แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ณัฐ

หน้า: [1]
1
มีอยู่นิดๆหน่อยๆ ก็ขอเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆพี่ๆได้ชมนะครับ ภาพอาจจะไม่ค่อยชัดเพราะมือใหม่อยู่ครับ  :001:

ชิ้นแรก รูปหล่อขนาดบูชา8นิ้ว ต้องจองก่อนวันงานไหว้ครู ลูกศิษย์ชาวสิงคโปร์สร้างถวายพ่อครับ



อีกมุมมองครับ  :001:



ผ้ายันต์ที่แถมพร้อมกับรูปหล่อ มีสีแดงกับสีขาว ผมได้สีขาว และ เหรียญเนื้อเงินที่ออกในวันงานไหว้ครู เนื้อเงินต้องจองก่อนวันงาน เกือบไม่ทันเหมือนกันครับ  :004:



เหรียญที่รฤกพิธีไหว้ครูประจำปี พ.ศ.2547  :001:



ชิ้นสุดท้าย แต่เป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกที่พ่อเมตตาให้ผมมาบูชา ภาพถ่ายพ่อทอง หลังจารมือ ได้ตอนไปหาพ่อครั้งที่สอง พ่อจารให้ตอนกลางคืน  :001:



ด้านหลัง ลายมือพ่อสวยและคมชัดมากครับ



ครูบาอาจารย์อยู่เหนือหัว
ศิษย์บ่มีครู อยู่มิจีรัง








2
ผู้จัดการออนไลน์ ๒๙ กค ๕๑

ศูนย์ข่าวศรีราชา - แฉหมอผีเขมรรวมพลังทำไสยศาสตร์กดดวงเมืองไทย ไม่ให้เงยหัวมาต่อกร ขอคืนเขาพระวิหาร และเกาะ***ด ในวันอาถรรพ์สุริยุปราคา พระอาทิตย์อมจันทร์ 1 สิงหาคม 2551 แนะกลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยช่วยแก้อาถรรพ์ ใส่เสื้อสีเหลืองพระราชาทั่วประเทศ ทำพิธีบวงสรวงขอบารมีพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย จะเกิดแสงสว่างลบล้างอาถรรพ์

วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำพื้นที่เขตทหารเรือ ได้รับการบอกเล่าจากแหล่งข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้มีความใกล้ชิดกับบรรดาหมอไสยศาสตร์กัมพูชาว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม 2551 นี้ ซึ่งตรงกับวันศุกร์แรม 15 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันพระ ตามคำทำนายทางโหราศาสตร์ถือเป็นวันอาถรรพ์ คือ เป็นวันที่พระอาทิตย์อมจันทร์ หรือสุริยุปราคา จะเกิดขึ้นในเวลา 17.11 น.เป็นต้นไป และอาจจะกินไปจนถึงเวลา 21.00 น.

ใน เวลานี้จะมีหมอผีเขมรที่เก่งทางด้านดาราศาสตร์ ไสยศาสตร์ ลงมติกันว่า ถ้าจะทำให้ประเทศไทยอ่อนลงด้วยนานาประการ หรือเกิดความอ่อนแอทุกด้าน ทั้งผู้ครองประเทศ และกำลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองดูแลอยู่ในแผ่นดินไทย โดยคิดจะพากันขึ้นไปกระทำพิธีกดดวงประเทศ ดวงแผ่นดิน และดวงอำนาจ กลางใจปราสาทเขาพระวิหาร ในวันดังกล่าว ขณะที่เกิดพระอาทิตย์อมจันทร์

แหล่งข่าวได้แจ้งมาอีกว่า จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่พิธีกดดวงแผ่นดินไทย ดวงอำนาจทั้งหมดในประเทศไทย ในตอนเย็นของวันที่ 1 สิงหาคม 2551 นั้น จะเป็นพิธีหนึ่งที่ทางหมอผีเขมรคาดหวังว่า จะสามารถกดดวงเมืองของประเทศไทยได้ ทุกอย่างจะอ่อนแอทั้งหมด แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตในแผ่นดินไทย ก็จะทำให้กัมพูชาสามารถทำอะไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะการไม่ให้ประชาชนออกมาต่อต้านเรื่องของเขาพระวิหาร และ เกาะ***ด รวมถึงดินแดนทางทะเลทั้งหมด และหากหมอผีเขมรทำสำเร็จ รับรองได้ว่าประเทศไทยอ่อนแอลงอย่างแน่นอน และจะไม่สามารถต่อสู้เรียกคืนแผ่นดินที่กำลังจะสูญเสียอยู่ในขณะนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ยัง มีวิธีแก้ไข ก็คือ การใช้สีเหลืองมาสยบ เพราะสีเหลืองเป็นสีแห่งความสำเร็จ สีแห่งแสงสว่าง และที่สำคัญ เป็นสีประจำองค์พระราชา ก็คือ พระราชาได้พระราชสมภพในวันจันทร์ และด้วยบารมีของพระองค์ท่านก็จะสามารถต่อต้านกับสิ่งชั่วร้ายได้ แต่ ถ้าจะให้ดีประชาชนทั่วประเทศต้องช่วยกันแก้เคล็ด ด้วยการใส่เสื้อเหลืองในวันดังกล่าวตลอดทั้งวันจนกว่าพระอาทิตย์จะคายพระ จันทร์ออกมาจนหมด และปฏิบัติตามประเพณี ก็คือ มีการตีปี๊บ ตีกะลา และส่งเสียงอึกทึกเพื่อให้พระอาทิตย์คายพระจันทร์อย่างรวดเร็ว และถ้ามีการร่วมจิตร่วมใจกันทำได้เช่นนี้ก็จะแก้อาถรรพ์ได้ระดับหนึ่ง



3
เรียนเชิญศิษยานุศิษย์ องค์พ่อแก่ทุกศาสตร์สาขา ร่วมงานไหว้ครูและครอบครู อ.นิว (ปู่พรหมา) ประจำปี 2551 ในวันที่  14 สิงหาคม 2551 เวลา 8.00 ณ วัดน้อยใน ตลิ่งชัน (ซอยสวนผัก)

หมายเหตุ แต่เดิมงานไหว้ครูจะจัดขึ้น ในวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี แต่ในปีนี้ อ.นิว ท่านจะทำการย้ายสำนัก เลยเลื่อนมาเป็นวันที่ 14สิงหาคม 2551 เฉพาะปีนี้ครับ

ชมรมคนรักพ่อแก่ (อ.แก้ว จันทร)
http://maameu.ath.cx/meu/

..ศิษย์บ่มีครู อยู่มิจีรัง..

4
องค์นี้เดิมเป็นของพี่ผม ปลดจากคอของลูกชายท่านเลยครับ เมื่อหลายปีมาแล้ว ใต้องค์เสือฝังอัฐิของ ครูบาอาจารย์ท่านด้วย  :050:


5
วันนี้ผมไปวัดนกมาครับ ไปบูชา ตะกรุดมงคลยันต์เกราะเพ็ชร์ ตำรับ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สร้างในพิธีสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ วัดนก หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ท่านปลุกเสกเดี่ยว เลยนะครับ 7 และ 20 มี.ค. 51

ที่จัดสร้างก็มี
1.ตะกรุดมงคลยันต์เกราะเพ็ชร์ เนื้อชินตะกั่วโบราณ ขนาด 3*4.5 ซม. มีทั้งแบบ เลี่ยมเงินพร้อมสร้อยลูกปัด / เลี่ยมเงิน / เลี่ยมสแตนเลส
2.ตะกรุดมงคลยันต์เกราะเพ็ชร์ เนื้อทองแดง ขนาดเท่ากันครับ ถักเชือกเป็นตะกรุดข้อมือ ราคาไม่แพงเลยครับ ทำบุญ 50 บาท

เชิญไปบูชาได้เลยนะครับ พี่น้อง ร่วมทำบุญให้กับ วัดพี่น้องของเรา? :001:

6
หากกล่าวถึงพระเกจิ ? พระคณาจารย์ทั่วฟ้าเมืองไทยแล้วเมืองสุพรรณนับว่ามีมากเป็นอันดับต้นเลยทีเดียว เมืองสุพรรณเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องวิชาอาคม มีพระคณาจารย์และฆราวาสสืบทอดวิชาอาคมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบันนับว่าเป็นเวลาหลายร้อยปี
พระเกจิ ? พระคณาจารย์เมืองสุพรรณมีมากมายหลายท่าน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ละสังขารไปแล้ว พระเกจิ ? พระคณาจารย์เมืองสุพรรณทุกๆท่านล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกันแบบสืบทอดกันมา อย่างเช่น ศิษย์กับพระอาจารย์ หรือจะมีความเกี่ยวข้องเป็นแบบสหธรรมิกก็มากมาย
พระเกจิ ? คณาจารย์เมืองสุพรรณแบ่งเป็นสายย่อยๆลงไปอีกเป็น 7 สาย เรียงตามลำดับความเก่าแก่ของสายต่างๆดังนี้
1. สายวัดพร้าว ( ปฐมาจารย์คือ หลวงพ่อม่วง ) นับว่าเป็นสายที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองสุพรรณ
2. สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ( ปฐมาจารย์คือ หลวงพ่อเนียม )
3. สายวัดเสาธงทอง ( ปฐมาจารย์คือ หลวงพ่อเพิ่ม )
4. สายหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม ( ปฐมาจารย์คือ หลวงปู่อ้น )
5. สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ( ปฐมาจารย์คือ หลวงพ่ออิ่ม )
6. สายวัดป่าเลไลยก์ ( ปฐมาจารย์คือ หลวงพ่อสอน )
7. สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ( ปฐมาจารย์คือ หลวงปู่โต๊ะ )


รายนามพระเกจิ ? คณาจารย์เมืองสุพรรณตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ไล่ลงมาตามปีเกิด (อาจจะมีผิดพลาดบ้าง)


*** สมัยกรุงศรีอยุธยา ***

1. พระอาจารย์คง วัดแค อ.เมือง
- พระอาจารย์ของขุนแผน
2. พระอาจารย์มี วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง
- พระอาจารย์ของขุนแผน
3. พระพิรอด วัดสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง
- พระอาจารย์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- ต้นตำรับผู้สร้างและเขียนตำราการสร้างแหวนพระพิรอดท่านแรก
4. พระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวช (วัดเขาขึ้น) อ.เดิมบางนางบวช
- พระอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
- ผู้เป็นมิ่งขวัญกำลังใจของวีรชนชาวบ้านค่ายบางระจันในการสู้ศึกพม่า



*** สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ***

5. หลวงปู่เฒ่าพราย วัดเกาะ อ.ศรีประจันต์
- พระเถระเฒ่าผู้ขึ้นชื่อลือชาวิชาคาถาอาคม ไสยเวทย์ต่างๆ และแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพรต่าง ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
6. หลวงพ่อเสือ วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) อ.ศรีประจันต์
- พระอาจารย์ยุคเก่าผู้เป็นเจ้าตำรับวิชาเสืออาคม(เสือธนู)ของเมืองไทย ที่สืบทอดกันมาจวบจนถึงปัจจุบัน
7. หลวงพ่อขำ วัดน้อยชมพู่ อ.ศรีประจันต์
8. หลวงพ่อห่ง วัดน้อยชมพู่ อ.ศรีประจันต์
9. หลวงพ่อม่วง วัดพร้าว อ.เมือง
- ปฐมาจารย์สายสำนักวัดพร้าว
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว
10. หลวงพ่อแก้ว วัดพร้าว อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดพร้าว)
- ผู้สืบทอดพระเวทวิทยาคมสายวัดพร้าวต่อจากหลวงพ่อม่วง
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว, หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์
11. หลวงพ่อเพิ่ม วัดเสาธงทอง อ.ศรีประจันต์
- ปฐมาจารย์สายสำนักวัดเสาธงทอง
- ขึ้นชื่อลือชาในเวทมนต์คาถาอาคม ไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ
- ร.5 นับถือมาก ยังเสด็จไปนมัสการที่วัด แล้วมอบเครื่องอัฐบริขาร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆให้จำนวนหนึ่ง
- ต้นตำรับผู้สร้างพระเครื่องประเภท พระชินราชเสาธงทอง ท่านแรกของเมืองไทย
12. หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า
- พระเกจิผู้แก่กล้าวิทยาคมที่มีเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์เล่าขานกันต่างๆนานา มานมนานนับร้อยปี
- เล่าขานกันว่าเป็นศิษย์สมเด็จโต วัดระฆังถึง 20 ปี
- ปฐมาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย
- สุดยอดพระเกจิอาจารย์เมืองสุพรรณ ผู้ได้รับการยกย้องว่าเป็น ?เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำท่าจีน?
13. หลวงพ่อครุฑ วัดขวาง อ.บางปลาม้า
- สหธรรมิกผู้ชิดใกล้หลวงพ่อเนียม วัดน้อยที่สุด
14. หลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม อ.ศรีประจันต์
- ปฐมาจารย์สายหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม
- พระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเวทมนต์คาถาอาคม
- กล่าวกันว่าชาวสุพรรณในอดีต ยุคสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่เกือบทั้งจังหวัดล้วนแต่ได้รับการบรรพชา-อุปสมบทจากท่านแทบทั้งสิ้น
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม , หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ , หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน , หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ , หลวงพ่อเชียง วัดราชบูรณะ ฯลฯ
15. หลวงพ่อแก้ว วัดสวนหงส์ อ.บางปลาม้า
- สหธรรมิกหลวงพ่อเนียม วัดน้อย
16. หลวงพ่อแสง วัดแก้วตะเคียนทอง อ.บางปลาม้า
- พระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพุทธาคม
- เมื่อ ร.5 เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ ยังเสด็จไปที่วัด แล้วโปรดให้เจริญน้ำมนต์ให้พระองค์ แล้วมอบเครื่องอัฐบริขารให้จำนวนหนึ่ง
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ
17. หลวงตาหยัด วัดบางยี่หน อ.บางปลาม้า
- พระเถระเฒ่าผู้คงแก่เรียน
- ผู้สร้างพระเครื่องกรุวัดบางยี่หนอันโด่งดัง
17. หลวงพ่อวอน วัดเสาธงทอง อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายวัดเสาธงทอง)
- ผู้สืบทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อเพิ่ม วัดเสาธงทอง
18. หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดพร้าว)
- พระเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อม่วง , หลวงพ่อแก้ว วัดพร้าว
- ผู้สืบทอดพระเวทวิทยาคมสำนักวัดพร้าว
- เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน
- เป็นผู้สร้างเหรียญหล่อพระสงฆ์เหรียญแรกของเมืองสุพรรณ
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อพริ้ง , หลวงพ่อเซ้ง , หลวงพ่อแต้ม , หลวงพ่อปี , หลวงพ่อปุย ฯลฯ
19. หลวงพ่ออุ่ม วัดคลองขอม อ.สามชุก
- สหธรรมิกผู้มีความใกล้ชิดหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มาก
- ผู้สร้างพระเครื่องวัดคลองขอมอันโด่งดัง
20. หลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ อ.ศรีประจันต์
- พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าผู้เด่นดังด้านคงกระพันชาตรี พระเครื่องของท่านนักเลงรุ่นเก่ามีเรื่องวิวาทกัน แล้วฟันกันด้วยมีดปาดตาลยังไม่เข้า
21. หลวงพ่ออินทร์ วัดราษฎรบำรุง (หลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ) อ.ดอนเจดีย์
- พระอาจารย์แห่งลุ่มน้ำท่าคอย มีลูกศิษย์ลูกหาที่โด่งดังในยุคต่อมามากมาย
- เชี่ยวชาญด้านอักขระเลขยันต์
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปุย วัดเกาะ , หลวงพ่อแช่ม วัดราษฎรบำรุง
22. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช
- ปฐมาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
- ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน
- ผู้สร้างแหวนพระพุทธท่านแรกของประเทศไทย
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพระสงฆ์ท่านแรกของอำเภอเดิมบางนางบวช
- เป็นพระอาจารย์ของ หลวงพ่อมุ่ย , หลวงพ่อปุย , หลวงพ่อกวย , หลวงปู่แขก , หลวงพ่อทรง ฯลฯ
23. หลวงพ่ออ่ำ วัดชีปะขาว อ.บางปลาม้า (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- หลานชายแท้ๆของหลวงพ่อเนียม วัดน้อย
24. หลวงพ่อซัว วัดสาลี อ.บางปลาม้า (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- มีความสนิทกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาก
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
25. หลวงพ่อแบน วัดเดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช
- เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคมมาก
- เป็นพระอาจารย์ของ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ , หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
26. อาจารย์กูน (ฆราวาส)วัดบ้านทึง อ.สามชุก
- ฆราวาสที่โด่งดังที่สุดของเมืองสุพรรณ
- ผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์และสมุนไพร
- อาจารย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
27. หลวงพ่อจอน วัดพระลอย อ.เมือง
- พระอาจารย์ยุคเก่าผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร แพทย์แผนโบราณ
28. หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง
- ปฐมาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์
- เชี่ยวชาญพุทธาคม
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพิมพ์พระพุทธท่านแรกของเมืองสุพรรณ
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพิมพ์พระสงฆ์ท่านแรกของเมืองสุพรรณ
29. หลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพระสงฆ์ท่านแรกของอำเภอสองพี่น้อง
- เชี่ยวชาญด้านพุทธาคม
30. หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) อ.สองพี่น้อง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ที่หลวงพ่อเนียมยังการันตรีว่าแทนท่านได้
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก , หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ , สังฆราชปุ่น วัดพระเชตุพลฯ , หลวงพ่อหอม วัดสองพี่น้อง , หลวงพ่อผึ่ง วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ ฯลฯ
31. หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดพร้าว)
- พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมล้นด้วยความดี ที่แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพยังตรัสยกย่องเมื่อคราวที่หลวงพ่อพริ้งมรณภาพว่า เมืองสุพรรณสิ้นคนดีไปอีกท่านหนึ่ง
- ศิษย์มือซ้ายหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว, ศิษย์หลวงพ่อแก้ว วัดพร้าว
32. หลวงพ่อจอน วัดน้อย อ.บางปลาม้า (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อเนียม วัดน้อย
- ผู้สืบทอดการสร้างพระเครื่องเนื้อโลหะรุ่นต่อมาจากหลวงพ่อเนียม
33. หลวงพ่ออ้วน วัดสามทอง อ.เมือง
- พระอาจารย์ยุคเก่าที่ลือชาด้านคงกระพันชาตรี
- ศิษย์เอกหลวงพ่อเจีย หรืออีกชื่อคือหลวงพ่อชา วัดสามทอง, ศิษย์พระอาจารย์มาตย์ (พระธุดงค์มาจากเขมร)
- ร่วมกับพระอาจารย์มาตย์ธุดงค์ไปถึงพม่า เผชิญสิงสาราสัตว์และภูตผีปีศาจมากมาย เพื่อฝึกจิตใจให้แก่กล้า
34. หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์)
- ผู้สืบทอดสายวัดป่าเลไลยก์ต่อจากหลวงพ่อสอน
35. หลวงพ่อเซ้ง วัดพร้าว อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดพร้าว)
- ศิษย์มือขวาของหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว
36. หลวงพ่อเล็ก วัดวังหิน อ.สามชุก
- พระอาจารย์ผู้ขึ้นชื่อเรื่องวิชาอาคม สำเร็จเตโชกสิณ
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อแคล้ว วัดวังหิน
37. หลวงพ่อเหมือน วัดน้อยชมภู่ อ.ศรีประจันต์
- ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์
- ศิษย์หลวงพ่อขำ วัดน้อยชมพู่
38. หลวงพ่อหรุ่น วัดเสาธงทอง อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายวัดเสาธงทอง)
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพิมพ์พระสงฆ์เหรียญแรกของอำเภอศรีประจันต์
- ผู้สืบทอดสายวัดเสาธงทอง
- ศิษย์เอกหลวงพ่อทับ วัดสุวรรณาราม (วัดทอง คลองบางกอกน้อย)
- ผู้ที่แม้แต่หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ยังเดินทางไปวัดทองเพื่อนิมนต์ให้มาจำพรรษาอยู่เมืองสุพรรณเพื่อเป็นมิ่งขวัญมงคลแก่ชาวสุพรรณ
39.หลวงพ่อโอ หรืออาจารย์โอ วัดเขาดีสลัก อ.อู่ทอง
- พระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน แพทย์แผนโบราณ และวิชาอาคม
40.หลวงพ่อเปี้ยน วัดโพธาราม (วัดจระเข้สามพัน) อ.อู่ทอง
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพระสงฆ์ท่านแรกของอำเภออู่ทอง
- เชี่ยวชาญด้านพุทธาคม เด่นมากทางคงกระพันชาตรี
41. หลวงพ่อกฤษณ์ วัดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
42. หลวงปู่โต๊ะ วัดสองเขตสามัคคี (วัดลาดตาล) อ.เมือง
- ปฐมาจารย์สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล
- พระเกจิอาจารย์ผู้ดัดนิสัยหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จากอันธพาลเกเรให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้
43. หลวงพ่อก๋ำ วัดประตูสาร อ.เมือง
- ศิษย์หลวงพ่อดี วัดประตูสาร, ศิษย์เอกหลวงปู่ภู วัดประตูสาร
44. หลวงพ่อปี วัดพิหารแดง อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , สายวัดพร้าว)
- ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว , หลวงพ่อจอน วัดพระลอย , หลวงพ่อคง วัดแค(หลวงพ่อคงอีกท่านหนึ่ง ไม่ใช่หลวงพ่อคงที่เป็นพระอาจารย์ขุนแผนนะครับ
- เป็นพระอาจารย์สักยันต์ที่ขึ้นชื่อของเมืองสุพรรณ
45. หลวงพ่อปอ วัดประชุมชน (วัดบ้านบึง) อ.เมือง
- พระเกจิเชื้อสายเขมร
- ขึ้นชื่อลือชาด้านไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาอาคม
46. หลวงพ่อปลั่ง วัดวิมลโภคาราม อ.สามชุก
- พระอาจารย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
47. หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ อ.บางปลาม้า
- ศิษย์เอกหลวงพ่อแสง วัดแก้วตะเคียนทอง
- ขึ้นชื่อลือชาด้านแพทย์แผนโบราณมาก
48. หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์ , สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล)
- ศิษย์หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ , หลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล
- พระเกจิสุพรรณท่านแรกเท่าที่มีการบันทึก มีอายุขึ้นหลัก 100 ปี
49. หลวงพ่อผึ่ง วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ อ.สองพี่น้อง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อบุญยัง ? หลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง, หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน
- หนึ่งในสามสหาย ศิษย์วัดสองพี่น้องผู้มีความสนิทสนมกันมาก อันมี หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ , หลวงพ่อหอม วัดสองพี่น้อง , และหลวงพ่อผึ่ง
50. หลวงพ่อหอม วัดสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อบุญยัง ? หลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง, หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน
- หนึ่งในสามสหาย ศิษย์วัดสองพี่น้องผู้มีความสนิทสนมกันมาก อันมี หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ , หลวงพ่อหอม วัดสองพี่น้อง , และหลวงพ่อผึ่ง
51. หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก อ.สามชุก
- ศิษย์เอกหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ผู้ที่หลวงพ่อศรียังบอกกับศิษย์รุ่นหลังๆที่มาขอศึกษาวิชาอาคมว่า หากสิ้นท่านแล้วให้ไปศึกษาต่อกับหลวงพ่อหร่ำ เพราะเรียนรู้ไปจากท่านไปหมดแล้วทุกอย่าง
52. หลวงพ่อโต วัดขวาง อ.บางปลาม้า (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อครุฑ วัดขวาง , ศิษย์หลวงพ่อทับ วัดทอง , ศิษย์หลวงพ่อเนียม วัดน้อย
53. หลวงพ่อโต วัดโพธิ์ศรีเจริญ อ.ศรีประจันต์
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพิมพ์พระพุทธเหรียญแรกของอำเภอศรีประจันต์
- พระอาจารย์ยุคเก่า ผู้สร้างพระเนื้อดินวัดโพธิ์ศรีเจริญ
- เชี่ยวชาญด้านอักขระเลขยันต์และวิชาอาคม
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่น่วม วัดโพธิ์ศรีเจริญ
54. หลวงพ่อท้วม วัดไชนาวาส อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์)
- ศิษย์หลวงพ่อทับ วัดทอง , หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์
- เป็นพระอาจารย์ของ หลวงพ่อบุญ วัดโคกโคเฒ่า , หลวงปู่ดี วัดพระรูป
55.หลวงพ่อจ่าง วัดสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง, หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน
- พระอาจารย์ของหลวงพ่อฉลอง วัดป่าเลไลยก์
56. หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา)
- ศิษย์อาวุโสของหลวงพ่ออิ่ม ผู้สืบทอดสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
57. หลวงพ่อไสว หรือท่านเจ้าคุณไสว วัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์
- ศิษย์เอกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์
- เป็นพระอาจารย์ของ พระพรหมคุณาภรณ์ ( หลวงพ่อประยุต ประยุตโต ) วัดญาณเวศกวัน , หลวงพ่อสันต์ วัดเสือ , หลวงพ่อปลัดทวี วัดบ้านกร่าง
58. หลวงปู่ไข่ วัดบางเลน อ.สองพี่น้อง
- ศิษย์เอกหลวงพ่อสน วัดโบสถ์ดอนลำแพน
59. หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร อ.เมือง
- พระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณมาก
- เป็นพระอาจารย์ของ หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ , หลวงพ่อปิ่น วัดหน่อพุทธางกูร , หลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม , และสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งไทย
60.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ อ.สามชุก (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , สายหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม)
- พระเกจิอาจารย์ยุคหลังกึ่งพุทธกาลที่โด่งดังที่สุดของเมืองสุพรรณ
- ขึ้นชื่อลือชาด้านพุทธาคมมาก
- เป็นศิษย์ของหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , อาจารย์กูน วัดบ้านทึง , หลวงพ่อแบน วัดเดิมบาง , หลวงพ่อปลั่ง วัดวิมลโภคาราม , หลวงพ่อกฤษณ์ วัดท่าช้าง เป็นต้น
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อพยุง วัดบัลลังค์, หลวงพ่อปลัดทวี วัดบ้านกร่าง, หลวงปู่โถม วัดเนินมหาเชษฐ์, หลวงพ่อจำเนียร วัดดอนไร่, หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส ฯลฯ
- ผู้สร้างเหรียญปั๊มพิมพ์พระสงฆ์เหรียญแรกของอำเภอสามชุก
- ผู้สร้างรูปหล่อปั๊มรุ่นแรกของเมืองสุพรรณ
61. หลวงพ่อสมบุญ วัดยางยี่แส อ.อู่ทอง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อเนียม วัดน้อย , หลวงพ่อแขม วัดยางยี่แส
- ผู้มีพลังจิตสูง สามารถแผ่ไปยังสัตว์ได้
62. หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ,สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย , สายวัดป่าเลไลยก์ ,สายวัดพร้าว)
- อดีตนักเลงเก่าผู้หันหลังให้กับอดีต
- ศิษย์มือขวา (ศิษย์เอก) หลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล, ศิษย์หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว , หลวงพ่อซัว วัดสาลี , หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงพ่อสอน ? หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์, หลวงพ่อคำ วัดพระรูป
- พระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญวิทยาคมศึกษาวิชาอาคมมากถึง4 สาย
- หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ
- ท่านเป็นสหธรรมิกหลวงพ่อปุย วัดเกาะ , หลวงพ่อเจริญ วัดหนองนา
63. หลวงพ่อต่วน วัดมเหยงค์ อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อครุฑ วัดขวาง , หลวงพ่อติก วัดโพธิ์คอย
64. หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบสงนมโค
- พระเกจิอาจารย์ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น ?พระธรรมดาที่ไม่ธรรมดา?
65. หลวงพ่อเจิม วัดกุฎีทอง อ.เมือง
- ศิษย์หลวงพ่อเจ๊ก วัดปราสาททอง , หลวงพ่ออาจ วัดวังยายหุ่น
- สามารถแผ่พลังจิตไปยังสัตว์ดุร้ายให้สยบลงได้
66. หลวงพ่อคำ วัดพระรูป อ.เมือง
- เชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐาน
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย , หลวงปู่ดี วัดพระรูป
67. หลวงพ่อสังวร วัดแค
- ศิษย์หลวงพ่อคง วัดแค
- เชี่ยวชาญทางด้านวิชาอาคม
68. หลวงพ่อใจ วัดนิเวศน์ธรรมาราม (วัดวังยายหุ่น) อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์)
- อดีตนักเลงผู้หันหลังให้กับอดีต
- ศิษย์หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์
69. หลวงพ่อตุ๊ วัดท่าเจริญ อ.บางปลาม้า
70. หลวงพ่อปุย วัดเกาะ อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , สายวัดพร้าว )
- วัยหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ แข็งแรง และเป็นนักเลงผู้มีวิชาอาคม ขึ้นชื่อลือชาด้านคงกระพันชาตรี
- ศิษย์เอกและหลานแท้ๆของหลวงปู่เฒ่าพราย ปรมาจารย์ผู้เลื่องชื่อลือชาในเวทมนต์คาถาอาคมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น , ศิษย์หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว , หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , หลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ , หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ เป็นต้น
- เป็นที่ยำเกรงของบรรดาเสือร้าย(ขุนโจร) และนักเลงทั่วไป
- เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม , วิปัสสนากรรมฐาน , แพทย์แผนโบราณ
- สหธรรมิกผู้ที่สนิทหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ที่สุด
71. หลวงพ่อทองใบ วัดหนองทราย อ.หนองหญ้าไซ
- เก่งทางด้านคงกระพันชาตรี
- เคยร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลกับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ อยู่เสมอๆ
72. หลวงพ่อโพธิ์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์)
- ศิษย์หลวงปู่ภู วัดประตูสาร , หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์
73. หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน, ศิษย์หลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง, หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก, สมเด็จพระวันรัตเผื่อน วัดพระเชตุพลฯ
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
74. หลวงพ่อผล วัดพังม่วง อ.ศรีประจันต์
- สหธรรมิกท่านเจ้าคุณเชียง (หลวงพ่อเชียง) วัดราชบูรณะ , สังฆราชป๋า วัดพระเชตุพลฯ
75. หลวงพ่อแก้ว วัดโพธิ์ตะควน อ.บางปลาม้า
- พระอาจารย์ยุคเก่าที่ชาวบางปลาม้านับถือมาก
76. หลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม)
- ศิษย์เอกหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม , ศิษย์สมเด็จพระพุฒจารย์ เข้ม วัดพระเชตุพลฯ
77. หลวงพ่ออ๊อด วัดพระธาตุศาลาขาว อ.เมือง
- พระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าวิทยาคม เคยมีนักเลงทดลองซุ่มดักยิง ปรากฏว่ายิงไม่ออก
78. หลวงพ่อทัต วัดวังพระนอน อ.เมือง
- เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ขึ้นชื่อด้านคงกระพันชาตรี
79. หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆสิตาราม อ.สองพี่น้อง
- เจ้าตำรับเครื่องรางรูปจระเข้ สิงห์ และจิ้งจกอันลือลั่น
- หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ , หลวงพ่อหล่ำ วัดสามัคคีธรรม เป็นต้น
80. หลวงพ่อนอบ วัดยาง อ.ศรีประจันต์
- อดีตนายทหารเก่า
- วัยหนุ่มมีชื่อเสียงในทางอยู่ยงคงกระพัน
- เชี่ยวชาญด้านพุทธาคมและแพทย์แผนโบราณ
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสันต์ วัดเสือ
81. หลวงพ่ออนันต์ วัดดอนมะเกลือ อ.อู่ทอง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์อาจารย์ยันต์คุป อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ , ศิษย์หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน
82. หลวงพ่อบุญ วัดโคกโคเฒ่า อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์)
- ศิษย์เอกและหลานหลวงพ่อท้วม วัดไชนาวาส, ศิษย์หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์, หลวงพ่อช้าง วัดโคกโคเฒ่า
83.หลวงพ่อขอม วัดโพธาราม (วัดไผ่โรงวัว) อ.สองพี่น้อง
- ศิษย์หลวงพ่อวัดบางสาม , หลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง
- ผู้สร้างพระพุทธโคดม , พระกกุสันโธ , บาตรสำริด , ธรรมจักรสำริด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
84. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์ , สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อสอน - หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์, ศิษย์หลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล, หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร
- หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ
85. หลวงพ่อสัมฤทธิ์ หรือหลวงพ่อเอี้ยง วัดอู่ทอง อ.บางปลาม้า
- ศิษย์สายหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ
- หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ
86. หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์
- เป็นหลานแท้ๆของสมเด็จพระสังฆราชป๋า วัดพระเชตุพลฯ
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฉลอง ? หลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลยก์
87. หลวงพ่อหนุน วัดท่าไชย อ.สองพี่น้อง
- สหธรรมิกหลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลยก์
88. หลวงพ่ออรรถ วัดองครักษ์ อ.บางปลาม้า
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ
- ขึ้นชื่อด้านแคล้วคลาดปลอดภัย
89. หลวงพ่อแช่ม วัดราษฎรบำรุง อ.ดอนเจดีย์
- ศิษย์เอกหลวงพ่ออินทร์ วัดราษฎรบำรุง (หลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ)
- ขึ้นชื่อด้านเมตตามหานิยม ได้รับการกล่าวขานคู่กับหลวงพ่อปุย วัดเกาะว่า ?เมตตาวัดราษฎร์ แคล้วคลาดวัดเกาะ?
90. หลวงพ่อปลื้ม วัดสวนหงส์ อ.บางปลาม้า
- ศิษย์สำนักวัดประดู่ทรงธรรม
- ผู้เชี่ยวชาญวิทยาคม แม้แต่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ยังยกย่องว่าเก่งมากๆ
91. หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี (วัดหนองนา) อ.ดอนเจดีย์ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล)
- ศิษย์มือซ้าย หลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล
- เจ้าอาวาสวัดธัญญวารีรูปแรก เจ้าคณะตำบลไร่รถรูปแรก เจ้าคณะอำเภอดอนเจดีย์รูปแรก
- พระเกจิอาจารย์เมืองสุพรรณที่ชาวสุพรรณรู้จักมากที่สุด
92. หลวงพ่อแคล้ว วัดวังหิน อ.สามชุก
- ศิษย์เอกหลวงพ่อเล็ก วัดวังหิน
- ท่านโด่งดังเรื่องกันฟืนกันไฟ
- เชี่ยวชาญพุทธาคม แม้แต่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ยังชื่นชม
- เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเจริญ วัดวังหิน
93. หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์)
- ศิษย์หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ , หลวงพ่อหริ่ม วัดวังยายหุ่น , หลวงพ่อช้าง วัดโคกโคเฒ่า , หลวงพ่อโอ ? หลวงพ่อขวด วัดเขาดีสลัก
- เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณและวิปัสสนากรรมฐาน
- เป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา-บูรณะพระพุทธบาทและวัดเขาดีสลัก
94. หลวงพ่อบุญ วัดลานคา อ.บางปลาม้า
- พระเกจิอาจารย์ผู้ขึ้นชื่อลือชาด้านเมตตามหานิยม
95. หลวงปู่ดี วัดพระรูป อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อท้วม วัดไชนาวาส
- พระเกจิสุพรรณที่อายุมากที่สุดในปัจจุบันที่ยังมีชีวิตอยู่
96. หลวงพ่อกอง วัดโพธาราม (วัดบ้านคอย) อ.ศรีประจันต์
- อดีตนักเลงเก่าเมืองสุพรรณผู้ขึ้นชื่อเรื่องอยู่ยงคงกระพันชาตรี ที่หันหลังให้กับอดีตแล้วมุ่งหน้าสู่พระธรรม
- ศิษย์หลวงพ่ออินทร์ วัดราษฎรบำรุง (หลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ)
- สหธรรมิกหลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
- พระเกจิอาจารย์ดังยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2
97. หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายวัดเสาธงทอง)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อหรุ่น วัดเสาธงทอง, ศิษย์หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์, หลวงพ่อเซ้ง วัดพร้าว, พระธรรมปัญญาบดี (ฟื้น) วัดสามพระยา กทม.
- เจ้าตำรับผู้ริเริ่มสร้างพระเครื่องประเภท พระเณรสุพรรณ หรือที่ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อเณร
- ผู้ปลุกเสกปลัดขิกให้ลอยวิ่งอยู่ในแม่น้ำท่าจีนบริเวณหน้าวัดได้
- ขึ้นชื่อเรื่อวิชาอาคมมากๆ
98. หลวงพ่อสงัด วัดดอนหอคอย อ.อู่ทอง
99. หลวงพ่อเพรียว วัดโพธิ์ทองเจริญ อ.อู่ทอง
100. หลวงพ่อกริ่ง วัดสามชุก อ.สามชุก
101. หลวงพ่อแย้ม วัดอินทร์เกษม อ.เมือง
102. หลวงพ่อหริ่ม วัดสกุณปักษี อ.ดอนเจดีย์
103. หลวงพ่อบุญ วัดพันตำลึง อ.เมือง
- ท่านเก่งทางด้านคงกระพันชาตรี
104. หลวงตาหยง วัดโรงช้าง อ.เมือง
- พระอาจารย์ดังผู้สร้างพระผงสุพรรณที่กล่าวกันว่าเหนียวจริงๆ
105. หลวงพ่อจำเนียร วัดดอนไร่ อ.สามชุก
106. หลวงพ่อบวช วัดทับกระดาน อ.สองพี่น้อง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย)
- ศิษย์หลวงพ่อจ่าง วัดสองพี่น้อง , หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก
- ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ นับถือหลวงพ่อบวชมากๆ เพราะบ้านเกิดของพุ่มพวงอยู่ที่นี่
107. หลวงพ่อพิมล วัดสุวรรณภูมิ อ.เมือง
- ศิษย์หลวงพ่อปลื้ม วัดแก้วตะเคียนทอง
- เจ้าสำนักเรียนปริยัติธรรม สุวรรณภูมิวิทยาลัย ต่อจากหลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ
108. หลวงพ่อสังวาลย์ วัดทุ่งสามัคคีธรรม อ.สามชุก (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , หลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม)
- ศิษย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
- เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานมาก
109. หลวงพ่อเถื่อน วัดป่าพระเจ้า อ.ศรีประจันต์
110. หลวงพ่อบุญ วัดโพธิ์ท่าทราย อ.เมือง
111. หลวงพ่อกัน วัดบางกุ้ง อ.เมือง
112. หลวงพ่อทวี (พระปลัดทวี) วัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์
- ศิษย์หลวงพ่อไสว วัดบ้านกร่าง , หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ (สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา)
113. หลวงพ่อแนบ วัดจรรย์ อ.ศรีประจันต์
- ศิษย์หลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์
114. หลวงพ่อปิ่น วัดหน่อพุทธางกูร อ.เมือง
- ศิษย์เอกหลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร
- เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ
115. หลวงพ่อสำราญ วัดปราสาททอง อ.เมือง
116. หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ อ.ศรีประจันต์
- ศิษย์หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆษิตาราม , หลวงพ่ออรรถ วัดองครักษ์
117. หลวงปู่น่วม วัดโพธิ์ศรีเจริญ อ.ศรีประจันต์ (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อโต วัดโพธิ์ศรีเจริญ
- เจ้าตำรับผู้สร้างเครื่องรางของขลังรูป ปลากัด ที่มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก
- พระเกจิอาจารย์ที่หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย ยอดพระเกจิสุพรรณสั่งเสียไว้ก่อนมรณภาพว่า แทนท่านได้
118. หลวงปู่เตี้ยม วัดดอนบุบผาราม อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม) (มีชีวิตอยู่)- ศิษย์หลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม
119. หลวงพ่อพล วัดนิเวศน์ธรรมาราม (วัดวังยายหุ่น) อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อใจ วัดวังยายหุ่น
120. หลวงพ่อฉลอง วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อจ่าง วัดสองพี่น้อง , หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ , หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
- ผู้สืบทอดสายวัดป่าเลไลยก์
121. หลวงพ่อโกร่ง วัดโพธาราม (วัดไผ่โรงวัว) อ.สองพี่น้อง (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
122. หลวงพ่อสุบิน วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช (มีชีวิตอยู่)
123. หลวงพ่อเจริญ วัดวังหิน อ.สามชุก
- ศิษย์เอกหลวงพ่อแคล้ว วัดวังหิน
124. หลวงพ่อถม วัดเนินมหาเชษฐ์ อ.สามชุก
- ศิษย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
- หลานหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
125. หลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์ อ.สามชุก (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา, หลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
126. หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส อ.ด่านช้าง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , หลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
127. หลวงพ่อสวิง วัดเสาธงทอง (พระเกจิอาจารย์สายวัดเสาธงทอง) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อหรุ่น วัดเสาธงทอง
- ผู้สืบทอดวิทยาคมสายวัดเสาธงทอง
128. หลวงพ่อทองสุข วัดอู่ยา อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
- เก่งด้านเมตตามหานิยม
129. หลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ , หลวงพ่อหนุน วัดท่าไชย , หลวงพ่อสมบุญ วัดยางยี่แส
130. หลวงพ่อทองหยด วัดวังจิก อ.สามชุก
- ศิษย์เอกหลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก
131. หลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงปู่อ่อน วัดชีสุขเกษม , ศิษย์หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร
132. หลวงปู่เฉลี่ย วัดธัญญวารี (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
133. หลวงพ่อดำ วัดพร้าว (พระเกจิอาจารย์สายวัดพร้าว) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อเซ้ง วัดพร้าว
134. หลวงพ่อสันต์ วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อไสว วัดบ้านกร่าง, หลวงพ่อนอบ วัดยาง
135. หลวงพ่อเซ้ง วัดเกาะ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา , สายวัดพร้าว , สายวัดปากน้ำฯ)
- ศิษย์มือขวาหลวงพ่อปุย วัดเกาะ
136. หลวงพ่อฝุ่น หรือหลวงพ่อเตี้ย วัดสามเอก อ.เดิมบางนางบวช
- วัตถุมงคลของท่านเคยมีนายตำรวจเอาไปทดลองยิงปรากฏว่ากระสุนปืนไม่ลั่น
137. หลวงพ่อแดง วัดโพธิ์สุวรรณ อ.สามชุก (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
- ท่านเก่งนั่งทางใน และการดูดวง
138. หลวงพ่อช้วน วัดพระลอย (พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
- ท่านเก่งทางด้านเมตตามหานิยม การลงนะหน้าทอง
139. หลวงพ่อจำลอง วัดนเรศสุวรรณาราม (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล) (มีชีวิตอยู่)
- เจ้าตำรับปลัดขิกจุกฟักทองอันลือลั่น
- ศิษย์หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
140. หลวงพ่อจั่น วัดหนองสรวง อ.ศรีประจันต์
141. หลวงพ่อปราสาท วัดกลาง อ.บางปลาม้า (มีชีวิตอยู่)
142. หลวงพ่อปริ่ง วัดโพธิ์คอย อ.บางปลาม้า (มีชีวิตอยู่)
143. หลวงพ่อบุญมี วัดไผ่มุ้ง อ.บางปลาม้า (มีชีวิตอยู่)
144. หลวงพ่อชูชาติ วัดมะนาว อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
145. หลวงพ่อกมลศิลป์ วัดเขากำแพง อ.อู่ทอง (มีชีวิตอยู่)
146. หลวงพ่อวงษ์เดือน วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) อ.สองพี่น้อง (มีชีวิตอยู่)
147. หลวงพ่อสมชาย วัดศรีสันต์มณฑาราม (วัดวัดไผ่แปลกแม่) อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
148. หลวงปู่สมหวัง วัดไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
149. หลวงพ่อทองพูน วัดวังพลับเหนือ อ.ศรีประจันต์ (มีชีวิตอยู่)
150. หลวงพ่อชอบ วัดสว่างอารมณ์ อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
151. หลวงพ่อชัย วัดหนองเพียร อ.ศรีประจันต์ (พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่อ้น วัดดอนบุบผาราม , สายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์เอกหลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม
- ศิษย์หลวงพ่อปุย วัดเกาะ
- เป็นพระเกจิอาจารย์สายเดียวกับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
152. หลวงพ่อสิงห์โต วัดสาลี อ.บางปลาม้า (มีชีวิตอยู่)
153. หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดแค อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
154. หลวงพ่อมานพ วัดดอนโพธิ์ทอง อ.เมือง (พระเกจิอาจารย์สายวัดป่าเลไลยก์) (มีชีวิตอยู่)
- ศิษย์หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง
155. อาจารย์คม ไตรเวทย์ ฆราวาสแห่งบ้านบางกุ้ง อ.เมือง (มีชีวิตอยู่)
- อาจารย์สักยันต์ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองสุพรรณปัจจุบันนี้, ศิษย์หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ, หลวงปู่สง่า, อาจารย์แก้ว แห่งบ้านไผ่เหลือง
156. หลวงพ่อทวนทอง วัดท่าข้าม อ.สองพี่น้อง
- มีชื่อเสียงทางเมตตา

7
ตะกรุดหนังเสือ หลวงพ่อเที่ยง วัดเขากระโดง นั้นท่านบวชอยู่วัดนี้เสร็จสิ้นเรียนสรรพวิชาเสร็จพอตัวก็ออกธุดงค์ ระหว่างธุดงค์ได้ร่ำเรียนวิชาเพิ่มเติม จนธุดงค์กลับมาบริเวณเขากระโดง ซึ่งตอนนั้นทรุดโทรมมาก ท่านจึงมาบูรณะวัด และเริ่มต้นวิชา สักยันต์อันลือลั้น สักเสร็จลองได้ แถมยันต์หลวงพ่อก็สามารถกันของ ซึ่งในสมัยนั้น บุรีรัมย์ถิ่นคนเล่นของอยู่แล้ว กันลมเพ ลมพัด อวิชาต่าง ๆ ได้ จนท่านโด่งดัง บรรดาชาวบ้าน ข้าราชการร ทหารต่างมาฝากตัวเป็นศิษย์
ด้วยท่านเป็นคนพูดน้อย ของท่าน ทำตามฤกษ์ยาม แบบโบราณ ตั้งหัวหมูบายศรี สรรพคุณเด่นเรื่อง มหาอำนาจ แคล้วคลาด มหาอุด ป้องกันลมเพ ลมพัด ผมได้มีโอกาสได้คุยกะคนแถวนั้นเค้าบอก ขนาดแค่เชือกแดงที่ท่านเสก ที่ติดมากะ ตะกรุดยัง สามารถคนให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์รถคว่ำได้เลยครับ(วันนั้นท่านทำวัตถุมงคลไม่ทันด้วยไม่มีฤกษ์จึงได้หยิบเชือกร่มแดงอันเป็นเอกลักษณ์)

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

8
ล็อกเก็ตหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ขาวดำ หลังหวายลูกนิมิต
เส้นเกษาหลวงพ่อเปิ่น เลี่ยมพลาสติก เจ้าของเดิมได้มาปี34ครับ หลวงพ่อหยิบให้กับมือตอนไปลงกระหม่อม

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

9
ที่ตำหนักอาจารย์ถึง มีวัตถุมงคลให้เช่าไหมครับ ถ้ามีจะไปเวลาไหนครับผมไปเช่าของอย่างเดียวไม่ได้สักครับถ้าไปครั้งแรกต้องเตรียมอะไรไปบ้างครับ

10
หลวงปู่หงษ์ คาถาต่างๆ

วิธีบูชากุมารทอง หลวงปู่หงษ์

ตั้งนะโม 3 จบ จุดธูป 5 ดอก บอกพระภูมิ-เจ้าที่ หรือตี่จูเอี๊ย เพื่อขออันเชิญกุมารทอง...เข้าบ้านเรือนเพื่อเป็นศิริมงคล คุ้มครองป้องกัน บันดาลโชคลาภ ทำการค้าให้เจริญ

จุดธูป 5ดอก ภาวนา"นะเมติปะจะขะ" 9 จบ ถวาย นม น้ำแดง ยาคูล ขนม กล้วย(เท่าที่มี หรือหาได้) แล้วตั้งจิตอธิฐาน ขอพรตามความปราถนา ทรัพสมบัติทั้งหลาย ยกให้กุมารทอง เป็นผู้คุ้มครองดูแลรักษา และช่วยหามาเพิ่มเติมด้วยเถิด

คาถาอาราธนา ตะกรุดน้ำ

ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาอาราธนา ตะกรุดดิน(ตะกรุดขอมดำดิน)

ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ มะพะทะนะ จะภะกะสะ นะเมติ" 9-12 จบ

คาถาอาราะนา ตะกรุดไฟ(ตะกรุดเตโช)

ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ พะทะนะมะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาอาราธนา ตะกรุดลม(ตะกรุดวายุ)

ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ ทะนะมะพะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาอาราธนา ตะกรุดชัยวรมัน

ตั้งนะโม 3 จบ"นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ อะภะอะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาอาราธนา พญาเสือดำ

ตั้งนะโม 3 จบ"ยะขังนิขังวา อะภะอะ สิงหะละหุ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาอาราธนาพระยาพาลี

ตั้งนะโม 3 จบ "กัตตะ วุตตะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาพระพิฆเนศ

ตั้งนะโม 3 จบ"โอมนะมัสสะ ปัตตะเยนะมะ โอมมหาเทวะ มหาสะการัม มหาพิฆะเนศสะการัม วิญญานัง โฮม ทีปัง ธูปังปุบผัง นะโมนะมัสสะการัม"

คาถาหัวใจพระพิฆเนศ

"โอม พระพิฆเนศ สายะ นะโมพุทะยะ นะเมติ"

คาถาบูชาปฐมครูปู่ตาไฟ

ตั้งนะโม 3 จบ"โอม นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะเมติ ฦ ฦา ฤ ฤา นมัสสิตวา หลวงปู่ตาไฟ สิทธิเตโช มหาปุญโญ มหายะโส มหาลาโภ อิทธิ ฤทธิ ประสิทธิเม"

คาถาบูชาพระสิวลี

ตั้งนะโม 3 จบ "อิมัง อัคคีทานัง ปัพผัง พระสิมพะลี จะมหาเถรัง

พุทธังปูเชมิ ธัมมังปูเชมิ สังฆังปูเชมิ

สิมพะลี นันทะเถรัสสะ เอตะพัตตัง สัพพะธะนัง

สาริกะธาตุ พุทธรูปปัง อะหังวันทามิ สัพพะทา

พระคาถาหัวใจพระสิวลี

นะชาลีติ ประสิทธิลาภา ปะสันนะจิตา สะทาโหติ ปิยังมะมะ

สัพเพชะนา พะหูชะนา สัพเพทิสา สะมาคะตา กาละโภชนา

วิกาละโภชนา อาคัจฉันติ ปิยังมะมะ

พระคาถานี้หากเราจะไปหาลาภที่ไหน ให้ภาวนาไปเถิด จะทำให้มีลาภผลดีนักแล

คาถาตะกรุดอุปคุปต์ อุดปืน

อุปปะ คุตโต จะมหาเถโร อุทะง อัทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ

คาถาพญาเต่าเรือน(เต่ากัสโป)

"นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาลูกกรองพรหมปัญโญ

"นะโมพุทธายะนะมะพะทะ นะเมติ"9-12 จบ

คาถาท้าวเวสสุวรรณ

"เวสสะ พุสะ นะมะพะทะ จะภะกะสะนะเมติ"

ถ้ามีวัตถุมงคลของหลวงปู่หงษ์ ห้ามกินเหล้าเด็ดขาดนะครับ ออกไปกินเหล้าแล้วไม่ใส่ของไปก็เสื่อมครับ


11
หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ท่านไม่ได้เก่งด้าน คงกระพัน หยุดปืนอย่างเดียว วันนี้ผมมีคาถาเรื่องเรียนมาฝากครับคัดลอกมาจาก หนังสือ นะโม ฉบับที่ 849

พระคาถาภาวนาสอบไล่ได้
นะโปงปุ ทะลุปัญญา พระพุทนำพา พระธาคิดได้ มุตโตมุตตัง สะระณังมุตโต

ถ้าจะเกิดปัญญาเลิศกว่าคนทั่งหลายให้เสกนำเสกข้าวกิน เมื่อจะเข้าสอบไล่ให้ภาวนาเสกนำดื่ม 3 กลืนแล

พระที่ช่วยในเรื่องการให้เรียนดีขึ้นผมขอแนะนำ
พระนักธรรม ของ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
พระยอดธงปัญญาดี ของ ชำนาญวัด บางกุฎีทอง
ญาท่านสวนวัดนาอุดมพิมพ์ด้านหลังเป็นรูปศรีปราชญ์

12
ข้อมูลประวัติ

เกิด                      วันอังคาร เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2403  เป็นคนบางบอนใต้ บางขุนเทียน ธนบุรี  เป็นบุตรของ นายเหลือ  นางทอง  ทองเหลือ

อุปสมบท               อายุ 23 ปี ตรงกับ พ.ศ. 2426  ณ พัทธสีมาวัดกำแพง

มรณภาพ               ปี 2482

รวมสิริอายุ            79 ปี 56 พรรษา

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

เหรียญของวัดนี้มีชื่อเสียงโด่งดังนับแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ที่ได้สร้างขึ้นเป็นที่ระลึก เป็นเหรียญรูปหลวงพ่อไปล่ มีทั้งเนื้อทองเหลืองฝาบาตร และเนื้อสัมฤทธิ์เป็นเหรียญหล่อ ปัจจุบันนี้ก็หาของแท้ดูยากเพราะชื่อดัง จึงมีคนทำปลอมขึ้นแต่ทำเนื้อไม่เหมือนของจริง แม้จะพยายามทำสักเท่าไรก็ไม่เหมือนของจริงเป็นที่น่าอัศจรรย์

ผู้เขียนได้พยายามสืบหาประวัติของท่านมานานปี ที่สุดก็ได้รับความช่วยเหลือจาก
คุณเล็ก ภาณุนันท์ อดีตนายอำเภอบางขุนเทียน อันเป็นเจ้าของท้องที่ที่วัดกำแพงตั้งอยู่
คุณเล็กได้กรุณาไปสอบถามประวัติของหลวงพ่อไปล่ จากผู้ใหญ่แก้ว ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน
ชายของหลวงพ่อเอง จึงได้เรื่องนำมาเผยแพร่ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบประวัติของท่าน
ผู้เขียนขอขอบพระคุณของท่านทั้งสองดังกล่าวแล้วเป็นอย่างสูง
 

หลวงพ่อไปล่ มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหมู่ที่ ๖ ตำบลบางบอนใต้อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรีท่านเกิดวันอังคาร เดือน ๖ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๐๓ เป็นบุตรนายเหลือ นางทอง นามสกุล ทองเหลือ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเป็น คหบดี อาชีพเกษตรกร เมื่ออายุ ๘ ขวบ ได้ไปศึกษาหนังสือไทยและขอมกับพระอาจารย์ทัตวัดสิงห์พออ่านออกเขียนได้ ก็ลาจากวัดมาช่วยผู้ปกครองประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนมีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญ ทรหดอดทน กว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านบาบอนใต้เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่ กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลาวัดมีงานมักจะนัดตีกันเป็นประจำ สำหรับนายไปล่ พรรคพวกยกย่องให้เป็นลูกพี่ เหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตก เกรงว่าข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล

 

พออายุ ๒๓ ปี ซึ่งเลยปีบวชมาแล้วบิดาจึงขอร้องให้บวชพระให้สัก ๑ พรรษา เมื่อบวชแล้ว ดวงชะตาของท่านจะเป็นอย่างไร ก็เป็นอันหมดห่วง ท่านก็ตกลงจึงเข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกำแพง อำเภอบางขุนเทียน โดยมีพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์พ่วง วัดกกเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ดิษฐ์ วัดกำแพงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า ฉนทสโร เมื่อบวชแล้วจำพรรษาอยู่วัดกำแพง ทำอุปัชฌายวัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะ ผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัย ท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำ และเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ครบ ๑ พรรษาแล้วเลยไม่ยอมสึก โยมก็ไม่ว่ากระไรด้วยทีแรกตั้งใจว่าบวชแล้วจะขอภรรยาให้จะได้เป็นหลักฐาน เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ก็เป็นอันต้องระงับไป พอพรรษาที่ ๒ ท่านก็พยายามจนท่องพระปาฎิโมกข์ได้ สวดได้ชัดเจนในครั้งนั้นมีการนิยมการเรียนทางกัมมัฏฐานวิปัสสนาธุระ ด้วยอุปัชฌายะและคู่สวยของท่านล้วนแต่เชี่ยวชาญวิชาทางนี้ ก็ได้ไปถ่ายทอดเอาวิชามาฝึกฝนทดลองจนใช้การได้ นอกจาอาจารย์ของท่านแล้ว ยังได้ไปขอเรียนวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์จากพระอาจารย์คง (องค์นี้ทราบว่าเป็นอาจารย์รุกขมูลธุดงค์) จนมีวิชากล้าแข็ง จะได้อธิบายวิชาของท่าน เรื่องวิชาเมตตามหานิยมเช่น ผง ๑๐๘ ขี้ผึ้งสีปาก ได้เรียนจากพระอาจารย์พ่วง วัดกก อาจารย์ชื่อดัง ขนาดเอาขี้ผึ้งทาสัตว์เช่น ไก่ นก สุนัข แมว จะเดินตามไปอยู่ด้วยที่บ้านไม่ยอมกลับที่เดิม เป็นที่รู้กันทั่วทั้งบางขุนเทียน ส่วนพระอาจารย์ดิษฐเก่งในทางคงกระพันชาตรี ผ้าประเจียดแดงของท่านดังมาก มียันต์หนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือนที่เรียกว่าหนุมานแผลงฤทธิ์ ๔ กร ในเรื่องรามเกียรติ์เป็นอาจารย์สักลายมือสวยนัก สักทีแรกก็แทงเข้า พอสักไปสักครู่วิชาอาถรรพณ์เข้าตัวเหล็กสักไม่ได้กินหลัง แทงเท่าไรกระเด้งกลับ เลยต้องเลิกเพราะสักไม่เข้า ศิษย์ของท่านหนังดีทั้งนั้น วิชานี้หลวงพ่อไปล่เรียนมา ขนาดเอามีดโกนปาดง่ามมือเล่นก็ไม่เข้า เวลาแจกของท่านทำให้ดู พูดว่ามันต้องเหนียวถึงง่ามมือง่ามเท้าจึงจะเก่งจริง ส่วนมากนักเลงที่ว่าเหนียวพอโดนมือโดนเท้าก็เปราะทนไม่ไหว สำหรับพระอาจารย์ดิษฐท่านเป็นศิษย์ของท่านมาก่อนบวช เมื่อยังเป็นนักเลงใครก็รู้ว่าหนังดีจริงๆ จนไม่มีใครกล้าต่อกร เมื่อมาบวชแล้วก็เลิกเปลี่ยนเป็นคนละคนทีเดียว แต่คนทั้งพลายที่เคยเห็นฤทธิ์ ก็ยังเกรงอยู่ไม่กล้าทำแหยมกับท่าน ส่วนพระอาจารย์คงซึ่งเป็นอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่าน ปรากฏว่า อยู่คงสมชื่อวิชาผูกหุ่นพยนต์ก็เคยไปศึกษากับหลวงพ่อเก้ายอดวัดบางปลา สมุทรสาคร (ท่านองค์นี้กำบังกายหายตัวได้ กรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์นับถือเป็นพระอาจารย์) ท่านได้เรียนกับอาจารย์เก่งๆ ดังกล่าวไม่ต้องบอกก็ได้ว่าท่านเก่งขนาดไหนแต่ไม่เคยคุยโอ้อวด ท่านเป็นพระสมถะ ไม่ทะเยอทะยานในลาภยศ มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ กวาดกุฏิเอง ของส่วนตัวทำเอง ไม่เคยใช้ให้ใครทำ ขยันในการทำวัตรสวดมนต์เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยชอบความมีระเบียบเรียบร้อย

 

เมื่อวัดกำแพงว่างสมภารลงทางการคณะสงฆ์และประชาชนได้ขอร้องให้ท่านเป็นสมภาร อันตำแหน่งสมภารเจ้าวัดท่านไม่เคยสนใจ แต่ขัดชาวบ้านไม่ได้ก็จำเป็นต้องรับได้เป็นคู่สวดและอุปัชฌายะมีคนมาให้ท่านบวชพระปีละมากๆ เพราะเลื่อมใสศรัทธาในจริยาวัตรของท่านและอยากได้ของขลังของดีจากท่าน

พ.ศ. ๒๔๗๘ คณะศิษยานุศิษย์ร่วมกันบำเพ็ญกุศลฉลองอายุให้ท่าน ในงานนี้ได้ออกเหรียญรูปท่านเต็มองค์ห่มลดไหล่สมาธิ เป็นเหรียญหล่อทำรูปคล้ายจอบด้านหลังเหรียญมีอักษรไทยว่า ที่ระฤก ๒๔๗๘ วันเทเหรียญปรากฏว่าสายสิญจน์ในพิธีตกลงมาถูกเทียนชัยจี้อยู่จนหมดเวลาพิธี สายสิญจน์ไม่ไหม้เป็นที่น่าตื่นเต้น เพราะขณะนั้นหลวงพ่อไปล่ท่านนั่งปรกบริกรรมด้วยจิตเป็นสมาธิแน่วแน่ ท่านชอบเดี่ยว ไม่ค่อยจะไปร่วมพิธีกับใคร บอกว่าไปรวมกันไม่รู้ว่าพิธีกับใคร บอกว่าไปรวมกันไม่รู้ว่าใครจะแน่สู้เดี่ยวไม่ได้ และการที่สร้างเหรียญรูปจอบมาขุดฝังเรา และจอบเป็นสัญลักษณ์เครื่องมือสำคัญในการเพาะปลูก ชาวสวนชาวนาต้องพึ่งจอบเหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์ดังมากใครได้รับแจกเป็นรับรองได้ว่าเรื่องมีดเรื่องปืน อาวุธทั้งหลายเรียกว่าแมลงวัน ไม่ได้กินเลือดทีเดียวเหรียญรุ่นนี้ทำเป็นเหรียญรูปไข่ก็มีเนื้อเป็นสัมฤทธิ์ และทองเหลืองฝาบาตร ที่ต้องทำเป็นเหรียญหล่อท่านบอกว่าพิธีเข้มข้นกว่าเหรียญปั๊มมาก

 
หลวงพ่ออุปัชฌาย์ไปล่ ฉนทสโร

นอกจากเหรียญรุ่นนี้แล้ว เมื่อมีงานล้างป่าช้าวัดกำแพงท่านได้ออกเหรียญเป็นรูปพระพุทธรูปเป็นเนื้อโลหะทองเหลือง รุ่นหลังนี้เรียกว่ารุ่นล้างป่าช้า ใช้ได้ผลมีคนนิยมมากเช่นกัน การแจกเหรียญของท่านไม่กะเกณฑ์ในเรื่องเงินทองใครจะทำบุญก็ทำ ใครจะมาขอฟรีท่านก็แจก

หลวงพ่อไปล่ท่านมีกระแสจิตกล้าแข็ง คราวหนึ่งเจ้าคุณพระพุทธพยากรณ์(เจริญ อุปวิกาโส) วัดหมูอัปสรสวรรค์ ได้มานิมนต์ให้ไปนั่งปรกในงานหล่อพระที่วัดหมูท่านบอกว่าให้บอกเวลามาว่าพิธีจะลงมือเมื่อไร ท่านจะนั่งทำสมาธิอยู่ที่กุฏิของท่าน ไม่ต้องเดินทางมานั่งถึงวัดหมู เจ้าคุณพุทธพยากรณ์องค์นี้เป็นลูกศิษย์พระภาวนาโกศลเถร (เอี่ยม) วัดหนัง มีวิชาทางในสูงรู้ทันทีว่าหลวงพ่อไปล่จะนั่งทำสมาธิที่ไหนก็ได้ขอให้บอกเวลาให้ท่านทราบ พอถึงเวลาปลุกเสก พระอาจารย์ในพิธีที่นิมนต์มาจะเห็นร่างหลวงพ่อไปล่ปรากฏนั่งสมาธิอยู่ ในพิธีด้วย เรื่องนี้ใครๆ ก็ทราบโทษขานกันทั่วไป

อยู่มาวันหนึ่งท่านพูดกับศิษย์ที่ใช้ใกล้ชิดว่าให้เอ็งช่วยจำไว้ด้วยว่าอีก ๒-๓ วัน ข้าจะเลิกฉันน้ำชาเสียที ศิษย์ผู้นั้นได้ฟังก็สงสัยแต่ไม่กล้าซักถาม พอถึงวันที่ ๓ นับแต่ท่านพูดปรากฏว่าพวกขี้ยามาขโมยเอาป้านน้ำชาที่ท่านฉันประจำ ไปนับแต่นั้นท่านก็เลิกฉันน้ำชาจริงๆเรียกว่ารู้ล่วงหน้า เรื่องกำลังจิตกล้า อีกเรื่องหนึ่งคือ นายสุดใจเปรมชื่น คนรางสี่บาทแสมดำ ศิษย์ของท่านไปถูกเกณฑ์ทหารบก ทางการเขาส่งไปแนวหน้า เวลานั้นเริ่มสงครามมหาเอเซียบูรพา นายสุดใจได้มาขอของดีจากท่านไปคุ้มตัว บังเอิญเดินสวนกับท่านไปคุ้มตัว บังเอิญเดินสวนกับท่านที่ทางรถไฟสายมหาชัยตอนใกล้สถานีบางบอน ด้วยมีคนเขานิมนต์ท่านไปสวดมนต์งานทำบุญบ้านใกล้ๆ บางบอน นายสุดใจก็นั่งลงยกมือไหว้พูดขอของดีจากท่านว่าจะไปแนวหน้า ท่านหัวเราะบอกว่าข้าไม่ได้เอาอะไรติดย่ามมาเอ็งหยิบเอาก้อนหินข้างทางรถไฟมาสักก้อนหนึ่งนายสุดใจก็หยิบหินส่งให้ท่านๆ หยิบไปทำสมาธิสักครู่แล้วก็ส่งให้บอกว่านี่แหละคุ้มตัวได้นายสุดใจเห็นแล้วจะไม่เอาก็เกรงท่านเพราะท่านเป็นอุปัชฌายะบวชให้ ได้นำหินก้อนนั้นติดตัวไปสนามรบไม่เคยมีอันตรายและไม่เคยป่วยไข้ ปืนในสนามยิงมาเท่าไหร่ก็ยิงไม่ถูกเลย พวกเพื่อนๆ ถามว่าเอ็งพกอะไรมานายสุดใจหยิบก้อนหินที่ถักลวดแขวนคอเพียงก้อนเดียวให้ดูพวกเพื่อนหัวเราะไม่เชื่อ ขอเอาไปทดลองด้วยปืนปรากฏว่า ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ออกเลยเลิกดูถูกท่าน

เรื่องน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ของท่าน มีคนให้รดเป็นประจำวิชามหาประสานเคยแสดงให้ดูในคราวในวัดมีงาน เกิดฟันกันชุลมุนปรากฏว่าคนถูกฟันวิ่งไปบนกุฏิของท่านๆ จึงบ้วนน้ำมหากรดที่แผลถูกฟัน แผลก็ติดกันสนิท ท่านถามเป็นเชิงทดลองใจว่า แผลสนิทแล้วจะไปไหน เจ้าคนนั้นเกิดมีกำลังใจเลือดนักสู้เลยบอกว่าจะไปฟันกับมันต่อ ท่านหัวร่อบอกว่า ลูกผู้ชายมันต้องอย่าถอย ถ้าเอ็งกลับไปบ้านเห็นที่แผลที่ประสานไว้จะแยกตามเดิม มีบางรายพอมาให้ท่านประสาน แผลแล้วเกิดใจไม่สู้เรียกว่าชักจะแหยพอกลับไปถึงบ้านแผลก็แยก ต้องกลับมาฟันกับเขาใหม่อีกครั้ง ดูก็น่าอัศจรรย์แผลกลับติดดังเก่า เรื่องนี้หลวงพ่อเลียบวัดเลาเคยเล่าให้พวกนังเลงฟังว่า เอ็งอย่าไปเล่นกับท่านวัดกำแพงนะ ท่านเป็นคนจริงอย่าไปทำแหยให้ท่านเห็นเป็นอันขาด หลวงพ่อเลียบเป็นศิษย์อุปัชฌาย์องค์เดียวกันกับหลวงพ่อไปล่ คือหลวงพ่อทัตวัดสิงห์บางขุนเทียน รู้จิตใจกันดี เมื่อท่านมาได้ดีเป็นพระราชาคณะที่พรเทพสิทธินายก เจ้าอาวาสวีดเทวราชกุญชรก็ยังไปมาหาสู่กันเสมอเคยสนับสนุนจะให้หลวงพ่อไปล่ ได้สมณศักดิ์เป็นพระครู ท่านกลับว่าฉันไม่อยากเป็นครูพระหรอกสอนตัวเองก็พอใจแล้ว การเป็นพระครูหมายถึงต้องเป็นครูสอนพระฟังดูเป็นคำคมของท่าน ด้วยไม่ทะเยอทะยานเป็นใหญ่เป็นโตอะไรไม่สนใจเรื่องยศช้างขุนนางพระตามคำกล่าวของคนโบราณ ท่านขอแต่ได้ครองศีลบริสุทธิ์พอใจเป็นเพียงตำแหน่งพระอุปัชฌายะบวชพระเอาบุญกุศลเท่านั้น จะใหญ่จะโตแค่ไหนก็เน่าทั้งนั้นที่เรียกว่าผู้ใหญ่วันนี้ก็คือผีวันหน้านั่นเองหนีไม่พ้น

 

จะขอนำคาถาที่ท่านสอนให้ภาวนาเวลา จะออกจากบ้านว่าดังนี้ตั้งนะโม ๓ จบ
พระพุทธอยู่หลังพระอะระหังอยู่หน้า ตรงกลางคือตัวอาตมา มหาเดชาภะวันตุเม บอกว่าไปไหนๆ ไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตเพราะมีผู้ปกป้องอยู่ทั้งหน้าหลังดังกล่าวแล้ว อีกบท ๑ เป็นคาถาทางเมตตามหานิยม สะเพ็ชชะนา พหูชะนาท่องแล้วเขายังไม่มาต้องไปหาเขาเองเพราะจะมัวรออยู่ก็จะเสียเวลาเปล่าฟังดูแล้วเห็นจริง ปัจจุบันนี้ไม่มีเวลารอกันแล้ว มือใครยาวสาวได้สาวเอา มือใครสั้นเอาวัลย์ต่อเข้าเคยเตือนลูกศิษย์ว่า แม้ฉลาดก็อย่าขาดเฉลียว ประเดี๋ยวจะพลาดอย่าได้ประมาทเลย

คำขวัญของเหรียญมีว่า
มีเหรียญหลวงพ่อไปล่วัดกำแพงใครจะมาฆ่าแกงก็ไม่ต้องกลัว ถึงไหนถึงกันคงกระพันชาตรีดีนักแล
สมัยนั้นใครมีเหรียญวัดหนังก็ไม่กล้าแหยมกับคนที่แขวนเหรียญวัดกำแพงจัดเป็นยอดเหรียญของอำเภอบางขุนเทียน ทั้ง ๒ วัดใครๆ ก็รู้กันทั่วว่าเด็ดทั้งคู่ ท่านได้บำเพ็ญศาสนกิจมาด้วยความเกร่งครัดสม่ำเสมอในที่สุดก็ถึงมรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ สมเป็นนักปฏิบัติ เมื่ออายุ ๗๙ ปี พรรษา ๕๙

อนึ่งตามปกติหลวงพ่อไปล่ชอบสงบไม่ชอบอึกทึกครึกโครมในวันเผาศพท่าน พวกศิษย์ได้นำพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ดอกไม้เพลิงมาจุดด้านหมดจุดไฟติดเลยพองานเลิกได้นำมาจุดใหม่ ดังสนั่นหวั่นไหว การจุดต้องลากไปจุดกันนอกวัด ถ้าในวัดก็ด้านน่าแปลกจริงเรื่องนี้ใครๆ รู้กันทั่วได้พูดถึงอภินิหารของท่านมาจนทุกวันนี้

กระดูกขี้เถ้าคนที่ไปเผาเข้าแย่งกันอุตลุด ไม่มีเหลือ ทั้งนี้เพราะความเลื่อมใสศรัทธา มีคนเล่าว่าแม้แต่ท่านมรณภาพไปแล้ว หนังยังเหนียว พวกสัปเหร่อเอามีดตบแต่งศพก็ยังเฉือนไม่เข้า ต้องจุดธูปจุดเทียนบอกเล่าขอขมา แม้กระนั้นก็ยังเฉือนไม่เข้าอยู่นั่นเอง และศพก็แห้งไปเลยๆ ไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นทั้งนี้เพราะท่านรักษาศีลบริสุทธิ์นั่นเอง คนไปเผาท่านมากันมากมายหลายจังหวัดมีทั้งคนเล็กคนใหญ่ ไม่เลือกชั้นวรรณะ เสมอภาคกันเพราะเมื่อท่านยังมีชีวิตก็เป็นกันเองแก่คนทั่วไปไม่ถือคนจนคนมี ท่านพูดว่าในที่สุดก็ทันกันตอนหมดลมหายใจนี่แหละ เกิดเท่าไหร่ตายเท่านั้นมาสามัคคีกันจะดีกว่าท่านเคยพูดว่าคนมาผ่านโลก ไม่ได้มาประจำโลกคือ มาพบกันชั่วคราวเท่านั้นเอง ฉะนั้น ตัวอกุศลมูล มี โลภ โกรธ หลงควรละเสียบ้างถึงละได้ ไม่มากก็ยังดีกว่าสะสมมันเอาไว้

 

สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้ได้อ่านประวัติและคติเตือนใจของหลวงพ่อไปล่จงหมดทุกข์ปลอดภัย และอยู่เย็นเป็นสุขจิตสดใส ความพอคือความเป็นอัครมหาเศรษฐีถ้ายังไม่พอก็ยังเป็นไม่ได้หรอกนะ สุ.จิ.ปุ.ลิ.ต่อไปนี้ เป็นคาถาที่หลวงพ่อไปล่ภาวนาเป็นประจำ คือกำแพงแก้ว ๗ ประการ ท่องว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สัตตะระตะมะปะการัง อัมมหากัง สะระณังคัจฉามิ สุสุละละโสโส นะโมพุทธายะ พุทโธพระบังธัมโมพระบัง สังโฆพระบัง

ให้ภาวนาก่อนนอนทุกคืน คุ้มภัยอันตรายได้ดี พวกศัตรูก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

13
ความหมายของ...จุดในการเจิม

 "เพื่อก่อให้เกิด ความเป็นสิริมงคล ซึ่งจะนำไป สู่ความสำเร็จ" คือจุดประสงค์ และจุดมุ่งหมายของการเจิม เมื่อแต่งงานเราก็ให้ญาติผู้ใหญ่ เจิมหน้าผาก ครั้นไปซื้อรถคันใหม่ เราก็ให้พระเกจิอาจารย์เจิมรถให้ เมื่อทำบุญ ขึ้นบ้านใหม่พระ ก็จะเจิมประตูหน้าบ้านให้ ในขณะที่การเปิด บริษัทห้างร้าน เราก็ยังนิมนต์พระไปเจิม

คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าพระเกจิแต่ละท่าน เมื่อเจิม แล้วมีพุทธคุณ เด่นด้านใด ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระบางรูป อาจจะได้รับนิมนต์ให้ไปเจิมป้ายเปิดร้านค้ามากเป็นพิเศษ ในขณะที่บางท่านคนจะนิยมนำรถไปเจิมถึงวัด

แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้เลยว่า จุดแต่ละจุด ซึ่งเกิดจากการเจิมนั้น มีความหมายอย่างไร ?

ก่อนจะเข้าเรื่องความหมายของจุดในการเจิม ขออธิบายกรรมวิธี การทำดินสอพองเพื่อการเจิมของโบราณจารย์เป็นอันดับแรก คือ ให้เตรียม ดินสอพอง มาพอสมควรตามความต้องการ ละลายน้ำ แล้วเอาผ้าขาวบาง ที่สะอาดกรองทิ้งไว้จนแป้งนั้นนอนดีแล้ว รินน้ำออกให้หมด จึงเอาผ้าขาวที่สะอาดหนากว่า ผ้ากรองสักหน่อยห่อแล้วบิด และเอาของหนักทับไว้จนหมดน้ำ แล้วเอา น้ำข้าวเช็ด มาเคล้าให้พอดี ที่จะปั้นเป็นก้อนได้

อีกวิธีหนึ่งเอา แป้งนวล ผสมกับ น้ำ ให้พอปั้นได้ แล้วปั้นให้กลม ขนาดเท่าหัวแม่มือ ยาวประมาณ ๓-๔ นิ้วฟุต เสร็จแล้วเอาผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นเอา ใบตำลึง มาคั้นเอาน้ำ (ไม่ต้องเติมน้ำ) เอาดินสอพองที่ตากแดดแล้ว ย้อมให้ทั่ว แล้วเอาผึ่งแดดอีกครั้ง การย้อมด้วยน้ำใบตำลึง นี้ก็เพื่อทำไม่ให้ดินสอพองนั้นติดมือเท่านั้น

การทำดินสอพองเจิม โบราณเขาต้องเลือก วัน ฤกษ์ ยาม ที่จะลงมือทำ เพื่อความศักดิ์สิทธิ์จริงๆ (กำลังใจ, ความศรัทธา เชื่อมั่น ที่เราทำแบบนี้ ขั้นตอน และ มีครู ซึ่งได้มอบให้ (ถ้า ครอบครู หรือเลือกวันครูวันพฤหัสบดีเรียนวิชา การเจิม ด้วยยิ่งดีมาก) ฤกษ์ วัน สำคัญ ควรทำให้ถูกต้อง เพื่อความมั่นใจ (ปัจจุบันเอาฤกษ์ความ สะดวก เป็นสำคัญ)

ส่วนพระคาถาสำหรับเสกดินสอ สำหรับเจิมคือ "พุทธัง ยาวะชีวัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง ยาวะชีวัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง ยาวะชีวัง สะระณัง คัจฉามิ"

กรรมวิธีการทำดินสอเจิม และการภาวนา คาถา ระหว่างเจิมนั้น อาจารย์แต่ละท่านเรียนมาไม่เหมือนกัน ความละเอียด และขั้นตอนจึงมีความแตกต่างกัน (ดูความสะดวก เหมาะสม) ซึ่งปัจจุบันนี้นิยมใช้แป้งดินสอพอง ผสมกับน้ำให้พอดี ข้นพอที่จะเจิมได้โดยไม่ต้องทำ ดินสอสำหรับเจิมอย่างเช่นในอดีต

นอกจากนี้แล้วในอดีตทั้งพระ และฆราวาสหากประสงค์ จะเป็นเจ้าพิธีในการเจิม ต้องมีการครอบครู โดยอาจารย์ท่าน ให้ชำระกายให้บริสุทธิ์ รักษาพระไตรรัตน์สรณาคม นั่นอยู่ในศีลวัตร (ศีลห้า) พึงตั้งเครื่องบูชา มีบายศรีปากชาม สำรับหนึ่ง เงิน ๖ บาท ผ้าขาวผืนหนึ่ง ขันล้างหน้าใบหนึ่ง เมี่ยงหมาก ดอกบัว สิ่งละ ๕ กรวย ธูปเงิน ธูปทอง เทียนเงิน เทียนทอง สิ่งละ ๕ เล่ม แป้งหอม น้ำมันหอม สำหรับเจิม

จากการรวบรวมข้อมูลการเจิมของพระเกจิต่างๆ ที่มีลูกศิษย์ลูกหามักจะให้เจิมบ้าน รถ รวมทั้งป้ายร้านค้า ในยุคปัจจุบัน แต่ละรูปจะมีวิธีการเจิม จำนวนจุด รวมทั้ง อักขระเลขยันต์ในการเจิมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น

หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ท่านจะเจิมด้วยจุดทั้งหมด ๖ จุด คือฐานด้านล่าง ๓ จุด ตรงกลาง ๒ จุด ส่วนยอดอีก ๑ จุด แล้วเขียนอุณาโลมไว้ด้านบน นอกจากนี้แล้วด้านล่างยังเขียนคาถาว่า ยา นะ ยา ซึ่งเป็นคาถาป้องกันคุ้มภัย

ส่วน หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม ท่าน มีความชำนาญเรื่องการเขียนอักขระเลขยันต์ เวลาเจิมท่านจะเขียนยันต์ลงไปเลย โดยจะเขียนยันต์พุฒซ้อน ซึ่งมีพุทธคุณครอบคลุมทุกด้าน ทั้งคุ้มภัย เมตตา และค้าขาย ยกเว้นบางโอกาสเท่านั้นที่ท่านจะเจิมเป็นจุด

ในขณะที่ หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ท่านเป็นศิษย์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม การเจิมของท่านมีทั้งเขียนเป็นอักขระเลขยันต์ และเจิมเป็นจุด

สำหรับอำนาจพุทธคุณของแต่ละจุดนั้นส่วนใหญ่จะครบทุกด้าน ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย ค้าขาย และเมตตามหานิยม ส่วนความหมายของจุดแต่ละจุดในการเจิมนั้น มีความหมายดังนี้

อุณาโลม หมายถึง องค์พระ ระหว่างเขียนจะมีการภาวนาว่า มา ปะ นะ ชา ยะ เต

๑ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า เอกะอะมิ หมายถึง คุณแห่ง พระนิพพานอันยิ่งใหญ่

๒ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า พุท โธ หมายถึง นามพระพุทธเจ้า

๓ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า มะ อะ อุ หมายถึง คุณแห่งแก้ว ๓ ประการ (พระรัตนตรัย) และอีกความหมายคือ พระไตรปิฎก

๔ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า ทุ สะ นิ มะ (หัวใจอริยสัจสี่) , นะ ชา ลิ ติ (พระสิวลี), อุ อา กา สะ (หัวใจเศรษฐี), นะ มะ อะ อุ (พระไตรปิฎก), นะ มะ พะ ทะ (ธาตทั้งสี่)

๕ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า นะ โม พุท ธา ยะ หมายถึง พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ หรือคุณแห่งศีล ๕ มีพุทธคุณ

๖ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า อิ สฺวา สุ สุ สฺวา อิ หมายถึง คุณแห่งไฟ หรือพระเพลิง รวมทั้งหมายถึงคุณแห่งพระอาทิตย์

๗ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า สะ ธะ วิ ปิ ปะ สะ อุ หมายถึง คุณแห่งลม หรือพระพาย

๘ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ หมายถึงคุณแห่งพระกรรมฐาน คุณแห่งศีล ๘ คุณแห่งพระอังคาร

๙ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ หมายถึง คุณแห่งมรรค ๔ ผล ๔ และพระนิพพาน ๑

๑๐ จุด ใช้เขียนอักขระที่ว่า เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว หมายถึง คุณแห่งครูบาอาจารย์ คุณแห่งอากาศ หมายถึงคุณแห่งศีล ๑๐ หมายถึงคุณแห่งพระเสาร์ ๓๐ ทัศ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนจุดในการเจิม ของพระเกจิอาจารย์ จะไม่เท่ากัน แต่การลงจุดนั้นจะเขียนเป็น รูปสามเหลี่ยมเหมือนกัน โดยส่วนยอดของสามเหลี่ยมนั้นจะเป็นอุณาโลม ในขณะที่บางท่าน อาจจะเพิ่มอักขระบางตัวไว้เข้าไป ส่วนการบริกรรมพระคาถา ระหว่างการเจิมนั้น สุดแล้วแต่จะได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์อย่างไร เช่น ถ้า เจิม ๓ จุด อาจจะบริกรรมคาถา มะ อะ อุ หรือ แยกเป็น ๒ จุด ก่อน คือ พุท โธ ส่วนอีกจุดนั้นบริกรรมพระคาถา เอกะอะมิ

เจิม ๑๐ จุด อาจจะ บริกรรมคาถา เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว ครั้งเดียวเลยก็ได้ หรืออาจจะแยกเขียนเป็น ๔ แถว คือ ๔ จุด ล่างบริกรรมคาถาว่า ทุ สะ นิ มะ แถวถัดมา ๓ จุด บริกรรมว่า มะ อะ อุ แถวที่มี ๒ จุดบริกรรมว่า พุท โธ ส่วนแถวบนสุด ๑ จุด บริกรรมว่า เอกะอะมิ

14
สอนเสือผาด ทับสายทอง

ออกชื่อว่า เสือผาด ทับสายทอง แล้ว คนในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่าง พ.ศ.2484 ถึง พ.ศ.2490 ย่อมจะรู้จักกันดี

บางคนเรียกชื่อเขาว่า "ขุนโจร 7 จังหวัด" เพราะเขามีชื่ออยู่แถวจังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และจังหวัดธนบุรี ทั้ง 7 จังหวัดนี้ เป็นแดนปล้น เป็นแดนอิทธิพลของเขาโดยตลอด อย่างน้อยเสือเล็ก เสือน้อย ที่เรียกว่าเสือปลา ไม่ใช่เสือโคร่งลายพาดกลอน ก็อ้างชื่อเสียงของเขาออกหากินด้วย
ส่วนใหญ่ จะไม่กล้าออกชื่อเขา มักจะออกชื่อกันว่า "คุณพระ" คำว่า "คุณพระ" เป็นชื่อที่ชาวนครปฐมทั่วไปเรียกขื่อเขาลับหลัง เป็นที่รู้กันว่า หมายถึง เสือผาด ทับสายทอง คนกลัวเขาขนาดไม่เรียกออกชื่อเขาทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะถึงหูเสือผาดเข้าเมื่อไร และจะถูกฆ่าตายเมื่อไรก็ไม่รู้ตัว พูดกันถึงขนาดที่ว่า ข้าราชการ ตำรวจ ก็กลัวเสือผาด เป็นลูกน้อง หรือเป็นสายเสือผาดเกือบทุกคน

เสือผาดทำนา เสือผาดเกี่ยวข้าว เพียงแต่บอกกันว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกี่ยวข้าวเสือผาด คนก็จะเดินทางไปช่วยเกี่ยวข้าวกันหัวดำเต็มท้องนา ไม่ต้องไหว้วานกันเลย ทุกคนถือเคียวไปช่วยกันเกี่ยวข้าว นวดข้าวให้เสือผาด
เสือผาดจะมีนาหรือไม่ ไม่สำคัญ เพียงแต่บอกว่านาทุ่งนี้เป็นของเสือผาดเท่านั้นคนก็จะไปช่วยไถ ช่วยเกี่ยวข้าว ช่วยนวดให้จนจบสิ้น โดยไม่มีใครกล้าไปสอบถามอะไรกันอีก ว่าเสือผาดอยู่ที่ไหน เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นตัวเสือผาด ได้ยินแต่ชื่อก็กลัวเสียแล้ว
ขณะนั้น ผู้เขียนรับราชการอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน อันเป็นแดนอิทธิพล หรือพื้นที่สีดำของเสือผาด ผู้เขียนรู้เรื่องราวของเสือผาดมากจนกลัวเสือผาดเหมือนกัน

วันหนึ่ง ขี่จักรยานไปอำเภอกับ นายพิณ กันตะเพ็ง ศึกษาธิการอำเภอกำแพงแสน พบคนถูกยิงตายนอนอยู่ระหว่างทาง เป็นชายหนุ่มอายุสัก 19-20 ปี คนก็กระซิบบอกว่า เมื่อคืนนี้เสือผาดพาลูกน้องเดินทางไปปล้น แต่สงสัยความไม่ซื่อสัตย์ของลูกน้อง จึงยิงทิ้งเสียก่อนเข้าปล้น
วันหนึ่งตอนเช้าตรู่ มีคนรายงานกับนายอำเภอ ร.ต.ต.สุขศรีเพ็ญ ว่า ส.ต.ท.จำเนียร ภักดีเจริญ ถูกยิงตาย ที่ตำบลห้วยขวาง นายอำเภอไปชันสูตรพลิกศพ ข้าพเจ้าก็ไปด้วย พบ ส.ต.ท. จำเนียร นอนตายอยู่ มีปืนพกตกอยู่ข้างตัว เป็นปืนที่ ส.ต.ท. จำเนียร ยิงต่อสู้จนตัวตายในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว เพราะไปนอนอยู่บ้านเมียน้อย เขาเล่าว่าผู้ร้ายที่เข้ามายิง ส.ต.ท.จำเนียร ได้เข้าเหยียบหน้าอก ส.ต.ท.จำเนียรแล้วร้องว่า
"อ้ายเนียร มึงรู้จักกูไหม ?"
เขาพูดว่าผู้ร้องถามนั่นคือเสือผาด
แล้วเขาก็ยิง ส.ต.ท. จำเนียร ตายกลิ้งอยู่ในบ้านเมียน้อย ไม่ทำอันตรายใคร ไม่แตะต้องทรัพย์สินอะไรเลย
มูลเหตุของเรื่องก็คือ ฆ่าล้างแค้นของเสือผาด ฆ่าแม้แต่ตำรวจ
เรื่องมีอยู่ว่า นายจำรูญ น้องชาย ส.ต.ท. จำเนียร ลูกชายขุนภักดี ห้วยพระ คหบดีมั่งคั่งในตำบลสามง่าม ถูกโจรปล้น จับตัวไปยิงทิ้งที่ทุ่งนา นายจำรูญตายในลักษณะนุ่งกางเกงในตัวเดียว ส.ต.ท.จำเนียร เห็นน้องชาย ถูกฆ่าตายในลักษณะน่าทุเรศเช่นนั้นก็ประกาศว่า จะต้องตามฆ่าโจรก๊กนี้ให้จงได้ ส.ต.ท.จำเนียร สืบทราบว่าก่อนปล้นโจรคณะนี้ได้มากินเหล้าวางแผนกันที่บ้านคน ๆ หนึ่งในตอนหัวค่ำ ส.ต.ท.จำเนียร จึงให้ระบบแก้แค้น โดยใช้กฎหมายเถื่อน จับชายเจ้าของบ้านไปยิงทิ้งตรงที่ ๆ ที่นายจำรูญ น้องชายนอนตายอยู่ เป็นการล้างแค้น
ต่อมาไม่กี่วัน ส.ต.ท.จำเนียร ก็ถูกฆ่าตายไป ผู้ยิงอก ส.ต.ท.จำเนียร ขึ้นเหยียบอก แล้วร้องถามว่า
"อ้ายเนียร มึงรู้จักกูไหม ?"
ท่านขุนภักดีห้วยพระ (กิ้ว ภักดีเจริญ) เห็นว่าขืนต่อสู้กันต่อไปก็จะตายไปไม่สิ้นสุด เสียลูกชายไป 2 คนแล้ว คนต่อไปไม่รู้ว่าใคร จึงได้ตกลงหย่าศึก พิธีหย่าศึกทำขึ้นที่บ้าน นายนนท์ ตำบลห้วยขวาง ขุนภักดีห้วยพระ นัดพบเสือผาด ทับสายทอง ที่บ้านนายนนท์ซึ่งเป็นคนของเสือผาด กินเหล้าสาบานกันว่าจะเลิกแล้วต่อกัน เรื่องจึงสงบลงได้
นายนนท์ คนนี้ ข้าพเจ้ารู้จัก บิดามารดาของข้าพเจ้าก็รู้จัก คุ้นเคยกันดี รูปร่างอ้วนใหญ่ ดำ ตาเข หน้าตาเป็นนักเลงน่าเกรงขาม แม่ของข้าพเจ้าเล่าว่า นายนนท์ ดำใหญ่คนนี้เป็นลูกชายของ นายนนท์ขาว ชาวตำบลตาก้อง ทำแม่นายนนท์ท้อง แล้วไม่รับเป็นลูก แม่นายนนท์โกรธแค้นมาก เมื่อลูกชายเกิดมาจึงตั้งชื่อว่า นายนนท์ เหมือนชื่อพ่อ ได้ชื่อว่าเป็นคนดุเป็นนักเลงอิทธิพลคนหนึ่ง แต่เป็นคนของเสือผาด
เมื่อเสือผาด ทับสายทอง พาพรรคพวกไปปล้นที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และเป็นการปล้นครั้งสุดท้ายถูก พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต วางแผนพิชิตได้ นายนนท์ คนนี้แหละที่ได้เอารถยนต์บรรทุก 10 ล้อของ นายศิลปชัย คนตำบลพะเนียงแตก เดินทางไปรับพวกปล้นของเสือผาด นายนนท์ นั่งคุมรถไปให้ นายศิลปชัย เป็นคนขับ เมื่อถึงตำบลหนองดินแดง ถูกตำรวจดักจับตามทาง จึงได้ยิงนายนนท์ กับนายศิลปชัย ทิ้งเสียข้างทางเอาน้ำมันราดแล้วเผาเสียเรียบร้อยในคืนนั้น

นายเท่ง คนไว เป็นนายตรวจรถยนต์ อยู่ที่ตำบลตาก้อง วันหนึ่งนั่งเก้าอี้อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ก็มีคนเดินเข้ามาหาสองคน ส่งจ.ม.ให้นายเท่ง นายเท่งกำลังอ่าน จ.ม.อยู่ ก็ถูกชายคนนั้นยิงหัวนั่งตายคาเก้าอี้ คนร้ายเดินออกไปอย่างลอยนวล เขาว่าเสือผาด ส่งลูกน้องมายิงทิ้งเสียด้วยเหตุที่นายเท่งไปยิงคนของเสือผาดตายไปก่อน ชื่อนายสงวน ถูกยิงศีรษะนั่งตาย น่าประหลาดที่นายเท่ง คนไว ก็นั่งตายคาเก้าอี้ที่บ้านนายหลง ชาวไร่เงิน
แต่ผู้เขียนก็รู้จักวงศ์สกุลของเสือผาดอยู่บ้าง พ่อของผู้เขียนรู้จักนายจรูญ ทับสายทอง บ้านคันลำอยู่แถวหลังองค์พระปฐมเจดีย์ เมื่อเป็นเด็กวัดห้วยจระเข้ พ่อก็เอาข้าพเจ้าไปฝากไว้กับหลวงตาปาน ทับสายทอง อาชายของเสือผาดคนหนึ่ง หลวงตาปานองค์นี้เคยเป็นทหารมียศเป็นสิบโท แล้วมาบวช บวชแล้วก็ยังชกมวย ซ้อมชกมวยอยู่เสมอ วันหนึ่งพระองค์หนึ่งมานั่งปัสสาวะอยู่บนชานกุฏิ หลวงพ่อปานเห็นเข้าก็โกรธ โดดเข้าเตะพระองค์นั้นศีรษะคะมำตกกุฏิไป หลวงตาปาน ทับสายทอง รูปร่างกำยำ แข็งแรง ตกค่ำท่านจะตีกลองยาว รำกลองยาวให้ดู แล้วก็รำมวยให้ดูด้วย

นายแสวง บุญทองดี อนามัยอำเภอเมืองสมุทรสงครามก็เป็นลูกหลานของท่าน แต่เปลี่ยนนามสกุลไปใช้อย่างอื่นภายหลัง

ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อประชาไม่อยากใช้นามสกุล ทับสายทอง ขอให้เปลี่ยนนามสกุลให้ ข้าพเจ้าถามว่า พ่อคุณชื่อไร เขาบอกว่าชื่อมิ่ง ข้าพเจ้าก็เลยตั้งนามสกุลให้ว่า "ครูประชา มิ่งมนตรี" เขาเป็นครูอยู่อำเภอกำแพงแสนสมัยนั้น
นายผาด ทับสายทอง มีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อ พุ่ม ทับสายทอง เป็นนักเลง ชอบดื่มเหล้า ใครอยากจะให้ตีหัวใครก็ขอเหล้าขวดเดียว แล้วเขาก็จะตีหัวให้ หรือชกหน้าให้ตามต้องการ
คราวหนึ่ง เขาฝากชื่อไว้ในแผ่นดินสยาม โดยเขาถือปืนเข้าไปดักยิงจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่สนามหลวง แต่ยิงพลาด ไม่ถูกที่สำคัญ แต่ก็ยิงถูก และถูกตัดสินจำคุก

เล่าเรื่องเสือผาดประกอบ ก็เพื่อจะบอกว่า เสือผาด ทับสายทอง ก็เป็นศิษย์นอกครู ลูกนอกคอก ของหลวงพ่อเงิน
เสือผาด เริ่มมีชื่อมาตั้งแต่ปล้นฆ่า ร.ต.ต.เจี่ย แสงโชติ บิดาของ พล.ต.ต.จุมพล แสงโชติ (นายพลตำรวจตรีคนนี้ เป็นเพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกับผู้เขียน และนายชื่น ทักษิณานุกูล เมื่อเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย)

เสือผาด ถูกจับได้ ติดคุกอยู่หลายปี พอออกจากคุกก็ปล้นอีก เสือฮุย เสือเภา เพื่อนเสือด้วยกัน ถูกตำรวจยิงตาย เสือผาดหลบหนีรอดไปได้

คราวหนึ่ง นายจรูญ ผาสุกวณิชย์ นายอำเภอเมืองนครปฐมพร้อมด้วยนายศักดิ์ เศรษฐบุตร ปลัดอำเภอ และตำรวจ เข้าล้อมจับที่ตำบลหนองขาหยั่ง เสือผาดแอบอยู่ในห้องเจ้าหน้าที่ค้นจนทั่วไม่เห็นเขา

อีกครั้งหนึ่งเสือผาด กำลังอยู่ในวงการพนัน เล่นโปกัน ที่บ้านวังน้ำขาว ส.ต.ท.ทัพ เนาวรัตน์ นำตำรวจ 20 คน เข้าล้อมจับเสือผาดนั่งอยู่ ตำรวจหลายคนไม่เห็นเขา

อีกครั้งหนึ่ง เดินสวนกับ ร.ต.ต.ประสิทธิ์ วทานนท์ และพลตำรวจไสวที่สนามบินต้นสำโรง ตำรวจยิงด้วยปืนยิงเร็วในระยะเผาขน จนฝุ่นกลบตัวแต่ไม่ถูกเสือผาด เสือผาดหายตัวไปข้าง ๆ เนินดินในเวลากลางวันแสก ๆ

ครั้งสุดท้ายที่เขาปล้นที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง พ.ต.ท.ประชา บูรณะธนิต ได้อำนวยการสืบสวนและวางแผนซ้อนกลส่งคนเข้าเป็นพวกปล้นด้วย ได้เกิดยิงต่อสู้กันกับตำรวจที่ส่งกำลังไปล้อม จนนายตำรวจชั้นร้อยตำรวจโท ตายไปคนหนึ่ง แต่เสือผาดหนีไปได้ไม่บาดเจ็บ เมื่อถูกล้อมจับจนมุมในทุ่งนา เสือผาดก็ถอดเอาพระเครื่องออกโยนทิ้ง แล้วระเบิดสมองตัวเองตายไป ไม่ใช่ตำรวจยิงตายแต่อย่างใด เสือผาดได้ออกปล้นมานับสิบ ๆ ครั้ง ถูกตำรวจยิงหลายครั้ง แต่หนีรอดไปได้ทุกครั้ง จนเป็นที่เลื่องลือกันแม้ในหมู่ตำรวจว่า เสือผาดมีของดี

ครั้งหนึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร และ พ.ต.อ.สะอาด รัชตะประกร ได้ติดต่อขอให้เสือผาดเข้ามอบตัว เสือผาดก็เข้าพบสนทนาด้วย

ครั้งหนึ่ง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจติดต่อขอพบ เขาก็เข้าพบที่พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ข้างสนามหลวง ได้พบและสนทนากันแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็รักษาวาจาสัตย์ ไม่ทำร้ายกัน แล้วต่างคนก็ต่างแยกกันกลับไป

คราวที่นัดพบกับนายตำรวจใหญ่นั้น ตำรวจใช้หลวงพ่อเงินเป็นสื่อนัดพบ คณะที่ไปพบเสือผาดมี พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 7 นครปฐม พ.ต.อ.สะอาด รัชตะประกร ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายทองสุก สุวัตถี นายอำเภอเมืองนครปฐม นายหล่อ สีละชาติ ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม และ นายชื่น ทักษิณานุกูล ลูกศิษย์และลูกบุญธรรมของหลวงพ่อเงิน โดยนายชื่น ทักษิณานุกูล ได้ล่วงหน้าไปก่อน ได้ไปพบกับนายจันทร์ ชาวบ้านตำบลดอนยายหอม และได้พบกับเสือผาดที่นั่น แล้วจึงพาเสือผาดมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หน้าโบสถ์วัดดอนยายหอม โดยมีหลวงพ่อเงิน เป็นประธานอยู่ด้วย

เมื่อเสือผาดได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับการ ตำรวจภูธรเขต ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัด เขาก็ยิ้มอย่างใจเย็น แล้วสารภาพว่าเขาได้ปล้นฆ่าที่ไหนมาบ้าง แล้วเสือผาดก็คุยกับหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินจึงถือโอกาสพูดเทศนาสั่งสอน โดยไม่ต้องติดกัณฑ์เทศน์ว่า
"เสือผาดนี้ก็เหมือนคนที่ขุดบ่อ ยิ่งขุดก็ยิ่งลงลึกลงไปทุกที ตัวก็จงลงไปทุกที หนักเข้าก็ลึกจนขึ้นไม่ได้ ได้แก่คนที่ทำบาปกรรมไว้ เป็นที่เกลียดกลัวของมหาชน และเป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ ทางที่ดีควรจะหยุดขุดบ่อฝังตัวเอง นานเข้าความชั่วที่ทำไว้ก็จะลืมเลือนไป จากความเกลียดกลัวของประชาชน ก็จะกลายเป็นคนดีได้อย่างสนิทเหมือนบ่อที่ขุดไว้ นานปี ธรรมชาติก็ช่วยกลบเกลื่อนให้หลุมตื้นขึ้นเป็นชั้นเสมอกับพื้นดินเดิม"

"เสือผาดก็เป็นคนไทย นับถือพระพุทธศาสนา ตัวเสือผาดเองก็มีคุณพระแขวนคอ คุ้มตัว จนคนทั่วไปเรียกชื่อว่า "คุณพระ" ขึ้นชื่อว่าเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่นเป็นบาป จงสลัดบาปออกเสีย หันมาทำดี ก็จะเป็นโอกาสอันดี เจ้าหน้าที่เขาก็จะผ่อนผันโทษหนักให้เป็นเบาได้"

เสือผาดก็รับคำว่า จะขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่เขายังมีภาระรุงรังอยู่ขอไปจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน
เมื่อคุยกันถึงเรื่องธุระเสร็จแล้ว พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ซึ่งเป็นผู้สนใจทางพระเครื่องอยู่ ก็คุยถึงเรื่องพระเครื่อง ต่างคนต่างนำออกอวดกัน เสือผาดก็ควักออกมาอวดบ้าง

"พระเครื่องของผมก็ศักดิ์สิทธิ์นักเคยเข้าตาจนมาแล้วหลายครั้ง อาราธนาพระองค์นี้ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยมาทุกครั้ง พระองค์นี้ไม่ใช่อยู่ยงคงกะพันอย่างเดียว ยังใช้ในทางแคล้วคลาด และกำบังตัวได้ด้วย เวลาทิ้งพระองค์นี้ลงไปในน้ำที่ขุ่น น้ำตรงนั้นจะเกิดช่องว่างใสเป็นทางลงไป จนถึงดินที่พระองค์นั้นนอนอยู่ทีเดียว"
เสือผาดย้ำว่า
"จะทดลองเดี๋ยวนี้ก็ได้"
พระเครื่องดินเผาองค์นั้น เป็นพระเครื่องของหลวงพ่อรุ่งอาจารย์ของหลวงพ่อเงิน ซึ่งหลวงพ่อเงินก็มีติดตัวอยู่องค์หนึ่ง คราวเดินธุดงค์ก็นำติดตัวไป

หลวงพ่อรุ่งองค์นี้ บวชอยู่วัดดอนยายหอม มีชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ขลัง ไม่ได้เป็นสมภารเจ้าวัดอะไร ชอบทางวิทยาคม มีคนยกย่องว่าเก่งทางคาถาอาคม ชอบไปทางเวทย์มนต์คาถา มีเครื่องมือในการทำเครื่องรางของขลังพร้อม เหล็กสัก เหล็กจาร หลอดไม้รวก สำหรับลงตะกรุด ลูกอม สักให้แล้วก็ทดลองใช้มีดดาบฟันทันที หลวงพ่อรุ่งเก่งอีกทางหนึ่งคือให้หวย เมื่อหลวงพ่อเงินบวชใหม่ ๆ เคยให้หลวงพ่อเงินไปช่วยนั่งบริกรรมปลุกเสกพระ และเครื่องรางในโบสถ์

ในชีวิตของหลวงพ่อรุ่ง ได้ทำพระดินเผาไว้ประมาณ 10 องค์ เป็นดินเผาสีแดง ที่เสือผาดใช้เป็นพระเครื่องรางคุ้มตัวอยู่นั้นองค์หนึ่ง และมีที่หลวงพ่อเงินอีกองค์หนึ่ง เสือผาดมีอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อเงิน จึงมาเคารพนับถือหลวงพ่อเงินเป็นครูอาจารย์อีกองค์หนึ่ง

แต่ดูเหมือนเสือผาดจะเสียสัตย์ที่ได้ลั่นวาจาไว้ต่อหน้าหลวงพ่อเงินว่าจะมอบตัว แต่ไม่ยอมมอบตัว จึงได้จบชีวิตลงที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่งในเวลาต่อมา โดยยิงตัวเองตายในที่ทุ่งนา แล้วตำรวจก็ตัดหัวมาเสียบประจานไว้ข้างองค์พระปฐมเจดีย์ วันนั้นข้าพเจ้าได้ข่าวจึงรีบเดินทางไปดู ได้เห็นหัวเสือผาดถูกตัดแค่คอเสียบไว้ เหมือนหัวโขน หรือหัวละคร หลังโรงหนัง โรงละคร

ถึงแม้ว่าชีวิตของเสือผาด จะไม่ได้ทำคุณงามความดีไว้ให้แก่ใคร นอกจากให้ความคุ้มครองป้องกันพรรคพวกของตัวไว้ไม่ให้ใครข่มเหงรังแก เสือผาดก็ฆ่าแก้แค้นให้ทันทีทันควัน ก็ดูเหมือนว่ามีคุณงามความดีอยู่แค่นั้น
แต่สิ่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครนึกถึงเลย ก็คือ เสือผาดได้สร้างคุณงามความดีให้แก่ตำรวจทางอ้อม หลังจากเสือผาดตายแล้ว ตำรวจที่ไปล้อมจับคราวนั้น ที่เคยปากสั่น ขาสั่น มิ่งขวัญหายเพราะกลัวตายก็กลายเป็นผู้กล้าหาญไปทั่วหน้า พบหน้าใครก็คุยเขื่องเรื่องปราบโจรปล้นคุ้งพยอมล้อมจับเสือผาด บ้างก็คุยว่าเสือผาดตายเพราะลูกปืนจากปากกระบอกของตน หลายคนได้เลื่อนยศกันคราวนั้น แม้แต่ พ.ต.ท.ประชา บูรณะธนิต ก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็น พันตำรวจเอก ในคราวนั้นด้วย คงจะพอกล่าวได้ว่า เสือผาดสร้างคุณงามความดีไว้ให้แก่ตำรวจทางอ้อม

และเรื่องเสือผาด ทับสายทอง มีชื่อหลวงพ่อเงินเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วยโดยทางตำรวจขอร้องให้ท่านเป็นสื่อ เป็นประธานในการนัดพบพูดจากันกับเสือร้าย 7 จังหวัด ชื่อ ผาด ทับสายทอง หรือที่มีสมญานามด้วยความเกรงกลัวว่า "คุณพระ"
สมัยเสือผาด ทับสายทอง มีชีวิตอยู่ ไม่มีใครกล้าออกชื่อเสือผาดเรียกกันว่า "คุณพระ"

ส่วนข้าพเจ้าไม่ค่อยกลัวเสือผาด ทับสายทอง เพราะข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของของหลวงตาปาน ทับสายทอง วัดห้วยจระเข้ ซึ่งเป็นอาของเสือผาด ทับสายทอง แล้วยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเขาไม่อยากใช้นามสกุลทับสายทอง ข้าพเจ้าจึงตั้งนามสกุลให้ว่า "มิ่งมนตรี" เพราะพ่อเขาชื่อ มิ่ง ทับสายทอง


15
ขอบคุณนะครับ สําหรับ คําตอบ :001:

16
รบกวน เพื่อนๆพี่ ทุกคน ช่วยตอบหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

17
ลักษณะ เป็นเชือกสีเขียวๆอยู่ ทั่งซ้ายและขว้า ตรงกลางเป็นหนังเสือ อยู่ในหลอด ข้างในเป็นเป็นตะกรุด ราคา1000 อยากทราบว่ารุ่นนี้ทันหลวงพ่อปลุกเสกไหม เช่าใน กุฎิหลวงพ่อ ครับ

หน้า: [1]