บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบาย มีความปลอดโปร่งเหมือนเรือน
ที่ปัดกวาด เช็ดถูเรียบร้อย ปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน " ....
.....รอยกวี.....
                 ร้อยเดือน  ร้อยดวงดาว
                 ร้อยเรื่องราว  มาเล่าขาน
                 บอกเล่า   มายาวนาน
                 ตลอดกาล  ที่ผ่านมา
                                สอดแทรก  ซึ่งธรรมะ
                                เป็นสาระ    ให้ศึกษา
                                แนวทาง     ภาวนา
                                เห็นคุณค่า  ในทางธรรม
                                               ทางธรรม   นำชีวิต
                                               ชี้ถูกผิด     มีแบบนำ
                                               บำเพ็ญ     กุศลกรรม
                                               เพราะมีธรรม  นั้นนำทาง
                                                              นำทาง  เพื่อสร้างจิต
                                                              ทางชีวิต ที่สว่าง
                                                              รู้ลด  และละวาง
                                                              ให้ออกห่าง  จากอัตตา
                 อัตตา  และมานะ
                 ควรลดละ  ต้นปัญหา
                 ที่ยึด   และถือมา
                 ต้นปัญหา แห่งบาปกรรม
                              บาปกรรม   เกิดจากจิต
                              ที่คิดผิด    เข้าครอบงำ
                              ก้าวสู่      ความมืดดำ
                              จิตตกต่ำ  กรรมจึงมา
                                         ทุกข์กาย  และทุกข์จิต
                                         ทุกข์เพราะผิด จิตใฝ่หา
                                         ความสุข  ในกามา
                                         ทุกข์เพราะว่า ขาดทางธรรม
                                                       ดูกาย  และดูจิต
                                                       ดูความคิด ที่ครอบงำ
                                                       ดูสิ่ง  ที่เราทำ
                                                       ดูแล้วนำ  มาใคร่ครวญ
                                                                   ถูกผิด  จิตนั้นรู้
                                                                   ถ้าตามดู  ในทุกส่วน
                                                                   รู้ควร  และไม่ควร
                                                                   รู้ในส่วน  ที่ควรทำ....
                            ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                 รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๒๑ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
                                                   
                 
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 05 ต.ค. 2553, 09:27:16
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:

ศิษย์ขอนอบน้อมนำคำสั่งสอนของพระอาจารย์ไปปฏิบัติต่อไป จะมีสติอยู่กับหิริและโอตตัปปะ ให้มากขึ้นครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: NONGEAR44 ที่ 05 ต.ค. 2553, 09:57:27
กราบมนัสการพระอาจารย์ ขอบพระคุณมากครับ

                              บาปกรรม   เกิดจากจิต
                              ที่คิดผิด    เข้าครอบงำ
                              ก้าวสู่      ความมืดดำ
                              จิตตกต่ำ  กรรมจึงมา
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: vithya ที่ 05 ต.ค. 2553, 10:47:07
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ   
                    ถูกผิด  จิตนั้นรู้
                    ถ้าตามดู  ในทุกส่วน
                    รู้ควร  และไม่ควร
                    รู้ในส่วน  ที่ควรทำ....
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: viriya ที่ 05 ต.ค. 2553, 07:08:09
   กราบนมัสการขอรับพระคุณเจ้า
         ทางธรรม  นำชีวิต
         ชี้ถูกผิด  มีแบบนำ
         บำเพ็ญ  กุศลกรรม
         เพราะมีธรรม  นั้นนำทาง
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเล็ก ที่ 05 ต.ค. 2553, 10:20:11
กราบนมัสการพระอาจารย์........
ขอขอบพระคุณมากที่เขียน...รอยทาง..รอยธรรม..รอยกวี
ให้ข้อคิด....ไว้เตือนสติ...
ช่วงนี้ปลายฝนต้นหนาว...อากาศเปลี่ยนแปลง...
พระอาจารย์รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
 
      02; ตัวเล็ก 02;
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๔ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: nsp8428 ที่ 05 ต.ค. 2553, 10:28:33
บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบาย มีความปลอดโปร่งเหมือนเรือน
ที่ปัดกวาด เช็ดถูเรียบร้อย ปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน


กราบนมัสการพระอาจารย์ และกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ