กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: porvfc ที่ 01 เม.ย. 2552, 09:47:42
-
(http://img119.imageshack.us/img119/6990/prayudhpayutto.jpg)(http://img144.imageshack.us/img144/6706/12002517.jpg)(http://img144.imageshack.us/img144/4842/38474716.jpg)
คราวนี้เราก็มาตรวจสอบตัวเองว่า ทานของเราได้ผลสมบูรณ์ไหม เริ่มตั้งแต่ด้านจิตใจว่าเจตนาของเราดีไหม
เจตนานั้นท่านยังแยกออกไปอีกเป็น 3 คือ
๑. บุพเจตนา เจตนาก่อนให้ คือตั้งแต่ตอนแรก เริ่มต้นก็ตั้งใจดี มีความเลื่อมใส จิตใจเบิกบาน และตั้งใจจริง แข็งแรงมีศรัทธมาก..
๒. มุญจนเจตนา ขณะถวายก็จริงใจจริงจัง ตั้งใจทำ ด้วยความเบิกบานผ่องใส มีปัญญา รู้เข้าใจ
๓. อปราปรเจตนา ถวายไปแล้ว หลังจากนั้น ระลึกขึ้นเมื่อไรจิตใจก็เอิบอิ่มผ่องใส ว่าที่เราทำไปนี้ดีแล้ว ทานนั้นเกิดผลเป็นประโยน์ เช่น ได้ถวายบำรุงพระศาสนา พระสงฆ์จะได้มีกำลัง แล้วท่านก็จะได้ปฏิบัติศาสนกิจ ช่วยให้พระศาสนาเจริญงอกงามมั่นคงเป็นปัจจัยให้สังคมของเราอยู่ร่มเย็นเป็นสุข นึกขึ้นมาเมื่อไรก็เอิบอิ่มปลื้มใจ ท่านใช้คำว่า "อนุสรณ์ด้วยโสมนัส"
ถ้าโยมอนุสรณ์ด้วยโสมนัสทุกครั้งหลังจากที่ทำบุญไปแล้ว โยมก็ได้บุญทุกครั้งที่อนุสรณ์นั่นแหละ คือระลึกขึ้นมาคราวไหนก็ได้บุญเพิ่มคราวนั้น
นี่คือเจตนา 3 กาล ซึ่งเป็นเรื่องสำหรับทายก
สำหรับปฏิคาหก คือผู้รับ ถ้าเป็นผู้มีศีล มีคุณธรรมต่าง ๆ มาก ก็ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลมาก เพราะจะได้เกิดประโยชน์มาก เช่นพระสงฆ์ เป็นผู้ทรงศีล ทรงไตรสิกขา ท่านก็สามารถทำให้ทานของเราเกิดผลงอกเงยออกไปกว้างขวาง เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ช่วยให้ธรรมแผ่ขยายไปในสังคม ให้ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข และดำรงพระศาสนาได้จริง
ส่วนไทยธรรม* คือวัตถุที่ถวาย ก็ให้เป็นของบริสุทธิ์ได้มาโดยสุจริต สมควรหรือเหมาะสมแก่ผู้รับ และใช้ได้เป็นประโยชน์
*ไทยธรรม มาจากภาษาบาลีว่า เทยฺยธมฺม แปลว่า สิ่งที่จะพึงให้ หรือของที่ควรให้
ที่มา : "ก้าวไปในบุญ" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
-
อนุโมทนาด้วยนะครับที่นำธรรมะดีๆมาเผยแผ่กัน นิสัยดีน่ารัก ไม่รักไม่ได้แล้วหล่ะ :025: :080: :026: :077: :090: :114:
-
ทำบุญให้ถึงบุญ ถูกบุญ แล้วเป็นบุญครับผม
-
โอ่....ขอบคุณพี่ปอคนสวยครับ :054:
-
ขอบคุณนะครับสำหรับบทความดีๆ......... :002: