แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ~เสน่ห์เอ~

หน้า: [1]
5
กติกาคือให้ท่านสามชิกค้นหาชื่อว่านที่มีคำว่าเสือแล้วก็คำว่าหนุมานหรือลิงมาให้มากที่สุดแต่เน้นนะครับว่าต้องเป็นว่านที่มีตัวตนและหาได้จริงๆไม่ใช่ในนิยายหรือตำนาน....
คำตัดสินจะถือเอาผู้ที่ตอบจำนวนชื่อว่านมากที่สุดแล้วก็ตอบเร็วที่สุดเพื่อที่ป้องกันการตอบชื่อซ้ำกัน
ส่วนของรางวัลจะโพสอีกทีในวันอาทิตย์หน้าครับรับรองว่าเป็นของที่เก่าแล้วก็ทันหลวงปู่ครับ....ถ้าท่านที่ชนะในครั้งนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของรางวัลจะถึงมือท่านโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ

6
หัวข้อนี้ได้ถูกย้ายไปบอร์ด ผู้ดูแลบอร์ด.

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=30004.0
ขอย้ายนะครับถ้ามีอีกครั้ง แบน สถานเดียว

7
ทำบุญโต๊ะจีนเลี้ยงพระวันที่12สิงหาคม1โต๊ะ รับ1องค์ 1500บาท มี 79 องค์สำหรับโต๊ะจีน.





ติดต่อร่วมบุญครั้งนี้ได้ที่ พระอาจารย์ อภิญญา   แล้วก็ที่กระผมครับ

8
21มีนาคมนี้
 

14
เพื่อเป็นวิทยานทานครับ

15
ตามนั้นเลยครับ




17
รูปภาพและวีดีโอสายวัดบางพระ / 2520
« เมื่อ: 25 ก.พ. 2555, 02:16:32 »


เพิ่งได้มาครับ

18


ขอขอบคุณ พี่ตี๋ มา ณ.โอกาศนี้ด้วยครับ

19


เริ่มตั้งปรัมพิธีกันแล้วครับ

22
ทักทายและติดต่อกับท่านอาจารย์ได้ที่www.facebook.com\nuadyookong

23
คณะศิษย์หลวงพ่อเปิ่น190,000 บาท
ขออนุโมทนามา ณ โอกาศนี้ครับ

ยอดรวมกฐินวัดนก ปีนี้ ประมาณ 600,000.-

24
coming soon............

27
พี่ยุทธ ดอนเมือง(ศิษย์หลวงปู่มีวัดมารวิชัย) ติดต่อผม เอ บางแคด่วนครับ 087-5522998
ขอบคุณมากครับ

28
พิธีเริ่มประมาณ7.30 น.
ปีนี้ค่าครูฝังเข็มทอง500ครับ
แล้วเจอกันครับพี่น้อง
รายละเอียด
http://www.watbangwaek.com/news/detail.asp?id=894

29
ยอดรวมผู้ร่วมทำบุญวันที่12   92,734.75 บาท
ยอดรวมสายพี่ต้อม(สุวรรณภูมิ) 41,379.00บาท
รวม134,113.75 บาท

30
องค์จำลองพระครูสุภัทรคุณ(หลวงปู่พวง) วัดตะโน ซอย จรัญฯ13 ในวันที่13สิงหาคม2554 เวลา 15:00น.

33


สำหรับผู้ที่มีจิตรศรัทธาร่วมทำบุญ 800 บาทรับล็อคเก็ตฉันภัตตาหาร 1 องค์ครับ




34
คนเราเกิดมาไม่เห็นมีอะไรดี มีดีอยู่อย่างเดียว คือ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติภาวนาคือ มองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของชั่วคราว มีแต่ปัญหามีแต่ทุกข์ แล้วก็เสื่อม พังสลายไปในที่สุด

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร(การเวียนว่ายตายเกิด) ทั้งหลาย ถ้าท่านต้องการพ้นภัยจากการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านควรมีคุณธรรม 6 ประการนี้ไว้เป็นประจำจิตประจำใจ ทุกท่านย่อมจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ถึงความสุขใจอย่างยอดเยี่ยม

คุณ 6 ประการนั้นคือ

1. ข่มจิตในเวลาที่ควรข่ม
2. ประคับประคองจิตในยามที่ควรประคับประคอง
3. ทำจิตให้ร่าเริงในยามที่ควรร่าเริง
4. ทำจิตวางเฉยในยามที่ควรวางเฉย
5. มีจิตน้อมไปในอริยมรรค อริยผลอันประณีตสูงสุด
6. มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพานเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต

ผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถฉลาดย่อมจะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์ของตนให้เข้าใจ และรู้จักวิธีกำหนดปล่อยวางหรือควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้ได้ เปรียบเสมือนเวลาที่เราขับรถยนต์ จะต้องศึกษาให้เข้าถึงวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งควรเร่ง บางคราวควรผ่อน บางทีก็ต้องหยุดเร่งในเวลาที่ควรเร่ง ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน หยุดในเวลาที่ควรหยุด ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย

ข้อสำคัญที่สุดของการปฏิบัติคือ ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้ เวลาใกล้จะตายมันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เหมือนคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละก็จมตายไปเปล่า ๆ ถ้าใน 1 วันนี้ไม่ปฏิบัติภาวนาวันนั้นขาดทุนเสียหายหลายล้านบาท

จงมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่า คนสัตว์สิ่งของ เงิน ทอง ลาภ ยศ นินทา สรรเสริญ เป็นของโกหกของสมมุติ ภาพมายาทั้งนั้น ทุกอย่างไม่ใช่ของจริงเป็นของหลอกลวงที่คนไม่ฉลาดต่างพากันหลงใหลกับสิ่งของสมมุติของโกหก ไม่ว่าอารมณ์ดี อารมณ์ร้าย ก็ไม่ใช่ของเราจริงผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกข์ทั้งหลายเกิดจากเหตุ(คือ ความไม่รู้ ความอยากได้) ถ้าต้องการดับทุกข์ ต้องดับเหตุก่อน คือ ให้รู้ว่าทั้ง 3 โลก เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงเป็นโทษเป็นทุกข์เป็นปัญหา และสูญสลายตายกันในที่สุด ถ้าเรามีญาณก็จะรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเราไม่มีการบังเอิญเลย

ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมพิจารณาร่างกายคนสัตว์ในโลกว่าน่าเกลียดน่ากลัว เป็นทุกข์เป็นโทษเป็นภาระต้องดูแลอย่างหนัก เน่าเหม็นแตกสลายตายไปกันหมด ผู้ที่มีศรัทธาแท้คือผู้ที่เชื่อและยอมรับ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแทนที่จะเอาความโลภ ความโกรธ ความหลงมาเป็นที่พึ่ง ผู้ปฏิบัติตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ ให้ขยันภาวนา แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงจะน้อยลงและหมดไป

ผู้ปฏิบัติต้องหมั่นตามดูจิต รักษาจิต ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และ ไม่สภาพของจิตตามเป็นจริง ถ้าทำจิตให้ดิ่งแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว โดยเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายตายหมดสิ้นแล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของจิตตามเป็นจริง ได้ว่าอะไรเป็นจิต อะไรเป็นกิเลส อะไรควรรักษา อะไรควรละทิ้งออกจากจิต ไม่ควรใส่ใจสนใจเรื่องของผู้อื่น ควรตั้งใจตรวจสำรวจดูจิตของเราเองว่ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง คิดว่าร่างกายนี้ยังเป็นของจิตหรือไม่ ตามความเป็นจริงแล้ว จิตกับกายไม่ใช่อันเดียวกัน เพียงแต่มาอาศัยกันชั่วคราวเท่านั้น

อารมณ์วางเฉยมี 3 อย่าง

1. วางเฉยแบบหยาบ คือ อารมณ์ปุถุชนที่เฉย ๆ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว ซึ่งมีเป็นครั้งคราวเท่านั้น

2. วางเฉยแบบกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา มีความรู้ตัว มีความสงบของจิต วางอารมณ์จากความดี ความชั่ว สุข ๆ ทุกข์ ๆ ใด ๆ ในโลกีย์วิสัย เฉยบ่อยมากขึ้น

3. วางเฉยแบบละเอียด คือ อารมณ์ของพระอริยเจ้า พระอรหันต์ ซึ่งไม่มีอารมณ์สุขหรือทุกข์ ดีหรือชั่ว ดีใจปนเสียใจ วิตกกังวลฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มี ไม่คิดปรุงแต่งไปในอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีความวางเฉยในร่างกายของท่านเอง จะเจ็บปวดทรมาน จิตท่านนิ่งเฉยอยู่ในจิตของท่านว่าจิตส่วนจิต กายเป็นเพียงของสมมุติของชั่วคราว ตายเมื่อไร ท่านก็พร้อมที่จะทิ้งรูปนามขันธ์ เสวยวิมุติสุขแดนอมตะทิพย์นิพพานติดตามองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ของดีนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ของดีนั้นอยู่ที่จิตของท่านทุกท่าน ของไม่ดีอยู่ที่ร่างกาย

จิตมี 3 ขั้น ตรี โท เอก

ถ้าตรีก็ต่ำหน่อย ยังวุ่นวายเป็นทุกข์กับเรื่องของโลก

ขั้นโท ก็มีศีลครบ มีเมตตา ทำบุญทำทาน

ขั้นเอกนี่ ดีมาก จิตก็มองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์ สัตว์ นรก เป็นทุกข์ มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แล้วก็ตายสลายผุพังไปกันหมดสิ้น ตัวอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ของตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับเอาไว้ให้คงที่ก็ไม่ได้ ตัวนี้แหละเป็นตัวเอก ไล่ไปไล่มา ให้มันเห็นร่างกายคนเรา ตายแน่ ๆ

คนเราหนีตายไม่พ้น แม้เพียงวันเดียว

1. ตายน้อย ก็คือ นอนหลับทุกคืน หลับชั่วคราว คือ ตายทุกคืน ตื่นตอนเช้า

2. ตายใหญ่ ก็คือ นอนหลับตลอดกาล แต่จิตไปตื่นตรงที่มีกายใหม่ มีกายใหม่ที่อื่นเป็นกายผี กายสัตว์ กายเทวดา กายพรหม แล้วแต่ผลบุญหรือผลบาปที่ทำไว้ตอนเป็นคน

ขอขอบพระคุณแหล่งที่มาของข้อมูล http://www.diaryclub.com/

35

36
วันอาทิตย์ที่21สิงหาคม2554นี้เวลา9.00นขอเชิญร่วมพิธีไหว้ครูสายเข็มทองหลวงพ่อพิมมาลัย โดยพระอาจารย์หนุ่ม ณ.วัดบางแวก ซ.จรัญฯ13 บางกอกใหญ่ กทม

38
ขอขอบพระคุณ  คุณเซียน (ผู้จัดการ บ.ทรีดริฟเคเบิ้ลทีวี)
   ที่มีความเมตตาให้นำวิดิโอประชาสัมพันธ์ พิธีไหว้ครู ของวัดบางพระเราออกอากาศจนถึงวันงานครับ....
ที่ขาดไม่ได้ต้องขอบคุณน้องปูผู้เป็นธุระดำเนินและประสานงานให้เสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
                                                          ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=l0WjN1c9H4s

39
 วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พศ 2554 นี้
วัตถุประสงค์  1.ซ่อมแซมเสนาสนะสงฆ์วัดบางพระ
                 2.สมทบทุนสร้าง อุโบสถ วัดโพธิ์เผือก  ทุ่งมะขามหย่อง อยุธยา
                 3.สมทบทุนทำบุญอุทิศส่วนกุศล ถวาย หลวงพ่อเปิ่น ประจำปี   2554

    ขอเดชานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศลที่เกิดจากการบริจาคในครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวผู้บริจาค ประสบแต่ความสุขความเจริญ ตลอดกาลนาน

ปล.จะอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมให้เป็นระยะๆนะครับ ขอบคุณครับ

41
      หลวงพี่หนึ่งท่านได้ฝากข่าวบอกบุญมาว่า เนื่องด้วยในวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคมนี้ ท่านจะจัดผ้าป่าสบทบทุนสร้างสถูปเจดีย์เก็บพระธาตุณ.ภูถ้ำพระที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ จึงขอเรียนเชิญ ศิษยานุศิษย์ร่วมบุญกันในครั้งนี้

รายละเอียด.......มีดังนี้
                                ทางอาจารย์หวอและคุณเสน่ห์ทอมได้จัดทำเหรียญหลวงพ่อทอง(วัดราชโยธา)ไว้แจกสำหรับผู้ร่วมสบทบทุนเป็นกรรมการ(100บาท)แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเหรียญจึงยังทำไม่แล้วเสร็จฉะนั้นจึงขอเลื่อนไปแจกหลังจากที่งานเสร็จแล้ว..........

วิธีการร่วมทำบุญคือให้โอนผ่านบัญชีของผมแล้วจะจัดส่งไปทางหลวงพี่หนึ่งอีกทีพร้อมกับชื่อที่อยู่ในการจัดส่งเหรียญ

นาย นรา มังคล้าย ธนาคารกรุงไทย สาขาหนองแขม 191-121-2982 ออมทรัพย์
จะร่วมทำบุญเท่าไรก็ได้ครับโอนแล้วแจ้งวัน-เวลา-จำนวนเงินที่โอนมาที่กระทู้นี้ได้เลย

ภายในวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคมนี้เท่านั้นครับ
                                                    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
                                                               เอบางแค
                        

42

















ขอกราบขอบพระคุณหลวงพี่ญาที่ได้มอบภาพวันวานมาให้ได้ย้อนอดีตกัน ครับ :054:

44
ขอกราบขอบพระคุณหลวงพี่ญาที่เอื้อเฟื้อภาพมา ณ โอกาศนี้ด้วยครับ







45
                                        วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553 นี้....  
  ขอเชิญร่วมงานทอดกฐิน ณ.วัดนก  ซอยจรัญฯ13  จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
                                                 ขอบคุณครับ


http://www.ichat.in.th/watnok/
เวบบอร์ดวัดนกครับเชิญเยี่ยมชม

48
 สุขสันต์วันเกิดครับพี่เจมส์(ฅนรักษ์พระ)สุดหล่อแห่งเวบวัดพระขอให้พี่สุขภาพแข็งแรงมีแฟนเยอะๆครับพี่^^
HBD to YOU

49
12สิงหาคม2553  กำหนดการดังนี้

10.30 น.  พระเถราจารย์ 10 รูปเจริญพระพุทธมนต์

11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุสงฆ์ประมาณ 100 รูป

เสร็จแล้วร่วมอนุโมทนาเป็นอันเสร็จพิธี


ขอเชิญท่านที่มีความประสงค์จะร่วมเป็นเจ้าภาพ ถวายโต๊ะจีนและย่ามแก่พระภิกษุสงฆ์ ร่วมทำบุญได้

โต๊ะจีน - โต๊ะละ 1,000 บาท

ย่าม - ใบละ 500 บาท

สำหรับเจ้าภาพโต๊ะจีนมีจะมีของที่ระลึกมอบให้ ดังรูปนี้

ของที่ระลึกสำหรับเจ้าภาพโต๊ะจีนครับ






สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาต้องการร่วมทำบุญ สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์

ได้ที่ พระอาจารย์ต้อย พระอาจารย์ติ่ง  พระอาจารย์ญา

หรือจะติดต่อผ่านทางท่านโองการยันนะรังสี และผม~เสน่ห์เอ~(เอบางแค)ก็ได้ครับ

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

เอ...บางแค

50
สวัสดีครับพี่น้องชาวเว็บบอร์ดวัดบางพระ
                   
นานๆทีจะมีประสบการณ์วิญญาณมาเล่าสู่กันฟังกับเขาบ้างธรรมดาก็เป็นคนไม่กลัวผีหรอกนะครับ(ไม่กลัวแต่ไม่ว่างเจอ)
เริ่มเรื่องเลยนะครับเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา(9เมษายน)เลิกงานแล้วก็นั่งคุยอยู่กับคุณเสน่ห์ทีแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้เลยลองชวนกันเล่นๆว่าขี่มอไซด์ไปชะอำกันดีกว่าว่างๆด้วยเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากลับคุณทีก็ตอบตกลงเลย.."เอเอาไงผมก็เอาอย่างงั้น"....ทีก็เอารถไปจอดที่บ้านผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางเวลาประมาณสี่ทุ่มสิบห้า ไปตามเส้นทางเพชรเกษมแล้วเลี้ยวเข้าสายสี่ตัดใหม่มุ่งหน้าสมุทรสาครไปจนถึงวัดนาขวางแวะกราบไหว้ศาลเสด็จเตี่ย(กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์)กันก็เริ่มเจอเหตุการณ์แปลกๆเลยครับพอไหว้เสร็จหันหลังออกมาจากศาลก็เจอเข้ากับผู้หญิงอายุคงประมาณซัก25-30ได้แต่ไม่รู้ว่าแกเดินมาจากไหนก็พูดขึ้นเบาๆว่า.."พี่ข้ามไปฝั่งนู้นไหม"ความหมายของเขาก็คือฝั่งขาเข้ากรุงเทพผมก็บอกว่า"ไม่ครับผมจะไปชะอำกันแกก็บอกว่าค่ะๆไม่เป็นไร  ก็ออกเดินทางกันต่อครับถึงซักประมาณอ.อัมพวาได้ก็เห็นป้าย บอกว่้า ไปหาดชะอำ หาดเจ้าสำราญ หาดปึกเตียน ก็นึกอยู่ในใจคงต้องเป็นเส้นทางลัดใหม่แน่ๆเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสองจิตสองใจครับเอาไงดีจะถามความเห็นจากคุณทีก็...ไม่ถามดีกว่า่-*-สรุปวัดดวงครับไปตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆซัก20-30กิโลได้ทางจากทีเคยสว่างๆก็ค่อยๆมืดลงๆจนถึงกับไม่มีแสงไฟเลยนอกจากไฟหน้ารถเท่านั้นผ่านนาเกลือนานๆทีจะมีบ้านคนซักหลังเงียบและเปลี่ยวมากครับ       ทีนี้เหตุการณ์แปลกๆชวนขนหัวลุกก็ได้เริ่มขึ้น ณ.ตรงจุดนี้นี่เองคือพอเลยวัดๆนึงมา(ไม่มีชื่อบอกวัดด้วย)ติดไฟสีๆเยอะแยะเลยเหมือนกับจะมีงานวัดแต่ที่แปลกก็คือไม่มีคนไม่มีพระเลยซักองค์ผมก็นึกเข้าข้างตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะดึกแล้วเกือบตี1เห็นจะได้ก็ไม่ได้คิดอะไรผ่านวัดมาซัก5นาทีก็เริ่มค่อยๆมืดอีกแล้ว..ผมก็ตกใจสุดขีด!!!เมื่อมีแมวดำตัดหน้ารถผมในระยะกระชั้นชิดคุณทีนี่สะดุ้งสุดตัวเลยครับ...ยังไม่ทันหายตกใจก็มีรถมอเตอร์ไซด์ขับอยู่ข้างหน้า(ซึ่งไม่รู้ว่าออกมาจากตรงไหน)ผมก็เร่งเครื่องแซงขึ้นไปพอตอนแซงนี่ละครับแปลกๆผิดวิสัยของมนุษย์ทั่วไปคือคนขี่เขาขี่แบบทื่อๆครับไม่สนใจอะไรเลยหน้าผมแกก็ไม่มองซึ่งปกติแล้วถ้าเป็นเราๆท่านๆอยู่ในตอนนั้นก็คงต้องหันมามองบ้างละ.....อะผ่านไปผมเริ่มรู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูกแล้วครับคุณทีก็นั่งนิ่งเลยเสียงที่เคยคุยกันอย่างสนุกสานาเมื่อตอนก่อนเข้ามาเงียบกริบพาให้บรรยากาศมาคุยิ่งขึ้นผมเริ่มเร่งเครื่องจนเข็มไมล์ไปแตะที่120 แล้วถึงทางแยกสามแพร่งผมก็เบาคันเร่งลงตรงนี้ละครับจุดไคล์แมกซ์ของเรื่องนี้คือตรงทางแยกจะมีคลองคล้ายๆกับคลองชลประทานมีสะพานข้ามคลองอยู่ผมมองไปด้วยหางตาสิ่งที่ผมเห็นตรงตีนสะพานก็คือมีรถมอไซด์จอดอยู่แล้วก็มีคนนอนอยู่ข้างๆด้วยเสื้อเขาคล้ายกับเลอะอะไรเต็มไปหมดเลยผมก็ไม่กล้ามองแล้วครับได้แต่นึกในใจตี1กว่าแล้วใครมันมานอนตรงนั้นอะเร็วเท่าความคิดครับมีสิ่งหนึ่งลอยมาชนหัวไหล่ด้านซ้ายผมอย่างเต็มแรงในตอนแรกนึกว่านกแต่น้ำหนักที่ชนนั้นถ้าเป็นนกก็คงพวกนกอีกาละครับเพราะมันใหญ่มากผมไม่ได้พูดอะไรกับคุณทีได้แค่มองหน้ากันแล้วก็บิดสุดชีวิตเลย..จนออกมาถึงถนนใหญ่รีบแวะปั๊มทันทีรู้สึกว่าจะเป็นปั๊มป.ต.ท ทีมีเท่งตัวใหญ่ๆอยู่หน้าปั๊มเข้าไปกินข้าวแกงกันคุยกับคุณทีไปด้วยทีบอกว่าสิ่งที่มาชนผมไม่ใช่นกครับเพราะว่ามันขึ้นมาจากพื้นไม่ใช่มาจากด้านบนคล้ายๆผ้าเพราะว่าคุณทีเค้าดูอยู่ตลอดกินข้าวกันเสร็จก็ไปคุยกับคุณลุงเจ้าของร้านก็เล่าให้ลุงเค้าฟังว่าเจออะไรแปลกๆลุงแกก็ยิ้ม(หึหึ)แต่ไม่ได้บอกอะไรบอกแต่เพียงว่า"ทางนั้นกลางวันยังไม่อยากใช้เลย"   -*-
   ทีนี้ถึงหาดชะอำกันคุณทีก็ซื้อเครื่องดื่มไปนั่งอยู่ริมหาดคุยกันไปต่างๆนาๆประมาณตี4ก็กลับกันครับพอสตารทรถเท่านั้นละรู้เลยงานเข้า......รถเสียครับมันกระตุกๆแล้วก็ดับเซ็งเลยทีนี้ดึกป่านนี้ร้านที่ไหนจะเปิดวัดดวงเลยขี่มันทั้งกระตุกๆอย่างนั้นละทุลักทุเลมากกว่าจะถึงบ้าน.......ส่งร้านซ่อมเลย......โทรไปหาคุณทีก็บอกว่าเอผมไม่ไหวแล้วลัามากเลยขอนอนก่อนนะ
                                              เรื่องก็มีแค่นี้ละครับ..........เอ บางแค



51
วันที่14เมษายน2553
นี้ครอบเศียรครูโดยหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุธไธสวรรค์(สะกดผิดประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ เอ บางแค) ขอบคุณครับ

54
สุริยะปะริตตะปาโฐ(ย่อ)
กินนุ สันตะระมาโน วะ  ราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติฯ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะคาถาภิคีโตม์หิ  โนเจมุญเจยยะ สุริยันติฯ
 ถ้าสวดจันทะปะริตตะปาโฐ(ย่อ)ให้เปลี่ยนสุริยังเป็นจันทังเปลี่ยนสุริยันติเป็นจันทิมันติ

56
๕. ห้ามตั้งกระทู้ใดๆ ที่มีข้อความ เนื้อหาซ้ำๆ กัน หลายๆ กระทู้ และหรือตอบกระทู้ ที่เข้าข่ายการปั่น การปั๊ม หรือขุดกระทู้เก่าๆขึ้นมาตอบโดยไม่มีเหตุจำเป็น(กระทู้ที่ไม่มีการตอบข้อ ความ มามากกว่า ๑๒๐ วัน)(ปรับปรุง: ๑๐ ส.ค. ๕๒)



เห็นขุดมากันจังเลยครับสองสามปีที่แล้วก็มี :069:

57


จี๊ดๆเลยขอบพระคุณหลวงพี่มาร์คครับผม

59
ขอกราบขอบพระคุณหลวงพี่ญาที่เมตตามอบให้มาครับ

60
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 5ตุลาคม2552
« เมื่อ: 06 ต.ค. 2552, 01:16:42 »
ปลุกเสกวันนี้ที่กุฎิหลวงพี่ญาครับ


64


พอดีไปดูในกระทู้เก่าๆอ่ะครับเห็นน้องเขาหายไปเลย......มีอะไรไม่สบายใจกับการใช้บอร์ดของวัดบางพระเราหรือปล่าวครับ
อัดอั้นตันใจหรือไม่สบายใจอะไรก็บอกมาทางผู้ดูแลได้น่ะครับ...
ด้วยความเป็นห่วง

65


ต้องขอขอบคุณหนังสือภควาฉบับที่63ประจำเดือนพฤษภาคม2552มาณ.โอกาศนี้ด้วยที่ช่วยประชาสัมพันธ์งานของหลวงปู่ในวันที่30มิถุนายนนี้

มีจำหน่ายแล้วที่

66


หลวงพี่ญารับมอบ "พระเจ้าตากสิน" จากหลวงพี่ต้อมเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือก ทุ่งมะขามหย่อม จ.อยุธยา



หลวงพี่ญาและหลวงพี่ต้อม ตรวจเยี่ยมร้านอาหารที่มาช่วยงาน



หลวงพี่ญารับประเคนจากเจ้าของร้านผู้ใจดี....เปี่ยมบุญ



หลวงพี่ญาครอบเศียรครูให้ ผู้การเสือ



หลวงพ่อหวล วัดพุทธไธสวรรค์ เจ้าตำรับเหล็กไหลครอบเศียรฤาษีให้ผู้การเสือ

69
สวัสดีปีใหม่ครับพี่น้อง.......
มีของขวัญมาแจกครับเป็นพระหลวงพ่อรุ่นมั่งมีศรีสุขสำหรับพี่น้องในเวปไซด์วัดบางพระ.....กฎิกาง่ายมากแค่บอกแนะนำตัวเองว่าใช้ชื่ออะไรในเวปนี้แล้วก็รับพระได้เลยมารับได้ทุกวันอาทิตย์ที่หน้ากุฎิหลวงพี่ญา..ผมจะแจกเองเลยครับทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไปจนกว่าของจะหมดรีบหน่อยน่ะครับของมีจำนวนจำกัด
 ต้องขอขอบพระคุณหลวงพี่ญาทีได้มอบพระมาณ.โอกาศนี้ด้วยครับ



70
เป็นใครดูกันเอาเองครับ

[youtube=425,350]v/Rn2VsmOH2qQ[/youtube]

71
ตามที่ผมได้ลงประกาศแจกรูปหลวงปู่เมื่อคราวที่แล้วนั้นมา ณ.บัดนี้ได้ทำการแจกหมดลงแล้วครับจึงแจ้งให้สมาชิกทราบทั่วกัน...ถ้ามีโครงการดีๆเช่นนี้จะแจ้งให้ทราบทันทีครับ
ขอขอบพระคุณ หลวงพี่ญาที่ได้มอบผ้าจีวรหลวงปู่มาแปะหลังรูปและพี่เล้งที่นำรูปมาให้
   เอบางแค

72
เชิญบูชาองค์กุมารทองเพื่อร่วมสมทบทุนสร้างรูปหล่อหลวงปู่หิ่มครับ

เนิ้อทองแดงบูชาองค์ล่ะ150 บาท




ชุบทององค์ล่ะ350บาท


73
ท่านที่อยู่จังหัวดจันทรบุรีท่านใดที่ส่งจดหมายมาขอรูปหลวงปู่ที่ผมรบกวนช่วยส่งมาอีกครั้งครับเพราะว่าผมทำกระเป๋าหายจดหมายของท่านก็อยู่ในนั้นด้วย
                          เอ บางแค

74
หลวงพ่อไสว  วัดปรีดาราม























76
                  ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่นทุกท่าน
     ร่วมปฏิบัติธรรม เจริญพุทธมนต์สวดนพเคราะห์ในวันจันทร์ที่31ธันวาคม2550
                กำหนดเวลา
     8.30 น.เริ่มปฎิบัติธรรม เป็นต้นไป
     21.00 น.จนถึงเวลา24.00นเจริญพุทธมนต์ สวดนพเคราะห์

78
เป็นพระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ครับพอดีผ่านไปวัดนกมาวันนี้เหลือบไปเห็นเลยมาเล่าสู่ให้พี่น้องชาวบอร์ดฟัง พิธีดีมากเลยครับสร้างโดยถือเอาฤกษ์วันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา5ธันวาคม2537เวลา9.19น.เป็นวันประกอบพิธีเททองสร้างโดยหลวงปู่เป็นผู้เททองสร้างด้วยตนเองอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว8เมษายน2538บรรจุเกษาหลวงปู่ ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์ครับมีเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวะโลหะแก่ทองคำ เนื้อทองดอกบวบแต่ตอนนี้ที่วัดนกเหลือแค่เนื้อทองดอกบวบส่วนเหรียญใบโพธิ์เหลือเนื้อนวะแก่เงินครับ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

79

แข่งเรือ

82
แปะไว้ที่กุฎิเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ นครศรีธรรมราชครับเลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

83
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / 12 August 2007
« เมื่อ: 05 ก.ค. 2550, 09:30:17 »

85
? ? ?วัตถุประสงค์? ? ? สร้างเครื่องมือแพทย์โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น? -? ?พัฒนาพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหลวงพ่อเปิ่น- พํฒนาบ้านพักคนชราหลวงพ่อเปิ่น- สมทบสร้างพระแม่กวนอิมปางค์เสวยสุข
 ทอด? ณ กุฎิหลวงพ่อเปิ่น12 สิงหาคม เวลา 11.59 น? ? ?
? ? ? ? ? ? ? ? ?
? ? ? ? ? ? ?มอบวัตถุมงคลที่ระลึก? ? เจ้าภาพ 1000 บาท มอบ จตุคามหลวงพ่อเปิ่นชุดพิเศษ3 องค์
เจ้าภาพ? 100 บาท มอบ จตุคามหลวงพ่อเปิ่น 1 องค์

ดำเนินงานโดย........ท่านพระอาจารย์ ติ่ง? ท่านพระอาจารย์ต้อย? ท่านพระอาจารย์อภิญญา

ชุดกรรมการ

87
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / อนุโมทนา
« เมื่อ: 13 พ.ค. 2550, 10:44:37 »
ขออนุโมทนากับคุณกุ๋งกิ๋งผู้ใหญ่บ้านคาถาอาคมและลูกบ้านด้วย........ที่ร่วมทำบุญทอดผ่าป่าเป็นจำนวนเงิน? 1300 บาท

http://kataakom.pantown.com      สาธุ

88
มีภาพบางภาพเกิดปาฎิหารย์ขึ้นมา(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)












ประชาชนในพิธีแย่งสายสินกันหลังพิธีเลิก




90
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / VCD
« เมื่อ: 19 เม.ย. 2550, 08:57:29 »
                     ได้จัดส่งไปให้เรียบร้อยแล้วน่ะครับรอรับกันได้เลยทุกท่าน
ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้าเพราะว่าติดสงกรานพอดี

เอ    บางแค

91
เชิญร่วมพิธีเททองสร้างองค์จตุคาม-รามเทพ หน้าตัก29นิ้ว2องค์
พิธีเททองนำฤกษ์(ปฐมฤกษ์) สร้างองค์จตุคาม-รามเทพหน้าตัก9นิ้ว
"รุ่นสมโภชเจดีย์พระบรมธาตุ วัดนก"ซึ่งจะออกให้บูชา  มกราคม 2551และพิธีเททองสร้างระฆังใหญ่80ซ.ม.ไว้ประจำพระมหาเจดีย์พระบรมธาตุ  ณ วัดนก
                       วันเสาร์ที่21กรกฎาคม พศ.2551 เวลา 15.39น.
          พระเดชพระคุณพระราชธรรมสุธี  เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
                  ดร.ไมตรี  บุญสูง  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
         พระครูสุจิตตาภรณ์  เจ้าอาวาสวัดนก  ประธานดำเนินการสร้าง
ขอเชิญสาธุชน    เข้าร่วมพิธีโดยทั่วกันในโอกาสนี้พระเดชพระคุณพระราชธรรมสุธีได้มอบวัตถุมงคลจตุคาม-รามเทพ "รุ่น  ทรัพย์ราชาเทพ"เพื่อหาทุนทรัพย์สร้างองค์จตุคาม-รามเทพและร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ในครั้งนี้ด้วย  อย่าลืม อย่าพลาด

92
? ? ?ขอโทษด้วยครับที่ให้รอกันนาน............เป็นเวอร์ชั่นถ่ายทำกันเองตั้งแต่งานครอบครูหลวงพี่ติ่งยันไปถึงในพิธีไหว้ครูตัดต่อแล้วได้ทั้งหมด2แผ่น
ท่านใดสนใจให้โทรมาหาผมเพื่อจะได้บอกที่อยู่ที่จะจัดส่งไปให้งานนี้ฟรีครับขอเพียงแค่ค่าจัดส่ง50บาท(ซึ่งผมจะส่งไปทางEMSหรือไปรษณีย์ด่วนพิเศษ)
โดยที่ผมจะเปิดโอกาสให้สั่งได้ถึงวันศุกร์นี้ครับแล้วก็จะส่งพร้อมกันทุกท่านในวันจันทร์ที่9เมษายนนี้

Tel.? 084-7021037   089-6984147เอ บางแค

เลขบัญชี นาย  นรา มังคล้าย  ธ.กรุงไทยสาขาหนองแขม 191-1-21298-2

93
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ??เชิญร่วมพิธีเททอง-บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? สร้างพระพุทธบูชาประจำพระชนมวาร-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว? ?? ?? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ประดิษฐานในพระมหาเจดีย์วัดนก
? ? ซอยพณิชยการธนบุรี ถ.จรัญสนิทวงศ์(ซอย13)? แขวงคูหาสวรรค์? เขตภาษีเจริญ?? ? ? ?? ? ? ? ? ?? ? ?กรุงเทพ วันอาทิตย์ที่?25 มีนาคม?พศ 2550เวลา?16.19? น.

? ? ? ? ? ? ?
            โครงการพุทธานุภาพใต้ร่มพุทธบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของวัดนก? ที่กำลังดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์ขนาดกว้าง-ยาว 15เมตร? ?สูง31เมตร 3ชั้น โครงสร้างต่างๆได้สร้างสำเร็จแล้วกำลังตกแต่ง-ติดลวดลาย? ติดกระเบื้องภายในและภายนอก? คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ต้นปี 2551
? ? ? ? ? ?สถูปเจดีย์...เป็นส่วนที่สำคัญยิ่งส่วนหนึ่งของพระมหาเจดีย์? เช่นเดียวกับการสร้างพระประธาน-พระเจ้าห้าพระองค์-สร้างยอดฉัตร-สร้างพระอรหันต์108องค์? ?ประดิษฐานในพระมหาเจดีย์ ซึ่งได้ดำเนินมาตามลำดับ เนื่องจากพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญมา? เป็นของศักดิ์สิทธิ์? เป็นสิ่งที่ควรกราบไหว้สักการะบูชา? การที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานไว้กระจัดกระจาย ย่อมเป็นการไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง? ?ด้วยเหตุผลดังกล่าว? ทางวัดจึงได้ดำเนินการสร้าง สถูปเจดีย์ 8 เหลี่ยม กว้าง1.35 เมตร สูง3.53 เมตร เนื้อทองเหลือง เพื่อรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญมาจากประเทศต่างๆ(5ประเทศ6วัด)รวมทั้งพระเถรานุเถระ? ?และสาธุชนทั้งหลายได้บริจาคถวายไว้เพื่อบรรจุนพระมหาเจดีย์ใหม่? รวมอยู่ในสถูปเดียวกัน บนชั้น3ด้านในโดม? เพื่อสาธุชนชาวพุทธกราบไหว้สักการะบูชาตลอดไปชั่วกาลนาน
? ? ? ? ? ? ?พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร(วันจันทร์)สูง 2.45 เมตร พิมพ์รัตนะทรงเครื่อง เฉลิมพระเกียรติในมหามงคลสมัยที่? พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ80พรรษาในปีพุทธศักราช2550 น้อมเกล้าๆ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน เพื่อทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นหลักชัยของพสกนิกรชาวไทย? ตารบนานเท่านาน...
? ? ? ? ? ? ?ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย? ?ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างสถูปเจดีย์ สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวารคนละเล็กคนละน้อยตามกำลังศรัทธาหรือบริจาคทรัพย์20000 บาททางวัดจะจารึกผู้ที่บริจาคไว้ที่เจดีย์องค์เล็ก 8 เหลี่ยม? กว้าง 39 ซ ม สูง 1.35 เมตร ประดิษฐานไว้บนชั้น3 รอบเจดีย์ใหญ่ จำนวน1 องค์ติดต่อทำบุญได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

? ?ติดต่อสอบถาม/บริจาคทำบุญ ได้ที่วัดนก โทร...02-410-7849,02-410-7755


94
ขอแสดงความเสียใจกับท่านพระอาจารย์นัน.....ที่ท่านได้สูญเสียโยมมารดาไปอย่างไม่มีวันกลับ

หมายเหตุ*สวดพระอภิธรรม ณ วัดห้วยพลูตั้งแต่คืนวัมที่15มีนาคม   
         
               *ฌาปนกิจ 21มีนาคมนี้บ่าย3

95
สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับพี่น้อง......ได้ทำบุญเลี้ยงพระไปเมื่อวันศุกร์ที่16มีนาคมที่ผ่านมา
ขอร่วมอนุโมทนาสาธุด้วยครับ




96
   อุตสาห์นั่งรอกับคุณบางใหญ่อยู่ตั้งนานจนคุณบางใหญ่ก็ร้องจะกลับบ้านท่าเดียวเลยมีมาแค่ไม่กี่คนเองที่เหลือก็เสร็จผมแล้วกันน่ะครับท่านaoอิอิ.....
ปีหน้าฟ้าใหม่เจอกันใหม่ครับพี่น้องขอขอบคุณท่านถึก4ด้วยสำหรับสาลี่สุ1000อร่อยมากครับอร่อยจนผมกินคนเดียวงหมดเลยคุณบางใหญ่มาถึงก็ทวงเลยเสียใจหมดตั้งนานแล้วครับ...
โดยรวมก็แฮปปี้ดีครับสำหรับงานปีนี้....
หมายเหตุ..น้าจันบอกจะมาก็ไม่มาน่ะน้าอีกปีแล้วก็ไม่ได้เจอกาน :053: :053:

97
ใหพี

98
          ฌ.วัดนก พรุ่งนี้เวลาบ่ายโมงเทวาภิเศกส่วนพุทธาภิเศกบ่ายสามครับผมโดยพระเกจิอาจารย์39รูป.........นำโดย หลวงหนุ่ยวัดคอหงษ์ จ.สงขลา

99
ถึง พี่ ๆ เพื่อน ๆ

ถ้ามีโทรศัพท์เข้ามือถือของเรา ขึ้นต้นด้วย " 8223658232 " จำนวนหมายเลขโทรศัพท์ 10 หลัก โชว์ที่หน้าจอมือถือของเรา ห้าม รับเด็ดขาด เนื่องจากเรา ได้เจอกับตัวเองมาแล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 48 เวลา 11.13 น. และ 11.14 น. แต่เรา ไม่ได้รับนะเพราะมัวแต่ทำงาน
 
**แต่เกิดความสงสัยในหมายเลข 10 หลักที่โชว์ที่หน้าจอเราก็เลยติดต่อไปที่ "CAT" สำนักงานใหญ่ พนักงานของ CAT เขาให้เราบอกเบอร์จำนวน 10 หลัก ให้ทราบ และทาง CAT ถามกลับมาว่ารับโทรศัพท์หรือเปล่า ก็เลยตอบไปว่า "ไม่ได้รับ" เขาบอกว่าดีแล้วที่ไม่รับ และไม่ควรรับด้วยถ้าเห็นเบอร์ในลักษณะนี้ "เพราะว่าเป็นโทรศัพท์มาจากประเทศเกาหลี" เป็นหมายเลขที่เรียกเก็บเงินปลายทางซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายถ้าเรารับ และทาง CAT ฝากแจ้งว่าถ้ามีเบอร์ที่ขึ้น **หรือ ## และตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ 10 หลัก ก็ไม่ควรรับฯ และทาง CAT ฝากบอกว่าจะมีทางคนกลุ่มหนึ่งมักจะสุ่มโทรศัพท์มาที่มือถือประเภทเหมาจ่ายซะส่วนใหญ่
 
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ

 

104
ข่าวการกุศล


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีในงาน

? กฐินกตัญญูหลวงปู่มี วัดมารวิชัย?

ณ วัดมารวิชัย อำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา
ในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2549 ( ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ปีจอ )


ด้วยวัดมารวิชัยเป็นวัดเก่าแก่ มีพระครูเกษมคณาภิบาล(หลวงปู่มี) เป็นเจ้าอาวาสปกครองมายาวนาน ท่านมีผลงานในการพัฒนาวัดมากมาย อีกทั้งยังช่วยเหลือและสงเคราะห์ในทางสังคมและชุมชนอีกเหลือคณานับ บัดนี้ท่านได้ละสังขารไปแล้วเหลือไว้ซึ่งคุณงามความดีและความอาลัยรัก จากเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ที่มีต่อท่าน ในปัจจุบันร่างท่านนั้นได้ประดิษฐานชั่วคราวอยู่บนศาลาหอฉัน ส่วนรูปหล่อขนาดท่าองค์จริงนั้นประดิษฐานอยู่ในศาลาข้างโบสถ์ รวมกับรูปหล่อ บูรพาจารย์ ซึ่งไม่สะดวกในการที่เหล่าญาติโยมจะมากราบสักการบูชา ด้วยเหตุนี้ทางวัดและศิษยานุศิษย์จึงเห็นสมควรที่จะจัดสร้าง หมู่ทรงไทย เพื่อประดิษฐาน ร่างพระครูเกษมคณาภิบาล และรวบรวมรูปหล่อของบูรพาจารย์ต่างๆมารวมไว้เป็นที่เดียวกัน เพื่อให้สะดวกในการสักการะกราบไหว้ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทางศาสนาแห่งใหม่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยาด้วย จึงขอเชิญชวนสาธุชน ผู้มีกุศลจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าในครั้งนี้ เพื่อรวบรวมจตุปัจจัยสมทบทุนสร้าง หมู่ทรงไทย ให้สำเร็จลุล่วงต่อไป.

ขออนุโมทนา ในกุศลจิตศรัทธา และขออำนาจพระศรีรัตนตรัย อีกทั้งหลวงปู่มีจงดลบันดาลให้ท่านพร้อมครอบครัว จงเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ จงทุกประการเทอญ
จึงขอเชิญชวนสาธุชน ผู้มีกุศลจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าในครั้งนี้
เพื่อรวบรวมจตุปัจจัยสมทบทุนสร้าง " หมู่ทรงไทย " ให้สำเร็จลุล่วงต่อไป


กำหนดการ
วันอาทิตย์ ที่ 29 ตุลาคม 2549
เวลา 09.00น. - ร่วมตั้งกองผ้าป่าร่วมกัน ณ.วัดมารวิชัย
เวลา 10.00น. ? ทำพิธีทอดกฐิน
เวลา 11.00น. ? ถวายเพลพระ
เวลา 12.00น. - รับประทานอาหารร่วมกัน

105
ได้เฉพาะเครื่องชิมเบี้ยนเวอร์ชั่น6.0แต่ยังไม่รองรับตระกูลN
Click Here..

106
ธรรมะ / เส้นทางกรรม
« เมื่อ: 15 ส.ค. 2549, 03:39:50 »



FWมาอีกทีนึงครับ

107
? ? ? ? ? ? ? ? ขอแสดงความเสียใจ...อย่างสุดซึ้งกับการจากไปของโยมบิดาของท่านพระอาจารย์แป้ว
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? เอ..บางแคและคณะผู้ดูแลเวบบอร์ดวัดบางพระ



108
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?ประธาน
? ? ?หลวงพ่อสำอางค์
? ? ?หลวงพ่อติ่ง? ? ?หลวงพ่อต้อย

? ? ? ? ? ? ? จะมีการทอดขึ้นในวันที่2กันยายน2549เวลาประมาณเที่ยง
จึงขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ร่วมงานโดยพร้อมเพรียง


สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาแต่ไม่สะดวกในการมาร่วมทำบุญที่วัดติดต่อ  096984147..เอบางแค

109
                             


                                  ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลจตุปัจจัยไทยทานแก่พระภิกษุสงฆ์วัดบางพระ.....ในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อเปิ่นในวันที่12สิงหาคมนี้  (มีอาหารกลางวันเลี้ยง)
                                  ร่วมทำบุญได้ที่..กุฎิหลวงพ่อติ่ง-กุฎิหลวงพ่อต้อยและกุฎิหลวงพ่อญา
สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาแต่ไม่สะดวกในการมาร่วมทำบุญที่วัดติดต่อ  096984147..เอบางแค

111
? ? ? ?วันพฤหัสบดีที่29มิถุนายนนี้...ขอเรียนเชิญเข้าร่วมพิธีไหวัครูของท่านพระอาจารย์หนุ่ม(มนตรี)แห่งวัดบางแวก เขตภาษีเจริญ ก.ท.ม.
พิธีจะเริ่มตอนเช้า? ? ? จึงขอเรียนเชิญมา ณ.โอกาสนี้....

สถานที่.วัดบางแวก ซ.จรัญฯ13(พานิชย์การธนบุรี) เข้าไปสุดซอยวัดนกก่อนเข้าโรงเรียนพานิชย์การธนบุรีให้เลี้ยวซ้ายวัดจะอยู่ขวามือ...

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

112




วันอาทิตย์ที่30นี้ครับ? ณ.หน้ากุฎิหลวงพี่ญาเวลาบ่ายโมงเป็นต้นไป

113
[wma=250,210]http://www.geocities.com/narabkkthon_47/soudp.wma[/wma]

114
พญายักษ์ยืนอยู่? ๒ คน มือทั้งสองกุมกระบองยืนอยู่
บนแท่น ยักษ์ด้านเหนือสีขาวชื่อ สหัสเดชะ ด้านใต้สีเขียวชื่อทศกัณฐ์? ปั้นด้วยปูน ประดับกระเบื้อง
เคลือบสีเป็นลวดลายรูปลักษณะและเครื่องแต่งตัว สร้างแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ สมเด็จเจ้าฟ้า
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ตรัศว่าเป็นฝีมือปั้นของหลวงเทพรจนา (กัน) และเป็นเหตุให้เกิด
การปั้นรูปยักษ์ยืนในวัดพระศรีรัตนศาสดารามในเวลาต่อมา? ?
ที่มา....www.watarun.org/satapat.html


115



สัจธรรมที่เป็นหลักใหญ่ในพระพุทธศาสนา คือ อริยสัจ ๔ อริยสัจ แปลว่า "สัจจะของผู้ประเสริฐ (หรือผู้เจริญ)" "สัจจะที่ผู้ประเสริฐพึงรู้" "สัจจะที่ทำให้เป็นผู้ประเสริฐ" หรือแปลรวบรัดว่า "สัจจะอย่างประเสริฐ" พึงทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า มิใช่สัจจะตามชอบใจของโลกหรือของตนเอง แต่เป็นสัจจะทางปัญญาโดยตรง อริยสัจ ๔ คือ

๑. ทุกข์ ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความตาย ซึ่งเป็นธรรมของชีวิตและความโศก ความระทม ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ซึ่งมีแก่จิตใจและร่างกายเป็นครั้งคราว ความประจวบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ ความพลัดพรากจากสิ่งทีทรักที่ชอบ คงวามปรารถนาไม่สมหวัง กล่าวโดยย่อคือ กายและใจนี้เองที่เป็นทุกข์ต่าง ๆ

๒. สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากของจิตใจ คือ ดิ้นรนทะยานอยากเพื่อที่จะได้สิ่งปรารถนาอยากได้ ดิ้นรนทะยานอยากพื่อจะเป็นอะไรต่าง ๆ ดิ้นรนทะยานอยากที่จะไม่เป็นในภาวะที่ไม่ชอบต่าง ๆ

๓. นิโรธ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับตัณหา ความดิ้นรน ทะยานอยากดังกล่าว

๔. มรรค ทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ ทางมีองค์ ๘ คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ อาชีพชอบ เพียรพยายามชอบ สติชอบ ตั้งใจชอบ

          ได้มีบางคนเข้าใจว่า พระพุทธศาสนามองในแง่ร้าย เพราะแสดงให้เห็นแต่ทุกข์และสอนสูงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ เพราะสอนให้ดับความดิ้นรนทะยายอยากเสียหมด ซึ่งจะเป็นไปยาก เห็นว่าจะต้องมีผู้เข้าใจดังนี้ จึงต้องซ้อมความเข้าใจไว้ก่อนที่แจกอริยสัจออกไป พระพุทธศาสนามิได้มองในแง่ร้ายหรือแง่ดีทั้งสองแต่อย่างเดียว แต่มองในแง่ของสัจจะ คือความเจริญ ซึ่งต้องใช้ปัญญาและจิตใจที่บริสุทธิ์ประกอบกันพิจารณา ตามประวัติพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้ามิได้ทรงแสดงอริยสัจแก่ใครง่าย ๆ แต่ได้ทรงอบรมด้วยธรรมข้ออื่นจนผู้นั้นมีจิใจบริสุทธิ์พอที่จะรับเข้าใจได้แล้ว จึงทรงแสดงอริยสุจธรรมข้ออื่นที่ทรงอบรมก่อนอยู่เสมอ สำหรับคฤหัสถ์นั้น คือ ทรงพรรณนาทาน พรรณนาศีล พรรณนาผลของทาน ศีลที่เรียกว่า สวรรค์ (หมายถึงความสุขสมบูรณ์ต่าง ๆ ที่เกิดจาก ทาน ศีล แม้ในชีวิตนี้) พรรณาโทษของกาม (สิ่งที่ผูกใจให้รักใคร่ปรารถนา) และอานิสงส์ คือ ผลดีจากการที่พรากใจออกจากกามได้ เทียบด้วยระดับการศึกษาปัจจุบัน ก็เหมือนอย่างทรงแสดงอริยสัจแก่นักศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย ส่วนนักเรียนที่ต่ำลงมาก็ทรงแสดงธรรมข้ออื่นตามสมควรแก่ระดับ พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงแสดงธรรมที่สูงกว่าระดับของผู้ฟัง ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย แต่ผู้ที่มุ่งศึกษาแสวงหาความรู้ แม้จะยังปฏิบัติไม่ได้ ก็ยังเป็นทางเจริญความรู้ในสัจจะที่ตอบได้ตามเหตุผล และอาจพิจารณาผ่อนลงมาปฏิบัติทั้งที่ยังมีตัณหา คือความอยากดังกล่าวอยู่นั่นแหละ ทางพิจารณานั้นพึงมีได้เช่นที่จะกล่าวเป็นแนวคิดดังนี้

          ๑. ทุก ๆ คนปรารถนาสุข ไม่ต้องการทุกข์ แต่ทำไมคนเราจึงยังต้องเป็นทุกข์ และไม่สามารถจะแก้ทุกข์ของตนเองได้ บางทียิ่งแก้ก็ยิ่งเป็นทุกข์มาก ทั้งนี้ก็เพราะไม่รู้เหตุผลตามเป็นจริงว่า อะไรเป็นเหตุของทุกข์ อะไรเป็นเหตุของสุข ถ้าได้รู้แล้วก็จะแก้ได้ คือ ละเหตุที่ให้เกิดทุกข์ ทำเหตุที่ให้เกิดสุข อุปสรรคที่สำคัญอันหนึ่งก็คือใจของตนเอง เพราะคนเราตามใจตนเองมากไป จึงต้องเกิดเดือดร้อน

          ๒. ที่พูดกันว่าตามใจตนเองนั้น โดยที่แท้ก็คือตามใจตัณหา คือความอยากของใจ ในขั้นโลก ๆ นี้ ยังไม่ต้องดับความอยากให้หมด เพราะยังต้องอาศัยความอยากเพื่อสร้างโลก หรือสร้างตนเองให้เจริญต่อไป แต่ก็ต้องมีการควบคุมความอยากให้อยู่ในขอบเขตที่สมควร และจะต้องรู้จักอิ่ม รู้จักพอในส่งที่ควรอิ่ม ควรพอ ดับตัณหาได้เพียงเท่านี้ ก็พอคราองชีวิตอยู่เป็นสุขในโลก ผู้ก่อไฟเผาตนเองและเผาโลกอยู่ทุกกาลสมัยก็คือ ผู้ที่ไม่ควบคุมตัณหาของใจให้อยู่ในขอบเขต ถ้าคนเรดามีความอยากจะได้วิชาก็ตั้งใจพากเพียรเรียน มีความอยากจะได้ทรัพย์ ยศ ก็ตั้งใจเพียรทำงานให้ดี ตามกำลังตามทางที่สมควร ดังนี้แล้วก็ใช้ได้ แปลว่า ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ในทางโลกและก็อยู่ในทางธรรมด้วย

          ๓. แต่คนเราต้องการมีการพักผ่อน ร่างกายก็ต้องมีการพัก ต้องให้หลับ ซึ่งเป็นการพักทางร่างกาย จิตใจก็ต้องมีเวลาที่ปล่อยให้ว่าง ถ้าจิตใจยังมุ่งคิดอะไรอยู่ไม่ปล่อยความคิดนั้นแล้วก็หลับไม่ลง ผู้ที่ต้องการมีความสุขสนุกสนานจากรูปเสียงทั้งหลาย เช่น ชอบฟังดนตรีที่ไพเราะ หากจะถูกเกณฑ์ให้ต้องฟังอยู่นนานเกินไป เสียงดนตรีที่ไพเราะที่ดังจ่อหูอยู่นานเกินไปนั้น จะก่อให้เกิดความทุกข์อย่างยิ่ง จะต้องการหนีไปให้พ้น ต้องการกลับไปอยู่กับสภาวะที่ปราศจากเสียง คือความสงล จิตใจของคนเราต้องกาความสงบดังนี้อยู่ทุกวัน วันหนึ่งเป็นเวลาไม่น้อย นี้คือความสงบใจ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความสงบ ความดิ้นรนทะยานอยากของใจ ซึ่งเป็นความดับทุกข์นั่นเอง ฉะนั้น ถ้าทำความเข้าใจให้ดีว่า ความดับทุกข์ก็คือความสงบใจ ซึ่งเป็นอาหารใจที่ทุก ๆ คนต้องการอยู่ทุกวัน ก็จะค่อยเข้าใจในข้อนิโรธนี้ขึ้น

          ๔. ควรคิดต่อไปว่า ใจที่ไม่สงบนั้น ก็เพราะเกิดความดิ้นรนขึ้น และก็บัญชาให้ทำ พูด คิด ไปตามใจที่ดิ้นรนนั้น เมื่อปฏิบัติตามใจไปแล้วก็อาจสงบลงได้ แต่การที่ปฏิบัติไปแล้วนั้น บางทีชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวก็ให้เกิดทุกข์โทษอย่างมหันต์ บางทีก็เป็นมลทินโทษที่ทำให้เสียใจไปช้านาน คนเช่นนี้ควรทราบว่า ท่านเรียกว่า "ทาสของตัณหา" ฉะนั้น จะมีวิธีทำอย่างไรที่จะไม่แพ้ตัณหา หรือจะเป็นนายของตัณหาในใจของตนเองได้ วิธีดังกล่าวนี้ก็คือ มรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่

          ๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ คือ เห็นอริยสัจ ๔ หรือเห็นเหตุผลตามเป็นจริง แม้โดยประการที่ผ่อนพิจารณาลงดังกล่าวมาโดยลำดับ

          ๒. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คือ ดำริ หรือคิดออกจากสิ่งที่ผูกพันให้เป็นทุกข์ ดำริในทางไม่พยาบาทมุ่งร้าย ดำริในทางไม่เบียดเบียน

          ๓. สัมมาวาจา วาจาชอบ แสดงในทางเว้น คือ เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการพูดส่อเสียดให้แตกร้าวกัน เว้นจากพูดคำหยาบร้าย เว้นจากพูดเพ้อเจ้อไม่เป็นประโยชน์

          ๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ แสดงในทางเว้น คือ เว้นจากการฆ่า การทรมาน เว้นจากการลัก เว้นจากการประพฤติผิดในทางกาม

          ๕. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ คือเว้นจากมิจฉาอาชีวะ (อาชีพผิด) สำเร็จชีวิตด้วยอาชีพที่ชอบ

          ๖. สัมมาวายามะ เพียรพยายามชอบ คือเพียรระวังบาปที่ยังไม่เกิดมีให้เกิดขึ้น เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วมิให้เสื่อม แต่ให้เจริญยิ่งขึ้น

          ๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ระลึกไปในที่ตั้งของสติที่ดีทั้งหลาย เช่น ในสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม

          ๘. สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ คือ ทำใจให้เป็นสมาธิ (ตั้งมั่นแน่วแน่) ในเรื่องที่ตั้งใจจะทำในทางที่ชอบ

          มรรคมีองค์ ๘ นี้ เป็นทางเดียว แต่มีองค์ประกอบเป็น ๘ และย่อลงได้ในสิกขา (ข้อที่พึงศีกษาปฏิบัติ) คือ

ศีลสิขา สิกขาคือศีล ได้แก่ วาจาชอบ การงานชอบ อาชีพชอบ พูดโดยทั่วไป จะพูดจะทำอะไรก็ให้ถูกชอบ อย่าให้ผิด จะประกอบอาชีพอะไรก็เช่นเดียวกัน ถ้ายังไม่มีอาชีพ เช่น เป็นนักเรียนต้องอาศัยท่านผู้ใหญ่อุปการะ ก็ให้ใช้ทรัพย์ที่ท่านให้มาตามส่วนที่ควรใช้ ไม่ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายเหลวแหลก ศึกษาควบคุมตนเองให้งดเว้นจากความคิดที่จะประพฤติตนที่จะเลี้ยงตนเลี้ยงเพื่อนในทางที่ผิดที่ไม่สมควร

          จิตตสิกขา สิกขาคือจิต ได้แก่ เพียรพยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ พูดโดยทั่วไป เรื่องจิตของตนเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพยายามศึกษาฝึกฝน เพราะอาจฝึกได้โดยไม่ยากด้วย แต่ขอให้เริ่ม เช่น เริ่มฝึกตั้งความเพียร ฝึกให้ระลึกจดจำ และระลึกถึงเรื่องที่เป็นประโยชน์ และให้ตั้งใจแน่วแน่ สิขากข้อนี้ใช้ในการเรียนได้เป็นอย่างดี เพราะการเรียนจะต้องมีความเพียร ความระลึกความตั้งใจ

          ปัญญาสิกขา สิกขาคือปัญญา ได้แก่ เห็นชอบ ดำริชอบ พูดโดยทั่วไป มนุษย์เจริญขึ้นก็ด้วยปัญญาที่พิจารณาและลงความเห็นในทางที่ถูกที่ชอบ ดำริชอบ ก็คือ พิจารณาโดยชอบ เห็นชอบ ก็คือลงความเห็นที่ถูกต้อง นักเรียน ผู้ศึกษาวิชาการต่าง ๆ ก็มุ่งให้ได้ปัญญาสำหรับที่จะพินิจพิจารณาและลงความเห็นโดยความถูกชอบตามหลักแห่งเหตุผลตามเป็นจริง และโดยเฉพาะควรอบรมปัญญาในไตรลักษณ์และปฏิบัติพรหมวิหาร ๔

ไตรลักษณ์

          หมายถึง ลักษณะที่ทั่วไปแก่สังขารทั้งปวง คือ อนิจจะ ทุกขะ อนัตตา

          อนิจจะ ไม่เที่ยง คือ ไม่ดำรงอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์ เพราะเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องดับในที่สุด ทุก ๆ สิ่งจึงมีหรือเป็นอะไรขึ้นมา ก็กลับไม่มี เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วคราวเท่านั้น

          ทุกขะ ทนอยู่คงที่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ เหมือนอย่างถูกบีบคั้นให้ทรุดโทรมเก่าแก่ไปอยู่เรื่อย ๆ ทุก ๆ คนผู้เป็นเจ้าของสิ่งเช่นนี้ ก็ต้องทนทุกข์เดือดร้อน ไม่สบายไปด้วย เช่น ไม่สบายเพราะร่างกายเจ็บป่วย

          อนัตตะ ไม่ใช่อัตตา คือ ไม่ใช่ตัวตน อนัตตานี้เป็นลำดับชั้นสามชั้น ดังนี้

          ๑. ไม่ยึดมั่นกับตนเกินไป เพราะถ้ายึดมั่นกับตนเกินไปก็ทำให้เป็นคนเห็นแก่ตนถ่ายเดียว หรือทำให้หลงตนลืมตนมีอคติ คือลำเอียงเข้ากับตน ทำให้ไม่รู้จักตนตามเป็นจริง เช่น คิดว่าตนเป็นฝ่ายถูก ตนต้องได้สิ่งนั้น สิ่งนี้ ด้วยความยึดมั่นตนเองเกินไป แต่ตามที่เป็นจริง หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

          ๒. บังคับให้สิ่งต่าง ๆ รวมทั้งร่างกายและจิตใจไม่ให้เปลี่ยนแปลงตามความต้องการไม่ได้ เช่น บังคับให้เป็นหนุ่มสาวสวยงามอยู่เสมอไม่ได้ บังคับให้ภาวะของจิตใจชุ่มชื่น ว่องไวอยู่เสมอไม่ได้

          ๓. สำหรับผู้ที่ได้ปฏิบัติไปได้จนถึงชั้นสูงสุด เห็นสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งร่างกายและจิตใจเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนทั้งสิ้นแล้ วตัวตนจะไม่มี ตามพระพุทธภาษษิตที่แปลว่า "ตนย่อมไม่มีแก่ตน" แต่ก็ยังมีผู้รู้ซึ่งไม่ยึดมั่นอะไรในโลก ผู้รู้นี้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็สามารถปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสมควรแก่สถานที่และสิ่งแวดล้อม โดยเที่ยงธรรมล้วน ๆ (ไม่มีกิเลสเจือปน)

พรหมวิหาร ๔

          คือ ธรรมสำหรับเป็นที่อาศัยของจิตใจที่ดี มี ๔ ข้อ ดังนี้

          ๑. เมตตา ความรักที่จะให้เป็นสุข ตรงกันข้ามกับความเกลียดที่จะให้เป็นทุกข์ เมตตาเป็นเครื่องปลูกอัธยาศัยเอื้ออารีทำให้มีความหนักแน่นในอารมณ์ ไม่ร้อนวู่วาม เป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรู ไม่เบียดเบียนใคร แม้สัตว์เพียงไหน ให้เดือดร้อนทรมานด้วยความเกลียด โกรธ หรือสนุกก็ตาม

          ๒. กรุณา ความสงสารจะช่วยให้พ้นทุกข์ ตรงกันข้ามกับความเบียดเบียน เป็นเครื่องปลูกอัธยาศัยเผื่อแผ่เจือจาน ช่วยผู้ที่ประสบทุกข์ยากต่าง ๆ กรุณานี้เป็นพระคุณสำคัญข้อหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นพระคุณสำคัญข้อหนึ่งของพระมหากษัตริย์ และเป็นคุณข้อสำคัญของท่านผู้มีคุณทั้งหลาย มีมารดาบิดา เป็นต้น

          ๓. มุทิตา ความพลอยยินดีในความได้ดีของผู้อื่น ตรงกันข้ามกับความริษยาในความดีของเขา เป็นเครื่องปลูกอัธยาศัยส่งเสริมความดี ความสุข ความเจริญ ของกันและกัน

          ๔. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง ในเวลาที่ควรวางใจดังนั้น เช่นในเวลาที่ผู้อื่นถึงความวิบัติ ก็วางใจเป็นกลาง ไม่ดีใจว่าศัตรูถึงความวิบัติ ไม่เสียใจว่าคนที่รักถึงความวิบัติ ด้วยพิจารณาในทางกรรมว่า ทุก ๆ คนมีกรรมเป็นของตน ต้องเป็นทายาทรับผลของกรรมที่ตนได้ทำไว้เอง ความเพ่งเล็งถึงกรรมเป็นสำคัญดังนี้ จนวางใจลงในกรรมได้ ย่อมเป็นเหตุถอนความเพ่งเล็งบุคคลเป็นสำคัญ นี่แหละเรียกว่า อุเบกขา เป็นเหตุปลูกอัธยาศัยให้เพ่งเล็งถึงความผิดถูกชั่วดีเป็นข้อสำคัญ ทำให้เป็นคนมีใจยุติธรรมในเรื่องทั่ว ๆ ไปด้วย

          ธรรม ๔ ข้อนี้ควรอบรมให้มีในจิตใจด้วยวิธีคิดแผ่ใจประกอบด้วยเมตตา เป็นต้น ออกไปในบุคคลและในสัตว์ทั้งหลาย โดยเจาะจง และโดยไม่เจาะจงคือทั่วไป เมื่อหัดคิดอยู่บ่อย ๆ จิตใจก็จะอยู่กับธรรมเหล่านี้บ่อยเข้าแทนความเกลียด โกรธ เป็นต้น ที่ตรงกันข้าม จนถึงเป็นอัธยาศัยขึ้นก็จะมีความสุขมาก

นิพพานเป็นบรมสุข

          ได้มีภาษิตกล่าวไว้ แปลว่า "นิพพานเป็นบรมสุข คือสุขอย่างยิ่ง" นิพพานคือความละตัณหาในทางโลกและทางธรรมทั้งหมด ปฏิบัติโดยไม่มีตัณหาทั้งหมด คือ การปฏิบัติถึงนิพพาน

          ได้มีผู้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า "ธรรม" (ตลอดถึง) "นิพพาน" ที่ว่า "เป็นสนฺทิฏฺฐิโก อันบุคคลเห็นเอง" นั้นอย่างไร? ได้มีพระพุทธดำรัสตอบโดยความว่า คือ ผู้ที่มีจิตถูกราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำเสียแล้ว ย่อมเกิดเจตนาความคิดเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง ผู้อื่นบ้าง ทั้งสองฝ่ายบ้าง ต้องได้รับทุกข์โทมนัสแม้ทางใจ เมื่อเกิดเจตนาขึ้นดังนั้นก็ทำให้ประพฤติทุจริตทางไตรทวาร คือ กาย วาจา ใจ และคนเช่นนั้นย่อมไม่รู้ประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ทั้งสองตามเป็นจริง แต่เมื่อละความชอบ ความชัง ความหลงเสียได้ ไม่มีเจตนาความคิดที่จะเบียดเบียนตนและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย ไม่ประพฤติทุจริตทางไตรทวาร รู้ประโยชน์ตนประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ทั้งสองตามเป็นจริง ไม่ต้องเป็นทุกข์โทมนัสแม้ด้วยใจ "ธรรม(ตลอดถึง) นิพพาน" ที่ว่า "เห็นเอง" คือ เห็นอย่างนี้ ตามที่ตรัสอธิบายนี้ เห็นธรรมก็คือ เห็นภาวะหรือสภาพแห่งจิตใจของตนเอง ทั้งในทางไม่ดีทั้งในทางดี จิตใจเป็นอย่างไร ก็ให้รู้อย่างนั้นตามเป็นจริง ดังนี้ เรียกว่าเห็นธรรม ถ้ามีคำถามว่า จะได้ประโยชน์อย่างไร ก็ตอบได้ว่า ได้ความดับทางใจ คือ จิตใจที่ร้อนรุ่มด้วยความโลภ โกรธ หลง นั้น เพรามุ่งออกไปข้างนอก หากได้นำใจกลับเข้ามาดูใจเองแล้ว สิ่งที่ร้อนจะสงบเอง และให้สังเกตุจับตัวความสงบนั้นให้ได้ จับไว้ให้อยู่ เห็นความสงบดังนี้ คือเห็นนิพพาน วิธีเห็นธรรม เห็นนิพพาน ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสอธิบายไว้ จึงเป็นวิธีธรรมดาที่คนธรรมดาทั่ว ๆ ไปปฏิบัติได้ ตั้งแต่ขั้นธรรมดาต่ำ ๆ ตลอดถึงขั้นสูงสุด

          อริยสัจ ไตรลักษณ์ และนิพพาน "เป็นสัจธรรม" ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้และได้ทรงแสดงสั่งสอน เรียกว่าเป็น "ธรรมสัจจะ" สัจจะทางธรรมเป็นวิสัยที่พึงรู้ได้ด้วยปัญญาอันเป็นทางพ้นทุกข์ในพระพุทธศาสนา แต่ทางพระพุทธศาสนาก็ได้แสดงธรรมในอีกหลักหนึ่งคู่กันไปคือ ตาม "โลกสัจจะ" สัจจะทางโลก คือ แสดงในทางมีตน มีของตน เพราะโดยสัจจะทางธรรมที่เด็ดขาดย่อมเป็นอนัตตา แต่โดยสัจจะทางโลกย่อมมีอัตตา ดังที่ตรัสว่า "ตนแลเป็นที่พึ่งของตน" ในเรื่องนี้ตรัสไว้ว่า "เพราะประกอบเครื่องรถเข้า เสียงว่ารถย่อมีฉันใด เพราะขันธ์ทั้งหลายมีอยู่ สัตว์ก็ย่อมมีฉันนั้น" ธรรมในส่วนโลกสัจจะ เช่น ธรรมที่เกี่ยวแก่การปฏิบัติในสังคมมนุษย์ เช่น ทิศหก แม้ศีลกับวินัยบัญญัติทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้น แม้จะปฏิบัติอยู่เพื่อความพ้นทุกข์ทางจิตใจตามหลักธรรมสัจจะ ส่วนทางกายและทางสังคม ก็ต้องปฏิบัติอยู่ในธรรมตามโลกสัจจะ ยกตัวอย่างเช่น บัดนี้ตนอยู่ในภาวะอันใด เช่น เป็นบุตรธิดา เป็นนักเรียน เป็นต้น ก็พึงปฏิบัติธรรมตามควรแก่ภาวะของตนและควรพยายามศึกษานำธรรมมาใช้ปฏิบัติ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นประจำวัน พยายามให้มีธรรมในภาคปฏิบัติขึ้นทุก ๆ วัน ในการเรียน ในการทำงาน และในการอื่น ๆ เห็นว่า ผู้ปฏิบัติดังนี้จะเห็นเองว่า ธรรมมีประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชีวิตอย่างแท้จริง

พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

116

มาฆบูชา 13ก.พ.นี้
          มาฆบูชา เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นวันเกิดพระธรรม ถือว่าเป็นวันที่ พระพุทธเจ้า ได้ประกาศ หลักธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อให้พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่มาประชุมกันในวันนั้น นำไปเผยแผ่

           วั น"มาฆบูชา" เป็นวันบูชาพิเศษที่ต้องทำในวันเพ็ญเดือนมาฆะ หรือในวันที่พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
( ซึ่งโดยปกติทำกันในกลางเดือน ๓ แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ เดือนแปดสองแปด ก็เลื่อนไปกลางเดือน ๔ )
ถือกันว่าเป็นวันสำคัญ เพราะวันนี้ เป็นวันคล้ายกับ วันประชุมกันเป็นพิเศษ แห่งพระอรหันตสาวก โดยมิได้มีการนัดหมาย ซึ่งเรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต ซึ่งได้มีขึ้น ณ บริเวณเวฬุวันมหาวิหาร หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นเวลานับได้ ๙ เดือน
           วันนี้เอง ที่พระพุทธองค์แสดง "โอวาทปาฎิโมกข์" ซึ่งถือกันว่า เป็นหลักคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา
 
   
จาตุรงคสันนิบาต คือ การประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔ คือ
๑. วันนั้น เป็นวันมาฆปูรณมี คือวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือนมาฆะ จึงเรียกว่า มาฆบูชา
๒. พระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย (สาเหตุของการชุมนุม)
๓. พระภิกษุทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ ประเภทฉฬภิญญา คือ ได้อภิญญา ๖
๔. พระภิกษุ เหล่านั้น ทั้งหมด ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง (เอหิภิกฺขุอุปสมฺปทา)

 
 
  โอวาทปาฏิโมกข์ เป็นหลักคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึง จุดหมาย หลักการ และวิธีการ ของพระพุทธศาสนาไว้อย่างครบถ้วน

๑. จุดหมายของพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน (นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา)

๒. หลักการของพระพุทธศาสนา คือ ต้องมีความอดทน ในการฝึกตนเอง เพื่อบรรลุจุดหมาย (ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา) ต้องประกอบด้วย
     ก. ไม่ทำความชั่วโดยประการทั้งปวง ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ (สพฺพปาปสฺส อรกณํ)
     ข. ทำความดีทั้งทางกาย วาจา และใจ (กุสลสฺสูปสมฺปทา) การไม่ทำความชั่วนั้น จะเรียกว่า เป็นคนดียังไม่ได้ การเป็นคนดี จะต้องทำความดี ทั้งทางกาย วาจา ใจ มิฉะนั้นแล้ว คนปัญญาอ่อน คนเป็นอัมพาต เป็นต้น ก็จะเป็นคนดีไปหมด
     ค. การชำระจิตใจให้สะอาด ผ่องใส สงบ (สจิตฺตปริโยทปนํ)

๓. วิธีการที่จะบรรลุจุดหมาย คือ ต้องฝึกอบรมตนแบบต่อเนื่อง ให้เกิดมรรคสามัคคี คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ** รวมพลังกัน เหมือนเชือก ๘ เกลียว หรือให้มี ศีล สมาธิ และปัญญา รวมพลังกัน เหมือนเชือก ๓ เกลียว พัฒนากาย วาจา ใจ ให้พูดดี ทำดี คิดดี ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ หรือ ราคะ โมสะ โมหะ ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งกิเลส ตัณหา หรือความใคร่ ความอยากมี อยากเป็น แบบมืดบอด ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ที่มันเป็นไปไม่ได้ เช่น ไม่อยากเป็นคนเสื่อมลาภ, ยศ, สรรเสริญ, สุข เป็นต้น โดยอาศัยวิธีการดังต่อไปนี้.

     ก. ฝึกวาจา ระวังเสมอ มิให้กล่าวคำเท็จ คำหยาบ คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ (อนูปวาโท)
     ข. ฝึกกาย ระวังเสมอมิให้มีการฆ่า ทำลายชีวิต ตลอดจนถึงการเบียดเบียนทางกาย (อนูปฆาโต)
     ค. ละเว้นข้อที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสห้ามไว้ และทำตามข้อที่พระพุทธองค์อนุญาต (ปาฎิโมกฺเข จ สํวโร)
     ง. รู้จักประมาณในการบริโภค อาหาร ตลอดจน รู้จักประมาณในการใช้สอยปัจจัย ๔ (มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺสมึ)
     จ. ฝึกตนอย่างจริงจัง ในที่ที่สงัดจากสิ่งรบกวน (ปนฺตนฺ จ สยนาสนํ)
     ฉ. ภาวนาอยู่เสมอ คือ พัฒนาตนเองให้พ้นจากอำนาจของกิเลสตัณหา การภาวนา หมายถึง การใช้ทั้งสมาธิ และวิปัสสนา แก้ปัญหา หรือจัดการกับกิเลส (อธิจิตฺเต จ อาโยโค) เป็นการตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ มิให้จิตใจเศร้าหมอง ให้จิตใจผ่องใสอยู่เสมอ (สจิตฺตปริโยทปนํ)

          จุดหมาย หลักการ และวิธีการ ที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศไว้จะเป็นไปด้วยดี และบรรลุวัตถุประสงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงมุ่งหมายไว้นั้น พระองค์ได้ย้ำเตือนไว้ว่า จะต้องปฏิบัติตนให้เป็นอย่างบรรพชิต และเป็นอย่างสมณะ คือ เว้นจากความชั่วทุกประการ และเป็นผู้ปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่าง เพื่อระงับบาปอกุศล ได้แก่ ผู้ปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นอริยบุคคล ทั้งไม่เบียดเบียนและไม่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนแก่คนที่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบทั้งหลาย (น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต)


 
  หมายเหตุ
** อริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ 
สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ 
สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
สัมมาวาจา การพูดจาชอบ
สัมมากัมมันตะ การทำงานชอบ
สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ
สัมมาวายามะ ความพากเพียรชอบ
สัมมาสติ ความระลึกชอบ
สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ
   
อภิญญา ๖
อภิญญา คือความรู้อันยอดยิ่งมี ๖ ประการได้แก่
๑.แสดงฤทธิ์ได้ (อิทธิวิธิ)
๒.หูทิพย์ (ทิพยโสต)
๓.รู้จักกำหนดใจผู้อื่น (เจโตปริยญาณ)
๔.ระลึกชาติได้ (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ)
๕.ตาทิพย์ (ทิพยจักษุ)
๖.ทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไป-คือญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวักขยญาณ) 
 
สาเหตุของการชุมนุม
คงเนื่องมาจากภิกษุเหล่านั้นล้วนเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนและในวันเพ็ญเดือนมาฆะ
เป็นวันที่ทางศาสนาพราณ์ได้ประกอบพิธีศิวาราตรี คือ การลอยบาปในแม่น้ำคงคา และประกอบพิธีสักการบูชาพระเป็นเจ้าในเทวสถาน เมื่อถึงวันนั้น พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าซึ่งเคยประกอบพิธีดังกล่าวจึงต่างพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์

 
 ที่มา...http://www.learntripitaka.com/History/MakhaBucha.html....

 

117
อาจจะไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่แต่ก็พอดูออกน่ะครับ   
แก้ไขนิดนึงครับก่อนถึงวัดนรา.. เลี้ยวซ้าย ครับ
กราบขออภัยอย่างสูงพิมพ์ผิดไปหน่อยนึง :010:


118
"พระเวทวิทยาคมต่างๆที่อาจารย์ประวิทย์ประสาทให้ศิษย์ทุกคนไปแล้วก็เปรียบเสมือนอาจารย์ให้พันธุ์ไม้เล็กๆไปต้นหนึ่ง ผู้รับพันธุ์ไม้ไปแล้วต้องหมั่นดูแลรักษาคอนรดน้ำพรวนดินอยู่เสมอ พันธุ์ไม้นั้นจึงเจริญงอกงามแตกกิ่งก้านสาขา? มีดอกออกผลมากยิ่งขึ้น? ถ้าผู้รับพันธุ์ไปแล้วไม่คอยดูแลเอาใจใส่ปล่อยให้เฉาแห้งเหี่ยว พันธุ์ไม้นั้นก็ไม่เจริญงอกงาม? ? วิชาอาคมก็เช่นกันเมื่อศึกษาเล่าเรียนไปแล้ว ถ้าไม่หมั่นภาวนาท่องจำ ทบทวนให้ขึ้นใจก็เหมือนว่าเรามีของดีไว้โดยเปล่าประโยชน์ เสียดายเวลาที่อุตสาห์ตั้งใจไว้แต่แรก ศิษย์ทุกคนควรเตืมความเพียรให้มากกว่านี้"
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?ท่านอาจารย์ ฟ้อน? ? ดีสว่าง
ขออณุญาติคัดลอกมาครับเห็นว่ามีประโยชน์.....

119
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / หลวงปู่
« เมื่อ: 17 ม.ค. 2549, 03:35:04 »
........




120
:016: :016: :016:

121
ถ้าใครมีก็ช่วยpostกันเข้ามาน่ะครับเผื่อคนไม่มีจะได้เก็บสะสมไว้บูชากัน

หน้า: [1]