กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: luangcha ที่ 02 เม.ย. 2552, 09:37:31
-
คือน้องเขามีปัญหา ไปสักน้ำมันมา2อาทิตย์แล้วสักกระทู้5แถว (ไม่รู้เรียกถูกมั้ย) เมื่อคืน เขามีอะไรกับผู้ชาย แล้วลอดขาผู้ชาย...หลังจากเสร็จแล้วยันต์ขึ้นเป็นรูป5แถว เช้านี้ยังไม่หาย จางลงหน่อยๆ ต้องทำยังงัยบ้างครับ (ไปสักกับ อ.ปิ๊ก แล้ว ลพ.ติ่งเป่าให้) รอยสักถึงจะหายจางลงไป...หรือว่าต้องไปหา อาจารย์ หรือต้องไปลงใหม่อีกที ช่วยผู้รู้ตอบทีครับ...ขอบคุณคร้าบ.
-
แปลกดีครับ คล้ายๆกันเลยครับ
สวดมนต์ไหว้พระ บอกหลวงปู่นะครับ คงจะดีขึ้นครับ จริงๆแล้วผู้ชายทำแบบนั้นกับผู้หญิงไม่น่าเป็นไรนะครับ
ที่ผมเคยเจอน้องๆถาม คือ น้องผู้หญิงเจอน้องผู้หญิงขึ้นคร่อม :067: :067:
มึนกว่าอีกครับท่าน
-
ที่จริง ผม อยากตอบครับ
แต่ถ้าผมตอบแบบละเอียด เกรงใจ เวปบอร์ด อะครับ
เพราะผม ทำงาน เกี่ยวกับ เรื่องแบบนี้ โดยตรงเลย
อยู่สาย รัชดา ครับ สถานบัญเทิงครบวงจร
ของแบบนี้ ผมว่า เป็นเรื่อง ธรรมชาติสร้างมาครับ ให้หญิงและ ชาย มีอะไรกัน
ขออย่างเดียวครับเรื่องแบบนี้ อย่าผิดผัวผิดเมีย ชาวบ้านเขา ไม่น่าจะมีอะไรครับ
ทำใจให้สบาย นึกถึงครูบาอาจารณ์ สวดมนต์กราบไหว้ ท่าน เป็นเนืองนิต ครับ อาจทำให้ท่านสบายใจ ขึ้นมาบ้าง :001:
-
ที่จริง ผม อยากตอบครับ
แต่ถ้าผมตอบแบบละเอียด เกรงใจ เวปบอร์ด อะครับ
เพราะผม ทำงาน เกี่ยวกับ เรื่องแบบนี้ โดยตรงเลย
อยู่สาย รัชดา ครับ สถานบัญเทิงครบวงจร
ของแบบนี้ ผมว่า เป็นเรื่อง ธรรมชาติสร้างมาครับ ให้หญิงและ ชาย มีอะไรกัน
ขออย่างเดียวครับเรื่องแบบนี้ อย่าผิดผัวผิดเมีย ชาวบ้านเขา ไม่น่าจะมีอะไรครับ
ทำใจให้สบาย นึกถึงครูบาอาจารณ์ สวดมนต์กราบไหว้ ท่าน เป็นเนืองนิต ครับ อาจทำให้ท่านสบายใจ ขึ้นมาบ้าง :001:
ตามพี่ชาญเลยครับ ของอย่างนี้เป็นเรื่องตามธรรมชาติ ถ้าพูดถึงการสักน้ำมันคนบางคนสักมา
กินเหล้ายังขึ้นเป็นผื่นแดงเลย ทั้งนี้อาจขึ้นกับสภาพผิวหนังแต่ละคน แล้วน้องเขาสักมา 2 อาทิตย์แผลที่สักมายุบ
ลงหรือยัง บางครั้งอาจเป็นช่วงที่แผลสักอาจบวมขึ้นมา เช่นโดนน้ำสบู่ อาจจะพองมาได้
ผมว่าถ้าสักมาไม่ไปผิดผัว - เมียชาวบ้าน คงไม่ผิดข้อห้ามครูบาอาจารย์หรอกครับ แต่เราสักมาแล้ว
ยังไงใช้ท่าธรรมเบสิกดีกว่ามั๊ย ไม่ต้องถึงพิสดารแล้วถึงขั้นลอดขากัน แล้วมาไม่สบายใจทีหลัง นานาจิตตังครับ :054:
-
ที่จริง ผม อยากตอบครับ
แต่ถ้าผมตอบแบบละเอียด เกรงใจ เวปบอร์ด อะครับ
เพราะผม ทำงาน เกี่ยวกับ เรื่องแบบนี้ โดยตรงเลย
อยู่สาย รัชดา ครับ สถานบัญเทิงครบวงจร
ของแบบนี้ ผมว่า เป็นเรื่อง ธรรมชาติสร้างมาครับ ให้หญิงและ ชาย มีอะไรกัน
ขออย่างเดียวครับเรื่องแบบนี้ อย่าผิดผัวผิดเมีย ชาวบ้านเขา ไม่น่าจะมีอะไรครับ
ทำใจให้สบาย นึกถึงครูบาอาจารณ์ สวดมนต์กราบไหว้ ท่าน เป็นเนืองนิต ครับ อาจทำให้ท่านสบายใจ ขึ้นมาบ้าง :001:
ตามพี่ชาญเลยครับ ของอย่างนี้เป็นเรื่องตามธรรมชาติ ถ้าพูดถึงการสักน้ำมันคนบางคนสักมา
กินเหล้ายังขึ้นเป็นผื่นแดงเลย ทั้งนี้อาจขึ้นกับสภาพผิวหนังแต่ละคน แล้วน้องเขาสักมา 2 อาทิตย์แผลที่สักมายุบ
ลงหรือยัง บางครั้งอาจเป็นช่วงที่แผลสักอาจบวมขึ้นมา เช่นโดนน้ำสบู่ อาจจะพองมาได้
ผมว่าถ้าสักมาไม่ไปผิดผัว - เมียชาวบ้าน คงไม่ผิดข้อห้ามครูบาอาจารย์หรอกครับ แต่เราสักมาแล้ว
ยังไงใช้ท่าธรรมเบสิกดีกว่ามั๊ย ไม่ต้องถึงพิสดารแล้วถึงขั้นลอดขากัน แล้วมาไม่สบายใจทีหลัง นานาจิตตังครับ :054:
ผมขอตามพี่ทั้งสองคนด้วยเลย มันอยู่ที่ใจนะครับ อย่าผิดลูกเมีย และด่าบุพการี หากไม่สบายใจให้หลวงพ่อที่เราเคารพเป่าหรือครอบให้อีกครั้งก็ได้ครับ
-
ถ้าไม่ผิดลูกผิดผัวผิดเมียเขา ก็ไม่ต้องเกรงอารัยหรอกครับ ลุยโลด สายเสน่ห์เขาบอกเช่นนั้น ชิมิ :015: :095: :095: :095:
-
ตามที่พี่ๆเค้าตอบมาแหละครับสวดมนต์ไหว้พระขอขมาครูบาอาจาย์นะครับ
-
ถ้าไม่ทำอะไรผิดครูก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะครับ :050:
-
ก็ให้อาจารย์เป่าใหม่ท่านคงไม่ว่า ก็ระวังหน่อยนะครับทีหลัง
-
ไม่เสื่อมหรอกครับ อาจารย์ท่านให้มาดีแล้ว ไม่สบายใจก็อธิฐานจิตขอขมา รักษาศีลให้มั่น แต่ละคนก็รักษาได้ไม่เท่ากันตึงหย่อนต่างกันได้กุศลก็ไม่เท่ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราหย่อนข้อหนึ่งข้อใดแล้วจะเสื่อม ผมเชื่อว่าสิ่งที่อาจารย์ให้มาสามารถรักษาไว้ได้ด้วยบุญ รักษาศีลก็เป็นบุญ
การสร้างบุญบารมี มี 3 อย่าง ทาน ศีล ภาวนา
1.ทาน การให้ทานมีหลายระดับ เช่น
ให้ทานแก่สัตว์ 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการให้ทานแก่มนุษย์ 1 ครั้ง
ให้ทานแก่มนุษย์ 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการให้ทานแก่มนุษย์ที่รักษาศีล 5 เป็นนิจ เพียงครั้งเดียว
ให้ทานแก่มนุษย์ที่พร้อมด้วยศีล 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่สามเณรครั้งเดียว
ให้ทานแก่สามเณรที่พร้อมด้วยศีล 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระสงฆ์ครั้งเดียว
.................. สุดท้ายการถวายสังฆทานอันมีพระอรหันต์เป็นประธาน 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทาน
2.ศีล เช่นกัน
มนุษย์ผู้ใดรักษาศีล 5 ดีแล้วถึง 100 ปี ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ทีรักษาศีล 8 แม้เพียงวันเดียว
มนุษย์ผู้ใดรักษาศีล 8 ดีแล้วถึง 100 ปี ยังได้บุญน้อยกว่าสามเถรที่บวชรักษาศีล 10 ได้เพียงวันเดียว
.................. บุญในข้อศีลสูงสุดก็จะบังเกิดแก่พระสงฆ์ที่รักษาปาฏิโมกข์ศีล 227 ข้อได้สมบูรณ์
3.ภาวนา เช่นกัน
มนุษย์ผู้ใดทำสมถกรรมฐานดีแล้วจนจิตนิ่งดีได้ถึง 100 ปี ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่วิปัสสนาภาวนาจนแจ้งมรรค แม้เพียงช่วงเวลาช้างกระดิกหู ไก่กระพือปีก ซึ่งสมถกรรมฐานและวิปัสสนาภาวนา เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน เราต้องอาศัยจิตที่แกร่งแล้วด้วยสมถ นำมาวิปัสสนา แล้วก็จะแจ้งปัญญา ซึ่งสมถ เริ่มได้ด้วยหลักกรรมฐาน 40 อันมี 40 วิธี เช่น พิจารณาความดาย พิจารณาซากของเน่าเหม็น พิจารณากาย ซึ่งรายละเอียดวิธีกรรมฐานนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเคยทำมาหากชาติก่อนทำวิธีใดมาชาตินี้เราก็จะชอบวิธีนั้น สำคัญคือต้องมีอาจารย์สอน หากใครสนใจก็สอบถามพระอาจารย์ที่ท่านนับถือได้นะครับ
สรุปเรื่องการสร้างบุญบารมีนิดนึง บางท่านอาจเข้าใจว่าอัน ภาวนานั้นได้กุศลสูงสุดงั้นเรามาทำภาวนากันอย่างเดียวเถิด อันนี้ก็ไม่ถูกต้องนักเพราะถึงได้บุญมากลงทุนน้อยที่สุดก็จริง แต่กุศลที่บังเกิดจะได้เป็นคนที่มีปัญญา แต่ถ้าหากเราไม่รู้จักการให้ทานด้วยแล้วนั้น เราก็จะเป็นเพียงคนที่มีปัญญามากแต่ไร้ซึ่งปัจจัยในการดำรงชีวิตและเป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานลำบากซักหน่อย ดังนั้นจึงควรสร้างบุญบารมีประกอบกันทั้ง ทาน ศีล ภาวนา แล้วแต่โอกาสจะอำนวยนะครับ
ตามความเข้าใจจากพระนิพนธ์ เรื่องการสร้างบุญบารมี ของสมเด็จพระสังฆราช
-
ไม่เสื่อมหรอกครับ อาจารย์ท่านให้มาดีแล้ว ไม่สบายใจก็อธิฐานจิตขอขมา รักษาศีลให้มั่น แต่ละคนก็รักษาได้ไม่เท่ากันตึงหย่อนต่างกันได้กุศลก็ไม่เท่ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราหย่อนข้อหนึ่งข้อใดแล้วจะเสื่อม ผมเชื่อว่าสิ่งที่อาจารย์ให้มาสามารถรักษาไว้ได้ด้วยบุญ รักษาศีลก็เป็นบุญ
การสร้างบุญบารมี มี 3 อย่าง ทาน ศีล ภาวนา
1.ทาน การให้ทานมีหลายระดับ เช่น
ให้ทานแก่สัตว์ 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการให้ทานแก่มนุษย์ 1 ครั้ง
ให้ทานแก่มนุษย์ 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการให้ทานแก่มนุษย์ที่รักษาศีล 5 เป็นนิจ เพียงครั้งเดียว
ให้ทานแก่มนุษย์ที่พร้อมด้วยศีล 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่สามเณรครั้งเดียว
ให้ทานแก่สามเณรที่พร้อมด้วยศีล 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระสงฆ์ครั้งเดียว
.................. สุดท้ายการถวายสังฆทานอันมีพระอรหันต์เป็นประธาน 100 ครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทาน
2.ศีล เช่นกัน
มนุษย์ผู้ใดรักษาศีล 5 ดีแล้วถึง 100 ปี ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ทีรักษาศีล 8 แม้เพียงวันเดียว
มนุษย์ผู้ใดรักษาศีล 8 ดีแล้วถึง 100 ปี ยังได้บุญน้อยกว่าสามเถรที่บวชรักษาศีล 10 ได้เพียงวันเดียว
.................. บุญในข้อศีลสูงสุดก็จะบังเกิดแก่พระสงฆ์ที่รักษาปาฏิโมกข์ศีล 227 ข้อได้สมบูรณ์
3.ภาวนา เช่นกัน
มนุษย์ผู้ใดทำสมถกรรมฐานดีแล้วจนจิตนิ่งดีได้ถึง 100 ปี ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่วิปัสสนาภาวนาจนแจ้งมรรค แม้เพียงช่วงเวลาช้างกระดิกหู ไก่กระพือปีก ซึ่งสมถกรรมฐานและวิปัสสนาภาวนา เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน เราต้องอาศัยจิตที่แกร่งแล้วด้วยสมถ นำมาวิปัสสนา แล้วก็จะแจ้งปัญญา ซึ่งสมถ เริ่มได้ด้วยหลักกรรมฐาน 40 อันมี 40 วิธี เช่น พิจารณาความดาย พิจารณาซากของเน่าเหม็น พิจารณากาย ซึ่งรายละเอียดวิธีกรรมฐานนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเคยทำมาหากชาติก่อนทำวิธีใดมาชาตินี้เราก็จะชอบวิธีนั้น สำคัญคือต้องมีอาจารย์สอน หากใครสนใจก็สอบถามพระอาจารย์ที่ท่านนับถือได้นะครับ
สรุปเรื่องการสร้างบุญบารมีนิดนึง บางท่านอาจเข้าใจว่าอัน ภาวนานั้นได้กุศลสูงสุดงั้นเรามาทำภาวนากันอย่างเดียวเถิด อันนี้ก็ไม่ถูกต้องนักเพราะถึงได้บุญมากลงทุนน้อยที่สุดก็จริง แต่กุศลที่บังเกิดจะได้เป็นคนที่มีปัญญา แต่ถ้าหากเราไม่รู้จักการให้ทานด้วยแล้วนั้น เราก็จะเป็นเพียงคนที่มีปัญญามากแต่ไร้ซึ่งปัจจัยในการดำรงชีวิตและเป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานลำบากซักหน่อย ดังนั้นจึงควรสร้างบุญบารมีประกอบกันทั้ง ทาน ศีล ภาวนา แล้วแต่โอกาสจะอำนวยนะครับ
ตามความเข้าใจจากพระนิพนธ์ เรื่องการสร้างบุญบารมี ของสมเด็จพระสังฆราช
อนุโมทนา สาธุ ใน " ธรรมทาน " ครับ