กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 15 ก.ย. 2554, 04:42:16

หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๔ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 15 ก.ย. 2554, 04:42:16
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๔ กย. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พฤหัสบดีที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
           ในช่วง ๒-๓ วันที่ผ่านมานั้นได้พิจารณาธรรมเรื่องความตาย
จนเกิดธรรมสังเวช ความเบื่อหน่ายในกายนี้และชีวิตที่เหลืออยู่
มันเบื่อไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากที่จะทำอะไร แม้แต่การเคลื่อนไหว
อยากนอนนิ่งๆนอนดูกายและดูลมหายใจ ไม่อยากที่จะทำอะไร
เพราะจิตเข้าไปติดอยู่ในอารมณ์ของความเบื่อหน่ายธรรมสังเวช
รู้เห็นเหตุที่เกิดของอารมณ์เหล่านั้น ว่ามันยังไม่ใช่ที่สุดของการปฏิบัติ
พยายามอบรมตนเองกระตุ้นเตือนจิตสำนึกให้ระลึกรู้ถึงข้อวัตรปฏิบัติ
เพื่อให้รู้จักรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่และมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม
อะไรที่ผิดเราก็พยายามละพยายามลด ไม่ทำตามความคิดฝ่ายต่ำ
สร้างแต่สิ่งที่เป็นคุณงามดี ดั่งที่ได้ตั้งปณิภานไว้ " ไม่เก็บ ไม่กำ ไม่กอบ
 ไม่โกง ไม่กิน ไม่เอาเปรียบผู้ใด ทุกอย่างทำไปเพื่อสร้างสมบารมี "
ชีวิตนี้มันเป็นของน้อยทุกวินาทีที่ผ่านไป คือการเดินไปสู่ความตาย
 จึงจำเป็นต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  "การทำความเพียรนั้น
อย่าได้หลอกตนเอง ทำให้จริงจัง ตั้งสติกำหนดให้สตินั้นมีกำลังแก่กล้า
ทำสติและสัมปชัญญะให้มันแจ้ง " ทาน ศีล ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา
การเจริญภาวนานั้นเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
 ที่กระทำนั้นไปมีความหมาย เพื่อที่จะกำจัดกิเลสภายในใจของเรา
ไม่ใช่ทำไปเพื่อสนองตัณหาให้ก่อเกิดมานะอัตตา แต่เป็นไปเพื่อความลดละ
แห่งกิเลสตัณหา ด้วยการพิจารณาดูกาย ดูจิต ดูความคิดของตัวเราเอง
ดูตัวเราว่ามีปัญญาพิจารณาธรรมเป็นไหมและทำอย่างไรเพื่อให้เกิด
ความเจริญในธรรมเพิ่มขึ้น พิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญา ละอัตตา
ค้นหาความจริงในกายในจิตของเรา ยอมรับในความเป็นจริงในสิ่ง
ที่เรามีและเราเป็น มองให้เห็นความเสื่อมทั้งหลายอันได้แก่กิเลสตัณหา
อัตตามานะที่่มีอยู่ในจิตของเรา ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องรู้และต้องเห็น
เสียก่อน จึงจะเข้าไปลดละมันได้ เพราะไม่มีใครที่จะรู้จักตัวเราเท่ากับ
ตัวของเราเอง ขอเพียงเราให้เวลาแก่ชีวิตจิตวิญญาณของตัวเราเอง
ให้มากกว่าที่เป็นอยู่  " ดูหนัง ดูละคร แล้วจงย้อนมาดูตัวเอง "
นรกหรือสวรรค์ นั้นเป็นสิ่งที่ยังไม่เห็นในวันนี้ แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่
คือความสุขและความทุกข์ทั้งหลาย ที่เราสัมผัสได้ในปัจจุบัน
ทำอย่างไรที่เราจะอยู่กับมัน อยู่เหนือมัน ทำอย่างไรให้ใจของเรานั้น
ไม่สับสนและวุ่นวาย นั้นคือสิ่งที่เราต้องทำในวันนี้ เป็นสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้
ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ยากถ้าคุณคิดที่จะทำ.....
                เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                      รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๒๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๔ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 15 ก.ย. 2554, 05:32:00
ไม่โกง ไม่กิน ไม่เอาเปรียบผู้ใด ทุกอย่างทำไปเพื่อสร้างสมบารมี
                   
ทาน..ศีล..ภาวนา..สมาธิ..ปัญญา

การเจริญภาวนานั้นเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
             
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ :054: :054:   รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
                                                                                                                                                                               
ขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ สำหรับคำสอนดีๆ ที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                             
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :033: :033:
                     
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๔ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 15 ก.ย. 2554, 06:41:43
กราบนมัสการพระอาจารย์
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๔ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: boomee ที่ 15 ก.ย. 2554, 07:36:05
กราบนมัสการครับพระอาจารย์  :054:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๔ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: berm ที่ 15 ก.ย. 2554, 09:07:42
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ...ตอนนี้หมดกำลังใจและท้อแท้มากๆสภาวะรอบด้านโถมทับมาเป็นลูกคลื่นไม่ให้ตั้งตัวเลยได้อ่านธรรมะของพระอาจารย์และเอามาเป็นข้อปฎิบัติพอช่วยให้คลายลงไปได้บ้าง :054:อารมณ์เบื่อหน่ายทุกอย่างมองไปทางไหนก็หมดกำลังใจ :043: สาธุ :070: