ครู มีที่มาจากคำว่า ครุ มีความหมายว่า หนัก ซึ่งหากเทียบเคียงกับความหมายในราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่ให้ความหมายของคำว่าครูว่าคือ ผู้สั่งสอนศิษย์, ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า ครู คือ ผู้มีภาระอันหนักในการถ่ายทอดวิชาความรู้ และอบรมสั่งสอนศิษย์ที่อยู่ในปกครอง
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e1ry-e05def.jpg)
ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีการกล่าวถึง ครู ว่าเป็นบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งในชีวิต ดังที่ปรากฏในสิงคาโลวาทสูตร เนื้อหาของพระสูตรนี้กล่าวถึง ทิศ ๖ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่สิงคาลมาณพ โดยทิศ ๖ นี้หมายถึง บุคคลที่ปรากฏเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตัวเราอยู่รอบด้าน พระพุทธองค์ทรงแนะนำว่าหากจะไหว้ทิศให้เกิดผล ไหว้ให้ถูกทิศนั้น เราก็จักต้องรู้ความหมายและวิธีการปฏิบัติตนต่อทิศนั้นๆ เสียก่อน
ใน ทักขิณทิส หรือ ทิศเบื้องขวา ท่านได้กำหนดไว้ว่าคือ ครูอาจารย์ ผู้สอนให้ศิษย์เป็นผู้ถนัดชำนาญในศิลปวิทยาแขนงต่างๆ อันจะได้นำไปเป็นเครื่องมือในการทำมาหาเลี้ยงชีพ และดำรงตนได้อย่างปกติสุข ครูอาจารย์ จึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการหล่อหลอมศิษย์ให้เป็นคนดี
หน้าที่ของครูอาจารย์ที่พึงมีแก่ศิษย์ จำแนกได้ดังนี้คือ
๑. แนะนำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง
๒. สอนศิษย์ให้เข้าใจในเนื้อหาอย่างถูกต้อง
๓. ถ่ายทอดวิชาความรู้อย่างเปิดเผยไม่ปิดบัง
๔. ยกย่องความดีของศิษย์ให้ปรากฏในหมู่ชน
๕. ทำความป้องกันไม่ให้ทำความเสื่อมเสียในทิศทั้งหลาย
สำหรับหน้าที่อันศิษย์พึงสมควรปฏิบัติต่อครูอาจารย์ก็ประกอบด้วย
๑. ให้การต้อนรับ พบเห็นท่านที่ใดก็แสดงความเคารพ
๒. น้อมนบเสนอตัวรับใช้ เป็นการแสดงน้ำใจให้ท่านเห็น
๓. เชื่อฟังคำสั่งสอน และนำมาปฏิบัติตามวาระกิจจำเป็น
๔. คอยปรนนิบัติ ช่วยทำกิจอันลำเค็ญของท่านโดยไม่ต้องรอให้ท่านใช้
๕. ใส่ใจในการเรียน เรียนกับด้วยความเคารพ ตั้งใจฟังด้วยความสนใจ ไม่สร้างปัญหาในเวลาเรียน
พระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) ผู้อยู่ในฐานะ ครู ของเราท่านทั้งหลาย ท่านก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นแบบอย่างทั้งในฐานะ ศิษย์ และ ครู ไปพร้อมกันอย่างเพียบพร้อมบริบูรณ์เฉกเช่นเดียวกัน
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0l9-b27930.jpg)
จากประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อเปิ่น ได้มีการกล่าวถึงครูบาอาจารย์ของท่านไว้หลายรูป อาทิเช่น หลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน) วัดบางมด, หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาการสักยันต์ให้แก่หลวงพ่อเปิ่นได้สืบสานต่อมาจนปรากฏชื่อเสียงสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงที่หลวงพ่อเปิ่นได้พากเพียรศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่หิ่มนั้น ท่านก็ได้ปรนนิบัติรับใช้ในกิจต่างๆ ของหลวงปู่หิ่มผู้เป็นครูอาจารย์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด ซึ่งก็ถือได้ว่าหลวงพ่อเปิ่นเป็นศิษย์รูปสุดท้ายที่ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่หิ่มจนถึงกาลที่หลวงปู่หิ่มละสังขาร นับได้ว่าหลวงพ่อเปิ่นท่านได้ทำหน้าที่ของท่านในฐานะ ศิษย์ ได้อย่างบริบูรณ์
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0et-24e5d6.jpg)
จนกระทั่งช่วงเข้าพรรษาใน ปี พ.ศ.๒๕๐๗ หลวงพ่อเปิ่นท่านได้ย้ายจากวัดทุ่งนางหรอก มาจำพรรษาที่วัดโคกเขมา และที่วัดโคกเขมานี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการจัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์เป็นครั้งแรก กล่าวคือ เมื่อหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโคกเขมา ท่านได้นำวิชาความรู้ทางการสักยันต์มาถ่ายทอดโดยการสักให้กับลูกศิษย์ขึ้นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
และเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมและการสักยันต์ที่ได้รับถ่ายทอดมา ในปีถัดมา คือ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ หลวงพ่อเปิ่นท่านจึงได้จัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้นเป็นครั้งแรก โดยจัดพิธีบริเวณลานดินกลางลานวัดอย่างเรียบง่าย ลูกศิษย์ผู้ที่ได้รับการสักยันต์ก็จะตระเตรียมดอกไม้ธูปเทียน และเงินค่าครู มาเข้าร่วมพิธี
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0od-b1a076.jpg)
นับตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อเปิ่นท่านก็จะจัดให้มีพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด เมื่อหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ายมาอยู่ที่วัดบางพระ ท่านก็ได้สืบสานประเพณีไหว้ครูไว้อย่างต่อเนื่อง โดยจัดพิธีไหว้ครูครั้งแรกที่วัดบางพระ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ในช่วงแรกนี้จะจัดพิธีไหว้ครูในวันพฤหัสบดี ต่อมาในภายหลังจึงเปลี่ยนมาจัดพิธีในวันเสาร์ ซึ่งถือว่าเป็นวันแข็งที่สุด และได้ถือปฏิบัติสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0mb-cefbd8.jpg)
ลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับการสักยันต์จากหลวงพ่อเปิ่นผู้เป็นครูอาจารย์ไปแล้ว ส่วนมากต่างก็มาร่วมพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการบูชาคุณของครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาเป็นสำคัญ บางคนก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น เพื่อมาขอขมาในสิ่งที่ตนได้ประพฤติผิดจากสัจจะคำครู หรือเพื่อมารับการสักยันต์ในวันไหว้ครู โดยเชื่อว่าเป็นวันที่แข็งและดีที่สุดสำหรับการสักยันต์เพื่อให้เกิดความเข้มขลังตามความเชื่อ ถึงขนาดกลายมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปโดยปริยาย
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0n2-44819e.jpg)
แม้ในปัจจุบันพระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่นท่านจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม การสืบสานประเพณีไหว้ครูวัดบางพระก็ได้จัดสืบทอดต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด โดยในปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๗) จะจัดพิธีไหว้ครูตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง วันที่ ๑๕ มีนาคม ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่มีความสนใจในพิธีกรรมโบราณนี้ สามารถมาร่วมพิธีได้ โดยเริ่มพิธีเวลา ๐๙.๓๙ น. (มหัทธโนฤกษ์) เป็นต้นไป
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0nl-61ed97.jpg)
ทั้งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ตามหน้าที่อันพึงมีของ ศิษย์ และน้อมนำเอาคำสอนของครูอาจารย์กลับไปประพฤติปฏิบัติ อันจะนำมาซึ่งความสุขความเจริญในชีวิต ในธุรกิจหน้าที่การงานทั้งหลายตามสมควรแก่การปฏิบัติของแต่ละบุคคล และเหนือสิ่งอื่นใดคือ การได้พบปะสานสายใยสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้อง ศิษย์ ที่มี ครู คนเดียวกัน
[shake] เพราะพวกเราคือศิษย์มีครูที่ได้ชื่อว่า ... ศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ[/shake]
(http://bp.or.th/uploads/data/image/n2e0wf-ea7315.jpg)
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
เนื้อหารายละเอียดประวัติพิธีไหว้ครู เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน
พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต วัดโคกเขมา จ.นครปฐม
พระอาจารย์อนันต์ อภินนฺโท (หวานชะเอม) พระภิกษุวัดบางพระ จ.นครปฐม
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันศุกร์ที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗
เวลา ๐๑.๓๙ น.