กระดานสนทนาวัดบางพระ

... เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมขอแสดงความคิดเห็นให้ท่านเจ้าของกระทู้เก็บไว้อ่านเผื่อเป็นประโยชน์แล้วกัน

ผมเองได้รับการสอนสั่งรับขันธ์ รับพานครู และ ศึกษาหาความรู้อยู่บนเส้นทางสายนี้มาก็ถือว่าเกินกว่า10ปีแล้ว

ก็จะขอเอาคำครูที่อาจารย์ผู้สอนสั่งผมมากล่าวให้ผมฟังบ่อยๆมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ ...

... อาจารย์ท่านเคยกล่าวว่า " เอ็งอย่าได้แต่ท่องจำอักขระแต่เพียงอย่างเดียว เอ็งต้องมีสมาธิและไม่ลืมที่จะท่องสูตรเรียกอักขระทุกครั้งที่ลงเข็ม "
" เอ็งอย่าเอาแต่จำทุกสิ่งที่ข้าสอนแต่เพียงอย่างเดียว จงหัดประยุคต์และคิดสิ่งใหม่ๆในทางสร้างสรรค์ที่ถูกที่ควร "

" เอ็งรู้ไหมถ้าสักหนุมานแล้วอยากให้มันแกร่งต้องทำอย่างไร ไม่ใช่แต่ใส่คาถาหัวใจลิง หรือ หัวใจหนุมาน เอ็งก็ใส่หัวใจพระพายลงไป และถ้าจะให้มันดือกว่านี้ เอ็งก็ใส่หัวใจดำดื้อแดงเก ลงไปเป็นต้นนะส่วนจะเอาไปใส่ตรงไหนของตัวยันต์ก็ตามแต่ในเอ็งแล้วกันซ่อนๆไว้ในตัวมันแหละ "

" เอ็งรู้ไหม อักขระนั้นไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นอ่านออกซะทุกตัวก็ได้นะ มันอยู่ที่เอ็งรู้จักพลิกแพลง แค่เอ็งมีจิตตั้งมั่นมีสมาธิ ท่องคาถาว่าสูตรเรียกอักขระ แทงเข็มลงไปแค่จดเดียวกำหนดให้มันเป็นคำว่า "มะ" มันก็จะเป็นคำว่ามะ ฉะนั้นคำว่า "มะ อะ อุ" เอ็งอาจจะแทงแค่จุดลงไป3จุดก็เพียงพอ จำไว้นะยิ่งอักขระเอ็งสวยงามมากเท่าไรอ่านได้ไม่ยากเท่าไรคนรู้วิชาก็จะถอนคาถาอามาเอ็งได้ หัดซ่อนไว้บ้าง  "

ปล... และด้านบนที่ยกตัวอย่างบางส่วนมาเล่าให้อ่าน ความหมายหลักก็คือ... อักขระบนยันต์นั้นย้ายที่ได้ ไม่จำเป็นหรอกว่าอักขระตัวไหนจะต้องมาก่อนมาหลังวางซ้ายหรือขวา อยู่ที่ท่านอาจราย์แต่ละท่านจะเลือกวางเลือกซ่อนคาถาของตนลงไปในยันต์นั้นๆ เพียงแต่ว่า " คาถาของยันต์9ยอดก็ต้องกำกับอยู่ในยันต์9ยอดส่วนจะไปวางไว้มุมได้บนหรือล่างของยันต์สลับที่กันได้ไม่ผิด " " แต่การเอาอักขระคาถาของยันต์9ยอดไปใส่ในยัน8ทิศนั้นทำไม่ได้ถือว่าผิด "

หวังว่าเจ้าของกระทู้จะอ่านแล้วจะได้อะไรไปบ้าง

 ... ถ้าให้ว่ากันจริงๆ การตายถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนต้องพบเจอไม่ว่าช้าหรือเร็ว กลัวไปก็หนีไปไม่พ้น ทำใจรอไว้ ทำสิ่งดีๆให้กับชีวิตและคนอื่น เพราะความดีเป็น อมตะ แม้ตัวตายไปเรื่องราวสิ่งที่ทำก็ยังคงอยู่

 ... ตามตรงผมไม่กลัวความตาย แต่ที่ผมกลัวคือความเจ็บปวดทรมานก่อนตาย ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากจะเลือกตายไปโดยไม่ทันรู้สึกเจ็บ
เช่น หลับแล้วไปเลย หรือ ประสบอุบัติเหตุแบบไม่ทันรู้ตัวตายคาทีไม่เลย ผมไม่อยากทรมานทุรนทุรายก่อนตายครับ

... ใจจริงก่อนจะตอบอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็กลัวว่าจะกลายเป็นพูดแรงไป ...

... 1.ไม่มีหรอกยันต์ที่จะทำให้คุณชนะไปทุกสิ่งทุกอย่างไม่อย่างนั้นคนคงต่างพากันไปสักยันต์กันหมดบ้านหมดเมืองแล้วละครับจะได้ชนะคนอื่นได้จะได้มีพลังมากๆ ยันต์ทุกชนิดจะมีความสามารถของยันต์ต่างๆกันไป ซึ่งคุณก็จำเป็นต้องศึกษาถึงวิธีรักษาบูชายันต์นั้นๆแต่งต่างกันไป การรักษากฎต่างๆของครูอาจารย์ที่ท่านจะไปสักด้วย และ หมั่นบูชาครูอาจารย์ และ ยันต์ อย่างถูกต้องทุกๆวัน ยันต์เหล่านั้นจึงจะสามารถแสดงผลออกมาตามความสามารถของยันต์ได้ ศิล 5 อย่าให้ขาดรักษาได้ยันต์จึงจะดี

ยกตัวอย่าง... เช่น การสักยันต์ทางสเนห์ อยากให้สาวรักสาวหลง ไม่ได้หมายความว่ายันต์นี้จะทำให้คุณจีบผู้หญิงได้ทุกคนที่คุณถูกใจนะครับ ยันต์ประเภทนี้จะใช้ได้ต่อเมื่อ คุณ มีใจรักผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว ตั้งใจแล้วว่าถ้าได้มาเป็นเมีย จะเลี้ยงดู แต่งงาน และอยู่กับเธอคนเดียวจริงๆเท่านั้น ยันถึงจะแสดงผล หากคุณหวังแค่ว่าจะใช้ยันต์ทำให้ผู้หญิงหลงเพื่อหลอกหลับนอนกับเธอเฉยๆยันต์จะไม่แสดงผลอะไรเลยเป็นเพียงแค่รูปภาพเปล่าๆรูปนึงเท่านั้น (ที่ผมยกตัวอย่างจากยันต์ประเภทสเนห์ให้อ่านเพราะอธิบายแล้วเห็นภาพง่ายดี ซึ่งยันต์อื่นๆ ก็จะมีจุดตาย หรือ เรียกว่าข้อกำหนดการใช้งานคล้ายๆแบบนี้เช่นกัน)

... 2.ยันต์ทุกชนิดถ้าเป็นของทางพุทธคุณนั้น ไม่มีคำว่าของเข้าตัวเพราะถือเป็นวิชาสายขาว ส่วนมากการที่ของเข้าตัวนั้นมักเกิดจากของไสยเวทย์สายดำต่างๆพวกทำคุณทำของ กลับกัน ยันต์ทางพุทธคุณต่างๆ จะช่วยป้องกันคุณไสยต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำร้ายเจ้าของยันต์ซะด้วยซ้ำ
แต่หากคุณเองทำผิดกฎของครูอาจารย์ ของก็จะค่อยๆเสรื่อมไปจนหมดเหลือแค่รูปเปล่าๆ ร้ายหน่อยก็อาจดวงตก มีเรื่องมีราว มีอุบัติเหตุนิดๆหน่อยๆ หรือ หน้าตาไม่มีสง่าราศรี เพียงแค่ประมาณนี้เท่านั้น (แต่ถามหน่อยว่า ถ้าคุณมีของดี แล้วคุณไม่รักษา คุณจะมีมันไปเพื่ออะไร)

... 3.สักแต่หัวใจหนุมาน สักได้ อาจารย์ทุกท่านก็สักให้ท่านได้ แต่ถามหน่อยว่า ทำไมต้องเป็นหนุมาน หากท่านคิดว่า หนุมาน จะทำให้ท่านสมหวังในสิ่งที่ท่านต้องการในข้อที่ 1 ได้นั้น ผมขอบอกเลยว่า ท่านคิดผิด เชื่อไหมว่า ให้ผมสักแค่คำว่า " นะโมพุทธายะ " หรือ " มะอะอุ "
ก็สามารถใช้ได้ครอบจักรวาลแล้ว เพียงแต่ท่านต้องหัดเข้าวัดทำบุญ หัดนั่งฝึกจิตฝึกสมาธิ ถือศิล5ห้ามขาด สวดมนต์ไหวพระทุกวัน แต่นี้เองท่านทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้จะสักอะไรก็มีค่าเท่ากัน คือไม่เห็นผล

... 4.ถึงท่านไม่ได้มาสักที่วัดบางพระ ท่านก็สอบถามได้ ไม่มีใครเค้าหวงห้าม อันไหนรู้ตอบได้ พี่ๆน้องๆในนี้ก็ยินดีตอบให้เสมอ แต่ผมอยากจะบอกไว้อีกเรื่องว่า หากท่านคิดจะสักที่ไหน ก็ให้ไปศึกษา กฎข้อห้าม ข้อปฎิบัติ ของที่ที่ท่านจะไปสัก ให้ละเอียดให้แตกฉานเสียก่อนจะไปสัก เพราะกฎข้อห้ามขอปฎิบัติของที่ต่างๆนั้นไม่เหมือนกัน จะมีหลักๆก็คือ ต้องถือศิล5 แล้วถ้ามีโอกาส ว่างๆ ท่านก็เดินทางไปหาอาจารย์ที่ท่านจะไปสักด้วย แล้วขอคำชี้แนะกับท่านเสียอีกทีจะดีที่สุด

ฝากไว้เท่านี้แล้วกันครับ

... สามารถเช่ามาไว้สำหรับบูชาได้ครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนที่ผ่านการรับขันหรอกครับ
ขอแค่เราหามาไว้แล้วก็ควรจัดที่จัดทาง(หิ้ง)บูชาท่านอย่างถูกต้อง และไม่ละเลยนะครับ
ไม่ใช่เอามาแล้วก็ตั้งทิ้งไว้เฉยๆ ดอกไม้ก็ไม่เอาขึ้นไหว กับข้าวอาหาร น้ำ และอื่นๆ ก็ไม่เคยเห็น
เหมือนเราบูชาพระพุทธละครับ เราก็ยังต้องมี การนำข้าว นำอาหาร มาถวยพระพุทธในบ้าน
การบูชาเศียรครูต่างๆก็ต้องทำเช่นกัน ครับ

อ้างจาก: puttiphong ที่ 09 ก.ย. 2554, 09:25:57

ขอตอบความเห็นส่วนตัวครับ
ถ้าสิ่งใดที่ไม่รู้แล้วทำผิดก็ถือว่าผิด แต่ผิดแบบไม่เจตนา ส่วนสิ่งใดที่รู้ว่าผิดแล้วยังทำถือว่าเจตนาที่จะทำผิด แสดงว่าเราไม่สามารถเอาชนะกิเลสได้  ส่วนเรื่องแฟนเก่าคุณหากเป็นผมผมจะไม่คบต่อเพราะเขาทำผิดต่อแฟนคนปัจจุบันของเขาและยังทำผิดกับเราอีก หากจะกลับมาคบกันใหม่เขาต้องเลิกกับแฟนคนปัจจุบันของเขาก่อน

ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เจตนา เป็นหลักครับ

เมื่อผมรุ้ผมก็เลิกทันทีเลยนะครับ เพราะผมกลัว แต่ผมอยากทราบว่าถ้าเราทำผิดโดยไม่รู้นั้นของที่เราสักที่มีอยู่ในตัวนั้นมันจะเสื่อมไหมครับ ผมกลัวของที่ผมมีเสื่อมมากๆ ผมเลยอยากทราบครับ

ขอตอบให้ตรงนี้อีกนิดแล้วกันครับผม ... ของไม่ได้เสรื่อมสลายไปในทีเดียวหรอกครับ แต่จะค่อยๆลดความขลังลงเรื่อยๆ ตามความผิดมากน้อยที่เรากระทำ จนสุดท้ายจะสลายหายไปจนหมดสิ้น ถ้าเราไม่รู้จักเติมให้เต็ม ด้วยการเข้าไปกราบครูอาจารย์ครอบครูอยู่เป็นนิจ(โดยปกติอย่างน้อยปีละ1ครั้ง) ... ทำบุญสร้างกุศล ... สวดมนต์ไหว้พระ ... ปฎิบัติสมาธิภาวนาบ้างตามโอกาส ... รักษาศิล ทำตามนี้ของขลังที่ท่านสักไว้ก็จะเหมือนกับเราค่อยๆเติมน้ำให้เต็มโอ่งอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อเราตักน้ำออกจากโอ่ง หรือ ปล่อยทิ้งไว้ น้ำก็ต้องละเหย ลดลงไปบ้างตามการเวลาได้ เราจึงควรเติมน้ำให้เต็มโอ่งอยู่เสมอครับผม

... ขอตอบนิดละกันครับ ... ถ้าเราเองก็ไม่มีแฟนหรือภรรยาอยู่ก่อนจะไปคบผู้คนนี้หญิงคนนี้ และ เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้หญิงมีแฟนหรือสามี
... คำตอบคือ ผิด แต่ผิดด้วยความไม่รู้ แต่เมื่อรู้แล้วต้องเลิกยุ่งเกี่ยวนับแต่วินาทีที่รู้ ความผิดจึงยังอยู่ในระดับพออภัย แต่ถ้ารู้ แล้วยังไม่หยุด ยังกระทำต่อ ก็คือ ผิดแบบหมดทางอภัย

... ปล ... คำว่า ผิดลูก ผิดเมีย คำนี้จริงแล้วถ้าจะเอาผิดแรงมากนะครับเพราะว่า
... ผิดลูก ... คือ การที่เราไปเอาลูกคนอื่น นำมาเป็นภรรยา หรือ สามี โดยที่พ่อ-แม่ ผู้ปกครอง ของ ขาย-หญิง ที่ท่านแอบได้เสียนั้นไม่ยินยอมยกให้ จึงกลายเป็การผิดลูก ลูกของคนอื่นเขาอยู่ๆท่านไปเอามามิได้

... ผิดเมีย ... คือ การที่เรามีเมียอยู่แล้ว ยังแอบนอกใจภรรยา หนีไปคบผูหญิงไม่เลือกหน้า โดยที่ภรรยาเรานั้นไม่ยินยอม คนสมัยก่อนมีเมียมากก็จริง แต่การมีเมียน้อย ก็ต้องได้รับการอนุญาติ หรือ ยินยอมให้มีได้ จากเมียหลวงเช่นกัน ส่วนการไปยุ่งกับเมีย-ผัว คนอื่นโดยรู้แก่ใจว่า ผู้หญิง-ผู้ชาย คนนี้มีคู่ครองอยู่แล้วก็ยิ่งถือเป็นเรื่องผิดมาก

หมายเหตุ...น้อยคนจะรักษากฎข้อนี้ได้อย่างจริงจังเพราะมัวแต่คิดว่าเราไม่ยุ่งกับคนที่มีคู่อยู่แล้วเป็นใช้ได้ ความจริงในความหมายมันมากกว่านั้นเยอะครับผม

สมัยก่อนก็เป็นเช่นนั้น สมัยก่อนๆกว่าจะได้สักต้องกวาดลานวัดทำกิจกรรมช่วยเหลือวัดกันเป็นเรื่องปกติ บางท่านก็ค้างคืนที่วัด ซึ่งในปัจจุบันจะยังเป็นเหมือนเดิมไหมนี่ผมไม่ทราบแน่นอนต้องถามผู้ที่ไปอยู่ในปัจจุบัน เพราะผมไม่ได้เข้าไปมา 12 ปี แล้วครับ

ตามที่ตอบไปก่อแล้วส่วนหนึ่ง ถ้ายันต์ที่ท่านได้ไม่มีค่าที่ต้องใช้เกี่ยวกับพ่อแก่ ตามตัวอย่างเบื้องต้นด้านล่าง

คาถาหัวใจพระฤษี ทั้ว ร้อยแปด คือทุกองค์ไม่จำเพาะ รวมทั้งหมด
นะโม สามจบ
โอม ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
พระฤษีนารายณ์
โอม นะมะ นะขาลีติ มหานามัง ฤๅษีนารายณ์ นามะ
พระฤษีตาไฟ
โอม สุขายะ สุขายะ นิพพานาจะ อัคคิจักขุ นามะ
พระฤษี จตุทิพยเนตร (ภาคหนึ่งของพระอิศวร แยกภาคมาจากปู่ตาไฟ)
โอม นาสะมะโณ สุขายะ นิพพานาจะ โอม นะมะ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ

ตัวข้าพเจ้าผู้ตอบเองก็คงตอบให้มิได้ว่าจะเจาะจงหรือมีความหมายเฉพาะหรือไม่เพราะเคยตอบไปก่อนหน้าแล้วว่าครูอาจารย์ทุกท่านมีวิธีการพลิกแฟลงปรับใช้ไม่เหมือนกัน หากท่านอยากรู้ก็ต้องไปถามกับผู้ที่เขียน หรือ สัก ยันต์เหล่านั้นที่ท่านได้มาเองครับ

จากที่อ่านลงมาล่างๆหน่อย ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเจ้าของกระทู้คงจะทำไปโดยไม่รู้จริงๆ
กรณีนี้คงเป็นเลือดที่ตกค้างอยู่อย่าคิดมาก ของจะเสรื่อมไหมนั้น คงไม่ถึงกับเสรื่องสิ้นหมดไป
ก่อนอื่น จุดธูปกล่าวขอครูบาร์อาจารย์ ให้ละเว้นโทษจากความพลั้งพลาดนี้ไปก่อน
แล้วจึงหาเวลาว่างๆ เข้าไปกราบไหวครูอาจารย์ให้ เสกเป่า เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่าน
ในภายหลังได้ อักขระเลขยันต์ นั้นหากเราไม่ได้เจตนาทำผิดครูขั้นรุนแรง ของคงไม่เสรื่อมไปจนหมดครับ
แต่มันจะค่อยๆลดทอนความสามารถความศักดิ์สิทธิลงไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็หมดไปได้
แต่จะไม่หมดไปในทันที (ถ้าไม่ผิดครูขั้นร้ายแรง)

...ปล ตรงนี้ถ้าใครที่คิดว่าจะต้องเจอเรื่องบังเอิญเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆผมก็มีแนวทางแก้ไขมันอยู่บ้าง
เผื่อไว้ใช้ป้องกันการถูกผู้อื่นหมายทำลายวิชาด้วยของต่ำด้วย นั่นคือให้ท่านกราบขอครูอาจารย์ของท่าน
ให้สัก ไอ้งั่ง หรือ อีเป๋อ ไว้ให้กับท่านในส่วนที่ต่ำกว่าเอวลงไป ยิ่งอยู่ใกล้กับส่วนที่ต้องเจอกับสิ่งสกปรกมากเท่าไรยิ่งดี
เพราะของ2อย่างนี้ จะชื่นชอบและกลืนกินของสกปรก(สมัยก่อนบูชาด้วยประจำเดือนกันเลยทีเดียว)
ส่วนตัวผมสักไว้บนฝ่าเท้า และมันจะกันของสกปรกที่คนอื่นจะเอามาทำร้ายเราได้ด้วย
แต่ในข้อดีของมันก็มีข้อร้ายอยู่นิดหน่อย ซึ่งผู้สนใจต้องลองศึกษาดูเองในส่วนนี้ครับ

ตามหลักปกติแล้ว ถ้าถามว่าเข้าร่างในที่นี้คลุมเคลือ หมายถึงพ่อแก่จะลงทับร่างท่านผู้ใส่(แบบการทรง) หรือ ลงมามาอาการของคนสักยันต์แล้วของขึ้น

คำตอบของผมมีให้ทั้ง2แบบ
แบบแรก...พ่อแก่ท่านจะไม่ลงประทับร่างใคร(แบบการทรง)ถ้าตัวท่านเองไม่ได้มีร่างพ่อแก่มาแต่แรก ร่างแบบร่างทรงนี้มีได้โดยไม่ต้องสัก เป็นเพราะบุญวาสนา การปฎิบัติตน และอีกสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้ นั้นคือ ทางสายเลือดวงศ์ตระกูล หากปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ของท่านคนใดมีร่างคอยติดตามตัวท่านเองที่เป็นสายเลือดเดียวกันในตระกูลก็จะมีเทวดา(หรือร่างทรง)ติดตามท่านมาด้วยเช่นกัน

แบบที่สอง...อาการของขึ้นเพราะการสักตามหลักปกติแล้วการแขวน(ไม่ใช่แฝน)พระหรือพ่อแก่ และ เทพเทวดา ไม่มีผลที่ทำให้ผู้ใส่ของขึ้นได้เท่าที่สัมผัสมายังไม่เคยเจอกับตา แต่เคยได้ยินว่ามีบางคนที่ได้พระมาดีพระแรงจริง ถึงแสดงออกมาที่ตัวคนใส่ แต่กับสายตาผมยังไม่เคยเจอ

หวังว่าคงได้ประโยชน์บ้างจากสิ่งที่ผมตอบไป